บทที่ 971 บุพเพสกุลหัว
บทที่ 971 บุพเพสกุลหัว
สำนักตรวจการ
ลู่ฉาวอวี่ตรวจดูรายงานการตรวจสอบที่จางอี้มอบให้แล้วเอ่ยขึ้น “หัวเฉิงเจี๋ยกับคุณหนูทังกำลังคบหากันหรือ?”
“ขอรับ”
“สกุลทัง… เป็นสกุลทังของใต้เท้าทังรองหัวหน้าขุนนางฝ่ายในนั่นน่ะหรือ?”
“เรียนใต้เท้า คือสกุลทังสกุลนั้นขอรับ”
ลู่ฉาวอวี่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ
จางอี้ลูบศีรษะตนเอง “อย่างไรเสียสกุลหัวก็เป็นสกุลที่ร่ำรวย มีกั๋วกงอยู่ในสกุล ถึงแม้ต่อมาจะถูกลดขั้นในภายหลัง ทว่าพวกเขาก็ยังร่ำรวยกว่าคนทั่วไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสกุลหัวมีเงิน เมื่อเห็นคุณชายหัวผู้นั้นใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย ราษฎรข้างนอกยังบอกว่าสกุลลู่อาจไม่มั่งคั่งเท่าสกุลหัวเลยนะขอรับ!”
ลู่ฉาวอวี่เหลือบมองจางอี้แวบหนึ่ง “พวกเขาไม่ได้พูดผิด ท่านพ่อข้าไม่ได้มีทรัพย์สินมากมายนัก ทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านล้วนเป็นของท่านแม่”
จางอี้ “…”
แต่ไรมาเขาไม่เคยเห็นคนครอบครัวเดียวกันแบ่งแยกอำนาจทางการเงินชัดเจนเช่นนี้มาก่อน
“คุณชายหัวและคุณหนูสกุลทังกำลังคบหากัน ทว่าสถานะสกุลทังนั้นต่ำเกินไป ไม่อาจทัดเทียมสกุลหัวได้”
“สกุลทังสถานะค่อนข้างต่ำอยู่จริง ๆ ทว่าก็ยังมีขุนนางในราชสำนัก ความรุ่งโรจน์ของสกุลสิงเป็นเรื่องของวันวาน ตอนนี้แม้กระทั่งเข้ารับตำแหน่งขุนนางยังไม่มีแม้สักคน สกุลหัวยินดีแต่งงานกับสกุลสิง เหตุใดจะเลือกสกุลทังไม่ได้?”
“บางทีอาจเป็นเพราะคุณชายหัวปกปิดเรื่องสัญญาแต่งงานที่บิดามารดาไม่เห็นด้วย?”
“ในเมื่อปกปิดแล้ว เช่นนั้นก็เปิดเผยให้พวกเขา” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “หาทางให้ผู้อาวุโสสกุลหัวรู้เรื่องนี้ ดูท่าทีทางนั้นก่อนค่อยคิดว่าจะทำอย่างไร”
“ใต้เท้า เหตุใดท่านจึงสนใจการหมั้นหมายของผู้อื่นเล่า? สกุลหัวก็ดี สกุลทังก็ดี นี่เกี่ยวข้องกับคดีของสำนักตรวจการของเราหรือ?” จางอี้เอ่ย
“ข้าให้เจ้าทำเจ้าก็ทำ ไยจึงมากความ?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “รายงานผลให้ข้าทราบตลอดเวลา”
หยางจงเซิงเดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือถือห่อบางอย่างไว้
“นี่อะไร?” จางอี้ถาม
“หลักฐานจากคดีหั่นศพ”
จางอี้กำลังจะรับมา ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหยางจงเซิง เขาพลันถอยหลังออกไปสองสามก้าวอย่างเร็วรี่
หยางจงเซิงเอ่ย “ติดตามใต้เท้ามาหลายปีเพียงนี้ เหตุใดไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเล่า?”
จางอี้เอ่ย “ใต้เท้าเตรียมการอื่นให้ข้าแล้ว ข้าออกไปก่อนละ”
หยางจงเซิงเห็นเขาวิ่งปรู๊ดออกไป พลันเอ่ยว่า “ใต้เท้าดูเอาเถิด ความกล้าน้อยนิดนั่นของเขา ทำให้ท่านขายหน้าแล้ว”
“เอาละ มาพูดเรื่องคดีเถอะ!”
หยางจงเซิงรายงานเบาะแสที่เขาพบให้ลู่ฉาวอวี่ฟัง จากนั้นก็เปิดห่อออก นำหลักฐานที่ปะปนไปด้วยเลือดออกมาวางเรียงตรงหน้า
ลู่ฉาวอวี่เป็นโรครักความสะอาด ทว่าอยู่ต่อหน้าคดี โรคนี้ดูเหมือนจะหายขาดโดยไม่ต้องใช้ยา
“พิจารณาจากเบาะแสในตอนนี้แล้ว ฆาตกรคือพี่สาวแท้ ๆ ของผู้ตาย” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “เหตุจูงใจในการฆ่าคืออะไร?”
“พี่สาวอิจฉาที่น้องสาวได้คู่ครองดี ขณะที่น้องสาวกำลังเย้ยหยันนาง นางก็หยิบเชิงเทียนข้าง ๆ ขึ้นมาทุบลงไปบนศีรษะ นึกไม่ถึงว่าน้องสาวจะตายในทันที หลังจากน้องสาวตายแล้ว นางจึงหั่นศพออกเป็นชิ้น ๆ เดิมทีคิดจะนำไปโยนทิ้งบนภูเขาให้เป็นอาหารสัตว์ป่า ทว่าก่อนที่นางจะได้ขึ้นภูเขา นางพบคนจึงขี้ขลาดขึ้นมากะทันหันจึงหาที่ฝังศพ เพื่อไม่ให้ถูกผู้ใดพบ นางได้ฝังไว้หลายแห่ง”
“ในเมื่อเบาะแสทั้งหมดเชื่อมโยงแล้ว เช่นนั้นก็จับฆาตกร นำตัวมาลงโทษ”
“ขอรับ” หยางจงเซิงรับคำ ไม่ได้รีบร้อนจากไปทันที หากแต่เอ่ยกับลู่ฉาวอวี่ด้วยท่าทีมีลับลมคมใน “เมื่อครู่ตอนที่ข้าน้อยมาถึงเห็นใต้เท้าลู่เซวียน ใต้เท้าลู่เซวียนกำลังจัดการคดีหนึ่ง ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับสกุลสิง”
“ด้วยนิสัยของเจ้า คิดว่าคงสอบถามจนแน่ชัดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” ลู่ฉาวอวี่เหลือบมองเขา “อย่างไรเสียเจ้าก็อยากรู้อยากเห็นยิ่งกว่าสตรี”
“แหะ ๆ”
ร้านชาดวิเศษ
ซ่งลี่กุ้ยขวางเจ้าหน้าที่ทางการจากกรมคลังไว้ ไม่ให้พวกเขาตรวจสอบบัญชี อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าหน้าที่กรมคลังมาถึงแล้ว ย่อมไม่อาจขวางได้ ไม่นานนักก็หาบัญชีที่ซุกซ่อนอยู่ออกมาพบ
ผู้คนมากมายห้อมล้อมดูสองฝั่งถนน เมื่อเห็นข้างในมีเจ้าหน้าที่ทางการมาเกี่ยวข้อง พวกเขาต่างถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ได้ยินมาว่ามีการเปลี่ยนเจ้าของแล้ว เจ้าของคนใหม่ฟ้องผู้จัดการซ่ง บอกว่าเขาทำบัญชีปลอมหลอกลวงเบื้องบน ระรานราษฎร ยักยอกเงินจากร้าน”
“ก่อนหน้านี้เจ้านายไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของผู้จัดการซ่งหรือ?”
“ไม่ผิด เพียงแต่ได้ยินว่าร้านถูกขายให้ผู้อื่นแล้ว เจ้าของใหม่สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรายงานทางการ ให้ดำเนินการตรวจสอบบัญชีก่อนหน้านี้โดยละเอียด”
“ถึงแม้บัญชีจะถูกปลอมแปลง นั่นก็เป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว เหตุใดเจ้าของใหม่ยังจัดการบัญชีเก่าก่อนเล่า?”
“ว่ากันว่าพอขายให้เจ้าของใหม่แล้ว สินค้าข้างในบัญชีเก่าล้วนเป็นของเจ้าของใหม่ทั้งหมด” คนผู้นั้นเอ่ยด้วยท่าทีลึกลับ “ข้าว่านะ เกรงว่าเจ้าของร้านเก่าจะยืมมือเจ้าของใหม่เก็บกวาดผู้จัดการซ่ง อย่างไรเสีย หลายปีมานี้เขาก็ยักยอกเงินไปไม่น้อย เจ้านายคนก่อนเห็นแก่ญาติจึงจัดการได้ลำบาก ตอนนี้มีเจ้าของใหม่แล้ว ควรจัดการอย่างไรก็จัดการอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องเห็นใจ”
การตรวจสอบข้างในใกล้เสร็จสิ้นแล้ว
เจ้าหน้าที่กรมคลังเหล่านั้นจัดการบัญชีแล้วรายงานผลให้ลู่เซวียนตรวจทาน
ลู่เซวียนมองดูตัวเลขด้านบนและเอ่ยกับซ่งลี่กุ้ยที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่ตรงนั้น “ดูจากบัญชีแล้ว เจ้ายักยอกเงินไปสามหมื่นห้าพันตำลึงเงิน อีกฝ่ายกล่าวว่าเห็นแก่ฮูหยินรองสิง ขอเพียงเจ้าชดใช้เงิน ข้าจะปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป หากเจ้าไม่ชดใช้เงิน เช่นนั้นก็ทำได้เพียงยึดทรัพย์สินสกุลซ่งเจ้าเพื่อชดใช้แล้ว”
“ใต้เท้าอภัยให้ข้าเถิด เงินจำนวนนี้… มากเกินไปจริง ๆ” ซ่งลี่กุ้ยสีหน้าไม่น่าดูชม
“ในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าเงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อย ๆ ก็ควรกระจ่างชัดว่าหากอีกฝ่ายยืนกรานจะฟ้องเจ้า เจ้าจะถูกส่งไปประจำกองทัพ” ลู่เซวียนเอ่ย “ตอนนี้เจ้าตัดสินใจเถอะว่าจะชดใช้เงินมา หรือใช้ทรัพย์สินที่ดินของสกุลซ่งชดเชยเงินที่ยักยอกไป”
“ข้าจะชดใช้ ข้ายินดีชดใช้”
“ภายในสามวัน ข้าจะส่งคนไปเก็บเงิน”
“ใต้เท้า มิเช่นนั้นข้านำเงินไปให้เจ้าของคนใหม่โดยตรงก็ได้แล้ว” ดวงตาของซ่งลี่กุ้ยวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
“ไม่ได้ เรื่องนี้มอบให้กรมคลัง หากข้าไม่ได้รับเงิน ข้าจะส่งคดีให้ข้าหลวงจิงเจ้าโดยตรง ถึงตอนนั้นเจ้าย่อมหนีไม่พ้นโทษ” สิ้นคำ ลู่เซวียนก็โบกมือให้คนข้าง ๆ ถอยออกไป “พวกเราไป”
ซ่งลี่กุ้ยเห็นลู่เซวียนและคนอื่น ๆ จากไปก็ลุกขึ้นมา
คนงานที่อยู่ข้าง ๆ พยุงเขาลุกขึ้นแล้วเอ่ยอย่างกระวนกระวาย “ผู้จัดการ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”
“จะทำอย่างไร? จะทำอย่างไรดี?” ซ่งลี่กุ้ยเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าต้องกลับสกุลซ่งประเดี๋ยวนี้ ซ่งซานเหนียงตัวดี แต่งออกไปสกุลสิง กลายเป็นฮูหยินรองสิงก็ไม่รู้จักกันแล้ว นางถึงกับกล้าแทงข้างหลังข้า”
ฮูหยินรองสิงกำลังอาบแดดอยู่ที่สวน
วันนี้อากาศไม่เลว หากได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์คงดียิ่งนัก
นางกำลังทานผลไม้สด มองดูสิงเจียเวยร่ายรำอยู่ในสวน ทุกอย่างช่างงดงามจริง ๆ
“ฮูหยินรอง ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านเดิมท่านมาแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ย “ตอนนี้อยู่ประตูสอง ประเดี๋ยวก็จะมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินรองสิงลุกขึ้นเอ่ยกับสิงเจียเวยที่อยู่ไม่ไกลออกไป “เจ้าสี่ ท่านยายเจ้ามาแล้ว พวกเรารีบไปต้อนรับนางเถอะ”
“ไม่กล้ารบกวนฮูหยินรองสิงมาให้เกียรติ” เสียงโกรธเคืองเสียงหนึ่งดังขึ้น