บทที่ 134 สิ่งที่อยู่ในช่องลับ
ภาพที่สะท้อนในดวงตาของลู่เสี้ยงหยางคือใบหน้างามล่มเมืองที่มีองคาพยพทั้งห้าประณีตวิจิตรงดงามราวกับถูกสรรค์สร้างด้วยสองมือของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งยังผสานเข้ากับสุนทรียภาพของมนุษย์ คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเย่สวน
ภายในชั่วพริบตา ห้วงจิตสำนึกของลู่เสี้ยงหยางก็เปลี่ยนเป็นว่างเปล่า เขาสูญเสียความสามารถในการคิดไปอย่างสมบูรณ์ เหตุการณ์นี้ทำให้เขาตกใจมากเกินจะรับไหว
“ไม่ เป็นไปไม่ได้” ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้า ให้ตายก็ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าปีศาจที่ฆ่าคนจนเป็นเหมือนดั่งเทพสังหาร จะเป็นคนที่มีจิตใจดีงามอย่างเย่สวน
ตึง!
เสียงที่น่าหวาดกลัวดังขึ้นมาจากหน้าอกของลู่เสี้ยงหยาง เย่สวนฟื้นฟูความสามารถกลับมาได้แล้ว นิ้วมือดั่งหยกของเธอตบลงไปบนหน้าอกของลู่เสี้ยงหยาง
การโจมตีนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก ลู่เสี้ยงหยางจึงต้องถอยไปข้างหลังเสียหลายก้าว เสียงต่ำ ๆ ดังขึ้นมาจากบริเวณหน้าอกของเขา รู้สึกได้เลยว่ามีเลือดไหลเวียนอยู่ภายใน
ลู่เสี้ยงหยางสะบัดหน้า เขาจึงสามารถดึงสติกลับมาจากอาการตกใจและความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อได้
เมื่อจ้องมองดวงตาของเย่สวนอย่างละเอียด ก็เห็นเพียงความต้องการฆ่าที่ควบแน่นจนถึงขีดสุดภายในดวงตาคู่นั้น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยความกระหายเลือดที่น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่า
เห็นได้ชัดว่านอกจากรูปร่างหน้าตาที่เหมือนเย่สวนแล้ว คนตรงหน้าเขาก็ไม่มีส่วนไหนที่เหมือนกับเย่สวนอีกเลย
‘นี่จะต้องไม่ใช่เธออย่างแน่นอน คงแค่หน้าตาคล้ายกันเท่านั้น‘ ลู่เสี้ยงหยางลอบคิดในใจ เพียงแต่ถึงแม้ว่าเขาจะคิดแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดี
สัมผัสที่หกของเขาบอกว่าคนคนนี้น่าจะเป็นเย่สวน
สวบ สวบ!
ตอนที่ลู่เสี้ยงหยางกำลังสับสนในใจอยู่นั่นเอง เย่สวนก็พยายามที่จะฆ่าเขาซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่เย่สวนเข้ามาประชิดตัวลู่เสี้ยงหยางได้ ก็ส่งฝ่ามือทั้งสองข้างตรงไปที่หน้าของลู่เสี้ยงหยางอย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาก็สามารถตบลงไปบนใบหน้าเขาได้ตั้งหลายครั้ง
ทุบฝ่ามือแฝงไว้ด้วยแรงอาฆาตที่น่าหวาดผวาและเจตนาในการฆ่าอย่างรุนแรง
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา
ถ้าหากถูกลูกตบพวกนี้ตบเข้าแล้วละก็ เขาจะต้องเจ็บหนักอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นพละกำลังในร่างกายเขาก็ถูกรวบรวมขึ้นอีกครั้ง พยายามต่อต้านการปิดล็อกของไอสังหารพวกนี้ ร่างกายของเขาถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
แต่เย่สวนยังคงไล่ตามมาส่งแรงอัดจากฝ่ามือเพื่อโจมตีลู่เสี้ยงหยางอย่างกระชั้นชิด
ลู่เสี้ยงหยางยกกำปั้นขึ้น แล้วใช้สองหมัดโจมตีเพื่อทำลายแรงอัดพวกนั้น
กำปั้นของเขาราวกับกระแทกลงบนแผ่นเหล็กแข็ง ๆ ไปโดยปริยาย แรงสั่นสะเทือนนี้ทำให้กำปั้นของเขาชาไม่น้อย
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกได้ว่าพละกำลังของเย่สวนในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อกี้นี้มาก
ฟุบ!
ทันใดนั้นก็ปรากฏเงาสีดำขึ้น เย่สวนประชิดถึงตัวลู่เสี้ยงหยางอย่างรวดเร็ว ทั้งยังไม่รู้ว่าเธอถือมีดสั้นเอาไว้ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ และมันก็กำลังจะเชือดลงไปตรงตำแหน่งคอหอยของลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางไม่เพียงแต่จะไม่ถอย เขายังรุดขึ้นไปด้านหน้า ตอนที่เข้าไปใกล้เย่สวนก็ตวัดมือไปอีกทางแล้วกางออก อ้อมผ่านปลายแหลมคมของมีดสั้นจับลงบนข้อมือของเย่สวน ก่อนจะออกแรงเขวี้ยงตัวเย่สวนจนลอยออกไป
จากนั้นลู่เสี้ยงหยางก็ใช้เท้าทั้งสองข้างกระทืบลงไปบนพื้นอย่างแรง ทันทีที่ร่างของเขาลอยขึ้น ก็เตะไปที่ร่างของเย่สวนกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง
ตึง ตึง!
เสียงต่ำ ๆ ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง เย่สวนก็ถูกถีบจนลอยออกไปราวกับว่าวที่สายถูกตัดขาด สุดท้ายก็กระแทกเข้ากับมุมของกำแพงสวนขนาดใหญ่
อั่ก!
ทั่วทั้งร่างของเย่สวนเต็มไปด้วยเลือด ทั้งใบหน้ายังซื่อขาวหาใดเทียบ ท้ายที่สุดก็รู้สึกถึงรสชาติหวานปร่าในลำคอ อดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมา
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้แล้วก็ยังไม่ปรากฏระลอกคลื่นอารมณ์ใด ๆ ในดวงตาของเธอ มันยังคงกลวงเปล่าและกระหายเลือด
ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้วจนเป็นเส้นตรง ไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นเย่สวนจริง ๆ หรือไม่ เขาจะต้องหาคำตอบที่แน่ชัดให้ได้
ในตอนนั้นเองเขาจึงเดินเข้าไปหาเย่สวน แต่ตอนที่เขาเพิ่งจะก้าวไปข้างหน้าได้เพียงแค่ก้าวเดียว ทันใดนั้นเย่สวนก็กระโดดขึ้นมาจากพื้น แล้วพุ่งขึ้นไปบนกำแพงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็วาบอีกครั้ง กระโดดหายไปภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน
เมื่อเห็นแบบนี้แล้วลู่เสี้ยงหยางก็รีบไล่ตามไปทันที ขยับเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้ามาถึงมุมกำแพง จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนขอบกำแพงแล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ ทว่าก็ไม่พบร่องรอยของเย่สวนเลยแม้แต่น้อย
ลู่เสี้ยงหยางค่อย ๆ กำมือแน่น ภายในหัวใจปรากฏความไม่ยินยอมอยู่หลายส่วน
ดูท่าว่าคงไม่สามารถที่จะหาหลักฐานมาพิสูจน์เรื่องราวความเป็นจริงของเย่สวนจากที่นี่ได้
วินาทีถัดมาดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา เตรียมตัวจะต่อสายไปหาเย่สวน อยากจะรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกันแน่
แต่หลังจากที่เพิ่งจะกดเบอร์โทรศัพท์ของเย่สวนเสร็จ โทรศัพท์ก็แจ้งขึ้นมาว่าไม่มีสัญญาณเครือข่าย
โทรศัพท์เครื่องนี้ของลู่เสี้ยงหยางไม่มีทางที่จะโทรออกไปได้
ลู่เสี้ยงหยางตบลงไปบนต้นขา ตอนนี้เพิ่งจะตระหนักได้ว่าตนเองอยู่ในป่าลึก ถูกตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์แบบ
ลู่เสี้ยงหยางลอบถอนหายใจ เขาเก็บโทรศัพท์ ดูท่าแล้วคงมีเพียงแต่จะต้องออกไปจากภูเขาชิงหลงซานเสียก่อน จึงจะสามารถโทรศัพท์เพื่อหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้
ช่างกวนหวั่นหวั่น หลินยง และเจี่ยงตงเก๋อที่อยู่อีกด้านหนึ่งเหมือนจะปัญญาอ่อนไปนานแล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก
คิดไม่ถึงว่าลู่เสี้ยงหยางลงมือแค่สองสามครั้งก็สามารถจัดการเงาร่างสีดำที่เป็นเหมือนกับปีศาจให้หนีไปได้แล้ว
“เหยดแหม่ น่ากลัวเกินไปแล้ว เขาเป็นถึงโคตรของยอดฝีมือ” อยู่ ๆ ไป๋ฉีที่บาดเจ็บสาหัสอยู่บนพื้นก็รู้สึกว่ามีเลือดลมพลุ่งพล่านในสมอง รุนแรงพอที่จะทำให้เขาเวียนหัวจนตาย
ลู่เสี้ยงหยางไม่สนใจอาการตกตะลึงของทุกคน เขากระโดดลงมาจากกำแพงแล้วเดินไปหาช่างกวนหวั่นหวั่น
เขาต้องรีบจัดการเรื่องที่พ่อมอบหมายมาให้โดยเร็วที่สุด จะได้รีบกลับไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนเร็ว ๆ
แต่ตอนที่ลู่เสี้ยงหยางเดินเข้ามา ขาทั้งสองข้างของเจี่ยงตงเก๋อก็รู้สึกอ่อนแรง เขาคุกเข่าลงไปกับพื้นดังตุ๊บ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เขาดูถูกเหยียดหยามลู่เสี้ยงหยางไปไม่น้อย นี่ลู่เสี้ยงหยางก็เลยกำลังจะจัดการเขาใช่ไหม
“เอ่อ…คุณ…คุณลู่ คนใหญ่คนโตอย่างคนคงไม่คิดที่จะเอาเรื่องคนตัวเล็กๆอย่างผมกับเรื่องที่ผมเคยทำหรอกใช่ไหม” เจี่ยงตงเก๋อเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษแล้วร้องขอการอภัยจากลู่เสี้ยงหยางด้วยเสียงสั่น ๆ ก่อน
หลินยงเองก็สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ตลอดเวลาที่เดินทางเขาเองก็มีส่วนตั้งเป้าและกดขี่ข่มเหงลู่เสี้ยงหยางเช่นกัน
ตอนที่ช่างกวนหวั่นหวั่นดึงสติกลับมาได้ สีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและละอายใจอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้เธอก็สูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวลู่เสี้ยงหยางเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของไป๋ฉี
หลังจากนั้นลู่เสี้ยงหยางยังเคยพูดว่า สำหรับเขาแล้วคนอย่างไป๋ฉีก็เป็นแค่แมลงตัวหนึ่ง ตอนนั้นเธอคิดว่าลู่เสี้ยงหยางกำลังพูดจาคุยโวโอ้อวด คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องที่เขาพูดจะเป็นความจริง
พละกำลังของไป๋ฉีไม่ต่างอะไรจากแมลงที่อยู่ในมือของลู่เสี้ยงหยางอย่างแท้จริง
“ขอโทษด้วยนะคะคุณลู่ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยมีอคติกับคุณ ฉันผิดไปแล้วค่ะ” ช่างกวนหวั่นหวั่นก้มศีรษะลงแล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ลู่เสี้ยงหยางทำราวกับไม่ได้ยิน เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างกายช่างกวนหวั่นหวั่น ไม่สนใจหลินยงกับเจี่ยงตงเก๋อเลยสักนิด ก่อนจะพูดกับว่าช่างกวนหวั่นหวั่น “ที่แบบนี้ไม่ควรอยู่นาน หลังจากที่ทำภารกิจของเธอเสร็จแล้วพวกเราก็รีบออกไปกันเถอะ”
“ได้ค่ะ” ช่างกวนหวั่นหวั่นพยักหน้ารัว ๆ จากนั้นก็เดินหน้าเข้าไปในวัดอีกครั้ง ลู่เสี้ยงหยางเองก็ติดตามไปข้างกายเธอ
เขาไม่รู้ว่าช่างกวนหวั่นหวั่นต้องการอะไรจากวัด ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่เดินตามเธอไป
หลังจากที่ล็อกเป้าหมายได้แล้ว เขาก็ค่อยหาโอกาสลงมืออีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานช่างกวนหวั่นหวั่นก็เข้ามาอยู่ในห้องผุ ๆ พัง ๆ ห้องหนึ่งภายในวัด
เธอเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะเอกสารอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปเคาะ ๆ ที่มุมโต๊ะ ทันใดนั้นช่องลับที่อยู่ใต้โต๊ะก็เปิดออก
ลู่เสี้ยงหยางจ้องมองไปที่ช่องลับนั้นอย่างรวดเร็ว