บทที่ 29 ตกตะลึง
“ปลาที่ผมอยากแนะนำให้พี่ใหญ่รู้จักเรียกว่าปลาเกล็ดขาว ปลาชนิดนี้ไม่เพียงอร่อยแต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันมีผลที่ยอดเยี่ยมกับโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ไม่ว่าโรคนี้จะรุนแรงเพียงใด หลังจากกินมันเข้าไปรับรองได้ว่าจะหายจากโรคแน่นอน”
เมื่อเห็นท่าทางโอ้อวดของฉู่เหิน พี่ใหญ่หวงก็เริ่มรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อเกินไป หากมีปลาแบบนั้นในโลกจริง ๆ ละก็ เขากลัวว่ามันจะต้องทำให้ทั่วทั้งโลกต้องตกตะลึงเป็นแน่
อย่างไรก็ตามเมื่อพี่ใหญ่หวงกำลังจะพูดออกมานั้น เขาก็เห็นคนชราสองคนเดินเข้ามาจากด้านนอกประตูบ้านของฉู่เหิน ทั้งสองคนเป็นชายหญิงดูอายุมากกว่าหกสิบปี ทั้งสองจับมือกันเดินเข้ามาด้วยท่าทางตื่นเต้นมาก
“เสี่ยวเหิน เสี่ยวเหิน มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ปลาตัวที่เธอให้พวกเรามาเมื่อวาน พอเรากินเข้าไป ตอนนี้ไม่เพียงแค่ป้าหลิวของเธอหายป่วย แม้แต่ฉันตอนนี้ขาของฉันก็ดีขึ้นจนสามารถวิ่งเหยาะ ๆ ได้แล้ว เสี่ยวเหิน พวกเราต้องขอบคุณเธอจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะปลาที่เธอให้กับพวกเรา พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะผ่านครึ่งชีวิตหลังนี้ไปยังไงจริง ๆ” พูดถึงตอนนี้ลุงหลิวก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่ขณะที่ยิ้มอยู่นั้น น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา
สามีภรรยาชราคู่นี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันและไม่มีลูกคอยดูแล ป้าหลิวป่วยมาได้ สามปีแล้วบวกกับขาของลุงหลิวเองก็ไม่ค่อยดีนัก นี่ถ้าไม่ใช่ว่าชนบททุกวันนี้มีไฟฟ้าใช้กันแล้ว เพราะถ้ายังเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ต้องปรุงอาหารด้วยเตาถ่านละก็ น่ากลัวว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้
“ลุงหลิว ลุงอย่าพูดแบบนั้นสิครับ คนบ้านเดียวกันช่วยเหลือกันก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อก่อนตอนลุงขายังดี ๆ อยู่ ลุงก็เคยช่วยครอบครัวของผมมาไม่น้อย ดังนั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นบุญเป็นคุณเลยครับ ขอแค่ลุงกับป้ามีชีวิตที่ดี ผมก็มีความสุขแล้ว”
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉู่เหินแล้ว ลุงและป้าหลิวก็ซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล จากนั้นพวกเขาค่อยพบว่า มีแขกอยู่ในบ้านของฉู่เหิน พวกเขาจึงพูดคุยอีกสองถึงสามคำแล้วจึงลากลับไปอย่างรวดเร็ว ฉู่เหินต้องการชวนทั้งคู่ให้อยู่ทานข้าวด้วยกันแต่ไม่ว่าเขาพูดยังไงทั้งคู่ก็ไม่ยินยอม
ขณะที่มองด้านหลังของคนที่จากไป ฉู่เหินยังไม่ทันจะทำอะไร แต่พี่ใหญ่หวงและพี่ใหญ่จางกำลังตกใจจนอ้าปากค้าง เดิมทีพวกเขาคิดว่า ฉู่เหินอายุยังน้อยและมีประสบการณ์ไม่มากนัก ดังนั้นคงจะพูดอะไรเกินจริงไปบ้าง อย่างไรก็ตามหลังจากที่เห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็รู้แล้วว่า สิ่งที่ฉู่เหินพูดอาจมีความจริงถึงแปดถึงเก้าส่วน
“น้องชาย ที่เธอพูดเมื่อกี้จริงรึเปล่า? อย่าได้หลอกฉันเชียวนะ! พี่ชายไม่ใช่คนที่ถูกหลอกง่าย ๆ หรอกนะ” พี่ใหญ่หวงมองหน้าฉู่เหินอย่างจริงจัง ท่าทางไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง
“จริงแล้วยังไง ปลอมแล้วยังไง พี่ใหญ่หวงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองถึงจะรู้ วันนี้ที่ผมเชิญพวกพี่ใหญ่มาทานข้าวด้วยกัน อาหารทั้งหมดก็ทำมาจากปลาชนิดนี้นี่แหละ เนื้อปลาชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนป่วยโรคหลอดเลือดสมองหรือหลอดเลือดหัวใจก็กินได้ ไม่แน่ว่าถ้าพี่ใหญ่หวงกินมันลงไปอาจทำให้หนุ่มขึ้นอีกหลายปีก็ได้นะครับ” ฉู่เหินยิ้มพลางพูดด้วยท่าทางลึกลับ ที่ฉู่เหินพูดอย่างนี้เป็นเพราะเขามีเป้าหมายอื่น ถ้าหากว่าการกินปลาชนิดนี้บ่อย ๆ ส่งผลทำให้มีสุขภาพดีได้ ฉู่เหินเชื่อว่าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดนั้น ต่อให้ดียังไงสารเคมีพวกนั้นก็สู้ของที่มาจากธรรมชาติจริง ๆ ไม่ได้ และคนที่ร่ำรวยทั้งหลายจะต้องยอมจ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อซื้อปลาชนิดนี้อย่างแน่นอน!
“ไปสิ รีบพาฉันไปดูว่าปลาเกล็ดขาวที่เธอพูดถึงมันหน้าตาเป็นยังไง” ฉู่เหินเห็นท่าทางร้อนใจของพี่ใหญ่หวงแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำเล็กน้อย เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่เชื่ออยู่เลย ตอนนี้กลับใจร้อนจนรอไม่ไหวซะแล้ว!
“เสี่ยวชิง เธอเตรียมอาหารไปก่อนนะ ฉันกับพี่ใหญ่หวงจะไปที่บ่อปลา” หลังจากได้ยินเสียงเสี่ยวชิงรับคำดังมาจากในครัว ฉู่เหินพาพี่ใหญ่หวงมุ่งหน้าไปที่บ่อปลาทันที
บ่อปลาอยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉู่เหิน ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเดินเพียงแค่สิบกว่านาทีก็ตาม แต่ฉู่เหินกลัวว่าพี่ใหญ่หวงจะเหนื่อย ดังนั้นเขาจึงเอารถสามล้อออกมาและขี่มันพาพี่ใหญ่หวงไปที่บ่อปลาภายในไม่กี่นาที เมื่อพี่ใหญ่หวงเห็นปลาสีขาว ที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตรดวงตาทั้งสองของเขาก็เบิกกว้างตกตะลึง! ตอนนี้เขาตกตะลึงไปแล้วจริง ๆ ที่พี่ใหญ่หวงตกตะลึงนั้น ไม่ใช่เพราะขนาดของปลา และไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยเห็นปลาชนิดนี้มาก่อน! แต่ด้วยความเข้าใจทางชีววิทยามานานหลายปีของเขา เขาจึงมั่นใจได้ว่าปลาสีขาวชนิดนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงในระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้แน่นอน
ตอนนี้ปลาสีขาวมากกว่าหนึ่งพันตัวกำลังว่ายน้ำอยู่ในบ่อ ทำให้อุณหภูมิของน้ำในบ่อปลาทั้งหมดดูเหมือนว่าจะกลายเป็นกระแสน้ำเย็น! ศาสตราจารย์หวงเดินไปที่บ่อปลาและใช้นิ้วมือสัมผัสน้ำในบ่อ เขาพบว่า อุณหภูมิของมันดูเหมือนจะต่ำกว่าศูนย์องศา แต่น่าแปลกที่น้ำกลับไม่กลายเป็นน้ำแข็ง ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับปลาพวกนี้
ขณะที่ศาสตราจารย์หวงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงรถเบรกดังขึ้น เมื่อทั้งสองหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นพี่ใหญ่จางนั่นเอง เขามาถึงที่นี่ได้ด้วยความช่วยเหลือของคนขับรถ และเมื่อพวกเขาเห็นบ่อน้ำเย็นอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ได้แต่ตกตะลึง
เดิมทีนั้นพี่ใหญ่จางคิดว่าฉู่เหินเป็นคนหนุ่มที่ดีมากคนหนึ่ง แต่เมื่อเขาเห็นบ่อปลาที่เย็นจัดและปลาสีขาวกว่าพันตัวในบ่อปลา เขาก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าฉู่เหินไม่ใช่คนธรรมดา!
หากจะกล่าวว่า ก่อนหน้านี้การที่ฉู่เหินเป็นเพื่อนกับพวกเขาทำให้ฉู่เหินได้พึ่งพาอาศัยพวกเขาก็คงจะได้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับคิดว่าการได้รู้จักฉู่เหินเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของพวกเขาแล้ว!
“น้องชาย ถ้าฉันอยากให้เธอส่งปลานี้ขายไปทั่วประเทศ เธอจะยอมไหม?” เมื่อพี่ใหญ่จางพูดประโยคนี้ออกมาก็ทำให้ฉู่เหินตกใจมาก คนคนนี้มีความเป็นมายังไงกันแน่ แค่ออกปากก็บอกว่าจะให้เขาส่งปลานี้ไปขายทั่วประเทศ นี่มันเชื่อถือได้จริง ๆ เหรอ?
“พี่ใหญ่จาง ผมเกรงว่าจะทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว แม้ว่าผมจะต้องการขยายพันธุ์ปลาชนิดนี้ออกไป แต่มันก็ไม่สามารถเป็นไปได้เลย! เพราะว่าอาหารสำหรับเลี้ยงปลาชนิดนี้ นอกจากผมแล้วเกรงว่าจะไม่มีใครหาได้”
ไม่ใช่ว่าฉู่เหินไม่ต้องการจะปล่อยปลาพันธุ์นี้ออกไป แต่ว่าเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าปลาชนิดนี้มันเลี้ยงยังไง และสามารถเลี้ยงมันในโลกนี้ได้หรือไม่? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงแค่ดูปลาทั้งหนึ่งพันตัวในบ่อของเขา ผ่านมาไม่กี่วันก็กลายเป็นสภาพแบบนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าแท้จริงแล้วมันกินอาหารอะไร
“โอ้ น่าเสียดายจริง ๆ” หลังจากผิดหวังอยู่ชั่วครู่ เขาก็ปรับความคิดของเขาใหม่
“พี่ใหญ่จาง คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมยังอยู่ในช่วงศึกษาวิธีการเพาะเลี้ยงปลาชนิดนี้อยู่ครับ มันอาจจะไม่เป็นที่รู้จักในตอนนี้ และอาจจะใช้เวลานานสักหน่อย เพราะงั้นอะไร ๆ จึงยังไม่แน่นอน!” ขณะที่ฉู่เหินพูดประโยคนี้ออกมานั้น มันก็เจือปนด้วยความรู้สึกอับจนปัญญา เพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง!
“น้องชาย เธอมีปัญหาในการเลี้ยงปลาชนิดนี้เหรอ ?” หลังจากได้ยินเสียงถอนหายใจของฉู่เหิน พี่ใหญ่หวงจึงเอ่ยปากถาม
หลังจากได้ยินคำถาม ฉู่เหินไม่ตอบ แต่หยิบอาหารปลาขึ้นมากำหนึ่งแล้วโปรยลงไปในบ่อปลา อาหารปลาเหล่านั้นกระจายไปรอบ ๆ แต่ปลาที่ว่ายอยู่ในบ่อกลับไม่มีทีท่าจะกินมัน! จากนั้นฉู่เหินก็จับปลาตัวเล็ก ๆ จำนวนมากใส่ในถังใบใหญ่แล้วเทลงในบ่อปลา
มีปลาหนึ่งหรือสองตัวที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ พวกปลากินไปแค่สองคำจากนั้นก็ไม่กินอีก ส่วนลูกปลาเหล่านั้นไม่แม้แต่จะมอง! ต่อจากนั้นฉู่เหินก็ทดลองโปรยอาหารลงไปอีกนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีปลาตัวไหนยอมกินเลย!
หลังจากเห็นเหตุการณ์นี้ พี่ใหญ่หวงและพี่ใหญ่จางจึงเข้าใจว่าฉู่เหินหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตามทั้งสองไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ หลังจากคุยกันสักพักทั้งสามคนก็กลับไปที่บ้านของฉู่เหินโดยต่างก็อยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
“พี่เหิน พี่ใหญ่หวง พี่ใหญ่จาง พวกคุณกลับมาแล้วเหรอ! กับข้าวเสร็จแล้ว พวกคุณรีบมากินเถอะค่ะ”