ฝึกฝน
สงครามสำนักจบลง
อาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นผู้ชนะแดนร้อยสงครามแบบสองต่อหนึ่ง เมื่อการประลองสิ้นสุดลง ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ไปยังหูขั้วอำนาจจำนวนมากที่จับตามองอยู่
พูดลึกลงไปแล้ว ผลลัพธ์ของสงครามนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เนื่องจากทุกคนรู้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์ทรงพลังอำนาจยิ่งกว่าแดนร้อยสงคราม ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะตำหนักสุดนภาคอยหนุนหลังแดนร้อยสงครามลับๆ อยู่ละก็ พวกเขาคงไม่มีแม้กระทั่งความกล้าแหย่อาณาเขตกงเวทสวรรค์สักนิดหรอก
แม้ผลลัพธ์จะไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่ขั้วอำนาจน้อยใหญ่ก็เกิดอาการคาดไม่ถึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะจากข้อมูลที่พวกเขาได้รับมา อาณาเขตกงเวทสวรรค์ถูกแดนร้อยสงครามใช้กลอุบายในการประลอง ไม่มีใครคิดว่าผู้บัญชาการซือหลิงแห่งสำนักศพปีศาจจะใจเด็ดและโหดเหี้ยมขนาดระเบิดศพปีศาจเพื่อจัดการผู้บัญชาการซิวหลัวจนได้รับบาดเจ็บหนัก คว้าชัยชนะให้แดนร้อยสงครามได้ยกหนึ่ง
จากนั้นอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ตกอยู่ในฝ่ายเสียเปรียบ เนื่องจากพลังยุทธ์ของแม่ทัพฉิงเปยแดนร้อยสงครามผู้ลงประลองคนสุดท้ายอยู่เหนือกว่าแม่ทัพคนใหม่ไร้ชื่อของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไปไกลหลายขุม
แต่ขณะที่ทุกคนคิดในใจว่ามู่เฉินจะต้องพ่ายแพ้ในการประลองยกที่สามอย่างแน่นอน สถานการณ์ก็กลับตาลปัตร เขากลายเป็นฝ่ายชนะ ทำเอาทุกคนถึงกับตะลึงลานไป
ไม่มีใครคาดคิดว่าแม่ทัพที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสองจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะการประลองไป ซัดฉิงเปยที่มีขุมพลังอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นสี่ไปได้!
เพราะการประลองที่คาดไม่ถึงนี้เองที่พลิกสถานการณ์ให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์กลับมาชนะไปในที่สุด ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นน่าชื่นชมยิ่งนัก เนื่องจากไม่มีใครจินตนาการได้ว่าการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะอยู่บนบ่าของแม่ทัพตัวเล็กคนหนึ่ง
นอกจากนี้ในตอนท้ายยังเกิดการปะทะกันระหว่างมู่เฉินกับหลิ่วเหยียนประมุขน้อยแห่งตำหนักสุดนภาอีกด้วย ซึ่งทำให้เกิดความโกลาหลไปอีกหลายส่วนเลยทีเดียว
เห็นชัดว่าความโกลาหลนั้นเป็นเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่ามู่เฉินเป็นพวกคนอวดดีและพยายามใช้หลิ่วเหยียนเป็นบันได ชื่อเสียงของหลิ่วเหยียนขจรขจายไปทั่วหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ ซึ่งในตอนนี้มู่เฉินยังขาดคุณสมบัติ แม่ว่าเขาจะเอาชนะฉิงเปยสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้บ้าง
ทว่าความแตกต่างระหว่างทั้งสองก็ยังมีมากเกินไป
แต่ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร อย่างน้อยชื่อที่ไม่คุ้นเคยในภูมิภาคทางเหนือมาก่อนก็แผ่ขยายออกไป ขั้วอำนาจน้อยใหญ่ต่างรับรู้ว่ามีแม่ทัพคนใหม่ที่มีศักยภาพดีเยี่ยมชื่อมู่เฉินมาอยู่ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์…
แม้พวกเขาไม่รู้ว่าชื่อนี้จะดับลงท่ามกลางอัจฉริยชนภูมิภาคทางเหนือหรือไม่ แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เริ่มเบ่งบานแล้ว
ส่วนดาวดวงใหม่นี้จะเฉิดฉายในภูมิภาคทางเหนือได้หรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถเปลี่ยนพรสวรรค์ให้กลายเป็นพลังได้จริงหรือไม่แล้ว
เห็นได้ชัดว่าผู้คนทั้งหลายคงจะได้คำตอบจากศึกมังกรหงส์ที่จะเกิดขึ้นในเขตหลงเฟิ่งในอีกไม่นานนี้ เพราะหลิ่วเหยียนแห่งตำหนักสุดนภาไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไปอย่างแน่นอน
ภูมิภาคทางเหนือ
ขณะที่ข่าวการต่อสู้ระหว่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์และแดนร้อยสงครามสะพัดไปทั่ว มู่เฉินก็ได้เพลิดเพลินกับความสงบหลังสงครามในหอวิหคโลกันตร์ แม้ว่าที่หอจะยุ่งอยู่กับการจัดการดูแลเมืองจำนวนมาก แต่เนื่องจากมีถังปิงเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จึงไม่ได้ทำให้มู่เฉินกับจิ่วโยวเป็นกังวลเลย
นอกจากนี้ทุกคนในหอวิหคโลกันตร์ต่างรู้สึกว่าตำแหน่งของพวกเขาในอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะทะยานขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องหลังจากสงคราม คำเยาะเย้ยถากถางในอดีตสูญสลายกลายเป็นอากาศธาตุ มากจนแม้แต่หอเหยี่ยวโลหิตที่ไม่เคยเห็นหอวิหคโลกันตร์เป็นที่เจริญหูเจริญตาก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่มองด้วยสายตาดูหมิ่นอีกต่อไป
และเหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เป็นเพราะการแสดงฝีมือโดดเด่นของหอวิหคโลกันตร์ในสงครามสำนัก รวมถึงภาพที่มั่นถัวหลัวปกป้องมู่เฉินกับจิ่วโยวเอาไว้…
ประมุขเป็นเจ้าเหนือหัวของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ คำพูดของนางถือเป็นสิทธิ์ขาด แม้แต่จอมยุทธ์ที่หยิ่งทระนงอย่างเสี่ยยิงยังไม่กล้าหืออือต่อหน้าประมุข มิหนำซ้ำตอนนี้มั่นถัวหลัวยังดูแลมู่เฉินและจิ่วโยวเป็นพิเศษ เพียงแค่จุดนี้จุดเดียวก็เพียงพอที่จะข่มคนที่ไม่พอใจมู่เฉินได้แล้ว
ภูเขาด้านหลังหอวิหคโลกันตร์
มู่เฉินนั่งอยู่บนยอดเขาพร้อมหลับตา สายฟ้าไร้รูปร่างพันล้อมรอบกาย เสียงฟ้าคำรามแว่วออกมา
ในเสียงฟ้าคำรามดังสนั่นมีคลื่นพลังแปลกประหลาด หากมีคนอื่นอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องได้รับผลกระทบจากเสียงฟ้าคำรามจนหัวใจเต้นผิดจังหวะยุ่งเหยิงไปหมดแน่นอน
และเสียงฟ้าคำรามเหล่านี้ก็คือสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ ตอนนี้มู่เฉินยังคงฝึกฝนคัมภีร์หวูซั่งซินหมัว โดยมีความช่วยเหลือจากสายฟ้าฤทัยปีศาจดำที่ได้รับมาจากจุดลึกสุดของหุบเหวเหลยหมัว
เสียงครางกระหึ่มของสายฟ้าคำรามกินเวลาถึงสองชั่วโมงก่อนที่มู่เฉินจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นพลางวางฝ่ามือทาบอก หลังถูกสายฟ้าฤทัยปีศาจดำซัดเข้าที่หัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังงานฤทัยปีศาจถูกฉีดเข้าไปในหัวใจมากขึ้น แต่ที่ทำให้มู่เฉินผิดหวังก็คือเมล็ดฤทัยปีศาจยังไม่ถูกกลั่นขึ้น
“ดูเหมือนคัมภีร์หวูซั่งซินหมัวจะไม่ได้ฝึกง่ายซะแล้ว” มู่เฉินอดเบ้ปากไม่ได้ แต่นี่ก็สมเหตุสมผลอยู่ ถ้าฝึกง่ายคัมภีร์นี้ก็คงไม่น่ากลัวขนาดนี้หรอก
เขาก้มศีรษะมองหอวิหคโลกันตร์ แม้ตอนนี้จะดึกแล้ว แต่ภายในหอยังคงวุ่นวายไม่เลิก เพราะสงครามทำให้หอวิหคโลกันตร์ได้รับทรัพยากรจำนวนมาก ภายใต้การสั่งการของจิ่วโยวก็ได้ขยายหน่วยรบจนถึงจำนวนสี่พันคน แน่นอนว่านักรบที่มาใหม่ยังมีความแตกต่างมากเมื่อเทียบกับนักรบหอวิหคโลกันตร์เดิม ดังนั้นพวกเขาจะต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดก่อน
แต่พูดโดยรวมตอนนี้หอวิหคโลกันตร์ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ไม่ตกอยู่ในบรรยากาศซบเซาเหมือนเมื่อปีแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดจากการกลับมาของจิ่วโยวและการปรากฏตัวของมู่เฉิน และมู่เฉินก็พอใจอย่างยิ่งกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่น้อย
“นี่มันสายฟ้าฤทัยปีศาจ?”
ขณะที่มู่เฉินจมอยู่กับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เสียงอ่อนเยาว์น่าประหลาดใจก็ดังมาจากด้านหลัง มู่เฉินสะดุ้งหันกลับไป บนหินใหญ่ร่างเล็กของเด็กสาวกำลังนั่งแกว่งขาไปมาพร้อมกับแววประหลาดใจฉายบนใบหน้า
จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากมั่นถัวหลัวประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์
เมื่อเห็นมั่นถัวหลัว มู่เฉินก็รีบยืนขึ้นคลี่รอยยิ้มไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อก่อนเขาเป็นกันเองกับนางมาก ดังนั้นพอตอนนี้จะแสดงความเคารพก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ปฏิบัติกับข้าในฐานะมั่นถัวหลัวเถอะ” มั่นถัวหลัวเหลือบมองมู่เฉินขณะเท้าแก้ม “นอกจากนี้ข้ามองออกว่าต่อให้ข้าเป็นประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เจ้าก็ไม่เห็นจะนับถืออะไรมาก ดังนั้นไม่ต้องเสแสร้งให้เหนื่อยหรอก”
มู่เฉินยิ้มเฝื่อน เขาหวาดกลัวกับพลังของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกเคารพขึ้นมา แม้นางจะมองเห็นความคิดเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง มู่เฉินก็ยังคงยิ้มสบายๆ “ขอบคุณสำหรับครั้งนี้นะ”
เขากำลังพูดถึงการปกป้องตัวเขากับจิ่วโยว เขาไม่โง่ ดังนั้นจึงบอกได้ว่ามั่นถัวหลัวต้องจ่ายราคาแพงระยับไปกับเรื่องนี้
“เจ้าทำเพื่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้ยอดเยี่ยม ดังนั้นหากข้าทอดทิ้งเจ้าในพริบตา ก็คงทำให้คนอื่นๆ หนาวเยือกไปทั้งหัวใจแล้ว” มั่นถัวหลัวเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ
มู่เฉินถูจมูก เป็นเรื่องตลกไม่น้อยที่คำพูดเหล่านี้ออกจากปากของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน ด้วยพลังของมั่นถัวหลัวสิ่งที่เรียกว่าความภักดีก็เป็นเพียงความกลัวที่คนอื่นมีต่อนาง นางจึงไม่มีความกังวลว่าคนอื่นจะแปรพักตร์ไปหรือไม่
“นอกจากนี้เจ้ายังช่วยเหลือข้า ก็เลยต้องตอบแทนสักหน่อยเป็นธรรมดา” ประโยคนี้ของมั่นถัวหลัวบ่งบอกความนัยหลายประการจนทำให้มู่เฉินอึ้งไป ที่แท้ในมุมมองของนาง ความช่วยเหลือของเขาที่มีต่อนางมีความสำคัญมากกว่าช่วยอาณาเขตกงเวทสวรรค์เสียอีก
“เอ้านี่”
มั่นถัวหลัวสะบัดมือลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งไปหามู่เฉินพลิ้วลงไปในมือ เขาก้มลงมองด้วยสายตาตะลึงงันก็เห็นขวดหยกใสอัดแน่นด้วยของเหลวใสที่แผ่คลื่นหลิงน่าตกใจออกมา
“นี่มัน…” มู่เฉินมองมั่นถัวหลัวด้วยสายตาตกตะลึง
“ในนี้มีของเหลวจื้อจุนสองแสนหยด เป็นเพราะเจ้าเดิมพันด้วยชีวิตเราถึงได้รับชัยชนะ ดังนั้นนี่คือรางวัลของเจ้า” มั่นถัวหลัวเอ่ยเสียงเรียบ
มู่เฉินรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาจากจำนวนของเหลวจื้อจุนมากมาย เขาทำงานหนักในการค้นหาแทบพลิกสำนักสายฟ้าปีศาจ ก็ได้ของเหลวจื้อจุนมาเพียงแสนกว่าหยด มิหนำซ้ำเขายังไม่ได้เอาไว้แม้แต่นิดเพราะเขารู้ว่าหอวิหคโลกันตร์ต้องการของเหลวจื้อจุนปริมาณมหาศาลเพื่อพัฒนา
ของเหลวจื้อจุนเป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนไม่สามารถขาดได้ในการฝึกฝน หากมีก็จะเร่งความเร็วในการฝึกได้รวดเร็วขึ้น ยิ่งกว่านั้นมู่เฉินเองก็ต้องการของเหลวจื้อจุนในปริมาณมหาศาลเพื่อคลายทักษะเทห์สวรรค์ของร่างเทพสุริยะ แต่ตอนนี้เขาถังแตกและกำลังปวดหัวกับเรื่องนี้อยู่พอดี ใครจะคิดว่าจู่ๆ จะมีของเหลวจื้อจุนสองแสนหยดหล่นใส่มือกัน นี่ทำให้เขารู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่ง
มู่เฉินกำขวดหยกไว้แน่น แม้รู้สึกอยากจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ต้องเม้มปากรับไว้ อึดใจก็พยักหน้าให้มั่นถัวหลัวหนักแน่น “ขอบคุณนะ”
มั่นถัวหลัวยืนขึ้นบนก้อนหิน สายลมราตรีพัดผ่าน เรือนผมยาวปลิวไสวในสายลม ทำให้เด็กสาวดูบอบบางน่าทะนุถนอม นางมองมู่เฉินเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าจะเป็นตัวแทนของอาณาเขตกงเวทสวรรค์เข้าร่วมศึกมังกรหงส์ในอีกสามเดือนข้างหน้า หลิ่วเหยียนหมายตาเจ้าไว้แน่ ดังนั้นข้าจะฝึกเจ้าด้วยตัวเองระหว่างสามเดือนนี้ ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเจ้ามีพัฒนาการไม่ถึงระดับที่ข้าพอใจ ข้าจะตัดสิทธิ์เจ้าซะ”
เสียงของนางสงบนิ่งแต่กลับทรงอำนาจอย่างไม่ต้องสงสัย
นางหันหลังเดินออกไปทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้มู่เฉินยืนถือขวดหยกอึ้งกิมกี่ไป