บทที่ 1016 สะใภ้ยกน้ำชา
บทที่ 1016 สะใภ้ยกน้ำชา
“วันนี้สะใภ้คนใหม่จะมายกน้ำชา” มู่ซืออวี่เอ่ย “นังหนูคนนั้นเป็นคนรู้กฎเกณฑ์ คิดว่าคงตื่นแล้ว ข้าไม่อาจปล่อยให้นางรอ มิอย่างนั้น ข้าจะไม่กลายเป็นแม่สามีใจร้ายสร้างความลำบากให้ลูกสะใภ้หรือ?”
“เช่นนั้น พระชายาให้บ่าวไปถ่ายทอดข้อความให้ฮูหยินน้อย บอกว่าคำนึงถึงอาการบาดเจ็บของนาง พิธียกน้ำชาละเว้นไปเสียดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“นั่นก็ไม่ได้ อย่างนี้ก็จะกลายเป็นว่า แม่สามีผู้นี้ไม่ชอบนาง จงใจสร้างความยุ่งยากให้นาง”
“ฮูหยินน้อยได้พบกับแม่สามีที่มีน้ำใจ อีกทั้งยังเอาใจใส่อย่างพระชายา ช่างโชคดีจริง ๆ” ชิงไต้เอ่ย
“นั่นน่ะสิ” ลู่อี้ลุกขึ้นนั่ง “แม้กระทั่งสามีของนาง นางยังไม่ได้ถี่ถ้วนรอบคอบขนาดนี้”
“เหตุใดท่านตื่นขึ้นมาแล้วเล่า?”
“ปกติเวลานี้ข้าไปราชสำนักแล้ว” ลู่อี้เอ่ย “อีกอย่าง วันนี้เราต้องไปดื่มน้ำชาของลูกสะใภ้คนใหม่ไม่ใช่หรือ? เจ้าไม่อยากเป็นแม่สามีใจร้าย หากข้าไปสาย ข้าจะไม่กลายเป็นพ่อสามีใจร้ายหรือ?”
“ชั่วพริบตาเดียว พวกเราก็มีอายุเป็นพ่อแม่สามีแล้ว” มู่ซืออวี่มองลู่อี้ หยิบเสื้อผ้าข้าง ๆ ขึ้นมาสวมให้เขา “ข้าแก่แล้ว เหตุใดสามีข้ายังหล่อเหลาเช่นนี้?”
ไม่เพียงแต่หล่อเหลา แต่กลับยังมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แปลกใจ เหตุใดจึงมีคนกล่าวว่าบุรุษยิ่งแก่ ยิ่งล้ำค่า ในยุคสมัยปัจจุบัน อายุวัยนี้เป็นอายุที่มีเสน่ห์ดึงดูดที่สุด
“ผู้ใดบอก?” ลู่อี้เอ่ย “ฮูหยินของข้ายังงดงามเสมอ”
ชิงไต้กับเจ๋อหลานสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ถึงแม้จะคุ้นชินแล้ว ทว่ายามเห็นเจ้านายทั้งสองหยอกเย้ากันเช่นนี้ สาวใช้ทั้งสองยังคงไม่กล้ามองพวกเขาตรง ๆ แม้แต่น้อย
ไม่ว่าอย่างไร คนที่เกิดและโตในยุคโบราณก็ยังคงชอบสงวนท่าทีของตน ไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างพวกเขา
ทั้งสองคนมาถึงห้องโถงใหญ่แล้ว
ดังคาด บ่าวรับใช้รายงานว่าคุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยมาถึงแล้ว
ลู่เซวียนกับซูจือหลิ่วก็รั้งอยู่ที่นี่ ไม่ได้กลับไป
เมื่อคืนนี้ฉีเซียวไต่สวนเกือบทั้งคืน ไม่ง่ายเลยที่จะง้างปากสายลับหลายคนนั้นออกมาได้ เขาง่วงเป็นอย่างมากจึงต้องพักอยู่ที่เรือนปีกตะวันตกของจวนท่านอ๋องลู่
เรือนปีกตะวันตกไม่ได้มีไว้รับรองแขก หากแต่เป็นพื้นที่พิเศษสำหรับสหายและญาติ กล่าวได้ว่า ลู่เซวียนก็ดี ฉีเซียวก็ดี แม้กระทั่งฟ่านหยวนซีและคนอื่น ๆ ต่างมีห้องพิเศษเฉพาะอยู่ที่นี่
หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาคิดถึงฝีมือการทำอาหารของมู่ซืออวี่ก็จะมากินดื่มกัน ย่อมหลีกเลี่ยงที่จะต้องค้างคืนอีกครั้งไม่ได้
ลู่เซวียนในฐานะผู้อาวุโสสกุลลู่ วันนี้ในโอกาสอย่างพิธียกน้ำชาของสะใภ้ใหม่ เขาจึงต้องมาปรากฏตัว
ดังนั้น เมื่อลู่ฉาวอวี่และสิงเจียซือมาถึง ลู่อี้กับภรรยาและลู่เซวียนกับภรรยาล้วนปรากฏตัวทั้งคู่
ลู่จื่ออวิ๋นกับสามี ลู่จื่อชิง รวมไปถึงลู่ฉาวจิ่ง และเด็ก ๆ อีกหลายคนล้วนนั่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รอให้คู่บ่าวสาวยกน้ำชา ก่อนที่พวกเขาจะไปคารวะพี่สะใภ้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ” สิงเจียซือคุกเข่าลงยกน้ำชาให้
ลู่อี้ดื่มชาแล้วจึงมอบของขวัญ
มู่ซืออวี่ดื่มชาแล้วจึงมอบของขวัญเช่นกัน
ถัดจากนั้นจึงเป็นลู่เซวียนกับภรรยา ทั้งสองคนดื่มชาตามพิธีแล้วมอบของขวัญแต่งงานให้
หลังจากยกน้ำชาให้ผู้อาวุโสแล้ว ผู้เยาว์จึงเดินเข้ามา ลู่จื่ออวิ๋นและคนอื่น ๆ เรียกพี่สะใภ้คนแล้วคนเล่า ทำให้หัวใจของสิงเจียซือเต้นกระหน่ำ ใบหน้าของนางแดงเรื่อ ฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
ส่วนลูกสองคนของลู่จื่ออวิ๋นนั้น ถึงแม้จะเป็นองค์ชายกับองค์หญิงแห่งอาณาจักรเฟิ่งหลินก็ไม่ได้วางท่าทีแม้แต่น้อย เรียกสิงเจียซือว่าป้าสะใภ้เสียงอ่อนเสียงหวาน ขอของขวัญ จากนั้นก็นั่งกลับลงไปด้วยความดีอกดีใจ
โดยเฉพาะองค์หญิงน้อยที่เพิ่งหัดเดิน ยามเรียกป้าสะใภ้ก็เรียกไม่ชัดเจน เสียงนุ่มนิ่มอ่อนหวาน แทบหลอมละลายใจคน
“เจ้าชอบลูกสาวหรือ?” มู่ซืออวี่แย้มยิ้ม “ลูกอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ว่าจะดีเพียงใดก็ยังเป็นของนาง ลูกของเจ้าจึงจะเป็นของเจ้า สู้เข้าล่ะ”
“ท่านแม่” สิงเจียซือขัดเขินจนทำตัวไม่ถูก “ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าองค์หญิงน้อยน่ารักจริง ๆ”
“ลูกสาวน่ารักจริง ๆ นั่นแหละ ไม่เหมือนลูกชาย…” มู่ซืออวี่มองไปทางลู่ฉาวอวี่ด้วยสายตาเย็นชา “นับตั้งแต่ยังเด็กก็เป็นคนคงแก่เรียน วัน ๆ ปั้นหน้าเฉยชา ไม่น่ารักเลยแม้แต่น้อย”
“ท่านแม่ ข้าแต่งงานแล้ว ไม่ใช่เด็ก ไว้หน้าข้าหน่อยเถิด” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างสบาย ๆ
“ได้ จะไว้หน้าเจ้า”
ฉีเซียวเดินเข้ามาจากข้างนอก แล้วเอ่ยว่า “ทานข้าวได้แล้วกระมัง? ข้ากินแล้วค่อยไป”
“ไยไม่พักผ่อนสักประเดี๋ยวเล่า?” ลู่อี้เอ่ย “ข้าไม่ได้ให้บ่าวรับใช้ไปรบกวนท่าน เพราะกังวลว่าร่างกายท่านจะทนไม่ไหว”
“ท่านกับข้าอายุเท่ากัน ไยท่านทนไหว ข้ากลับทนไม่ไหวเล่า?” ฉีเซียวเอ่ยอย่างโมโห “ข้าแย่กว่าท่านที่ใดกัน?”
“ท่านอาจารย์ไม่ย่ำแย่ ท่านอาจารย์อายุมากแต่ยังแข็งแรง” ลู่จื่อชิงที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวประจบเขา
“แก่หรือ?” ฉีเซียวเหล่ตามองลู่จื่อชิง “ได้ยินว่าครานี้เจ้าพาเด็กน้อยกลับมาถึงสองคน เทียบกับพวกเขาแล้ว ข้าแก่จริง ๆ นั่นแหละ”
“ท่านอาจารย์ พวกเขาล้วนเป็นสหายเก่า ก่อนหน้านี้ท่านก็เคยพบแล้ว อย่าได้ทำให้คนเข้าใจผิดเลย”
สายตาของลู่อี้ที่มองมาเยียบเย็นยิ่ง ลู่จื่อชิงยังนึกสงสัยว่าอาหารวันนี้กินลงไปแล้วจะย่อยหรือไม่
“คู่แต่งงานใหม่ยกน้ำชาแล้วหรือ?” ฉีเซียวกล่าว
“เจ้าเคยพบแล้ว ไม่ใช่คนอื่นคนไกล” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจียซือ นี่คือใต้เท้าฉี เจ้าเรียกเขาว่าท่านอาฉีเถอะ!”
แน่นอนว่าสิงเจียซือรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉีเซียวกับสกุลลู่ นางจึงเรียกเขาว่าท่านอา
“ในเมื่อเรียกท่านอาแล้ว ข้าก็ต้องมอบของขวัญ” ฉีเซียวถอดจี้หยกออกจากเอวแล้วเอ่ยว่า “ตอนที่ข้าออกมาจากบ้านไม่ได้พกสิ่งใดติดตัวมาด้วย ของสิ่งนี้มอบให้พวกเจ้าสองสามีภรรยาแล้วกัน!”
“ของขวัญชิ้นนี้แพงเกินไป” ลู่อี้ขมวดคิ้ว “เมื่อวานท่านก็ให้ของขวัญแล้ว วันนี้ไม่จำเป็นต้องให้อีก”
“เมื่อวานก็คือเมื่อวาน วันนี้ก็คือวันนี้ วันนี้นั่งกินข้าวอยู่ที่นี่ ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา แน่นอนว่าต้องมอบของขวัญให้”
สิงเจียซือหันไปมองลู่ฉาวอวี่
ฟังจากคำพูดของท่านอ๋องลู่ จี้หยกชิ้นนั้นย่อมไม่ใช่จี้หยกธรรมดาทั่วไป มิเช่นนั้น เขาคงไม่เอ่ยคำพูดเช่นนั้นออกมา
หากเป็นเพียงของมีค่าราคาแพง สกุลลู่ยังมีสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นอีกหรือ? เห็นได้ชัดว่า เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา
ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ท่านอาฉีมอบให้ เจ้าก็เก็บไว้เถอะ ท่านอาฉีเปรียบเสมือนบิดาของเรา เพียงแค่ภายภาคหน้า กตัญญูให้มากก็พอ”
ฉีเซียวตบหลังลู่ฉาวอวี่ “ผ่านมาหลายปี เจ้าเด็กคนนี้ในที่สุดก็เอ่ยบางอย่างที่ข้าชอบเสียที”
ลู่อี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา
ฉีเซียวเอ่ย “คนผู้นี้อิจฉาแล้วหรือ? ท่านอิจฉาแล้วใช่หรือไม่เล่า?”
มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับสิงเจียซือ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา ถึงแม้พวกเขาจะอายุเจ็ดสิบแปดสิบปีแล้ว เกรงว่าคงยังเป็นผีนิสัยเด็กน้อยเช่นนี้อยู่”
สิงเจียซือชอบบรรยากาศเช่นนี้จริง ๆ
พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นผู้นำในวงการต่าง ๆ เพียงแค่กระทืบเท้าก็ทำให้ใต้หล้าสะเทือนเลื่อนลั่นได้ ทว่ายามนี้ พวกเขากลับเป็นเพียงผู้อาวุโสธรรมดา ๆ พูดจาตลกขบขัน เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย นางอดหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้
“เจ้าชอบกินอะไรก็บอกในครัว ในครัวจะเตรียมให้” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ไม่ต้องเกร็ง ครอบครัวข้าเจ้าล้วนเห็นแล้ว พวกเขาชอบแม่นางที่เป็นตัวของตัวเอง”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” สิงเจียซือยิ้ม “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว”