บทที่ 303 ผลการประเมิน
การจำลองสถานการณ์กู้ภัยไม่ใช่เรื่องแปลก พบเห็นได้หลายที่ โดยเฉพาะองค์กรและสถาบันที่ต้องมีส่วนร่วมในการกู้ภัยอยู่บ่อยครั้ง เช่น ศูนย์กู้ภัย หน่วยดับเพลิงและกองทัพ
อันที่จริง เฉินเจิ้นปั่ง ผู้เชี่ยวชาญและผู้อำนวยการโรงพยาบาลภาคสนามเองก็มีความใส่ใจในการจัดตั้งฉากจำลองการกู้ภัยนี้ไม่น้อยเลย ถ้าไป๋เยี่ยมีศักยภาพด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่สูงจริงๆ เขาจะกลายเป็นคนสำคัญของกองทัพและการสร้างระบบกู้ภัยฉุกเฉิน
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นยุคสมัยแห่งสันติภาพ ทว่าไม่มีประเทศไหนละทิ้งการเตรียมความพร้อมในการทำสงครามเลย
ในทำนองเดียวกัน ‘สันติภาพ’ ก็เป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับคำว่า ‘สงคราม’!
บนโลกใบนี้มีสงครามที่มองไม่เห็นเกิดขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม
เหตุผลที่เฉินเจิ้นปั่งเข้มงวดกับไป๋เยี่ยมากก็เพราะเขาหวังว่าไป๋เยี่ยจะนำความหวังมาสู้ประเทศชาติและกองทัพได้จริงๆ
แม้ว่าจะเป็นการจำลองสถานการณ์ ทว่าผู้ทดสอบทุกคนต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ทุกคนคุ้นเคยกับยาและอุปกรณ์กู้ภัยมาตรฐานที่ใช้ในระดับนานาชาติเป็นอย่างดี
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าไป๋เยี่ยจะฉีดยาอะไรเข้าไปในหุ่นจำลอง ทุกคนต่างก็เข้าใจถึงการกระทำของเขาได้
เพียงแต่ว่าความเข้าใจเหล่านั้นจะอยู่แค่ในขอบเขตความรู้ของพวกเขาเท่านั้น เมื่อการทดสอบดำเนินไปถึงฉากที่สี่ ความเข้าใจของแต่ละคนก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความระมัดระวังที่ถูกแสดงออกมาทางสีหน้า หรือไม่ก็เป็นความตกตะลึง หรืออาจจะเป็นคิ้วที่ขมวดลง
เพราะว่าวิธีการรักษาของไป๋เยี่ยนั้นแตกต่างจากแนวทางปฏิบัติของนานาชาติที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่อาจตัดสินใจอย่างแน่ชัด…เพราะว่ามันเป็นเพียงหุ่นจำลองเท่านั้น
แต่!
นั่นไม่ได้หมายความว่าวิธีการของไป๋เยี่ยผิด กลับกันวิธีการของเขาล้วนทำให้ทุกคนเกิดความเข้าใจและนำไปคิด
ความคิดเช่นนี้ถือเป็นการเห็นด้วยอย่างหนึ่ง!
ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลภาคสนามของเขตกองทัพในปักกิ่งจะไม่ได้ถูกจัดอันดับใดๆ ทว่ามาตรฐานของที่นี่ก็ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของโลกแน่นอน
ใครก็ตามที่รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกหรือผู้อำนวยการที่นี่ได้ ก็คือบุคลากรชั้นนำในสาขานั้นๆ
ต้องรู้ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี้จะได้รับยศพันเอก เพื่อเป็นการบ่งบอกว่ากองทัพให้ความสำคัญกับโรงพยาบาลมากเพียงใด
การถูกยอมรับจากคนกลุ่มนี้เทียบเท่ากับการผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามแนวทางปฏิบัติของประเทศ แต่ถึงกระนั้น…ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังคงไม่เข้าใจในรายละเอียดและวิธีการต่างๆ ของไป๋เยี่ย
ผู้ทดสอบทั้งห้าคนต่างค่อยๆ จดคะแนนลงบนใบประเมิน
แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ได้กำลังเขียนข้อบกพร่องหรือหักคะแนนไป๋เยี่ยหรอก!
แล้วก็ไม่ได้เพิ่มคะแนนให้ไป๋เยี่ยด้วย!
กลับกัน…พวกเขากำลังจดรายละเอียดของสิ่งที่ไม่เข้าใจไว้ให้ไป๋เยี่ยมาอธิบายในภายหลัง เพราะกลัวจะลืมนั่นเอง
เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป จนในที่สุดไป๋เยี่ยก็ทดสอบฉากที่ห้าเสร็จ ส่วนผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าคนต่างก็มองหน้ากันโดยที่ไม่พูดอะไร
การทดสอบในสามฉากแรกเป็นไปตามมาตรฐานนานาชาติ
ถึงอย่างนั้น วิธีการของไป๋เยี่ยก็ยังมีความแตกต่างจากวิธีการมาตรฐานอยู่ดี กล่าวคือมันเป็นความแตกต่างระหว่างความสามารถของไป๋เยี่ยและมาตรฐานของสากลนั่นเอง
พวกเขามองว่าไป๋เยี่ยคือมาตรฐานสากลที่ถูกอัปเกรดแล้ว
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังทำการทดสอบในฉากที่สี่นั้น พวกเขาก็ศึกษา พิจารณาและสำรวจไปพร้อมๆ กัน
ส่วนการทดสอบฉากที่ห้านั้น พวกเขาต่างตั้งหน้าตั้งตาดูการทำงานของไป๋เยี่ย เพราะว่ามีหลายคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมไป๋เยี่ยถึงเลือกวิธีการเหล่านั้น
การทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ทดสอบทั้งห้าคนต่างมองหน้ากัน ความตกตะลึงและอารมณ์มากมายถูกสะท้อนออกมาผ่านเลนส์แว่นตาของพวกเขา
นี่มันยอดอัจฉริยะแห่งยุค!
‘หงซิ่งเฉวียน’ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภาคสนามมองไป๋เยี่ยด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจและพอใจเป็นอย่างมาก เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นรอคอยให้คนอื่นๆ ประกาศคะแนนออกมา
การจำลองสถานการณ์ไม่ง่ายอย่างที่คิด กลับกันยังมีปฏิบัติการอีกหลายอย่างที่คล้ายกับการทำซีพีอาร์ กว่าไป๋เยี่ยจะทำการทดสอบทั้งห้าฉากสำเร็จก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ไป๋เยี่ยก็ยังคงสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความตื่นตระหนกใดๆ
คนแบบนี้หายากเกินไปแล้ว!
เฉินเจิ้นปั่งเฝ้าดูการทดสอบของไป๋เยี่ยตั้งแต่ต้นจนจบ ถือเป็นโอกาสหายากที่เขาจะยอมสละเวลาจากตารางงานอันยุ่งเหยิงเพื่อมาดูการทดสอบ
เขาทำไปเช่นนั้นก็เพราะคาดหวังว่าไป๋เยี่ยจะทำได้
เขาหวังว่าทักษะการแพทย์ฉุกเฉินของไป๋เยี่ยจะเยี่ยมยอดพอๆ กับที่จ้าวหู่ชิวมารายงานให้ฟัง
หงซิ่งเฉวียนเดินไปหาเฉินเจิ้นปั่ง “ผู้บัญชาการครับ ผมให้คะแนนเต็ม!”
เฉินเจิ้นปั่งเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แล้วในส่วนของการประเมินล่ะ คุณคิดยังไงกับความสามารถของเขา”
หงซิ่งเฉวียนตอบ “ยังมีบางคำถามที่ผมต้องถามเขาก่อนถึงจะตอบได้ครับ”
เฉินเจิ้นปั่งพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ทำเลยครับ”
ไป๋เยี่ยติดตามกลุ่มคนไปที่ห้องทำงาน หงซิ่งเฉวียนรวมถึงคนอื่นๆ ต่างสุภาพกับไป๋เยี่ยมาก ทั้งรินชาให้ ไหนจะปล่อยให้ไป๋เยี่ยพักผ่อนก่อนจะเริ่มถามคำถาม
ตอนแรกทั้งห้าคนนั่งเป็นแถวหน้ากระดานโดยมีไป๋เยี่ยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ให้ความรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังสอบสัมภาษณ์หรือให้คะแนนมากกว่า
แต่…เมื่อผ่านไปสิบนาที ภาพตรงหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป
สถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนไป๋เยี่ยจะกลายเป็นอาจารย์ที่กำลังอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ทุกคนมากกว่า
หลังจากผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ทัศนคติที่ทั้งห้าคนมีต่อไป๋เยี่ยก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้พวกเขาเชื่อแล้วว่าไป๋เยี่ยได้สรุปแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์ฉุกเฉินระดับแนวหน้าของโลกขึ้นมาระหว่างที่อยู่เมียนมาในช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหว
แนวทางดังกล่าวมีความเป็นระบบระเบียบตั้งแต่ต้นจนจบ มีทั้งการกำหนดเป้าหมายจากหลายๆ มุมมองเพื่อตอบสนองต่อมาตรการกู้ภัย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ไป๋เยี่ยกำลังหารือปัญหาต่างๆ กับผู้เชี่ยวชาญอีกสี่คน ทว่าระหว่างที่เขากำลังเตรียมจะชี้แนะทั้งสี่คนนั้น จู่ๆ หงซิ่งเฉวียนก็ลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก
เฉินเจิ้นปั่งกำลังรอหงซิ่งเฉวียนอยู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกมาแล้ว เฉินเจิ้นปั่งก็ปรี่เข้าไปถามทันที “เป็นไงบ้าง”
หงซิ่งเฉวียนตอบ “เก่งกว่าผมอีก ไม่สิ! เก่งกว่าพวกเราทุกคนซะอีก พูดตามตรงนะครับ ความรู้ด้านการ ความรู้การปฐมพยาบาลของเขาแน่นมาก เป็นไปได้ว่าความเข้าใจด้านการแพทย์ฉุกเฉินของเขาคงจะแซงหน้าพวกเราไปแล้ว ตอนแรกผมไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีการของเขา แต่ตอนนี้ผมรับประกันได้เลยว่าไป๋เยี่ยจะช่วยทำให้พวกเราจัดตั้งทีมแพทย์ทหารที่เป็นระบบได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน”
“และอีกอย่าง! ผมเชื่อว่าการประเมินจากผมคงไม่แม่นยำขนาดนั้นหรอกครับ ผู้บัญชาการ เขาคือยอดบุคลากรเลยนะ ไม่สิ! ต้องบอกว่าเป็นอัจฉริยะมากกว่า”
“ผู้บัญชาการ คุณต้องรั้งเขาไว้ เชื่อผมเถอะ เขาจะสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศและกองทัพได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด!”
หงซิ่งเฉวียนเป็นคนแบบไหน
เฉินเจิ้นปั่งย่อมรู้นิสัยของหงซิ่งเฉวียนดีที่สุดในฐานะที่เป็นคนสนิท หงซิ่งเฉวียนนั้นเป็นคนที่เข้มงวดและอิงตามหลักความเป็นจริงเสมอมา
หงซิ่งเฉวียนเป็นคนระวังคำพูดของตนเอง ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเขาตื่นเต้นขนาดนี้ ซ้ำยังกล่าวชื่นชมคนอื่นด้วย
เฉินเจิ้นปั่งพึมพำ ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ดูเหมือนว่า…จะต้องทำความรู้จักกับไป๋เยี่ยสักหน่อยแล้ว
“พวกหัวหน้าหยางอยู่ไหนล่ะ” เฉินเจิ้นปั่งถามอย่างสงสัย
หงซิ่งเฉวียนตบหน้าผากตนเองไปหนึ่งฉาด “ผู้บัญชาการ ตอนนี้ไป๋เยี่ยกำลังบรรยายให้พวกเขาฟังอยู่ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร…ลองเข้าไปฟังหน่อยไหม”
บทที่ 303 ผลการประเมิน
การจำลองสถานการณ์กู้ภัยไม่ใช่เรื่องแปลก พบเห็นได้หลายที่ โดยเฉพาะองค์กรและสถาบันที่ต้องมีส่วนร่วมในการกู้ภัยอยู่บ่อยครั้ง เช่น ศูนย์กู้ภัย หน่วยดับเพลิงและกองทัพ
อันที่จริง เฉินเจิ้นปั่ง ผู้เชี่ยวชาญและผู้อำนวยการโรงพยาบาลภาคสนามเองก็มีความใส่ใจในการจัดตั้งฉากจำลองการกู้ภัยนี้ไม่น้อยเลย ถ้าไป๋เยี่ยมีศักยภาพด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่สูงจริงๆ เขาจะกลายเป็นคนสำคัญของกองทัพและการสร้างระบบกู้ภัยฉุกเฉิน
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นยุคสมัยแห่งสันติภาพ ทว่าไม่มีประเทศไหนละทิ้งการเตรียมความพร้อมในการทำสงครามเลย
ในทำนองเดียวกัน ‘สันติภาพ’ ก็เป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับคำว่า ‘สงคราม’!
บนโลกใบนี้มีสงครามที่มองไม่เห็นเกิดขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม
เหตุผลที่เฉินเจิ้นปั่งเข้มงวดกับไป๋เยี่ยมากก็เพราะเขาหวังว่าไป๋เยี่ยจะนำความหวังมาสู้ประเทศชาติและกองทัพได้จริงๆ
แม้ว่าจะเป็นการจำลองสถานการณ์ ทว่าผู้ทดสอบทุกคนต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ทุกคนคุ้นเคยกับยาและอุปกรณ์กู้ภัยมาตรฐานที่ใช้ในระดับนานาชาติเป็นอย่างดี
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าไป๋เยี่ยจะฉีดยาอะไรเข้าไปในหุ่นจำลอง ทุกคนต่างก็เข้าใจถึงการกระทำของเขาได้
เพียงแต่ว่าความเข้าใจเหล่านั้นจะอยู่แค่ในขอบเขตความรู้ของพวกเขาเท่านั้น เมื่อการทดสอบดำเนินไปถึงฉากที่สี่ ความเข้าใจของแต่ละคนก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความระมัดระวังที่ถูกแสดงออกมาทางสีหน้า หรือไม่ก็เป็นความตกตะลึง หรืออาจจะเป็นคิ้วที่ขมวดลง
เพราะว่าวิธีการรักษาของไป๋เยี่ยนั้นแตกต่างจากแนวทางปฏิบัติของนานาชาติที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่อาจตัดสินใจอย่างแน่ชัด…เพราะว่ามันเป็นเพียงหุ่นจำลองเท่านั้น
แต่!
นั่นไม่ได้หมายความว่าวิธีการของไป๋เยี่ยผิด กลับกันวิธีการของเขาล้วนทำให้ทุกคนเกิดความเข้าใจและนำไปคิด
ความคิดเช่นนี้ถือเป็นการเห็นด้วยอย่างหนึ่ง!
ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลภาคสนามของเขตกองทัพในปักกิ่งจะไม่ได้ถูกจัดอันดับใดๆ ทว่ามาตรฐานของที่นี่ก็ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของโลกแน่นอน
ใครก็ตามที่รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกหรือผู้อำนวยการที่นี่ได้ ก็คือบุคลากรชั้นนำในสาขานั้นๆ
ต้องรู้ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี้จะได้รับยศพันเอก เพื่อเป็นการบ่งบอกว่ากองทัพให้ความสำคัญกับโรงพยาบาลมากเพียงใด
การถูกยอมรับจากคนกลุ่มนี้เทียบเท่ากับการผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามแนวทางปฏิบัติของประเทศ แต่ถึงกระนั้น…ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังคงไม่เข้าใจในรายละเอียดและวิธีการต่างๆ ของไป๋เยี่ย
ผู้ทดสอบทั้งห้าคนต่างค่อยๆ จดคะแนนลงบนใบประเมิน
แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ได้กำลังเขียนข้อบกพร่องหรือหักคะแนนไป๋เยี่ยหรอก!
แล้วก็ไม่ได้เพิ่มคะแนนให้ไป๋เยี่ยด้วย!
กลับกัน…พวกเขากำลังจดรายละเอียดของสิ่งที่ไม่เข้าใจไว้ให้ไป๋เยี่ยมาอธิบายในภายหลัง เพราะกลัวจะลืมนั่นเอง
เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป จนในที่สุดไป๋เยี่ยก็ทดสอบฉากที่ห้าเสร็จ ส่วนผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าคนต่างก็มองหน้ากันโดยที่ไม่พูดอะไร
การทดสอบในสามฉากแรกเป็นไปตามมาตรฐานนานาชาติ
ถึงอย่างนั้น วิธีการของไป๋เยี่ยก็ยังมีความแตกต่างจากวิธีการมาตรฐานอยู่ดี กล่าวคือมันเป็นความแตกต่างระหว่างความสามารถของไป๋เยี่ยและมาตรฐานของสากลนั่นเอง
พวกเขามองว่าไป๋เยี่ยคือมาตรฐานสากลที่ถูกอัปเกรดแล้ว
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังทำการทดสอบในฉากที่สี่นั้น พวกเขาก็ศึกษา พิจารณาและสำรวจไปพร้อมๆ กัน
ส่วนการทดสอบฉากที่ห้านั้น พวกเขาต่างตั้งหน้าตั้งตาดูการทำงานของไป๋เยี่ย เพราะว่ามีหลายคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมไป๋เยี่ยถึงเลือกวิธีการเหล่านั้น
การทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ทดสอบทั้งห้าคนต่างมองหน้ากัน ความตกตะลึงและอารมณ์มากมายถูกสะท้อนออกมาผ่านเลนส์แว่นตาของพวกเขา
นี่มันยอดอัจฉริยะแห่งยุค!
‘หงซิ่งเฉวียน’ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภาคสนามมองไป๋เยี่ยด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจและพอใจเป็นอย่างมาก เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นรอคอยให้คนอื่นๆ ประกาศคะแนนออกมา
การจำลองสถานการณ์ไม่ง่ายอย่างที่คิด กลับกันยังมีปฏิบัติการอีกหลายอย่างที่คล้ายกับการทำซีพีอาร์ กว่าไป๋เยี่ยจะทำการทดสอบทั้งห้าฉากสำเร็จก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ไป๋เยี่ยก็ยังคงสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความตื่นตระหนกใดๆ
คนแบบนี้หายากเกินไปแล้ว!
เฉินเจิ้นปั่งเฝ้าดูการทดสอบของไป๋เยี่ยตั้งแต่ต้นจนจบ ถือเป็นโอกาสหายากที่เขาจะยอมสละเวลาจากตารางงานอันยุ่งเหยิงเพื่อมาดูการทดสอบ
เขาทำไปเช่นนั้นก็เพราะคาดหวังว่าไป๋เยี่ยจะทำได้
เขาหวังว่าทักษะการแพทย์ฉุกเฉินของไป๋เยี่ยจะเยี่ยมยอดพอๆ กับที่จ้าวหู่ชิวมารายงานให้ฟัง
หงซิ่งเฉวียนเดินไปหาเฉินเจิ้นปั่ง “ผู้บัญชาการครับ ผมให้คะแนนเต็ม!”
เฉินเจิ้นปั่งเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แล้วในส่วนของการประเมินล่ะ คุณคิดยังไงกับความสามารถของเขา”
หงซิ่งเฉวียนตอบ “ยังมีบางคำถามที่ผมต้องถามเขาก่อนถึงจะตอบได้ครับ”
เฉินเจิ้นปั่งพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ทำเลยครับ”
ไป๋เยี่ยติดตามกลุ่มคนไปที่ห้องทำงาน หงซิ่งเฉวียนรวมถึงคนอื่นๆ ต่างสุภาพกับไป๋เยี่ยมาก ทั้งรินชาให้ ไหนจะปล่อยให้ไป๋เยี่ยพักผ่อนก่อนจะเริ่มถามคำถาม
ตอนแรกทั้งห้าคนนั่งเป็นแถวหน้ากระดานโดยมีไป๋เยี่ยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ให้ความรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังสอบสัมภาษณ์หรือให้คะแนนมากกว่า
แต่…เมื่อผ่านไปสิบนาที ภาพตรงหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป
สถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนไป๋เยี่ยจะกลายเป็นอาจารย์ที่กำลังอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ทุกคนมากกว่า
หลังจากผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ทัศนคติที่ทั้งห้าคนมีต่อไป๋เยี่ยก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้พวกเขาเชื่อแล้วว่าไป๋เยี่ยได้สรุปแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์ฉุกเฉินระดับแนวหน้าของโลกขึ้นมาระหว่างที่อยู่เมียนมาในช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหว
แนวทางดังกล่าวมีความเป็นระบบระเบียบตั้งแต่ต้นจนจบ มีทั้งการกำหนดเป้าหมายจากหลายๆ มุมมองเพื่อตอบสนองต่อมาตรการกู้ภัย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ไป๋เยี่ยกำลังหารือปัญหาต่างๆ กับผู้เชี่ยวชาญอีกสี่คน ทว่าระหว่างที่เขากำลังเตรียมจะชี้แนะทั้งสี่คนนั้น จู่ๆ หงซิ่งเฉวียนก็ลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก
เฉินเจิ้นปั่งกำลังรอหงซิ่งเฉวียนอยู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกมาแล้ว เฉินเจิ้นปั่งก็ปรี่เข้าไปถามทันที “เป็นไงบ้าง”
หงซิ่งเฉวียนตอบ “เก่งกว่าผมอีก ไม่สิ! เก่งกว่าพวกเราทุกคนซะอีก พูดตามตรงนะครับ ความรู้ด้านการ ความรู้การปฐมพยาบาลของเขาแน่นมาก เป็นไปได้ว่าความเข้าใจด้านการแพทย์ฉุกเฉินของเขาคงจะแซงหน้าพวกเราไปแล้ว ตอนแรกผมไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีการของเขา แต่ตอนนี้ผมรับประกันได้เลยว่าไป๋เยี่ยจะช่วยทำให้พวกเราจัดตั้งทีมแพทย์ทหารที่เป็นระบบได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน”
“และอีกอย่าง! ผมเชื่อว่าการประเมินจากผมคงไม่แม่นยำขนาดนั้นหรอกครับ ผู้บัญชาการ เขาคือยอดบุคลากรเลยนะ ไม่สิ! ต้องบอกว่าเป็นอัจฉริยะมากกว่า”
“ผู้บัญชาการ คุณต้องรั้งเขาไว้ เชื่อผมเถอะ เขาจะสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศและกองทัพได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด!”
หงซิ่งเฉวียนเป็นคนแบบไหน
เฉินเจิ้นปั่งย่อมรู้นิสัยของหงซิ่งเฉวียนดีที่สุดในฐานะที่เป็นคนสนิท หงซิ่งเฉวียนนั้นเป็นคนที่เข้มงวดและอิงตามหลักความเป็นจริงเสมอมา
หงซิ่งเฉวียนเป็นคนระวังคำพูดของตนเอง ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเขาตื่นเต้นขนาดนี้ ซ้ำยังกล่าวชื่นชมคนอื่นด้วย
เฉินเจิ้นปั่งพึมพำ ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ดูเหมือนว่า…จะต้องทำความรู้จักกับไป๋เยี่ยสักหน่อยแล้ว
“พวกหัวหน้าหยางอยู่ไหนล่ะ” เฉินเจิ้นปั่งถามอย่างสงสัย
หงซิ่งเฉวียนตบหน้าผากตนเองไปหนึ่งฉาด “ผู้บัญชาการ ตอนนี้ไป๋เยี่ยกำลังบรรยายให้พวกเขาฟังอยู่ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร…ลองเข้าไปฟังหน่อยไหม”