บทที่ 992 คุณหนูห้ายังไม่ลืมสัญญาของข้า
บทที่ 992 คุณหนูห้ายังไม่ลืมสัญญาของข้า
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงและฮูหยินรองสิงมองลู่ฉาวอวี่อย่างกระตือรือร้น รอให้เขาให้คำตอบในทิศทางดี จากนั้นพวกนางจะได้ร้องไห้ด้วยความปลื้มปริ่ม
พวกนางไม่กล้าเอ่ยถาม บัดนี้ฮูหยินรองหัวเอ่ยถามแทนแล้ว
ลู่ฉาวอวี่มองสิงเจียซือที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
จู่ ๆ สิงเจียซือรู้สึกว่าแก้มร้อนผะผ่าวขึ้นมา
เขา…
เพื่อที่จะช่วยนาง เขาจะเสียสละเกินไปหรือไม่?
แทนที่จะใช้วิธีนี้ ยังไม่สู้ใช้วิธีข่มขู่ให้สกุลสิงหวาดกลัว ให้ผู้อื่นคิดว่าสกุลสิงทำให้สกุลลู่ขุ่นเคือง แน่นอนว่า เท่านี้ก็ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าแต่งงานกับลูกหลานสกุลสิงแล้ว
เพียงแต่หากเป็นเช่นนั้น ลูกหลานคนอื่น ๆ ของสกุลสิงคงน่าสงสาร เพราะต้องพลอยรับผลพวงเรื่องนี้ไปด้วย
ลู่ฉาวอวี่เอ่ยเสียงเรียบ “ไยข้าต้องมาสู่ขอแทนผู้อื่น?”
“เช่นนั้นใต้เท้ามาเที่ยวนี้…”
“ข้ามาสู่ขอให้ตนเองไม่ได้หรือ?” ลู่ฉาวอวี่กล่าวต่อไป “เดิมทีข้าอยากให้ท่านแม่มา เพียงแต่ท่านแม่ข้างานยุ่งจนไม่เห็นแม้แต่เงา หานางไม่พบ ท่านพ่อข้าน่ะหรือ ยามนี้กำลังจัดการคดีหนึ่ง ไม่อาจผละมาได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ทำได้เพียงพาแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอด้วยตนเองแล้ว เช่นนี้ก็นับว่าเป็นการแสดงความจริงใจของข้า”
เมื่อเขาเอ่ยถึง ทุกคนพลันสังเกตว่าข้าง ๆ มีแม่สื่ออยู่ผู้หนึ่ง เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าแม่สื่อผู้นั้นกำลังสับสน ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใต้เท้าจะมาสู่ขอหรือ? ไม่ทราบว่าใต้เท้าพึงใจแม่นางคนใด?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
หากแต่งเข้าสกุลลู่ได้จริง ๆ แม้ว่าจะแต่งไปเป็นอนุ นั่นก็เป็นเรื่องดี!
“แม่นางห้า”
ทันทีที่ถ้อยคำนี้ออกมาจากปากของชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาแต่ละคู่ต่างก็จ้องมองไปที่ห้าสิง
แม้กระทั่งดวงตาของสาวใช้เหล่านั้นก็เต็มไปด้วยความอิจฉา แทบรอไปแทนที่สิงเจียซือแล้วตอบตกลงไม่ไหว ถึงแม้ว่าจะเป็นอนุหรือสาวใช้ของใต้เท้าลู่น้อย พวกนางก็ยินยอมพร้อมใจทั้งสิ้น
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงอึ้งงันไปแล้ว
นางมองสิงเจียซือด้วยความตกตะลึง
ฮูหยินรองหัวแสดงสีหน้าครุ่นคิด
ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างใจเย็น “วันนี้สกุลสิงมีแขกหรือ? หรือว่าข้ามาผิดเวลา?”
“มิได้ ๆ ใต้เท้าลู่น้อยเป็นแขกพิเศษ ท่านสามารถมาได้ทุกเมื่อ” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว
“เช่นนั้น แม่นางห้าแต่งงานแล้วหรือ?”
“มิได้! ยังไม่แต่งงาน” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงมองฮูหยินรองหัว สีหน้ากระวนกระวาย ทว่านางไม่ได้ลังเลนานนัก และตัดสินใจได้ในทันที
สกุลหัวไม่อาจเทียบกับสกุลลู่ แม้จะต้องล่วงเกินสกุลหัวเพื่อสกุลลู่ก็นับว่าคุ้มค่า
“กล่าวไปแล้วก็บังเอิญยิ่งนัก” ฮูหยินรองหัวเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าก็มาสู่ขอสกุลสิงเช่นกัน”
“เช่นนั้นหรือ? ไม่รู้ว่าฮูหยินรองหัวมาสู่ขอแม่นางท่านใด?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยนิ่ง ๆ
ถึงแม้ลู่ฉาวอวี่จะยังเยาว์วัย ทว่าความกดดันที่แผ่ออกมาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าบิดามากนัก
“แน่นอนว่าเป็นแม่นางสี่” ฮูหยินรองหัวเอ่ย “ถึงแม้พวกเราจะชอบแม่นางห้ามากเช่นกัน ทั้งยังหวังว่าจะได้สะใภ้อย่างแม่นางห้า ทว่าแม่นางห้าบอกว่าตนมีบุรุษในใจแล้ว พวกเราจะกล้าทำลายงานแต่งที่ดีเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงสีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
นี่ฮูหยินรองหัวหมายความว่าอย่างไร?
นางกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกไป นั่นไม่ใช่ทำให้ลู่ฉาวอวี่คิดว่าสิงเจียซือไม่รู้ขนบธรรมเนียม อยู่ข้างนอกก็ทำเรื่องไม่ดีไม่งามกับบุรุษข้างนอกหรือ?
หากลู่ฉาวอวี่ถือสา งานแต่งที่ดีเช่นนี้เกรงว่าจะพังแล้ว
ฮูหยินรองหัวช่างน่ารังเกียจเสียจริง นางสู่ขอไม่สำเร็จจึงคิดจะทำลายงานแต่งระหว่างสกุลสิงกับสกุลลู่
ไม่ผิด!
ฮูหยินรองหัวจงใจทำเช่นนั้น
สกุลสิงรับปากการสู่ขอของนางแล้ว ทว่าทันทีที่สกุลลู่มา อีกฝ่ายก็เปลี่ยนใจทันที เรื่องนี้ทำให้นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ถึงแม้นางจะรู้ว่าหากเปลี่ยนเป็นตนเองก็คงตัดสินใจเช่นเดียวกัน อย่างไรเสียในฐานะฮูหยินรองจวนหัว นางไม่เคยต้องกล้ำกลืนความพ่ายแพ้เช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องการเอาคืน
หากลู่ฉาวอวี่ฟังคำพูดนาง คงต้องเสียใจเมื่อสายอย่างแน่นอน ถึงแม้จะไม่เสียใจ ยังคงยืนกรานที่จะแต่งห้าสิง ภายหน้าก็ยังทิ้งปมนี้ไว้ อย่างไรเสีย นางก็แค่ไม่อยากให้ห้าสิงได้มีช่วงเวลาที่ดี
สาวน้อยคนหนึ่งถึงกับปฏิเสธการสู่ขอของสกุลหัวเรา ผู้ใดมอบความมั่นใจนี้ให้นาง?
สกุลสิงยากจนถึงเพียงนั้น สกุลหัวของพวกเราถูกใจนางก็ไม่เลวแล้ว อีกทั้งยังให้นางเป็นภรรยาเอก ยังมีอะไรให้ต้องไม่พอใจอีก?
“ดูเหมือนคุณหนูห้าจะยังไม่ลืมสัญญาของข้า” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ตอนนั้นข้ากล่าวแล้ว ขอเพียงคุณหนูห้ายินดี ข้าก็ยินดีที่จะแต่งนางเป็นภรรยา”
“หรือว่าคนผู้นั้นที่เจ้าห้ากล่าวคือ…” ฮูหยินรองสิงยกมือปิดปากตนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
ในแววตานางปรากฎความอิจฉาขึ้นมา
เหตุใดสตรีบ้านใหญ่จึงได้โชคเพียงนี้?
สิงเจียซือเก่งในการยั่วยวนบุรุษเหมือนมารดานางไม่มีผิดจริง ๆ
ในบรรดาบุรุษเพียงไม่กี่คนของสกุลสิง นายท่านใหญ่สกุลสิงเป็นผู้ที่น่าหลงใหลที่สุด ไม่เพียงแต่เขาไม่รับอนุ ทว่ายังรักใคร่ภรรยาและลูก ๆ เป็นอย่างยิ่ง บัดนี้ นึกไม่ถึงว่าสิงเจียซือจะเข้าตาสกุลลู่ เก่งในการยั่วยวนบุรุษยิ่งกว่ามารดานางเสียด้วยซ้ำ
สิงเจียซือไม่รู้ว่าลู่ฉาวอวี่คิดจะทำอะไร ยามนี้จึงไม่กล้าปฏิเสธคำพูดของเขา ทำได้เพียงเออออตามไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นางยังคงลอบขยิบตาให้ชายหนุ่ม พลางถามเขาอย่างไร้สุ้มเสียงว่าคิดจะแสดงอะไรกันแน่ เหตุใดไม่เตือนล่วงหน้า?
ลู่ฉาวอวี่แสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตานาง
เขามองแม่สื่อที่อยู่ข้าง ๆ
แม่สื่อได้รับสัญญาณจึงยิ้มให้ฮูหยินผู้เฒ่าสิงแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าลู่น้อยกับคุณหนูห้าจวนท่านช่างเหมาะกันราวกิ่งทองใบหยกจริง ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
“ประเสริฐ ประเสริฐ…” นอกจากคำว่า ‘ประเสริฐ’ แล้ว นางก็ตื่นเต้นจนกล่าวคำใดไม่ออกอีก
“ท่านย่า ข้ากับใต้เท้าลู่น้อยมีบางคำต้องพูดคุยกัน” สิ้นคำ สิงเจียซือก็เอ่ยกับลู่ฉาวอวี่ “ใต้เท้าลู่น้อย เชิญไปพูดคุยกันสักหน่อยเถิด”
ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ได้”
สิงเจียซือพาลู่ฉาวอวี่ไปยังมุมลับตาแล้วเอ่ยถาม “ใต้เท้า ข้ารู้ว่าท่านต้องการช่วยข้า เพียงแต่อย่างนี้เสียสละเกินไปหรือไม่? ผู้คนข้างนอกจะเข้าใจผิดเอาได้นะเจ้าคะ”
“ข้าคิดว่าเจ้าจะตำหนิข้าที่ทำลายชื่อเสียงของเจ้าเสียอีก” ลู่ฉาวอวี่กล่าว
“จะเป็นไปได้อย่างไร? เรื่องที่ข้ากังวลที่สุดคือจะทำให้ชื่อเสียงของท่านเสียหาย” สิงเจียซือเอ่ย “อย่างมากข้าก็แค่หนีไปเท่านั้น แล้วท่านเล่าใต้เท้า?”
“เจ้าคิดว่าท่านพ่อท่านแม่ข้าเป็นอย่างไร?” ลู่ฉาวอวี่ถาม
“ดียิ่งเจ้าค่ะ” ท่านอ๋องลู่ไม่ต้องเอ่ยถึง คนเช่นนั้น นางไม่มีคุณสมบัติได้ติดต่อพูดคุย ทว่าพระชายาลู่เป็นคนดียิ่งนัก
“ท่านพ่อท่านแม่ข้าเป็นคนดีเพียงนี้ หมู่นี้ยังเร่งเรื่องแต่งงานของข้า อีกทั้งข้างนอกยังมีแมลงหวี่แมลงวันมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าเริ่มรู้สึกรำคาญแล้ว พอดีเจ้าก็มีปัญหานี้เช่นกัน ข้าเลยคิดว่าเราควรร่วมมือกัน บางทีอาจแก้ปัญหาของเราทั้งคู่ได้ในคราวเดียว” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “เจ้าชอบอิสระ ไม่มีที่ใดในโลกอิสระไปมากกว่าสกุลลู่แล้ว”
สิงเจียซือดวงตาเบิกกว้าง “ใต้เท้า ความหมายของท่านคือ…”
“ไม่ผิด แต่งเข้าสกุลลู่ จะได้ไม่มีผู้ใดขัดขวางเจ้า อีกทั้งข้าก็ต้องการฮูหยินน้อยลู่ในนามเช่นกัน” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “เจ้าลองคิดดู หากไม่ยินดี เจ้าก็ปฏิเสธคำขอแต่งงานของข้าได้ หากเจ้าปฏิเสธคำขอแต่งงานของข้า นั่นเท่ากับล่วงเกินสกุลลู่ สกุลสิงย่อมหาทางขับไล่เจ้าไปอย่างแน่นอน อย่างนี้ก็นับว่าแก้ปัญหาได้แล้ว”