หั่วเม่ยเอ๋อ
ตู้ม!
ในส่วนลึกของทะเลลาวา ลาวาแหวกออกจากกันอย่างรุนแรงด้วยความรวดเร็วขณะเสียงกึกก้องดังออกมา ภายในนั้นร่างคนคนหนึ่งที่ปกคลุมด้วยเพลิงสีม่วงเข้มก็พุ่งผ่านอย่างรวดเร็ว
ไม่ไกลจากร่างที่กำลังหนีตาย ลาวาก็แหวกออกยามสัตว์ครึ่งแมงป่องครึ่งอสรพิษไล่ตามมาด้วยความเร็วน่าตกใจ
แม้สัตว์ตัวนี้จะมีขนาดใหญ่ แต่ความเร็วราวกับวิญญาณสร้างความรู้สึกหนาวเยือกในใจของผู้คนนัก
ฝ่ายหนึ่งวิ่งหนีฝ่ายหนึ่งไล่ตาม นี่ก็คือมู่เฉินและแมงป่องอสรพิษลึกลับนั่นเอง
ตอนนี้มู่เฉินมีสีหน้าน่าเกลียดมาก เนื่องจากเขาไม่คิดว่าตนเองจะดวงจู๋ขนาดนี้ เขาเพิ่งจะลงไปในส่วนลึกของบ่อเพลิงข่ายฟ้า ดันเหยียบเข้าไปในเขตแดนของแมงป่องอสรพิษได้
ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการล่าอสรพิษเพลิงวิญญาณเลย แค่ไม่ถูกฆ่าด้วยแมงป่องอสรพิษตัวนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“หนีก่อน!”
มู่เฉินขบฟันเร่งความเร็วขึ้นอีก เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่แผ่มาจากด้านหลัง ทำให้เขารู้ซึ้งว่าแมงป่องอสรพิษลึกลับนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสู้ได้ด้วยพลังที่มีในตอนนี้
กีด!
เมื่อเห็นมู่เฉินเร่งความเร็วหลบหนี แมงป่องอสรพิษก็ไม่ได้เร่งรีบ กลับส่งเสียงร้องที่เหมือนผ่อนคลายออกมา ดูจากท่าทางมันเห็นมู่เฉินเป็นอาหารพร้อมกินวางบนจานแน่แล้ว
หนึ่งมนุษย์กับหนึ่งแมงป่องอสรพิษพุ่งผ่านส่วนลึกของบ่อเพลิงข่ายฟ้าอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางก็ปะหน้ากับอสรพิษเพลิงวิญญาณไม่น้อย แต่เมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากแมงป่องอสรพิษเบื้องหลังมู่เฉิน แต่ละตัวก็หนีกันกระเจิดกระเจิง ภาพนี้ที่ยิ่งทำให้หัวใจของมู่เฉินหนาวเยือกขึ้นอีก เนื่องจากนี่แสดงให้เห็นว่าแมงป่องอสรพิษตัวนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
ทำไมเขาถึงได้มาแหย่เจ้าถิ่นเข้าให้แล้ว…
มู่เฉินอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ทว่าก่อนที่เขาจะคร่ำครวญถึงความโชคร้ายของตัวเองก็มีเสียงลมคมกริบวูบหนึ่งดังจากด้านหลังทำเอาเขาขนลุกชัน
เขาเหลือบมองทางหางตาก็เห็นแสงสีแดงพุ่งตรงมาทางทิศของตัวเอง หางแหลมคมของแมงป่องที่ทำให้คนได้เห็นขนพองสยองเกล้าส่องประกายวาบวับเย็นเยือก
มู่เฉินกำมือเสาปีศาจพุ่งออกมา จากนั้นมือเขาก็พลิกมือกลับฟาดใส่หางแมงป่องเต็มแรง
เคร้ง!
เสียงโลหะระเบิดออกพร้อมกับพลังงานน่าสะพรึงกลัวกวาดออก ทำให้เลือดไหลออกจากง่ามมือของมู่เฉินทันที ริ้วเลือดสายหนึ่งก็ไหลออกจากมุมปาก มิหนำซ้ำร่างของเขายังกระเด็นออกไปด้วยพลังรุนแรงเกินต้าน
“ไอ้ตัวนี้เทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเป็นอย่างน้อยเลยนะ!” มู่เฉินรู้สึกตกตะลึงในหัวใจ การโจมตีธรรมดายังทำให้เขาบาดเจ็บได้ขนาดนี้ แม้แต่กับหมู่ผู้บัญชาการของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็นับได้ว่าแมงป่องอสรพิษลึกลับตัวนี้มีพลังที่น่าสะพรึง
การปะทะกันนี้ ทำให้มู่เฉินรู้ชัดว่าแมงป่องอสรพิษตัวนี้ทรงพลังเพียงใด เขาไม่กล้าปะทะกับมันอีก ด้วยการยืมแรงผลักนั้นก็พุ่งตัวออกไปอีกครั้ง
ส่วนแมงป่องอสรพิษก็ยังตามมาติดๆ แบบไม่เร็วไม่ช้า ไม่ว่ามู่เฉินจะเร่งความเร็วเพียงใดก็ไม่สามารถหลุดลอดจากรัศมีไปได้
เมื่อเวลาผ่านไปสีหน้าของมู่เฉินก็น่าเกลียดมากขึ้น เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าแมงป่องอสรพิษมองเขาเป็นเหยื่อที่มารังควาน มันต้องการทำให้เขาหมดแรงก่อนที่จะจับตัวเขาไว้
สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนแปลงวูบไหวขณะแสงเกรี้ยวกรารวมตัวกัน แม้ว่าแมงป่องอสรพิษจะมีพลังน่าสะพรึง แต่มันก็ไม่มีสติปัญญา ดังนั้นหากมู่เฉินสู้เต็มที่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสรอดเลย
ทว่าเขาจะต้องแลกกับราคาไม่น้อยเช่นกัน แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ไม่อาจมาสนเรื่องหยุมหยิมหรอก
มู่เฉินกัดฟันตัดสินใจลองเสี่ยงสักตั้ง ทว่าขณะที่เขากำลังจะระเบิดคลื่นหลิงออกมานั้น ลาวาเบื้องหน้าเขาก็ฉีกออกพร้อมกับร่างแสงทะยานมาทางเขาอย่างรวดเร็ว
ร่างที่เคลื่อนเข้ามาทำให้มู่เฉินอึ้งไปและยิ่งเมื่อเพ่งมองไปก็อึ้งอย่างสมบูรณ์
เพราะร่างแสงนั้นเป็นสตรีสวมชุดบางเบาเผยให้เห็นผิวขาว นางมีผมสีแดงร้อนแรงรูปร่างเย้ายวน แม้สถานการณ์ตอนนี้จะไม่ปกติ แต่เลือดในกายก็ยังคงสูบฉีดเพียงมองเห็นนางเท่านั้น
มิหนำซ้ำนางยังมีดวงหน้าที่น่าหลงใหล มีไฝเม็ดหนึ่งตรงมุมปากทำให้หญิงสาวผู้นี้มีเสน่ห์ชวนหลงใหลมากขึ้นอีกหลายส่วน
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของโฉมงามในส่วนลึกของบ่อเพลิงข่ายฟ้า ทำให้มู่เฉินอึ้งไป แม้แต่ความเร็วก็ลดลงไปเช่นกัน
เมื่อความสนใจของมู่เฉินอยู่ที่สาวงามผมแดง อีกฝ่ายก็เห็นเขาเช่นกัน แววตะลึงใจปรากฏบนใบหน้างดงาม ทว่าขณะเดียวกันนางก็เห็นแมงป่องอสรพิษที่ไล่ตามข้างหลังมู่เฉิน
“เร็ว หนี!”
มู่เฉินตะโกนบอกนางทันที
ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนเขาก็ชะงัก ดวงตาแข็งค้างมองไปที่เบื้องหลังของสาวงามผมแดง เพราะบริเวณนั้นมีอสรพิษยักษ์สามหัวกำลังแผ่รังสีดุร้ายเชี่ยวกรากไล่ตามหลังมา
มันคืออสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัว!
นอกจากนี้คลื่นหลิงที่แผ่ออกมาจากอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวก็ไม่ด้อยไปกว่าแมงป่องอสรพิษเบื้องหลังมู่เฉินเลยสักนิด
เมื่อเห็นดังนี้ มู่เฉินก็เข้าใจในทันทีว่าสาวงามผมแดงก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับเขาที่ถูกไล่ล่ามา
“ซวยแล้ว”
มู่เฉินอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา เขาซวยซับซวยซ้อนพร้อมกันในวันนี้เลยจริงๆ หากมีแค่แมงป่องอสรพิษตัวเดียว เขายังพอเสี่ยงชีวิตหลบหนีได้ แต่ตอนนี้มีอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวที่มีพลังไม่ด้อยกว่ากันเพิ่มเข้ามาอีก ทำให้เขาอับจนปัญญาอย่างแท้จริง
สาวงามผมแดงไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายเหมือนมู่เฉิน สายตาเปี่ยมเสน่ห์ของนางเหลือบมองแมงป่องอสรพิษที่เบื้องหลังมู่เฉิน นางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งตัวมาปรากฏตรงหน้ามู่เฉิน
กลิ่นหอมลอยอ้อยอิ่ง ก่อนที่มู่เฉินจะรู้สึกมึนเมา สาวงามก็ยื่นมือออกมากระชากเอวมู่เฉินไว้ ลากกันหายไปในพริบตา
ทั้งสองคนโผล่ออกมาในพื้นที่ไกลหลายร้อยจั้ง สาวงามผมแดงสะบัดมือรวมลาวาเข้าด้วยกันกลายเป็นรูปทรงกลมลาวาห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้ เหลือไว้เพียงช่องมองเล็กๆ ให้พวกเขาได้สังเกตสถานการณ์ภายนอก
ภายในสภาพแวดล้อมสีแดงคับแคบ มู่เฉินไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย เนื่องจากหญิงสาวในอ้อมแขนดูราวกับอสรพิษขดอยู่ภายในอ้อม ความนุ่มเนียนและอ่อนโยนทำให้ร่างกายของเขาแข็งเกร็งไปหมด
เพราะจากคลื่นหลิงที่แผ่ออกมาเมื่อสักครู่ เขารู้ว่าหญิงสาวผมแดงคนนี้มีพลังไม่ธรรมดา
แต่ตอนนี้ชัดว่าหญิงสาวผมแดงไม่ได้สนใจอะไรมู่เฉิน ดวงตาของนางเหลือบมองขึ้นไปด้านบน เมื่อทั้งคู่หายตัวไป แมงป่องอสรพิษกับอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวก็คลาดเป้า พวกมันหยุดจ้องมองกันและกันด้วยสายตาดุร้าย
“เกิดอะไรขึ้น?”
มู่เฉินมองภาพนี้อยู่ก็อดถามไม่ได้
“ตัวที่ไล่ตามเจ้ามาคือแมงป่องมังกรเพลิงเป็นราชาบ่อเพลิงข่ายฟ้าแห่งนี้ มันกินอสรพิษเพลิงวิญญาณโดยเฉพาะ และอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวนั่นก็เป็นราชาอสรพิษเพลิงวิญญาณ ดังนั้นพวกมันจึงเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ ทันทีที่เผชิญหน้ากัน ก็จะไม่หยุดสู้จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง”
หญิงสาวผมแดงพูดต่อโดยไม่หันหน้ามา “ดูเหมือนเราจะโชคดีที่ล่อพวกมันมาเจอกัน รอจนกว่าพวกมันได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนก็ค่อยเก็บเกี่ยว ฮ่าๆ ข้าเล็งแก่นเพลิงวิญญาณของพวกมันมานานแล้ว ตอนนี้โอกาสลอยใส่มือแล้ว”
มู่เฉินมีเหงื่อไหลชุ่มโชกจากคำพูดของนาง พี่สาวคนนี้ใจถึงนักที่มีความคิดปล่อยให้พวกมันสู้กันจนตาย ขณะที่พวกเขารอรับประโยชน์จากมัน
“เราจะไม่ถูกจับได้ใช่ไหม?” มู่เฉินถามอย่างเป็นกังวล หากปีศาจสองตัวนี่หมายตาพวกเขาละก็ งานนี้แย่แน่
“ตอนนี้พวกมันกำลังประจันหน้ากับศัตรูคู่แค้น ไม่มาสนใจเราหรอก” หญิงสาวผมแดงเอ่ย
พอได้ยินคำพูดของนาง มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจ จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าหญิงสาวในอ้อมแขนเหมือนจะเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้น เขาหดตัวพลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้าควรออกไปก่อนไหม?”
“ถ้าออกไป พวกมันก็จะเห็น ถึงตอนนั้นอาจเกิดปัญหาอีก” หญิงสาวผมแดงขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้ามามองมู่เฉินพลางเลิกคิ้วขึ้น “เจ้ามาจากหน่วยรบกงเวทสวรรค์หรือ? ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนล่ะ?”
“ประมุขปล่อยข้ามาที่นี่เพื่อฝึกวรยุทธน่ะ” มู่เฉินตอบตรงๆ ดูแล้วหญิงสาวผมแดงคนนี้น่าจะเป็นสมาชิกหน่วยรบกงเวทสวรรค์
“เจ้าคือ?” มู่เฉินถามอย่างระมัดระวัง
“ข้าคือหั่วเม่ยเอ๋อ” นางหยุดพูดก่อนจะเผยรอยยิ้มยั่วยวนให้มู่เฉิน “นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของหน่วยรบกงเวทสวรรค์ด้วย”
พอได้ยินประโยคหลังของนาง มู่เฉินก็อ้าปากตาค้างไป ไม่คิดเลยว่าแม่ทัพใหญ่หน่วยรบกงเวทสวรรค์จะเป็นสตรีที่งดงามเช่นนี้
“น้องชายซื่อตรงดีนี่ ข้าจะปล่อยให้เจ้าเอาเปรียบไปก่อน แต่ถ้าเรื่องนี้มีคนที่สามรู้ ก็อย่าโทษว่าพี่สาวคนนี้ฆ่าเพื่อปิดปากล่ะ” หั่วเม่ยเอ๋อหัวเราะพลางยื่นมือออกมาแตะหน้ามู่เฉินเบาๆ ทว่าประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยออกมา กลับสร้างความหวาดกกลัวให้กับมู่เฉินจนเหงื่อเย็นไหลท่วมกาย
หั่วเม่ยเอ๋อดูน่าหลงใหลและเข้าถึงง่าย แต่ระดับอันตรายที่นางมีแรงกล้ายิ่งกว่าปิงซินเสียอีก
พูดจบหั่วเม่ยเอ๋อก็ไม่สนใจมู่เฉินอีกต่อไป สายตามองยักษ์ใหญ่สองที่ด้านนอก ส่วนร่างนางก็ขยับเข้ามาใกล้มู่เฉินมากขึ้น
มู่เฉินฉีกมุมปากอย่างเจ็บปวด สุดท้ายเมื่อแขนตึงเกร็งจนทนไม่ไหว เขาก็ไม่สนใจอะไรอีก แขนตกลงมาบนเอวบางของหั่วเม่ยเอ๋อ ความรู้สึกนุ่มนวลทำให้รู้สึกไม่อยากละมือไป
ทว่ามู่เฉินไม่กล้าขยับมือ วางมันไว้บนเอวของนาง เขาผ่อนคลายลงขณะมองออกไปข้างนอก
หั่วเม่ยเอ๋อตัวแข็งค้างอย่างไม่ทันสังเกต เมื่อมู่เฉินวางมือบนเอวนาง หางตาของนางเหลือบมองมู่เฉิน แต่ดวงตาสีดำของชายหนุ่มที่ดูใสกระจ่าง ทำให้นางคลายใจลงขณะที่ร่างแนบชิดไปกับร่างมู่เฉินยิ่งขึ้น
ในสภาพแวดล้อมคับแคบ อันตรายสลายไปเงียบๆ พร้อมกับความอภิรมย์ก่อตัวขึ้น