ขั้นสองปะทะขั้นสาม
สนามพลังสายฟ้าทองคำกระจายไปทั่วท้องฟ้า
ขณะที่ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ มู่เฉินมองสนามพลังงานนี้ กลับไม่มีแววตื่นตระหนกใดๆ บนใบหน้าอย่างที่ฉิงหลิงคิดไว้
“รบกวนรัศมีจั้นยี่เรอะ…”
มู่เฉินยิ้มพลางเงยหน้าขึ้น สายตาจับจ้องไปที่ฉิงหลิงที่ยืนกอดอกขณะที่ดวงตาวูบไหวด้วยไอเย็นเยือก พูดให้ชัดเจนเลยก็คือการกระทำของฉิงหลิงเป็นไปอย่างที่เขาต้องการพอดี
แม้เขาจะเป็นฝ่ายเหนือกว่าด้วยความเข้าใจและความสามารถในการควบคุมรัศมีจั้นยี่ แต่พื้นฐานของหน่วยรบวิหคโลกันตร์ยังอ่อนหัดเกินไป มิหนำซ้ำนักรบปีศาจสายฟ้าก็ไม่ใช่มือสมัครเล่น ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยว่าจะสามารถกำชัยชนะได้โดยการพึ่งรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ อย่างมากสุดเขาก็แค่ยืดการต่อสู้ให้นานขึ้น
แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายสูญเสียความสามารถในการใช้รัศมีจั้นยี่ไป พวกเขาก็กลับสู่ความสามารถเดิมที่เคยมี บางทีนี่อาจจะเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดของมู่เฉินในสายตาของคนอื่น เนื่องจากเขามีขุมพลังจื้อจุนขั้นสองเท่านั้น ส่วนฉิงหลิงมีขุมพลังจื้อจุนขั้นสามแล้ว
แต่สำหรับมู่เฉิน เมื่อทั้งคู่ไม่ใช้รัศมีจั้นยี่ กลับเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้เขาแทน
ฉิงหลิงที่มีหน่วยรบปีศาจสายฟ้าสนับสนุน ทำเอามู่เฉินปวดกะโหลกไม่น้อย แต่ในตอนนี้…การสูญเสียปราการป้องกันจากหน่วยรบปีศาจสายฟ้าไป การเป็นภัยคุกคามของฉิงหลิงในหัวใจของมู่เฉินลดต่ำลงอย่างมีนัย
“ดูท่าเจ้าจะสงบนิ่งพอสมควรเลยนะ”
ฉิงหลิงยืนกอดอกกลางอากาศ สายฟ้าสีเทาดำแล่นแปลบปลาบรอบตัว ที่เบื้องหลังมิติกำลังผันผวน เหมือนจะมีมหาสมุทรผืนใหญ่ปรากฏเบาบาง คลื่นหลิงชวนตกตะลึงกำจายแรงกดดันปกคลุมบริเวณนี้
“กายาสายฟ้าปีศาจ!”
ฉิงหลิงยิ้ม จากนั้นสายตาก็เย็นเยือกลงทันที เขาวาดตราประทับด้วยมือทั้งสองข้าง ร่างขยายขนาดรวดเร็วด้วยความเร็วน่าทึ่ง ผิวกายเปลี่ยนเป็นสีดำราวกับว่าหลอมมาจากโลหะ ภายใต้พื้นผิวเส้นเลือดบิดตัวราวกับมังกร ในช่วงสิบลมหายใจสั้นๆ ฉิงหลิงก็เปลี่ยนเป็นยักษ์สีดำที่มีสายฟ้าสีเทาดำแล่นแปลบปลาบรอบกาย
พลังแผ่กระจายออกมา เห็นชัดว่ากายาสายฟ้าปีศาจที่ฉิงหลิงฝึกฝนเป็นวิชาด้านชำระพลังกายด้วยสายฟ้าที่น่าสะพรึงไม่น้อย
“ข้ารู้สึกได้ถึงพลังงานสายฟ้าในตัวเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็ต้องฝึกวิชาด้านชำระพลังกายด้วยสายฟ้ามาเหมือนกัน แต่…กลัวว่านั่นจะเป็นวิชาเด็กเล่นเท่านั้นแหละ”
เสียงของฉิงหลิงฟังดูบ้าคลั่ง เสียงที่ดังกึกก้องนั้นทำเอาผู้คนเจ็บแก้วหูเลยทีเดียว
“กายาสายฟ้าปีศาจ?”
มู่เฉินอึ้งไปเมื่อมองร่างสีดำของฉิงหลิง จากนั้นเขาก็ยิ้มกริ่ม “งั้นวันนี้ข้าจะต้องดูแล้วสิว่าทักษะของใครกันแน่ที่เรียกว่าเป็นของเด็กเล่น!”
มือทั้งคู่ของมู่เฉินวาดตราประทับ สายฟ้าแวววาวระเบิดออกจากร่างกายฉับพลัน พริบตาเดียวประกายเกลียวสีเงินยวงก็กำจายความเจิดจ้า เห็นชัดว่าเขาเร้ากายาเทพสายฟ้ามาถึงขีดสุดแล้ว
แม้ว่าหลังจากเร้าวิชากายาเทพสายฟ้าออกมา ร่างของมู่เฉินจะมีขนาดเล็กกว่าฉิงหลิง ทว่าเสียงสายฟ้าลึกต่ำกลับกลบสยบแรงกดดันสายฟ้าของฉิงหลิงทั้งหมดแทน
“หือ?!”
ฉิงหลิงมองมู่เฉินที่เกือบจะเปลี่ยนร่างเป็นสายฟ้าก็หดตาลง แม้ก่อนหน้าเขาจะสัมผัสได้ถึงพลังงานสายฟ้าบางส่วนที่มาจากร่างกายของมู่เฉิน แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะมีพลังงานสายฟ้ามหาศาลระเบิดออกมาขนาดนี้เมื่อมีการเปิดใช้งาน
แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ฉิงหลิงรู้สึกหวาดกลัวได้ เขาแค่นเสียงเย็นชากระทืบเท้าลงไป ร่างกายก็ปรากฏตรงหน้ามู่เฉินราวกับภูตผี เขาฟาดฝ่ามือเล็งไปที่ศีรษะของอีกฝ่าย
สายลมกับสายฟ้าคำรามลั่นราวกับฟ้าแลบฟ้าร้องก็มิปาน
ตึง!
แต่ไม่ว่าเขาจะรวดเร็วแค่ไหน ความเร็วของมู่เฉินก็น่ากลัวมากกว่า ไม่รอให้เขาเร้าพลังบนฝ่ามือจนถึงขีดสุด อีกฝ่ายก็กำหมัดแน่นพร้อมกับพลังครอบงำชกใส่ฝ่ามือ คลื่นหลิงน่ากลัวระเบิดออกทำลายพลังฝ่ามือของฉิงหลิง
วาบ!
แต่ฉิงหลิงไม่ใช่มือสมัครเล่น เขามากด้วยประสบการณ์การต่อสู้ที่เหนือกว่าจอมยุทธ์คนอื่นๆ เมื่อโจมตีกระบวนท่านี้ล้มเหลว ขาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้า ทิ้งภาพซ้อนและมิติแตกสลายไว้เบื้องหลัง ปล่อยการโจมตีใส่หน้าอกของมู่เฉินอย่างต่อเนื่อง
สีหน้าของมู่เฉินไม่เปลี่ยนแปลง ขาเตะออกปะทะกันอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ปัง! ปัง! ปัง!
ความเร็วในการโจมตีของทั้งสองวูบวาบไปมาจนผู้คนทั่วไปเห็นเพียงเกลียวสายฟ้าตัดผ่าน จากนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังกึกก้องทั่วท้องฟ้า
ชั่วสิบกว่าลมหายใจ ทั้งคู่ก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปแล้วร้อยกว่ากระบวนท่าแล้ว ทั้งสองใช้เพียงพลังกาย ทุกครั้งที่ปะทะกันก็เหมือนกับโลหะชนกัน การต่อสู้ในระดับนี้ทำให้หนังตาของผู้คนถึงกับกระตุกไม่หยุด
ตึง!
สายฟ้าฉีกทะลุขอบฟ้า ร่างสายฟ้าสองร่างปะทะกันอีกครั้ง หมัดของพวกเขาดูราวกับฟ้าผ่า ทุกครั้งที่เกิดการชนกันก็จะเกิดเกลียวฟ้าระเบิดออกมาจากหมัด ก่อนที่ทั้งสองจะถูกอัดแล้วกระเด็นกลับไป
มู่เฉินถอยออกไปร้อยก้าว ก่อนที่จะกระแทกฝ่าเท้าทรงตัว แขนของเขาสั่นระริก แขนเสื้อเปลี่ยนเป็นผุยผงร่วงลงบนพื้น
ฉิงหลิงถอยออกไปเพียงหลายสิบก้าว ไม่ว่าอย่างไรความแข็งแกร่งของระดับจื้อจุนขั้นสามก็ทำให้เขามีความได้เปรียบมากกว่าเล็กน้อยในการปะทะซึ่งหน้า
ฉิงหลิงกำมือแน่นปล่อยเสียงกระดูกดังกรอบแกรบออกมา สายตาที่มองมู่เฉินมืดครึ้มลง ในส่วนลึกของดวงตาฉายแววอัศจรรย์ใจ เขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะสามารถปะทะกับเขาด้วยพลังกายจนถึงจุดนี้ได้
วิชากายาสายฟ้าปีศาจที่ฝึกฝน เขาเพาะบ่มในหุบเหวเหลยหมัวมาสิบกว่าปีถึงได้ประสบความสำเร็จเช่นนี้ แต่พลังกายของชายหนุ่มตรงหน้ากลับไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย
นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่ชอบใจ
เขาวางแผนตัดขาดรัศมีจั้นยี่ออกไป สถานการณ์ตึงมือก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอีกแล้ว
ไอเย็นเยือกวูบไหวในดวงตาของฉิงหลิง จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึกพลางวาดตราประทับ พริบตาเดียวชั้นเมฆพายุก็ปรากฏอยู่ระหว่างฟ้าดิน สายฟ้าสีเทาดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็วรอบร่างกายเขา ช่วงไม่กี่ลมหายใจร่างสายฟ้ามหึมาก็ปรากฏขึ้นครอบตัวฉิงหลิง
“ร่างสายฟ้าปีศาจ!”
เมื่อฉิงหลิงตะโกนออกมา ร่างสายฟ้าก็ก่อตัวอย่างสมบูรณ์ ฝ่ามือใหญ่โตกำลงแล้วดึงฉับพลัน ด้วยเสียงลั่นเปรียะ แส้สายฟ้าสีเทาดำขนาดพันจั้งก็ควบแน่นขึ้นตามด้วยเสียงแหวกอากาศ มันผ่ามิติควงสว่านเข้าหามู่เฉินราวกับมังกรพิโรธ
“แส้สายฟ้าปีศาจ!”
ร่างของมู่เฉินกระตุก แส้สายฟ้าพุ่งฝ่ามิติทะลุผ่านร่างของเขาไปอย่างรุนแรง
ซัดกระบวนท่านี้ออกไป ฉิงหลิงกลับไม่รู้สึกดีใจ ตรงกันข้ามเขากลับขมวด เพราะเขาเห็นร่างของมู่เฉินค่อยๆ หายไปเหลือไว้เพียงภาพเงา
“ฟิ้ว!”
สายตาของฉิงหลิงวูบไหว จากนั้นแส้สายฟ้าก็กวาดไปทางด้านหลัง วาดมุมโค้งเรืองแสงบนท้องฟ้า
ตู้ม!
มิติเบื้องหลังเขาฉีกออก เงาร่างมังกรทะยานออกมา จากนั้นรังสีร้ายกาจเชี่ยวกรากก็กวาดไปข้างหน้าขณะที่เสาปีศาจฟาดใส่ร่างสายฟ้าขนาดใหญ่โตรุนแรง
ควับ!
แส้สายฟ้าตวัดรวดเร็วจนน่าทึ่ง มันม้วนพันรอบเสาปีศาจอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สายฟ้าสีเทาดำจะแล่นแปลบปลาบพยายามกร่อนเสาปีศาจให้จงได้
ชี่ ชี่!
รังสีร้ายกาจระเบิดออกจากเสาปีศาจพยายามต้านทานสายฟ้าที่กำลังกัดกร่อน
“วัตถุชั่วร้ายชิ้นนี้ดีทีเดียว ข้าอยากได้มัน!” ฉิงหลิงเลียริมฝีปากเผยรอยยิ้มน่าขนลุก พลังเบื้องหลังแส้สายฟ้าเพิ่มขึ้นขณะดึงเสาปีศาจกลับไป พลังนั้นทำให้แม้แต่มู่เฉินที่เร้าวิชากายาเทพสายฟ้าจนถึงขีดสุดยังแทบจะต้านทานไม่ได้ เนื่องจากตอนนี้ฉิงหลิงได้เรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมาแล้ว
“คิดแย่งของของข้าเหรอ? ข้ากลัวว่าแกจะถูกอัดจนยับมากกว่า!”
ใบหน้าของมู่เฉินเย็นเยือกลงหลายส่วน แสงสีทองพวยพุ่งออกมาจากดวงตา เมื่อแสงสีทองเรืองรองระเบิดไปในทุกทิศทาง พริบตาเดียวร่างใหญ่ที่ดูราวกับหลอมมาจากทองก็ปรากฏบนท้องฟ้าพร้อมกับดวงอาทิตย์เจิดจรัสลอยอยู่เบื้องหลังศีรษะ ทำให้ดูทรงพลังอำนาจอย่างยิ่ง
นี่ก็คือร่างเทพสุริยะนั่นเอง!
ยามนี้มือของร่างเทพสุริยะกำเสาปีศาจไว้ ทำเอาพลังเบื้องหลังแรงดึงถูกต้านไว้ทันที ไม่ว่าร่างสายฟ้าปีศาจจะพยายามเท่าใด ก็ไม่สามารถดึงเอาไปได้
“อยากได้มากเหรอ? งั้นให้แกเลยแล้วกัน!”
ไอเย็นเยือกวาบขึ้นในดวงตาของมู่เฉิน ขณะที่รังสีร้ายกาจน่ากลัวพุ่งออกจากเสาปีศาจ กระชากมือของร่างสายฟ้าปีศาจออกไป จากนั้นร่างเทพสุริยะก็ก้าวไปข้างหน้า เมื่อแสงสีทองพวยพุ่ง แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังสะเทือน
“ตู้ม!”
แสงสีทองเรืองรองไหลออกมาราวกับของเหลว ย้อมเสาปีศาจสีดำให้กลายเป็นสีทองประหนึ่งหลอมจากทองคำ จากนั้นเสาทองคำก็ทะลวงชั้นเมฆพายุบนท้องฟ้า ฟาดใส่ร่างสายฟ้าปีศาจเต็มเหนี่ยวด้วยพลังที่น่ากลัวจากร่างเทพสุริยะ
“ฝ่ามือเคลื่อนภูเขา!”
พลังน่ากลัวที่โอบล้อมลงมาฉับพลัน ทำให้สีหน้าของฉิงหลิงเปลี่ยนไปรุนแรง เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่ามู่เฉินทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร แต่เวลานี้เขาก็ไม่กล้าที่จะรีรออะไร สองมือวาดตราประทับร่างสายฟ้าปีศาจก็กระแทกฝ่ามือออกไปทั้งคู่ สายฟ้าสีเทาดำที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้ารวมตัวกัน ก่อตัวเป็นมือสายฟ้าขนาดใหญ่ ราวกับว่ามือสายฟ้านั้นกำลังรองรับท้องฟ้า ดูยิ่งใหญ่ราวกับภูเขาลูกหนึ่ง
ปัง!
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน เสาปีศาจทองคำก็ฟาดลงมาอย่างรุนแรง เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นกระจายออกไป
พายุคลื่นหลิงรุนแรงโหมกระหน่ำบนท้องฟ้า
ความปั่นป่วนนี้ทำให้กระทั่งสงครามวุ่นวายเบื้องล่างยังหยุดชะงักชั่วครู่ ทุกคนมองขึ้นไปบนฟ้าอย่างอดไม่ได้
ที่นั่นเสาปีศาจทองคำกดทับลงมาช้าๆ ขณะที่ฝ่ามือสายฟ้าขนาดใหญ่ที่ดูราวกับสามารถรับน้ำหนักท้องฟ้าได้กำลังดิ่งลงทีละน้อย…ละน้อย
แม้การเคลื่อนที่ลงจะช้ามาก แต่ก็ไม่อาจห้ามได้
ทันใดนั้นสีหน้าของฉิงหลิงก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด
“แกร๊ก!”
ขณะที่สีหน้าฉิงหลิงน่าเกลียดลงเรื่อยๆ ทันใดนั้นเสียงแตกร้าวเบาๆ ก็ดังขึ้น ดวงตาจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนหดเกร็ง เหมือนในฝ่ามือสายฟ้านั้นจะมีแสงสีทองกระจายออกแล้วสว่างจ้าขึ้น
ครืน!
แสงสีทองสาดส่องไปทั่วทุกแห่ง ส่วนฝ่ามือสายฟ้าทรงพลังก็แตกสลายในเวลานี้!
จอมยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนสูดหายใจลึก
ใครจะคิดว่าแม้จะเรียกร่างสายฟ้าปีศาจออกมาแล้ว ฉิงหลิงก็ยังถูกสยบไว้โดยมู่เฉินที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสอง!
ภาพนี้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่ฉิงหลิงวาดเอาไว้ในสมองเลย!