สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 1025 กลิ่นควันจากปล่องไฟในครัว

บทที่ 1025 กลิ่นควันจากปล่องไฟในครัว

บทที่ 1025 กลิ่นควันจากปล่องไฟในครัว

บทที่ 1025 กลิ่นควันจากปล่องไฟในครัว

ลู่ฉาวอวี่กลับมาที่เรือน เมื่อเห็นภายในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดก็อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าเพื่อมองดู

ตอนนี้ที่เรือนมีนายหญิงแล้ว จางอี้กับหยางจงเซิงย่อมไม่มาที่เรือนหลังอีกต่อไป หากมีเรื่องใดจะตรงไปที่ห้องตำราของลู่ฉาวอวี่ทันที หลังออกมาจากห้องตำราก็จะจากไปโดยเร็วที่สุด

ยามนี้ ลู่ฉาวอวี่ยืนอยู่ภายในสวนเพียงลำพัง มองดูหมู่มวลดอกไม้ด้วยสีหน้าคลุมเครือ

สิงเจียซือกำลังจะนำดอกไป่เหอ*[1] หลายดอกไปจัดแจกันพอดี นางเห็นลู่ฉาวอวี่ยืนนิ่งงันอยู่เช่นนั้นจึงเอ่ยถาม “ท่านไม่ชอบที่จัดสวนเช่นนี้หรือ?”

ลู่ฉาวอวี่ได้ยินเสียงนางจึงหมุนตัวกลับมาตอบ “ไม่ใช่ไม่ชอบ เพียงแต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเรือนหลังนี้ค่อนข้างสวยงามขึ้นมาทีเดียว เมื่อก่อนดูเหมือนถูกละเลยอยู่บ้างจริง ๆ”

“ท่านบอกว่าจัดได้ตามชอบ ข้าคิดว่าดอกไม้เหล่านี้ทั้งสามารถใช้เป็นยา อีกทั้งยังใช้ชงชาได้จึงคิดจะปลูกไว้ในสวน ยามดอกไม้บานยังช่วยเรื่องการนอนหลับด้วย แก้ปัญหานอนไม่หลับของท่านได้พอดี”

ลู่ฉาวอวี่มองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้านอนไม่หลับ?”

คนทั่วไปรู้เพียงเขาชาญฉลาด ทว่าไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนมีราคาที่ต้องจ่าย คนผู้หนึ่งมีความคิดอยู่ในสมองมากเกินไป ย่อมเป็นการรบกวนจิตใจ ครั้นเวลาผ่านไป ย่อมเลี่ยงที่จะรู้สึกไม่สบายได้ยาก

เพียงแต่ลู่ฉาวอวี่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยให้บ่าวรับใช้เฝ้าตอนกลางคืน แม้แต่เรื่องที่เขานอนไม่หลับก็ยังเก็บเอาไว้เพียงผู้เดียว แม้กระทั่งบิดามารดาของเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้ นอกจากนั้นเขายังมีกำลังวังชาดียิ่ง ครั้งหนึ่งเขาเคยนอนไม่หลับติดต่อกันสามคืน กลางวันก็ยังจัดการคดีปกติ จวบจนกระทั่งบัดนี้ ยังไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ของเขามาก่อน

“ใต้เท้าลืมแล้วหรือว่าเราพบกันข้างนอกหลายครั้ง?”

“เรียกใต้เท้าอีกแล้ว”

“ที่นี่ไม่มีผู้อื่น” ไม่มีผู้อื่น นางเรียกเขาว่าท่านพี่ได้ไม่คล่องปาก

ของปลอมอย่างไรก็เป็นของปลอม

“อย่างไรก็ตาม อาการนอนไม่หลับนี้คนของข้ากลับไม่สังเกตเห็น”

นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนซึ่งพบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้งจะสังเกตเห็นได้

จางอี้กับหยางจงเซิงไม่เคยสังเกตเห็น แต่นางกลับสังเกตเห็น นี่แสดงให้เห็นว่า…

นางเป็นคนละเอียดรอบคอบ

ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลคือ…

นางใส่ใจเขา

มุมปากของลู่ฉาวอวี่หยักยกขึ้น “ข้าเพิ่งกลับมา ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“ข้าต้มแกงไว้ ใต้เท้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ทานได้แล้ว”

ลู่ฉาวอวี่จัดการตนเองเรียบร้อยแล้วจึงกลับมาที่ห้อง เห็นอาหารสองสามอย่างวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งยังมีสาเกอีกไหหนึ่ง

ที่กล่าวว่าสาเกเป็นเพราะสุราที่มีความเข้มข้นระดับนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ขอเพียงไม่ดื่มมากจนเกินไปจะช่วยฟื้นฟูกำลังกาย

“อาหารเหล่านี้ดูไม่เหมือนฝีมือของห้องครัว”

“อาหารเหล่านี้ข้าทำเอง ท่านลองชิมดูเถิด หากไม่ถูกปากข้าจะเปลี่ยนเป็นอาหารอย่างอื่น”

มู่ซืออวี่คิดว่าลูกสะใภ้ใหม่เพิ่งมาถึงบ้านจึงเตรียมจะให้พวกเขาสองสามีภรรยามาทานข้าวด้วยกัน แต่เจ๋อหลานไปสอบถามมาก่อนแล้วจึงบอกเรื่องที่วันนี้สิงเจียซือเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง นางจึงไม่ได้มากความ

“พระชายา บ่าวไม่เข้าใจเลยเจ้าค่ะ” ชิงไต้ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ท่านไม่ได้บอกว่าคุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยแต่งงานกันหลอก ๆ หรือเจ้าคะ?”

“แต่งงานกันหลอก ๆ ทว่าความรู้สึกกลับเป็นของจริง เพียงแต่พวกเขาแค่ไม่รู้ใจของอีกฝ่ายก็เท่านั้น” มู่ซืออวี่เอ่ย “มิเช่นนั้นข้าจะรับปากให้พวกเขาแต่งงานกันได้อย่างไร?”

“ก่อนหน้านี้คุณชายใหญ่มักจะไม่อยู่บ้านหลายวัน บัดนี้ดูเหมือน…”

“ตอนนี้ยังเป็นวันหยุดแต่งงาน เขาออกไปแล้วหรือ?”

“ดูเหมือนจะมีคดีที่ต้องให้เขาจัดการ เขาออกไปเพียงสองชั่วยามก็กลับมาเจ้าค่ะ”

“นั่นนับว่าพัฒนาขึ้นแล้ว หากเป็นยามปกติ นอกเสียจากวันเกิดคนในครอบครัว เขาไม่มีทางผละออกมากลางคัน เรื่องอื่นใดล้วนปล่อยไว้ก่อน”

“นั่นสิเจ้าคะ”

แม่นมเฒ่าผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก

“มีอะไรหรือ?”

“คนจากจวนหลี่ส่งข่าวมาเจ้าค่ะ บอกว่าคุณหนูของพวกเราอยู่ที่จวนหลี่ทำให้หยางเซียงจวินได้รับบาดเจ็บ”

“คุณหนูรองหรือ?” เจ๋อหลานเอ่ยถาม

“มีเพียงคุณหนูรองแล้ว” แม่นมเฒ่ากล่าว “พ่อบ้านกำลังรับหน้าคนของจวนหลี่ บ่าวจึงมาส่งข่าวเจ้าค่ะ”

“อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ได้ยินมาว่าศีรษะกระทบหิน ศีรษะแตกแล้วจึงหมดสติในทันทีเจ้าค่ะ”

มู่ซืออวี่ลุกขึ้นยืน “ดูเหมือนมื้อเย็นวันนี้ข้าจะทานไม่อร่อยแล้ว ข้าจะไปดูสักหน่อย”

“ท่านแม่” ลู่จื่ออวิ๋นเดินเข้ามาจากข้างนอก “ท่านไม่ต้องไป ข้าไปเองเจ้าค่ะ”

“หากเจ้าไป จวนหลี่คงกล่าวหาว่าจวนลู่เรารังแกคนแล้ว”

หากไปทวงความยุติธรรมที่นั่นอย่างเอิกเกริกโดยไม่ระวังและทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอาณาจักรไป ผู้ใดจะรับผิดชอบ?

“ถ้าข้าไม่ไป พวกเขาจะไม่กล่าวหาว่าพวกเราจวนท่านอ๋องลู่ใช้อำนาจรังแกผู้อื่นหรือเจ้าคะ? เอาละ ท่านแม่ ลูกอยู่ที่นี่ ท่านไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ด้วยตนเอง บังเอิญหมู่นี้ข้าค่อนข้างว่างทีเดียว ต้องหาบางอย่างฝึกปรือทักษะตนเองเสียหน่อย”

มู่ซืออวี่หัวเราะ “ได้ มีเจ้าจัดการข้าย่อมวางใจ ไม่เหมือนชิงเอ๋อร์ เพิ่งกลับมาก็ก่อเรื่องเสียแล้ว”

“ชิงเอ๋อร์ถึงแม้จะชอบทำตามอำเภอใจ ทว่านางแยกแยะบุญคุณความแค้นชัดเจน นางไม่สร้างปัญหา แต่หาได้กลัวปัญหาไม่ ถึงแม้ข้าจะยังไม่ได้พบชิงเอ๋อร์ แต่ข้ามั่นใจว่านางไม่ได้ทำผิดเจ้าค่ะ”

“นิสัยปกป้องคนของตนในสกุลลู่นั้นฝังลึกถึงกระดูกแล้ว เจ้าไม่รู้ความสามารถในการก่อเรื่องของน้องสาวเจ้า เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ ขอเพียงไม่มีผู้ใดยุ่งกับนาง นางย่อมไม่สร้างปัญหา เอาเถอะ เจ้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน!”

จวนหลี่

ฮูหยินหลี่เอ่ยถามหมอหลวง “เป็นอย่างไรเจ้าคะ?”

“เสียหายไปถึงสมองแล้ว ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณหนูหยางจะฟื้นเมื่อไหร่” หมอหลวงส่ายหน้าไปมา “หากนางไม่ฟื้น เช่นนั้นคงลำบากแล้ว ถึงแม้นางจะฟื้นก็ต้องดูว่ามีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่”

ฮูหยินหลี่มองหลี่เยียนหราน “ดูซิว่าเจ้าจัดงานเลี้ยงอย่างไร หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับคุณหนูหยาง ข้าจะดูว่าเจ้าจะอธิบายให้จวนหยางฟังอย่างไร”

หลี่เยียนหรานกัดฟันกล่าว “โทษข้าหรือ? ข้าจัดงานเลี้ยงมาหลายงานกลับไม่เคยเกิดปัญหา เหตุใดคนแซ่ลู่มาก็เกิดเรื่องแล้วเล่า มิหนำซ้ำท่านยังไม่โทษนางอีก”

“เห็น ๆ อยู่ว่าเจ้ากับนางไม่ถูกกัน ไม่มีเรื่องแล้วชวนนางมาทำอะไร?”

หลี่เยียนหรานเม้มริมฝีปากไม่กล่าวคำใด

ในเมื่อนางไม่ถูกกับลู่จื่อชิง เชิญอีกฝ่ายมาย่อมไม่ได้มีเจตนาดี

ระยะนี้ลู่จื่อชิงเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกกับบุรุษสองสามคน จุดอ่อนที่ชัดเจนเช่นนี้นางจะไม่นำมาสร้างความครื้นเครงได้อย่างไร เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าลู่จื่อชิงจะโมโหร้ายเพียงนี้ แม้กระทั่งกับหยางเซียงจวินก็กล้าลงมือ

“คุณหนูรองลู่เล่า?”

“รออยู่ข้างนอกเจ้าค่ะ”

“คนจวนหยางแจ้งแล้วหรือยัง?”

“ที่แจ้งก่อนคือจวนหยาง แล้วค่อยแจ้งจวนลู่เจ้าค่ะ ดูจากเวลา คนจวนหยางคงใกล้มาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

“ความคิดของเจ้า ข้าจะไม่เข้าใจหรือ? แจ้งจวนหยางก่อน รอคนจวนหยางมาถึง พวกเขาก็จะกดดันคุณหนูรองลู่ต่าง ๆ นานา ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรเสียจวนหยางก็เป็นพระญาติของฝ่าบาท ถึงแม้สกุลลู่จะมีอำนาจเพียงใด สกุลหยางก็ไม่ใช่พวกกินเนื้อ ย่อมเกิดละครฉากใหญ่ขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง” ฮูหยินหลี่เอ่ยด้วยความโมโห “เจ้าสายตากว้างไกลเช่นนี้ ไยไม่มองให้กว้างอีกหน่อยเล่า? เรื่องสกปรกเช่นนี้กลับกล้าทำในบ้านตนเอง เจ้าให้ผู้อื่นออกหน้าไม่ดีกว่าหรือ?”

ตอนนี้ดีนัก สกุลหลี่ล่วงเกินทั้งสองฝ่ายแล้ว จะประจบฝ่ายใดล้วนไม่ได้ทั้งสิ้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานว่าคนจากจวนลู่มาแล้ว

“คนจากจวนลู่มาแล้ว คนจากจวนหยางกลับไม่มาหรือ?” ฮูหยินหลี่ขมวดคิ้ว “นี่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย! หยางเซียงจวินอยู่ในจวนหยางก็เป็นที่รักใคร่เอ็นดู บัดนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จวนหยางจะไม่ส่งคนมาได้อย่างไร?”

“ฮูหยิน คนจวนลู่ที่มาเป็นคุณหนูใหญ่ลู่ขอรับ” ผู้ดูแลเข้ามารายงาน

“คุณหนูใหญ่ลู่… นั่นไม่ใช่…” ฮูหยินหลี่ขมวดคิ้ว “จวนหยางล่วงเกินไม่ได้ จวนลู่ยิ่งล่วงเกินไม่ได้ เจ้าดูซิคนจวนลู่คนใดเป็นตะเกียงประหยัดน้ำมันบ้าง? เดิมทีข้าคิดว่าพระชายาลู่จะมาจัดการเรื่องนี้ นึกไม่ถึงว่าผู้ที่มากลับเป็นคุณหนูใหญ่ลู่ ฮองเฮาอาณาจักรเฟิ่งหลิน หากจัดการได้ไม่ดี…”

นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องระหว่างหญิงสาวอีกต่อไปแล้ว

แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงทั้งสองอาณาจักร!

[1] ดอกไป่เหอ คือ ดอกลิลลี

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Score 10
Status: Completed
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

Options

not work with dark mode
Reset