หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 943 หัตถ์ใต้
ท้องฟ้าเหนือทะเลสาบ
มู่เฉินยืนกลางอากาศ ขณะมองไปที่สามเหลี่ยมสีดำด้วยแววตาอัศจรรย์ใจ อุณหภูมิโลหะก็กำลังเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่มู่เฉินได้วัตถุชิ้นนี้มา นี่เป็นครั้งแรกที่สิ่งนี้มีการตอบสนอง
วัตถุนี้ลึกลับมาก เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนเอาไปซ่อนในรอยแตกมิติเหลื่อมซ้อน ถ้าไม่ใช่เข็มทิศค้นวิญญาณมู่เฉินก็คงหาไม่เจอแน่นอน
ตามการคาดเดาของมู่เฉินวัตถุชิ้นนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน แต่จำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษในการใช้งาน นั่นเป็นเพราะมู่เฉินไม่สามารถควบคุมได้ แม้ว่าจะพยายามเทคลื่นหลิงลงไปก็ตาม
แต่โชคดีที่ตอนนี้มันตอบสนองแล้ว…
“เพราะก้อนแสงเหล่านั้นเหรอ?” ดวงตาของมู่เฉินเปล่งประกายขณะจ้องมองไปที่ก้อนแสงทั้งห้าที่ใจกลางทะเลสาบ จอมยุทธ์จำนวนมากกำลังวิ่งดักไปทุกทิศทางอยู่ในขณะนี้ แต่ไม่มีใครประสบความสำเร็จ ราวกับว่าก้อนแสงทั้งห้าก้อนมีสติปัญญารู้วิธีหลบหนีดี
โลหะสามเหลี่ยมสีดำมีปฏิกิริยาตอบสนอง ตั้งแต่มู่เฉินเข้าสู่ศูนย์กลางของทะเลสาบแห่งนี้ ดังนั้นเขามีความมั่นใจถึงเก้าส่วนว่านี่เกิดจากก้อนแสงเหล่านั้น
เพื่อพิสูจน์การคาดเดาของตน มู่เฉินก็เพิ่มความเร็วทะยานเข้าไปหาก้อนแสงเหล่านั้นอย่างรวดเร็วทันที เมื่อเข้าไปใกล้เขาก็ตระหนักว่าวัตถุสามเหลี่ยมร้อนขึ้นมากกว่าเดิม
“ใช่จริงๆ…”
ดวงตามู่เฉินสว่างวาบ นอกจากนี้เขายังไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เมื่อเขาเริ่มเข้าใกล้ก้อนแสงเหล่านั้นก้อนแสงก็ดูเหมือนจะชะลอตัวลงเล็กน้อย ราวกับสัมผัสถึงบางอย่างที่คุ้นเคย
“วัตถุนี้มีประโยชน์เหมือนกันแฮะ!”
มู่เฉินยินดีในใจเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ จากนั้นก็เร่งความเร็วให้ถึงขีดสุด โดยไม่ลังเลเขาพุ่งเข้าหาก้อนแสงที่พร่างพราวที่สุดในหมู่ทั้งห้าก้อน
เขาสังเกตเห็นก้อนแสงนั้นเปล่งประกายเป็นพิเศษ ซึ่งขนาดก็ใหญ่กว่าก้อนอื่นเป็นเท่าตัว มองก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ของธรรมดา ก่อนหน้านี้มีเหล่าจอมยุทธ์หลายคนพยายามดักจับ แต่สุดท้ายก้อนแสงก็ลดเลี้ยวหลบหลีกหนีไปจากมือพวกเขาได้
ก้อนแสงเหล่านั้นราวกับสามารถพุ่งผ่านมิติ การเคลื่อนไหวนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกยังเทียบไม่ได้ แต่ชัดว่าก้อนแสงเหล่านั้นไม่สามารถหลุดออกจากทะเลสาบได้ ไม่อย่างนั้นกระทั่งจอมยุทธ์ระดับซุยนอนก็คงตามไม่ทัน
เป้าหมายของมู่เฉินชัดเจนมาก แต่เมื่อคนอื่นเห็นเขาเข้าหาก้อนแสง พวกเขาก็อดยิ้มเยาะไม่ได้
นั่นเป็นเพราะก่อนหน้าพวกเขาได้เห็นความเร็วของก้อนแสงนี้แล้ว จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเกือบสิบคนร่วมมือกันล้อมดักจับ แต่กลับบินว่อนเป็นแมลงวันหัวขาดเลยทีเดียว
แม้ว่าทุกคนจะกลัวความแข็งแกร่งของมู่เฉินที่ได้แสดงเป็นที่ประจักษ์ในการต่อสู้กับโยวหมิงและฟังยี่ แต่ความแข็งแกร่งก็ไร้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดในขณะนี้
ดังนั้นคนที่แต่เดิมอยู่ด้านหน้ามู่เฉินก็เปิดทางให้ ปล่อยให้มู่เฉินไล่ตามก้อนแสงไปจนหนำใจ ชัดว่าพวกเขาตั้งใจจะดูชายหนุ่มคนนี้ทรมานบ้าง
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ใส่ใจกับความคิดของผู้อื่น เมื่อไม่มีคนกีดขวาง ร่างเขาก็วูบไหวและอยู่ห่างจากก้อนแสงไม่เกินหนึ่งร้อยจั้ง
เมื่อทุกคนเห็นว่ามู่เฉินเข้าไปภายในรัศมีร้อยจั้งได้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่กังวล ซ้ำยังชะลอความเร็วด้วยความสนใจและยิ้มพรายพร้อมกับหรี่ตามองภาพตรงหน้า
มู่เฉินเห็นคนเหล่านั้นที่หยุดดูราวกับเขาเป็นคนโง่ ทันใดนั้นมุมปากของเขาก็ยกเป็นมุมโค้งที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เนื่องจากเขาค้นพบว่าโลหะสามเหลี่ยมสีดำในมือมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนคล้ายกับลาวาแล้ว…
มู่เฉินยกมือขึ้นพร้อมกับวัตถุสีดำหันหน้าไปทางก้อนแสงที่กำลังจะหลบหนี
ทันใดนั้นมู่เฉินก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าวัตถุในมือของเขาสั่นรุนแรง ราวกับเสียงหึ่งที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้กระเพื่อมออกไปในชั้นบรรยากาศ
ขณะที่บรรยากาศครื้นเครง ก้อนแสงที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้งที่กำลังจะหลบหนีก็หยุดชะงักลงทันที
ฟิ้ว!
ขณะนั้นเองแสงก็พวยพุ่งในดวงตาของมู่เฉิน ประกายแสงเบ่งบานที่แผ่นหลัง ปีกหงส์ฟ้ากางออก ความเร็วของเขาไปถึงขีดสุดทันที
วาบ!
เพียงวูบเดียวเขาก็พุ่งออกมาร้อยจั้งแล้ว เมื่อมู่เฉินปรากฏตัวเหนือก้อนแสง มือก็ราวกับสายฟ้าฟาดคว้าก้อนแสงเข้ามาไว้ในมือ ก่อนที่จะมีใครมีปฏิกิริยาตอบสนอง
ทันทีที่มู่เฉินจับก้อนแสงได้ทั้งทะเลสาบก็เงียบกริบ แต่ละคนที่ตั้งใจจะดูมู่เฉินเป็นตัวตลกก็ตัวแข็งทื่อ กรามที่ค้างกว้างดูตลกมาก
“ขะ…เข…เขา…เขาคว้าแสงก้อนนั้นมาได้เรอะ?!” พักใหญ่ในที่สุดก็เกิดเสียงอุทานดังขึ้น น้ำเสียงตะกุกตะกักสะท้อนรุนแรงในหัวใจ
พวกเขาไม่คิดเลยว่าก้อนแสงที่พวกเขาพยายามจับจะเข้าไปอยู่ในมือของมู่เฉินอย่างง่ายดาย…
“เป็นไปได้อย่างไร…”
ทุกคนอึ้งไปขณะที่รู้สึกเจ็บปวดในใจ แสงก้อนนั้นเป็นก้อนแสงที่ส่องสว่างที่สุด ดังนั้นสิ่งที่อยู่ในนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อาจจะเป็นของเหลวหลิงเสินที่พวกเขาตามหา แต่ตอนนี้กลับถูกมู่เฉินคว้าไปครอบครองได้อย่างง่ายดาย
ผลกระทบของฉากนี้ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่มู่เฉินเอาชนะโยวหมิงและฟังยี่เสียอีก
“เอ่อ…”
ภายใต้สายตาตกตะลึงที่จ้องมานับไม่ถ้วน มู่เฉินก็อึ้งไปเช่นกัน ผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายของเขาไปไกล เขาเพียงต้องการลอง แต่ไม่คิดว่าก้อนแสงจะหยุดเคลื่อนไหว ปล่อยให้เขาจับมาได้จริงๆ
เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะโลหะลึกลับสีดำชิ้นนี้
หลังจากอึ้งไปชั่วครู่ ความสุขก็สะท้อนอย่างรวดเร็วในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นเขาถอยเร็วจี๋ ในเวลาเดียวกันจอมยุทธ์จากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ทะยานออกมาโดยตั้งใจที่จะเข้าปกป้อง ในเวลานี้เขาตกเป็นเป้าหมายของทุกกองทัพแล้ว
มู่เฉินตอบสนองอย่างรวดเร็ว บวกกับการขู่ขวัญที่เขาแสดงออกไปตอนที่เอาชนะโยวหมิงและฟังยี่ ทำให้แม้จอมยุทธ์เหล่านั้นต้องการจะเคลื่อนไหว แต่ช่วงเวลาลังเลสั้นๆ ก็ทำให้มู่เฉินสามารถหลบหนีจากตรงส่วนที่วุ่นวายนี้ได้
แต่เมื่อมู่เฉินรู้สึกโล่งใจ เสียงคำรามก็ดังกึกก้องที่ขอบฟ้า “ไอ้เด็กเหลือส่งของมา!”
ตู้ม!
เมื่อเสียงแผดออกมาเพลงดัชนีที่หาตัวจับยากก็ซัดลงมา แยกมิติออกจากกัน พุ่งไปที่หัวของมู่เฉิน
การจู่โจมฉับพลันทำให้มู่เฉินตกใจ แต่โชคดีที่เขาระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ปีกหงส์ฟ้าที่ด้านหลังกระพือขึ้นลงช่วยเขาหลบกระบวนท่านั้นไปได้
ฟิ้ว!
การโจมตีคมชัดพุ่งไปทางด้านหลังของมู่เฉิน เขารู้สึกเจ็บปวดรุนแรง แต่ก็ไม่มีเวลามาใส่ใจกับอาการดังกล่าว ใบหน้ามืดมนเงยขึ้น ที่ด้านบนชายสูงวัยสวมชุดสีแดงเคลื่อนลงมาอย่างช้าๆ สายตาที่คมชัดราวกับงูพิษจับจ้องอยู่ที่มู่เฉิน คลื่นหลิงทรงพลังพันรอบตัว
“หัตถ์ใต้… ”
เมื่อมู่เฉินเห็นอีกฝ่าย หัวใจก็ดิ่งลง นั่นเป็นเพราะจอมยุทธ์ผู้นี้เป็นหนึ่งในสี่หัตถ์ของหมู่ตึกเทวะ ซึ่งชายคนนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวในการขัดขวางจอมพลทั้งสาม กลับยืนนิ่งอยู่ในมุมมืดเพื่อรอโอกาส
และตอนนี้เขาเล็งเป้ามาที่มู่เฉินอย่างชัดเจน
ที่ด้านหลังเมื่อจิ่วโยวและคนอื่นๆ เห็นว่ามู่เฉินตกเป็นเป้าของหัตถ์ใต้ ใบหน้าแต่ละคนก็เปลี่ยนไปรุนแรงและเร่งความเร็วขึ้นไปอีก แต่มิติเบื้องหน้าพวกเขากลับบิดเบี้ยว ร่างคนหลายคนปรากฏขึ้นซึ่งนี่ก็คือจอมยุทธ์จากหมู่ตึกเทวะ
“ฮี่ๆ ข้าว่าพวกแกรออยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะ!” หัวหน้ากลุ่มนี้ก็คือเทียนหลงจู่ เขาหัวเราะพลางโบกมือลง จอมยุทธ์ที่ด้านหลังก็พุ่งออกมาราวกับพยัคฆ์ร้าย เข้าขัดขวางสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่ให้เข้าไปช่วยเหลือมู่เฉิน
มู่เฉินสังเกตเห็นสถานการณ์วุ่นวายที่ด้านหลัง เมื่อตระหนักได้ว่าพรรคพวกถูกขัดขวาง หัวใจเขาก็จมลง…
“ไอ้เด็กเหลือขอ ส่งของนั่นมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า มิฉะนั้นวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเจ้า!” หัตถ์ใต้กล่าวอย่างช้าๆ ขณะที่จ้องมองมู่เฉิน
เขารู้ว่านี่จะดึงดูดความเย้ยหยันเข้าหาตัวเองแน่นอน หากเขาปะทะกับมู่เฉิน แต่เขาก็ไม่ใส่ใจอะไรตอนนี้แล้ว หากของเหลวหลิงเสินตกอยู่ในมือของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ละก็ ท่านประมุขของพวกเขาคลั่งแน่นอน
“หมู่ตึกเทวะไร้ยางอายจริงๆ ให้หนึ่งในหัตถ์ผู้ยิ่งใหญ่มาจัดการกับเด็กอย่างข้าเนี่ยนะ?” ใบหน้าของมู่เฉินมืดครึ้มขณะที่เอ่ยเย้ยหยัน
“อย่าคิดถ่วงเวลา ในเมื่อเจ้าไม่อยากส่งมาดีๆ งั้นข้าก็ไปเอาเองละกัน!”
ทว่าหัตถ์ใต้ไม่ได้รับผลกระทบจากคำเยาะเย้ยของมู่เฉิน เขายิ้มน่าขนลุกก่อนจะโบกมือ จากนั้นก็กระโจนเข้าหามู่เฉินพร้อมกับเสื้อคลุมพลิ้วไหวในสายลม คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดด้วยแรงกดดันที่ทำให้มู่เฉินรู้สึกหายใจลำบาก
แม้ว่าเกาะหินจะระงับคลื่นพลังไว้ได้ แต่หัตถ์ใต้ก็สามารถบดขยี้จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกได้อย่างง่ายดายด้วยความแข็งแกร่งที่มี
มู่เฉินมองไปที่หัตถ์ใต้ซึ่งดูราวกับเหยี่ยว แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นหลายส่วน ในเมื่อไอ้แก่ตัวนี้ บีบบังคับผู้อื่นจริง ดูท่าเขาต้องเผยไพ่ตายออกมาบ้างแล้ว
เมื่อคิดถึงจุดนี้ กระดานหินเก่าแก่ก็ปรากฏขึ้นในมือของมู่เฉินในพริบตา