ตอนที่ 24 ท่านปู..
ดูเหมือนว่าหมอกังและครูจินจะไม่เห็นด้วยที่จะให้จึงหยุ นเฉาอยู่และรับข้อเสนอของโรงเรียน
“จิ๋งหยุนเฉา..บ้านของคุณครูจินอยู่ใกล้กับโรงเรียน และครูยังอยู่คนเดียวอีกด้วย ครูคิดว่าเธอมาอยู่กับครูได้นะ นอกจากนี้มันยังเป็นการสะดวกด้วยที่ครูจะได้ดูแลเธออย่างใกล้ชิด
ถ้าหากเด็กอายุสิบห้าจะต้องอยู่ที่โรงเรียนโดยปราศจากการดูแลเอาใจใส่จากผู้ใหญ่ นั้นอาจทําให้เด็กมีปัญหาตามมาในอนาคตก็เป็นได้
หมอยังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมาว่า “คิดๆ ดูแล้วผมมีบ้านอยู่ใกล้ๆ โรงเรียนของเธอด้วย…”
จิงจิงหันไปมองหมองกังด้วยความประหลาดใจและฟังเขาพูดต่อ “บ้านหลังนั้นก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก มันมีสามห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น ตอนนี้ที่บ้านหลังนั้นมีคนอยู่เพียงสองคนเท่านั้น…นั่นคือหลานชายและหลานสาวของฉันเอง ซึ่งตอนนี้มันว่างอยู่หนึ่งห้อง! และพวกเขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนซินฮงและบังเอิญว่าพวกเขาก็อายุไล่เลี่ยกัยเธอด้วยนะ จิ๋งหยุนเฉา แต่ต่อให้พวกเขายังอายุน้อยแต่พวกเขากลัวมีวุฒิภาวะเหมือนผู้ใหญ่พวกเขาไม่อยากอยู่ร่วมกับผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจพวกเขา ดังนั้นเธอสามารถเข้าร่วมปาร์ตี้เล็กๆ ไปอยู่กับเด็กทั้งสองคนนั้นได้นะ ทว่ามีค่าที่พัก…”
เมื่อครูจินได้ยินคําว่าค่าที่พักเธอก็ขมวดคิ้วและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดหมอกังก็หยุดเธอไว้ก่อน
“ค่าที่พักนั่นก็คือ อย่างแรกเธอจะต้องเรียนให้อยู่ในลําดับไม่ต่ํากว่ายี่สิบอันดับแรกของโรงเรียน เธอต้องเป็นเด็กหนึ่งในยี่สิบคนที่เก่งที่สุดในโรงเรียน! อย่างที่สองคือเธอต้องทําการทดสอบเรื่องการแพทย์ทุกเดือน! มันยากก็จริงแต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องผ่านอย่างแน่นอน! อย่างที่สามคือ เธอจะต้องคอยโทรหาฉันอย่างน้อยเดือนละครั้ง!”
หลังจากที่หมอยังพูดจบ จิ๋งหยุนเฉาก็เข้าใจทุกอย่างในทันที!
หลานๆ ของหมอกังอาจไม่มีระเบียบวินัยเมื่อพวกเขาอยู่กันเองโดยลําพัง พวกเขาอยากมีเสรีภาพ แต่พวกเขาก็จําเป็นต้องมีความรับผิดชอบด้วยเช่นกัน นั่นจึงทําให้เขาจําเป็นต้องตั้งกฏเหล่านี้ขึ้นมา กฎเหล่าทําให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่ในขณะเดียวมันก็ป้องกันไม่ให้พวกเขามีอิสระจนมากเกินไปจนไม่สนใจเรียน
ด้วยสิ่งที่เขาพูดจิ๋งหยุนเฉารู้สึกสะเทือนใจ
ถ้าหากเธออาศัยอยู่ที่โรงเรียน การเข้าไปในมิติ หยกของเธอจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ถึงหมอทั้งจะไม่ได้เก่งเท่าคุณปู่ในมิติหยก แต่เขาก็เป็นคนที่เก่งและมีประสบการณ์เยอะมากคนหนึ่ง
ตอนนี้เธอเพิ่งเริ่มเรียนรู้วิชาทางการแพทย์ ดังนั้นการได้พูดคุยกับเขาบ่อยครั้งมันเป็นประโยชน์สําหรับเธออย่าง มาก
ถึงกฏเหล่านี้จะเป็นเหมือนค่าธรรมเนียม แต่มันก็สร้างประโยชน์ให้กับเธอได้มากเช่นกัน
จิ๋งหยุนเฉาแสดงออกอย่างจริงจังและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นจากนี้เป็นต้นไปหนูจะไม่เรียกคุณว่าหมอกังอีกต่อไปแล้ว แต่จะเรียกว่าคุณปูกังแทนนะคะ! หนูรู้สึกชอบบ้านที่คุณพูดถึง แต่ท่านอาจารย์เคยสอนเอาไว้ว่าหนูไม่ควรรับของหรือโอกาสดีดีไว้โดยไม่ตอบแทนบุญคุณ! คุณปูทั้งช่วยหนูมาเยอะแล้ว ท่านอาจารทิ้งเงินเอาไว้ให้หนูพอที่จะจ่ายค่าเช่าสําหรับที่พักได้ทุกเดือน…”
หมอลังก็แสดงสีหน้าจริงจังเช่นเดียวกัน “ถ้าหากเธอจะเรียกฉันว่าปูถ้าอย่างนั้นฉันก็จะรับเธอเป็นหลานสาวของฉัน! ทว่าปูประเภทใดกันที่เก็บเงินค่าเช่าบ้าน จากหลานสาวตนเอง ถ้าหากเธอรู้สึกเกรงใจล่ะก็ เธอก็มาช่วยฉันทํางานเป็นครั้งคราวสิ เธอจะได้จ่างค่าเช่าเป็น การช่วยฉันทํางาน โอเคไหม?”
จิ๋งหยุนเฉาตกตะลึงและหน้าแดง
ในช่วงเวลาที่เธอมัวแต่กังวลเรื่องต่างๆ เธอกลับลือความหมายของคําว่าปูไปโดยสิ้นเชิง
หมอยังเป็นคนใจดีและมีความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์คนหนึ่ง เขาพบเธอเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็ช่วยเหลือเธออย่างไม่ลังเล เธอใช้ชีวิตมากว่ายี่สิบปีจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีใครให้ความช่วยเหลือและใจดีกับเธอเช่นเขามาก่อน
หัวใจของเธอพองโต เธอยิ้มออกมา “โอเคค่ะ! ถ้าอย่างนั้นหนูของฝากเนื้อฝากตัวกับคุณปูตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนะคะ!”
เสียงใสๆ ที่เรียกว่าท่านปู ทําให้หมอยังมีความสุขมาก
เขาลูบหัวจิ๋งหยุนเฉาและหันไปพูดกับครูจิน “คุณครูจิน ผมต้องขอความกรุณาดูแลเธอที่โรงเรียนที่ผมให้คําสัญญา ได้จากนี้เลยว่าเธอจะไม่ถูกกระทําด้วยความรุนแรงอีกต่อไป เธอจะต้องเข้ากันได้ดีกับหลานทั้งสองของผม ต่อจากนี้ช่วยดูแลเธอที่โรงเรียนด้วย!”