บทที่ 1221 ตอนพิเศษ (86.2)
บทที่ 1221 ตอนพิเศษ (86.2)
อู๋ซานเหนียงจื่อตายแล้ว นี่เป็นเรื่องที่มู่ซืออวี่ไม่คาดคิด นางคิดว่าอีกฝ่ายหนีไปแล้วจริง ๆ เพียงแต่ก็ใช่ หากอู๋ซานเหนียงจื่อเต็มใจที่จะจากไปจริง ๆ คงไม่รอจนกระทั่งวันนี้ อย่างไรเสียนางก็ไม่อาจทิ้งลูกไปได้
สุดท้ายแล้วความใจดีของอู๋ซานเหนียงจื่อก็ไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน
เมื่อครู่มู่ซืออวี่ส่งคนไปสอบถาม พ่อเฒ่าจางแม่เฒ่าจางสารภาพแล้ว บอกว่าจางหลินกำลังเล่นพนัน สองสามวันนี้ย่อมไม่กลับบ้าน เมื่อซานเหนียงกลับมาจากเล่นไพ่นกกระจอกจึงระบายโทสะลงที่นาง
นึกไม่ถึงว่า เพียงพลาดพลั้งคราวเดียว อู๋ซานเหนียงจื่อก็ตายได้
เด็กทั้งสามเห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาตนเอง เพื่อไม่ให้พวกเขาเปิดโปง พ่อเฒ่าจางกับแม่เฒ่าจางจึงขายพวกเขาออกไปไกลหลายสิบลี้ คิดว่าหลังจากเรื่องนี้จบลงจะพาหลานชายกลับมา ส่วนหลานสาวนั้น อย่างไรก็เป็นของเสียเงิน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพากลับมาด้วย
หลังจากจางหลินกลับมาบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผย พวกเขาจึงปกปิดความจริง โกหกจางหลินว่าอู๋ซานเหนียงจื่อไม่ได้กลับบ้านมาสองสามวันแล้ว จากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดฉากที่พวกเขาถูกจับกุม
“เอาละ พี่หญิงน้องหญิงทั้งหลาย ชีวิตพวกท่านต้องใช้ด้วยตนเอง ข้าไม่อาจช่วยพวกท่านใช้ชีวิตได้ ดังนั้น พวกท่านควรไตร่ตรองให้ดีว่าควรใช้ชีวิตเช่นไร เท่านี้ก็พอแล้ว วันนี้ผู้ใดอยากเล่นไพ่ข้าเอาด้วย เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึงอีก”
เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนใหญ่โตทีเดียว ‘ความไร้เดียงสาและความโง่เขลา’ ของอู๋ซานเหนียงจื่อกลายเป็นบทเรียนสำหรับสั่งสอนลูกหลานในทุกครอบครัว ขณะเดียวกัน ทางการก็ดำเนินการตรวจสอบแต่ละครอบครัว ช่วยเหลือสตรีจากครอบครัวดีงามที่ถูกลักพาตัวมากว่าสิบบ้าน สตรีบางคนไม่อยากจากไปเพราะลูก บางส่วนยินดีจากไปโดยไม่แม้แต่ลังเลใจ ถึงแม้ว่าสกุลเดิมจะไม่มีที่สำหรับพวกนาง แต่อย่างไรก็ยังดีกว่ารั้งอยู่ที่นี่
หลายเดือนต่อมา ขณะที่มู่ซืออวี่กำลังเล่นไพ่ก็มีจดหมายมาจากลู่เยี่ย
“ฮูหยิน คุณหนูอวิ๋นเอ๋อร์ส่งจดหมายมาขอรับ”
เมื่อได้ยินว่าเป็นจดหมายจากลู่จื่ออวิ๋น มู่ซืออวี่ก็วางไพ่นกกระจอกในมือลงทันที นางรับจดหมายมาเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว
“พี่หญิง ลูกสาวท่านอายุเท่าไหร่แล้วหรือ?” ผู้เล่นที่อยู่ตรงข้ามเอ่ยถามขึ้น
“ยี่สิบปี”
“พี่หญิงดูเหมือนเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะมีลูกสาวยี่สิบปีแล้ว ดูไม่ออกจริง ๆ นะเจ้าคะ”
คนข้าง ๆ หัวเราะพลางเอ่ย “หรือว่าพี่หญิงอายุได้ไม่กี่ปีก็คลอดลูกสาวออกมาผู้หนึ่งแล้ว?”
มู่ซืออวี่หัวเราะ “อย่าได้มัวพูดจาเหลวไหลอยู่ที่นี่”
“เหตุใดไม่เห็นลูกสาวท่านเล่าเจ้าคะ?”
“นางแต่งงานสร้างครอบครัว บัดนี้ติดตามสามีของนางไปแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “ลูกสาวน่ะนะ พวกเราลำบากตรากตรำเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ก็เพื่อให้นางได้แต่งกับสามีดี ๆ สามีนางดีต่อนาง แน่นอนว่านางย่อมติดตามสามีไป”
“พี่หญิงอย่าได้โศกเศร้า พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนท่านเอง”
“ข้าไม่เศร้า อย่างไรเสียข้าก็คงอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน” มู่ซืออวี่พับจดหมายเก็บ “ลูกสาวของข้าส่งจดหมายมาบอกว่า เรื่องของนางทางนั้นใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ราว ๆ หนึ่งเดือนคงกลับเมืองหลวงได้”
“พี่หญิงต้องไปแล้วหรือ?” หลายเสียงเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
คนอื่น ๆ ต่างก็หันมามอง
“ฮูหยินต้องไปแล้วหรือ?”
มู่ซืออวี่หันมองไปรอบ ๆ แล้วกล่าว “ข้าไป แต่ร้านไพ่นกกระจอกจะยังเปิดอยู่ สีหน้าเช่นนี้ของพวกท่านมันอะไรกัน?”
“พี่หญิงไปแล้ว ร้านเล่นไพ่นกกระจอกย่อมสูญเสียความอบอุ่นไป”
“พวกเรามาที่นี่เพราะชอบพี่หญิง มาเล่นไพ่นกกระจอกที่นี่ก็เพราะชอบเล่นกับท่าน หากพี่หญิงจากไป ที่นี่สำหรับพวกเราแล้วก็ไม่มีอะไรให้คิดถึงมากนัก”
“วางใจเถอะ ข้าจะกลับมา” มู่ซืออวี่กล่าว “สภาพแวดล้อมที่นี่ดี เหมาะที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณ ข้ากับสามีจะกลับมาหลังจากที่จัดการเรื่องสำคัญเสร็จแล้ว”
“เรื่องสำคัญอะไรหรือเจ้าคะ?”
“ลูกสาวคนรองกับลูกชายคนรองของข้าจะแต่งงาน”
“นี่เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ!”
ทุกคนพูดคุยถึงเรื่องลูกสองคนของมู่ซืออวี่ที่กำลังจะแต่งงาน
เมื่อพวกเขารู้ว่านางมีลูกสี่ แต่ละคนล้วนมีสีหน้าประหลาดใจ
ใบหน้านี้ของมู่ซืออวี่ช่างหลอกลวงเกินไปแล้ว ผ่านมาหลายปีเพียงนี้ นางไม่มีแม้กระทั่งรอยย่นตรงหว่างคิ้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ แม้นางจะมีสุขภาพดีเพียงใดก็ยังเป็นสตรีผู้พบเห็นโลกมามาก
เมื่อพูดคุยเรื่องลูก บรรดาแม่ทุกคนต่างก็มีหัวข้อให้สนทนาไม่รู้จบ
เมื่อมู่ซืออวี่กลับมาจากร้านไพ่นกกระจอกก็พบว่าลู่อี้กำลังเล่นหมากรุกอยู่กับฉีเซียว
สองคนนี้ช่างใช้ชีวิตอย่างผู้สูงอายุจริง ๆ
นอกจากตกปลาแล้วยังเล่นหมากรุก นัดกันควบม้าไปล่าสัตว์บ้างเป็นครั้งคราว ทว่ากลับไม่ได้จริงจังอะไรนัก เพียงแค่ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ น้อยครั้งที่จะล่าสัตว์จริง ๆ
“วันนี้ได้รับจดหมายจากอวิ๋นเอ๋อร์ พวกท่านรู้แล้วกระมัง?” มู่ซืออวี่นั่งลงข้าง ๆ
“รู้” ฉีเซียวกล่าว “นางหลินผู้นั้นมาถึงบั้นปลายชีวิตแล้ว อาจจะจากไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เซี่ยเฉิงจิ่นกับนางมีความสัมพันธ์มารดาบุตรในช่วงเวลาหนึ่งจึงอยากจะรั้งอยู่เฝ้าหลุมศพของนางเป็นเวลาหนึ่งเดือน”
“อีกหนึ่งเดือนให้หลัง พวกเราต้องออกเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “การแต่งงานของชิงเอ๋อร์กับสกุลซ่งควรจัดการเสียที เลื่อนออกไปอีกไม่ได้”
“คำนวณเวลาดูแล้ว ภรรยาฉาวอวี่ใกล้จะคลอดเร็ว ๆ นี้แล้วใช่หรือไม่?” ฉีเซียววางหมากลงแล้วหันไปมองลู่อี้ “ท่านเป็นบิดาแท้ ๆ เหตุใดไม่สนใจแม้แต่น้อย? นั่นเป็นทายาทที่ลูกชายคนโตของท่านได้มาไม่ง่ายเชียวนะ”
“ลูกหลานย่อมมีวาสนาของลูกหลาน พวกเราปูนนี้แล้วยังมีอะไรที่ปลงไม่ตกอีก? ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าพวกเขามีทายาทแล้วผู้หนึ่ง ถึงแม้จะไม่มี ขอเพียงพวกเขาเต็มใจใช้ชีวิตเช่นนั้น นั่นก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“ผิดแล้ว” มู่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆ ขยับหมากรุกของฉีเซียว
ฉีเซียวจับนางไว้แล้วเอ่ย “ท่านป้า ข้ารู้ว่าท่านอยากช่วยคนของท่าน เพียงแต่ดูหมากไม่กล่าววาจาจึงจะเป็นสุภาพบุรุษตัวจริง ท่านอย่ามาสร้างปัญหาอยู่ที่นี่ อยู่นิ่ง ๆ เถอะ!”
มู่ซืออวี่กล่าว “เอาเถอะ ท่านไม่เชื่อการตัดสินใจของข้า เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”
หนึ่งอึดใจให้หลัง ฉีเซียวมองหมากที่พ่ายแพ้ แล้ววางหมากสีดำในมือลงด้วยความโมโห “พวกเจ้าสองสามีภรรยาจงใจใช่หรือไม่? พระชายาจงใจเบี่ยงเบนความสนใจของข้า สหายลู่ลอบวางแผนให้ข้าติดกับ”
“ข้ายอมรับ” ลู่อี้กล่าว “ข้าบอกให้เจ้าหาภรรยาดี ๆ สักคนตั้งนานแล้ว ท่านไม่ยินยอมเอง เช่นนั้นตอนนี้ก็อย่าได้มาว่าพวกเราที่สองรุมหนึ่ง อย่างไรท่านก็แพ้แล้ว ยอมรับความพ่ายแพ้เสียเถอะ”
“ไซซีเต้าหู้ตรงข้ามผู้นั้นเฝ้ามองท่านทั้งวี่วัน ท่านไม่หวั่นไหวบ้างหรือ?”
“ไซซีเต้าหู้อะไร” ฉีเซียวยังไม่รู้เรื่อง
“แม่นางน้อยคนนั้นอย่างไรเล่า ดูแล้วอายุห่างกับอวิ๋นเอ๋อร์ไม่มาก แม่นางน้อยที่ดวงตาราวกับพูดได้ผู้นั้นน่ะ”
“ข้าไม่ชมชอบคนอายุน้อยเพียงนั้น”
“หากท่านชอบคนแก่ก็ย่อมได้” ลู่อี้จงใจแกล้งเขา “พรุ่งนี้ไปหาแม่สื่อ ให้แม่สื่อหาสตรีที่อายุมากหน่อยให้ท่านสักคน”
“ไม่เล่นแล้ว พวกเจ้าสองสามีภรรยาช่างรังแกคนเก่งจริง ๆ ข้าจะออกไปเดินเล่นสูดอากาศสักหน่อย”
ฉีเซียวเดินไปบนท้องถนน มองดูผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา
ชีวิตที่สงบสุขในยามนี้เป็นชีวิตอย่างที่เขาอยากใช้ สิ่งอื่นเขาไม่ได้มีความสนใจจริง ๆ
ในยามนี้เอง เขาได้ยินนักเล่านิทานกำลังเล่าเรื่องของหน่วยลับ
“ผู้นำหน่วยลับในยามนั้นแซ่ฉี ดูราวกับเป็นเทพเซียนจุติลงมายังโลกมนุษย์…”
ฉีเซียวยกมือขึ้นลูบใบหน้า
เทพเซียนลงมาจุติเป็นมนุษย์หรือ?
อื้ม!
เป็นคำที่ห่างหายไปนานมากจริง ๆ