บทที่ 1012 วิกฤตรายล้อมทุกทาง
บทที่ 1012 วิกฤตรายล้อมทุกทาง
สิงเจียซือถอดเครื่องประดับศีรษะออก ปล่อยผมคลายลงมาหลวม ๆ
“อย่างนี้สบายขึ้นมาก”
เพื่อที่จะสวมมงกุฎหงส์ สิงเจียซือจำต้องทาน้ำมันจำนวนมากลงบนผม บัดนี้คลายออกเล็กน้อยแล้ว ไม่ได้แน่นถึงเพียงนั้น สบายหัวขึ้นมากทีเดียว
“อีกประเดี๋ยวข้าจะกำชับบ่าวรับใช้นำอาหารมาให้เจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องรอข้า ต้องการสิ่งใดก็ให้บ่าวรับใช้เตรียมให้”
“เจ้าค่ะ”
“ไยเจ้าต้องก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา?” ลู่ฉาวอวี่เลิกคิ้ว
สิงเจียซือเงยหน้าขึ้นมองเขา เพียงแวบเดียว ดวงตานางฉายแววประหลาดใจ
นางยกมือขึ้นลูบใบหน้าแล้วกระซิบ “ใต้เท้ายังต้องรับรองแขก ท่านไปทำธุระของท่านเถิด ไม่ต้องห่วงข้า”
ลู่ฉาวอวี่ยื่นมือไปทางนาง
สิงเจียซือตื่นตระหนก เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างในทันที
ลู่ฉาวอวี่หยิบถ้วยชาถ้วยหนึ่งมาจากตรงนั้นแล้วส่งให้นาง “ดื่มน้ำสักถ้วยเถอะ”
สิงเจียซือ “…”
เขาเพียงแค่จะหยิบถ้วยน้ำหรือ?
นางกำลังคิดอะไรกัน?
สิงเจียซือมองลู่ฉาวอวี่ที่หันหลังรินน้ำชาอีกถ้วย
เขาสวมชุดแต่งงานสีแดง เมื่อเทียบกับความเย็นชายามปกติ วันนี้เขาดูสง่างามขึ้นเล็กน้อย รู้สึกราวกับสีแดงภายในห้องไม่อาจบดบังความหล่อเหลาของเขาได้แม้แต่น้อย
รูปร่างของเขาสูงเพรียว ชวนให้คนรู้สึกไว้วางใจและปลอดภัย
“ใต้เท้าไม่ต้องรีบไปรับรองแขกหรือ?”
สกุลลู่ขาดแคลนคนรับรองแขกตั้งแต่เมื่อไหร่?
แน่นอนว่าไม่ขาดแคลน
อีกทั้งเมื่อฝ่าบาทและฮองเฮาอยู่ที่นี่ ถึงแม้แขกคนอื่น ๆ ถูกละเลย ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยอะไร
“หากเจ้าเหนื่อยก็เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าออกไปก่อนแล้ว”
“ใต้เท้าค่อย ๆ เดิน”
ลู่ฉาวอวี่ออกจากห้องไปแล้ว
ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยค้อมคำนับ
“ดูแลคุณหนูของพวกเจ้าให้ดี หากนางต้องการสิ่งใดเพียงแค่บอกคนในจวน”
“เจ้าค่ะ ท่านเขย”
สิงเจียซืออยู่ข้างในได้ยินคำพูดของฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยก็รู้สึกแก้มร้อนผ่าว ๆ ขึ้นมา
ลู่ฉาวอวี่กำลังจะไปรับรองแขกที่เรือนหน้า
ขณะที่เขาผ่านประตูข้างไปก็เห็นคนยกอาหารเข้ามา
“บ่าวรับใช้ในจวนนี้ช่างสายตากว้างไกล” หยางจงเซิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “แต่ก็นะ พระชายาแต่ไรมาก็เอาใจใส่ยิ่งนัก บัดนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีลูกสะใภ้ บ่าวรับใช้ในจวนย่อมรุดไปประจบประแจงนาง”
ลู่ฉาวอวี่หยุดฝีเท้า
“ใต้เท้า มีอะไรหรือขอรับ?”
“คนที่ผ่านไปเมื่อครู่สูงไปหน่อยหรือไม่?”
“สูงหรือ?”
จางอี้เอ่ย “ดูเหมือนจะสูงเล็กน้อยจริง ๆ เกือบจะสูงเท่าข้าแล้ว สาวใช้ผู้หนึ่งรูปร่างสูงขนาดนี้ โดดเด่นยิ่งนัก”
“ไม่เพียงสูง ทว่ายังถืออาหารได้มากมายเพียงนั้น แม้กระทั่งน้ำแกงข้างในยังไม่หกด้วยซ้ำ” ลู่ฉาวอวี่กล่าวเสริม “ผิดปกติ”
“ใต้เท้า ท่านหมายถึง…”
ลู่ฉาวอวี่หมุนกายเดินกลับไปที่เรือนหอ
สิงเจียซือฟังสาวใช้สองคนคุยกันว่าข้างนอกคึกคักเพียงใด วันนี้มีแขกมากี่มากน้อย มีคนอิจฉามากมายเพียงใด นางกำลังจะตำหนิสาวใช้ทั้งสองไม่ให้พูดจาเหลวไหล ถึงแม้จะรู้ว่าทั้งคู่ตั้งใจพูดให้นางผ่อนคลาย แต่นางก็ไม่อยากให้เอ่ยถ้อยคำไร้ยางอายเหล่านั้น
ยามนี้เอง กลับมีคนมาเคาะประตู
“ต้องเป็นท่านเขยให้คนมาส่งอาหารเป็นแน่ บ่าวไปเปิดประตูก่อนนะเจ้าคะ” ฉิงโหรวเปิดประตูไปเห็นสาวใช้ยืนอยู่ตรงนั้น จึงเอ่ยว่า “เป็นท่านเขยให้คนมาส่งอาหารแล้วจริง ๆ”
สาวใช้ยกอาหารเข้ามา
นางถือถาดขนาดใหญ่ใบหนึ่ง ภายในถาดมีอาหารหลายอย่าง และยังมีน้ำแกงหนึ่งถ้วย หากสังเกตให้ดีก็จะพบว่านางถือถ้วยน้ำแกงโดยไม่ทำหกแม้แต่น้อย
ฉิงโหรวและฉิงฮุ่ยช่วยจัดวางอาหารลงบนโต๊ะ สุดท้ายจึงวางถ้วยน้ำแกงลง
“พี่หญิงทั้งสอง ข้างนอกยังมีของที่ต้องยกเข้ามาอีก ไปช่วยข้ายกเข้ามาหน่อยได้หรือไม่?” สาวใช้เอ่ยถามฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ย
“ข้างนอกยังมีของอีกหรือ?” ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยไม่ได้สงสัยจึงเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน
สาวใช้ผู้นั้นก็ตามออกไปแล้วเช่นกัน
สิงเจียซือรู้สึกหิวแล้วจริง ๆ
อย่างไรเสียก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องนางนับตั้งแต่ตอนบ่าย พิธีเมื่อครู่นี้จัดเป็นเวลานาน ถึงแม้นางจะทนต่อความทรมานได้ ทว่ายามนี้ท้องของนางว่างเปล่าเสียจนแทบเขมือบช้างลงไปได้ทั้งตัว
โชคดีที่ลู่ฉาวอวี่เป็นคนเอาใจใส่ หากเป็นบุรุษที่ต้องให้คนรอกลับมาทานอาหารพร้อมกัน เจ้าสาวคงอดตายอยู่ในเรือนหอแล้ว
“ว่าที่เจ้าสาวของเขาคงดีใจมากที่ได้พบกับสามีที่เอาใจใส่เช่นนี้ ยามนี้ข้าแย่งชิงตัวตนผู้อื่นมาแล้ว ภายหน้าหากนางรู้เข้า ไม่รู้จะโกรธหรือไม่”
สิงเจียซือได้ยินเสียงฝีเท้า จึงหันกลับไปมองที่ประตู
“เหตุใดมีเพียงเจ้าผู้เดียวเล่า? พวกนางสองคนไม่ตามเจ้ากลับมาหรือ?” สิงเจียซือถาม
สาวใช้คนนั้นตอบ “พี่หญิงทั้งสองไปช่วยนำของเหล่านั้นมา ประเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว ฮูหยิน บ่าวจะปรนนิบัติท่านทานอาหารก่อนนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องละ เจ้าถอยออกไปเถอะ”
“ปลาตัวนี้มีก้างเยอะ ข้าจะเอาก้างออกให้ท่าน”
สิงเจียซือมองสาวใช้ที่เดินเข้ามา แววตานางเต็มไปด้วยความสงสัย
สาวใช้คนนี้สูงเกินไปหน่อยหรือไม่?
ยังมีมือคู่นั้นอีก มือนั่นหนาใหญ่เกินไปหน่อยหรือไม่?
ตาของนางกวาดผ่านเท้าของอีกฝ่าย
ไม่ผิด คนผู้นี้มีปัญหา
เขาพยายามแสร้งเป็นสตรี ทว่าท่วงท่ายามเดินแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่สตรี หากแต่เป็นบุรุษที่เชี่ยวชาญในการปลอมตัว
สิงเจียซือไม่ได้ตระโกนเรียกคน ทั้งยังไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่น หากแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร รินสุราให้ตนเองจอกหนึ่ง
วันนี้สวมชุดแต่งงาน ไม่ได้พกผงยาในยามปกติมา มิเช่นนั้น เพียงสาดผงยาใส่เขาตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังควบคุมอีกฝ่ายได้
ไม่มีผงยา เช่นนั้นของที่ใช้การได้ในตอนนี้มีเพียง…
“ข้าปวดท้องเล็กน้อย” สิงเจียซือเอ่ย “นี่คงไม่ใช่วันนั้นของเดือนกระมัง? เจ้าช่วยข้าไปเอาของมาหน่อยสิ”
สาวใช้ตอบ “บ่าวไม่รู้ว่าของของฮูหยินคือสิ่งใด ไม่สู้รอพี่หญิงทั้งสองกลับมาค่อยไปเอา”
“ไม่ได้ ข้าเริ่มมีอาการแล้ว รอพวกเขากลับมาไม่ไหว ของของข้าหาง่ายมาก อยู่ในตู้ตรงข้ามนั่น เจ้าเปิดไปก็พบแล้ว”
สาวใช้หมดความอดทน จิตสังหารฉายขึ้นมาในแววตา “ไม่ต้องแล้ว อีกประเดี๋ยวก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนั้นแล้ว”
สิงเจียซือได้ยินคำพูดนั้นก็รู้แผนการของอีกฝ่ายในทันที เดิมทีก็ไม่คิดเปิดโอกาสให้นางหลบหนีเสียด้วยซ้ำ แม้กระทั่งให้ความร่วมมือเล็กน้อยก็ไม่ยินยอม
นางคว้าสุราบนโต๊ะขึ้นมา สาดใส่ตาคนผู้นั้น
“อ๊ากกกก” คนผู้นั้นถูกสุราสาดใส่
ถึงแม้เขาจะเป็นมือสังหาร แต่ก็ไม่นึกว่าตนจะถูกเปิดโปง ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกสตรีที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ผู้หนึ่งสาดสุราใส่
สิงเจียซือไม่ได้วิ่งหนีไปทันที หากแต่หยิบของบนโต๊ะเหล่านั้นขว้างใส่เขา จากนั้นก็คว้าเก้าอี้บนพื้นขึ้นมาโยนใส่
หญิงสาวเดินทางไปทั่วใต้หล้ามานานหลายปี พอมีทักษะอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่มากนัก ในยามเช่นนี้ นางจึงถือโอกาสโจมตีก่อน คว้าโอกาสเอาชีวิตรอดเพียงน้อยนิดมา
หลังจากนางขว้างปาของแล้ว ก่อนที่คนผู้นั้นจะได้มีเวลาตอบโต้กลับ นางก็วิ่งไปที่ประตูทันที
มือสังหารผู้นั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ไล่ตามสิงเจียซือออกไป
ทันทีที่สิงเจียซือวิ่งออกไป นางก็พบว่าฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยนอนอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่าหลังจากที่คนผู้นั้นล่อฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยออกไปแล้วก็ลงมือกับทั้งสองคนทันที ตอนนี้นางไม่มีเวลาสนใจว่าทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ทำได้เพียงหลบหนีวิกฤตเบื้องหน้าตนเองไปก่อน