บทที่ 981 สิงเจียเวยผิดปกติ
บทที่ 981 สิงเจียเวยผิดปกติ
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงมองตามหลังสิงเจียเวยที่เดินออกไป แล้วเอ่ยกับฮูหยินรองสิง “ดูลูกสาวคนดีที่เจ้าเลี้ยงดูมาสิ อยู่ต่อหน้าคนนอกแม้กระทั่งผายลมยังไม่กล้า อยู่ต่อหน้าคนของตนกลับพูดจาได้คล่องปากเสียนี่กระไร”
สะใภ้สกุลสิงไม่กล้ารับคำ
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเป็นคนเข้มงวดกวดขันมาโดยตลอด ยามนี้นางโมโหเสียจนผรุสวาทออกมา แสดงให้เห็นว่าวันนี้นางอารมณ์ไม่ดีเพียงใด
หากจะกล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนที่สิงเจียซือจะกลับมา อารมณ์ของนางก็ไม่แน่นอนมาโดยตลอด หลังจากขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่พักหนึ่ง นางก็พาสิงเจียซือกลับมาได้ ทว่าอารมณ์ของนางกลับมีท่าทีว่าจะระเบิดออกมาแล้ว
มู่ซืออวี่พาสิงเจียซือเข้าไปในสวนอันเงียบสงบ มองนางแล้วกล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้เจ้ายังชอบหินแปลก ๆ อยู่หรือไม่?”
สิงเจียซือมองมู่ซืออวี่ด้วยความประหลาดใจ
มู่ซืออวี่เอ่ยยิ้ม ๆ “ตอนที่เราพบกันครั้งแรก เจ้าขอหินแปลกตาในจวนข้า ตอนนั้นเจ้าทั้งมีชีวิตชีวาทั้งซุกซน เจ้าโพล่งคำขอออกมาตรง ๆ ตอนนั้นข้าคิดว่าแม่นางน้อยผู้นี้ไม่เลวเลย ช่างร่าเริงแจ่มใสนัก ผ่านไปหลายปีเพียงนี้ เติบใหญ่กลายเป็นหญิงสาวแล้ว เห็นได้ว่าเวลาไม่ปรานีผู้คนจริง ๆ!”
“พระชายา ตอนที่พบท่านครั้งแรก ข้าก็รู้สึกว่าท่านเป็นคนที่เปล่งประกายเจิดจรัสที่สุด ท่านแม่ข้าบอกว่าฮูหยินลู่คือผู้ที่ทั่วหล้าล้วนอิจฉา ตอนนั้นข้าก็คิดว่าข้าอยากเป็นอย่างนั้นเช่นกัน”
มู่ซืออวี่หัวเราะเบา ๆ “นิสัยของเจ้าช่างเหมาะกับคนสกุลลู่เรานัก เมื่อครู่เห็นเจ้าไม่ยินดีไปที่ห้องหอ ข้าจึงเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ยามนี้ไม่มีผู้ใดแล้ว เจ้าอยากไปเล่นที่ใดก็ไปเถอะ!”
“ให้เจียซือไปกับท่านได้หรือไม่เจ้าคะ?” สิงเจียซือกล่าว “งานเลี้ยงทุกครามักจะพบเจอปัญหาต่าง ๆ อยู่เสมอ ถึงแม้ข้าจะจัดการมันได้แต่ก็รู้สึกรำคาญอยู่บ้างจริง ๆ หากข้าหลบเลี่ยงได้ก็ยังคงต้องการหลบเลี่ยงปัญหาเหล่านั้น ข้างกายพระชายาจะต้องไม่มีปัญหาเหล่านั้นเป็นแน่”
“ได้ยินว่าเจ้าไปมาหลายที่แล้ว เช่นนั้นเจ้าเล่าเรื่องภายนอกให้ข้าฟังเถอะ! ก่อนงานเลี้ยงเริ่มยังมีเวลาอีกเล็กน้อย พวกเราค่อย ๆ เดินพูดคุยกันไป”
การตัดสินใจของสิงเจียซือ เห็นได้ชัดว่าเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด
นางอยู่กับมู่ซืออวี่จนกระทั่งงานเลี้ยงเริ่ม กระทั่งงานเลี้ยงเริ่มนางก็ยังติดตามมู่ซืออวี่ไปยังโต๊ะอาหาร ถูกมู่ซืออวี่รั้งให้อยู่ข้างกายด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ชอบผู้เยาว์คนนี้’ สิงเจียซือจึงหลบเลี่ยงวาจาเยาะเย้ยเสียดสีของผู้คนไปได้จำนวนมาก
มู่ซืออวี่ย่อมต้องนั่งในที่นั่งประธาน คนที่นั่งด้วยกันล้วนเป็นฮูหยินสูงศักดิ์ในเมืองหลวง เหล่าฮูหยินสกุลหัวล้วนอยู่กับมู่ซืออวี่เช่นกัน สิงเจียซือเป็นแขกที่อายุน้อยที่สุดในโต๊ะ ทุกคนต่างก็มองนางด้วยสายตาครุ่นคิด
สิงเจียซือก็เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมพลอยทานอาหารไม่ลงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ยกเว้นตอนคีบอาหารให้มู่ซืออวี่เป็นครั้งคราว นางก็ทานได้ตามเหมาะสม ถือว่าเจริญอาหารทีเดียว
“เมื่อครู่นี้เพิ่งเห็นพี่หญิงสกุลหัวกราบไหว้ฟ้าดินกับคุณชายสกุลผัง รูปโฉมของคุณชายสกุลผังผู้นั้น…”
“ชู่ว! ผู้ใดให้เอ่ยถึงเจ้าบ่าวกัน”
“พี่หญิงสกุลหัวก็งามสง่ามีเสน่ห์ออกปานนั้น ไยนางจึงต้องแต่งให้บุรุษที่อัปลักษณ์ด้วย หากสามีข้าอัปลักษณ์เช่นนั้น ข้ายอมโกนผมออกบวชเป็นแม่ชี ยังดีกว่าแต่งให้เขา”
“เจ้าคิดว่าบุรุษทุกคนบนโลกเหมือนกับใต้เท้าลู่น้อยหรือ…”
หลี่เยียนหรานมองไปฝั่งตรงข้าม คุณหนูข้าง ๆ เอ่ยอะไรนางก็ไม่ได้ยินแล้ว
“พี่หญิงหลี่ ท่านมองอะไรน่ะ?”
ด้วยเหตุนี้ สติหลี่เยียนหรานจึงกลับคืนมา นางเอ่ยว่า “เหตุใดพระชายาถึงชอบนางเพียงนั้น”
“พี่หญิงหลี่ เหตุใดท่านจึงชอบพระชายาเพียงนั้นเล่า?”
“นางใช้ชีวิตอย่างที่สตรีทุกคนในใต้หล้าใฝ่ฝัน” หลี่เยียนหรานกล่าว “ทุกครั้งที่ข้าได้ฟังเรื่องราวของนาง เพียงรู้สึกว่าสามีของนางและลูก ๆ ของนางโชคดียิ่งนัก จึงได้อยากเป็นคนในครอบครัวนาง”
“ผู้คนทั่วหล้าล้วนชมชอบใต้เท้าลู่น้อย ยังมีผู้ที่มีความสามารถทั้งบุ๋นบู๊อย่างท่านอ๋องลู่ แม้แต่ใต้เท้าฉีเซียวก็ไม่เลวเช่นกัน ไม่รู้ว่ามีสตรีมากมายเพียงใดลอบปาดน้ำตา มีเพียงพี่หญิงที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับพระชายาเช่นนี้”
“ข้าเชื่อว่าใต้หล้านี้ไม่ได้มีเพียงข้าผู้เดียว” หลี่เยียนหรานเอ่ย “ถามใจเจ้าเอง เจ้าไม่อิจฉาหรือ?”
“ฮิฮิ ข้าก็อิจฉาเช่นกัน”
หลี่เยียนหรานยิ้มบาง ๆ “ใช่ไหมเล่า ผู้ใดไม่อยากเป็นอย่างนางบ้าง?”
“เซียงจวิน ท่านเป็นอะไรหรือ?” มีคนสังเกตเห็นว่าอารมณ์ของหยางเซียงจวินไม่ค่อยดีนัก จึงเอ่ยถามนางอย่างสงสัย
หยางเซียงจวินรู้สึกเศร้าโศก “เขาปฏิเสธข้าอีกแล้ว”
หลี่เยียนหรานประหลาดใจ “ท่านพบกับใต้เท้าลู่น้อยอีกตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“เมื่อครู่นี้….” หยางเซียงจวินเหลียวมองรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังมองมา นางจึงเอ่ยด้วยความโกรธ “มองอะไร? ที่นี่มีอาหารอร่อยมากมาย หรือพวกเจ้ายังทานไม่พออีก?”
งานแต่งครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่งานแต่งอย่างเป็นทางการ จัดขึ้นเพียงเพื่อให้คำอธิบายแก่สกุลหัวเท่านั้น เพราะอันที่จริงแล้วงานแต่งที่แท้จริงจะจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว อีกทั้งบ้านเจ้าบ่าวยังอยู่ที่จื้อโจวซึ่งห่างไกลออกไปจากที่นี่
คุณหนูสกุลหัวนับได้ว่าเป็นหนึ่งในห้าสาวงามตามการจัดอันดับ ทว่ารูปโฉมของเจ้าบ่าวกลับทำให้หญิงสาวที่อยู่ในห้วงรักรู้สึกเยียบเย็น คุณหนูสกุลขุนนางหลายคนที่อยากแต่งงาน จู่ ๆ พลันไม่อยากแต่งแล้ว เพียงแค่อยากเป็นสาวแก่ทึนทึกอยู่ที่บ้านเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ฉีเซียวและลู่ฉาวอวี่บุรุษหยกงามทั้งสอง ซึ่งรูปร่างหน้าตาดีเป็นพิเศษแต่ไร้วี่แววว่าจะแต่งงานมาเป็นเวลานาน จึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาในหมู่คุณหนูผู้สูงศักดิ์อีกครั้ง ขอเพียงหนึ่งในสองคนนี้ ไม่ว่าผู้ใดเลือกพวกนาง พวกนางก็ยินดีแต่งประเดี๋ยวนั้น
“เวยเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรหรือ?” ฮูหยินรองสิงดันสิงเจียเว่ย “ถึงแม้แม่นางน้อยเหล่านั้นจะไม่สนใจเจ้า เจ้าก็ไม่ควรต้องกังวลจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้ นี่คุ้มค่าหรืออย่างไร?”
“ท่านแม่ ข้าไม่สบายเล็กน้อย อยากกลับแล้ว” สิงเจียเวยเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ข้าเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ จะต้องมีบางอย่างผิดปกติเป็นแน่ หรือว่าเจ้าจับไข้แล้ว?” ฮูหยินรองสิงแตะหน้าผากของสิงเจียเวย “รู้สึกตัวรุม ๆ ดูเหมือนว่าเจ้าจะจับไข้แล้วจริง ๆ เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะไปบอกท่านย่าให้เจ้า ข้าจะพาเจ้ากลับไปก่อน ถึงจวนแล้วจะเชิญท่านหมอมาตรวจ”
“ไม่ต้องแล้วท่านแม่”
“ไม่ได้” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “อย่าได้ประมาทลมเย็น มีคนมากน้อยเพียงใดที่ไม่รอดเพราะลมเย็น”
ทางฝั่งบุรุษ ลู่อี้ ฉีเซียว ลู่เซวียน และฉีเจิน พวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะหลักกับเจ้าบ้านสกุลหัว ในฐานะผู้เยาว์กลับมีคุณสมบัติที่จะนั่งที่โต๊ะหลัก ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นบุตรชายของลู่อี้ แต่ยังเป็นเพราะเขาเป็นผู้นำขุนนางรุ่นเยาว์ มีขุนนางที่มีเขาเป็นผู้นำไม่น้อย
บางคนอาจกล่าวว่าลู่ฉาวอวี่มาถึงทุกวันนี้ได้เพราะบิดาของเขา ทว่าหลังจากได้พูดคุยกับเขาแล้วก็จะรู้ว่า วิธีการของคนผู้นี้ยอดเยี่ยมพอ ๆ กับวิธีการของบิดา เพียงแต่โหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่า ไม่แม้กระทั่งแสดงความปรานี แต่จัดการอย่างเฉียบขาดดุดัน
“ใต้เท้าลู่น้อย ท่านไปเอาถุงหอมนี้มาจากที่ใด?” ฉีเจินเอ่ยหยอกเย้า “เมื่อครู่ยังไม่มี คงไม่ใช่สาวใช้จวนหัวที่โผเข้าหาอ้อมแขนท่านเมื่อครู่มอบให้กระมัง?”
ตรงนี้เป็นพื้นที่สำหรับแขกชาย ไม่มีญาติหญิง หรือสตรีภายนอก มีเพียงสาวใช้จวนหัวเท่านั้น
ท่านโหวหัวได้ยินดังนี้ก็รีบร้อนกล่าว “หากมีคนตาบอดกล้าล่วงเกินใต้เท้าลู่น้อยจริง ๆ อย่าได้เกรงใจเป็นอันขาด เพียงให้คนนำตัวไปก็พอ”