สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 859 ฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง

บทที่ 859 ฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง

บทที่ 859 ฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง

บทที่ 859 ฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง

หัวใจที่เดิมทีมืดหม่นของผู้คนพลันสั่นไหวเพราะคำพูดของลู่จื่ออวิ๋น นี่ไม่เหมือนกับการกินอยู่เพื่อรอความตายประหนึ่งกำลังรอให้วันโลกสลายมาถึงอย่างเมื่อก่อน

พวกเขาช่วยเจ้าหน้าที่ทางการทำความสะอาดบ้านเรือน นำศพคนในครอบครัวที่ถูกฝังอยู่ข้างในออกมา

ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญอย่างเจ็บปวด

การร้องไห้ครานี้ไม่ได้เกิดจากความสิ้นหวัง ทว่าเป็นความโศกาอาดูร…

ความเศร้าโศก ความเสียใจ ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับความสิ้นหวัง

สถานการณ์ในยามนี้พิเศษนัก ไม่มีวิธีหาสิ่งของมาเซ่นไหว้ได้มากมายเพียงนั้น พวกเขาทำได้เพียงทำทุกอย่างแบบเรียบง่าย

“ระวัง” ลู่จื่ออวิ๋นเข้าไปพยุงชายชราผู้หนึ่งที่เกือบจะล้ม

ชายชรากล่าวขอบคุณ “ขอบพระทัยฮองเฮา”

“ท่านลุง ข้าเสียใจด้วย” ลู่จื่ออวิ๋นเห็นเสื้อผ้าที่เขากำไว้ในมือแน่น นั่นเป็นเสื้อผ้าของเด็กชุดหนึ่ง

ชายชราพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเดินจากไป

“ใต้เท้าเซี่ยฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์วิ่งเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้านางเพื่อรายงาน

“พวกเราไปดูหน่อยเถิด”

ณ ห้องรับรอง จวนผู้ตรวจการ

เซี่ยชิงโจวลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยกับหมิงจือเหยียนที่กำลังตรวจชีพจรของเขา “แม่นาง ข้าได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ตอนนี้ข้าตื่นขึ้นมาได้ หมายความว่าจะต้องไม่เป็นไรแล้วเป็นแน่”

“แม้กระทั่งถ้อยคำยังกล่าวได้ไม่ชัดเจน ยังจะกล่าวว่าไม่เป็นไร” หมิงจือเหยียนเอ่ย “ท่านอยู่เฉย ๆ เถอะ!”

“ไม่ได้ ข้ามาที่นี่เพื่อบรรเทาทุกข์ ทว่าจนถึงบัดนี้ข้ากลับไม่ได้ทำอะไรเลย” เซี่ยชิงโจวร้อนใจยิ่งนัก

“จือเหยียนมีฝีมือการรักษาที่ล้ำเลิศ นางบอกว่าท่านต้องอยู่เฉย ๆ ก็อยู่เฉย ๆ เถิด ไม่อย่างนั้นหากอาการบาดเจ็บแย่ลง อาจได้อยู่อย่างนี้ตลอดไป” ลู่จื่ออวิ๋นก้าวเข้ามาในห้อง

“ฮองเฮามาที่นี่ได้อย่างไร?!” เซี่ยชิงโจวเพิ่งฟื้นขึ้นมาจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ท่านได้รับบาดเจ็บ เดิมทีข้าจัดเตรียมให้ซื่อจื่ออันกั๋วกงนำเสบียงมาส่ง ทว่าเขากลับพบโจรระหว่างทาง เสบียงที่ขนมาจึงปลิวหายไปเช่นนั้น ข้าคิดว่าแทนที่จะส่งผู้อื่นมาที่นี่ ข้ามาด้วยตนเองย่อมดีกว่า”

“เช่นนั้นเรื่องในราชสำนัก…”

“ยังมีอู่อันอ๋องและองค์หญิงใหญ่…”

เซี่ยชิงโจวถอนหายใจอย่างโล่งอก

ผู้อื่นไม่เข้าใจอู่อันอ๋องอย่างถ่องแท้ แต่เขากลับเข้าใจดีที่สุด เซี่ยเฉิงจิ่นโดดเด่นได้เพียงนี้ บิดามารดาเขาจะเป็นคนโง่เขลาได้อย่างไร พวกเขาเพียงแค่ชอบแสดงความรักหวานชื่น ไม่ชอบการแก่งแย่งแข่งขันในราชสำนัก ถึงได้ถ่อมตนไม่ทำตัวให้เป็นที่สังเกตนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

“สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ทุกอย่างอยู่ใต้การควบคุมของข้าแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ท่านดูแลตนเองให้ดีเถิด ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”

“พ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยชิงโจวรับคำแล้วสูดปากหนึ่งที “แม่นางหมิง ท่านอ่อนโยนหน่อยได้หรือไม่?”

หมิงจือเหยียนกำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขา

“ปัญญาชนอ่อนแอ” หมิงจือเหยียนกล่าวพึมพำ “ไม่แปลกใจว่าเหตุใดกระทั่งเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ถึงยังจัดการไม่ได้”

เซี่ยชิงโจวหันไปมองหมิงจือเหยียน “ข้ากับแม่นางมีความแค้นอะไรต่อกันหรือ?”

“ไม่มี” หมิงจือเหยียนแย้มยิ้มหวานหยดย้อย

เซี่ยชิงโจวสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย

เหตุใดรอยยิ้มของแม่นางตรงหน้าจึงน่ากลัวเช่นนี้?!

ลู่จื่ออวิ๋นมองทั้งสองคนด้วยความสงสัย จากนั้นจึงหันกลับไปเอ่ยถามติงเซียง “พวกเขารู้จักกันมาก่อนหน้านี้หรือ?”

“บ่าวก็ไม่ทราบเพคะ แต่ดูเหมือนว่าแม่นางหมิงจะรู้จักใต้เท้าเซี่ย ทว่าใต้เท้าเซี่ยไม่รู้จักแม่นางหมิง” ติงเซียงกล่าว

ในหมู่ผู้ที่ลู่จื่ออวิ๋นพามามีนายช่างที่เชี่ยวชาญเรื่องอาคารซึ่งเคยร่ำเรียนกับมู่ซืออวี่ ด้วยความช่วยเหลือจากนายช่างเหล่านี้ บ้านหลังแล้วหลังเล่าจึงฟื้นขึ้นมาจากซากปรักหักพัง ราวกับหน่อไม้ที่แตกหน่อหลังฝน นำพาชีวิตและความหวังกลับมาสู่ราษฎร

“เด็กคนนี้ว่าง่ายมากเลยนะเพคะ หมู่นี้ฮองเฮามีงานรัดตัว เขาก็ไม่ได้ทรมานท่าน” ไป๋จื่อยกน้ำแกงเข้ามา

ลู่จื่ออวิ๋นค่อย ๆ ดื่มแล้วเอ่ยว่า “ประการแรก พ้นสามเดือนไปแล้ว ในช่วงสามเดือนแรกจะมีปัญหาบ้างก็เป็นเรื่องปกติ จากนั้นย่อมไม่มีอาการรุนแรง แน่นอนว่าเรื่องนี้แตกต่างกันไปในแต่ละคน ประการที่สอง เด็กคนนี้ต้องปวดใจเพราะข้าเป็นแน่ เขารู้ว่าตอนนี้ข้าไม่อาจคอยดูแลเขาได้จึงไม่อยากให้ข้าเสียสมาธิ”

“มีเรื่องด่วนจากเมืองหลวงเพคะ”

“อ่านให้ข้าฟัง”

จดหมายนั้นเป็นองค์หญิงใหญ่ซ่างกวนหมิงเสียเขียนมา กล่าวว่าเรื่องในราชสำนักเรียบร้อยดี พวกเขายังได้รับรายงานด่วนแปดร้อยลี้จากชายแดนว่า อาณาจักรฮุ่ยและอาณาจักรเฟิ่งหลินร่วมมือกันรบกับอาณาจักรเหลียง อาณาจักรเล็ก ๆ หลายแห่งในแถบนั้นไม่อาจนิ่งนอนใจได้จึงยกทัพเข้าต้านอาณาจักรเหลียงด้วย ดูเหมือนว่าหลาย ๆ อาณาจักรจะกำลังตั้งใจสู้รบกันอย่างชุลมุนในอาณาเขตอาณาจักรเหลียง

“ราษฎรในอาณาจักรเหลียงต้องลำบากแล้ว”

“นั่นสิเพคะ”

“ทางท่านพ่อท่านแม่ข้าคงมีแผนกระมัง?”

“ได้ยินมาว่าใต้เท้าลู่และฮูหยินลู่เตรียมการให้คุณชายหลี่กู่หยวนล่วงหน้าไปแล้วเพคะ ให้เขาออกหน้าไปรับราษฎรที่ไร้บ้านเพราะไฟสงครามมา ในยามเช่นนี้ หากชาวอาณาจักรเหลียงยินดีเป็นพลเมืองอาณาจักรฮุ่ย พวกเขาจะจัดสรรที่ดินทำกินให้เพคะ”

“ท่านพ่อท่านแม่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อสร้างความขัดแย้งภายใน ทำให้พวกเขาไม่ลงรอยกัน ช่วงสงคราม จิตใจของราษฎรไม่ได้อยู่กับราชสำนัก เช่นนั้นแรงสนับสนุนภายหลังจะทำอย่างไรเล่า? การเกณฑ์ทหารหลังจากนั้นจะทำอย่างไร?”

“ใต้เท้าลู่กับฮูหยินลู่ช่างน่าทึ่งจริง ๆ นะเจ้าคะ”

ลู่จื่ออวิ๋นยื่นมือออกไปรับจดหมายจากไป๋จื่อ แล้วอ่านเรื่องที่เอ่ยถึงคนในครอบครัวเล็กน้อย

“ท่านแม่ข้าฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก ข้ายังมีอะไรต้องเรียนรู้จากนางอีกมาก หวังว่าสักวันหนึ่งข้าจะเติบโตขึ้นเป็นเหมือนกับท่านแม่ กลายมาเป็นผู้ที่ห่วงใยใต้หล้าอย่างท่านแม่ และไม่ทำให้ตนเองต้องเสียเปรียบ”

องครักษ์เดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น “เรื่องแผ่นศิลาตรวจสอบออกมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“โอ้?” ลู่จื่ออวิ๋นหันไปมองเขา “ดูเหมือนจะถึงเวลาจับหนูตัวนี้แล้ว”

ในเมื่อแผ่นศิลาปรากฏในหนานโจว ผู้ที่ทำเรื่องนี้ย่อมต้องอยู่ในหนานโจว ตอนที่ลู่จื่ออวิ๋นเพิ่งมาถึง ยังมีคนต้องการปลุกปั่นความคิดของราษฎร แสดงให้เห็นว่าคนผู้นั้นยังไม่ยอมแพ้

ณ ลานประหาร

บุรุษนับสิบคนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น แต่ละคนล้วนมีเพชฌฆาตคอยติดตาม

ชาวบ้านเพิ่งฟื้นคืนมาจากความสิ้นหวัง เมื่อเห็นฉากนี้จึงพากันเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“แผ่นศิลาก่อนหน้านั้นหรือก็คือแผ่นศิลาที่บอกว่าฮองเฮาเป็นปีศาจ ได้ยินมาว่าเป็นพวกเขาที่นำมันไปวางไว้”

“ว่าอย่างไรนะ?!”

“คำพูดบนแผ่นศิลา หวังเจินผู้นั้นเป็นคนแกะสลัก เขาเชี่ยวชาญในด้านนี้ คนอื่น ๆ รับผิดชอบในการฝังแผ่นศิลาในซากปรักหักพังทำให้มันดูเก่าแก่เพื่อให้ผู้คนเชื่อว่าเป็นคำเตือนจากสวรรค์”

“เหตุใดพวกเขาต้องทำอย่างนั้นด้วย?”

“พวกเขาเป็นคนจากอาณาจักรเหลียง คิดจะสร้างความโกลาหลในอาณาจักรเฟิ่งหลิน เช่นนี้ฝ่าบาทของพวกเราที่กำลังรบอยู่ที่ชายแดนจะต้องกลับมา การทำสงครามกับอาณาจักรเหลียงย่อมพ่ายแพ้”

“ว่าอย่างไรนะ?! นึกไม่ถึงว่าไส้ศึกเหล่านั้นจะใช้วิธีการนี้เพื่อต่อต้านฮองเฮาของเรา”

“ฮองเฮาเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง เพราะวิธีการน่ารังเกียจของพวกมัน นางเกือบต้องกลายเป็นฮองเฮาปีศาจที่ผู้คนทั้งแผ่นดินก่นด่า คนพวกนี้สมควรตาย ไม่อาจแสดงความเมตตาเป็นอันขาด!”

“สมควรประหาร! สมควรประหารพวกมันทั้งหมด!” ไส้ศึกอาณาจักรเหลียงพวกนี้ล้วนสมควรตาย

ลู่จื่ออวิ๋นเดินขึ้นไปบนแท่นตรงกลางแล้วกล่าวกับทุกคน “ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกแล้วว่าจะไม่ปล่อยเรื่องแผ่นศิลาไป ดังนั้นข้าจึงส่งคนไปตรวจสอบ พบว่าตัวอักษรบนแผ่นศิลาเป็นตัวอักษรโบราณ ผู้ที่แกะสลักคำเหล่านี้ได้มีความสามารถอยู่บ้างจริง ๆ อีกทั้งศิลานั้นก็เก่าเช่นกัน คิดจะหาศิลาเช่นนั้น ย่อมหาไม่ได้ง่าย ๆ ทว่าขอแค่เพียงเราสืบดู ย่อมไม่มีอะไรที่สืบไม่ได้ เราจึงพบที่มาของศิลาแล้ว”

“ขอเพียงมีเบาะแสอย่างหนึ่ง ทุกอย่างล้วนค้นหาง่ายขึ้น พวกเราจึงตรวจสอบหาไส้ศึกหลายสิบคนจากอาณาจักรเหลียงออกมาได้ พี่น้องทั้งหลาย คนเหล่านี้คิดจะใช้พวกท่านก่ออุบายต่อต้านอาณาจักรเฟิ่งหลิน พวกเขาสมควรถูกประหารหรือไม่?!”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Score 10
Status: Completed
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

Options

not work with dark mode
Reset