เวลาผ่านมาตั้งสิบสองวันแล้ว แต่ทำไมนะ ทำไมหัวใจ ไม่รักดีถึงยังลืมผู้ชายคนนั้นไม่ได้สักที ไม่ว่าจะยามหลับยามตื่นก็มีแต่เรื่องราวของเควินเท่านั้น เขาทำให้หล่อนนอนร้องไห้ทุกคืนด้วยความคิดถึง เขาทำให้หล่อนปวดร้าวแทบขาดใจด้วยความโหยหา
ดวงหน้าที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาเงยสูงขึ้นมองแผ่นฟ้าสีคราม รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าท้องฟ้าที่นี่ไม่สวยงามเท่ากับเทกซัสเลย ก้อนสะอื้นอัดแน่นอยู่ภายในอก หัวใจเอาแต่พร่ำหาแต่เควินเพียงเท่านั้น
ป่านนี้เขาคงจะ… ทำงาน และก็ทำงาน… ไม่มีเวลามาคิดถึงหล่อน หรือบางทีคงลืมไปแล้วว่ามีผู้หญิงที่ชื่อวรันธาราอยู่บนโลกด้วย ในขณะที่หล่อนคิดถึงเขาทุกลมหายใจเข้าออก
ยุบหุบหนอ… เควิน
พองหนอ… ก็เควิน
หล่อนคงบ้าไปแล้วที่ไม่อาจลืมผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้
“ธาร มีงานด่วน”
มือเล็กรีบยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งทันที เมื่อได้ยินเสียงหัวหน้าดังอยู่ด้านหลัง ไม่ช้าก็หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ
“มีงานอะไรเหรอคะพี่ปริม”
พี่ปริมคือหัวหน้างาน หรือพูดง่ายก็คือเจ้าของบริษัททัวร์ท่องเที่ยวที่หล่อนมาทำงานด้วยนั่นแหละ
“เก๋ลาป่วยครึ่งวันน่ะ คงไปรับลูกค้าที่มาจากอเมริกาไม่ได้ พี่เห็นธารยังว่างอยู่เลยจะให้ไปทำงาน”
“ได้เลยค่ะพี่ปริม ธารยินดีค่ะ”
“งั้นไปเตรียมตัวเลยนะ รถรออยู่หน้าออฟฟิศแล้ว”
“ค่ะพี่ปริม งั้นเดี๋ยวธารไปหยิบกระเป๋าก่อนนะคะ แล้วก็จะออกไปที่สนามบินเลย” วรันธาราเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เพราะการได้ทำงานให้ยุ่งๆ ทั้งวัน มันจะช่วยให้หล่อนคลายเศร้าหมองลงได้ชั่วขณะ
“จ้ะ ขอให้โชคดีนะน้องธาร”
วรันธาราชะงักกับคำอวยพร แต่ก็อมยิ้มออกมา “ขอบคุณค่าพี่ปริม อ้อ ว่าแต่ลูกค้าชื่ออะไรคะ แล้วผู้หญิงหรือผู้ชายกัน ธารตื่นเต้นเลยลืมถามเลย”
“เอกสารวางอยู่บนโต๊ะของน้องธารเรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ อ้อ แล้วถ้าพรุ่งนี้ไม่สะดวกมาทำงาน ก็ลาได้เลยนะพี่อนุญาต”
“จะไม่สะดวกได้ยังไงล่ะคะ ธารเป็นเด็กใหม่ไม่ยอมขาดงานหรอกค่ะ”
“อืมมม์ ตามใจจ้ะ แล้วอย่าไปขัดใจลูกค้าล่ะ”
“รับรองด้วยเกียรติเลยค่า”
“ดีมาก ไปได้แล้วล่ะ อีกครึ่งชั่วโมงลูกค้าจะถึงสนามบินแล้ว”
วรันธารากล่าวขอบคุณหัวหน้างาน จากนั้นก็เดินไปหยิบกระเป๋าและเอกสารที่พี่ปริมวางรอไว้บนโต๊ะ ก่อนจะออกไปสนามบินทันที
สุวรรณภูมิยังคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายและหลากหลายเชื้อชาติเช่นเดิม หญิงสาวก้มลงมองกระดาษเอสี่ในมือซ้ำอีกครั้ง
“มิสเตอร์ไวท์? ผิวคงจะขาวน่าดูพ่อแม่เลยตั้งชื่อให้แบบนี้” หญิงสาวยิ้มขบขัน ก่อนจะชูป้ายในมือที่เขียนชื่อของลูกค้าเอาไว้สูงขึ้น เพราะเที่ยวบินที่รอคอยมาถึงแล้ว
ผู้ชายผิวขาวหลายต่อหลายคนเดินผ่านเลยไปจนตอนนี้แทบจะไม่เหลือผู้โดยสารของสารการบินนี้อีกแล้ว
“หรือว่าจะตกเครื่องกันนะ”
วรันธาราพึมพำแปลกใจ ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นผู้ชายตัวสูง ผิวขาวสะอาดเดินตรงเข้ามาหา
ต้องใช่คนนี้แน่ๆ เลย…
“เอ่อ…” หล่อนกำลังจะอ้าปากทักทาย แต่ผู้ชายคนนั้นรัวภาษาอังกฤษใส่หล่อนเสียก่อน
“ห้องน้ำไปทางไหนครับ”
วรันธาราหน้าเจื่อนผิดหวังกระจาย แต่ก็จำต้องฝืนยิ้มตอบออกไปตามมารยาทที่ควรจะเป็น
“ทาง… ทางด้านนู้นค่ะ เดินตรงไป จนถึงทางแยก แล้วเลี้ยวขวาสองครั้งนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ผู้ชายฝรั่งผิวขาวกล่าวแค่นั้นก็รีบก้าวยาวๆ จากไปอย่างรวดเร็ว วรันธารามองตามไปจนลับตาก่อนจะถอนใจระรัว
“เฮ้อ นึกว่าจะใช่เสียอีก สงสัยไม่มาแล้วมั้ง” หญิงสาวหมุนตัวหันกลับหลัง และจะเดินไป แต่แล้วก็ต้องชะงัก
“คุณรอผมอยู่ไม่ใช่หรือครับ”
ทำไมเสียงช่างคุ้นหูเหลือเกิน วรันธารารีบหมุนขวับกลับไปมอง ก่อนจะต้องอ้าปากค้างตกใจสุดขีด
“คุณ… เควิน…?!”
ผู้ชายใจร้ายตรงหน้าโค้งศีรษะเล็กน้อย “ครับ ผมเควิน คาสโตรเซ่น ผู้ชายที่คุณกำลังรออยู่ไงครับ”
“มะ ไม่จริง… ฉันไม่ได้รอคุณ”
หญิงสาวถอยหลังหนี แต่เขาตามเข้ามาหา และรวบเอวคอดเอาไปกอดอย่างเผด็จการ
“ปละ… ปล่อยนะ”
เควินหัวเราะพึงพอใจ มองแก้มนวลที่แดงก่ำอย่างเสน่หา “ผมคือมิสเตอร์ไวท์คนที่คุณกำลังรอยังไงล่ะคะ”
“ห๊า…”
“ผมแจ้งชื่อนั้นกับหัวหน้าของคุณ ดังนั้นอย่าหนีผมอีกเลย คุณต้องทำหน้าที่ดูแลผมตลอดทั้งค่ำคืนนี้”
หัวใจสาวสั่นสะท้าน รู้สึกมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่… ไม่จริงหรอก คุณกำลังหลอกฉัน”
ขณะที่หล่อนกำลังกล่าวหาผู้ชายที่หล่อสุดในสามโลก เสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน
“รับสิครับ หัวหน้าของคุณโทรมาน่ะ”
วรันธาราค้อนเพราะเป็นพี่ปริมจริงๆ “เอ่อ สวัสดีค่ะพี่ปริม”
“เจอมิสเตอร์ไวท์หรือยังล่ะน้องธาร”
“เอ่อ… คือว่ามีผู้ชายคนนั้นมาแอบอ้างว่าเป็นมิสเตอร์ไวท์ค่ะพี่ปริม ธารควรจะทำยังไงดีคะ จับส่งตำรวจเลยไหมคะ”
“เขาชื่ออะไรล่ะ”
“คุณเควิน คาสโตรเซ่นค่ะ”
วรันธารากัดฟันพูดชื่อของคนใจร้ายออกไป ขณะจ้องหน้าหล่อๆ อย่างหมั่นไส้
“นั่นคือชื่อจริง นามสกุลจริงของมิสเตอร์ไวท์ล่ะน้องธาร ไม่ผิดคนหรอก เอาเป็นว่าดูแลลูกค้าให้ดีนะ อย่าให้เสื่อมเสียมาถึงบริษัทของเรา”
“ตะ… แต่ว่า…”
“พี่รู้ว่าน้องธารจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง โชคดีจ้า”
“พี่ปริมคะ แต่ว่า…”
วรันธาราพยายามเรียกแต่หัวหน้าวางสายไปเสียก่อน หล่อนจึงทำได้แค่ถอนใจแรงๆ และตวัดตามองเควินอย่างขุ่นเคือง
“ฉันจะพาคุณไปส่งโรงแรม และเราก็แยกย้ายกัน”
“เสียใจด้วยทูนหัว… ผัวคิดถึงเมียจนแทบบ้าแล้วรู้หรือเปล่า” เขาก้มหน้าต่ำลงมาหา และจงใจถูไถบางส่วนกับร่างกายของหล่อน วรันธาราปั่นป่วนทั้งตัวและหัวใจ
“คน… คนบ้า ปล่อยฉันนะ”
“ไม่… จนกว่าเราจะเข้าใจกัน”
“ไม่มีอะไรที่เราจะต้องเข้าใจกันอีกแล้ว ปล่อยค่ะ” หล่อนดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ความน้อยใจระเบิดแน่นอก “อย่ามาแตะต้องอีตัวแบบฉันเลย ปล่อยสิคะ”
“ถ้าคำพูดของผมทำให้คุณเสียใจ ผมยินดีจะชดเชยให้ทุกอย่าง ขอแค่เพียงคุณขอมา”
“เสียใจด้วยค่ะ ฉันไม่ต้องการสิ่งใดจากคุณอีกแล้ว ปล่อยค่ะ” วรันธาราดิ้นรนจนหลุด และจะวิ่งหนี แต่ก็ถูกกระชากแขนให้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นอีกครั้งอย่างง่ายดาย
“ก็บอกว่าจะไม่ปล่อยอีกไง…”
เขาก้มลงจูบหน้าผากของหล่อนจนได้ ทั้งๆ ที่หล่อนส่ายสะบัดหนี
“ตลอดชีวิต…”
“คนใจร้าย… อย่ามายุ่งกับฉันอีกนะ ปล่อย…”
เควินไม่ได้โต้ตอบอะไรกับหล่อนอีก นอกจากลากหล่อนให้เดินตามไป… ไปในเส้นทางที่เขาปูรอเอาไว้แล้วอย่างเผด็จการเท่านั้น
ห้อง SUITE ภายในโรงแรมหรูคือสถานที่ลงทัณฑ์ของเควิน วรันธาราลนลานคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยของตัวเองมือไม้สั่น หลังจากพายุสวาทเหี้ยมเกรียมจบสิ้นลงไป
หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม มองคนตัวโตที่นอนหงายทับท่อนแขนของตัวเองนิ่งด้วยความน้อยใจ นี่เขาเห็นหล่อนเป็นอะไร เห็นหล่อนเป็นตัวอะไรกัน พอเจอหน้า ก็ลากถูลู่ถูกังมาโรงแรมด้วย จากนั้นก็ทำให้หล่อนกลายเป็นโสเภณีราคาต่ำอย่างเผด็จการ
“พอใจแล้วใช่ไหมคะ”
เควินที่จ้องมองบนฝ้าเพดานอยู่นาน ตวัดสายตามองมาที่หล่อนด้วยสายตามืดลึก
“ผู้หญิงเลือดเย็น”
“คุณ… คุณว่าอะไรนะคะ”
แล้วเขาก็ขยับตัวลุกขึ้น และก็ไม่สนใจที่จะปกปิดร่างกายองอาจของตัวเองเลยสักนิด เขาไม่อับอาย แต่หล่อนสิหน้าแดงซ่านและรีบละสายตาจากตรงนั้นแทบไม่ทัน
“ผมว่าคุณเลือดเย็นยังไงล่ะ”
“ฉันเนี่ยนะคะเลือดเย็น?” หญิงสาวหัวเราะเยาะทั้งน้ำตา “แต่ถึงยังไงก็คงเลือดเย็นเท่าคุณไม่ได้หรอกค่ะ หมดธุระกับฉันแล้วใช่ไหมคะ ฉันได้กลับสักที” หล่อนงอนและน้อยใจนัก ถลาจะหนีลงจากเตียง แต่ถูกมือใหญ่คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“ผมจะไม่มีวันยอมให้เราห่างกันอีกแล้ว”
“ปล่อยนะคะ”
เขาไม่ปล่อย แถมยังรั้งร่างของหล่อนให้ล้มลงไปนอนกับพื้น จากนั้นร่างกำยำเปลือยเปล่าก็ทาบทับเอาไว้ แข้งขาที่มีเส้นขนหยิกๆ เสียดสีกับต้นขาเนียนนุ่มของหล่อนแบบใกล้ชิด วรันธาราร้อนวาบไปทั้งตัว อุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ
“ปละ ปล่อย… ก่อนค่ะ”
“ถ้าผมปล่อยคุณ… คุณก็จะหนีผมไปอีก”
“คุณสนใจด้วยเหรอคะว่าฉันจะอยู่หรือไป” หญิงสาวประชดทั้งน้ำตา ยังจดจำความอำมหิตหลังพุ่มไม้ของเขาได้เป็นอย่างดี “คุณเกลียดฉันมาก อย่าลืมสิคะ”
คนตัวโตเงียบไปสักพัก ก็เชยคางมนของหล่อนให้สบประสานสายตา “ถ้าผมเกลียดคุณจริงๆ ผมจะตามมาหาคุณทำไมกัน วรันธารา”
นี่แหละคือคำถามที่หล่อนยังไม่รู้คำตอบ…
“คุณอาจจะแค่ผ่านมาที่นี่…”
“ผมตั้งใจมาที่นี่ต่างหาก”
วรันธารามองตาคนพูดอย่างสับสน “คุณกำลัง… จะทำอะไรกันแน่คะ เควิน ยังต้องการทำร้ายอะไรฉันอีกคะ”
เควินลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาของเขาเศร้าหมองลง “ผมรู้ว่าผมทำร้ายคุณจนไม่น่าให้อภัย…” และเขาก็หันมามองหล่อน ในดวงตาคมกล้าเต็มไปด้วยความละอาย “ที่หลังพุ่มไม้นั่น”
วรันธาราหน้าแดงซ่าน ขณะผุดลุกขึ้นนั่งเช่นกัน “อย่า… อย่าพูดถึงมันอีกเลยค่ะ”
“แต่ผมต้องพูด… ผมต้องบอกคุณให้เข้าใจว่าเพราะอะไรผมถึงทำอย่างนั้น… ทำป่าเถื่อนแบบนั้นกับคุณ…”
คนฟังเมินหน้าหนี น้ำตาริน
“เพราะคุณเกลียดฉันยังไงล่ะคะ”
“เพราะผม… เกลียดคุณไม่ลงต่างหาก”
วรันธาราแทบไม่เชื่อกับสิ่งหูได้ยิน หล่อนผินหน้ากลับมามองผู้ชายที่หล่อเหลาเหลือเกินอย่างไม่เข้าใจ “คุณ… คุณไม่ได้เกลียดฉันหรอกหรือ หลังจากที่ฉัน… ไปกับปีเตอร์”
“ผมพยายามเกลียดคุณ พยายามสุดความสามารถเลยนะ แต่ผมทำไม่ได้ ผมคิดถึงแต่คุณ หลายครั้งที่ผมจองตั๋วเครื่องบินเพื่อจะไปวอชิงตัน เพื่อชิงตัวคุณกลับมา แต่ทุกครั้ง… ผมก็ห้ามตัวเองเอาไว้ได้ทันเสมอ คุณทำให้ผมทรมาน แค่คิดว่าค่ำคืนที่ผมต้องนอนเหน็บหนาวอยู่บนเตียงเพียงลำพัง แต่คุณอบอุ่นอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผม…”เขาหันหน้าหนีหล่อนเพื่อซ่อนความเจ็บปวด
“เควิน… คือฉันกับปีเตอร์…”
“ไม่ต้องอธิบาย คุณแม่บอกผมหมดแล้วล่ะ” ในที่สุดสายตาคมกริบก็จ้องมองกลับมา “ผมเข้าใจผิดคุณมาตลอด ผมขอโทษ… ขอโทษที่ทำป่าเถื่อนราวกับไม่ใช่ลูกผู้ชายแบบนั้นกับคุณ แต่ขอให้รู้ว่าแม้กระทั่งตอนที่ผมยังไม่รู้ความจริง ผมก็รู้สึกผิดจนแทบบ้า”
วรันธาราสะอื้นให้เบาที่สุด “ฉัน… ฉันไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ และถ้าจะทำให้คุณสบายใจขึ้นมาบ้าง ฉัน… ยกโทษให้คุณ”
“ไม่พอ… ผมต้องการมากกว่าการยกโทษให้” สองมือหนาของเควินคว้าต้นแขนเล็กเอาไว้แน่น และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่งามที่ตอนนี้ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา “คุณจะต้องไม่ไปจากชีวิตของผมอีก”
“มัน… มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ” สายตาของวรันธาราเต็มไปด้วยเจ็บปวดเหลือเกิน
“ทำไม… ทำไมจะไม่ได้ คุณไม่รักผมแล้วหรือวรันธารา”
“มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ ในเมื่อฉันรักคุณฝ่ายเดียว”
เควินพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเขย่าคนตัวเล็ก “คุณแกล้งโง่ใช่ไหมถึงไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณน่ะ”
“ฉันจะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น จนกว่าฉันจะได้ยินกับหู”
เควินนิ่งเงียบไป ในขณะที่วรันธาราขยับตัวออกห่าง “ฉันคงต้องกลับไปที่ออฟฟิศ ฉันมีงานที่ต้องทำ”
“แต่คุณต้องดูแลผม”
“คนที่รับผิดชอบหน้าที่นี่คงจะหายจากอาการป่วยกะทันหันแล้วล่ะค่ะ ฉันจะให้เธอมาแทน”
“ไม่! ผมต้องการคุณคนเดียว”
คนตัวเล็กที่เช็ดน้ำตาจนแห้งไปแล้ว ปล่อย… ปล่อยฉันไปเถอะ ได้โปรด…”
แล้ววรันธาราก็ก้มลงหยิบเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกเควินโยนเอาไว้เกลื่อนห้องหรู จากนั้นก็หายเข้าไปในห้องน้ำ แสนนาน
เควินยกมือขึ้นลูบหน้าแรงๆ อย่างเคร่งเครียด นี่เขาจะทำยังไงดีถึงจะสามารถทำให้วรันธาราหายโกรธได้
วรันธาราเดินเหงาๆ เข้ามาในออฟฟิศ สมอง ยังคงหมกมุ่นอยู่เควินตลอดเวลา
เขาหายออกไปจากห้องหรูในโรงแรมอย่างไร้ร่องรอย หล่อนจำได้ว่าตัวเองก้าวออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นแม้แต่เหงาของเขาเสียแล้ว หล่อนควรจะดีใจที่ไม่ต้องพบต้องเจอกับผู้ชายใจร้ายคนนี้อีก แต่… แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน
เขาคงแค่ผ่านมา… และก็ผ่านไปเท่านั้น…
“น้องธาร… เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม พี่ขอโทษ เพราะพี่เองทำให้น้องธารต้องเจอกับชะตากรรมเช่นนั้น” เสียงพี่ปริมหัวหน้างานดังขึ้นด้านหลัง หล่อนรีบหันไปเผชิญหน้าด้วยความประหลาดใจ
“พี่ปริม… หมายถึงอะไรคะ”
“โถ… น้องธาร ดูสิสภาพบอบช้ำเหลือเกิน เพราะพี่แท้ๆ เลย”
เอาแล้วไง หล่อนงงมากยิ่งขึ้นไปอีก
“พี่ปริมพูดอะไรคะ ธารไม่เห็นเข้าใจเลย” หล่อนถามออกไป แต่คู่สนทนากลับคว้ามือของหล่อนไปกุมเอาไว้ พลางมองด้วยความสงสัย
“ก็เรื่องเมื่อคืนยังไงล่ะจ๊ะ”
“ระ เรื่องเมื่อคืน…?” คราวนี้วรันธาราหน้าซีดเผือด ความหวาดระแวงระเบิดในอก “พี่ปริม… พี่ปริมทราบด้วยเหรอคะ”
“อืมมมม์…”
“พี่… พี่ปริมทราบได้ยังไงคะ”
หล่อนกำลังรอคำตอบจากหัวหน้า แต่เสียงคุ้นหูดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก
“ผมบอกหัวหน้าของคุณเองแหละครับ”
“เควิน!”
ผู้ชายที่พกความหล่อมาเต็มพิกัดตั้งแต่เกิดยืนฉีกยิ้มกว้างให้ตรงหน้า วรันธาราอ้าปากค้างเติ่ง มองเควินในชุดเดิมตั้งแต่เมื่อวานด้วยความตื่นตกใจ
“คุณ… มาที่ได้ยังไงกันคะ”
“ผมมารอคุณยังไงล่ะ”
“คุณ… คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ” วรันธาราเต็มไปด้วยความอับอายเพราะพนักงานในออฟฟิศเริ่มหันมามองกันเป็นตาเดียวแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องรีบปรี่เข้าไปหยุดตรงหน้าเควิน และทำเสียงข่มขู่ “ออกไปจากที่นี่นะคะ และอย่าเข้ามาก่อกวนอีก”
แต่เควินสะทกสะท้านที่ไหน ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์แพรวพราวเช่นเดิม “คุณได้ผมแล้วจะทอดทิ้งแบบนี้ได้ยังไงกัน คุณต้องรับผิดชอบที่ทำให้ผมเสียเหงื่อไปทั้งคืน”
“เควิน!”
“ครับ” คนตัวโตยักไหล่ยียวนกวนโทสะ และในที่สุดวรันธาราก็จำต้องลากเขาเข้าไปคุยในห้องรับรองที่ลับรับสายตาคนอื่น
“มานี่เลย คนบ้า”
เควินยอมให้หญิงสาวลากเข้าห้องไปได้อย่างง่ายดาย ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของพนักงานทั้งออฟฟิศ แต่ก็ถูกหัวหน้างานอย่างพี่ปริมดุเอาเสียก่อน
“ทำงานกันไปสิจ๊ะ คนรักเขาจะปรับความเข้าใจกัน”
ภายในห้องรับรอง วรันธารากำลังยืนจ้องหน้าคนเจ้าเล่ห์ตาขุ่นคลั่ก แต่พ่อเจ้าประคุณกลับยืนผิวปากสบายใจ
“คุณทำบ้าอะไรคะเควิน ทำแบบนี้ทำไม”
“ผมทำอะไรที่ไหนกันล่ะ ผมก็แค่…”
“ประจานฉันอีกแล้วนะคะ”
“ผมไม่ได้ประจานอะไรคุณสักหน่อย” เควินยังคงยียวน
“แต่… แต่คุณบอกกับพี่ปริมว่าฉัน…ฉันนอนกับคุณ…”
“ก็ผมพูดความจริงนี่ หรือว่าคุณจะเถียงว่าไม่จริง” เควินก้าวเข้ามาหา ในขณะที่คนตัวเล็กถอยหลังหนี
“แต่คุณไม่จำเป็นต้องพูดนี่คะ”
เควินไล่ต้อนแม่ภรรยาคนสวยจนหล่อนชนเข้ากับผนังห้องหมดทางหนี เขาตามเข้าไปกางแขนคร่อมเอาไว้ และก้มหน้าลงไปหาด้วยท่าทางทางหิวกระหายคุกคาม
“ถ้าผมไม่พูด… ผมก็ต้องเสียคุณไปน่ะสิ”
คนฟังหน้าตาตื่น “คุณ… หมายความว่ายังไงน่ะ”
“ผมก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละครับ ผมไม่มีวันปล่อยให้คุณหนีจากผมไปได้อีกครั้งหรอก”
“แต่… เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“เหรอครับ ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ หรือ” คนตัวโตก้มหน้าต่ำลงมาอีก ปลายจมูกเฉียดแก้มนวลไปมา จนสาวน้อยสะท้านไปทั้งร่าง “ไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ น่ะหรือ จริงอ่ะ…” พ่อเจ้าประคุณถามย้ำไปย้ำมา ปลายจมูกและริมฝีปากร้อนจัดยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ที่ซอกคอและบริเวณแก้มนวลตลอดเวลา หลายครั้งเหมือนกับว่าเขาจะฉกวูบลงมา แต่กลับไม่ได้ทำ
“ตอบมาสิ… เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ หรือ ตอบสิครับ…”
เควินก้าวลงมาจากรถหลังจากนั่งนิ่งอยู่ภายในนาน หลายนาที ดวงตาคมกริบหรี่แคบมองช่อดอกไม้สีขาวสะอาดในมืออย่างชั่งใจ ความขัดเขินกำลังทำให้เขาลังเลหลายครั้งอยากจะทำเป็นลืมเจ้าช่อดอกไม้นี้เอาไว้รถ แต่พอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปเมื่อเช้า เขาก็จำต้องหยิบมันติดมือมาด้วย
“เป็นไงเป็นกันสิ” เควินพึมพำ ขณะก้าวเดินตรงไปข้างหน้า ป้าเดซี่พร้อมกับสาวใช้ยืนรอรับอยู่ที่เดิมทุกวัน
“สวัสดีค่ะคุณเคน ซื้อดอกไม้มาให้ใครเหรอคะ” ป้าเดซี่อดที่จะยิ้มแซวไม่ได้
โหนกแก้มของเควินเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น “ผมไม่ได้ซื้อหรอกครับ พอดีลูกค้าให้มา ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยถือติดมือมาด้วย ว่าแต่… ทำไมวันนี้บ้านดูเงียบๆ ล่ะครับ”
“ก็ไม่ได้เงียบนะคะ ปกติเหมือนทุกวันเลยค่ะ มาส่งของมาให้ป้าเถอะค่ะ ป้าจะเอาไปเก็บให้”
เควินรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะเขาคาดหวังว่าวรันธาราจะออกมายืนรอตรงนี้ที่เดียวกับป้าเดซี่ แต่ช่างเถอะ หล่อนคงยังโกรธเขาอยู่ล่ะมั้ง ชายหนุ่มเป่าลมออกจากปากเบาๆ ก่อนจะส่งเสื้อสูทตัวนอกและกระเป๋าโน๊ตบุ้คให้กับป้าเดซี่
“แล้วคุณแม่อยู่ไหนครับ”
รอยวันพันปีเควินไม่เคยเอ่ยถามถึงแคลอรีน่า คนที่ได้ยินอย่างป้าเดซี่จึงแปลกใจเป็นที่สุด
“เอ่อ อยู่บนห้องพักน่ะค่ะ ว่าแต่ทำไมวันนี้คุณเคนถึงได้ถามหาเธอล่ะคะ”
เควินทำหน้าไม่ถูก แต่ก็พยายามกลบเกลื่อน “ผมก็แค่… มีธุระจะคุยกับคุณแม่ครับ ขอตัวนะครับป้าเดซี่”
เควินเดินผ่านไปแล้วพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ยังถือเอาไว้ในมือแน่น ป้าเดซี่มองตามไปด้วยความวิตกกังวล
“ปากแข็งเป็นที่หนึ่งแบบนี้ไงคะ คุณธารเธอถึงถอดใจน่ะ”
“เข้ามาเถอะ”
เสียงอนุญาตของมารดาดังขึ้น หลังจากที่เควินยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องสองครั้ง ชายหนุ่มก้าวเข้าไปภายในช้าๆ ดวงตากวาดมองหาร่างของใครบางคนแต่ไม่เจอ
“เควินนั่นเอง มีอะไรกับแม่หรือเปล่า”
ท่าทางของแคลอรีน่าดูเศร้าหมองผิดหูผิดตา จนคนเป็นลูกอย่างเขาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพยายามแสดงท่าทางหมางเมิน ห่างเหินใส่ท่าน แต่ไม่มีวันไหนเลยที่เขาเกลียดท่านได้จริงๆ แม้ท่านจะเคยทอดทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็นก็ตาม
“เปล่าหรอกครับ ผมก็แค่… เข้ามาหา”
แคลอรีน่าลุกขึ้นจากโซฟาริมห้อง เดินมาหยุดตรงหน้าบุตรชาย และก็อดไม่ได้จะหรี่ตาลงมองช่อดอกไม้ในมือใหญ่
“ดอกไม้…?”
เควินรีบเอาซ่อนไว้ด้านหลัง “ครับ ผมได้มาฟรีๆ ก็เลยถือติดมือมาด้วย ไม่ได้มีความหมายอะไรหรอกครับ”
แคลอรีน่ายิ้มเศร้าหมอง มองลูกชายอย่างรู้ทัน “ถ้าลูกจะเอามาให้หนูธารล่ะก็… มันสายไปแล้วล่ะ”
หัวใจของเควินกระตุกรุนแรง แต่ก็พยายามกลบเกลื่อน “ผู้หญิงคนนั้นคู่ควรกับดอกไม้ของผมที่ไหนกันล่ะครับ”
“หนูธารไปแล้วนะ”
“คุณแม่พูดอะไรครับ”
“หนูธารไปแล้วเควิน”
ช่อดอกไม้ในมือใหญ่ร่วงหล่นลงกับพื้นห้องโดยที่เจ้าของมือไม่อาจจะทำอะไรได้เลย ดวงตาคมกริบจ้องหน้ามารดาด้วยความตื่นตกใจที่ซ่อนเร้นไม่ได้อีกแล้ว
“ไป… ไปไหนครับ”
แคลอรีน่าระบายยิ้มเศร้าหมอง “หนูธารไม่อยากทำให้ลูกต้องอึดอัดใจน่ะ เธอก็เลยตัดสินใจไปจากบ้านของเรา”
“เธอไปไหนครับคุณแม่!” เควินสติแตก เขาไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว ความรู้สึกแท้จริงของหัวใจระเบิดตูม “หรือว่าวอชิงตัน!”
“ประเทศไทย”
ดวงตาคมกริบที่เอ่อไปด้วยหยาดหยดแห่งความปวดร้าวมองมารดา “เมืองไทย?”
“เห็นหนูธารบอกแม่ว่าจะกลับไปหาญาติของตัวเองที่นั่น แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอลูกจะได้ไม่ต้องรำคาญหูรำคาญตาอีกแล้วยังไงล่ะ”
“ผม… ผมไม่ได้รำคาญ…” ร่างสูงใหญ่เซแทบจะทรงตัวไม่อยู่ “ผมไม่เคยรำคาญเมียของตัวเอง…”
“มันสายเกินไปแล้วล่ะที่จะพูดแบบนี้เควิน หนูธารไปแล้ว”
“ผมต้องเสียคนที่ผมรัก… ไปอีกครั้งจริงๆ หรือครับ” ในที่สุดร่างทั้งร่างก็ทรุดลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา ศีรษะที่เคยทระนงโน้มต่ำลงมองพื้นเพื่อซ่อนหยาดน้ำตาเอาไว้
“ผมทนไม่ได้อีกแล้ว…”
“แม่คิดว่าลูก… เกลียดหนูธารจนหมดรักไปแล้ว แม่ก็เลย…”
“ผมไม่เคยหยุดรักวรันธารา… แม้ว่าเธอจะทรยศผมสักกี่ครั้งก็ตาม ผมยังรักเธอ ยังคงรัก…” ดวงตาของเควินแดงก่ำ น้ำตาคลอตลอดเวลา “รักเธอคนเดียว…”
แคลอรีน่าทรุดกายลงนั่งข้างๆ ลูกชาย หล่อนร้องไห้ออกมา “แม่ขอโทษ… เพราะแม่เอง… แม่ทำร้ายหัวใจของลูกชายตัวเองเป็นครั้งที่สองแล้ว”
“ไม่ใช่เพราะคุณแม่หรอกครับ เพราะผมทำไม่ดีกับเธอเอาไว้ ผมสำนึกผิดก็จริง แต่มันสายเกินไปแล้ว”
“เควิน… ลูกฟังแม่นะ ฟังแม่ให้ดีๆ”
เควินยังคงก้มหน้าเช่นเดิม ความทุกข์ทรมานห่อหุ้มรอบกายจนไม่อาจจะดิ้นหนีออกไปได้
“ความจริงแล้ว… หนูธารกับปีเตอร์ไม่ได้มีอะไรกัน”
“แต่ผมเห็น…”
“วันนั้นแม่บินตามลูกไปวอชิงตันด้วย และก็แม่ก็ไปหาหนูธาร ก่อนจะบังคับให้หนูธารทำตามคำสั่ง ซึ่งคำสั่งนั้นก็คือการให้หนูธารแสดงเป็นคนรักของปีเตอร์ ผู้ชายที่แม่จ้างเอาไว้”
“คุณแม่…?”
“แม่รู้ว่าตัวเองเลวมากที่ทำแบบนั้น แต่ตอนนั้นนี้ตาของแม่มืดบอด แม่คิดเพียงอย่างเดียวว่าหนูไครี่ย์คือคนเดียวที่คู่ควรกับลูก หนูไครี่ย์คือผู้หญิงคนเดียวที่จะทำให้แม่กับลูกคืนดีกันได้ แต่แม่คิดผิด… แม่ทำผิดลงไปแล้วถึงได้มาคิดได้ แม่ขอโทษนะเควิน… เรื่องนี้หากจะมีคนผิด แม่เป็นคนผิดเองทั้งหมด อย่าโกรธ อย่าเกลียด และยกโทษให้หนูธารเถอะนะ หนูธารรักลูกมาก จึงยอมทำทุกอย่างถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้ตัวเองถูกเกลียดชังจากคนที่รักก็ตาม…”
เควินหยุดหายใจกับสิ่งที่ได้ยิน “ผม… ไม่ได้ฟังผิดใช่ไหมครับ… วรันธารากับปีเตอร์ไม่ได้มีอะไรกัน”
“ใช่… ปีเตอร์คือผู้ชายที่แม่จ่ายเงินจ้างให้เล่นละครเท่านั้น”
เควินรู้สึกเหมือนยกหินหนาหนักออกจากอก เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งๆ ที่ดวงตายังคงแดงก่ำ
“วรันธาราไม่ได้ทรยศผม… เธอรักผมคนเดียวจริงๆ…”
“ใช่ หนูธารรักลูกมาก แม่ยืนยันได้ เพราะแบบนี้ไงแม่ถึงยอมแพ้”
เควินหันมาจ้องหน้ามารดาด้วยสายตาอ่อนโยนลง และกุมมือของท่านเอาไว้ แคลอรีน่าหัวใจฟูแน่นอก
“ขอบคุณมากนะครับคุณแม่ที่บอกเรื่องนี้กับผม ขอบคุณมากที่ทำให้ผมเลิกบ้าเสียที”
“แต่มันสายไปแล้ว… หนูธารไปแล้ว…”
“ไปแล้ว ผมก็ลากกลับมาได้ ต่อให้เธอขึ้นไปอยู่บนฟ้า ผมก็จะตามขึ้นไปกระชากลงมาครับ เพราะผมรักเธอ รักเธอมาก…”
“เควิน… แม่ขอโทษ…”
“ไม่ต้องขอโทษผมแล้วครับ ผมเข้าใจแล้วว่าคุณแม่ทำแบบนี้ลงไปทำไม แต่ผมอยากจะบอกคุณแม่ว่า… ต่อให้ผมทำท่าทางหมางเมินใส่แค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วในใจของผม… ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย ผมยัง… ยังต้องการอ้อมกอดของคุณแม่เสมอ อ้อมกอดที่ผมโหยหามาตลอดหลายสิบปี…”
“เควิน… แม่… แม่มันเลวเหลือเกินที่ทิ้งลูกไป แม่… สมควรตาย…”
“อย่าทิ้งผมไป… อีกคนเลยครับคุณแม่…” แล้วเควินก็โผเข้ากอดมารดาเอาไว้ แนบใบหน้ากับหน้าอกของท่านอย่างโหยหา “ขอบคุณที่ทำให้ผมเกิดมา ขอบคุณที่ยังอยู่กับผม ทั้งๆ ที่ผมร้ายกาจกับคุณแม่เหลือเกิน”
“แม่รักลูกนะเควิน… รักมากเหลือเกิน”
“ผมก็รักคุณแม่ครับ… รักทุกวินาที”
สองแม่ลูกกอดรักจากความรู้สึกแท้จริงของหัวใจ ท่ามกลางทะเลน้ำตาแห่งความสุขที่ท่วมท้น
เควินขบกรามแน่นจนขึ้นสัน อารมณ์มากมายกระหน่ำซัดอยู่ภายในอก โกรธ เกลียด และต้องการมากมาย
“ผมเตือนคุณแล้วนะวรันธารา… ออกไปจากตัวของผมเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ค่ะ…”
หญิงสาวยืนกรานเสียงสั่นเครือ
“ฉันจะกอดคุณ… จนกว่าคุณจะให้อภัย…”
แม้จะพยายามต่อสู้แค่ไหน ใช้ความสามารถมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจจะต่อกรกับโทสะร้ายที่กำลังแผ่กระจายอำนาจอยู่ภายในร่างกายได้
“ออกไปจากตัวผมเดี๋ยวนี้!”
และเมื่อแม่สาวร่างนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นยังคงไม่ขยับเขยื้อน เขาก็ไม่อาจจะหยิบยื่นโอกาสใดให้ได้อีก ความเกรี้ยวกราด และกำลังหิวกระหายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ภายในร่างกาย
ใจหนึ่งอยากจะผลักไส แต่อีกใจกลับอยากกอดรัดเอาไว้แบบนี้ และทำให้มากยิ่งขึ้น
“คุณไม่มีโอกาสถอยหลังอีกแล้ว วรันธารา!” แล้วเขาก็ไม่อาจจะหักห้ามความต้องการมากล้นในกายได้อีก ร่างสวยสดถูกจับเหวี่ยงเข้าไปหลังพุ่มไม้ใหญ่ และเขาก็ตามลงไปทาบทับทันที
“เค… เควิน…” วรันธาราตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนไม่คิดว่าเควินจะทำแบบนี้
“อย่า… อย่าค่ะ…”
คนตัวโตที่เต็มไปด้วยโทสะร้ายกาจโน้มหน้าต่ำลงมาหา “คุณหมดโอกาสหนีแล้วล่ะ”
“คุณ… จะทำอะไรฉันน่ะ”
“ผมขึ้นคร่อมคุณขนาดนี้ คุณคิดว่าผมจะกำลังจะทำอะไรล่ะ”
“ไม่นะ… เควิน… ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้”
“แปลกนะ ผมคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่คุณกำลังต้องการจากผม” เขายิ้มหยัน ดวงตามืดลึก
“เซ็กซ์ร้อนแรง ที่ไอ้ปีเตอร์ระยำนั่นมันไม่สามารถให้กับคุณได้ เดี๋ยวร้องให้ดังล่ะ เวลาที่ผมกระแทกคุณแรงๆ น่ะ”
“เควิน… ได้โปรดเถอะค่ะ เรามาคุยกันดีๆ”
“กับผู้หญิงอย่างคุณ การพูดคุยเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำ อย่าทำเป็นเล่นตัว คุณก็ต้องการผมจนจะบ้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
เควินหัวเราะสะใจ พลางก้มหน้าลงมาดูดเนื้อนุ่มที่ซอกคอ วรันธาราร้องอุทานตกใจ ผลักไส แต่ไม่พ้น
“ผมจะทำให้คุณ… สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยล่ะ”
“อย่านะคะ อย่า… อื้อ… อื้อ…”
แล้วหล่อนก็ทำได้แค่นั้นจริงๆ เมื่อวินาทีต่อมาปากอิ่มก็ถูกกระแทกปิดลงมาเต็มแรง จนปากของหล่อนแตกยับ เขาขยี้บดคลึงจนปากของหล่อนแทบจะฉีกขาด มือข้างหนึ่งก็ล้วงลึกบีบขยำเต้าสวย ในขณะที่อีกข้างหนึ่งก็สอดลงไปที่ระหว่างขา บี้คลึงอย่างหยาบคาย
“อื้อ…”
เควินไม่สนใจอาการต่อต้านของวรันธาราเลย ยามนี้เขามีแต่ความแค้นเท่านั้นที่แน่นอก ดังนั้นทุกสัมผัสจึงหยาบคาย เถื่อนถ่อยและแสนกักขฬะ ทั้งปากทั้งนิ้วและฝ่ามือบรรเลงระเริงสวาทจนผิวสาวแดงช้ำ ทุกส่วนถูกบี้คลึงขยี้ขยำ ทุกอณูเนื้อถูกกัดถูกดูดอย่างไร้ความปรานี
“อ๊า… เควิน… เจ็บ…”
เสียงคำรามพึงพอใจในลำคอดังกระหึ่ม ชายหนุ่มตะโบมฟอนเฟ้น กัดยอดอกจนหญิงสาวน้ำตาซึม จากนั้นก็ตลบชายกระโปรงตัวสวยขึ้นไปไว้ที่เอวคอด สองเรียวขาถูกจับแยกออกจากกันแรงๆ
“อื้อ… อ๊า…”
หล่อนเสียวซ่านก็จริงแต่กระนั้นก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวกับสัมผัสที่ได้รับ
“เควิน… ได้โปรด… อย่า… อย่ารุนแรงกับฉันนักเลย…”
หล่อนวิงวอนทั้งน้ำตา เมื่อเห็นคนตัวโตขยับตัวลุกขึ้น และปลดกางเกงลง ความส่วนของร่างกายของเขาใหญ่โต และพุ่งตรงมาที่หล่อน หวาดกลัวมันแม้ว่าจะเคยลิ้มรสสวาทของมันมาบ้างแล้วก็ตาม
“ได้โปรด… อย่ารุนแรง อ๊ะ… อื้อ… ฉันเจ็บ…”
เควินไม่สนใจ เขาอัดเข้าใส่ซอกสวาทเต็มแรง จากนั้นก็เคลื่อนไหวถี่ระรัว ครั้งแล้วครั้งเล่าตัวเองสุขสมจนถอนถอยออกไป ซึ่งมันใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่มันกลับยาวนานชั่วกัปล์ชั่วกัลป์สำหรับวรันธารา
เขาลุกออกไปแล้วความอับอายแผ่ซ่านอย่างรุนแรง แต่กระนั้นก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะขยับร่าง แม้แต่มือที่จะเลื่อนไปปัดกระโปรงลง ก็ยังไม่มีเลย
“เครื่องเครายังแน่นดีเหมือนเดิม สงสัยไอ้หมอนั่นคงตายด้าน”
เควินกัดกราม ขณะเดินเข้ามาก้มลงดึงชายกระโปรงให้ลงไปคลุมกายสาวจนมิดชิด
“คน… ใจร้าย…”
เควินแค่นยิ้มหยัน “ถ้ายังไม่ไปจากที่นี่ ผมก็จะเอาคุณแรงๆ แบบนี้ทุกครั้งที่เจอหน้า”
เขายังเหี้ยมเกรียมได้อีกมากมายนัก
“และทุกที่ ที่ผมเจอคุณ จำเอาไว้”
วรันธารากัดฟันขยับลุกขึ้นนั่ง มองคนใจร้ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“คุณเชื่อจริงๆ หรือคะ… ว่าฉันมีคนอื่น คุณเชื่อว่าฉัน… จะยอมให้คุณอื่นทำแบบนี้กับร่างกายของฉันจริงๆ หรือคะ”
เควินนิ่งอึ้งไป ใช่… เขาไม่เชื่อ แต่สิ่งที่สองตาเห็นมันทำให้เขาไม่อาจจะโกหกตัวเองได้อีกต่อไป
“ตาของผมไม่เคยโกหก”
“แต่บางสิ่งสายตาก็ไม่อาจจะมองเห็นได้นะคะเควิน คุณควรจะใช้หัวใจมอง…”
“หุบปากซะ แล้วก็รีบเข้าไปในบ้าน ก่อนที่ผมจะลงไปขยี้คุณอีกครั้ง”
เควินกัดฟันด้วยโทสะร้าย พร้อมกับล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบกระเป๋าสตางค์สีดำออกมา
“เกือบไป… ผมลืมจ่ายค่าดีดค่าดิ้นของคุณนี่”
ธนบัตรสองสามใบอยู่ในมือแข็งแกร่ง ในขณะที่วรันธาราเบิกตากว้างตกใจและเจ็บปวด
“เท่าไหร่ดีล่ะ พันเหรียญ สองพันเหรียญ หรือว่าห้าพันดีล่ะ”
“ฉันไม่ใช่อีตัวนะคะ ที่จะต้องได้รับค่าตัวหลังจากเสร็จกิจน่ะ” ทั้งเจ็บปวดทั้งทรมาน
“ได้โปรดอย่าดูถูกฉันมากไปกว่านี้เลยค่ะ ได้โปรดหยุดเสียทีเถอะ”
“ถึงคุณจะยืนกรานว่าไม่อยากรับ แต่ผมไม่เคยเอาใครฟรี รับไปเถอะ เพราะถึงยังไงคุณก็รักเงินมากอยู่แล้วไม่ใช่หรือ จริงไหม” แล้วธนบัตรก็ถูกโปรยลงมาใส่หน้าของหล่อน
วรันธาราช็อก หัวใจแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
“เควิน…”
“ทำท่าทางแบบนี้ คงยังไม่พอสินะ”
เควินแค่นยิ้มหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าอีก และก็โปรยใส่หน้าวรันธาราอีกครั้ง
“พอไหมครับ”
“คนใจร้าย… คนไม่มีหัวใจ”
วรันธาราสะอื้นไห้ปริ่มจะขาดใจ แต่เขากลับไม่สนใจไยดี เดินหนีไปราวกับคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ปล่อยให้คนที่ถูกทำร้ายขาดใจตายอยู่เบื้องหลังอย่างอำมหิต
แม้จะพยายามสนใจกับงานตรงหน้ามากแค่ไหน แต่กลับทำไม่ได้ ในหัวมีแต่เรื่องของวรันธารา กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า
เขาข่มขืนวรันธาราอย่างป่าเถื่อน…
เขาพยายามบอกตัวเองว่าผู้หญิงคนนั้นสมควรได้รับโทษทัณฑ์นี้แล้ว และมันก็ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับการทรยศของหล่อน แต่… แต่ทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้
รู้สึกผิด… รู้สึกผิดมากมายเหลือเกิน…
หยาดน้ำตาจากดวงตาสดใสคู่นั้น เสียงอุทานเจ็บปวดจากกลีบปากอิ่มแสนหวาน
นี่เขาทำอะไรลงไปนะ? ทำบ้าอะไรลงไปกับผู้หญิงที่ตัวเองแสนจะรักนักหนา
ถึงแม้ว่าหล่อนจะทรยศ แต่เขาก็ไม่ควรจะกระทำป่าเถื่อนแบบนี้กับหล่อน เขาควรหนีออกมา
ศีรษะทุยสวยโน้มต่ำลง ความละอายใจแน่นอกจนเจียนจะระเบิดออกมา เขาควรจะกลับไป… ขอโทษหล่อนใช่ไหม กลับไปสารภาพกับหล่อนว่าที่ทำลงไปเพราะรักมากมาย รักจนเจ็บไปทั้งหัวใจ
เควินระบายลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างเกลียดชังตัวเอง เกลียดตัวเองที่พ่ายแพ้อีกแล้ว เกลียดตัวเองที่เจ็บแต่ก็ไม่เคยจะจดจำ เกลียดที่เอาแต่รักผู้หญิงทรยศคนนั้น
“คุณแคนดี้ ผมต้องการช่อดอกไม้หนึ่งช่อ ในเย็นวันนี้”
“ค่ะ คุณเคน”
เลขาสาวรับคำแล้ว คนออกคำสั่งอย่างเขาก็ระบายยิ้มผ่อนคลายออกมา
เสียงฝีเท้าของของใครบางคนก้าวเข้ามาภายในห้องอาหาร วรันธาราที่กำลังนั่งรับประทานมื้อเช้าอยู่กับแคลอรีน่าจึงเงยหน้าขึ้นมอง ผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดสูทหล่อเหลาก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา
เควิน… หล่อมากจริงๆ ไม่ว่าร่างกายกำยำจะสวมใส่อาภรณ์ชุดใด หรือไม่สวมใส่ก็ตาม แต่เขาก็ยังคงดูองอาจ ดุกระด้าง และเซ็กซี่ขยี้ใจตลอดเวลา เควินเป็นผู้ชายในฝันของหล่อน และของสตรีทั้งโลกอย่างแท้จริง
วรันธาราพยายามบังคับตัวเองให้ละสายตาจากผู้ชายที่หล่อเหลาปานเทพบุตรตรงหน้า แต่กลับทำได้ยากเย็นนัก เมื่อดวงตาคมกล้าจับจ้องมองประสานมา
หัวใจของหล่อนเหมือนกับจะหยุดเต้น รู้สึกกระวนกระวายราวกับคนบ้า เพียงแค่แต่เขามองมา
“เค… เควิน…”
ไม่มีรอยยิ้มหรือคำทักทายจากเขามอบให้เลย วรันธาราจึงจำต้องก้มหน้าซ่อนความอดสูเอาไว้เงียบๆ
แคลอรีน่าเห็นอาการของวรันธาราก็อดเวทนาไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วคนที่ผิดคือหล่อน ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้
“เควิน… กินมื้อเช้าข้าวกับแม่ก่อนสิ”
“ขอตัวครับ ผมไม่หิว”
เควินตอบเสียงกระด้าง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง แคลอรีน่ารีบลุกตามออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิเควิน รอแม่ก่อน”
เควินหยุดการเคลื่อนไหว แต่ไม่หันกลับมาจ้องมองมารดา “คุณแม่มีอะไรกับผมหรือครับ”
“แม่… แม่อยากจะขอความคิดเห็นของลูกน่ะ” แคลอรีน่าตัดสินใจเดินอ้อมไปหยุดตรงหน้าของลูกชาย
“แม่… แม่อยากจะให้ครอบครัวของเราไปพักผ่อนด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี แม่อยากได้ความคิดเห็นจาก…”
คนเป็นแม่ยังพูดไม่ทันจบ ผู้เป็นบุตรชายก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น และขุ่นเคืองเสียก่อน
“หลังจากที่คุณแม่พาผู้หญิงคนนั้นกลับเข้ามาในบ้าน โดยไม่บอกผมสักคำ…”
เควินยิ้มหยัน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“แล้วผมยังจำเป็นที่จะต้องร่วมตัดสินใจอะไรด้วยอีกหรือครับ”
“คือแม่…”
“คุณแม่จะเลือกที่ไหนก็เชิญครับ ตามสบาย ผมจะออกเงินให้ แต่ผมจะไม่ไปด้วย”
“เควิน…”
“ขอตัวครับ ผมต้องรีบไปประชุม”
แล้วเควินก็เดินผ่านร่างของมารดาออกไป ท่ามกลางความผิดหวังของแคลอรีน่า
“เพราะหนูใช่ไหมคะ คุณเควินถึงไม่ยอมไป…” วรันธาราที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังพูดทั้งน้ำตา ขณะเข้ามาประคองร่างของแคลอรีน่าด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ใช่เพราะหนูหรอก เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะฉันเอง… ฉันเองที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้ ฉันผิดเอง…”
“คุณแม่ไม่ผิดหรอกค่ะ หนูต่างหากที่ผิด…” คนพูดน้ำตาไหลพราก สะอื้นได้ด้วยความทรมาน “ผิดที่ไม่อาจจะทำให้คุณเควินเข้าใจได้ หนู…”
“อย่าโทษตัวเองแบบนั้นเลย เพราะความจริงแล้ว หนูก็รู้อยู่เต็มอกไม่ใช่เหรอว่าใครเป็นคนผิด”
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองและละอายใจของแคลอรีน่าทำให้ วรันธาราสงสารจับใจ หล่อนต้องพยายามให้มากกว่านี้ ต้องพยายามทำให้เควินเข้าใจทุกอย่างให้จงได้
“คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูจะจัดการทุกอย่างเองค่ะ”
“หนูธารจะทำอะไรเหรอ”
วรันธารากุมมือของแคลอรีน่าและบีบเบาๆ “หนูจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณเควิน… เข้าใจทุกอย่างค่ะ”
แล้วหญิงสาวก็ปล่อยมือ หมุนตัวเดินออกไป
แคลอรีน่ามองตามไปด้วยความเป็นกังวล เพราะรู้จักนิสัยของเควินดีว่าร้ายกาจแค่ไหน
“หยุดก่อนค่ะ คุณเควิน”
คนที่กำลังจะก้าวขึ้นรถชะงัก ก่อนจะเอียวตัวกลับไปมอง และพอเห็นว่าเป็นใคร รอยยิ้มหยันก็ผุดขึ้นที่มุมปาก
“นึกว่าใคร”
สายตาชิงชังของผู้ชายตรงหน้าไม่ต่างจากลูกธนูอาบยาพิษที่พุ่งตรงเข้าใส่หัวใจ แต่… แต่วรันธาราก็จำเป็นต้องเข้มแข็งเอาไว้อย่างที่สุด
“คุณเควินพอ… พอจะมีเวลาสักสิบนาทีไหมคะ คือฉัน… มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณน่ะค่ะ”
เควินแค่นยิ้มหยัน พลางขยับเท้าก้าวเข้าหาร่างของสตรีใจร้ายตรงหน้า ทีละก้าวทีละก้าวด้วย ในขณะที่ดวงตาจ้องเขม็งตลอดเวลา
“ผมคิดว่าเราไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้ว”
“แต่… แต่ฉันมีค่ะ ถ้าจะไม่เป็นการรบกวนคุณมากเกินไป เชิญที่สวนด้านหลังค่ะ” วรันธาราต้องใจความพยายามมากมายเหลือเกินกว่าจะทำท่าเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านแบบนั้นออกไปได้ จากนั้นหล่อนก็ก้าวเท้าเดินออกไป มุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่เป้าหมาย โดยภาวนาตลอดทางให้เควินเดินตามมา ซึ่งเขาก็เดินตามมาจริงๆ
ขอบคุณพระเจ้า…
ท่ามกลางสายลมเย็นฉ่ำ ท่ามกลางกลิ่นดอกไม้หอมที่กำลังเบ่งบานสะพรั่ง และท่ามกลางแสงแดดอ่อนอบอุ่นในยามเช้า หัวใจของหล่อนเต้นแรงระรัวราวกับพึ่งจบการแข่งขันวิ่งมาราธอนรอบโลกมาก็ไม่ดิบพอดีเหลือเกิน แสงนั้นมันช่วยส่งให้เขายิ่งหล่อเหลาจนคนมองอย่างหล่อนตะลึงลึกงอ้าปากค้าง เขาทำให้หล่อนไม่อาจจะถอนสายตาไปจากร่างกายกำยำแน่นไปด้วยมัดกล้ามได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
“พูดเรื่องของคุณมา”
น้ำเสียงเยือกเย็น ห่างเหิน และท่าทางถือตัวใหญ่หลวงของเควินทำให้คนที่กำลังลุ่มหลงในความหล่อเหลาอย่างวรันธาราได้สติ หล่อนรีบกะพริบตาเร็วๆ และเค้นเสียงระรัวตอบออกไป
“คือ… คือ… เรื่องของคุณแคลอรีน่า”
หล่อนได้ยินเสียงคำรามหมั่นไส้ดังออกมาจากลำคอแกร่งเบาๆ ในขณะที่เขาแค่นยิ้มหยันตลอดเวลา
“ผมนึกว่าคุณจะพูดแก้ตัวให้กับตัวเองเสียอีก”
“ฉัน… ฉันอยากให้คุณเข้าใจคุณแม่ของคุณเสียใหม่ ท่านรักคุณมากนะคะ ท่านยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมีความสุข…”
“แต่ผมไม่เคยมีความสุขเพราะการกระทำของคุณแม่เลยสักครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้” ดวงตาของเควินลุกเป็นไฟ ขณะขยับเท้าเข้ามาหา “ครั้งที่ท่านพาคุณกลับมา…”
แก้มนวลร้อนจัดแสนจะอับอาย แต่ก็จำต้องข่มอารมณ์เอาไว้ “ฉันรู้ว่าคุณ… ลืมฉันไปแล้ว แต่ว่าฉัน…”
“ผมยังไม่ลืมคุณ… โดยเฉพาะความร้ายกาจของคุณ วรันธารา!”
เขาตวาดดังลั่น และขยับเท้าเร็วมากขึ้น จนในที่สุดก็มาหยุดตรงหน้าของหล่อน
“ถอย… ถอยออกไปเถอะค่ะ…” หล่อนพูดได้แค่นั้น เอวคอดก็ถูกรวบเข้าไปรัดแน่น
“ปล่อย… ปล่อยนะคะ”
เควินแค่นยิ้มหยัน ก้มหน้าต่ำลงมาหา และก็ต้องยอมรับกับตัวเองอย่างขมขื่น เมื่อเขา… ต้องการผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน
“ผมจะถามคุณอีกครั้งนะ คุณวรันธารา…” น้ำเสียงของห่างเหินจนน่าตกใจ
“คุณกลับมาที่นี่อีกทำไม”
คนถูกถามกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอช้าๆ หัวใจเต้นระรัวเมื่อร่างกายถูกโอบกระชับด้วยอ้อมกอดแสนอบอุ่น
“เพราะ… เพราะว่า… ฉัน…” น้ำเสียงของหล่อนตะกุกตะกัก และก็แสนจะเชื่องช้านัก
“ฉัน… คือว่าฉัน…”
“เงินหมด หรือว่าผัวทิ้งกันล่ะ”
“มะ ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นประสานสายตา ก่อนจะปฏิเสธลั่น
“ฉัน… ไม่เคยมีใคร… นอกจากคุณคนเดียว”
“ผมไม่สนใจประเด็นนั่นหรอก” ชายหนุ่มกระชับแขนแน่นขึ้น ปลายจมูกโด่งชนกับแก้มนวลเข้าพอดี
วรันธาราหน้าแดงก่ำ ขัดเขิน กายสาวปั่นป่วนขึ้นมาอย่างอย่างมาน่าละอาย “แล้ว… แล้วคุณสนใจอะไรล่ะคะ”
“ผมสนใจว่า… เมื่อไหร่คุณจะไปจากที่นี่ยังไงล่ะ!”
“ว๊ายยย…”
ร่างเล็กถูกผลักจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น พร้อมกับเควินที่หมุนตัวเดินหนีไป
วรันธาราร้องไห้ รีบลุกขึ้นและวิ่งตามไปดักหน้าเอาไว้
“ได้โปรด… ฟังฉันอธิบายสักครั้งนะคะ ฉันกับปีเตอร์เราไม่ได้…”
“หุบปากซะ! ผมเกลียดคุณ!”
“เควิน…” หัวใจเหมือนถูกเชือดจนขาดวิ่น แต่ก็ทำได้แค่ร้องไห้และสู้ต่อไปเท่านั้น
“ต่อ… ต่อให้คุณเกลียดฉันสักแค่ไหน แต่ฉัน… ฉันก็จะรักคุณอยู่แบบนี้ จะไม่ยอม… เดินไปจากคุณอีกแล้ว”
“แพศยา! ผู้หญิงหน้าด้าน!”
“ถ้าการรักคุณ แล้วจะต้องกลายเป็นผู้หญิงแพศยา กลายเป็นคนหน้าด้าน ฉันก็ยินดี…”
เควินเมินหน้าหนีพยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งเอาไว้ อย่าไปหลงกลผู้หญิงคนนี้อีก แต่… แต่ร่างกายเขากลับทรยศ
“ไปให้พ้น!”
มือผลักไส แต่หัวใจกลับแสนทรมาน
“บอกให้ไปให้พ้นยังไงล่ะ!”
“ฉัน… รักคุณค่ะเควิน… ฉันรักคุณ”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ฉันไม่หยุด ฉันรักคุณเควิน! ฉันรักคุณ…”
วรันธาราโผเข้าไปกอดร่างแข็งแรงเอาไว้แน่น แม้เขาจะผลักยังไงก็ไม่ยอมคลายอ้อมแขน
“ฉันจะรักคุณ… รักคุณคนเดียว”
“น้ำค่ะคุณเคน”
ป้าเดซี่รีบส่งแก้วน้ำให้กับเจ้านาย และรีบเสื้อสูทมาถือเอาไว้
“ขอบคุณครับ”
เควินกล่าวสั้นๆ แต่ไม่รับน้ำไปดื่ม ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปในตัวตึกแทน ป้าเดซี่รีบส่งแก้วน้ำให้กับเด็กรับใช้ข้างตัว และรีบวิ่งตามเควินไปติดๆ
“เอ่อ วันนี้คุณเคนจะรับประทานมื้อค่ำที่ห้องอาหารไหมคะ”
“ไม่ครับ”
เควินตอบสั้นๆ อีกเช่นเคย ขณะก้าวยาวๆ ผ่านห้องรับแขกมุ่งหน้าขึ้นตรงไปยังบันไดที่ตกแต่งเอาไว้หรูหรา
“แต่ว่า… คุณแคลอรีน่าอยากให้คุณเคนร่วมโต๊ะด้วยนะคะ”
คราวนี้เควินหยุดเดิน และหันกลับมาเผชิญหน้ากับป้าเดซี่กะหันทันเลยทีเดียว
“ผมจะดื่มเหล้าบนห้อง ชัดเจนไหมครับป้าเดซี่”
“ชัด… ชัดเจนค่ะ แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ครับ”
แม้น้ำเสียงของเควินจะแผ่วเบา แต่สายตากลับจริงจังและดุดันจนน่ากลัว
ป้าเดซี่จึงจำต้องก้มหน้ารับคำสั่ง “ค่ะ ได้ค่ะ”
เควินไม่ได้กล่าวอะไรอีกนอกจากหมุนตัวและก้าวหายไป
“เฮ้ออออ…”
ป้าเดซี่ถอนใจยาว ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ อย่างผิดหวัง
“แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ”
“เควินไม่ยอมลงมากินมื้อค่ำอีกแล้วเหรอเดซี่”
แคลอรีน่าครางอย่างผิดหวัง
“ใช่ค่ะ บอกแค่ว่าให้ยกเหล้าขึ้นไปให้เหมือนเดิม” ป้าเดซี่ตอบด้วยความรู้สึกหนักใจเช่นกัน
“แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดีล่ะ” แคลอรีน่าหันไปมองหน้าวรันธาราที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ
“เควินไม่ยอมลงมาร่วมโต๊ะกับแม่ตั้งแต่ตอนที่ไม่มีหนูนั่นแหละ เก็บตัวเงียบ ดื่มแต่เหล้า”
“หนูคง… เป็นตัวกาลกิณีสำหรับเควิน”
“อย่าคิดแบบนั้นสิ หนูจะเป็นคนช่วยทำให้โลกของเควินสว่างสดใสอีกครั้งหนึ่งต่างหาก หลังจากที่มันมืดมนเพราะน้ำมือแม่อย่างฉันมานานแสนนาน”
แคลอรีน่ายังคงรู้สึกผิดในใจเหลือเกิน
“เดซี่ เดี๋ยวไปเรียกเควินให้อีกรอบนะ บอกว่าฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ได้ค่ะคุณแคลอรีน่า”
“ให้หนู… ขึ้นไปเรียกเองไหมคะ”
“ยังไม่ถึงเวลาที่หนูจะปรากฏตัวต่อหน้าเควิน เราต้องทำให้เควินเซอร์ไพรส์ที่สุด”
แคลอรีน่ารั้งเอาไว้ ซึ่งวรันธาราก็ยอมทำตาม
ป้าเดซี่อมยิ้มเมื่อเห็นผู้หญิงสองคนของเควินปรับความเข้าใจกันได้ “งั้นเดี๋ยวดิฉันมานะคะ”
แคลอรีน่าพยักหน้ารับ มองตามร่างของป้าเดซี่ไปจนลับตาด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
“หวังว่าเควินจะยอมลงมานะ”
วรันธาราก้มหน้ามองมือของตัวเองนิ่ง ความรู้สึกมากมายประดังประเดอยู่ภายในอก
ทั้งยินดี และทั้งกริ่งเกรง…
ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอยู่ที่ขอบหน้าต่างภายในห้องนอนของตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมจนเคยชิน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่ปุยเมฆสีขาวบนท้องฟ้ายามเย็น เฝ้ามอง เฝ้าหวังว่าคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของขอบฟ้าจะกำลังรู้สึกเช่นเดิมกัน
คิดถึงจนแทบขาดใจ…
ไม่ใช่หรอก ไม่มีทางเป็นไปได้ วรันธารามีคู่รักใหม่ไปแล้ว หล่อนไม่มีทางคิดถึง… คนเก่าๆ อย่างเขาอีกแล้ว มีแต่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่ยังโหยหา ยังรอคอยทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีหวังใดเลย
ลมหายใจหนักหน่วงถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากหยักสวย สมองยังคงจดจำช่วงเวลาที่มีกันและกันได้เป็นอย่างดี ผู้หญิงที่เคยเมาหนักและเผลอบอกว่ารักเขา ผู้หญิงที่สารภาพรักตรงหน้าเขา แต่กลับเดินจากไปพร้อมกับผู้ชายคนอื่นหน้าตาเฉย
หล่อนไม่เหลือคุณสมบัติใดเลยที่จะทำให้เขายังคงคิดถึง แต่กระนั้นเขาก็ไม่อาจจะห้ามปรามความรักในหัวใจได้ วรันธาราสร้างรอยแผลลึกแห่งที่สองในหัวใจของเขาอย่างอำมหิต เขาเจ็บปวดกับการจากไปของหล่อน ยิ่งกว่าครั้งที่วรัญญาทรยศเสียอีก
เขารักหล่อน… โดยที่ไม่เต็มใจเลยสักนิด…
กำปั้นหนาทุบลงกับขอบหน้าต่างแรงๆ ริมฝีปากบิดเบี้ยวเมื่อนึกเยาะความโง่เขลาของตัวเอง
วรันธาราทรยศเขาอย่างร้ายกาจ แต่คนโง่อย่างเควิน คาสโตรโตเซ่นกลับไม่อาจจะตัดใจจากหล่อนได้เลย แม้ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
“คุณเคนคะ ป้าเดซี่เองค่ะ”
เสียงเรียกจากประตูหน้าห้องช่วยดึงเควินให้ออกมาจากอดีตได้ชั่วขณะ
“ป้ามีอะไรกับผมหรือครับ”
“เอ่อ… คุณแคลอรีน่ามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณเคนค่ะ”
“เอาไว้วันอื่นเถอะครับ วันนี้ผมไม่พร้อม”
“แต่ว่า…”
“ป้าเดซี่ไปบอกคุณแม่ว่าผมเหนื่อย อยากอยู่คนเดียว”
ป้าเดซี่ทำอะไรไม่ได้อีก นอกจากเดินออกไปเงียบๆ เพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับแคลอรีน่าฟัง
“เควินไม่ยอมลงมาเหรอ”
“ใช่ค่ะ น่าจะยังไม่พร้อมจริงๆ”
ป้าเดซี่ถอนใจเบาๆ ก่อนจะหันไปมองวรันธาราที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ข้างกายของแคลอรีน่า
“คุณเคนเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่วันที่คุณเคนไม่มีคุณธาร…”
วรันธาราน้ำตาคลอเต็มไปด้วยความขมขื่น
แคลอรีน่าคว้ามือของวรันธารามากุมเอาไว้ “ฉันผิดเองทั้งหมดเดซี่ เอาเป็นว่าฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เควินกับหนูธารคืนดีกัน”
“คงจะยากล่ะค่ะ คุณเคนเก็บตัวเหลือเกิน ขนาดคนขับรถคนสนิทยังแทบไม่ได้คุยกันเลยค่ะ”
“แต่มันต้องมีวิธีสิ” แคลอรีน่าพยายามคิด แต่ก็ยังคิดไม่ออก ป้าเดซี่เองก็จนปัญญาเหมือนกัน
“เดี๋ยวดิฉันไปสั่งเด็กยกเหล้าขึ้นไปให้คุณเคนก่อนนะคะ ให้รอนานๆ เดี๋ยวอาละวาดอีก”
ป้าเดซี่หมุนตัวจะเดินออกไป แต่ถูกแคลอรีน่าเรียกเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนเดซี่…”
“คุณแคลอรีน่ามีอะไรเหรอคะ”
แคลอรีน่าระบายยิ้มมีความหวัง
“ฉันคิดออกแล้วล่ะว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี”
“ทำยังไงเหรอคะ” ป้าเดซี่ถามอย่างสงสัย ในขณะที่วรันธาราเองก็สงสัยด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยวก็รู้”
แล้วแคลอรีน่าก็นั่งอมยิ้มพึงพอใจ
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น เควินรู้ดีว่าคงเป็นสาวใช้ที่นำสิ่งที่ตัวเองกำลังรอคอยขึ้นมาให้
“เข้ามา”
เสียงประตูถูกเปิดและปิดลงเบาๆ แต่เควินที่ยืนกอดอกหันหลังให้กับประตูไม่คิดจะเหลียวไปมอง
“วางไว้ที่โต๊ะนั่นแหละ และออกไปได้แล้ว”
เสียงบางอย่างกระทบกับโต๊ะกระจกดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะเงียบงันลง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูออกไปของสาวใช้
“ออกไปได้แล้ว ถ้าฉันต้องการอะไร จะเรียกเอง”
เควินขมวดคิ้วเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากสาวใช้ จังหวะนั้นเองเขาก็หมุนตัวกลับมา และตีหน้ายักษ์ใส่
“หูแตกหรือไง บอกว่า…”
เสมือนพื้นใต้ฝ่าเท้าแยกออกจากกันก่อนจะสูบร่างของเขาให้ดำดิ่งลงไปใต้พื้นปฐพี ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง ก่อนที่มันจะกะพริบเร็วๆ ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
“ธาร… วรันธารา…”
ศีรษะทุยสะบัดแรงๆ พร้อมๆ กับการจ้องเขม็งร้ายกาจเมื่อพบว่าภาพตรงหน้าเป็นของจริง
วรันธาราตัวจริง!
“เควิน… ฉัน…” หัวใจของวรันธาราเต้นแรงระรัวกระทบกับหน้าอกจนแทบจะกระดอนออกมา
“ฉัน… กลับมาหาคุณแล้ว…”
รอยยิ้มที่หล่อนหวังว่าจะได้เห็น สายตาสีน้ำเงินอมดำที่คิดว่าต้องเป็นประกายยินดี เมื่อเขาได้เห็นหน้าหล่อน แต่ทุกอย่างที่คาดหวังเอาไว้ กลับมีแต่สิ่งที่ตรงกันข้ามทั้งนั้น
รอยยิ้มไม่มีบนใบหน้าหล่อเหลาของเควิน แถมในดวงตาคมกริบคู่นั้นยังเปลี่ยนสีจากน้ำเงินอมดำเป็นสีของเพลิงจนคนถูกมองอย่างหล่อนตัวสะท้าน
“ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง…” น้ำเสียงของเควินเยือกเย็น แต่ความน่ากลัวมหาศาลยิ่ง “วรันธารา…”
หญิงสาวฝืนยิ้มขยับเท้าเข้า ทั้งๆ ที่ใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เควินเปลี่ยนไป ท่าทางของเขาดูดุดันมากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่านัก แต่กระนั้นหล่อนก็ถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว
“ฉัน… คิดถึงคุณมาก”
เสียงหัวเราะที่ไม่น่าจะได้ยินจากผู้ชายตรงหน้าดังกังวานขึ้น พร้อมๆ กับฝ่ามืออบอุ่นที่ตะปบลงมาบนต้นแขนทั้งสองข้าง
“โอ๊ย…”
ศีรษะทุยสวยโน้มต่ำลงมาหา กลิ่นลมหายใจของเควินยังชวนลุ่มหลงได้เช่นเดิม
“กลับมาหาผม… ในฐานะอะไรหรือ”
“ก็… ก็… เอ่อ… คน… รัก…”
เสียงหัวเราะดังออกจากลำคอแกร่งอีกครั้ง
“คนรัก? คนรักบ้าบออะไรกัน มันจบไปตั้งแต่วันที่คุณเลือกเดินไปกับไอ้ชายชู้นั่นแล้ว”
“โอ๊ย… เจ็บค่ะ…”
ร่างเล็กถูกจับกระแทกเข้ากับผนังห้องแรงๆ หล่อนร้องเจ็บปวด แต่คนตัวโตไม่ยั้งมือแม้แต่นิดเดียว
“ผู้หญิงแพศยา! ยังมีหน้ากลับมาให้เห็นอีกอย่างนั้นหรือ”
“เควินคะ… ฉัน… ฉันอธิบายได้นะคะ โอ๊ย… อื้อ…” วรันธาราพยายามดิ้นรนเมื่อมือแข็งแรงข้างหนึ่งเลื่อนจากต้นแขนขึ้นมากุมที่ลำคอระหงเอาไว้
“ผมบอกแล้วไง… ว่าหากไปแล้ว อย่ากลับเข้ามาในชีวิตของผมอีก คุณจำไม่ได้หรือ”
“เควินคะ… เรื่องวันนั้นมัน…”
“ผมจะฆ่าคุณ”
“ไม่นะคะเควิน… ได้โปรดฟังฉันอธิบายก่อน”
“ฟังหรือ?” เควินหัวเราะลั่น แต่ภายในอกนั้นแสนจะทรมาน วรันธารากลับมาทำไมอีก หล่อนต้องการอะไรจากเขาอีก หรือว่ายังฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็นไม่พอ
กรามแกร่งที่มีไรหนวดขึ้นปะปรายขบกันแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกเป็นริ้ว ดวงตาคมกริบยังลุกเป็นไฟยามจ้องมาที่หล่อน
“ฉันรักคุณนะคะเควิน ได้โปรด… ฟังฉันอธิบายก่อน”
“ผมไม่ฟัง!”
“ว๊ายยย…!”
ร่างของวรันธาราถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนเตียงแรงๆ จนหล่อนเจ็บระบมไปทั้งตัว โดยมีคนตัวโตถลาตามขึ้นมาคร่อมทับ
“หรือว่าที่กลับมาหาผม เพราะไอ้หมอนั่นมันปรนเปรอไม่ถึงใจใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะคะ เควิน… ฉัน…” หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตา อยากจะอธิบายแต่ชายหนุ่มไม่ฟังเลย
“ก็ดี… ในเมื่อเดินเข้ามาให้ท่าถึงที่ ผมก็จะไม่ขัดความต้องการของคุณหรอก จะบริการให้ถึงใจเลย”
แคว๊ก!
“ว๊าย! อย่านะคะ… เควิน… อย่า…”
เสื้อถูกฉีกออกจนขาดวิ่น ร่างสาวด้านบนจึงเหลือแต่บราเซียร์สีขาวตัวจิ๋วที่แทบจะห่อหุ้มปทุมถันอวบสล้างเอาไว้ไม่หมด วรันธารารีบยกมือขึ้นปกปิดก้อนเนื้อนุ่มด้วยความอับอาย
“ได้โปรด… ฟังฉันอธิบายก่อน”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ฟัง… มานี่…”
แล้วเควินก็ก้มหน้าลงซุกไซ้ร่างกายด้วยกิริยาเถื่อนถ่อยหยาบคาย และเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น สองมือของเขาตะโบมบีบเค้นหนักหน่วงไม่สนใจว่ากายสาวจะบอบช้ำมากมายแค่ไหน วรันธาราจึงทำได้แค่นอนนิ่งและร่ำไห้
“หยุดเดี๋ยวนะเควิน!”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมๆ กับคำสั่งคุ้นหู เควินจำต้องหยุดการกระทำป่าเถื่อนและหันกลับไปเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
วรันธารารีบคว้าหมอนมากอดปิดบังเนื้อตัวของตนเองเอาไว้ด้วยความอัปยศอดสู
“ผมคงพลาดที่ไม่ได้ล็อกห้อง คุณแม่ถึงเข้ามาได้ง่ายๆ”
แคลอรีน่ามองหน้าลูกชายอย่างอ่อนใจ ก่อนจะรีบเดินไปหยุดที่เตียงที่มีร่างของวรันธารานั่งตัวสั่นอยู่
“หนูเป็นยังไงบ้างลูก”
เควินได้ยินก็ยิ้มเยาะหยัน “ญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะครับ หรือว่าผมตกข่าวอะไรไป”
“เควิน ลูกควรจะฟังคำอธิบายของคนอื่นบ้างนะ ไม่ใช่เอาแต่จะทำป่าเถื่อนแบบนี้”
“คุณแม่ไม่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนผมทั้งนั้น และก็พากันออกไปจากห้องของผมได้แล้ว ผมจะพักผ่อน” ชายหนุ่มหมุนตัวหันหลังให้กับทุกคน แผ่นหลังกว้างสะท้อนขึ้นลงถี่ระรัว
วรันธารามองคนตัวโตแสนใจร้ายอย่างเจ็บปวด หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจทะลักไม่หยุด
แคลอรีน่าเห็นก็เข้าใจความรู้สึก หล่อนรีบเดินไปหยิบเสื้อคลุมของลูกชายมาสวมให้กับหญิงสาว
“กลับห้องกับแม่เถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
“ค่ะ” วรันธาราก้าวลงจากเตียงด้วยแข้งขาที่สั่นเทา ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่เควินหันมาพอดี
“ผมให้เวลาคุณจนถึงพรุ่งนี้เช้า ออกไปจากบ้านก่อนที่ผมจะตื่น วรันธารา”
“ไม่ได้นะเควิน หนูธารเป็นแขกของแม่”
“ที่นี่คือบ้านของผม… หรือว่าผมเข้าใจผิดไปล่ะครับ”
แคลอรีน่ารู้ดีว่าตอนนี้เควินคงไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น หล่อนจึงเลือกที่จะพาวรันธาราออกไปก่อน
“หนูไม่เป็นไรนะ ฉันขอโทษ… ไม่คิดเลยว่าเควินจะอารมณ์ร้ายมากขึ้นขนาดนี้”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ” แม้จะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่วรันธาราก็ร้องไห้ไปตลอดทางเลยทีเดียว
เควินกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำด้วยความทรมาน “คุณกลับมาทำไม! กลับมารังควานหัวใจของผมอีกทำไม!”
กำปั้นที่หนาหนักกระแทกเข้ากับผนังห้องหลายครั้ง จนเลือดออกตาข้อนิ้ว
“ผมเกลียดคุณ… ผมเกลียดผู้หญิงอย่างคุณ วรันธารา…”
ร่างกำยำร่วงลงกับพื้น พร้อมๆ กับหัวใจที่ขาดวิ่นไม่เหลือชิ้น เขาพยายามจะลืมหล่อน แต่ไม่เคยลืมได้จริงๆ สักครั้ง แค่ได้เห็นหน้า แค่ได้สบตาอีกครั้ง ทุกอย่างที่เพียรพยายามทำก็พังทลายลงในพริบตา
เขาไม่เคย… ต่อกรกับเสน่หาที่มีต่อวรันธาราได้เลย… และครั้งนี้ก็เช่นกัน เขา… ใกล้จะพ่ายแพ้อีกครั้งแล้ว
ศีรษะที่เคยทระนงตอนนี้โน้มต่ำลงมาข้างหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความมืดหม่นหาทางออกไม่เจอ
เขาควรจะทำยังไงต่อไป ปล่อยให้หล่อนเดินเข้ามาในชีวิต และยอมเป็นเหยื่อโง่ๆ อีกครั้ง หรือจับหล่อนโยนออกไปจากชีวิตดี
เขาควรทำยังไง…? ควรทำยังไงดี…?
ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างถูกยกขึ้นปิดหน้า และความเงียบงันมืดมิดก็ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องอย่างสิ้นเชิง
แคลอรีน่าลุกขึ้นยืน มองวรันธาราทั้งน้ำตา “ฉันแพ้แล้ว… ฉันพ่ายแพ้ให้กับ… เธอและเควินแล้ว…”
“ไม่จริง… คุณกำลังจะทำอะไรกันแน่ คุณกำลังจะทำร้ายอะไรฉันอีก คุณแคลอรีน่า!”
“ฉันขอโทษ… ขอโทษที่เคยรังเกียจในความต่ำต้อยและความอวดดีของเธอ ตอนนั้นนี้ฉันตาบอด ฉันมองแค่ความเหมาะสม มองแค่ผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับเพียงอย่างเดียว ก็อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ… ความสัมพันธ์ของฉันกับเควินไม่ดีนัก ฉันทำร้ายเควิน ทำร้ายลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองเอาไว้อย่างสาหัส และตอนนี้เขาก็เกลียดฉันเข้าไส้ ดังนั้นสะใภ้ของคาสโตรโตเซ่นจึงต้องเป็นคนของฉัน คนที่จะสามารถโน้มน้าวให้เควินกลับมารักฉันอีกครั้งได้ หนูไครี่ย์คือคนที่ฉันเลือกเพราะฉันกับแม่ของหนูไครี่ย์คือเพื่อนรักกัน ส่วนเธอ… เป็นเพียงต้นหญ้าที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยในสายตาของฉัน” น้ำตาของแคลอรีน่าไหลออกมา ความอ่อนแอที่พยายามซ่อนเอาไว้ถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น “ฉันพยายามทำทุกทางเพื่อให้หนูไครี่ย์ได้แต่งงานกับเควิน แต่ก็ติดที่เควินมีเธออยู่ ตอนแรกฉันคิดว่า เควินจะเขี่ยเธอทิ้งในไม่ช้า เหมือนๆ กับที่เควินเคยทำกับผู้หญิงคนอื่นๆ แต่ยิ่งนานวันเข้า… ฉันก็ยิ่งมองเห็นความไม่ธรรมดาในความสัมพันธ์ของเควินกับเธอ ลูกชายของฉันลุ่มหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้น ในหัวของเควินมีแต่เรื่องของเธอ จนแม่อย่างฉันทั้งอิจฉาและทั้งเกลียดชังเธอเป็นที่สุด”
แคลอรีน่ายังคงปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม
วรันธาราหยิบกระดาษทิชชูส่งให้ด้วยความสะเทือนใจ
“ฉันเข้าใจคุณค่ะ… ไม่ต้องพูดแล้ว…”
“แต่ฉันต้องพูด… เพราะฉันอยากให้เธอรู้ว่า ต่อให้ฉันสามารถจัดการทุกสิ่งในชีวิตของเควินได้แค่ไหน แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่อาจจะแตะต้องและเปลี่ยนแปลงมันได้ ก็คือความรู้สึกของเควินที่มีต่อเธอ… วรันธารา…”
“ฉัน…”
“ได้โปรด… ได้โปรดกลับเข้าไปในชีวิตของเควินอีกครั้งเถอะนะ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แม้แต่ผู้ให้กำเนิดอย่างฉันก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้อีก”
วรันธาราน้ำตาไหล หัวใจปวดร้าวไม่แพ้กัน “ฉันเข้าใจที่คุณพูดทุกอย่าง แต่… แต่ฉันคงกลับไปไม่ได้อีกแล้ว…”
หล่อนจะกลับไปได้ยังไงกัน ในเมื่อตอนนี้เควินเกลียดหล่อนไปเสียแล้ว
“ฉัน… คงกลับไปทนเห็นสายตาเกลียดชังของเควินไม่ได้ ฉันทนกับสิ่งนั้นไม่ได้หรอก ได้โปรดเห็นใจฉันเถอะนะคะ”
“เธอไม่ได้รัก… ลูกชายของฉันแล้วเหรอ ไม่ได้รักเควินแล้วเหรอ วรันธารา”
“ฉันไม่เคยหยุดรักเควินได้… แม้แต่วินาทีเดียว”
“งั้นก็กลับไปกับฉันสิ ไปวอชิงตัน ฉันจองตั๋วเครื่องให้เธอแล้ว เราจะกลับไปด้วยกัน เควินจะต้องดีใจ…”
“ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ”
วรันธารายืนยันคำเดิมทั้งน้ำตา
“ในเมื่อมันจบลงแล้ว ก็อย่ารื้อฟื้นมันอีกเลย ให้ฉัน… อยู่ในโลกแห่งความจริงเถอะค่ะ”
“ฉันขอร้องวรันธารา”
“ขอโทษนะคะ ฉันคง… ทำตามความต้องการของคุณไม่ได้อีกแล้ว ขอตัวค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนสิวรันธารา”
วรันธาราชะงักเท้า ค่อยๆ หมุนกลับมา ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่แคลอรีน่าคุกเข่าลงกับพื้น
“คุณทำอะไรน่ะ คุณแคลอรีน่า?!”
หญิงสาวตกใจเป็นที่สุดรีบดึงร่างของหญิงสูงวัยกว่าให้ลุกขึ้น แต่ แคลอรีน่าไม่ยอม
“ได้โปรดลุกขึ้นเถอะค่ะ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนี้หรอก ลุกขึ้นนะคะ”
“ฉันจะคุกเข่าอยู่อย่างนี้จนกว่าเธอจะยอมกลับไปหาเควิน”
“คุณเควินอยู่ได้… โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีฉัน…”
“อยู่แบบคนตายทั้งเป็น อยู่แบบคนไร้จิตวิญญาณแบบนั้นน่ะเหรอ ฉันทนเห็นลูกชายเป็นแบบนั้นต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียว ได้โปรดเถอะนะวรันธารา ถ้าเธอคิดจะโกรธจะเกลียดใครสักคน ก็ขอให้คนๆ นั้นเป็นฉัน เพราะเควินไม่รู้เรื่องด้วย”
“ฉันไม่โกรธคุณหรอกค่ะ เพราะฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี”
“งั้นก็กลับไปกับฉัน กลับเทกซัส เควินต้องดีใจแน่ๆ ที่เห็นเธอกลับมา”
“แต่ฉัน… ฉันกลัว…”
“ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว เพราะฉัน… จะเป็นคนสนับสนุนความรักของเธอเอง”
แคลอรีน่าขยับลุกขึ้นยืน และดึงร่างของวรันธาราเข้าไปกอดแนบอก “เธอคือลูกสะใภ้ของฉัน”
“แล้วคุณไครี่ย์ล่ะคะ”
“ไครี่ย์กำลังจะแต่งงาน… กับคนที่เธอรักน่ะ”
วรันธาราดันตัวออกห่างเล็กน้อย และจ้องมองหน้าแคลอรีน่าอย่างประหลาดใจ
“แต่คุณไครี่ย์รักคุณเควินนี่คะ”
“รักแค่ฝ่ายเดียวมันไม่มีประโยชน์ยังไงล่ะ หนูไครี่ย์คิดได้ก็เลยจากไปค้นหาคนที่ใช่ของสำหรับตัวเอง และก็เจอ… ความจริงเพราะคำพูดของหนูไครี่ย์นี่แหละที่ทำให้ฉันตาสว่าง”
แคลอรีน่าระบายยิ้ม มองวรันธาราอย่างเอ็นดู ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหญิงสาว
“ลืมทุกเรื่องในอดีตให้หมดนะวรันธารา ต่อไปนี้เธอก็เปรียบเสมือนลูกหลานของฉัน เราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
วรันธาราน้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ ความขวางหนามที่เคยขวางทางรักตอนนี้มันถูกลมพายุพัดหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่กลีบกุหลาบที่ถูกโรยเอาไว้ตลอดเส้นทาง
“คุณแคลอรีน่า… แน่ใจนะคะ… แน่ใจว่า…”
“ฉันไม่เคยแน่ใจอะไรแบบนี้มาก่อนเลย หนูธาร…”
“คุณแคลอรีน่า”
“เรียกคุณแม่สิ…”
วรันธาราสะอื้นไห้อย่างตื้นตันใจ หล่อนไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่แคลอรีน่ายอมรับในตัวของหล่อน
“คุณ… แม่…”
แคลอรีน่าระบายยิ้มพึงพอใจ
“กลับไปเก็บของและร่ำล่ำลาเพื่อนของหนูซะนะ อีกสองชั่วโมงฉันจะไปรับที่ห้องเช่า”
“ค่ะ คุณแม่”
แคลอรีน่าดึงร่างของวรันธารามากอดอีกครั้งด้วยความเอ็นดูแท้จริงจากก้นบึ้งหัวใจ ตอนนี้หล่อนรู้แล้วล่ะว่าความสุขของคนเป็นแม่อย่างหล่อนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเห็นลูกชายมีความสุข
“ว่าไงนะธาร?! นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย” ณดาเบิกตากว้างจนแว่นตาแทบจะกระเด็นร่วงกับสิ่งที่วรันธาราได้เล่าให้ฟัง หล่อนทั้งดีใจและทั้งใจหายในคราวเดียวกัน
“อืมมม์… เรื่องจริงทุกอย่างเลยแหละแหล” วรันธาราตอบขณะง่วนอยู่กับการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง
“ตอนแรกฉันก็นึกว่าฝันไป แต่พอหยิกตัวเองแล้วก็รู้ว่ามันคือความจริง”
ณดาเดินเข้ามาหาเพื่อน มาหยุดใกล้ๆ “ฉันดีใจด้วยนะธาร ดีใจกับความรักที่กำลังเบ่งบานและไร้ขวากขวางหนามของเธอ ขอให้มีความสุขมากๆ นะ แต่งงานเมื่อไหร่ต้องบอกฉันด้วย”
แก้มนวลของวรันธาราแดงปลั่ง แต่ไม่นานก็ซีดเผือดลง “คุณแคล… เอ่อ คุณแม่ท่านยอมรับฉันแล้วก็จริง แต่เธอก็รู้นี่นี้ว่าฉันสร้างเรื่องหลอกคุณเควินเอาไว้ ฉันเกรงว่าเขาจะไม่ยอมรับฟังเหตุผล”
“ไม่หรอกน่า แค่เห็นหน้าเธออีกครั้ง คุณเควินคงจะดีใจจนลืมทุกอย่างนั่นแหละ”
“ฉันก็ขอให้เป็นแบบนั้น” ความเป็นกังวลยังคงอยู่ในกระแสเสียงของ วรันธารา
“ณดา…”
“หื้อ…”
“ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม ว่าฉันไม่ได้ตัดสินใจผิด… ที่เลือกเดินกลับไปหาคุณเควินอีกครั้งน่ะ”
ณดาดึงมือนุ่มของเพื่อนรักมากุมเอาไว้ พลางบีบให้กำลังใจ
“การเลิกเดินตามหัวใจของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอก มันคือเรื่องที่ถูกต้องมากๆ เลยต่างหาก เธอจะต้องสมหวัง ฉันเชื่อแบบนั้น”
“ขอบใจนะณดา…” วรันธาราดึงเพื่อนรักเข้ามากอดแน่น “และก็ขอโทษที่ต้องทิ้งเธอไปอีกครั้งแล้ว”
“ทิ้งอะไรกัน เดี๋ยวคิดถึงก็บินมาหาได้นี่ คุณเควินรวยจะตายไป แค่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้เมียบินมาวอชิงตัน ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกน่า”
“ฉันต้องคิดถึงเธอมากๆ แน่เลยณดา”
“อย่ามาดราม่า… ฉันจะรับสายเธอทุกวัน ถ้าเธอโทรมา โอเคไหม”
วรันธาราที่ร้องไห้อยู่กับบ่าของณดา ดึงตัวออกห่าง มองหน้าเพื่อนที่ตอนนี้ก็ตาแดงๆ เหมือนกันอย่างอาวรณ์
“ถ้าฉันกับคุณเควินเคลียร์กันได้เมื่อไหร่ เธอจะต้องบินไปอยู่กับฉันที่เทกซัสนะ เราจะได้เจอกันทุกวันยังไงล่ะ”
“ฉันขอคิดดูก่อนนะ”
“ไม่ได้ ห้ามคิดดูก่อน ต้องตอบตกลงเท่านั้น”
“แน่ะแน้ะ ธารนี่ ติดนิสัยจอมเผด็จการจากคุณเควินมาแน่ๆ เลยเนี่ย”
แล้วณดาก็หัวเราะทั้งน้ำตา ก่อนจะดราม่าต่อ
“ขอให้โชคดีนะเพื่อนรัก ฉันสัญญาว่าจะคิดถึงเธอเสมอ”
วรันธาราบ่อน้ำตาแตกอีกครั้ง
“ฉันก็จะคิดถึงเธอเช่นกัน ณดา”
เสียงเครื่องยนต์รถดังกระหึมก่อนจะหยุดที่หน้าห้องเช่า ณดาชะโงกหน้าออกไปมอง
“รถมารับเธอแล้วธาร”
“ฉันไม่อยากไปเลย ณดา”
“อย่าพูดแบบนี้สิ ร่างกายต้องไปตามหาหัวใจ ฉันอยู่ทางนี้จะคิดถึงเธอนะ โชคดีเพื่อนรัก”
“อืมมม์… เธอต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ”
“ฉันสัญญา” ณดาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดกำลัง “เดินทางปลอดภัย ถึงเทกซัสแล้วโทรหาด้วยล่ะ”
“อืมมม์…”
วรันธารากระชับกระเป๋าเดินทาง และกำลังจะเดินออกไปจากห้อง แต่สุดท้ายก็วิ่งเข้ามากอดณดาอีกครั้ง “ดูแลตัวเองดีๆ นะ และอย่ากลับไปคืนดีกับไอ้พี่ขุนอีก มันไม่คู่ควรกับเธอ อ้อ…” วรันธาราดันตัวออกห่าง น้ำตายังคงคลอเบ้า “ไอ้พี่ขุนมันบอกว่าจะเอาเงินคืนเธอกลางเดือนนี้นะ ถ้ามันไม่คืน โทรไปบอกฉันด้วย ฉันจะบินมาทวงให้เธอเอง”
“พี่ขุนคงไม่ผิดคำพูดหรอก ตอนนี้เขามีเงินมากแล้วนี่ แฟนเขาเป็นถึงนักธุรกิจ” ท้ายประโยคของณดาแปร่งและสั่นเครือจนเห็นได้อย่างชัดเจน วรันธาราแตะต้นแขนของเพื่อนอย่างให้กำลังใจ
“ต่อจากนี้ไปเธอจะโชคดี ณดา”
ณดาพยักหน้ารับน้อยๆ
“หนูธาร… ใกล้เวลาที่จะต้องไปแล้วจ้ะ” เสียงของแคลอรีน่าดังออกมาจากรถ
วรันธารากุมมือเพื่อนแน่น “ฉันคงต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ แล้วฉันจะโทรหา”
“จ้ะ เธอเองก็ขอให้สมหวังทุกอย่างนะธาร ฉันเอาไว้ช่วย” สองสาวร่ำล่ำลากันด้วยน้ำตา ก่อนที่วรันธาราจะก้าวออกไปขึ้นรถ ณดาโบกมือให้เพื่อน รู้สึกใจหายเหลือเกิน
“ขอให้โชคดีนะ เพื่อนรัก” และณดาก็เดินกลับเข้าไปในห้องเช่าด้วยท่าทางหงอยเหงาจนน่าเวทนา
“วันนี้กลับเร็วบ้านเร็วผิดปกตินะเนี่ย”
ณดาที่เลิกงานกลับมาบ้านก่อนอดเอ่ยทักเพื่อนรักด้วยความประหลาดใจไม่ได้
วรันธาราระบายยิ้ม ก่อนจะก้มลงเก็บรองเท้าเรียงให้เป็นระเบียบ และก้าวเข้าไปในห้องเช่า
“วันนี้ที่ทำงานงดโอทีน่ะ ฉันก็เลยได้กลับบ้านเร็วเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือน”
ณดาอมยิ้ม เดินไปหยิบน้ำมาส่งให้เพื่อนรัก “กลับมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อน ว่าแต่ซื้ออะไรมาเยอะเชียว”
“ขอบใจจ้ะ” วรันธารากล่าวขอบคุณ ก่อนจะยื่นถุงอาหารที่ตัวเองซื้อติดมือมาฝากณดา
“ของฝากเพื่อนรักยังไงล่ะจ๊ะ อร่อยมากด้วยนะ”
“ขอบใจจ้ะธาร” ณดารับถุงอาหารจากมือของเพื่อนไปวางไว้บนโต๊ะ “หิวหรือยัง ฉันจะได้แกะใส่จานให้”
“ยังหรอกจ้ะ ขอบใจมาก”
วรันธารายิ้มบางๆ ก่อนจะเดินออกไปนั่งที่โต๊ะหินที่หน้าห้องเช่า ณดาถอนใจเบาๆ ก่อนจะเดินตามออกไป
“ยังไม่ลืม… คนที่เทกซัสเหรอธาร”
น้ำตาที่คลอสองหน่วยตาถูกกะพริบจนหายไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันลืมไปหมดแล้วล่ะ ตอนนี้ในชีวิตของฉันก็มีแต่งาน และก็เพื่อนรักอย่างเธอเท่านั้น ณดา”
ณดาเดินไปทรุดนั่งลงข้างๆ เพื่อนรัก พลางหันจ้องหน้า
“ถ้าเป็นฉัน… ฉันจะไม่ยอมเดินจากมาทั้งๆ ที่ยังรักขนาดนี้หรอกนะ”
“ก็เพราะรักไง ฉันถึงต้องเดินจากมา” ดวงตาของวรันธาราแดงก่ำด้วยความทรมาน เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ค่ำคืน กี่เดือนกี่ปี แต่เควินก็ยังคงอยู่ในหัวใจและจิตวิญญาณเสมอ หล่อนร้องไห้โหยหาความอบอุ่นจากเขาทุกคืน
“ถ้าสองคนรักกันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ ไม่ใช่เดินจากกันมาแบบนี้”
“ฉัน… ไม่ต้องการดึงให้เขาตกต่ำลงเพราะฉัน”
ณดากุมมือเพื่อนรักเอาไว้ มองอย่างสงสาร
“ความรักไม่มีทางทำให้ตกต่ำลงได้หรอกนะ คนสองคนหัวใจตรงกันมันดีอยู่แล้ว บางทีตอนนี้คุณเควินเองก็อาจจะกำลังทุกข์ใจไม่ต่างจากเธอก็เป็นได้”
วรันธาราปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม
“ฉันไม่ใช่… คนที่น่าจดจำขนาดนั้นหรอก และที่สำคัญ… ชีวิตของเควินไม่ได้มีเวลาเหลือมากมายขนาดที่จะมาคิดถึงคนอย่างฉันหรอก”
“ธาร…”
“เควินก็เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า ที่คนอย่างฉันทำได้แค่มอง แต่ไม่อาจจะไขว่คว้าดึงลงมาครอบครองได้”
“แต่เธอรักเขานะธาร และหากฉันไม่ได้เข้าใจผิดไป เขาเองก็น่าจะรักเธอด้วย เพราะถ้าไม่รักคงไม่ขอแต่งงานหรอก”
“แต่ฉันไม่ใช่… ผู้หญิงที่ถูกเลือกสำหรับเขา”
ณดาระบายลมหายใจออกมาอย่างอ่อนล้า
“ธาร… ฟังฉันนะ เธอโชคดีแค่ไหนที่ได้รัก และได้รับความรักจากผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างคุณเควิน เธอดูฉันสิ… ดูฉันเป็นตัวอย่าง… ฉันกับพี่ขุนต้องจบความสัมพันธ์ที่เคยคิดว่าจริงจังลง เพียงเพราะอีกคนไม่ซื่อสัตย์”
วรันธาราช้อนตาที่แดงก่ำเพราะความทรมานขึ้นมองเพื่อนรัก ในขณะที่ณดาที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำไม่แพ้กันพูดต่อ
“เธอโชคดีกว่าฉันมาก… แล้วทำไมไม่รักษาความโชคดีนี้ไว้ล่ะ ยอมถอยหลังเพียงเพราะอุปสรรคเล็กน้อยอย่างนั้นทำไม”
“คุณแคลอรีน่าไม่ใช่อุปสรรคเล็กน้อย แต่เป็นปัญหาระดับชาติที่ฉันไม่อาจจะต่อกรได้”
“ธาร แต่ฉันคิดว่า…”
“เราเลิกพูด… เลิกพูดถึงอดีตเถอะ ตอนนี้เราสองคนควรจะมองไปข้างหน้า ฉันจะตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อหาลู่ทางเปิดสำนักพิมพ์ให้ได้”
ณดาถอนใจเบาๆ อยากจะแย้งอีก แต่ก็รู้ดีว่าวรันธาราใจแข็งมากแค่ไหน
“ถ้าเธอตัดสินใจแล้ว ฉันก็คงต้องเห็นด้วย”
“ขอบใจมากนะณดา เธอเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของฉัน”
สองสาวกุมมือกัน มองหน้ากันด้วยมิตรภาพจากหัวใจ
“เธอก็เป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของฉันเหมือนกันธาร เราจะสู้ไปด้วยกันเนอะ”
“อืมมม์…”
วรันธารายิ้มกว้างทั้งที่น้ำตายังคลอหน่วยตา แต่ไม่ช้าก็ต้องประหลาดใจเมื่อเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“โทรศัพท์เธอดังน่ะธาร”
วรันธาราลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวยาว เดินกลับเข้าไปในห้องเช่า และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูโดยไม่ทันได้มองเบอร์โทรเข้า
“วรันธาราพูดค่ะ”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ออกมาพบฉันหน่อย”
“คุณ… คุณแคลอรีน่า?!”
วรันธาราตกใจและประหลาดใจจนไม่อาจจะควบคุมน้ำเสียงได้
“คุณ… คุณโทรมาทำไมคะ ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้จากฉันอีก”
“ฉันจะรอเธอที่ร้านกาแฟหน้าปากซอยริมถนนใหญ่ จะรอจนกว่าเธอจะมาพบฉัน”
“แต่ฉัน… ฉันไม่…”
วรันธารากำลังจะปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายวางหูไปเสียก่อน
ณดาเดินตามเข้ามาสมทบเห็นสีหน้าตื่นๆ ของเพื่อนรักก็อดที่จะถามด้วยความสงสัยไมได้
“ใครโทรมาเหรอธาร”
วรันธาราหันไปมองหน้าเพื่อนรัก
“คุณ… แคลอรีน่า”
“แม่ของคุณเควินน่ะเหรอ”
“ใช่”
วรันธารายังช็อกไม่หาย มือยังคงกำโทรศัพท์มือถือแน่น
“เขา… เขาบอกให้ฉันออกไปหา”
“งั้นก็หมายความว่า… คุณแม่ของคุณเควินอยู่ที่วอชิงตัน”
วรันธารายืนนิ่งงัน พูดไม่ออก แต่ภายในอกก็สงสัยแบบเดียวกับณดาเช่นกัน
แคลอรีน่ายังคงแต่งตัวภูมิฐานเหมาะสมกับฐานะได้สมกับเป็นมารดาของนักธุรกิจพันล้านเช่นเดิม
วรันธารายืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูร้านกาแฟ ความจริงหล่อนไม่ควรจะมาพบกับผู้หญิงคนนี้อีก ผู้หญิงที่ไม่เคยหยิบยื่นมิตรไมตรีใดๆ ให้กับหล่อนเลย
หล่อนควรจะกลับ…
วรันธาราหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไป แต่เสียงของแคลอรีน่าดังขึ้นเสียก่อน
“ได้โปรดอยู่คุยกับฉันก่อนเถอะ วรันธารา”
น้ำเสียงคุ้นหูแต่อ่อนโยนจนวรันธาราต้องหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าอีกครั้งด้วยความแคลงใจ
“คือฉัน…”
แคลอรีน่าลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้ามาหา สองสตรีต่างวัยสบประสานสายตากัน
ไม่เหลือความเป็นอริร้ายในดวงตาของหญิงสูงวัยตรงหน้าอีกแล้ว วรันธารากะพริบตาหลายครั้ง เพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ รอยยิ้มเป็นมิตรก็เกลื่อนใบหน้าของแคลอรีน่า
นี่มัน… นี่มันอะไรกัน?
“คุณแคลอรีน่า”
“พอจะมีเวลาให้ฉันสักสิบนาทีหรือเปล่า แต่ถ้ามันมากเกินไป ขอห้านาทีก็ได้นะ”
แม้จะยิ่งเห็นหน้าแคลอรีน่าก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ด้วยความเป็นคนใจอ่อนมีเมตตา ทำให้วรันธารายอมให้โอกาส
“ค่ะ ฉันจะคุยกับคุณ”
แคลอรีน่ายิ้มกว้าง มันเป็นรอยยิ้มที่วรันธาราไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย หล่อนอึ้งไปพักใหญ่
“นั่งตรงนี้นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
วรันธาราทรุดกายลงนั่งบนโซฟานุ่มในมุมค่อนข้างเป็นส่วนตัวที่สุดของร้านกาแฟ
“สั่งเครื่องดื่มอะไรดี ฉันจะจัดการให้”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่รู้สึกกระหายค่ะ พูดเรื่องของคุณมาเถอะ” วรันธาราตัดบท ขณะจ้องหน้าคู่สนทนา
แคลอรีน่าทำหน้าเศร้า แถมรอยยิ้มก็ยิ่งดูเศร้าหมองมากไปอีก วรันธาราอยากจะเกลียดแต่ก็ทำไม่ลง
“ฉันยินดีจะฟังทุกอย่างค่ะ ขอแค่คุณพูดมันออกมา”
“ฉัน…”
แคลอรีน่าจ้องหน้าหล่อน
“ฉันอยากรู้ว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอ… เธอยังรอคอย เควินอยู่หรือเปล่า”
วรันธาราน้ำตาคลอขึ้นมาในทันทีอย่างห้ามปรามไม่อยู่ ก่อนจะฝืนยิ้ม
“ถ้าคุณกังวล เกรงว่าฉันจะไปตามตอแยคุณเควินอีกล่ะก็ สบายใจได้เลยค่ะ ฉันไม่ได้พบ ไม่ได้เจอ หรือแม้แต่พูดคุยกับเขาอีกเลย หลังจากวันนั้น”
รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางหายไป เพราะความทรมานที่เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างท่วมท้น
“แม้ว่าฉันจะ… คิดถึงเขามากแค่ไหนก็ตาม”
หยาดน้ำตาเพียงหยดเล็กๆ ไหลออกจากดวงตา แต่หลังมือขาวสะอาดก็รีบป้ายทิ้งทันที
“ฉันทำแค่เพียงการตามข่าวคราวของเขาเงียบๆ และครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขาก็คือ… เมื่ออาทิตย์ก่อน ในหนังสือพิมพ์ตอนที่เขาขึ้นรับรางวัลนักธุรกิจยอดเยี่ยม…”
“วรันธารา…”
“แค่นี้ใช่ไหมคะ ธุระของคุณ”
แคลอรีน่าตาแดงก่ำ รู้สึกเกลียดชังตัวเองมากมายนัก “ฉันยัง… ไม่ได้พูดถึงธุระที่เรียกเธอมาพบเลย”
วรันธาราสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ และฝืนยิ้ม “คุณ… ยังต้องการให้ฉันทำอะไรให้อีกหรือคะ”
จู่ๆ แคลอรีน่าก็คว้ามือของหล่อนไปกุมเอาไว้ วรันธาราตกใจจนไม่อาจจะขยับตัวได้
“ช่วยกลับ… กลับไปรักกับเควินอีกครั้งได้ไหม”
“คุณพูด… อะไรของคุณน่ะ”
วรันธาราดึงมือกลับ และลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
“คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“เควินกลับมาถึงบ้านหรือยังเดซี่”
แคลอรีน่าถามถึงบุตรชายด้วยความเป็นห่วงเพราะตั้งแต่กลับมาจากวอชิงตันเมื่อหนึ่งเดือนก่อนจนถึงวันนี้ รอยยิ้มของเควินเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย
หล่อนเคยคิดเสมอว่าถ้าไม่มีวรันธารา ไม่มีผู้หญิงคนนั้นในชีวิตของ เควินอีก แล้วทุกอย่างจะจบลงอย่างสมบูรณ์ แต่มันกลับตรงกันข้าม เพราะ เควินยิ่งห่างเหินจากหล่อนมากขึ้น และมากขึ้นจนน่ากลัว
“กลับมาตั้งแต่ตอนห้าโมงเย็นแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวนี้เควินกลับบ้านเร็วเสมอเลยนะ”
“กลับมาเร็ว และก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องนอน หรือไม่งั้นก็มักจะไปนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ริมสระ…”
แคลอรีน่าเหลือบตามองป้าเดซี่ ก่อนจะถอนใจออกมา “คงต้องใช้เวลาอีกหน่อย เควินจะต้องดีขึ้นแน่”
“แต่มันตั้งหนึ่งเดือนแล้วนะคะที่คุณเคนมีชีวิตอยู่ไปวันๆ เดินได้ กินได้ ทำงานได้ แต่ไม่มีความรู้สึก”
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“คุณแคลอรีน่าเป็นแม่น่าจะรู้ดีนะคะว่า คุณเคนต้องการอะไรที่สุดในตอนนี้”
“อย่ามาสั่งสอนฉันเดซี่ ฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไร เควินจะต้องหายเศร้าถ้ามีหนูไครี่ย์มาอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้”
“ไม่ใช่คุณไครี่ย์ค่ะ แต่ต้องเป็นคุณวรันธารา”
“เดซี่!”
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ จะยกเหล้าขึ้นไปให้คุณเคนบนห้องนอน”
ป้าเดซี่เดินจากไปทันที ในขณะที่แคลอรีน่ายืนนิ่งจมอยู่กับความสับสนในหัวใจ
“ไม่มีทางหรอก ฉันต้องพยายามขนาดไหนกว่าจะเขี่ยเธอออกจากชีวิตของเควินไปได้ ฉันไม่มีวันยอมให้เธอกลับเข้ามาอีกแน่นอน” แคลอรีน่ายังคงคิดอ่านเช่นเดิม และรีบต่อสายหาไครี่ย์ทันที
“หนูไครี่ย์ นี่ป้าเองนะ”
“หนูก็กำลังจะโทรหาคุณป้าอยู่พอดีเลย มีข่าวดีจะบอกน่ะค่ะ”
“ป้าเองก็มีข่าวดีจะบอกหนูไครี่ย์เหมือนกัน แต่หนูไครี่ย์พูดมาก่อนเถอะ”
“คือหนูกำลังจะแต่งงานในอาทิตย์หน้านี้ค่ะ”
“ห๊า! หนูไครี่ย์กำลังจะแต่งงาน” ”
แคลอรีน่าอ้าปากค้าง รู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง
“ทำไม… ทำไมไม่รอป้าล่ะ ป้า… ป้าอุตส่าห์กำจัดนังนักข่าวชั้นต่ำให้มันออกไปจากชีวิตของเควินสำเร็จแล้วเชียว”
“คือหนู… หนูเจอคนที่ใช่สำหรับตัวเองแล้วน่ะค่ะ และก็คงกลับไปหาพี่เคนไม่ได้อีกแล้ว”
“หนูไครี่ย์ไม่ลองคิดทบทวนให้ดีๆ อีกสักครั้งเหรอจ๊ะ ไหนว่าชอบ เควินลูกชายของป้ามากยังไงล่ะ”
“ผู้ชายอย่างพี่เคน ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ลุ่มหลงหรอกค่ะ แต่… สิ่งสำคัญมันขึ้นอยู่กับว่าพี่เคนต้องการใครต่างหาก และจากที่หนูได้สัมผัส พี่เคนไม่ได้ต้องการหนู แต่ต้องการวรันธารา…”
“ถึงจะใช่ แต่ตอนนี้สองคนนั้นจบกันไปแล้ว ป้าจัดการทำให้นังนั่นมันออกไปจากชีวิตของเควินได้อย่างสมบูรณ์แล้ว”
“ร่างกายแยกห่างจากกัน แต่หัวใจไม่มีใครแยกออกได้หรอกค่ะ คุณป้าลองมองพี่เคนให้ดีๆ สิคะ แล้วก็จะรู้ว่าพี่เคนมีความสุขหรือเปล่ากับสิ่งที่คุณป้าต้องการ”
“หนูไครี่ย์…”
“เมื่อก่อนหนูก็เห็นดีเห็นงามไปกับคุณป้า แต่พอหนูกลับมาอยู่ในโลกของตัวเอง หนูก็ค้นพบแล้วว่าคนที่จะอยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่าไม่จำเป็นต้องใช่คนที่เราเฝ้ารักเสมอไป แต่หากเป็นคนที่รักเราจากจิตวิญญาณของเขาต่างหากล่ะคะ”
“ป้าคงเปลี่ยนใจหนูไครี่ย์ไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม”
“หนูต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่หนูรักผู้ชายคนนี้จริงๆ ค่ะ เขาทำทุกอย่างเพื่อหนู”
แคลอรีน่าถอนใจออกอย่างผิดหวัง “คงเป็นลูกชายของบรรดาเพื่อนคุณพ่อคุณแม่ของหนูสินะ”
ไครี่ย์หัวเราะเบาๆ มาตามสาย “ไม่ใช่หรอกค่ะ ผู้ชายที่หนูกำลังจะแต่งงานด้วยเป็นคนทำสวนในบ้านของหนูเอง”
“คนสวน?!”
“คุณป้าคงจะตกใจ แต่เราทั้งสองคนตกหลุมรักกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้ากันเลยค่ะ”
แคลอรีน่ายกมือขึ้นทาบอกอย่างจะเป็นลม
“คุณพ่อคุณแม่ของหนูคงเป็นลมหลายรอบเลยใช่ไหมเนี่ย กว่าจะยอมให้หนูแต่งงานกับคนสวนคนนี้น่ะ”
“ตอนแรกพวกท่านก็ตกใจค่ะ แต่เพราะพวกท่านเห็นแก่ความสุขของหนู งานแต่งงานของหนูกับว่าที่สามีก็เลยเกิดขึ้นค่ะ”
แคลอรีน่าเงียบงันไป
“หนูรักและเคารพคุณป้ามากนะคะ แต่ก็อยากจะบอกให้คุณป้าคิดนิดหนึ่ง… ความสุขของคนเราไม่ได้อยู่ที่ความเท่าเทียมกัน หรือว่าความเหมาะสมทางสังคมหรอกนะคะ แต่ความสุขมันเกิดจากคนที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสมน่ะค่ะ พี่เคนคงจะดีใจ ถ้าคุณป้ารักคนที่ตัวเองรัก”
“คือป้า…”
“ถ้าคุณป้าว่าง หนูเชิญมาร่วมงานด้วยนะคะ หนูอยากเจอคุณป้ามากค่ะ”
แคลอรีน่าน้ำตาคลอ
“ป้าจะต้องไปให้ได้ ขอบใจหนูไครี่ย์มากนะที่ช่วยทำให้ป้า… มองเห็นในสิ่งที่พยายามจะมองข้ามมาตลอด ขอให้หนูโชคดีนะ ป้ารักหนู”
“หนูก็รักคุณป้าค่ะ แล้วเจอกันที่งานแต่งของหนูนะคะ”
ไครี่ย์วางสายไปแล้ว แค่แคลอรีน่ากลับไม่อาจจะหยุดคิดถึงคำพูดของเด็กสาวไม่ได้
‘ความสุขของคนเราไม่ได้อยู่ที่ความเท่าเทียมกัน หรือว่าความเหมาะสมทางสังคมหรอกนะคะ แต่ความสุขมันเกิดจากคนที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสมน่ะค่ะ พี่เคนคงจะดีใจ ถ้าคุณป้ารักคนที่พี่เคนรัก…’
หรือว่าหล่อนจะทำผิดไปจริงๆ นะ…?
แคลอรีน่ายืนอยู่หลังบานประตูห้องนอนของลูกชาย มือเล็กยกขึ้นเคาะเบาๆ สองครั้ง ก่อนจะยืนรอคำตอบ แต่จนแล้วจนรอดก็มีแต่ความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา
“เควิน… ขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก”
ทุกอย่างรอบตัวยังคงเงียบงันเช่นเดิม
“งั้นแม่ขอเข้าไปนะ” ในที่สุดก็ตัดสินใจดันประตูไม้ตรงหน้าให้เปิดกว้างออก และก้าวเข้าไปภายใน
ห้องนอนของเควินยังคงกว้างขวางและให้ความรู้สึกลึกลับเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ในเวลานี้กลับมีความโศกเศร้าเพิ่มเติมเข้ามาจนหล่อนรู้สึกได้อย่างชัดเจน
แคลอรีน่าค่อยๆ ก้าวเท้าเดินลึกเข้าไปภายในห้อง ลูกชายเพียงคนเดียวของหล่อนกำลังนั่งพับหลับใหลอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง ในมือก็กุมแก้วเปล่าที่ด้านในมีหยาดของแอลกอฮอล์เอาไว้แน่น
หัวใจของคนเป็นแม่ราวกับจะหลุดร่วงลงไปกระแทกกับพื้นห้อง ภาพในอดีตย้อนกลับมาทำร้ายหัวใจอีกครั้ง วันนั้นหล่อนเลือกเดินจากลูกและสามีแสนดีไป เพียงเพราะสามีเอาแต่ทำงานไม่มีเวลาให้ หล่อนยังจดจำได้ดีว่าลูกชายวิ่งร้องไห้ตามมา ก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา ตอนนั้นหล่อนบอกให้ชู้รักหยุดรถ แต่เขากลับยิ่งขับเร็วขึ้นและบอกให้หล่อนยอมรับกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจลงไปแล้ว
วันนี้… เควิน ลูกชายของหล่อนกำลังเจ็บปวดอีกครั้ง ด้วยฝีมือแม่ใจร้ายอย่างหล่อน
แคลอรีน่าทรุดลงคลุกเข่ากับพื้นข้างๆ ร่างไม่ได้สติของลูกชาย หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจคลอเบ้า
“แม่ทำให้… ลูกเจ็บอีกแล้วใช่ไหม เควิน” มือของแคลอรีน่ายกขึ้นแตะใบหน้าของลูกชายแผ่วเบา ทะนุถนอม และเต็มไปด้วยความรัก กี่ปีมาแล้วนะที่เควินไม่ยอมให้หล่อนเข้าใกล้ กี่ปีมาแล้วที่เควินขว้างปาความเคียดแค้นเข้าใส่
หล่อนรักเควิน… รักและก็คงไม่อาจจะทนเห็นลูกชายทนทุกข์ทรมานแบบนี้ได้อีกแล้ว
“แม่… แม่จะไม่ขัดขวางลูกอีกแล้ว เควิน…” แคลอรีน่าสะอื้นไห้ ลูบใบหน้าของลูกชายด้วยความรักความสงสาร
“ธาร… ทำไมคุณใจร้าย… ใจร้ายกับผมนัก…” เควินที่เมาไม่ได้สติคว้ามือของแคลอรีน่าเอาไว้แน่น
“เมื่อไหร่… จะกลับมาหาผม เมื่อไหร่… จะกลับมา”
แคลอรีน่าได้ยินก็ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด “ถ้าแม่รู้… รู้ว่าลูกจะเจ็บปวดมากขนาดนี้ แม่จะไม่ทำ… แม่จะไม่ทำแบบนั้น…”
เควินนั่งมองแหวนทองคำขาวที่ด้านบนประดับด้วย เพชรเม็ดงามด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะรีบปิดกล่องกำมะหยี่และหย่อนมันลงไปในกระเป๋ากางเกงทันทีเมื่อวรันธาราปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
“วันนี้คุณสวยจังครับ” เควินดึงร่างอรชรเข้ามากอดแนบอก พลางก้มลงจูบศีรษะทุยอย่างเอ็นดู
“เพราะแบบนี้ใช่ไหมถึงให้ผมรอนานถึงครึ่งชั่วโมงเลย”
วรันธาราเจ็บร้าวรุนแรงภายในอก เบื้องหน้าต้องฝืนยิ้มเอาไว้ ทั้งๆ ที่ภายในแสนจะทุกข์ทรมาน
‘ฉัน… ไม่อยากจากคุณไปไหนเลยเควิน…’
“ฉัน… ขอโทษค่ะ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากแผงอก ใบหน้านวลแสร้งยิ้มกว้าง
“ฉัน… อยากสวยที่สุดสำหรับคุณ… เควิน…”
เควินอมยิ้มกว้างมากกว่าวรันธารามากนัก เขาก่อนที่จะโน้มตัวลงจูบที่หน้าผากมนเบาๆ อย่างทะนุถนอม
“ถ้าคนที่ผมรอคือคุณ… ผมยินดีรอเสมอ”
วรันธาราเสหลบตา มันไม่ใช่เพราะเอียงอายขัดเขิน แต่เป็นเพราะรู้สึกปวดร้าวจนทนมองหน้าเควินต่อไปไม่ได้อีกแล้วต่างหาก
เจ็บ… เจ็บในอกเหลือเกิน…
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณ… เหลือเกิน…”
เควินหรี่ตามองวรันธาราอย่างแปลกใจ
“ทำไมวันนี้ทำหน้าเศร้านักล่ะครับ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ข้องใจ คุณต้องถามผมนะ ห้ามเก็บเอาไว้เด็ดขาด รับปากกับผมสิ”
วรันธาราแทบปล่อยโฮออกมา แต่ก็สะกดกลั้นเอาไว้ได้ทันเวลา “ค่ะ ฉัน… จะถามคุณ…”
“ดีมาก สาวน้อย”
เควินก้มหน้าลงไปหาช้าๆ จนปลายจมูกโด่งเป็นสันชนกับปลายจมูกเล็ก จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ
“ไปกันเถอะ วันนี้ผมมีเรื่องจะเซอร์ไพรส์คุณเยอะเลย”
“ฉันเองก็… มีเรื่องจะเซอร์ไพรส์คุณ… เหมือนกันค่ะ เควิน…”
เควินอมยิ้ม พลางประคองร่างอรชรที่วันนี้แต่งตัวสวยเป็นพิเศษให้เดินตรงไปยังรถที่จอดรออยู่
“เชิญครับ เจ้าหญิงของผม”
วรันธาราฝืนยิ้มและก้าวขึ้นไปนั่งเงียบ ในขณะที่เควินก้าวขึ้นไปนั่งข้างๆ ก่อนที่จะขับรถออกไป
คืนนี้เป็นคืนเดือนแรม แสงจากพระจันทร์จึงพ่ายแพ้ให้กับความมืดมิดของพื้นโลก มันก็คงเหมือนกับหัวใจของหล่อนในยามนี้ ที่กำลังหมดเรี่ยวแรง และกำลังจะหยุดเต้นในไม่ช้า
“คุณร้องไห้หรือวรันธารา” เพราะแสงเทียนบนโต๊ะสะท้อนกับหยาดน้ำในดวงตากลมโตทำให้เควินมองออกว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังเป่าปี่ร่ำไห้
“คุณมีเรื่องไม่สบายใจหรือ บอกผมได้ไหม”
วรันธาราส่ายหน้าน้อยๆ พลางยื่นมือมากุมมือใหญ่เอาไว้ แต่ในไม่ช้าก็ถูกเขาเป็นฝ่ายกุมมือเอาไว้แทน
“ฉัน… ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“แต่ผมเห็นน้ำตาของคุณ…”
“ฉันก็แค่… กำลังดีใจค่ะ”
คำตอบของวรันธาราทำให้เควินอมยิ้ม ก่อนจะฉีกยิ้มในเวลาต่อมา “ดีใจที่เรากลับมาเข้าใจกันอีกครั้งใช่ไหมครับ”
หล่อนเสหลบตา และปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลลงกับโต๊ะอาหารตรงหน้า “ค่ะ ฉัน… ฉันดีใจที่เราได้พบกัน และเข้าใจกันอีกครั้ง”
“ผมก็ดีใจ… ดีใจมากด้วย” มือใหญ่บีบมือเล็กหนักๆ บอกให้รับรู้ถึงความรู้สึกแท้จริง “เราจะแต่งงานกันทันที เมื่อกลับถึงเทกซัส”
วรันธาราน้ำตาไหลพราก จ้องมองใบหน้าของเควิน มองราวกับจะจดจำเขาเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ฉัน… รักคุณ”
เควินฉีกยิ้มจนตาหยี ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหา “คุณเคยบอกผมแล้ว จำไม่ได้เลยไงยายบ๊อง”
“เคย…? ฉันเคยพูดหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ คุณบอกว่ารักผม… ตอนที่คุณเมาไม่ได้สติน่ะ”
วรันธาราก้มหน้ายิ้มเจื่อน “ฉันนี่แย่จริงๆ เลยนะคะ เมาแล้วพูดจาเลอะเทอะไปเลย”
“ใครว่าเลอะเทอะล่ะ ผมชอบฟังมากต่างหาก” แล้วเควินก็ลุกขึ้น เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ วรันธารา ลำแขนกำยำโอบรัดรอบเอวคอดเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของ
“พูดบ่อยๆ เถอะ ผมชอบฟัง”
“ค่ะ… ฉันจะบอกรักคุณ… ทุกวันก่อนที่ฉันจะเข้านอน”
เควินอมยิ้ม ประคองดวงหน้างามให้หันมาหา “ต้องบอกทุกครั้งที่เจอหน้าผมต่างหาก เข้าใจไหมทูนหัว”
“ถ้าคุณต้องการ… ฉันจะทำค่ะ” วรันธาราละอายใจกับคำโกหกของตัวเองจนต้องก้มหน้าหลบสายตา
“ขอบคุณครับ”
แม้เควินจะไม่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป แต่เขาก็มั่นใจว่าวรันธาราคงจะมองออกว่าเขากำลังรู้สึกแบบไหนกับตัวเอง
“อาหารมาแล้ว กินกันเถอะ”
“ขอฉัน… นั่งมองหน้าคุณแบบนี้อีกสักพักไม่ได้เหรอคะ”
“ผมมีเวลาให้คุณ… มองผมตลอดทั้งคืนอยู่แล้ว กินเถอะ ของโปรดคุณทั้งนั้นเลยนะ”เควินตักอาหารใส่จานให้อย่างเอาใจ วรันธาราน้ำตาซึม กระบอกตาร้อนผ่าวปวดร้าว ลำคอก็ตีบตันจนไม่อาจจะกลืนสิ่งใดผ่านลงไปได้แม้แต่น้ำลายของตัวเอง
“ฉันดีใจ… ที่คุณจำได้”
“ความจริง… ผมยังจำอะไรที่เป็นคุณได้อีกหลายอย่าง ก็แบบว่าผมมันหัวดี ความจำเยี่ยมมาตั้งแต่เกิดน่ะ
“ถึงกระนั้น… ฉันก็ยังขอบคุณมากค่ะ”
“ไม่ต้องมาทำดราม่าเลย กินซะ เดี๋ยวผมจะมีเซอร์ไพรส์พิเศษให้คุณ”
แล้วเควินก็ตักอาหารใส่จานให้กับหล่อนอีกครั้งอย่างเอาใจ หล่อนน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด ตักอาหารใส่ปากครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆ ที่ลิ้นไม่รู้รสชาติใดๆ เลย
ช่วงเวลาแห่งความสุข กำลังจะสิ้นสุดลงแล้วสินะ…
วรันธาราช้อนตาที่ฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมองเควิน หลังจากก้มหน้าจมอยู่ความโศกเศร้ามานาน
“เควินคะ… ฉัน… คือฉัน…”
เควินอมยิ้ม เอนกายเข้ามาหา กระซิบเบาๆ ข้างหู
“ถ้าจะขอบคุณผมสำหรับดินเนอร์แสนโรแมนติกล่ะก็…”
นัยน์ตาคมกริบพริบพราวราวกับดวงดาราบนท้องนภา
“เอาไว้ตอนเราอยู่ด้วยกันบนเตียงด้วยกันคืนนี้ดีกว่านะครับ”
“เอ่อ… ฉัน… คือว่า…”
“ผมมีเซอร์ไพรส์จะให้คุณด้วย แต่ต้องหลับตาก่อน”
มือใหญ่ล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง หยิบกล่องกำมะหยี่ติดมือออกมา
“รับรองว่าคุณจะต้องประทับใจจนคิดหาคำพูดขอบคุณผมไม่ได้เลยทีเดียว”
วรันธาราเห็นกล่องกำมะหยี่ในมือใหญ่ก็พอจะเดาได้ หล่อนร้องไห้จนตัวโยน
“เควิน…”
“ไม่เห็นต้องดีใจจนร้องไห้ขนาดนี้เลยทูนหัว”
ชายหนุ่มยื่นมือมาเกลี่ยหยาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงเข้าไปจูบปากเบาๆ
“น้ำตาของคุณ ทำให้ผมรู้สึกกังวลแปลกๆ แต่ช่างเถอะ…”
เควินปล่อยร่างสั่นสะท้าน และลุกขึ้นยืน กำลังจะคุกเข่าลงกับพื้น แต่เสียงทุ้มของบุรุษคนหนึ่งดังผ่าความเงียบเข้ามาปะทะสองหูเสียก่อน
“ธาร ผมมารับคุณแล้ว”
เควินหันไปยังต้นเสียง ทั้งๆ ที่เข่าข้างหนึ่งยังแตะอยู่กับพื้น สิ่งที่เห็นคือผู้ชายฝรั่งหน้าตาดี ยืนอยู่ห่างจากโต๊ะดินเนอร์ออกไปแค่เพียงไม่กี่ก้าว และวรันธาราก็ถลาลุกขึ้นไปกอดผู้ชายคนนั้น
“หมายความว่ายังไงน่ะวรันธารา” เควินขยับตัวลุกขึ้นยืน กำกล่องใส่แหวนเพชรในมือแน่น และตวาดเสียงดังลั่น
“ผมถามว่าคืออะไร?!”
วรันธาราพยายามยิ้ม พยายามไม่ร้องไห้
“ยัง… ยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ”
“เข้าใจ? เข้าใจบ้าบออะไรกัน”
เควินเดินตรงเข้าไปกระชากร่างของวรันธาราออกมาจากผู้ชายคนนั้น และเขย่าตัวหญิงสาวแรงๆ
“ปล่อยฉันนะ!”
“ผมไม่ปล่อย จนกว่าจะได้รับคำอธิบาย”
คนหนึ่งพยายามจะกอดรัด แต่อีกคนกลับดิ้นรนหาทางหนี
“ก็ได้ ถ้าคุณอยากฟัง…”
วรันธารากัดฟัน เชือดเนื้อหัวใจตัวเองจนขาดวิ่น กับการพูดคำนี้ออกมา
“ฉันกับปีเตอร์… เรากำลังจะแต่งงานกัน”
“ใช่ครับ กรุณาปล่อยว่าที่เจ้าสาวของผมด้วยครับ”
ไอ้ผู้ชายที่วรันธาราบอกว่าชื่อปีเตอร์รีบพูดอ้างสิทธิ์ทันที เควินกัดฟันแน่น ผลักร่างของวรันธาราจนกระเด็น จากนั้นก็เดินเข้าไปสาวหมัดใส่หน้าผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเต็มแรง “อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉัน”
เควินกำลังจะต่อยอีก แต่วรันธารารีบกระโจนเข้าไปขวางเอาไว้ ทำให้กำปั้นที่เงื้ออยู่ในอากาศชะงักค้าง ดวงตาของเควินเต็มไปด้วยความมึนงง สับสน และเจ็บปวด
“คุณกำลังเล่นตลกอะไรน่ะวรันธารา”
“ฉันไม่ได้เล่นตลกหรอกค่ะ แต่ฉัน… ฉันกับพี่ปีเตอร์เรารักกัน”
“แล้วที่คุณนอนกับผมทุกคืนล่ะ มันหมายความว่ายังไง!”
เพราะฉันรักคุณ… แต่คำตอบแท้จริงนี้มันไม่อาจจะดังออกจากปากได้ หล่อนจำต้องเก็บมันเอาไว้ในอกเท่านั้น “ฉันต้องการแก้แค้นคุณยังไงล่ะคะ”
“แก้แค้นผม? แก้แค้นบ้าบออะไรของคุณวรันธารา เอาล่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ตลกเลย และผมก็ไม่ชอบมัน คุณเลิกเล่นละครสักทีเถอะ”
“มันไม่ใช่ละครค่ะเควิน ฉัน… ไม่ได้รักคุณ”
เควินปล่อยมือจากหล่อนในทันที
วรันธาราเจ็บจนหัวใจแหลกเหลว แต่ก็จำต้องพูดวาจาโกหกออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
มันจะได้จบ… เควินจะได้ขึ้นไปอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่เสียที…
“คุณพึ่งบอกว่ารักผมเมื่อกี้นี่เองนะ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน”
“ฉันก็แค่… หลอกปั่นหัวผู้ชายหน้าโง่อย่างคุณให้หลงยังไงล่ะคะ แล้วเห็นไหมล่ะว่าคุณก็ตกบ่วงของฉัน”
“วรันธารา…”
“เก็บแหวนแต่งงานวงนั้นเอาไว้ให้กับคุณไครี่ย์เถอะนะคะ เพราะฉันไม่ได้ต้องการ”
วรันธาราจะเดินเข้าสวมกอดร่างของปีเตอร์ แต่เควินกระชากแขนเอาไว้
“ผมไม่เชื่อเรื่องที่คุณพูดหรอก คุณทำแบบนี้ทำไม ใครสั่งให้คุณทำ วรันธารา”
“ปล่อยค่ะ” วรันธาราสะบัดแขนออก แต่ไม่หลุด “ฉันเกลียดคุณ ได้ยินไหมคะ ฉันเกลียดคุณ!”
“ผมไม่เชื่อ”
แล้วเควินก็ก้มลงจูบปากวรันธาราหนักหน่วง จูบจนหญิงสาวไร้แรงต่อต้านจึงยอมปล่อย
“เห็นไหม… คุณไม่ได้เกลียดผม คุณรักผมต่างหาก”
“ปล่อย!”
วรันธาราสะบัดตัวจนหลุด ก่อนจะตวัดมือลงบนแก้มสากของเควินเต็มแรง จนใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ
“วรันธารา…”
“ฉันรังเกียจคุณ!” วรันธาราเดินผ่านร่างของเควินที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ ตรงไปหาปีเตอร์ “ไปกันเถอะค่ะพี่ปีเตอร์ ที่นี่มีแต่ผู้ชายหน้าโง่”
“ถ้าคุณเลือกจะทิ้งผม ชาติก็อย่าได้เจอกันอีก วรันธารา!” เควินมองตามผู้หญิงของตัวเองที่ตอนนี้ตกอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่นไปจนลับตา มองด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
เมื่อเดินออกมาจากร้านอาหารสุดหรูแล้ว คนที่ทำเข้มแข็งตลอดเวลาอย่างวรันธาราก็ทรุดลงกองกับพื้นอย่างน่าเวทนา หญิงสาวร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ
“ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมรู้ว่าคุณไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินออกมาจากผู้ชายคนนั้น แต่ผมสงสารทั้งคุณและผู้ชายคนนั้น… เขาเสียใจมากผมมองเห็น…”
“ฉัน… ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ได้โปรดปล่อยฉันเอาไว้ตรงนี้เถอะ”
“ผมคิดว่าคุณควรจะกลับไปที่บ้าน”
“ฉัน…ฉันอยากอยู่ตรงนี้อีกสักพัก ได้โปรด… ได้โปรดเถอะนะคะ ทิ้งฉันไว้ตรงนี้ คนเดียว…”
ปีเตอร์ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกนอกจากตัดสินใจเดินไปที่รถและขับออกไป
ความจริงเขาไม่อยากรับงานแบบนี้เลย แต่เพราะจำเป็นต้องใช้เงินด่วน เขาจึงยอมทำในสิ่งที่แคลอรีน่าต้องการ
แสงแดดยามเช้าหรือเปล่านะที่ทำให้หล่อนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หรือเป็นเพราะสายตาที่จ้องเอาจ้องเอาของใครบางคนกันแน่
วรันธาราลืมตาขึ้น หลังจากชูสองแขนบิดขี้เกียจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะต้องตกตะลึงกับสายตาพึงพอใจของเควินที่จ้องมองมา เขานอนตะแคงวางศีรษะทุยบนฝ่ามือใหญ่ ในขณะที่ดวงตาสีน้ำเงินอมดำจ้องมองมาที่หล่อนไม่วางตา
“ตื่นแล้วหรือ…”
แก้มนวลแดงปลั่งขึ้นโดยอัตโนมัติ หล่อนเบิกตากว้าง ก่อนจะกะพริบเร็วๆ เพื่อเรียกสติ
เควินอยู่ตรงหน้าหล่อนแบบนี้ งั้นเรื่องเมื่อคืนก็… ไม่ใช่ความฝันสินะ
“เควิน…”
“อืมมม์… ผมเอง”
เขาอมยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามากระทบเรือนร่างใหญ่โตของเควินนั้น ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหล่อเหลาจนคนมองอย่างลืมแทบหยุดหายใจ
เควินทำให้มดลูกของหล่อนปั่นป่วนอย่างแท้จริง…
“เควิน…”
“ครับ ผมเควิน คาสโตรโตเซ่น ได้โปรดอย่าครางเรียกชื่อผมแบบนี้อีกเลย พูดอย่างอื่นบ้างเถอะทูนหัว”
เหมือนเขาจะรำคาญปนเอ็นดู
“ก็… ก็ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองนี่คะ คุณ… คุณจริงๆ ด้วย”
คราวนี้เควินหัวเราะร่วน หัวเราะจนท้องแข็ง “ถ้าไม่ใช่ผม แล้วเมื่อคืนคุณนอนกับใครกันล่ะ ผู้ชายที่ไหนจะทำให้คุณครางได้อย่างเมื่อคืน ถ้าไม่ใช่เควิน คาสโตรโตเซ่นน่ะ”
คำโอ้อวดสรรพคุณตัวเองของเควินทำให้หล่อนหน้าแดงมากยิ่งขึ้น และรู้สึกปั่นป่วนไปทั้งช่องท้อง หล่อนมองเขาที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วอย่างหมั่นไส้
“คนหลงตัวเอง”
“คุณก็หลงผม”
“ฉันไม่…”
“อย่าบอกนะว่าไม่จริง เพราะผมมีวิธีพิสูจน์” คำเตือนชวนวาบหวามของเควินทำให้วรันธาราไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
“ฉัน… จะต้องกลับแล้ว”
วรันธาราลุกขึ้นนั่ง และก็ไม่ลืมดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดเต้างามๆ ของตัวเองด้วย แต่ไม่นานก็ถูกคนเจ้าเล่ห์ทึ้งจนผ้าห่มล่วงลงไปกองกับพื้น ร่างสาวจึงเปลือยเปล่าและยวนใจอยู่กลางเตียง
“เควิน… เอาผ้าคืนมานะคะ”
“ทำไมล่ะ คุณอายผมด้วยหรือ”
สาวน้อยอายหน้าแดงแล้วแดงอีก รีบหยิบหมอนใบใหญ่มาปิดทับร่างเปลือยเอาไว้ แต่เจ้าหมอนใบสวยก็อยู่ได้ไม่นานเช่นกัน
“เควิน!”
“ปิดทำไม ของสวยๆ งามก็ต้องแบ่งให้ผมดูด้วยสิ” ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาเขี่ยยอดถันจนมันเบ่งบาน
“อ๊ะ… อย่าแกล้งสิคะ”
เควินขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ในขณะที่วรันธาราพยายามขยับหนี แต่สายตาเจ้ากรรมดันมองต่ำลงไปที่เป้ากางเกงของเขาเสียนี่ ซึ่งแน่นอนว่าได้เห็นตอนมันกำลังเจริญเติบโตขึ้นพอดี
“คน…คนบ้า…”
หญิงสาวคลานหนี แต่ถูกรวบเอวเอาไว้ และคราวนี้ก็ถูกยกร่างให้ขึ้นไปคร่อมทับอยู่บนหน้าตักแกร่ง
“อย่าดิ้น… ยิ่งดิ้น ผมก็ยิ่งอยาก…” เขาก้มลงกระซิบเตือนที่ข้างหู “เข้าไปในตัวของคุณ”
“ไม่นะ… ฉันจะต้องกลับไปหาเพื่อนของฉัน”
“เพื่อน…? ใช่คนที่คุณบอกว่าคิดถึงทุกลมหายใจหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ ฉันคิดถึงณดาทุกลมหายใจเข้าออก ปล่อยได้แล้ว”
คำตอบของหล่อนเสมือนมีดดาบที่ฟันลงบนสิ่งที่คลางแคลงอยู่ภายในหัวใจมาตลอดหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ
“คนที่คุณคิดถึงมาก จนต้องรีบบินมาหา เป็นผู้หญิงหรือ”
วรันธาราตวัดตามองคนถามอย่างขุ่นเคือง “ถ้าไม่ใช่ผู้หญิง คุณคิดว่าฉันจะมาหาผู้ชายหรือไงกันล่ะ”
“ก็ใช่… ผมคิดแบบนั้นแหละ”
วรันธาราอ้าปากเหวอไปพักใหญ่ ก่อนจะรีบดิ้นรนอีกครั้ง “ช่างคุณสิ จะคิดยังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้ปล่อยฉันได้แล้ว ปล่อยสิคะ”
“บอกว่าอย่าดิ้นไง คุณก็รู้ว่าผมกำลังตื่น”
“เควิน… แต่ฉันต้องกลับไปหาณดาจริงๆ นะคะ ปล่อยก่อนเถอะค่ะ”
หล่อนวิงวอน แต่เขาไม่ได้สนใจคำอ้อนวอนของหล่อนเลย กลับตั้งคำถามแทน
“แล้วไอ้ผู้ชายที่คุณไปทะเลาะกับมันเมื่อคืนนี้เป็นใคร”
“มันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องรู้สักหน่อย ปล่อยเถอะค่ะ”
เควินไม่ปล่อย แถมยังกระชับอ้อมแขนแน่นยิ่งขึ้นอีกต่างหาก “ผมต้องรู้ทุกเรื่อง เพราะคุณเป็นผู้หญิงของผม”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของคุณสักหน่อย”
เควินหรี่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์ และหล่อนก็ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าเขาเอามือที่ไหนไปรูดซิปกางเกงลง และปลดปล่อยเจ้าตัวยุ่งที่หน้าขาออกมา เพราะสองมือของเขาก่อกวนเนื้อนุ่มของหล่อนอยู่ทุกวินาที แต่ตอนนี้ส่วนนั้นของเควินเป็นอิสระและพร้อมพรักที่จะโจมตีหล่อนแล้ว
“อ๊ะ… เค… เควิน…”
“อืมมมม์… คุณเป็นของผมหรือยัง”
“ไม่คะ…”
หล่อนปฏิเสธทั้งๆ ที่เสียวซ่านไปทั้งตัว เควินหัวเราะข้างหู พลางเด้งสะโพกสูงขึ้น
“อ๊ะ… อ๊า…”
“คุณเป็นของผมแล้วใช่ไหมครับ วรันธารา”
“ไม่… อื้อ…”
เขาหัวเราะอีกแล้ว และคราวนี้ร่างของหล่อนก็ถูกยกให้ลอยขึ้นสูง พร้อมกับกดลงให้สวมทับความแก่นชายเบ่งบานอย่างเผด็จการ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนในที่สุด…
“ฉัน… ฉันเป็นผู้หญิงของคุณค่ะ เคน… อ๊า… ได้โปรด… อ๊า…”
เควินไม่ได้หัวเราะอีกแล้ว แต่เขาเปลี่ยนมาคำรามด้วยความกระสันซ่านแทน และจนแล้วจนรอดเควินก็ไม่รู้ว่าผู้ชายที่ทะเลาะอยู่กับวรันธาราเมื่อคืนเป็นใคร
เควินขับรถมาส่งวรันธาราที่ห้องเช่าของณดาในช่วง เที่ยงในวันเดียวกัน
“เย็นๆ ผมจะมารับไปกินข้าว ห้ามหนีไปไหนล่ะ”
“ขนาดฉันหนีมาวอชิงตัน คุณยังตามมาเจอเลย แล้วแบบนี้ฉันจะหนีไปไหนพ้นล่ะคะ” วรันธาราอมยิ้ม ตอนนี้หล่อนยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาแล้วล่ะ ในเมื่อพรหมลิขิตขีดมาแล้วว่าหล่อนต้องรักเควิน หล่อนก็จะไม่หนีอีกแล้ว ต่อให้เขามีผู้หญิงอีกสักกี่คนก็ตาม
“ก็เพราะคุณเป็นผู้หญิงของผมยังไงล่ะ”
หญิงสาวเสหลบสายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยความหิวกระหายของ เควินอย่างขัดเขิน
“คุณน่ะชอบทำให้ฉันอายอยู่เรื่อยเลย ไม่เอาแล้ว… ไม่พูดด้วยแล้ว” หญิงสาวเปิดประตูรถกำลังจะก้าวลงไป แต่แขนถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน พร้อมกับริมฝีปากร้อนจัดที่แนบลงบนแก้มนวล
“แล้วเจอกันตอนเย็นครับ”
เควินดึงตัวกลับไปนั่งตรงๆ เหมือนเดิมแล้ว แต่หล่อนก็ยังคงอายม้วนอยู่ที่เดิม สองขาไม่มีเรี่ยวแรงเดินเลย
“เปลี่ยนใจ… จะไปอยู่กับผมทั้งวันก็ได้นะ”
คำแซวนี้ของเควินทำให้วรันธาราได้สติ หล่อนรีบก้าวลงไปจากรถด้วยหัวใจที่พองฟูอย่างรวดเร็ว
เควินอมยิ้มขบขัน เขาลดกระจกรถลง แล้วโบกมือให้กับหญิงสาวก่อนจะขับออกไป
วรันธาราระบายยิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุด… หล่อนก็ไม่อาจจะเดินจากเควินได้อีกแล้ว
“ฉันรักคุณ… เควิน…”
“แต่ฉันไม่อนุญาต ให้เธอรักลูกชายของฉัน วรันธารา”
นี่ก็เสียงคุ้นหูอีกเช่นกันที่ดังขึ้นจากข้างหลัง วรันธาราค่อยๆ หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า
“คุณ… แคลอรีน่า”
แคลอรีน่าที่พึ่งก้าวลงมาจากรถสีดำเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อน ด้วยท่าทางไร้เมตตาจิตโดยสิ้นเชิง
“เควินกำลังไปได้สวยกับหนูไครี่ย์ เธอคงไม่คิดจะมาฉุดให้ลูกชายของฉันลงไปในตมด้วยหรอกนะ”
วรันธาราดวงตาแดงก่ำกับคำเหยียดหยามของผู้หญิงตรงหน้า แต่หล่อนทำอะไรไม่ได้ เพราะแคลอรีน่าคือแม่แท้ๆ ของผู้ชายที่ตัวเองตกหลุมรัก
“ลูกชายของคุณป้า… ไม่ได้รักคุณไครี่ย์หรอกค่ะ”
“หึ… เธอจะบอกว่าเควินรักเธออย่างนั้นหรือ”
รอยยิ้มหยันจากแคลอรีน่าบั่นทอนความเข้มแข็งของหล่อนได้มากมายเหลือเกิน หล่อนพยายามฝืนยิ้ม แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยหยาดเลือดแห่งความทรมาน
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่… คุณเควินยังไม่ได้รักผู้หญิงคนไหน”
“ผิดแล้วล่ะ เควินเคยรักแม่วรัญญาจนหัวปักหัวปำ แต่พอถูกหักหลัง เควินก็เกลียดผู้หญิงเข้าไส้ ลูกชายของฉันจึงใช้เศษเงินหว่านเพื่อให้ผู้หญิงที่ต้องการแก้ผ้าขึ้นมาบนเตียง”
“แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้นหรอกค่ะ ฉันไม่เคยรับเงินจากคุณเควินแม้แต่เหรียญเดียว”
แคลอรีน่าหัวเราะเยาะ พลางเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของคู่สนทนาต่างวัย
“เธอจะบอกว่าตัวเองให้เควินเอาฟรีๆ อย่างนั้นหรือ”
วรันธาราเบิกตากว้าง ครางในลำคออย่างอดสู
“ผู้หญิงอย่างเธอไม่คู่ควรกับเควิน ฉันจำได้ว่าบอกเธอไปหลายครั้งแล้วนี่ แล้วทำไมไม่รู้จักจำ ไม่รู้จักเจียมตัวล่ะ หรือว่าผู้หญิงอย่างเธอไร้เงินแล้ว ยังไร้ศักดิ์ศรีอีกด้วย”
“พอเถอะค่ะ”
“ทำไม… ทำไมทนฟังไม่ได้ ในเมื่อเธอมันต่ำยิ่งกว่าเม็ดทรายที่อยู่ใต้รองเท้าลูกชายของฉันเสียอีก คิดว่าจะได้ตกถังข้าวสาร สบายไปทั้งชาติ แต่คิดผิดแล้วล่ะ เพราะแม่อย่างฉันไม่มีวันต้อนรับเธอ นังนักข่าวกระจอก!”
“พอสักทีเถอะคะ! หยุดพูดได้แล้ว!” หยาดน้ำตาของวรันธาราล่วงหล่นไหลผ่านแก้มนวลจนตกลงไปที่ลำคอ ความอัปยศอดสูทิ่มแทงเนื้อหัวใจจนพรุนไม่เหลือชิ้นดี
“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ถ้าเธอยังคิดจะมาวุ่นวายกับเควินอีก ฉันจะจัดการเธอให้หนักกว่านี้”
“ทำไม… ถึงได้รังเกียจฉันนักคะ ฉันไปทำอะไรให้คุณเหรอ หรือว่าเพราะความจนของฉัน คุณถึงได้เกลียดฉันมากมายนัก”
แคลอรีน่าเมินหน้าหนี ก่อนจะโต้ตอบ
“เพราะเธอเหมือนกับฉันเกินไป”
“ฉัน… เหมือนกับคุณ?”
“ไปจากชีวิตของเควินซะ แล้วคราวนี้อย่ากลับเข้ามาอีก เพราะถ้าฉันเจอเธออีกครั้ง ฉันจะฆ่าเธอ”
วรันธารามองแคลอรีน่าผ่านม่านน้ำตา พร้อมกับเชิดหน้าสูง “ฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ตราบใดที่เควินยังต้องการฉัน”
“ถึงเควินจะต้องการเธอ แต่อีกไม่เกินสองอาทิตย์ เควินก็จะต้องแต่งงานกับหนูไครี่ย์ แล้วเธอจะมาอยู่กับเควินในฐานะอะไรกัน เมียเก็บ หรือว่านางบำเรอ”
“ฉัน…”
“ถ้าเธอรักลูกชายของฉันจริงๆ ก็อย่ามาฉุดรั้งเควินให้ต่ำลงไปในตมเหมือนกับตัวของเธอเลย ปล่อยเควินไป แล้วฉันจะตอบแทนเธออย่างงาม”
“ค่ะ…”
แคลอรีน่ายิ้มกว้างกับคำตอบที่ได้ยิน
“ฉันยอมตกลงไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากได้สิ่งตอบแทนจากคุณ ฉันทำลงไปเพราะ… ฉันรักเควินมาก” น้ำตาของวรันธาราไหลพรากตลอดเวลา “ฉันรักเขา… ฉันอยากให้เขา… มีความสุขที่สุด”
แคลอรีน่าอึ้งไปเล็กน้อยที่ได้ยินคำพูดของคู่สนทนา ลึกๆ แล้วหล่อนก็รู้สึกสงสารวรันธาราไม่น้อย “ขอบใจเธอมากที่เข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่อย่างฉัน เอาล่ะ… ฉันมีเรื่องจะให้เธอทำ”
วรันธารามองคู่สนทนาผ่านม่านน้ำตา หัวใจเจ็บปวดจนแทบจะแหลกสลาย
เควิน คาสโตรโตเซ่นยังคงหล่อเหลา และทำให้ท้องไส้ของหล่อนปั่นป่วนรุนแรงได้เช่นเดิม ไม่สิ… มากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า วรันธาราปากคอแห้งผาก รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงระรัวอยู่ภายใต้หน้าอกอย่างชัดเจน
เขา… เควิน ตัวจริงใช่ไหม…?
คำถามดังก้องในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ตอนที่ถูกลากออกมาจากไนท์คลับ จนถึงตอนนี้… ตอนที่ถูกจับเหวี่ยงลงบนเตียงนุ่มภายในห้องหรูหราแห่งหนึ่งใจกลางเมือง
หนุ่มฝรั่งตัวโตล่ำสัน กล้ามเนื้อแน่นหนั่นไปทั้งตัว กำลังย่างสามขุมเดินเข้ามาหา ท่าทางของเขาไม่ต่างจากเจ้าป่าที่กำลังจะลงทัณฑ์ลูกสมุนจอมเกเรแม้แต่นิดเดียว
“คุณ… คุณจะทำอะไรคะ เควิน…!”
“เราไม่ได้เสพสมกันมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ แล้วคุณคิดว่าผมกำลังจะทำอะไรคุณล่ะ วรันธารา…”
น้ำเสียงของเขาทั้งเหี้ยมเกรียมทั้งเยือกเย็น จนคนฟังเช่นหล่อนสะท้านเยือกไปทั้งตัว
“คุณ… คุณทำไม่ได้นะ ฉัน… เอ่อ เรา… เราเลิกกันแล้ว” พยายามคัดค้าน และถดถอยหนีไปจนสุดขอบเตียง
เควินยิ้มหยัน ขณะใช้เพียงมือข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อตั้งแต่เม็ดแรกจนถึงเม็ดสุดท้าย สาบเสื้อแยกออกจากกันในทันที แผงอกกว้างที่รกเลื้อยไปด้วยเส้นขนสีเข้มละลานตา
วรันธาราอ้าปากค้าง น้ำลายในลำคอเหนียวเป็นยางจนน่าละอาย หล่อนเป็นแบบนี้ทุกครั้งเมื่อได้มอง… มองร่างกายของเควิน
หญิงสาวกัดฟันเมินหน้าหนี แต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะคนตัวโตที่พึ่งสลัดเสื้อราคาแพงออกจากตัวใช้มือโอบใบหน้า และบังคับให้หล่อนหันกลับมาประสานสายตาอย่างเผด็จการ
เควินจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตมีชีวิตชีวาของแม่สาวสวยที่สร้างความทรมานให้กับเขามาตลอดหนึ่งสัปดาห์นิ่งนาน เขาพยายามบอกตัวเองให้ควบคุมความยินดีเอาไว้ให้ลึกที่สุด แต่มันกลับระเบิดออกมาทางสายตาจนน่าตกใจ
ใช่แล้ว… เขาคิดถึงหล่อน… คิดถึงวรันธาราเหลือเกิน ความเดียวดายที่แสนเหน็บหนาว ทุกค่ำคืนเขาทรมานแทบขาดใจ
เขามีความเชื่อว่าโชคชะตาเป็นสิ่งที่นำพาให้วรันธาราเข้ามาในชีวิตของตัวเอง และก็หวังว่าโชคชะตาจะพัดพาหล่อนให้กลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง ที่วอชิงตัน… และในที่สุดเขาก็ได้พบหล่อนจริงๆ แม้จะในสถานที่อวงโคจรก็ตาม
“เลิกกันแล้ว ก็กลับมาคบกันใหม่ได้”
มือใหญ่อีกข้างรั้งเอวคอดและกระชากเข้ามากอดแนบอก หญิงสาวผลักไส แต่ก็ไม่อาจจะต่อสู้กับพลังอำนาจของเควินได้
“ได้โปรด… ปล่อยฉันเถอะค่ะ”
“ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว…” เควินก้มหน้าต่ำลงไปหา มือยังโอบประคองดวงหน้านวลเอาไว้ตลอดเวลา “ต่อจากนี้ไป… ผมจะไม่ยอมให้คุณห่างไปไหนอีก ถ้าคุณบังอาจหนีผมไปอีก ผมจะฆ่าคุณ”
คำพูดของเขาให้ความหมายว่ากำลังกรุ่นโกรธ แต่สายตาของเควินกลับให้ความรู้สึกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ในดวงตาสีน้ำเงินอมดำของเขามันเต็มไปด้วยความหิวกระหายล้ำลึก และมันก็มีพลังอำนาจทำลายล้างสูงเหลือเกิน ทำให้หล่อนไม่อาจจะต้านทานได้อีก
“เควิน…”
“ต่อให้ต้องมัดคุณเอาไว้กับตัวเองตลอดเวลา ผมก็จะทำ หากมันจะช่วยให้ผมไม่ต้องเสียคุณไปอีกครั้ง วรันธารา”
เควินก้มลงแตะริมฝีปากร้อนจัดของตัวเองลงกับแก้มนวลไร้ที่ติแผ่วเบา มือใหญ่ที่โอบใบหน้าสวยหวานเอาไว้ลูบไล้ไปมา
“คุณไม่… จำเป็นต้องทำแบบนั้น เควิน”
“ผมจะมอบทุกอย่างให้กับคุณ เงินในบัญชีสักร้อยล้านเป็นไง ผมรู้คุณชอบเงิน”
หล่อนพยายามจะปฏิเสธความเข้าใจผิดของเขา แต่ปากร้อนจัดของ เควินทาบประกบปิดปากอิ่มลงมาเสียก่อน หล่อนอยากต่อต้าน อยากทัดท้าน แต่ความหิวกระหายจากความห่างไกลที่มีทัดเทียมกัน ทำให้สองมือที่ดันแผงอกกว้างไว้เปลี่ยนเป็นไต่ขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่ง และจูบตอบจุมพิตร้อนจัดของ เควินอย่างเร่าร้อน
สองร่างกอดรัด บี้บดริมฝีปากเข้าใส่กันอย่างกระหายจัด ความต้องการมากมายที่ถูกอัดซ่อนเอาไว้ภายในระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เควินตะโบมจูบ กัดเม้มกลับปากอิ่มจะแตก ลิ้นใหญ่บุกรุกล้วงเข้าไปรัดรึงลิ้นเล็กดูดกลืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พริบตาเดียวสองร่างก็เปลือยเปล่า กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนเตียง ผิวสาวขาวเนียนถูกดูดเม้มด้วยริมฝีปากร้อนระอุจนแดงช้ำ เควินไล้เลียไปทั่วทุกซอกมุมอย่างกระหาย ซุกไซ้ฟอนเฟ้นปทุมถันอวบเต่งตึงอย่างเมามัน ฝ่ามือใหญ่บีบขย้ำ นิ้วแกร่งบดคลึงจนยอดทรวงบวมเบ่งชูชัน
วรันธาราครางระรัว หยัดร่างสูงจนทรวงอกงามเด่นงามท่ามกลางสายตาคมกริบ เควินคำรามอย่างพึงพอใจ เขาโน้มตัวลงดูดอมยอดถันชูชันเอาไว้ในอุ้มปาก ขบกัดราวกับตัวเองคือทารกน้อย
“คิดถึงเหลือเกิน… ธารจ๋า…”
เขาพึมพำกับดอกบัวงามคู่แฝดที่ตัวเองกำลังให้ความสนใจด้วยเสียงแหบพร่า ความต้องการมากมายไม่อาจจะบังคับให้ยืดเวลาต่อได้อีก มือใหญ่จึงเลื่อนต่ำลงไปกระชากต้นขาอวบให้แยกแย้มออกจนกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เขาจะเคลื่อนตัวขึ้นทาบทับให้ตำแหน่งที่เหมาะสม
“อ๊า… เคนขา…”
ต้นขาของสองคนเสียดสีกัน วรันธาราครวญครางด้วยความหวังจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ได้… ได้โปรด… เคนขา…”
หล่อนวิงวอนอย่างไร้ยางอาย และก็โชคดีเหลือเกินที่เควินชำแรกแทรกลึกลงมาหาในวินาทีถัดมาพอดี
“โอ้ว… พระเจ้า…” เสียงของเขาคำรามลั่นด้วยความพึงพอใจ ขณะสงบนิ่งอยู่ภายในร่างของหล่อนอย่างล้ำลึก
“ได้โปรด… เคนขา… ขยับ…” และก็เป็นหล่อนเองที่วิงวอนให้เขาเคลื่อนไหว หล่อนเห็นรอยยิ้มหิวกระหายที่เต็มไปด้วความพึงพอใจของเควิน ก่อนที่เขาจะส่ายสะโพกอย่างร้อนแรง
“เคน… อืมมมม์… เคนขา…” ยามที่ความกระสันซ่านพุ่งสูงขึ้นจนสุดควบคุม
“อ๊า… เคน… เคน…” บั้นท้ายอวบยกลอยสูงขึ้นจากเตียงนอนเพื่อตอบสนองแรงรัก
“อืมมมม์ วิเศษ… ยอดเยี่ยมมาก โอ้ว…” ร่างกายใหญ่โตบิดเกร็งจนเห็นมัดกล้ามเนื้อเป็นลอนงาม ในขณะที่บางส่วนแข็งแกร่งดุจท่อนเหล็กร้อนก็กำลังโยกไหวอยู่ภายในกายสาวเช่นกัน
มันวิเศษ แสนมหัศจรรย์ และทำให้หล่อนลุ่มหลงเหลือเกิน
วรันธารากรีดร้องด้วยความเสียวซ่านรุนแรง เมื่อในที่สุดร่างกายของหล่อนได้ระเบิดวินาทีแห่งความสุขสมออกมาเป็นเสี่ยงๆ อย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางการโจมตีอย่างหนักหน่วงของความเป็นชายใหญ่โต
เควินก้มหน้าลงมาหา จูบปิดปากดูดกลืนเสียงร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่านของหล่อนเอาไว้ทั้งหมด ในขณะที่เขายังคงเคลื่อนไหวแรงเข้มอยู่เหนือร่าง
เขาขับเคลื่อนความอหังการเข้าใส่ถี่ระรัว สอดใส่ด้วยจังหวะเร่าร้อนดุดันแสดงความเป็นเจ้าของ ทุกการสอดประสานสร้างความเสียวกระสันให้อย่างถึงที่สุด
“เคน… อ้า… เคนขา… อืมมมม์…” หล่อนแอ่นหยัดสะโพกลอยสูง ต่อสู้กับความแข็งแกร่งใหญ่โตที่กำลังเบ่งขยายจนถึงขีดสุดอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่ไม่ช้าหล่อนจะระเบิดออกมาซ้ำอีกครั้งด้วยความสุขสมเข้มข้น
ร่างของหล่อนสั่นระริกคล้ายกับอยู่ใต้แผ่นดินไหว ในขณะที่เควินยังคงสาดซัดความดุดันหวามไหวเข้าใส่ไม่หยุด เขากระแทกบดอัดเข้าใส่รวดเร็วรุนแรง มือใหญ่ข้างหนึ่งรวบเอวคอดเอาไว้ ส่วนอีกครั้งก็ขยำหน้าอกหน้าใจของหล่อนแรงๆ จนมันแทบแหลกคามือ
“ไม่… ไม่ไหวแล้ว เมียจ๋า…”
เขาคำราม หน้าตาบิดเบี้ยว และเพิ่มจังหวะแรงกระแทกกระทั้นถี่ระรัวมากยิ่งขึ้น และล้ำลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ช้าเสียงคำรามที่ดังลึกมาจากจิตวิญญาณก็หลุดออกจากริมฝีปากหยักสวย พร้อมๆ กับใบหน้าหล่อจัดที่แหงนไปด้านหลัง
กายหนุ่มที่โซมไปด้วยหยาดเหงื่อบิดเกร็ง สะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนที่หยาดสวาทร้อนจัดจะถูกฉีดพ่นเข้าใส่ภายในร่างสาวอย่างล้ำลึก ลึกที่สุดเท่าที่สามารถทำได้
และเควินก็ซวนซบลงมาหา…
วรันธาราครางเบาๆ ในลำคอกับความมหัศจรรย์ที่ได้รับจากสามีหนุ่ม ผู้ชายที่หล่อร้อนแรงจนหาคำมาบรรยายไม่ได้
ค่ำคืนนี้เควินร้อนแรง และดุดันมากกว่าทุกครั้งที่เคยมีร่วมกันมาก่อน เขากัดกินหล่อนอย่างป่าเถื่อน สอดใส่อย่างไม่ปรานี ขยำจนเนื้อสาวของหล่อนแดงช้ำ และใช่… หล่อนควรจะเจ็บปวด แต่กลับเสียวซ่านและแสนพึงพอใจ
หล่อนชอบ… ติดใจรสรักของเควินจนถอนตัวไม่ขึ้น…
หัวใจสาวแช่มชื้น รอยยิ้มพึงพอใจระบายบนดวงหน้างดงามมากมาย สองมือโอบกอดร่างกำยำเอาไว้ กอดเขาแนบอก
“ยังคิดจะหนีผมอีกไหม วรันธารา”
คนที่หล่อนคิดว่าหมดแรงหลับไปแล้วพูดขึ้น และมันก็ทำให้หล่อนตกใจ จนมือที่ลูบไล้ที่แผ่นหลังกว้างชะงักงั้น
เควินพลิกกายลงมานอนข้างๆ พร้อมกับตะแคงร่างเข้าหา ดวงตาคมกริบจ้องเขม็ง
“เราต้องการกันและกันมากขนาดไหน คุณก็เห็นแล้วนี่”
วรันธาราหน้าตาแดงก่ำ และพยายามขยับหนี แต่เควินไม่ยอด ตวัดมมือรวบเอวคอดเอาไว้ ในขณะที่ดวงตาจ้องลึกไม่ยอมให้หล่อนได้มีโอกาสหลบตาเลยทีเดียว
“ความหิวกระหายของเราสองคน ระเบิดโลกได้เลย จริงไหม”
เขาอมยิ้มเจ้าเล่ห์ เลื่อนมือจากเอวคอด ขึ้นมาสะกิดยอดถันแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยการยั่วยวน
“อ๊า…”
เควินหัวเราะ “กลับไปเทกซัสกับผมเถอะ และเราจะแต่งงานกันทันทีตามที่ผมเคยพูดเอาไว้”
“แล้วคุณเอาคุณไครี่ย์ไปไว้ที่ไหนซะล่ะคะ เธอเป็นผู้หญิงที่ถูกเลือกเอาไว้ให้เป็นพี่ภรรยาของคุณ”
“ผมไม่ได้ต้องการไครี่ย์ คนที่ผมต้องการคือคุณต่างหาก”
วรันธาราเสหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความหิวกระหายของเควินอย่างเอียงอาย เนื้อตัวยังคงสั่นระริกไร้เรี่ยวแรง “ฉัน… ไม่ได้มีค่าเพียงพอให้คุณมาต้องการหรอกค่ะ”
“ผมจะเป็นคนตัดสินใจเองเรื่องนั้นน่ะ”
แล้วพ่อคนที่อะไรต่อมิอะไรใหญ่โตไปเสียหมดก็ขยับตัวขึ้นทาบทับอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “อุ๊ย… จะทำอะไรคะ ลงไปนะ”
“ผมเบื่อที่จะต้องพูดแล้วล่ะ”
“งั้นก็ไม่ต้องพูดสิคะ ฉันก็ไม่ได้อยากฟังสักหน่อย” หญิงสาวเชิดหน้าหนีอย่างแง่งอน
“ผมจะทำแทน…”
“ทำ? ทำ… ทำอะไรคะ”
เควินก้มหน้าลงดูดปลายถันเบาๆ อย่างหยอกเย้า แต่แค่นั้นก็ทำให้คนตัวเล็กสั่นเป็นเจ้าเข้าแล้ว
“ทำแบบนี้ไงล่ะ”
“อย่านะคะ เรา… เราต้องคุยกันก่อน”
“ไม่… ผมคิดถึงคุณ… เราห่างกันตั้งอาทิตย์ ผมจะต้องตักตวงวันเวลาที่เสียไปเหล่านั้นให้คุ้มค่าเสียก่อน”
“อย่า… อื้อ… อย่านะคะ อ๊ะ อย่า…”
เขาสนใจที่ไหนกันล่ะ เพราะวินาทีที่เขาก้มลงดูดกลืนยอดทรวงสีสวยเข้าไปไว้ในอุ้งปาก นิ้วแกร่งก็ไต่ไล้เลยไปตามผิวเนียนของหน้าท้องแบนเรียบ และต่ำลงไปกว่านั้น…
“แยกขาออกสิครับคนสวย… ผมจะปรนเปรอให้คุณ…”
บางทีเควินอาจจะเป็นพ่อมดหมอผีก็เป็นไปได้ เพราะแค่เขาออกคำสั่งแหบพร่า หล่อนก็รีบทำตามในทันที
“วิเศษมากคนสวย… อืมมมม์… เปียกหมดแล้ว…”
นิ้วแกร่งยาวเรียวปัดแต้มไปตามกลีบนางอย่างชำนาญ สร้างความหฤหรรษ์ให้กับวรันธาราซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแน่นอนว่าซ้ำซ้อนเปี่ยมสุขแบบนี้ตลอดทั้งค่ำคืน
แล้วเควินก็ลากร่างของวรันธาราออกไปอย่างรวดเร็ว
“ธาร… ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปช่วยเพื่อนของฉัน” ณดาดิ้นรนด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี จนร่างกายในวัยสาวสะพรั่งของตัวเองถูไถกับความกำยำของธีโอจนชายหนุ่มรู้สึกปั่นป่วนรุนแรง
“บ้าชิบ” ธีโอสบถพร้อมกับรีบปล่อยร่างของผู้หญิงเฉิ่มตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอยออกห่าง
“คุณมันคนใจร้าย คนเลว…”
“จะว่าอะไรผมก็เชิญ แต่อย่าไปยุ่งเรื่องของเขาสองคนเลย เพราะจากที่ดูแล้ว เขาสองคนน่าจะรู้จักกันมาก่อน”
“ฉันไม่เชื่อหรอก”
“ผมก็ไม่ได้ต้องการให้คุณป้าเชื่อนี่ครับ เอาเป็นว่าผมขอตัวก่อน” ธีโอหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องวีไอพีฝั่งของตัวเอง ในขณะที่ณดายืนนิ่งมึนงง
“ธาร… ฉันจะทำยังไงดี” ณดายืนนิ่งอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจที่จะวิ่งตามวรันธาราออกไป แต่… ขาของหล่อนถูกคว้าเอาไว้ด้วยมือของขุนศึกจนเสียหลักล้มกองกับพื้น
“พี่ขุน…”
“คิดว่าทำกับกูขนาดนี้แล้วมึงจะหนีไปง่ายๆ เหรอ” ขุนศึกลุกขึ้นยืน ก่อนจะจิกผมของของณดาเต็มแรง และกระชากให้ลุกขึ้น ณดาน้ำตาไหลพรากทั้งเจ็บทั้งหวาดกลัว
“พี่ขุน ปล่อยณดานะคะ ณดาเจ็บ”
“อีโง่ มึงน่ะทั้งโง่ทั้งเชย ที่กูยอมคบกับมึงก็เพราะเอาไว้หลอกใช้เท่านั้นแหละ จำเอาไว้ด้วย”
ณดาเจ็บทั้งกายและหัวใจ หล่อนมองผู้ชายตรงหน้าอย่างรู้เช่นเห็นชาติ สิ่งที่วรันธาราเตือนมันคือความจริง
“พี่ขุนหลอกณดามาตลอด…”
“ใช่… กูหลอกมึง กูไม่เคยรักมึงเลย ผู้หญิงอย่างมึงชาตินี้ไม่มีทางหาผัวได้หรอก”
“โอ๊ย!” ณดาถูกผลักจนกระเด็นไปชนกับโต๊ะ หญิงสาวครางอย่างทรมาน หัวใจถูกฉีกจนไม่เหลือชิ้นดี
“คนเลว”
“พึ่งรู้เหรอ” ขุนศึกที่พึ่งฟื้นจากการถูกต่อยเดินเข้าหา ในขณะที่ณดาถอยหลังหนี “มึงรู้ไหมว่ากูสะอิดสะเอียนแค่ไหน ตอนที่ต้องบอกรักมึงน่ะ”
ณดาพูดไม่ออกร้องไห้เสียใจ
“วันนี้กูก็แค่เดินผ่าน และก็มีอารมณ์อยากเป็นฮีโร่เท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดจะปกป้องอะไรมึงหรอก อีโง่”
“พี่ขุน…”
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มึงกับกูไม่ใช่คนรักกันอีกแล้ว และมึงไม่ต้องห่วง กูจะโอนเงินคืนให้มึงวันพรุ่งนี้เลย และเราจบกัน!”
ณดายืนร้องไห้มองร่างของขุนศึกที่เดินกลับเข้าไปหาผู้หญิงสูงวัยคนนั้นด้วยความเสียใจยิ่งนัก ร่างอรชรยืนโงนเงนเจียนจะล้มเสียให้ได้ ก้อนสะอื้นสาดซัดเข้าใส่จนหัวใจขาดวิ่น
นี่ใช่ไหม… คือสิ่งที่หล่อนพยายามหลอกตัวเองมาตลอดหลายต่อหลายปี…
มันจบลงแล้ว…!
“ก็แค่ผู้ชายเฮงซวย อย่าไปร้องไห้ให้มันเลยครับคุณป้า”
ฝ่ามือของใครบางคนแตะที่ด้านหลังของต้นแขน ณดาที่กำลังเสียใจเสมือนได้ที่พึ่งในยามยาก หล่อนหมุนตัวเข้าหา และกอดแน่น ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจกับแผงอกกว้าง
ธีโออยากจะขยับตัวออกห่าง แต่เพราะสงสารเวทนาจึงยอมให้หน้าอกของตัวเองรองรับน้ำตาจากผู้หญิงเฉิ่มเชยแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก
เพื่อมนุษยธรรม… ธีโอบอกตัวเองเบาๆ ในอก แต่ทำไมนะ ทำไมร่างกายของเขาถึงได้ตื่นเต้นแปลกประหลาดแบบนี้
“ร้องไห้เสียให้พอ แล้วผมจะพาคุณป้าไปส่งที่บ้าน”
ในไนต์คลับว่ามืดสลัวจนมองอะไรแทบไม่เห็นแล้ว แต่ภายในรถหรูคันนี้กลับมืดมิดยิ่งกว่า ณดายกหลังมือขึ้นป้ายหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจทิ้ง เมื่อซุปเปอร์คาร์ราคาแพงระยับจอดสนิทที่หน้าห้องเช่าของตัวเอง
“ขอบ… ขอบคุณคุณมากนะคะ ที่กรุณามาส่งฉันถึงบ้าน”
ธีโอที่นั่งเงียบๆ อยู่เบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถ แม้จะมีเพียงแสงจันทร์เสี้ยวเท่านั้นที่ให้ความสว่าง แต่เขาก็ได้เห็นสถานที่ตรงหน้าอย่างชัดเจน
ย่านคนจน…
“คุณป้าอยู่ที่นี่หรือครับ”
“ค่ะ” ณดาตอบเสียงแผ่วเบา ขณะคว้าหาที่เปิดประตู หล่อนเจ็บจนไม่รู้สึกรู้สาต่อสรรพนามที่ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เรียกแม้แต่น้อย “ฉันอยู่ที่นี่แหละค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะปกติผมก็มักจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเด็ก ผู้หญิงและคนแก่เสมออยู่แล้ว”
คนที่กำลังจะเปิดประตูรถออกไปชะงัก ก่อนจะเอียงหน้ากลับมาเจ้าของคำพูด แสงของดวงจันทร์เพียงเสี้ยวเดียวสะท้อนเข้ามาในรถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กระนั้นก็ทำให้หล่อนรับรู้ได้ถึงพลังทำลายล้างบางอย่างได้ชัดเจน
หัวใจของหล่อนเต้นแรง… แรงมากจนหน้าอกกระเพื่อมระรัว มือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ หญิงสาวได้สติ รีบหันหน้ากลับไป และตวัดขาจะก้าวลงไปจากรถ
“เดี๋ยวก่อนสิครับ”
ข้อมือของหล่อนถูกคว้าเอาไว้ ความอบอุ่นระคนร้อนผะผ่าวถูกถ่ายทอดจากฝ่ามือใหญ่เข้ามาสู่กายสาวอย่างรุนแรง “มีอะไรเหรอคะ หรือว่าคุณต้องการค่าโดยสาร…”
“ผมมาส่งฟรีครับ แต่ที่เรียก…”
หล่อนรู้สึกว่าผู้ชายข้างตัวที่เห็นหน้าไม่ชัดโน้มตัวเข้าใกล้มากยิ่งขึ้น กลิ่นกายเซ็กซี่จากเนื้อตัวกำยำฟุ้งเข้ามาในจมูก ณดาตัวสั่นสะท้าน หัวใจเต้นแรงระรัวราวกับวิ่งมาราธอนมารอบโลก “มี… มีอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ ฉันอยากจะพักผ่อน”
“เลิกรักไอ้หมอนั่นซะ แล้วคุณป้าจะมีความสุข”
หล่อนเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงโต้ตอบออกไป
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ” ณดาขยับตัวจะลงอีกครั้ง แต่คนตัวโตไม่ยอมปล่อยมือ
“รับปากผมก่อนสิครับว่าจะเลิกรักมัน”
“คุณ… คุณต้องการอะไรกันแน่นะ” หล่อนจ้องมองผ่านความมืดและเลนส์แว่นตาหนาเตอะ แต่สิ่งที่ได้เห็นตอบกลับคือความจริงจังที่น่าสะพรึงกลัว
“ผมต้องการ… ให้คุณป้าหยุดรักไอ้บ้านั่น มันไม่เหมาะสมกับคุณป้าหรอกครับเลยสักนิด”
ณดาน้ำตาเอ่อคลอเบ้า ถอนใจแผ่วเบาอย่างอ่อนล้า “ถึงเขาจะไม่ใช่คนดีนัก แต่เขาก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่ยอม… คบกับฉันมาหลายปี”
ธีโอได้ฟังก็อึ้งไป ก่อนจะเป็นฝ่ายถอนใจออกมาบ้าง “อย่าตีค่าตัวเองต่ำขนาดนั้นสิครับ คนเราทุกคนมีสิ่งที่มีค่าติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพียงแค่ว่าเราจะค้นหามันเจอเร็วแค่ไหนก็เท่านั้น”
“แต่ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ” ณดาตอบกลับเสียงเศร้า และบิดข้อมือจนหลุด
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยเหลือ ถ้ามีโอกาส ฉันจะตอบแทนคุณค่ะ” แล้วก็ก้าวลงจากรถ พร้อมกับปาดน้ำตา
ธีโอนั่งนิ่ง มองร่างอรชรที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ครึ่งเสี้ยวอย่างเวทนา “แล้วมันจะดีขึ้นครับ ผมขออวยพรให้คุณป้าโชคดี”
ณดาก้มหน้าน้ำตาไหลพราก ก่อนจะเดินหายเข้าไปภายในห้องเช่า ธีโอมองตามไปด้วยลับตา ก่อนจะหันไปส่งคนขับรถให้ออกรถ
“ไปได้แล้วเจฟ”
“ครับ แต่ว่าคุณธีโอจะกลับบ้านเลย หรือว่า…”
“กลับบ้านเถอะ วันนี้ฉันรู้สึกแย่ๆ ยังไงบอกไม่ถูก” ธีโอเอนตัวพิงเบาะภายในรถ และหลับตาลงเพราะต้องการพักผ่อน แต่ในหัวกลับยังเต็มไปด้วยเสียงสะอื้น และความเสียใจของผู้หญิงเชยๆ คนนั้น
‘บ้าจริง…’
“กลับกันเถอะธาร เราหาไม่เจอแล้วล่ะ”
ณดาพูดขึ้นเมื่ออย่างหมดหวังเมื่อหล่อนกับวรันธาราตามหาขุนศึกภายในสถานบันเทิงหรูแห่งนี้ไม่เจอ
“ยังมีที่อื่นอีกไหมที่เรายังไม่ได้ไปหาน่ะ” วรันธารายังไม่คิดจะยอมแพ้
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
วรันธาราเดินกลับไปกลับมา ก่อนจะดีดนิ้วเมื่อเห็นพนักงานชายเดินถือขวดเหล้าผ่านมาพอดี
“พี่คะ เอ่อ พวกเรามีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือสักหน่อยจะได้ไหมคะ”
“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ”
วรันธาราระบายยิ้ม “คือ… สามีของหนูน่ะค่ะแอบหนีมาเที่ยวที่นี่กับกิ๊ก แต่หนูตามหาทั้งไนต์คลับแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงา พี่พอจะบอกพวกเราหน่อยได้ไหมคะว่านอกจากฟลอร์ที่ไว้ให้พวกนักเที่ยวแดนซ์กันแล้ว ยังไม่ห้องหับตรงไหนอีกไหมคะ”
“มีแต่ห้องวีไอพีน่ะครับ”
“ห้องวีไอพี?”
“ครับ อยู่ชั้นบนนู้น มีอะไรจะถามอีกไหมครับ”
“เอ่อ ไม่มีแล้วค่ะ ขอบคุณพี่สุดหล่อมากเลยนะคะ”
พนักงานชายอมยิ้มขัดเขิน ก่อนจะเดินจากไป
“ไอ้พี่ขุนของเธอต้องอยู่ในห้องวีไอพีแน่นอน ว่าแต่มันมีเงินขนาดนั้นเชียวหรือ” วรันธารามองชั้นไปชั้นสอง ในขณะที่ณดาเต็มไปด้วยความขลาดกลัว และไม่อยากจะมีปัญหา
“ฉันว่าเรากลับกันเถอะนะธาร นี่มันก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เธอต้องไปหาสมัครงานอีกไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าไม่ได้เงินคืนจากไอ้พี่ขุน ฉันก็จะไม่ยอมกลับ มานี่ณดา เราขึ้นไปบนห้องวีไอพีกัน” วรันธาราคว้ามือเล็กของเพื่อนรักเอาไว้ และรั้งให้เดินตามทันที
“แต่ว่า…”
“เอาเป็นว่าถ้าเราหาที่ห้องวีไอพีทุกห้องแล้วไม่มี ฉันจะกลับทันที ตกลงไหม”
ณดาไม่มีทางเลือกจึงต้องตอบตกลง ดังนั้นวรันธาราจึงรีบลากเพื่อนขึ้นไปยังชั้นสองอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที และห้องวีไอพีก็ถูกหล่อนและวรันธาราบุกรุกไปแล้วเกือบสิบห้อง
“ห้องเมื่อกี้ก็ไม่ใช่… แล้วหมอนั่นอยู่ห้องไหนกันนะ”
“ธาร… เราหามาทุกห้องแล้ว แต่ก็ไม่เจอ กลับกันเถอะ”
“ยังไม่ครบสักหน่อย นั่นไง… ห้องนั้นไง” นิ้วเรียวของวรันธาราชี้ตรงไปยังห้องวีไอพีแฝดด้านซ้าย
ณดามองตามนิ้วของเพื่อนรักไป “พี่ขุนคงไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ หรอก ฉันว่าเรากลับกันเถอะ”
“ถ้าห้องนี้ไม่มี ฉันจะกลับทันที”
แล้ววรันธาราก็ก้าวยาวๆ เดินข้ามธรณีประตูเข้าไปภายในห้องวีไอพีแฝด ก่อนจะมาหยุดตรงกลางห้อง ที่ทั้งสองฝั่งแบ่งเป็นห้องย่อยเอาไว้ หล่อนมองไปทางซ้ายทีขวาที อย่างชั่งใจ
“แล้วห้องไหนล่ะเนี่ย”
“ธาร กลับเถอะ”
“ห้องซ้ายก็แล้วกัน”
“ธาร…”
ณดารีบเดินแกมวิ่งตามเพื่อนรักเข้าไปภายในห้องแย่งด้านซ้ายมือ ก่อนจะตกใจหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นขุนศึกในห้องจริงๆ
“พี่ขุน?”
“ไอ้งานที่ว่ายุ่งคงเป็นงานแบบนี้สินะ พี่ขุน!”
วรันธารามองขุนศึกที่กำลังนัวเนียกับผู้หญิงวัยกลางคนด้วยความขยะแขยง ก่อนจะเอื้อมไปหยิบแก้วเหล้ามาถือไว้ ก่อนจะสาดใส่หน้าของขุนศึกจนหมด
“เฮ้ย… ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ขุนศึกลุกพรวดตกใจ พร้อมกับคู่ควงสูงวัยกว่าที่กรีดร้องขึ้น
“พวกเธอเป็นใคร เข้ามาก่อกวนพวกเราทำไม”
“ป้าอยู่เฉยๆ ก่อนเถอะค่ะ ฉันกับเพื่อนมีเรื่องที่จะต้องเคลียร์กับผู้ชายคนนี้”
ขุนศึกหันไปมองคู่ควงคนใหม่ที่ฐานะดีมากอย่างเกรงใจ ก่อนจะส่งสายตาดุดันใส่ณดา
“ผมขอตัวไปคุยกับผู้หญิงพวกนี้ด้านนอกก่อนนะครับคุณพี่”
“ทำไมต้องไปคุยข้างนอกด้วยล่ะคะพี่ขุน ตรงนี้ก็ได้นี่” วรันธาราตะโกนเสียงดังลั่น ในขณะที่ณดาน้ำตาไหลพรากเสียใจ
“เรากลับกันเถอะธาร”
“จะกลับได้ยังไง เธอไม่เห็นว่ามันนอกใจเธอหรือไงณดา”
“ใคร? ใครนอกใจใคร นี่พวกเธอพูดอะไรกัน ฉันงงไปหมดแล้ว” คู่ควงของขุนศึกถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณพี่ แค่คนเข้าใจผิดกัน คุณพี่รออยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมกลับมา”
แล้วขุนศึกก็ลากแขนของณดาออกไปนอกห้อง โดยมีวรันธาราเดินตามไปติดๆ
“มาก่อกวนพี่ทำไมณดา”
“ปล่อยแขนณดานะพี่ขุน ไม่อย่างนั้นฉันจะเข้าไปประจานพี่ให้กับคู่ขาสูงวัยฟัง” วรันธารายื่นคำขาด และก็ทำให้ขุนศึกจำต้องปล่อยแขนของณดาอย่างไม่มีทางเลือก
“พวกเธอต้องการอะไร”
“พวกเราต้องถามมากกว่าค่ะว่าพี่ขุนทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ณดาไม่ดีตรงไหน พี่ถึงทำแบบนี้กับเพื่อนรักของธารแบบนี้!” วรันธาราโกรธจัด มองหน้าขุนศึกอย่างชิงชัง ในขณะที่ณดายืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ห่างออกไป
“ทั้งโง่ ทั้งเชย แถมยังจนอีก พี่ยอมทนเป็นแฟนมานานขนาดนี้ก็คือว่าใจดีมากแล้ว”
ณดาเงยหน้ามองขุนศึกอย่างผิดหวัง แต่หล่อนไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากยืนนิ่งเงียบ มีแต่วรันธาราที่โต้แย้งอย่างดุเดือด
“คนสารเลว!”
“ใช่ พี่เลว แล้วจะทำไม ไปให้พ้น ไสหัวไปให้พ้นทั้งสองคนเลย”
“พวกเราไปแน่ค่ะ แต่ก่อนไปคืนเงินรบกวนพี่ขุนช่วยคืนเงินทั้งหมดที่สูบจากเพื่อนของธารไปด้วยค่ะ”
“ก็อยากโง่ให้เอง ไม่มีคืนโว๊ย!”
“ไม่คืนใช่ไหมคะ งั้นธารจะเข้าไปเล่าทุกอย่างให้กับผู้หญิงแก่ๆ คนนั้นฟัง และรับรองว่าถังเงินถังทองที่พี่หวังเอาไว้ แตกกระเจิงแน่” วรันธาราขยับตัวจะเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่ขุนศึกคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“อย่าเชียวนะ”
“งั้นก็คืนเงินมาสิ”
ขุนศึกมองหน้าวรันธาราอย่างโมโห ก่อนจะผลักเต็มแรง หญิงสาวล้มลงกองกับพื้น ณดารีบเข้าไปประคองเพื่อนทันที
“ธาร… เป็นยังไงบ้าง”
“ฉันไม่เป็นไร”
วรันธารากัดฟันลุกขึ้นยืน ก่อนจะกระโจนเข้าไปหยุดตรงหน้าของขุนศึกอีกครั้ง
“ฉันจะประจานความเลวของแกให้หมด ไอ้แมงดา”
“ก็ลองดูสิ”
ขุนศึกฟิวส์ขาดยกมือขึ้นกำลังจะฟาดลงบนใบหน้าของวรันธารา แต่ก็ถูกกระชากเอาไว้ด้วยฝ่ามือของใครบางคน
“รังแกผู้หญิงแบบนี้ ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยนะครับ”
“ไม่ใช่เรื่องของแก ไอ้ฝรั่ง!”
“แต่มันเป็นเรื่องของพลเมืองดีแบบผมเต็มๆ เลยล่ะ”
ร่างของขุนศึกถูกสอยปลายคางจนร่วงลงไปกองกับพื้นหมดสภาพ ท่ามกลางสายตาของณดาและวรันธารา
“พวกคุณไม่เป็นอะไรนะครับ”
เสียงคุ้นหูเหลือเกิน จนวรันธาราอดที่จะเหลียวกลับไปมองไม่ได้ และสิ่งที่เห็นก็ทำให้หล่อนอ้าปากค้างเติ่ง
“เค… เควิน…!”
“ใช่… ผมเอง…”
เควินกระชากแขนของวรันธาราให้หันกลับมาหา ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟยามจ้องมองมาที่หล่อน
“และขอบคุณที่ยังจดจำผู้ชายที่ชื่อเควิน คาสโตรโตเซ่นได้”
“เควิน… คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
เควินไม่ตอบ แต่กลับกระชากร่างอรชรเข้ามากอดรัดแนบอก “คุณมีเวลาถามผมทั้งคืน วรันธารา”
“นี่… มันอะไรกันคะ” ณดาเห็นเพื่อนถูกผู้ชายแปลกหน้าดึงเข้าไปกอดก็ตกใจ พยายามจะช่วย
“ปล่อยเพื่อนของฉันนะคะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆ ด้วย” ณดาหน้าซีดเผือด หันไปรอบๆ ตัวและก็เห็นผู้ชายสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหา
“คุณคะ ช่วยด้วยค่ะ เพื่อนของฉันกำลังถูกลวนลาม”
ธีโอหรี่ตาแคบมองผู้หญิงที่แต่งตัวไม่ต่างจากป้าแก่ๆ ตรงหน้าด้วยความขบขันที่แทบจะซ่อนไม่มิด
“ผู้ชายหล่อๆ คนนั้นใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ ช่วยด้วยนะคะ” ด้วยความตกใจ ณดาจึงลืมตัววางมือของตัวเองบนท่อนแขนกำยำ และนั่นก็ทำให้ธีโอรู้สึกแปลกๆ ในอก ก่อนที่เขาจะขยับตัวออกห่าง
“ฉัน… ขอโทษค่ะ ฉันแค่อยาก…”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนของผมเอง และเขาไม่ใช่คนร้าย”
ณดาอ้าปากค้าง รีบถอยออกห่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “งั้นพวกคุณก็เป็นคนร้าย…”
“พวกเราไม่ใช่คนร้าย คุณป้า… อ้อไม่สิ ผมเรียกผิดไปน่ะ คุณอย่าตกใจไปเลย”
“ปล่อยนะ ปล่อยฉันนะ”
เสียงของวรันธารายังคงดังลั่น ณดารีบเข้าไปหาเพื่อน และพยายามช่วยแกะมือของเควินออก แต่ยังไม่ทำไม่สำเร็จ ก็ถูกธีโอมากระชากตัวให้ถอยห่างออกมา
“คุณป้าอยู่เฉยๆ เถอะครับ”
ความตกใจทำให้ณดาลืมใส่ใจกับสรรพนามที่ถูกเรียกไปอย่างสิ้นเชิง
“เควิน นายรู้จักกับผู้หญิงคนนี้มาก่อนหรือ”
“เรื่องมันยาวธีโอ เอาไว้ฉันจะเล่าให้นายฟัง แต่ตอนนี้ฉันขอตัวไปจัดการกับปัญหาส่วนตัวก่อน แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้า” เควินบอกเพื่อนเสร็จก็หันมาคำรามลดหน้าคนตัวเล็กที่พยายามดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขน
“เรามีเรื่องที่จะต้องเคลียร์กันทั้งคืน มานี่เลย”
“ไม่นะ ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น ณดา… ช่วยฉันด้วย”
“ธาร… นี่ถ้าทำอะไรเพื่อนฉันนะ”
ณดาพยายามดิ้นรนจากอุ้งมือที่ตรึงต้นแขนเอาไว้ และแน่นอนว่าดิ้นหลุดจนได้ หล่อนจึงถลาเข้าไปทุบหลังของเควินแรงๆ ทันที เดือดร้อนถึงธีโอที่ต้องตามไปฉุดกระชากเข้ามากอดรัดเอาไว้แน่นแทน
“คุณป้านี่แรงดีชะมัด นายรีบไปเถอะเควิน แล้วพรุ่งนี้มาเคลียร์กลับฉันด้วย เข้าใจไหม”
“อืมมม์… เข้าใจแล้ว”
ไนท์ไลฟ์ไนต์คลับคือสถานบันเทิงท็อปไฟว์ของวอชิงตัน ผู้คนที่มาเยือนวอชิงตันจะต้องมาให้ถึงที่นี่ ถึงจะเรียกได้ว่ามาถึงวอชิงตันอย่างแท้จริง
“ทำไมคนเยอะแบบนี้ล่ะณดา” วรันธาราเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะแทรกตัวผ่านผู้คนที่กำลังเต้นแรงเต้นกากันอยู่รอบตัวด้วความยากลำบาก
“ที่นี่เป็นไนต์คลับชื่อดังน่ะ คนเลยมากันเยอะ”
“เธอเคยมาเที่ยวที่นี่ด้วยเหรอ” วรันธาราอดไม่ได้ที่จะหันไปถามเพื่อนรัก
“ฉันไม่เคยเข้ามาหรอก แต่เคยได้ยินพี่ขุนพูดให้ฟังน่ะ” ณดากระซิบที่ข้างหูของวรันธารา
“ฉันก็ว่าอยู่ ผู้หญิงอย่างเธอไม่น่าจะเคยมาสถานที่แบบนี้ ว่าแต่เธอโทรหาหมอนั่นหรือยัง มันอยู่ตรงไหน เราจะได้รีบเอาเงินและรีบกลับกันเสียที”
“โทรแล้วล่ะ แต่พี่ขุนไม่รับ”
“เฮ้ย… ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ เอาโทรศัพท์มาสิณดา ฉันจะโทรเอง”
วรันธาราดึงณดาไปหลบยืนตรงมุมที่สงบเงียบที่สุด ก่อนจะรับโทรศัพท์มือถือของณดามากดโทรออก
“ไม่รับ สงสัยพี่ขุนคนดีของเธอเล่นตุกติกแน่เลย” วรันธาราบ่นอุบไม่พอใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา แล้วกดเบอร์ของขุนศึกจนครบจากนั้นก็โทรออก
“ดูสิว่าใช้เบอร์คนอื่นโทร หมอนั่นจะรับไหม”
ทั้งณดาและวรันธาราต่างยืนเงียบรอลุ้น สัญญาณโทรศัพท์ดังอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ปลายสายจะกดรับ
“ครับ ขุนศึกพูดครับ”
“อยู่ตรงไหนคะพี่ขุน”
“น้องธาร!” สุ่มเสียงของขุนศึกเต็มไปด้วยความตกใจ “นี่เบอร์น้องธารหรือครับ”
“ไม่ต้องมาพูดมาก พี่อยู่ตรงไหนคะ ธารกับณดาจะไปเอาเงิน แล้วก็จะรีบกลับค่ะ”
“อะไรนะพี่ไม่ได้ยินเลย… ฮัลโล ฮัลโล…”
แล้วสายก็ถูกตัดไป วรันธาราพยายามโทรหาอีกครั้งและอีกครั้ง ซ้ำไม่รู้กี่สิบรอบผลก็เหมือนเดิมคือขุนศึกไม่ยอมรับ
“บ้าจริง หมอนั่นหลอกพวกเรา”
ณดาหน้าเศร้า แต่ก็พยายามที่จะเข้มแข็งเอาไว้ “ช่างเถอะธาร เอาไว้พี่ขุนมีคงเอามาใช้เองนั่นแหละ เรากลับกันเถอะนะ ฉันเหม็นกลิ่นบุหรี่จะแย่อยู่แล้ว”
“อดทนหน่อยไหนนะณดา ไนท์คลับไม่ได้ใหญ่โตมากมายอะไรนัก ถ้าพี่ขุนยังอยู่ในนี่ เราหาเจอแน่”
“เธอพูดแบบนี้ก็แสดงว่า…” ณดาเบิกตากว้างตกใจ
วรันธาราพยักหน้าน้อยๆ “เราสองคนจะเดินไปทุกโต๊ะ และตามหาพี่ขุน”
“แต่ว่า… คนเยอะมากเลยนะธาร”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา อย่าลืมสิว่าฉันเป็นนักข่าวมาก่อน ลำบากมากกว่านี้ฉันก็เคยเจอมาแล้ว”
“แต่…”
“ไม่มีแต่ ตามมาณดา” วรันธาราคว้าข้อมือของเพื่อนรัก และดึงให้เดินตามตัวเองเข้าไปภายในไนท์คลับตรงหน้า ท่ามกลางความมืดสลัว กลิ่นแอลกอฮอล์และควันบุหรี่
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนั่งดื่มเหล้าจนถึงรุ่งเช้า ทำให้วันนี้เขาอ่อนเพลียผิดปกติ เควินขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้น หลังจากที่หลับลึกไปนานเกือบหนึ่งชั่วโมง
“ตื่นแล้วหรือ เพื่อนรัก” ธีโอทักทายเมื่อเควินลืมตาขึ้น
“อืมมม์ ว่าแต่ยังไม่ถึงบ้านของนายอีกหรือ”
คนถูกตั้งคำถามระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลดกระจกรถฝังของตัวเองลงขึ้นบาน และหันมองออกไป
“ที่นี่น่าสนใจกว่าบ้านของฉันเยอะ นายคิดเหมือนกันไหม เควิน”
เควินยิ้มบางๆ ละสายตาจากสถานบันเทิงขนาดใหญ่ ไปมองอีกฝั่งที่เป็นถนนคนเดินแทน
“ตอนนี้ฉันเบื่อๆ ไม่อยากเที่ยวเท่าไหร่ เรากลับกันเถอะ”
“ไม่เอาน่าเควิน นายเคยโปรดปรานสถานที่แบบนี้จะตายไป ฉันยังจำได้ดี นายสนุก มีความสุขเสมอ เวลาที่มีเสียงเพลง และสตรีอยู่ข้างๆ”
เควินหันกลับมามองหน้าเพื่อนรัก ใช่… ธีโอพูดไม่ผิดหรอก เขาเคยชอบ เคยสนุกกับสถานที่แบบนี้มาก และก็ไม่เคยคิดจะเบื่อหน่ายด้วย แต่ความรู้สึกในยามนี้มันหม่นหมองจนไม่อาจจะสนุกได้อย่างที่อยากจะเป็น หัวใจของเขากำลังรอผู้หญิงคนหนึ่ง นั่นก็คือวรันธารา
เขาไม่อาจจะแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้อีก แม้แต่คิดถึงเขาก็ยังทำไม่ได้เลย ตั้งแต่มีวรันธาราเข้ามาในชีวิต เขาเป็นเอามากใช่ไหม กับความรู้สึกคลั่งไคล้สะอิดสะเอียนเช่นนี้
“แต่ตอนนี้… ฉันอยากพักผ่อนมากกว่าธีโอ”
“แน่ใจนะเควิน”
“อืมม์”
ธีโอทั้งแปลกใจ ทั้งสับสน แต่เมื่อเพื่อนรักยืนยันหนักแน่น เขาก็จำต้องเคารพการตัดสินใจนั้น
“เจฟ กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“ครับคุณธีโอ”
คนขับรถน้อมรับคำสั่ง พร้อมกับธีโอที่กดกระจกรถด้านข้างของตัวเองให้เลื่อนสูงขึ้น แต่ฉับพลันสายตาของเควินที่มองออกไปยังไนท์คลับหรูอีกครั้งก็เบิกกว้าง
เควินตอบแค่นั้นก็รีบก้าวลงจากรถทันที
ธีโอมึนเมากับอารมณ์ของเพื่อนรักจนปวดหัวเลยทีเดียว“วันนี้มันเป็นบ้าอะไรของมันวะเนี่ย เจฟ… ไปจอดรถรอที่ไหนก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะกลับเมื่อไหร่จะโทรถาม”
“ครับคุณธีโอ”
ธีโอรีบก้าวลงจากรถ และเดินตามเพื่อนรักไปติดๆ เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดานักเที่ยวสาวๆ ดังขึ้นเป็นระยะเมื่อเห็นธีโอกับเควินเดินผ่าน แต่ดูเหมือนว่าเควินจะไม่ได้สนใจสุ่มเสียงพึงพอใจพวกนั้นเลยชายหนุ่มยังคงวิ่งตามใครบางคนที่ก้าวห่างออกไป
“เควิน นายจะรีบไปไหนน่ะ” ธีโอเองก็วิ่งตามไปติดๆ เช่นกัน
“หยุดก่อน…” ในที่สุดเควินก็ตามผู้หญิงคุ้นตาคนนั้นทัน และคว้าข้อมือเอาไว้ พร้อมกับกระชากให้หมุนตัวกลับมาหา เขามั่นใจว่าหล่อนคือวรันธารา แต่…
“คุณ… เป็นใครคะ”
เควินรีบปล่อยมือจากสตรีตรงหน้าทันที และรีบกล่าวขอโทษ “ผมจำคนผิด ขอโทษครับ”
ผู้หญิงตรงหน้าทำท่าเหมือนจะพึงพอใจเมื่อหันมาเห็นเควิน และคงชวนพูดคุยต่อ หากแฟนหนุ่มไม่เดินเข้ามาหาเสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นหรือที่รัก”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนุ่มรูปหล่อคนนี้แค่ทักคนผิด”
“เราไปกันเถอะที่รัก”
แฟนหนุ่มรีบโอบประคองคนรักเดินจากไป แต่ระหว่างทางก็อดที่จะหันมาทำตาขุ่นเขียวใส่เควินไม่ได้
“เกือบไปแล้วนะเควิน” ธีโอเดินตามมาข้างหลังเป่าปากโล่งอก “ถามจริงๆ เถอะ ที่นายเปลี่ยนใจเข้ามาในไนต์คลับ และที่นายเดินราวกับตามควายนี่ นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่… นึกว่าคนรู้จัก”
“คนรู้จัก…? ผู้หญิงเนี่ยนะ?”
เควินไม่พูดแต่เลือกที่จะเดินลึกเข้าไปภายใน ธีโอเดินตามเพื่อนไปไม่ห่าง
“ถ้าฉันจำไม่ผิดนายไม่เคยจดจำคู่นอนของตัวเองได้แม้แต่คนเดียวไม่ใช่หรือ เควิน”
“อืมมม์”
“แล้วทำไมถึงได้เดินตามผู้หญิงเอเชียคนนั้นแบบนั้นล่ะ หรือว่านาย… มีอะไรที่ไม่ได้บอกฉันหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่นายเถอะ ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้หรือเปล่า”
อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของเควินทำให้ธีโอสงสัยไม่น้อย แต่ก็รู้ดีว่าถามยังไงก็ไม่มีทางได้คำตอบ จึงจำต้องเงียบเอาไว้
“ได้สิ เพราะปกติฉันมาที่นี่ ก็มาดื่มอย่างเดียวอยู่แล้ว”
เควินฝืนยิ้ม ขณะเดินแทรกตัวผ่านฝูงชนเข้าไปภายใน ระหว่างทางทั้งสองหนุ่มก็ถูกผู้หญิงลวนลามเป็นระยะ
“ไปห้องวีไอพีเถอะ ถ้าดื่มตรงนี้ มีหวังเสียตัวแน่” ธีโอบอกเพื่อนรัก ก่อนจะเดินนำเข้าไปอย่างคุ้นเคย
“สวัสดีครับคุณผู้ชาย ต้องการห้องวีไอพีหรือครับ”เจ้าหน้าที่รีบออกมาต้อนรับอย่างนอบน้อมเมื่อเห็นธีโอ
“ใช่ มีว่างหรือเปล่าครับ”
“มีครับ แต่เป็นห้องแฝดนะครับ”
“ห้องเดี่ยวไม่มีหรือ” ธีโอถามอย่างขัดใจ
“เต็มหมดแล้วครับ ผมต้องขออภัยจริงๆ”
ธีโอหันไปมองหน้าเควินอย่างต้องการความคิดเห็น แต่เมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าตกลง เขาจึงไม่มีปัญหาอะไร
“งั้นโอเค ผมเอาห้องนั้นแหละ”
พนักงานยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ขายห้องได้ “งั้นเรียนเชิญคุณผู้ชายทั้งสองคนทางนี้เลยครับ”
ทางเดินค่อนข้างมืด แต่เพราะมีคนเดินนำทำให้ธีโอกับเควินไม่สะดุดหกล้ม ไม่ช้าก็มาถึงห้องวีไอพีที่พนักงานบอก
“เชิญครับ”
เควินก้าวเข้าไปภายใน พร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ห้องนี้เป็นห้องแฝดจริงๆ เพราะทางเข้าใช้ทางเดียวกัน มีประตูส่วนตัวกั้นห้องแยกเอาไว้เพียงเท่านั้นและอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกันก็มีชายหนุ่มกำลังพลอดรักกันอยู่ เควินเมินหน้าหนีไปอีกทางทันที
“โอเคไหมเควิน”
“อืมม์ โอเคเลย”
เควินพยักหน้าตอบธีโอ ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงาน
“งั้นน้องไปเอาเหล้ามาให้พวกพี่ด้วยก็แล้วกัน น้ำแข็งด้วย”
“ครับคุณผู้ชาย”
พนักงานเดินออกไปแล้ว เควินจึงเดินไปนั่งลงบนโซฟา ที่ธีโอนั่งรออยู่แล้ว
“เควิน… นายกำลังอกหักหรือเปล่า”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากเควิน นอกจากสายตาคมกริบที่จ้องมองมา ธีโอรู้สึกอึดอัดจึงหัวเราะแก้เขิน
“ฉันก็ถามไปเรื่อย ผู้ชายอย่างนายมีแต่จะหักอกสาวๆ จริงไหม”
เควินไม่ตอบ นอกจากนั่งกอดอกนิ่ง เฝ้ารอการมาเยือนของแอลกอฮอล์อย่างใจจดใจจ่อ
ธีโอจ้องมองเพื่อนรักตลอดเวลาด้วยความประหลาดใจและแสนเคลือบแคลง
แคลอรีน่ากำโทรศัพท์มือถือแน่น เมื่อนักสืบที่หล่อนจ้างให้ติดตามความเคลื่อนไหวของวรันธาราโทรมาหา
“นังนั่นมันมีท่าทางจะกลับมาที่เทกซัสอีกหรือเปล่า”
“ไม่นะครับ เห็นออกหาสมัครงานกับเพื่อนแล้วครับ”
คำตอบของนักสืบทำให้แคลอรีน่าคลายความเป็นกังวลใจลงได้บ้าง
“โอเค งั้นตามมันต่อไป จนกว่ามันจะมีผัวเป็นตัวเป็นตน”
“ครับ คุณผู้หญิง”
แคลอรีน่าวางสายจากนักสืบ กำลังจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่สวนกลับเควินที่ลากกระเป๋าเดินทางผ่านออกมาพอดี หล่อนมองลูกชายอย่างประหลาดใจ
“จะไปไหนน่ะเควิน”
“ผมจะไปวอชิงตัน”
“วอชิงตัน!”
แคลอรีน่าหน้าซีดเผือด รู้สึกเป็นกังวลใจเป็นที่สุด
“ลูกคงไม่ได้ไปตามหานังนั่นใช่ไหม”
เควินเหลือบตามองมารดาก่อนจะยิ้มหยัน
“ผมไปหาธีโอ ขอตัวนะครับ”
แล้วเควินก็ลากกระเป๋าตรงไปที่รถที่ติดเครื่องรออยู่ ทิ้งให้แคลอรีน่ายืนหน้าตาเป็นกังวลอยู่เพียงลำพัง
แล้วถ้าเควินเจอวรันธาราอีกครั้งล่ะจะทำยังไง เควินต้องไม่มีทางปล่อยมันให้หลุดมือไปอีกแน่ คนเป็นแม่ที่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกให้ลูกนั้นดีที่สุดแล้วเดินกลับไปกลับมาด้วยความร้อนใจ ก่อนจะรีบต่อสายหานักสืบอีกครั้ง
“ครับคุณผู้หญิง”
“ลูกชายของฉันกำลังจะบินไปวอชิงตัน นายทำยังไงก็ได้อย่าให้สองคนนั้นเจอกัน”
“ผมจะทำเต็มความสามารถครับ”
“ดีมาก แล้วฉันจะจ่ายเพิ่มให้อีก”
“ขอบคุณครับ”
แคลอรีน่าตัดสายสนทนาลง แม้นักสืบจะยืนยันเสียงหนักแน่น แต่ลางสังหรณ์แปลกๆ ก็ยังคงซ่านอยู่ภายในอกตลอดเวลาดังนั้นหล่อนจะต้องบินตามเควินไปวอชิงตันด้วย
วรันธาราทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ กับณดา ก่อนจะถอนใจออกมาอย่างท้อแท้
“ฉันคงมีคุณสมบัติไม่พอที่พวกเขาจะรับเอาไว้ทำงานสินะ”
“อย่าคิดแบบนี้สิธาร วันนี้หางานไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ต้องได้ เชื่อฉันนะ” ณดาพยายามปลอบเพื่อนรัก แต่วรันธาราก็ยังคงนั่งหน้าเศร้าเช่นเดิม หล่อนจึงต้องปลอบใจขึ้นอีก
“ดูอย่างฉันสิ กว่าจะได้งานทำบัญชีอย่างทุกวันนี้ ฉันหางานตั้งปีกว่าเชียวนะ”
“งั้นฉันก็คงสองปีนั่นแหละกว่าจะได้งานน่ะ”
“ไม่หรอกธาร เธอทั้งสวยทั้งเก่ง แถมยังมั่นใจในตัวเองด้วย ยังไงก็ต้องได้งานเชื่อฉันเถอะ”
วรันธาราเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรัก “ขอบใจมากนะณดา เธอน่ะคือนางฟ้าสำหรับฉันจริงๆ”
ณดายิ้มบางๆ
“นอกจากพี่ขุนแล้วก็มีเธอนี่แหละที่มองเห็นค่าของฉัน”
พอได้ยินชื่อของขุนศึก วรันธาราก็อดที่จะหงุดหงิดจนลืมเรื่องสมัครงานไปเลยจนได้
“เงินเดือนออกตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว พี่ขุนของเธอเอาเงินมาคืนหรือยังล่ะ”
ณดาอึกอัก หน้าตาตกใจ เพราะไม่คิดว่าวรันธาราจะรู้เรื่องนี้ “ธาร… ธารรู้ได้ยังไงน่ะ”
“ไม่ต้องมาถามหรอกว่าฉันรู้ได้ยังไง ตอบมาก่อนว่าหมอนั่นเอาเงินมาใช้คืนหรือยัง”
ณดาส่ายหน้าน้อยๆ ไม่อาจจะโกหกเพื่อนได้อีก “ยัง… แต่ว่าพรุ่งนี้มะรืนนี้ก็คงจะเอามาคืน”
“วันนี้ยังไม่ได้คืน แล้วจะไปหวังอะไรกับพรุ่งนี้ เอาโทรศัพท์มานี่ณดา ฉันจะโทรทวงเงินให้”
“อย่าเลยธาร… ฉัน… ฉันรอได้…”
“แต่หมอนี่เอาเปรียบเธอเกินไปแล้ว ส่งโทรศัพท์มาเถอะ ฉันสัญญาว่าจะพูดดีกับพี่ขุนของเธอ”
ณดาไม่มีทางเลือกเพราะทางของวรันธาราจริงจังเหลือเกิน
“ก็… ก็ได้…”
โทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณสุดติ่งของณดาถูกยื่นให้มาตรงหน้า วรันธาราคว้าเอาไว้ และรีบกดไล่หาเบอร์โทรของขุนศึก พอเจอแล้วก็รีบกดโทรออกไปหาทันที
“โทรมาทำไม พี่กำลังยุ่ง”
“ธารเองค่ะ ไม่ใช่ณดา”
อีกฝ่ายอึ้งไปคงเพราะแปลกใจ วรันธาราจึงพูดต่อทันที “เมื่อไหร่จะใช้เงินคืนณดาคะ”
“น้องธารรู้เรื่องได้ยังไง อย่าบอกนะว่าณดาบอก… นังผู้หญิงบ้า…”
“ณดาไม่ได้บอกหรอกค่ะ และอย่าพูดว่าผู้หญิงที่มีเงินให้พี่ขุนยืมเป็นคนบ้า เพราะถ้าณดาบ้าจริงๆ คงไม่มีเงินเก็บมาให้แมงดา… เอ่อ ไม่ใช่สิ คนรักอย่างพี่ขุนยืมบ่อยๆ อย่างนี้หรอกค่ะ”
“ธาร… พอเถอะ” ณดาไม่อยากให้เพื่อนกับคนรักมีปัญหากันจึงพยายามห้าม แต่วรันธาราไม่หยุด
“ตอบมาสิคะว่าจะเอาเงินมาใช้คืนให้ณดาเมื่อไหร่” วรันธารารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังเกรี้ยวกราดอย่างหนัก แต่หล่อนไม่สนใจ “หรือว่าจะให้ณดากับธารตามไปเอาถึงที่กันคะ”
“พี่ไม่ว่างเอาไปคืน งานยุ่ง”
“งั้นก็บอกสถานที่มาค่ะ ธารจะพาณดาไปเอาเงินคืน”
“พี่ถามจริงๆ เถอะ น้องธารมาเสือกอะไรด้วยครับ” ขุนศึกโกรธจัด
“ที่ธารเสือกก็เพราะไม่อยากให้เพื่อนของธารถูกผู้ชายมีปีกเอาเปรียบน่ะค่ะ บอกมาค่ะว่าให้ไปเอาเงินคืนได้ที่ไหน”
ขุนศึกฟิวส์ขาดด่าทอวรันธารามาตามสายยาวเหยียด แต่หญิงสาวไม่ใส่ใจ ถามย้ำอีกครั้ง “ที่ไหนคะ”
แล้วขุนศึกก็จำต้องบอกสถานที่ออกไปอย่างไม่มีทางเลือก จากนั้นวรันธาราก็วางสาย และหันมาหาณดาที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ
“คืนนี้ฉันจะพาเธอไปทวงเงินจากหมอนั่น และถ้าเป็นไปได้ เลิกกับมันซะ ไอ้หน้าตัวเมียคนนี้น่ะ”
ณดาก้มหน้าน้ำตาไหลเงียบๆ วรันธาราตบไหล่เพื่อนอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะดึงเข้ามากอด
“ผู้ชายสำหรับเธอ จะต้องไม่ใช่ผู้ชายมีปีกอย่างพี่ขุน จำเอาไว้นะณดา”
ธีโอมองเพื่อนรักที่เดินตัวตรงออกมาจากสนามบินด้วยความยินดีระคนประหลาดใจ “ฉันว่านายหายตัวมามากกว่าจะบินมานะเคน มาเร็วชิบเลย”
เควินส่งกระเป๋าเดินทางให้กับคนของธีโอ ก่อนจะหันมายิ้มบางๆ ตอบเพื่อนสนิท
“ก็เพราะฉันคิดถึงนายยังไงล่ะ”
“โกหก นายเนี่ยนะคิดถึงฉัน”
“ก็ใช่น่ะสิ เราไปกันเถอะ” เควินแตะไหล่ให้เพื่อนรักเดินออกจากสนามบิน
“ว่าแต่เจ้าแม็ตมาเมื่อไหร่ล่ะ”และก็เป็นเควินที่ถามออกมาอีก เมื่อทั้งสองคนขึ้นมานั่งบนรถลีมูซีนคันหรูเรียบร้อยแล้ว
“อีกสามวันเจ้าแม็ตถึงจะบินมาน่ะ มันไม่ได้รีบร้อนจนน่าสงสัยเหมือนใครบางคนแถวนี้หรอก”
เควินไม่ได้ใส่ใจกับความสงสัยของธีโอแม้แต่น้อย เขาเลือกที่จะเอนตัวพิงกับเบานุ่ม และหลับตาลงแทน
“นายดูเหนื่อยๆ นะเคน” ธีโอมองเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง
“นิดหน่อยน่ะ หลับสักงีบก็คงหาย”
“อืมมม์ งั้นนายหลับไปเลย ฉันไม่กวนหรอก เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะปลุก”
“ขอบใจ”เควินกล่าวสั้นๆ ก่อนจะปลดให้ความเงียบครอบงำไปทั่วทั้งรถ ดวงตาของเขาปิดสนิทลงก็จริง แต่สมอง และหัวใจของเขาไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว ชื่อของวรันธารายังคงดังทุ้มอยู่ภายในเสมอ
ถ้าระหว่างเขากับวรันธารามันคือโชคชะตา… เขากับหล่อนจะต้องได้พบกันอีกครั้ง… เขาเชื่อแบบนั้น…
แคลอรีน่าพึ่งบอกลาไครี่ย์ไปไม่ถึงห้านาที เสียงเครื่องยนต์คุ้นหูก็กระหึ่มขึ้นที่หน้าตึก หล่อนรีบก้าวออกไป เพราะมั่นใจว่าเควินคือเจ้าของรถคันนั้น และมันก็ใช่จริงๆ
คนรับใช้ผู้ชายเปิดประตูรถกว้างออก ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยของเควินจะก้าวลงมา
“เควิน” แคลอรีน่ารีบเดินเข้าไปหาลูกชายที่ยืนโงนเงนด้วยความเป็นห่วง แต่ถูกผลักไสอย่างไม่ไยดี
“อย่ามาแตะต้องตัวผม”
“เควิน”
ชายหนุ่มยิ้มหยัน ก่อนจะเดินโซเซเข้าไปในบ้าน โดยมีคนรับใช้ผู้ชายรีบเดินตามหลังเข้าไปด้วยความเป็นห่วง
แคลอรีน่าถอนใจเบาๆ อย่างเป็นกังวล และก็รีบเดินตามลูกชายเข้าไปภายในเช่นกัน
“ไปเอาเหล้ามาอีก”
คนรับใช้ผู้ชายหันมามองหน้าหล่อนอย่างขอความคิดเห็น ซึ่งหล่อนก็ส่ายหน้าและไล่ให้ออกไป
“ลูกเมามากแล้วนะเควิน ขึ้นไปอาบน้ำนอนเถอะ”
“ผมไม่เมา”
“จะไม่เมาได้ยังไงกัน กลิ่นเหล้าฟุ้งแบบนี้น่ะ ขึ้นไปนอนเถอะเควิน แม่จะพาขึ้นไป” แคลอรีน่าเข้ามาจะประคองลูกชาย แต่ก็ถูกสะลัดแรงๆ จนเซออกห่าง
“อย่ามาแตะต้องตัวของผม”
“เควิน… เมื่อไหร่ลูกจะให้อภัยแม่สักที”
เควินยิ้มหยัน มองมารดาผ่านดวงตาที่แดงก่ำ “ผมไม่มีวันให้อภัยผู้หญิงที่ทิ้งผมกับพ่อไปหรอกครับ อย่าหวังเลย”
“แต่… แม่สำนึกผิดแล้วนะเควิน แม่รักลูกนะ” แคลอรีน่ายื่นมาเข้าไปจะแตะแขนของลูกชาย แต่เควินขยับออกห่างด้วยท่าทางรังเกียจ
“อย่าคาดหวังสิ่งนั้นจากผมเลย เพราะคุณแม่ไม่มีวันได้มันอีกแล้ว”
ดวงตาของเควินลุกเป็นไฟ ขณะขยับตัวถอยหลังหนีผู้เป็นมารดา “ที่ผมยอมให้คุณแม่เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ก็เพราะคุณพ่อ… คำสั่งเสียของคุณพ่อทำให้ผมจำต้องสะกดกลั้นความต้องการแท้จริงของตัวเองเอาไว้ และยอมให้คุณแม่กลับเข้ามา… แต่ขอบอกเลยนะครับ ผมไม่เคยยินดีเลยที่ได้เห็นหน้าคุณแม่”
“เควิน…” แคลอรีน่าน้ำตาไหลอาบแก้ม มองลูกชายอย่างขอความเมตตา “แม่โง่เขลานักที่เลือกคนอื่น แต่ถึงแม่จะจากไป แต่ไม่เคยมีวันไหนที่แม่ไม่รักลูกเลยนะเควิน แม่รักคุณเสมอ”
“เก็บความรักไร้ความรู้สึกของคุณแม่เอาไว้เถอะครับ ผมไม่ต้องการ ขอตัวครับ” เควินหมุนตัวและเดินโซเซจะขึ้นบันได หลายครั้งที่เซจะล้ม แต่เขาก็กัดฟันคว้าราวบันไดเอาไว้ เขาอยู่มาได้ตั้งไม่รู้กี่สิบปีโดยที่ไม่มีแคลอรีน่า แล้วทำไมเขาจะอยู่ต่อไปไม่ได้อีก
ดวงตาคมกริบที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์มีน้ำตาคลอเบ้า ภาพความหลังที่แม่เดินจากไปยังตราตรึงอยู่ในสมอง แต่อ้อมกอดสุดท้ายของแม่กลับเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่อาจจะจดจำมันได้ มันนานมากแล้ว… และเขาจะไม่โหยหามันอีกแล้ว
แคลอรีน่ามองร่างสูงใหญ่ของลูกชายที่เดินหายขึ้นไปชั้นบนทั้งน้ำตา หล่อนสะอื้นไห้ ก่อนจะทรุดลงกับพื้นด้วยความทุกข์ทรมาน หากย้อนเวลากลับไปได้ วันนั้นหล่อนจะไม่เดินจากไป
“เควิน… แม่ขอโทษ…”
เควินนอนราบบนเตียงนุ่ม ดวงตายังเบิกกว้างจ้องมองเพดานหรูด้านบน ภาพความสุขในอดีตทำให้เขายิ่งรู้สึกทรมาน เสียงหัวเราะสดใสยามที่ถูกพ่อกับแม่กอดรัดเอาไว้ แต่ความสุขพวกนั้นมันช่างสั้นนัก เพราะไม่นานผู้ชายอีกคนก็มาพรากแม่จากไป ทิ้งเขากับพ่อให้ทนทุกข์ทรมานอยู่กับความคิดถึงนานหลายปี
หยาดน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ภายในทะลักออกมา เควินนอนปลดปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเงียบๆ
แคลอรีน่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาทรมานอย่างแสนสาหัส
วรัญญาเป็นผู้หญิงคนที่สองที่ทำให้เขาเข็ดขยาดกับความรัก และเกลียดชังความเสน่หา
จนกระทั่งได้พบเจอกับวรันธารา… หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงสวยหยาดฟ้า แต่หล่อนกลับทำให้เขาหัวใจที่ตายด้านไปนานเต้นแรง เขาต่อต้านหล่อนอย่างดุเดือด แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้อย่างน่าเวทนา จนสุดท้ายก็ต้องมาเจ็บปวดกับผู้หญิงที่ชื่อวรันธาราอีกครั้ง เพราะหัวใจมักง่ายของตัวเอง
เควินกัดฟันแน่น ยันกายลุกขึ้นนั่ง มองออกไปนอกหน้าต่างที่ยามนี้ถูกเคลือบเอาไว้ด้วยแสงอาทิตย์อบอุ่นแต่หัวใจของเขากลับกำลังเย็นเฉียบด้วยความผิดหวัง
“ผู้หญิงใจร้าย”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นหลายครั้งติด เควินไม่ใส่ใจมัน ปล่อยให้มันดังอย่างต่อเนื่องแบบนั้นจนดับไปเอง ชายหนุ่มกำลังจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาใหม่
เควินกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ และก็ตัดสินใจคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหู
“มีอะไรกับฉันหรือธีโอ”
“ฉันแค่คิดถึงนายน่ะ เป็นยังไงบ้าง เงียบไปเลยนะช่วงนี้” ธีโอหัวเราะร่วนมาตามสายอย่างอารมณ์ดี ซึ่งตรงกันข้ามกับอารมณ์ของเควินในตอนนี้เป็นที่สุด
“ฉันก็สบายดีเหมือนกัน แต่ไม่อยากคุยกับใคร”
ธีโอได้ยินก็รู้ทันทีว่าเพื่อนรักกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ “ใครทำอะไรให้ไม่สบายใจอีกล่ะเพื่อน”
“ไม่มีอะไรหรอก นายสบายดีก็ดีแล้ว งั้นฉันจะไปอาบน้ำก่อน” เควินตัดบทเพราะไม่มีกระจิตกระใจจะคุยต่อ
“เดี๋ยวก่อนสิ จะรีบวางไปไหน”
“ฉันจะไปอาบน้ำ”
ธีโอเต็มไปด้วยความสงสัยกับคำพูดคำจาของเพื่อนรัก แต่ก็ไม่คิดจะถาม เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางได้คำตอบแน่
“ฉันกับเจ้าแม็ตตกลงกันว่าจะไปเทกซัสน่ะ จะไปหานาย”
“ฉันไม่ว่างต้อนรับพวกนายสองคนหรอก เอาไว้สักเดือนหน้าค่อยมาก็แล้วกัน”
ธีโอทำหน้าเหวอเลยทีเดียวกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะปกติเควินจะยินดีเสมอถ้าพวกเขาจะขึ้นไปหาที่เทกซัส แถมบางทีก็โทรหาเว้าวอนให้พวกเขาขึ้นไปหาเสียเองอีกด้วย แต่วันนี้มาแปลก
“ปกตินายจะดีใจไม่ใช่หรือที่พวกฉันจะขึ้นไปหาน่ะ”
“ตอนนี้ฉันก็ดีใจ แต่ไม่ว่างน่ะ”
ธีโออึ้งพูดไม่ออก เควินจึงตัดบทแทน “เอาเป็นว่านายขึ้นไปหาเจ้าแม็ตที่ลุยเซียน่าแทนเถอะ ฉันไม่ว่างจริงๆ”
เมื่อเพื่อนรักยืนยันแบบนั้น ธีโอก็ไม่อยากจะขัดใจ แต่ก็อดเสียดายไม่ได้อยู่ดี
“ตามใจนาย งั้นฉันเปลี่ยนให้เจ้าแม็ตมันขึ้นมาหาฉันที่วอชิงตันแทนก็ได้”
วอชิงตัน… เควินชะงักไปกับคำว่า ‘วอชิงตัน’
‘ฉันจะไปวอชิงตันวันพรุ่งนี้’
ตอนนี้วรันธารากำลังอยู่ที่วอชิงตันเหมือนกันนี่ ความรู้สึกบางอย่างเต้นแรงอยู่ภายในอก เควินกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรสักอย่าง
และสุดท้ายก็ได้คำตอบ!
“ฉันจะไปหานายที่วอชิงตัน”
“ว่าไงนะเควิน!” ธีโอทั้งตกใจ ประหลาดใจ
“ฉันจะไปหานายที่วอชิงตัน”
“นายเนี่ยนะจะบินมาหาฉันที่วอชิงตัน…” ธีโอครางอย่างเหลือเชื่อ และก็เชื่อไม่ลง “อย่ามาหลอกกันเล่นดีกว่า นายไม่ชอบวอชิงตัน เพราะเคยถูกล้วงกระเป๋า และนายก็ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะไม่มาอีก ฉันยังจำได้อยู่นะเควิน”
“เรื่องนั้นมันนานมากแล้ว และฉันก็ลืมไปแล้วด้วย นายโทรไปบอกเจ้าแม็ตว่าไม่ต้องมาเทกซัส ให้บินตรงไปที่วอชิงตันได้เลย เพราะฉันก็จะบินไปวอชิงตันเย็นนี้”
“เควิน… นายพูดเล่นหรือเปล่าเนี่ย” ถึงขนาดนี้ธีโอก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันพูดจริง เย็นนี้เจอกัน นายมารับฉันที่สนามบินด้วยล่ะ”
“เห้ย… เควิน เดี๋ยวก่อนสิ” ธีโอตะโกนมาตามสาย แต่เควินตัดสายทิ้งไปเสียแล้ว พร้อมกับรีบกระโจนลงจากเตียง มุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำด้วยดวงตาเป็นประกาย
เขาไม่ได้ไปตามหาวรันธาราสักหน่อย แค่ไปหาธีโอเพื่อนรักของเขาเท่านั้นเอง
ขุนศึกเบ้หน้าอย่างรังเกียจเมื่อเดินมาหยุดหน้าห้องเช่าแคบๆ ของผู้หญิงหน้าโง่อย่างณดา ผู้หญิงที่เขามีเอาไว้เพื่อหลอกใช้ประโยชน์ และหลอกเอาเงินยามที่ตัวเองหมุนไม่ทัน
มือขาวไม่ใหญ่โตมากเพราะขุนศึกเป็นผู้ชายชายไซส์ปกติยกขึ้นเคาะที่ประตูไม้สองสามครั้ง
“ณดา พี่มาแล้วนะ”
เพียงแค่อึดใจเดียวประตูห้องก็ถูกเปิดออก แต่ไม่ใช่จากฝีมือของณดา เพราะวรันธารารับอาสามาเปิดเอง ขุนศึกยืนอึ้งตะลึงกับความสวยของผู้หญิงคุ้นตาตรงหน้า
“คนสวย มาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไงกันครับ”
น้ำเสียงหื่นกระหายของขุนศึกทำให้วรันธาราแทบอ้วก “ก็ทำไมธารจะมาไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อธารเป็นเพื่อนกับณดา”
“ธาร…?”
“วรันธารา จำได้หรือยังคะ พี่ขุนศึก”
วรันธารเบียงตัวให้ขุนศึกเดินเข้าไปในห้องเช่า ก่อนจะเปิดประตูห้องค้างเอาไว้ และเดินตามเข้าไป
“วรันธารา? อ้อ จำได้แล้ว ไม่คิดว่าจะสวยขึ้นผิดหูผิดตาแบบนี้”
วรันธาราไม่สนใจคำชมของขุนศึก หล่อนเลือกที่จะเดินไปนั่งบนโซฟาแทน
“ไม่เหมือนกับณดา เฉิ่มยังไง เชยยังไงก็ยังเป็นอยู่แบบนั้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี”
ณดาเดินออกมาได้ยินพอดีก็หน้าเศร้า แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้อย่างสุดความสามารถ หญิงสาวฝืนยิ้ม และเดินไปหยุดตรงหน้าของขุนศึก
“พี่ขุนมานานแล้วเหรอคะ”
“ไม่นานหรอกครับ ว่าแต่วันนี้มันอะไรกินบ้างล่ะ พี่หิวแล้ว”
“มีหลายอย่างเลยค่ะ” ณดายิ้มกว้างตอบ และเดินนำตรงไปยังสำรับอาหาร วรันธารามองตามไปอย่างหมั่นไส้ขุนศึก
“จะรีบกินรีบไปว่างั้นใช่ไหมคะพี่ขุน”
ขุนศึกหันไปมองวรันธาราที่รู้ทัน ก่อนจะตอบเสี่ยง
“พี่ก็มีธุระที่ต้องรีบไปทำบ้างน่ะสิครับ นี่มีเวลาแวะมากินข้าวกับณดาก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
ณดาก้มหน้าซ่อนความอดสูเอาไว้
วรันธาราเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ณดา แต่สายตาจ้องหน้าขุนศึกเขม็ง
“การกินมื้อเย็นด้วยกันมันก็เป็นเรื่องปกติของคนรักกันไม่ใช่เหรอคะพี่ขุน หรือว่าพี่ขุนไม่ได้เห็นว่าณดาเป็นคนรัก”
ขุนศึกชะงัก มองหน้าวรันธาราอย่างโมโห “พี่กับณดาคบกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ถ้าไม่เรียกว่าคนรัก จะเรียกว่าอะไรล่ะครับ”
“เป็นคู่รักที่แปลกมากนะคะ มากินข้าวด้วยกันครึ่งปีครั้ง”
“วรันธารา!”
“หรือว่าธารพูดผิดไปคะ”
“เอ่อ กินข้าวกันก่อนเถอะค่ะ” ณดาเห็นว่าเพื่อนรักกับคนรักอย่างขุนศึกกำลังจะทำสงครามกันก็รีบห้ามปราม
“ธารกินนี่สิ อร่อยนะ ของโปรดด้วย”
ณดารีบตักอาหารให้กับเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปตักให้กับขุนศึกบ้าง แต่ชายหนุ่มยกจานหนีอย่างไร้มารยาท ก่อนจะสมทบด้วยวาจาเหี้ยมเกรียมจนไม่น่าให้อภัย
“พี่ไม่ชอบกิน”
ณดายิ้มเศร้าๆ “ณดาจำได้… ว่าพี่ขุนชอบ”
“ของเก่าๆ รสชาติจืดๆ พี่ไม่ชอบกิน เลิกตักให้พี่ได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะกินจานไหน จะตักเอง”
“ค่ะ” ณดาก้มหน้าน้ำตาเอ่อล้น วรันธารามองเสี้ยวหน้าของเพื่อนรักอย่างสงสาร และก็แค้นเคืองขุนศึกเป็นที่สุด จนในที่สุดก็ทำให้กินข้าวต่อไปไม่ลง
“ฉันขอตัวนะณดา”
“อิ่มแล้วเหรอธาร กินไปนิดเดียวเองนะ”
“กินไม่ลงน่ะ จะอ้วก” วรันธารามองหน้าขุนศึก ก่อนจะรีบลุกหนีออกไปจากห้องเช่า ณดาจึงทำได้แค่ก้มหน้ากินข้าวเคล้าน้ำตาต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก
ขุนศึกพอเห็นวรันธาราไม่อยู่แล้วก็ยิ้มสะใจ รีบเปลี่ยนท่าทางของตัวเองในทันที
“กินนี่หน่อยนะณดา อร่อยพี่ลองแล้ว”
ณดาเงยขึ้นมองหน้าขุนศึกอย่างแปลกใจ แต่ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ “ขอบคุณค่ะพี่ขุน”
“อันนี้ก็อร่อย”
“ขอบคุณค่ะ” ณดากำลังจะตักอาหารใส่ปาก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของขุนศึก
“เดือนนี้พี่เงินไม่พอจ่ายค่าผ่อนรถ ณดาพอจะมีให้พี่ยืมบ้างไหมครับ”
“เอ่อ…”
“พี่สัญญาว่าจะเงินออกเมื่อไหร่จะรีบเอามาคืนทันที จะไม่เบี้ยวเหมือนครั้งก่อนๆ อีกแล้ว”
ณดารู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด เพราะไม่ว่าขุนศึกจะมาหาหล่อนหรือไม่ แต่เขาก็จะโทรมายืมเงินหล่อนเสมอ หล่อนเคยคิดว่าจะปฏิเสธ แต่พอไม่ให้ ขุนศึกก็อาละวาดด่าทอหล่อน และทวงบุญคุณเมื่อครั้งในอดีตที่เคยช่วยชีวิตเอาไว้“เดือนนี้ณดา… ก็ไม่พอ…”
“ไม่พอ…? จะไม่พอได้ยังไงกัน พี่รู้นะว่าณดามีเงินเก็บ เอามาให้พี่ยืมซะดีๆ ไม่อย่างนั้น เราไม่ต้องมาพบกันอีก และณดาก็จะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตที่เนรคุณคนที่เคยช่วยเหลือณดามาในอดีต”
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะพี่ขุน คือณดาไม่พอใช้จริงๆ”
“ตอแหล!”
“พี่ขุน…”
“ถ้าไม่ให้ก็เลิกกัน!”
ณดาส่ายหน้าน้อยๆ “พี่ขุนอย่าทำแบบนี้สิคะ เงินไม่ใช่สิ่งที่จะมาตัดสินความรักของคนเราได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อเงินมันคือพระเจ้า ถ้าไม่มีเงินให้พี่ก็เลิกคุยกัน เลิกติดต่อกัน และเตรียมตัวเป็นคนเนรคุณได้เลย”
ขุนศึกผุดลุกขึ้นยืน หน้าตาเกรี้ยวกราด
“แต่ณดาไม่มีจริงๆ ค่ะ”
เมื่อเห็นณดาส่ายหน้ายืนยันคำเดิม ขุนศึกจึงคิดแผนใหม่ เพราะยังไงวันนี้ก็ต้องมีเงินไปเลี้ยงสาวๆ ในคลับ
“จำได้ไหมว่าพี่ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปในกลุ่มผู้หญิงที่กำลังบ้าคลั่งคนร้ายพวกนั้น เพื่อช่วยณดาออกมาน่ะ จำได้หรือเปล่า”
ณดานิ่งเงียบน้ำตาไหลพราก
“และจำได้ไหมว่าพี่ถูกมีดคัตเตอร์กรีดที่แขนต่อยจนฟันหน้าหักไปสองซีกเพราะปกป้อง ณดาน่ะ” ความจริงมันก็แค่ความบังเอิญ แต่ขุนศึกนำมันขึ้นมาใช้ทวงบุญคุณกับณดาเสมอ
“ณดาจำได้ค่ะ”
“พี่ยอมสละชีวิตเข้าไปช่วยเหลือ แล้วทำไมณดาจะให้เงินพี่บ้างไม่ได้ล่ะ เงินมันของนอกกายไม่ใช่เหรอ”
“แต่…”
“หรือว่าณดาไม่ได้รักพี่แล้ว”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ”
“งั้นก็ให้พี่ยืมเงินอีกครั้งนะครับ พี่สัญญาว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย” ขุนศึกใช้ไม้อ่อนด้วยการทรุดตัวลงนั่ง และคว้ามือเล็กของณดามากุมเอาไว้แน่น
“นะครับ ช่วยเหลือพี่อีกครั้ง”
ณดาพยายามจะใจแข็งอย่างที่วรันธาราสอน แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนลงอยู่ดี “ก็ได้ค่ะ แต่… ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะคะ”
ขุนศึกยิ้มกว้างดีใจ รีบตอบรับ “ครับ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว พี่จะไม่มารบกวนเงินทองของณดาอีก”
“พี่ขุนจะยืมณดากี่ร้อยเหรียญคะ”
ขุนศึกลอบยิ้มพึงพอใจ เขารู้ดีว่าณดามีเงินเก็บ เพราะหญิงสาวไม่ใช่คนใช้เงินฟุ่มเฟือย และไม่ใช่คนเที่ยวเตร่ด้วย
“สามพันเหรียญ”
“สามพันเหรียญเลยเหรอคะ” ณดาตกใจ เพราะหล่อนมีเก็บอยู่แค่สามสองร้อยเหรียญเท่านั้น
“ณดาให้พี่ไม่ได้เหรอครับ”
ณดาอึ้งนิ่งเงียบใช้ความคิด และแน่นอนว่ากำลังลังเล ขุนศึกเห็นจึงโน้มน้าวขึ้นอีก“ถ้าณดาให้เงินพี่ยืมครั้งนี้แล้ว หนี้บุญคุณของเราจบสิ้นกัน พี่จะไม่ทวงบุญคุณกับณดาอีก”
ณดาช้อนตามองคนพูดอย่างต้องการความมั่นใจขุนศึกจึงต้องย้ำชัดเจนอีกครั้ง
“พี่สัญญา พี่จะไม่ทวงบุญคุณนั้นอีก”
หญิงสาวถอนใจเบาๆ อย่างตัดสินใจแล้ว “งั้นพี่ขุนรอณดาแปบนะคะ เดี๋ยวณดามาค่ะ”
“ครับ พี่จะรอณดาครับ”
ขุนศึกมองร่างของณดาที่เดินหายเข้าไปหลังตู้เสื้อผ้าด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ผู้หญิงอะไร เฉิ่ม เชย แถมยังโง่เง่าอีก”
ไม่นานณดาก็เดินออกมา พร้อมกับเงินในมือ ขุนศึกเห็นมือธนบัตรสามพันเหรียญด้วยตาลุกวาวพึงพอใจ
“นี่เป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายของณดาค่ะ พี่ขุนต้องคืนณดาทันทีที่เงินเดือนนี้ออกนะคะ”
ขุนศึกแทบจะกระชากเงินในมือของณดาเลยทีเดียว “แน่นอน พี่สัญญา ขอบใจมากนะณดา”
ณดาระบายยิ้ม ก่อนจะรีบเบี่ยงตัวหลบเมื่อขุนศึกจะดึงเข้าไปกอด
ขุนศึกหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ใส่ใจที่จะพูดมันออกมา เพราะจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้พิศวาสผู้หญิงซื่อบื้ออย่างณดาสักนิด ที่ทำก็เพราะแค่หวังประโยชน์เท่านั้น
“งั้นพี่กลับก่อนนะ”
“ไปแล้วเหรอคะ พี่ขุนพึ่งกินข้าวไปนิดเดียวเองนะคะ”
“พี่รีบน่ะ” แล้วขุนศึกก็ก้าวพรวดไปออกไปนอกประตู โดยมีสายตาเศร้าๆ ของณดามองตามไป
รู้ดีว่าตัวเองโง่มาก แต่ก็เพราะว่าไม่อาจจะโต้แย้งใดๆ กับขุนศึกได้ ทำให้หล่อนยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอดเวลา หญิงสาวน้ำตาคลอ ค่อยๆ เดินกลับไปทรุดตัวนั่งลงที่หน้าสำรับอาหาร หน้าจานข้าวของตัวเอง มือเล็กตักอาหารใส่ปากครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆ ที่ลิ้นไม่รับรู้รสชาติใดๆ อีกแล้วนอกจากความขมขื่นเพียงเท่านั้น
วรันธาราเปิดประตูห้องเช่าเข้ามายืนมองเพื่อนรักที่นั่งกินข้าวเหงาเพียงคนเดียวด้วยความสงสารจับใจ หล่อนว่าตัวเองเจ็บปวดแล้ว แต่ณดาตอนนี้เจ็บปวดกว่าหล่อนเสียอีก
วรันธารารีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นณดาหิ้วถุงใส่กับข้าวและผลไม้พะรุงพะรังอยู่เต็มมือ หญิงสาวรีบวิ่งไปช่วยถืออย่างมีน้ำใจ
“ทำไมวันนี้ซื้อของมาเยอะจังเลยล่ะณดา”
ผู้หญิงผมสีดำขลับแต่ขมวดเป็นปมเอาไว้ด้านบนตลอดเวลาอย่างณดาอมยิ้มเอียงอาย ดวงตากลมโตใต้กรอบแว่นหนาหน้าอารมณ์เดียวกับคุณครูบ้านนอกเป็นประกายหวานฉ่ำ
“พี่ขุนยอมมากินมื้อเย็นกับพวกเราน่ะ”
วรันธาราอยากจะทำหน้าหงิกใส่นัก แต่พอเห็นความดีใจของเพื่อนรักแล้วก็จำต้องสะกดกลั้นเอาไว้
ขุนศึกเป็นผู้ชายจำพวกไม่หล่อแถมยังเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด ณดาเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ยอมถูกไอ้หมอนี่มันหลอกใช้
“ถ้าเธอดีใจขนาดนี้ ก็แสดงว่าหมอนั่น… เอ่อ พี่ขุนศึกของเธอไม่ได้มากินข้าวกับเธอนานแล้วใช่ไหมล่ะ”
ณดาพยักหน้ารับน้อยๆ
“น่าจะเกือบเจ็ดเดือนแล้วล่ะธาร แต่ช่างมันเถอะ วันนี้พี่ขุนยอมมาแล้ว ฉันดีใจมากเลย”
“ไม่ต้องบอกก็รู้น่า ยิ้มปากแทบฉีกขนาดนั้นน่ะ”
วรันธาราหมุนตัวไปหยิบจานมาวางบนพื้น และช่วยณดาแกะอาหารออกมาจากถุง
“ฉันถามอะไรหน่อยสิได้ไหม ณดา”
ณดาที่กำลังอารมณ์ดีพยักหน้ารับน้อยๆ “ได้สิ ถามมาเถอะ ฉันไม่มีความลับกับเธออยู่แล้วล่ะ”
“เธอไม่เคยคิดจะเลิกกับพี่ขุนเลยเหรอ ทั้งๆ ที่หมอนี่ทำเธอเจ็บมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ทั้งหลอกใช้ทั้งหลอกเอาเงิน แต่เธอก็ท๊นทน ทนยังกับสีทนได้เลยนะ”
ความรู้สึกเจ็บปวดถูกซ่อนเอาไว้ใต้กรอบแว่นหนาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ ณดาจะกลบเกลื่อนมันออกมา
“ช่วงนี้พี่ขุนดีขึ้นมากแล้วล่ะธาร ตอนที่ฉันโทรหาเมื่ออาทิตย์ก่อน พี่ขุนเกริ่นเรื่องแต่งงานด้วยแหละนะ”
วรันธาราลอบถอนใจออกมาด้วยความกังวล “ถ้าหมอนั่นขอแต่งงาน อย่าพึ่งแต่งได้ไหมณดา”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น มองเพื่อนรักนิ่ง คำว่า ‘ทำไม’ ดังอยู่ภายในอก แต่ก็ยังไม่ได้พูดออกมา เพราะวรันธาราพูดขึ้นก่อน
“ฉันหวังดีกับเธอเสมอนะณดา แต่กับพี่ขุน ฉันว่าเขาไม่เหมาะสมกับผู้หญิงไร้เดียงสาแบบเธอหรอก เธออ่อนต่อโลกเกินไป ซื่อมากจนถูกหลอกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”
ณดาตาเศร้า พลางก้มหน้า ตอบเสียงเบา “ผู้หญิงเชยๆ เฉิ่มๆ อย่างฉัน ไม่มีสิทธิ์เลือกหรอกธาร”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์เลือกล่ะ เธออย่าตีค่าตัวเองต่ำนักสิ”
ณดาน้ำตาซึมขอบตา พลางพูดถึงอดีต “เพราะฉันโง่ ไม่ฉลาด ทำให้ฉันมักถูกเพื่อนๆ แกล้งเสมอ และถ้าวันนั้น… พี่ขุนไม่เข้ามาขวางเอาไว้ ฉันอาจจะถูกตบทำร้ายจนตายไปเลยก็ได้”
วรันธารากุมมือเพื่อนรักเอาไว้ และบีบเบาๆ อย่างเห็นใจ “วันนั้นใครเห็นก็ต้องเข้าไปช่วยกันทั้งนั้นแหละ แต่แค่บังเอิญเป็นพี่ขุนเท่านั้นแหละ”
“แต่ยังไงซะพี่ขุนก็ช่วยฉันเอาไว้จากเพื่อนเกเรพวกนั้น ฉันจึงไม่อาจจะโกรธพี่ขุนได้ แม้ว่าเขาจะนอกใจฉันมากมายก็ตาม”
“เธอทำได้สิ ณดา ฟังฉันนะ บุญคุณของเธอกับพี่ขุนน่ะมันจบกันไปแล้ว ตั้งแต่วันที่เธอให้พี่ขุนยืมเงินเก็บทั้งหมดไปนั่นแหละ”
ณดานิ่งเงียบ
วรันธาราจึงพูดขึ้นอีก “เชื่อฉันสิ ผู้ชายดีๆ ยังมีอีกมากมาย สักวันเธอต้องเจอผู้ชายคนนั้น”
“แต่ฉัน… คิดว่าตัวเองอาจจะรักพี่ขุน”
“มันไม่ใช่ความรักหรอก มันก็แค่ความรู้สึกดีๆ เท่านั้น ถ้าวันหนึ่งวันใดเธอตื่นนอนขึ้นมาแล้วอยากเจอผู้ชายคนนั้นทุกวินาที ในหัวของเธอเต็มไปด้วยภาพของเขา หัวใจของเธอก็เต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้สบตากับเขา และเธอยอมทำได้ทุกอย่างในสิ่งที่เขาคนนั้นต้องการ นั่นแหละคือความรัก…”
ณดานิ่งเงียบ อึ้งไปสักพัก จึงพูดออกมาอีกครั้ง “ฉัน… ก็อยากให้พี่ขุนมีความสุข”
“แล้วในหัวของเธอมีพี่ขุนอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า หัวใจของเธอเต้นแรงไหมเวลาอยู่กับพี่ขุนน่ะ”
“ไม่…”
ณดาตอบออกมาตามความจริง
“แล้วเธอยอมให้พี่ขุนทุกอย่างหรือเปล่า แต่ฉันว่าไม่… เพราะเธอไม่ยอมนอนกับพี่ขุน”
ณดาแก้มแดงก่ำ ก้มหน้าหลบสายตาของเพื่อนรัก
“ฉันคิดว่า… มันยังไม่ถึงเวลา…”
“เธอไม่ได้รักพี่ขุนหรอก แค่ยึดติดเอาไว้เท่านั้นเอง”
คำพูดของวรันธาราดังก้องอยู่ในสองหู ณดาพยายามไม่คิดถึงมัน แต่ก็อดที่จะระลึกถึงไม่ได้
ใช่… หล่อนไม่เคยหัวใจเต้นแรงยามอยู่ใกล้ขุนศึกเลย และไม่เคยมีขุนศึกอยู่ในหัวตลอดเวลาอย่างที่วรันธาราว่าจริงๆ และที่สำคัญที่สุด… หล่อนไม่เคยให้ขุนศึกล่วงเกินมากกว่าการจับมือเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เอาเป็นว่าเธอค่อยๆ คิดก็แล้วกัน ถ้าสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง เธอก็รีบเลิกกับผู้ชายคนนี้เถอะ”
“ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ธาร อย่างน้อยๆ ฉันก็ยังมีคนให้คิดถึงเวลาที่เหงา”
วรันธาราถอนใจออกมาเบาๆ อย่างอ่อนใจ ภายนอกณดาดูบอบบาง แต่ข้างในเด็ดเดี่ยวเหลือเกิน
“ตามใจ แต่ห้ามใจอ่อนตกลงแต่งงานกับหมอนั่นเด็ดขาด อย่างน้อยๆ ก็ก่อนที่ฉันจะเห็นด้วยน่ะ”
“อืมมม์… ฉันสัญญา”
แล้วสองสาวก็ช่วยกันจัดอาหารและผลไม้ใส่จานจนเสร็จ จากนั้นก็รอคอยการมาเยือนของขุนศึก
เควินชะงักเท้ากึกอยู่หน้าห้องน้ำ หัวใจเต้นแรง เมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่งนอนตะแคงอยู่บนเตียงเบื้องหน้า สมองสั่งการให้คำรามเรียกชื่อคุ้นเคยออกไป
“วรันธารา…”
สองเท้ารีบก้าวเข้าไปประชิดขอบเตียง
“คุณ… คุณกลับมาหาผมแล้วหรือ”
มือใหญ่คว้าต้นแขนขาวเนียน และกระชากให้คนที่นอนอยู่พลิกหันมาเผชิญหน้า ก่อนที่รอยยิ้มยินดีจะค่อยๆ จางหายไป
“ไครี่ย์?” เควินปล่อยมือจากแขนของไครี่ย์อย่างรวดเร็วราวกับมันคือถ่านร้อนจัด
“ไครี่ย์เองค่ะ”
ไครี่ย์ยิ้มหวาน แสดงท่าทางเชิญชวนอย่างไม่คิดจะปิดบัง เควินที่ตอนนี้มีเพียงผ้าขนหนูพันอยู่รอบสะโพกแค่ผืนเดียวเท่านั้นขยับออกห่างทันที
“เธอเข้ามาในห้องของฉันพี่ทำไม”
ไครี่ย์อมยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่เคนทำเป็นไร้เดียงสาไปได้ ผู้หญิงเข้ามาหาผู้ชายในห้องแบบนี้… ในชุดนอนบางๆ แบบนี้…” เด็กสาวขยับลงจากเตียง และรีบเดินไปหยุดตรงหน้าของเควิน และนั่นก็ทำให้เควินได้เห็นสัดส่วนที่สะท้อนออกมาจากชุดนอนบางใสนั้นอย่างชัดเจนเต็มสองตา
ไครี่ย์หุ่นดีมาก แต่กลับไม่อาจทำให้เขาปรารถนาได้ ไม่เหมือนกับใครอีกครั้ง ที่แค่จ้องตาเท่านั้น เขาก็ต้องการเสพสมจนแทบคลุ้มคลั่ง
เควินเมินหน้าหนี
“ออกไปจากห้องฉันพี่ซะ ฉันพี่ต้องการพักผ่อน”
“พี่เคนก็พักผ่อนไปสิคะ เดี๋ยวที่เหลือไครี่ย์จัดการเอง” ไครี่ย์ขยับเข้าใกล้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่เควินก็ถอยออกห่างมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
“พี่เคนไม่สนใจ… ร่างกายของไครี่ย์เหรอคะ ดูสิ…” ไครี่ย์ยกมือขึ้นกอบกุมเต้างามใหญ่ล้นมือเอาไว้ พลางลูบวนไปมายั่วยวน “มันใหญ่กว่าของเดิมเยอะเลยนะคะ แถมยังเด้งสู้มือด้วย”
“ออกไปจากห้องฉันพี่ซะ”
“พี่เคน อย่าฝืนใจตัวเองสิคะ เรามาสนุกกันเถอะ ฉันสัญญาจะทำให้พี่ครางลั่นห้อง และลืมรสรักของผู้หญิงคนนั้นไปเลย”
“หุบปาก และออกไปซะ!”
แม้จะถูกตวาดไล่ แต่ไครี่ย์ก็ยังไม่ยอมแพ้ “ฉันน่ะ… อยากนอนกับพี่อีกครั้ง อยากจะทำให้พี่รู้สึกถึงการโอบรัดจากฉัน… ฉันไปฝึกฝนมาแล้วนะ สามารถตอบสนองความต้องการป่าเถื่อนของพี่ได้อย่างถึงใจเลยทีเดียว”
“บอกให้หุบปากไงล่ะ!”
ไครี่ย์ไม่สนใจ ปลดชุดนอนออกจากตัวในทันที “เห็นไหมล่ะคะ ว่าฉันก็สวย… สวยกว่าผู้หญิงที่พี่ติดใจเสียอีก”
เควินขบกรามแน่น เมินหน้าหนีอย่างโมโห “ถ้าไม่ออกไป ฉันพี่จะจับเธอโยนออกไปในสภาพเปลือยแบบนี้นั่นแหละ”
“พี่ไม่สนใจฉันจริงๆ เหรอคะ” ไครี่ย์ฉวยโอกาสที่เควินไม่ยอมมองมาที่ตัวเอง โผเข้าไปกอดรัดร่างกำยำแน่น มือเล็กลูบไล้แผ่นหลังกว้าง อีกมือก็ล้วงไปกอบกุมท่อนชายเอาไว้เต็มมือ
“พี่ต้องการฉัน…”
“ออกไป!” เควินผลักไครี่ย์ออกจากตัวเต็มแรง จนร่างเปลือยล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างหมดสภาพ ไครี่ย์เงยหน้าขึ้น ใบหน้านวลแดงก่ำอย่างหัวเสีย
“พี่เคน…!”
“ถ้าไม่อยากอายมากไปกว่านี้ ก็ออกไปจากห้องของฉันพี่ซะ”
ไครี่ย์กัดฟันแน่น ลุกขึ้นยืน “ถามจริงๆ เถอะ พี่ก็ต้องการฉันนี่ แล้วทำไมถึงต้องฝืนด้วยล่ะคะ”
“ฉันพี่ไม่เคยต้องการเธอ”
“ไม่จริงหรอก เมื่อกี้ฉันจับไอ้นั่นของพี่ มันตื่น…”
เควินเมินหน้า
“ใช่ มันตื่น แต่มันไม่ได้ตื่นเพราะเธอ”
ไครี่ย์อ้าปากค้าง “ไม่จริง ก็มีฉันแก้ผ้าต่อหน้าพี่อยู่คนเดียว แล้วพี่จะตื่นเพราะใครได้อีกล่ะ”
“ไม่ใช่สายตาเพียงอย่างเดียวหรอกที่จะทำให้ฉันพี่ตื่นได้ จินตนาการในหัวก็ทำได้เช่นกัน”
ไครี่ย์ยืนอึ้งอยู่นานเลยทีเดียว กว่าจะสามารถพูดออกไปได้ “อย่าบอกนะว่าที่พี่ตื่นก็เพราะว่า…”
เควินไม่ได้ตอบ แต่ไครี่ย์เข้าใจได้เป็นอย่างดี เด็กสาวกัดปากแน่นอย่างโมโห
“พี่เคนยังไม่ลืมมันอีกเหรอคะ”
เควินไม่ตอบ แต่กลับออกคำสั่งแทน “ใส่เสื้อผ้าซะ แล้วก็ออกไปจากห้องของฉันพี่”
“พี่เคนรักมัน” ไครี่ย์ครางอย่างสิ้นหวัง แต่เควินก็ยังไม่ยอมให้ความกระจ่างอยู่ดี
“จำไว้แค่ว่า ฉันพี่ไม่มีวันแต่งงาน หรือว่ารักเธอก็พอ ไครี่ย์”
เควินทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า สวมใส่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย ร่างของไครี่ย์เซถลา มือเล็กจำต้องคว้าขอบหน้าต่างเอาไว้ความผิดหวัง ความอับอายโจมตีเข้าใส่ไม่หยุด
“ฉันแพ้ผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอได้ยังไงกัน วรันธารา”
แคลอรีน่านั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ภายในห้องรับแขกอย่างอารมณ์ดี เพราะคิดว่าตอนนี้ไครี่ย์คงจะเผด็จศึกลูกชายหัวแข็งของตนเองได้สำเร็จไปแล้ว แต่ไม่นานก็ต้องเบิกตากว้างตกใจ เมื่อเห็นแผ่นหลังไวๆ ของเควินเดินผ่านหน้าห้องรับแขกไป หล่อนรีบลุกขึ้นวิ่งตามทันที
“เควิน… ลูกจะไปไหนน่ะ”
คนถูกเรียกชะงักเท้าหยุดเดิน
“ผมจะออกไปดื่ม ขอตัวนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิเควิน” แคลอรีน่ารีบวิ่งไปขวางหน้าลูกชายเอาไว้ และถามอย่างกังขา “แล้วหนูไครี่ย์ล่ะ”
เควินแค่นยิ้มหยัน “อย่าส่งผู้หญิงคนไหนเข้าไปในห้องนอนของผมอีกนะครับ เพราะไม่อย่างนั้น ผมจะไม่กลับมานอนที่นี่”
“เควิน…”
“ขอตัวครับ” เควินโค้งตัวให้กับมารดาเล็กน้อย ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินหายออกไปจากตัวตึกใหญ่ ไม่ช้าเสียงเครื่องยนต์รถคันโปรดของลูกชายก็กระหึ่มขึ้น ก่อนจะจางหายไปในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา
“พลาดได้ยังไงเนี่ย”
แคลอรีน่าบ่นอย่างหัวเสีย เดินกลับเข้าไปในห้องรับแขก และก็ได้เจอ ไครี่ย์นั่งรออยู่พอดี
“หนูไครี่ย์ ทำไมทำพลาดล่ะ รู้ไหมตอนนี้เควินออกไปดื่มนอกบ้านแล้วน่ะ”
“ที่พลาดก็เพราะว่าพี่เคนไม่มองไครี่ย์ไงคะ”
“ไม่มอง…? จะไม่มองได้ยังไง ในเมื่อเควินเป็นผู้ชาย และหนูไครี่ย์ก็ออกจะสวยขนาดนี้ ถ้าไม่มองก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะ ป้าว่าหนูไครี่ย์ยั่วยวนไม่พอหรือเปล่า”
ไครี่ย์ส่ายหน้าน้อยๆ ไม่มีทีท่ากระตือรือร้นใดๆ อีกแล้ว “ถ้าผู้ชายคนหนึ่งมีความรักมั่นคงอยู่ภายในใจ ต่อให้หนูยั่วยวนแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางเกิดอารมณ์กับหนูหรอกค่ะ”
“หนูไครี่ย์คิดว่าเควินยังลืมนักข่าวกระจอกคนนั้นไม่ได้เหรอ”
“ไม่ใช่แค่ลืมไม่ได้ค่ะ แต่พี่เคนไม่มีวันลืมต่างหาก พี่เคนรักผู้หญิงคนนั้นมาก”
“แต่มันก็ไปแล้วนี่”
“ตัวไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่พี่เคนมีให้มันยังคงอยู่ และหนูก็รู้ตัวดีกว่าไม่อาจจะรับมือได้ไหว หนูคงไม่มีเสน่ห์พอที่จะทำให้พี่เคนเลิกรักผู้หญิงคนนั้นหรอกค่ะ”
“หนูไครี่ย์พูดแบบนี้ก็หมายความว่า…”
ไครี่ย์พยักหน้าน้อยๆ พลางจ้องหน้าสบประสานสายตากับแคลอรีน่า “หนูขอบคุณคุณป้ามากนะคะที่ให้โอกาสหนู แต่หนูแพ้แล้วล่ะคะ”
“ผู้หญิงเพียบพร้อมอย่างหนูไครี่ย์ไม่มีทางแพ้นังชั้นต่ำคนนั้นหรอก เอาใหม่ คราวนี้เรามาวางแผนกันใหม่ ป้ารับรองว่าจะไม่พลาด…” แคลอรีน่ายังพูดไม่ทันจบไครี่ย์ก็แทรกขึ้น
“หนูไม่ได้แพ้วรันธาราหรอกค่ะ แต่หนูแพ้ความรักที่พี่เคนมีให้ผู้หญิงคนนั้นต่างหาก”
“หนูไครี่ย์…”
“คุณป้าอย่างเหนี่ยวรั้งหนูเอาไว้อีกเลยนะคะ ให้หนูได้ไปอยู่กับผู้ชายที่เห็นค่าของหนูดีกว่า” ไครี่ย์วิงวอน และยอมแพ้อย่างจริงใจ
“แต่ป้า… เสียดายหนูนะ ไครี่ย์”
“หนูเองก็เสียดายพี่เคนเหมือนกันค่ะ ก็พี่เคนทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยังเซ็กซี่เป็นบ้า” ไครี่ย์อมยิ้ม ก่อนจะพูดเสียงเศร้า “แต่หนูก็ไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองหัวใจของพี่เคน น่าอิจฉาวรันธารานะคะคุณป้า”
แคลอรีน่ากำมือแน่น รู้สึกเกลียดวรันธาราจับใจ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้น หล่อนคงได้ไครี่ย์มาเป็นลูกสะใภ้แล้ว ไครี่ย์ที่จะทำให้หล่อนกับเควินกลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง
“นังนั่นมันไม่มีอะไรให้หนูไครี่ย์ต้องอิจฉาหรอก”
“ทำไมจะไม่มีล่ะคะ ก็ผู้หญิงคนนั้นได้หัวใจของพี่เคนไป”
“มันได้หัวใจ แต่จะไม่มีวันได้ครอบครองร่างกายของเควิน” แคลอรีน่าคำรามเล็ดลอดไรฟันออกมา “เพราะป้าจะไม่ยอมรับมันเด็ดขาด”
“แม้จะไม่มีหนูแล้วอย่างนั้นเหรอคะ”
“วันนี้เควินไม่ยอมรับไมตรีจากหนู แต่วันหน้าป้าจะทำให้เควินไม่อาจจะปฏิเสธหนูได้ คอยดูสิหนูไครี่ย์”
ไครี่ย์ยิ้มบางๆ รู้อยู่ในใจอยู่แล้วล่ะว่าแคลอรีน่าไม่มีทางทำสำเร็จ แต่ก็ไม่อยากจะขัดคอ“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะคุณป้า พรุ่งนี้หนูจะกลับบ้านแล้ว”
“ห๊า! ทำไมกลับเร็วนักล่ะ อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
ไครี่ย์ส่ายหน้ายิ้มบางๆ “หนูจะกลับไปตามหาผู้ชายที่เป็นของหนูจริงๆ น่ะค่ะ ขอโทษคุณป้าด้วยนะคะ”
แคลอรีน่าไม่อาจจะทัดทานได้อีกจึงทำได้แค่ระบายยิ้มผิดหวัง “อย่าพึ่งมีใครนะ เพราะอีกไม่นาน เควินจะต้องหันมาสนใจหนูคนเดียว”
เด็กสาวระบายยิ้ม ลุกขึ้นยืน และเดินจากไป แคลอรีน่ามองตามไปอย่างผิดหวังเป็นที่สุด
“จะรีบไปหามันสินะ!”เควินแทบหายเมาเลยทีเดียว เมื่อก้าวเข้ามาในห้องนอนแล้วเห็นกระเป๋าเดินทางของวรันธาราวางอยู่กลางห้อง
คนถูกตวาดน้ำตาซึม หัวใจเต้นอ่อนล้าด้วยความปวดร้าวทรมาน
เควินพึ่งกลับมาหลังจากออกไปทั้งคืน… ออกไปพร้อมกับไครี่ย์ ความหวงแหนที่ไร้สิทธิ์ทำงานเกินหน้าที่ หล่อนกัดปากจนเจ็บ ขณะเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับคนใจดำ
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ”
“ก็แล้วแต่จะคิดหรือ!”
“โอ๊ย… ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ” เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ขยุ้มที่ต้นแขนทั้งสองข้างเต็มแรง ความเจ็บระบมจนกระดูกแทบหักก็ระเบิดขึ้น หญิงสาวพยายามดิ้นรน
“ปล่อยนะ เจ็บ…”
“เจ็บด้วย? คนอย่างคุณเจ็บเป็นด้วยหรือวรันธารา!”
หยาดน้ำตาร่วงกราวลงอาบแก้ม ขณะมองเขาอย่างตัดพ้อ “ฉันก็มีหัวใจ ทำไมฉันจะเจ็บไม่เป็นคะ”
เควินกัดฟันแน่น ดวงตาของเขายามนี้มืดลึกและเต็มไปด้วยโทสะแรงกล้า
“ผู้หญิงอย่างคุณ… ไม่มีวันเจ็บได้เท่ากับผมหรอก”
วรันธาราสะอื้นเบาๆ จ้องมองเขาไม่หลบสายตา “ถ้าคุณรู้… รู้จักฉันดีพอ คุณจะรู้ว่าทำไมฉันถึงเจ็บขนาดนี้”
เควินเมินหน้าหนี ก่อนจะผลักร่างอรชรออกจากตัวด้วยท่าทางรังเกียจ “รีบไปซะ!”
หญิงสาวยังคงยืนนิ่ง น้ำตาทะลักทลาย
“บอกให้รีบไปซะไง! ก่อนที่ผมจะมัดคุณเอาไว้ในห้องนี้ตลอดชีวิต!”
“เควิน…”
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ไม่ต้องมามองผมด้วยสายตาแบบนี้ ผมรู้ดีว่าคุณ… ต้องการจะไป คุณไม่เคยยินดีกับการอยู่ใกล้ผม…”
เสียงของเขาเบาลง พร้อมๆ กับการก้าวถอยหลังออกไปอีก ความห่างเหินแทรกตัวเข้ามาขวางกั้นจนแทบมองไม่เห็นกัน
“คุณเกลียดความป่าเถื่อนของผม โอเค… ผมเข้าใจทุกอย่าง ไปซะ ไปให้พ้นหน้าผม… ไปสิ!”
น้ำตาของวรันธาราไหลไม่หยุด หล่อนมองเขาด้วยความร้าวราน “ฉันจะไป… จะไปเดี๋ยวนี้”
“ไปเลย! ไปให้พ้น” แล้วเควินก็หมุนตัวหันหลังหนี ดวงตาคมกริบแดงก่ำเพราะความเจ็บปวด
“ขอให้คุณ… มีความสุขกับ… คุณไครี่ย์…”
เควินไม่ได้ตอบโต้สิ่งที่ได้ยิน เขายังคงยืนนิ่ง แผ่นหลังกว้างยังคงสะท้อนขึ้นลงด้วยจังหวะเดิม
วรันธารากระชับกระเป๋าในมือแน่น มองร่างสูงเทียมฟ้าของเควิน ผู้ชายที่ตัวเองหลงรักจนหมดหัวใจอีกครั้ง… มองเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะตราตรึงเขาเอาไว้ในหัวใจ
ในความทรงจำตลอดกาล…
“ลาก่อนค่ะ ฉัน…”
รักคุณ… สองคำนี้หล่อนไม่สามารถเปล่งมันออกไปจากลำคอได้ ทำได้แค่เพียงพูดเบาๆ ในใจเท่านั้น
ฉันรักคุณ เควิน…
เสียงปิดประตูเบาๆ ดังขึ้นพร้อมกับการจากไปของวรันธารา ร่างสูงที่ยืนตระหง่านทรุดลงกับพื้น ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีก นอกจากเสียงแผ่วเบาของลมหายใจที่เจียนจะขาดเท่านั้น
แคลอรีน่ากับไครี่ย์เบิกตากว้างเมื่อเห็นวรันธาราเดินลากกระเป๋าร้องไห้ลงมาจากบันได
“คุณป้าคะนั่น…”
“นังนักข่าวกระจอกกำลังจะไปจากเควิน” แคลอรีน่าแทบจะกระโดดด้วยความดีใจเลยทีเดียว ก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบลุกขึ้นเดินไปดักหน้าอริศัตรู
“ตัดสินใจได้แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียใจมากไปกว่านี้” แคลอรีน่าเปิดฉากจากทันที
วรันธารายกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง พยายามเข้มแข็ง “ถ้าจะกรุณา รบกวนให้คนขับรถไปส่งฉันที่สนามบินด้วยค่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว คนขับรถจะไปส่งเธอแน่ เพราะฉันกับหนูไครี่ย์ต้องการให้เธอไปจากเควินให้เร็วที่สุด”
วรันธารายืนนิ่ง น้ำตาเอ่อล้นขอบตา “ฉัน… จะไปรอที่หน้าตึกนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน”
แคลอรีน่าเรียกเอาไว้
วรันธาราชะงักเท้ายืนนิ่ง
“คุณยังต้องการอะไรจากฉันอีกหรือคะ”
แคลอรีน่ายิ้มหยัน ก่อนจะหยิบเช็คเงินสดยื่นให้ตรงหน้าของวรันธารา
“หนึ่งล้านเหรียญ ฉันคิดว่าเงินมากขนาดนี้จะทำให้เธอสบายไปทั้งชาติ ถ้ารู้จักใช้อย่างประหยัด”
คนถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก วรันธารามองหน้าของแคลอรีน่าผ่านม่านน้ำตา มือเล็กยืนไปรับเช็คเงินสดเอาไว้ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่เควินเดินออกมาจากห้องพอดี เขายืนอยู่ที่ราวบันไดชั้นบน และมองเห็นทุกอย่าง
‘เพราะเงินสินะ คุณถึงเลือกจะไปจากผม’
สิ่งที่เห็นทำให้เควินหมุนตัวเดินกลับไปทันที จึงไม่ทันได้เห็นวินาทีที่วรันธาราฉีกเช็คและปาใส่หน้าแคลอรีน่า
“นังชั้นต่ำ!”
“เก็บเงินของคุณไปเถอะค่ะ มันซื้อฉันไม่ได้หรอก”
“ทำเป็นหยิ่ง นังนักข่าวกระจอก!”
ไครี่ย์ช่วยแคลอรีน่าด่าทอ
วรันธาราเชิดหน้าสูง แม้น้ำตาจะไหลก็ตาม
“ศักดิ์ศรีของฉันไม่สามารถตีค่าเป็นเงินได้ค่ะ ขอตัวนะคะ และหวังว่าพวกเราคงไม่ต้องพบเจอกันอีก”
คราวนี้ไม่ว่าแคลอรีน่าและไครี่ย์จะตะโกนด่าทอยังไง หล่อนก็ไม่คิดจะหันหลังกลับไปอีกแล้ว หยาดน้ำตาทะลักอาบแก้ม
“ลาก่อนค่ะ เควิน… ลาก่อน…”
หล่อนยืนอยู่หน้าตึก เงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้าต่างห้องนอนอย่างอาลัยอาวรณ์
“คุณธาร… คุณจะไปไหนคะ”
ป้าเดซี่วิ่งกระหืดกระหอบมาขวางหน้าเอาไว้
วรันธาราปั้นยิ้ม น้ำตาไหลตลอดเวลา
“ฉันต้องไปแล้วล่ะป้า ลาก่อนค่ะ”
“คุณธารจะทิ้งคุณเคนไปจริงๆ เหรอคะ ทำไมไม่สงสารคุณเคนบ้าง”
“ฉัน… ไม่ได้มีความหมายกับคนที่นี่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ ถ้าเรามีวาสนาต่อกัน สักวันเราอาจจะได้พบกันอีกครั้ง”
“คุณธาร…”
ป้าเดซี่กุมมือของวรันธาราเอาไว้ ถามอย่างใจหาย “ตัดสินใจจะไปจริงๆ เหรอคะ จะไปจริงๆ ใช่ไหม”
วรันธาราพยักหน้ารับเศร้าหมอง “ฉันต้องไปจริงๆ ค่ะ แต่ฉัน… จะคิดถึงป้าเดซี่นะคะ”
หญิงสาวโผเข้ากอดร่างของป้าเดซี่เอาไว้ ร้องไห้ออกมาท่วมท้น หล่อนไม่ได้อยากไปไหน หล่อนรักเควิน แต่เควินไม่ได้ต้องการหล่อน ไครี่ย์คือผู้หญิงที่เควินต้องการ
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะป้าเดซี่”
“คุณธาร…”
“ฉันไปนะคะ ลาก่อนค่ะ”
วรันธารายกมือขึ้นไหว้ป้าเดซี่ ก่อนจะตัดสินใจก้าวขึ้นไปบนรถที่จอดติดเครื่องรออยู่ ประตูรถถูกปิดสนิทลง พร้อมๆ กับความห่างไกลที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หัวใจของหล่อนเหมือนจะปริแตกด้วยความอาลัยอาวรณ์ ภาพคฤหาสน์หรูในดวงตาค่อยๆ ลางเลือน จนในที่สุดก็ไม่อาจจะมองเห็นมันได้อีก
จบแล้วสินะ… กับชีวิตของซินเดอเรลล่า…
เควินยืนนิ่งสงบนิ่งอยู่ใต้สายน้ำจากฝักบัว ทั้งๆ ที่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่เต็มชุด หยาดวารีค่อยๆ ไหลรินจากหน้าผากลงไปยังปลายคาง และหยดลงไปเปื้อนเสื้อผ้าเปียกปอน หยดน้ำที่ไม่อาจจะแยกแยะได้ว่ามันคือสายน้ำหรือว่ามันคือหยาดหยดของน้ำตา
มันควรจะจบแล้วนี่อยู่แล้ว…
ผู้ชายป่าเถื่อนเช่นเขา ไม่สมควรมีชีวิตคู่
เควินกัดฟันแน่น มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความปวดร้าว เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา
เส้นทางชีวิตที่มืดดำมาจนชาชิน สว่างไสวขึ้นเมื่อมีรอยยิ้มของผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาแต่งแต้ม แม้จะพยายามต่อต้าน ผลักไส และเข้มแข็งขนาดไหน แต่ความสุขที่ได้รับจากเจ้าของรอยยิ้มสดใสคนนั้น ก็ทำให้การควบคุมความรู้สึกพังทลายลง จนสุดท้ายก็ไม่อาจจะควบคุมอะไรได้อีก
ลุ่มหลงกับตกบ่วงรัก มันอยู่ห่างกันแค่เพียงหนึ่งเส้นด้ายเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเขาแยกแยะมันไม่ออกจน จนกระทั่งเวลานี้…
ยามที่ต้องจากกันไปชั่วชีวิต…
“ผมแพ้คุณแล้ว… วรันธารา…”
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ทรุดลงนั่งกับพื้นกระเบื้องราคาแพง สายน้ำยังคงราดรดลงบนศีรษะทระนงตลอดเวลา
ภาพภายในสนามบินยังพร่าเลือนเหลือเกิน ทำไมหล่อนถึงไม่อาจจะเพ่งมองผู้คนรอบตัวให้ชัดเจนมากขึ้นได้ ทำไมภาพผู้คนที่เดินผ่านไปมาถึงได้เลือนรางแบบนี้
วรันธาราสะอื้นได้ มองผู้คนที่เดินผ่านไปมาผ่านม่านน้ำตาด้วยความปวดร้าวในอก หัวใจเต้นอ่อนแรงเหลือเกิน หล่อนทำถูกแล้วใช่ไหมที่เชือดหัวใจตัวเองแบบนี้ ทำถูกแล้วใช่ไหมที่เลือกจะเดินจากความสุขชั่วคราวนั้นมา
ใช่… หล่อนทำถูกแล้ว… ในเมื่อไม่อาจจะหยุดรักเควินได้ หล่อนก็ต้องก้าวเดินออกมา ก่อน… ก่อนที่ความรักล้นอกจนเก็บเอาไว้ไม่มิด หยาดน้ำตาทะลักทลายออกมาอย่างต่อเนื่อง ก้อนสะอื้นกระจุกแน่นอยู่ที่ลำคอและพยายามจะดันออกมา มือเล็กเย็นเฉียบจึงต้องยกขึ้นปิดกั้นเอาไว้สุดกำลัง
แค่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ก็ถูกจ้องมองอย่างเวทนาแล้ว อย่า… อย่าได้ปลดปล่อยเสียงแห่งความร้าวรานใจออกไปอีกเลย วรันธาราพยายามป้ายน้ำตาทิ้ง แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหลริน
“วรันธารา…”
เสียงเรียกจากใครบางคนตรงหน้าทำให้หล่อนเงยหน้าขึ้น มองผ่านม่านน้ำตาไป
“เควิน…” หัวใจเหมือนจะหยุดเต้น รอยยิ้มดีใจระบายเต็มหน้า “คุณ… คุณมาหาฉันเหรอคะ คุณมารั้งไม่ให้ฉันไปใช่ไหมคะ เควิน…” รอยยิ้มทั้งน้ำตากระจายเต็มใบหน้าร่างอรชรลุกขึ้นยืน และโผเข้าไปกอด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า
ไม่มีเควิน… ตรงหน้าของหล่อน ไม่มีเขา… มันเป็นเพียงแค่ภาพเงาที่สมองสร้างขึ้นมาหลอกลวงเท่านั้น
วรันธารายืนเคว้งอยู่ตรงนั้น สะอื้นไห้อย่างไร้ความอับอายใดๆ อีก ผู้คนกำลังมองมาที่หล่อน มองมาอย่างเวทนาสงสาร หล่อนควรจะอับอาย และหนีไปจากตรงนี้ซะ แต่… แต่ทำไม่ได้ เมื่อสองเท้าไม่มีแรงเลย สุดท้ายร่างทั้งร่างก็ทรุดลงกับพื้น และร่ำไห้อยู่ตรงนั้นปริ่มจะขาดใจ
ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่การมีชีวิตอยู่จะยากเย็นถึงเพียงนี้… ยากแม้กระทั่งการเวลาหายใจ
ร่างสูงนอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่ม ดวงตาคมกริบเบิกโพลงจ้องอยู่ที่ฝ้าเพดาน สิ่งรอบตัวไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีสิ่งใดน่าพึงพอใจอีกแล้ว ตั้งแต่… ตั้งแต่วันที่ผู้หญิงคนนั้นเลือกที่จะทิ้งเขาไป
วรันธารา…
ชื่อของผู้หญิงคนนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในสมอง ร้อยครั้งพันครั้งที่เขาเฝ้าบอกตัวเองให้ลบและลืมหล่อนไป แต่ทุกครั้งก็เป็นเช่นเดิม คือยังโหยหา อาลัยอาวรณ์ และปวดหนึบไปทั้งหัวตัวใจ
กรามแกร่งขบกันแน่นเมื่อนึกถึงความเย็นชาที่วรันธาราฟาดใส่ในวันที่เดินจากไป หล่อนเดินจากเขาไปอย่างไร้เยื่อใย
ร่างสูงกำยำผุดลุกขึ้นนั่ง ตวัดขาลงไปแตะกับพื้นห้อง ในขณะที่ดวงตาจ้องมองผ่านบานหน้าต่างออกไปอย่างไร้จุดหมาย กลิ่นหอมของความเสน่หายังคงวนเวียนอยู่รอบกายของเขา และมันก็ทำให้เขาเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
มือใหญ่ถูกยกขึ้นลูบใบหน้าแรงๆ เพื่อลดความฟุ้งซ่าน แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความตัวเองไม่อาจจะควบคุมความรู้สึกได้อีกแล้ว
หัวใจที่เคยคิดว่าไม่มีทางที่หญิงใดจะเข้าถึง ยามนี้กลับตื้นเขินจนมองเห็นความรู้สึกแท้จริงได้อย่างน่าสังเวชใจ
ลมหายใจถูกผ่อนออกจากริมฝีปากหยักสวยแรงๆ ก่อนที่คนตัวโตจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และหายเข้าไปในห้องน้ำ นานแสนนาน
แคลอรีน่านั่งจิบกาแฟอยู่กับไครี่ย์อย่างอารมณ์ดีในห้องรับแขกหรู ใบหน้าของทั้งสองคนยิ้มแย้มพึงพอใจ
“คุณป้าคิดว่าคืนนี้ หนูควรจะเผด็จศึกพี่เคนเลยดีไหมคะ” ไครี่ย์ยิ้มร่าทำหน้าตาระริกระรี้
“ถ้าคืนนี้เควินเมา หนูก็จัดการได้เลย เพราะเราปล่อยเวลาให้ผ่านมาตั้งเป็นอาทิตย์แล้ว”
ไครี่ย์ยิ้มกว้างกับการสนับสนุนของแคลอรีน่า แต่ไม่ช้าก็ต้องหุบยิ้มและทำหน้าขยาดเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกโยนออกมาจากรถอย่างไม่ไยดีด้วยฝีมือของเควิน “แล้วถ้าพี่เคน… จับหนูโยนออกมาอีกล่ะคะ”
แคลอรีน่ากุมมือของไครี่ย์ บีบให้กำลังใจ “ตอนนี้นังนักข่าวชั้นต่ำมันไม่อยู่แล้ว ทางสะดวกของหนูไครี่ย์แล้วล่ะ”
“แต่หนูก็ยังเห็นพี่เคนหน้าตาบอกบุญไม่รับเหมือนเดิมนะคะ มองก็รู้ว่ายังอาลัยอาวรณ์ผู้หญิงคนนั้นอยู่”
“ก็แค่อาลัยอาวรณ์ แต่ไม่ได้ออกไปตามสักหน่อย หนูไครี่ย์ไม่ต้องกังวล ยังไงป้าก็อยู่ข้างหนู” แคลอรีน่าบีบมือของไครี่ย์อีกครั้ง “หนูคนเดียวที่ป้าอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้”
แม้จะยังวิตกกังวลกับท่าทางไม่ไยดีของเควิน แต่พอได้กำลังใจจากแคลอรีน่า ไครี่ย์ก็รู้สึกหึกเหิมขึ้นไม่น้อย “ขอบคุณคุณป้ามากค่ะ งั้นคืนนี้ หนูจะเข้าไปปล้ำพี่เคน”
เด็กสาวพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ จนป้าเดซี่ที่เดินนำขนมมาเสิร์ฟต้องลอบส่ายหน้าน้อยๆ อย่างอ่อนใจ
“วางไว้ตรงนั้นแหละ และไปได้แล้ว”
“ค่ะ คุณแคลอรีน่า”
ป้าเดซี่ก้มรับคำสั่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้สองสาวต่างวัยหัวเราะต่อกระซิกกับแผนการลวงสวาทในค่ำคืนที่จะมาถึงกันต่อไป
“ทำไมป้าเดซี่ทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” เสียงสาวใช้ดังขึ้นด้านหลัง และนั่นก็ทำให้ป้าเดซี่ต้องหันไปมอง และเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็อดที่จะถอนใจยาวเหยียดไม่ได้
“ก็จะไม่ให้ทำหน้าแบบนี้ได้ยังไงกัน ในเมื่อความคิดแต่ละอย่างของคุณแคลอรีน่ากับคุณไครี่ย์ไม่น่ารักแบบนั้นน่ะ”
“ความคิดไม่น่ารัก?” สาวใช้ทวนคำอย่างสงสัย
“ก็ใช่น่ะสิ คุณเคนไม่รักไม่ชอบก็พยายามยัดเหยียดตัวให้อยู่ได้ สงสารก็แต่คุณธาร ป่านนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงบ้าง” ป้าเดซี่หน้าเศร้า นัยน์ตามีน้ำตาคลอ
“ก็คงเศร้าเหมือนๆ กับคุณเคนของเรามั้งป้า”
หญิงวัยกลางคนร่างท้วมถอนใจออกมาอีก “ทำไมคุณเคนไม่ไปตามก็ไม่รู้”
“ป้าก็พูดไป ผู้ชายอย่างคุณเคนหยิ่งในศักดิ์ศรีจะตายไป ทั้งชีวิตมีแต่ผู้หญิงวิ่งตาม ไม่มีทางไปตามฉุดตามลากผู้หญิงคนไหนหรอก”
“แต่คุณเคนรักคุณธาร”
ป้าเดซี่แย้งออกมา ก่อนจะทำหน้าเศร้าลงไปอีกเมื่อนึกถึงความจริง
“แต่บางที… ข้าอาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้ ผู้ชายอย่างคุณเคนคงไม่มีทางหลงรักผู้หญิงคนไหนง่ายๆ แม้ว่าผู้หญิงอย่างคุณธารจะน่ารักมากก็เถอะ”
“น่ารักแต่ก็ใช่ว่าจะรักนะป้าเดซี่”
ป้าเดซี่เหลือบตามองคู่สนทนา ก่อนจะถอนใจออกมาอีกครั้งเฮือกใหญ่
“ข้าก็แค่ลุ้นอยากให้คุณเคนกับคุณธารรักกัน แต่ในเมื่อมันไม่ใช่ เราก็ต้องยอมรับความจริง”
ทำทำไมท้องฟ้าของวอชิงตันไม่สวยงามเหมือนกับท้องฟ้าที่เทกซัสเลยนะ วรันธารากะพริบตาเร็วๆ เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปภายใน แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน น้ำตาก็ยังคงไหลพรากอย่างไม่ไยดีต่อความอับอายของหล่อนเหมือนเดิม
คิดถึง… คิดถึงเควินเหลือเกิน…
ความรู้สึกนี้มันกรีดร้องอยู่ในอกทุกวินาที หัวใจของหล่อนเหมือนตายทั้งเป็น ยามที่ต้องก้าวออกมาจากไออุ่นของเควิน หล่อนรักเขา คิดถึงเขา หล่อนต้องนอนทรมานในทุกๆ ค่ำคืน ต่อสู้กับความโหยหาที่ไม่มีวันได้สัมผัสมันอีกแล้ว
หัวใจปวดร้าว หยาดน้ำตารินไหลตลอดเวลา…
“ทำไมฉัน… ถึงลืมคุณไม่ได้สักที เควิน…”
หญิงสาวกัดปากแน่นจนลิ้นเล็กได้ลิ้มรสเลือดฝาด น้ำตายังคงไหลพรากอาบแก้มอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่วันนั้น… วันที่ตัดสินใจก้าวออกมาจากชีวิตของผู้ชายอันเป็นที่รัก หล่อนก็เตรียมใจเอาไว้ว่าจะต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมานมากมายแค่ไหน แต่พอได้เผชิญหน้ากับมันจริงๆ ความรู้สึกที่เตรียมพร้อมเอาไว้ กลับไม่อาจจะทัด ทานความปวดร้าวในอกได้เลย
หล่อนเจ็บ… เจ็บเจียนแทบขาดใจ…
“ฉันคิดถึงคุณ… คิดถึงคุณเหลือเกิน…”
ท้องฟ้ายามมองผ่านม่านน้ำตาช่างหม่นหมองจนน่าปวดใจ วรันธาราสะอื้นเบาๆ แต่กลับทำให้ทำให้ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ป่านนี้เควินคงจะอยู่ในโลกของเขาเรา… มีความสุขกับชีวิตที่เต็มไปด้วยแบบแผนและระเบียบวินัยเหมือนกับตอนก่อนที่หล่อนจะก้าวเข้าไปในชีวิตล่ะมั้ง
มือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง ขณะพยายามหยุดคิดเรื่องของเควิน แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เมื่อภาพในอดีตย้อนเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน ภาพรอยยิ้มแสนโหยหา อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการมากมาย
ไม่มีอีกแล้ว… ทุกอย่างมันจบลงแล้ว… จริงๆ
วรันธาราสะอื้นฮักแรงขึ้นเรื่อยๆ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะที่หัวใจช่างรุนแรงนัก หล่อนควรจะลืม แต่กลับจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับ เควินได้เป็นอย่างดี
ลำคอของหญิงสาวตีบตัน ปวดแสบร้อนผ่าวจนไม่สามารถกลืนน้ำลายลงไปในลำคอได้อีก หยาดน้ำตาทะลักไม่หยุด หล่อนกำลังเจ็บปวดเจียนตาย แล้วเควินล่ะ ตอนนี้เขากำลังรู้สึกยังไงอยู่
เขาอาจจะกำลังหัวเราะ มีความสุข กับผู้หญิงคนนั้น… ไครี่ย์ ผู้หญิงที่ถูกเลือกเอาไว้แล้ว ให้เป็นคู่ชีวิตของเควิน คาสโตรโตเซ่น
หัวใจกรีดร้องด้วยความทรมาน สองมือถูกยกขึ้นปิดหน้า รองรับคราบน้ำตาแห่งความเจ็บปวดอย่างอ่อนล้าอ่อนแรง
“ธาร…”
เสียงเรียกแผ่วเบาด้านหลังทำให้วรันธาราจำต้องลดมือลง ภาพของณดาเลือนลางอยู่หลังม่านน้ำตา
“ณดา…”
“ธารไม่เป็นไรใช่ไหม”
ณดาถามเสียงแผ่วเบา มองเพื่อนด้วยความสงสารจับใจ ขณะทรุดกายลงนั่งข้างๆ
วรันธาราส่ายหน้าน้อยๆ หยาดน้ำตายังคงไหลพรากตลอดเวลา “ฉัน… ฉันไม่เป็นไร… ไม่เป็นไรจริงๆ”
ณดาผ่อนลมหายใจแผ่วเบา พลางดึงร่างสั่นสะท้านของเพื่อนรักเข้ามากอดปลอบประโลม
“ถ้าลืมไม่ได้ ทำไม… ไม่กลับไปหาล่ะ”
คนที่กำลังร้องไห้อยู่ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างสิ้นหวัง
“กลับไปก็เจ็บอยู่ดี…”
“แต่เธอรักเขามากนะธาร บางทีการได้พูดคุยกันอาจจะทำให้เข้าใจกันมาขึ้นก็ได้ ฉันว่า…”
ณดาพยายามจะหาทางออกให้เพื่อนรัก
“มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วล่ะ ในเมื่อ… เขามีผู้หญิงที่เพียบเพรียบพร้อมอยู่แล้ว ในขณะที่ฉัน… เป็นได้แค่ผู้หญิงคั่นเวลาเท่านั้น”
“ธาร…”
“ณดา… ได้โปรดอย่าพูดถึงเขาอีกเลย… ฉันขอร้อง…” วรันธารามองเพื่อนอย่างวิงวอน
“ถ้าการไม่พูดถึงคุณเควินจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ฉันจะไม่พูดถึงเขาอีก ฉันสัญญา…”
ณดาพยักหน้ารับ รู้สึกไม่สบายใจเลยกับสภาพของวรันธารายามนี้นักแต่ก็ไม่อาจจะช่วยเหลืออะไรเพื่อนรักได้เลย
“เควิน…”
“ผมคงต้องกินคุณก่อน… แล้วเราค่อยอาบน้ำด้วยกัน”
“เควิน… คือ…”
“คุณสวยเหลือเกิน ผมบอกคุณหรือยัง”
ฝ่ามือใหญ่โอบประคองเต้างามเอาไว้ บีบเบาๆ อย่างชั่งน้ำหนักมือ
“ฉัน… จำไม่ได้… ค่ะ…”
“งั้นผมจะบอกใหม่ คุณสวยเหลือเกิน วรันธารา สวยจนผมตะลึง”
“อ๊า…” ร่างอรชรบิดส่าย เมื่อถูกปลายนิ้วเรียวบี้คลึงยอดถันจนบวมเป่งชูชัน
“ผู้ชายทั้งโลกต้องอิจฉาผม ถ้ารู้ว่าคุณสวยขนาดนี้”
เขาเอ่ยชมตลอดเวลา ขณะลวนลามหล่อนด้วยฝ่ามือไปทั่วทั้งตัว ไม่ช้าร่างของหล่อนก็ถูกดันไปชนด้านหลังขาชนกับขอบเตียง และเขาก็จูบลงมาหา
“อืมมมม์… วิเศษเหลือเกิน”
รสจูบของเควินกำซ่านทรวง แผดเผาอุ้งเชิงกรานอย่างบ้าคลั่ง ลิ้นแกร่งบุกรุกรัดรึง ปากบี้บดบลดหนักหน่วง ในขณะที่มือใหญ่ปลุกเร้าจนกายสาวปั่นป่วนเจียนบ้า
“เค… เควินขา…”
นิ้วเรียวล้วงลึกดำดิ่ง แยกแย้มกลีบกุหลาบหยาดเยิ้มเปิดทาง จังหวะเคลื่อนไหว สร้างความหฤหรรษ์ให้กับสะโพกอวบจนสั่นระริก ใบหน้างดงามแดงซ่านแหงนไปด้านหลัง
“อ๊า…”
เควินก้มต่ำลงดูดกัดที่ยอดทรวง นิ้วมือบี้บดเม็ดบัวจนบวมเป่ง ก่อนจะส่งเข้าโรมรันต่อในอุ้งปาก
“ได้โปรด… เควินขา… ได้โปรด… อ๊า…”
หญิงสาวเบียดบดกระแซะวิงวอน สะโพกอวบเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับนิ้วเรียวที่แทรกลึกเข้าไปภายในล้ำลึกอย่างกระหายอยาก หล่อนส่ายสะบัด ร้องวิงวอน
“เควิน… ได้โปรด…”
เสียงคำรามพึงพอใจของถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ร่างอ่อนระทวยจะถูกจับหมุนให้คว่ำหน้าลงกับเตียงใหญ่ ในขณะที่สองเท้ายังคงเหยียบย่ำอยู่กับพื้น
“โอ้ว… พระเจ้า…”
เควินครวญครางกับภาพที่เห็น บั้นท้ายอวบอัดงอนงามลอยเด่น มันยวนยั่วให้เขาพุ่งทะยานเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต
“อ๊ะ อ๊า…”
“โอ้ว แน่นเหลือเกิน ทูนหัว… อืมมมม์…”
เควินสาดซัดความอหังการทางเพศใส่ไม่ยั้ง เขาสอดใส่ดุดัน ตะกุยตะกายฝากฝังจนล้ำลึกที่สุด สะโพกเพรียวโยกคลึง ส่ายสะบัดด้วยแรงอารมณ์สวาท
“โอ้ว… โอ้ว… เมียจ๋า… รัดแน่นเหลือเกิน”
ยิ่งสะโพกอวบส่ายรับมากเท่าไหร่ ความเสียวซ่านกระสันรุนแรงก็ยิ่งโจมตีมากมายเท่านั้น ความรู้สึกที่ถูกโอบรัดรอบทิศทางกำลังเข่นฆ่าเขาอย่างอำมหิต เขากระแทกแล้วก็กระแทกเข้าใส่ อัดกระหน่ำเข้าใส่บั้นท้ายที่หยัดยกรอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกินกว่าคำว่าดิบทมิฬ
“โอ้ว… วิเศษ…”
สวรรค์เคลื่อนต่ำลงมาหาเรื่อยๆ ยิ่งเขาบดอัดเข้าใส่เส้นทางที่คับแคบเร็วระรัวมากเท่าไหร่ ความกระสันซ่านก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น รุนแรงจนเขา…
ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว…!
“โอ้ว… โอ้ว… ไม่ไหวแล้ว เมียจ๋า… โอ้ว…”
เควินสุขสมตามวรันธาราไปติดๆ เขาคำรามกึกก้อง สั่นระริกไปทั้งเนื้อทั้งตัว
ไฟสวาทสงบ พร้อมกับสองร่างที่ทรุดนอนอยู่บนเตียง เควินยังไม่ถอดถอนออกไปไหน เขายังคงฝังลึกอยู่ เสียงหายใจระรัวของเขาดังอยู่เหนือศีรษะ
“กับคุณ… มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย”
เควินพลิกตัวลงนอนหงายบนเตียง มือใหญ่ดึงร่างเล็กให้ขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนกึ่งกลางลำตัว
“ร้อนแรง… จนไม่อาจจะหาคำบรรยายได้”
วรันธาราหน้าแดงก่ำ
“เอ่อ… คุณควรจะไปทำงาน และฉัน… ก็ควรจะออกไปที่ซันไทมส์…”
เควินส่ายหน้าน้อยๆ
“หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้นขึ้น ผมก็สัญญากับตัวเองว่า จะไม่ปล่อยให้คุณอยู่ห่างจากสายตาอีก”
หล่อนจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจระคนขัดเขิน
“เพราะถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมคงแย่”
“ฉัน… มีค่าขนาดนั้นเชียวหรือคะ”
ว่าแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อนความต่ำต้อยของตัวเอง แต่เควินกลับไม่ได้หัวเราะด้วย
“อีกไม่นานคุณก็จะรู้ว่าตัวเองน่ะ มีค่ามากแค่ไหน”
สำหรับผม…
แต่คำนี้เควินไม่ได้พูดมันออกไป เขาจงใจที่จะเก็บเอาไว้ภายในหัวใจของตัวเองเท่านั้น
“เอ่อ… ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนค่ะ”
หล่อนตะเกียกตะกายจะลงจากร่างกำยำ แต่คนตัวโตไม่ยอมปล่อยมือจากเอวคอด
“ควบผมก่อน แล้วค่อยไปอาบ”
“เควิน…”
หญิงสาวเบิกตากว้างตกใจระคนขัดเขิน
เควินหัวเราะร่วน อมยิ้มหิวกระหาย
“ผมอยากเป็นม้า อยากถูกขี่… ควบผมหน่อยนะครับ”
เขาพูดเหมือนขอร้องวิงวอน แต่การกระทำของเขากลับสวนทางโดยสิ้นเชิง เพราะหล่อนยังไม่ทันตกลงเลย เขาก็ยกร่างของหล่อนขึ้น และกดให้ร่างสาวสวมรัดความแข็งชันอย่างเผด็จการทันที
“อ๊า…”
“อืมมมม์… ผมชอบ… แบบนี้จัง”
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ พยายามจะนั่งเฉยๆ แต่พอคนตัวโตยกสะโพกเพรียวขึ้นหาสองสามครั้ง หล่อนก็ทนเฉยต่อไปไม่ได้ เสียวกระสันไปทั้งตัวจนต้องเคลื่อนไหว
“โอ้ว… แบบนั้นแหละคนสวย… โยก คลึงผม… ควบผมแบบนั้น พระเจ้า… ทำไมวิเศษแบบนี้ โอ้ว… โอ้ว…”
เควินครางไม่เป็นภาษา ร่างกำยำดิ้นสะบัดไปกับลีลาควบขี่ของสาวน้อยด้านบน มือใหญ่รวบเอวบางบ้าง บี้ขยี้เต้างามบ้าง ในขณะที่ริมฝีปากสวยจัดครางคำรามตลอดเวลา
“ไม่ไหวแล้ว… ทูนหัว… ผมไม่ไหวแล้ว…”
ศึกบนเตียงพึ่งจบไปได้เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ศึกนอกเตียงก็ถาโถมเข้าใส่อย่างไม่คิดจะให้หยุดพัก วรันธารารู้สึกอึดอัดเหลือเกินกับสายตาที่แคลอรีน่ามองจ้องมา
ถึงแม้ว่าตอนนี้หล่อนจะมีอ้อมแขนของเควินโอบรอบกาย แต่กระนั้นก็ยังอดหวาดหวั่นไม่ได้อยู่ดี
“แม่จำได้ว่าลูกไม่เคยตื่นสาย”
เควินไหวไหล่น้อยๆ “ผมตื่นแต่เช้าครับ แต่ที่ลงมาสายก็เพราะนอนกับเมีย”
แคลอรีน่าไม่พอใจกับคำตอบ แต่ก็ยังคงปั้นยิ้ม “แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก เควิน”
“ด่วนไหมครับ เพราะถ้าไม่ด่วน ผมคงต้องขอตัวพาเมียไปทำงานก่อน”
“ด่วน” แคลอรีน่าตอบเสียงสะบัด “ด่วนมากด้วย”
เควินไหวไหล่น้อยๆ “งั้นก็ว่ามาสิครับ ผมมีเวลาไม่มาก”
แคลอรีน่าปลายตามองที่วรันธารา “แม่มีเรื่องจะคุยตามลำพังกับลูก”
วรันธารารู้ดีกว่าควรจะออกไป “เอ่อ… ฉันไปรอที่รถนะคะ”
“ไม่ต้อง อยู่ด้วยกันตรงนี้แหละ” เควินทำเสียงดุใส่หญิงสาว ก่อนจะหันไปพูดกับมารดา “ผมไม่มีความลับกับเมีย คุณแม่มีอะไรก็พูดมาเลยครับ ก็อย่างที่บอก ผมมีธุระ”
แคลอรีน่าโกรธจนตัวสั่น “หนูไครี่ย์จะมาที่นี่วันนี้”
“ผมไม่ได้เชิญ” เควินตอบกลับอย่างไม่มีเยื่อใย
“แต่แม่เป็นคนเชิญ”
“งั้นคุณแม่ก็จัดการไปสิครับ แต่อย่าให้มาวุ่นวายกับผม หรือวรันธาราเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”
“เควิน!” แคลอรีน่าโกรธจนต้องดีดตัวขึ้นจากโซฟา จ้องหน้าบุตรชายอย่างโมโห “ยังไงซะ ลูกก็ต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ไม่ใช่มาปล่อยปละละเลยหนูไครี่ย์”
“เพราะไม่ได้ต้องการให้แม่นี่มาที่นี่สักหน่อย คุณแม่เป็นคนเชิญ ก็ดูแลกันเอาเองเถอะครับ ผมขอตัว ไปวรันธารา” เควินรั้งร่างอรชรของวรันธาราให้ก้าวเดิน แต่ยังไม่ทันข้ามธรณีประตู ผู้หญิงผมสีทอง หุ่นดีมากคนหนึ่งก็เดินสวนเข้ามา
“พี่เคน… พี่เคนจริงๆ ด้วย” เจ้าหล่อนกระโดดเข้ามาสวมกอดเควินทันที โดยไม่สนใจว่าจะมีใครยืนอยู่ด้วยหรือเปล่า ทั้งจูบทั้งหอม นี่ถ้าร่วมรักได้ เจ้าหล่อนคงทำไปแล้ว วรันธาราคิดอย่างหมั่นไส้ มองหน้าผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะเลื่อนไปมองคนตัวโตที่ยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน
ทำไมเขาไม่ปัดป้องบ้าง หรือว่าชอบ?
“ฉันขอตัวไปรอที่รถนะคะ” วรันธาราบิดตัวออกจากอ้อมแขนของเควิน จะเดินไป แต่เสียงแหลมสูงของผู้หญิงผมทองก็หยุดสองเท้าของหล่อนเอาไว้เสียก่อน
“แม่นี่ใครกันคะ หรือว่าคู่ขาคนใหม่”
“เมีย” เควินตอบ แต่ไครี่ย์ไม่สะทกสะท้าน กลับหัวเราะร่วน “ฉันก็เห็นพี่เคนบอกว่าเมียทุกคนนั้นแหละ ทั้งๆ ที่พวกหล่อนเป็นแค่คู่ขา คู่นอน”
เควินถอนใจแรงๆ พลางผลักร่างของไครี่ย์ออกจากตัว “ฉันอึดอัด ออกไปได้แล้ว”
“แหม เมื่อก่อนไม่เห็นบอกว่าอึดอัดเลยล่ะค่ะ ตอนที่เรา… ทำอะไรกันบนเตียงน่ะ”
วรันธาราได้ยินก็หันขวับมาจ้องหน้าเควิน แต่เขาทำหน้าเย็นชา ไม่คิดจะอธิบายอะไรเลย หญิงสาวจึงจำต้องหันกลับไป ด้วยความน้อยใจ
“ถ้าจะมาป่วน กลับไปซะเถอะ น่ารำคาญ”
“ไม่ได้มาป่วนนะคะพี่เคน ฉันมาสานสัมพันธ์กับพี่อีกรอบต่างหาก”
เควินเบ้หน้าอย่างรำคาญ “ฉันไม่ชอบเด็กประสาทแบบเธอ ไสหัวไปไกลๆ ได้แล้ว”
“ไม่ไปหรอกค่ะ ฉันตั้งใจแล้วว่าจะทำให้พี่ขึ้นเตียงด้วยอีกรอบให้ได้ เห็นไหมคะ…” ว่าแล้วไครี่ย์ก็หมุนตัว และแอ่นอกใหญ่โต “ฉันไปทำหน้าอกมาใหม่ ใหญ่กว่าเดิมมาก แถบนิ่มหยุ่นมือมากด้วย พี่เคนลองจับดูสิคะ” แล้วไครี่ย์ก็คว้ามือใหญ่ของเควินขึ้นมาจับหน้าอกของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าวรันธาราเห็นเต็มสองตา หล่อนอ้าปากค้าง และรีบเดินหนีออกไปทันที
“เด็กบ้า…” เควินกระชากมือออก
“ไม่ชอบหรือคะ เล็กไปเหรอ”
“ฉันไม่ชอบของปลอมต่างหาก ไปให้พ้น” เควินตวาดไล่ไครี่ย์ พร้อมกับตวัดตากลับไปมองแคลอรีน่า แต่มารดาหายตัวไปแล้ว เขากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ
“ไปหายายแม่มดซะ แล้วอย่ามายุ่มย่ามกับฉัน ไม่อย่างนั้น ฉันจับเธอโยนออกไปนอกรั้วแน่ ยายเด็กนรก” เควินก้าวยาวๆ เดินออกไปอย่างหัวเสีย ในขณะที่ไครี่ย์มองตามร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มไปด้วยสายตามุ่งมั่น
“ตัวใหญ่กว่าเดิมเยอะเลย กล้ามก็แน่นขึ้นด้วย แบบนี้สนุกทั้งคืนแน่ๆ ไครี่ย์เอ๋ย” เด็กสาวยกมือขึ้นป้ายน้ำลายตาจากมุมปาก และอมยิ้มอย่างพึงพอใจ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า นั่งเงียบไม่พูดไม่จาแปลกๆ” หลังจากขับรถออกจากบ้าน วรันธาราก็นิ่งเงียบจนน่าพิศวง ทั้งๆ ที่ปกติหล่อนจะเป็นฝ่ายชวนเขาคุยเสียด้วยซ้ำ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่คิดเรื่อยเปื่อย”
“คงไม่ได้คิดเรื่องของยายไครี่ย์หรอกนะ”
ใช่แล้ว เขาเดาได้อย่างถูกต้อง แต่หล่อนคงไม่อาจจะยอมรับออกไปได้
“มะ ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉัน… ฉันจะคิดถึงผู้หญิงคนนั้นทำไมกันล่ะคะ”
“หึงไง” เขาตอบสั้น ในขณะที่ยังคงมุ่งมั่นอยู่กับการขับรถเช่นเดิม มีแต่ วรันธารานั่นแหละที่สั่นสะท้านไปทั้งกาย
“หึง? ฉันเนี่ยนะจะหึงคุณ… บ้าไปแล้ว”
“อย่างนั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิคะ คุณมีผู้หญิงเป็นร้อยเป็นพัน และฉันก็ไม่ใช่คนสุดท้ายสักหน่อย” ท้ายประโยคเสียงเครือจนน่าเวทนา “เอ่อ ว่าแต่… คุณไครี่ย์เป็นเป็นผู้หญิงที่คุณจะแต่งงานด้วยเหรอคะ”
“ไม่ใช่”
“แต่คุณแม่ของคุณ…”
“ความต้องการของยายแม่มดนั่น คือสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ”
“คุณกับแม่… คือฉัน… ฉันสงสัยว่าทำไมคุณถึงไม่ค่อยจะรักท่านเลยล่ะคะ”
รถทั้งคันเบรกกะทันหัน ก่อนที่เขาจะหันมามองหน้า “อย่าถามเรื่องนี้กับผมอีก ผมไม่ชอบ”
“เอ่อ ค่ะ…”
วรันธารารับคำเสียงเบาหวิว รู้สึกปวดหนึบไปทั้งหัวใจ
เควินกัดฟันแน่น บังคับรถให้แล่นไปตามถนนอีกครั้ง นัยน์ตาคมกริบจ้องมองเบื้องหน้าเขม็ง
“คนที่ผมจะแต่งงานด้วยก็คือคุณ จำเอาไว้วรันธารา”
เขาพูดทำลายความเงียบงันขึ้น แต่มันกลับไม่ได้ช่วยให้ความปวดหนึบที่หน่วงอยู่ภายในหัวใจคลายไปได้เลย
ทำไมจะต้อง… เจ็บปวดขนาดนี้ด้วยนะ วรันธารา?
บรรยากาศกลางโต๊ะอาหารค่ำช่างชวนอึดอัดเหลือเกิน ยิ่งไครี่ย์เอาอกเอาใจเควินเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคือส่วนเกิน
“อิ่มแล้วหรือ” เควินถามหล่อนทันทีที่เห็นรวบช้อน
“ค่ะ” หล่อนตอบถนอมเสียง “ขอตัวก่อนนะคะ” และหล่อนก็ไม่คิดจะรอให้เควินทักท้วง สองเท้ารีบก้าวหนีออกไปอย่างรวดเร็ว สองหูยังได้ยินเสียงออดอ้อนของไครี่ย์ดังตลอดเวลา
หล่อนต้องไป… ต้องไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนจะอาละวาดเพราะความหึงหวง
ความหึงหวงที่ไม่มีสิทธิ์…!
แคลอรีน่าอมยิ้มสะใจกับความบาดหมางที่เกิดขึ้นในใจของวรันธารา
“คุณป้าอิ่มแล้วเหรอคะ”
ไครี่ย์ถามเมื่อเห็นแคลอรีน่ารวบช้อน “ใช่จ้ะ หนูไครี่ย์อยู่คุยกับเควินนะ ป้าขอตัวก่อน”
เควินกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ
“ผมอิ่มแล้วครับ และก็ภาวนาให้คุณแม่กับยายเด็กนรกนี่กลับไปเสียที”
“ทำไมล่ะ หรือว่าลูกกลัวว่าแม่นั่นจะเข้าใจผิด”
เควินที่ลุกขึ้นยืนคอแข็ง
“ผมไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใคร มากกว่าความรู้สึกของตัวเอง และที่ผมไล่ ก็เพราะผมรำคาญ”
“พี่เคนใจร้าย ไล่ไครี่ย์อย่างกับหมูหมา ไครี่ย์เสียใจนะคะ”
“มันก็เรื่องของเธอ ไสหัวไปซะ”
เควินทิ้งท้ายอย่างโมโห ก้าวยาวๆ ออกไปนอกห้องอาหาร ตั้งใจจะไปตามหาวรันธารา แต่เมื่อออกมาที่หน้าบ้านก็เห็นหญิงสาวกำลังยืนคุยโทรศัพท์กับใครบางคน ด้วยท่าทางชื่นมื่นหน้าบาน
ความอิจฉาไอ้คนในโทรศัพท์ดังกึกก้องในอก ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งหนึ่งทันที
“อาทิตย์หน้าฉันจะไปหาเธอที่วอชิงตัน แล้วเราเจอกันนะ อืมมม์… ได้จ้ะ ฉันก็คิดถึงเธอ ณดา…” วรันธาราวางสายจากเพื่อนรักแล้ว ก็ถอนใจเบาๆ
การได้ไปวอชิงตันคงทำให้หล่อนตัดสินใจได้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตดี จะเดินหน้าพุ่งชนกับความเสี่ยง หรือว่าจะถอยหลังหนีเพื่อจบเรื่องทุกอย่าง
“เรายังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลยนะ” เสียงแหลมเล็กที่หล่อนจำได้ขึ้นใจของไครี่ย์ดังข้างหลัง วรันธาราเม้มปากแน่น รู้สึกไม่สบายใจเลยกับการเผชิญหน้าในครั้งนี้
“สวัสดีค่ะคุณไครี่ย์”
ไครี่ย์ระบายยิ้มกว้าง มองวรันธาราตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างเวทนา และนั่นก็ให้คนถูกมองหน้าร้อนจัด
“ไม่น่าเชื่อว่าพี่เคนจะลดสเป็คคู่นอนลงต่ำขนาดนี้”
หน้าของวรันธาราชาดิก รู้สึกไม่ต่างจากการถูกลากไปตบกลางสี่แยกไฟแดง
“สงสัยคงอยากลองของแปลก”
“ถ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ ฉันขอตัวค่ะ”
“เดี๋ยวสิ…”
คนถูกเรียกคอแข็ง หันกลับมา “มีอะไรกับฉันอีกหรือคะ”
“เห็นคุณป้าบอกว่าเธอเป็นนักข่าว…”
“ค่ะค่ะ” วรันธารารับคำสั้นๆ
ไครี่ย์เบะปากยิ้มหยัน “แปลกนะพี่เคนเกลียดนักข่าวยังกับกิ้งกือไส้เดือน แล้วทำไมถึงนอนกับเธอ หรือว่าต้องการแก้แค้นกันนะ”
แก้แค้น? วรันธาราครางในอก หล่อนไม่เคยนึกถึงสิ่งนี้มาก่อนเลย
“แต่ถ้ามันเป็นการแก้แค้นจริง ฉันว่าพี่เคนนี่ก็ฉลาดมากเลยนะ เอานักข่าวมาเป็นคู่นอน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกเขียนข่าวฉาวๆ หรืออีกในกรณีหนึ่ง พี่เคนคงแค่อยากจะทำให้นักข่าวหน้าเงินแบบเธอรู้จักความยิ่งใหญ่ของเควิน คาสโตรเซ่นแบบใกล้ชิดล่ะมั้ง” แล้วไครี่ย์ก็หัวเราะร่วน “ความจริงเธอก็หน้าตาไม่เลวนะ ถึงหุ่นจะสวยสู้ฉันไม่ได้ แต่ก็ถือว่าหน้าตาดีในระดับหนึ่ง ทำไมไม่ไปหาผู้ชายดีๆ คนที่จริงใจกับตัวเองล่ะ มาทนอยู่กับผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะจริงใจด้วยอย่างพี่เคนทำไมกันล่ะ เสียโอกาส เสียเวลาเปล่าๆ”
วรันธาราทั้งอับอาย ทั้งอดสู และแทบจะแทรกแผ่นดินหนี “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ หมดธุระแล้วใช่ไหมคะ ขอตัวค่ะ”
“ที่ฉันเตือนก็เพราะหวังดีนะ เพราะพี่เคนน่ะต้องแต่งงานกับฉัน ตามคำสั่งของคุณป้าอยู่แล้ว” เสียงของไครี่ย์ยังดังไล่ตามหลังมาไม่หยุด หยาดน้ำตาของหล่อนทะลักอาบแก้ม สองเท้าแทบไม่มีแรงทรงตัว
วรันธาราเดินไปทรุดนั่งหมดแรงอยู่กับกำแพงของตัวบ้าน ซ่อนตัวใต้เงาของต้นเสาใหญ่ ปลดปล่อยความเสียใจออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาอุ่นๆ
ทุกคำพูดของไครี่ย์ยังก้องอยู่ในโสตประสาท ทุกคำพูดที่หล่อนไม่ควรจะเชื่อ แต่กลับเชื่อเต็มหัวใจ
เควินไม่ได้รักหล่อน เขาก็แค่… แค่ต้องการแก้เผ็ด แก้แค้นที่หล่อนบังอาจเข้ามาล้วงคอราชสีห์เช่นเขาเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่ไครี่ย์พูด และก็ไม่มีอะไรเกินจริงไปกว่าสิ่งที่หล่อนคิด
หล่อนรักเควิน แต่เขากลับมองเห็นหล่อนเป็นแค่ที่ระบายความใคร่เท่านั้น หยาดน้ำตาทะลักไม่หยุด หยาดโลหิตก็ท่วมท้นภายในอกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
เจ็บปวดเหลือเกิน…
แต่มันก็ควรจบลงเสียที…
วรันธาราเปิดประตูห้องนอนเข้ามา ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เควินก้าวออกมาจากห้องน้ำพอดี ร่างกายสมบูรณ์มีเพียงผ้าขนหนูพันเอาไว้รอบสะโพกเท่านั้น และหล่อนก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยความลุ่มหลงเกินห้ามใจเหมือนดั่งเช่นทุกครั้งที่เคยทำ
“ถ้าคุณไม่สะดวก และพยายามเมินหนี
“ผมไม่ใช่คนขี้อาย ไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว” เควินตอบกลับเสียงเย็นชา ใบหน้าระริกระรี้ตอนคุยโทรศัพท์ของวรันธารายังติดตรึงอยู่ในสมอง เขาเกลียดตัวเองที่รู้สึกหึงได้แม้กระทั่งคนปลายสาย ทั้งๆ ที่อาจจะเป็นแค่เพื่อนกันก็ได้
แต่หัวใจของเขามันสุดจะควบคุมได้แล้ว…
“ฉัน… ไม่รบกวนคุณนานหรอกค่ะ”
เควินเดินผ่านร่างเล็กไปยังตู้เสื้อผ้าแบบฝังผนังที่อยู่ห่างออกไปค่อนข้างมาก วรันธารามองตามความเย็นชานั้นไปอย่างน้อยใจ
“ฉันก็แค่จะมาบอกคุณว่า…” หล่อนหยุดพูด และรีบกะพริบไล่หยาดน้ำตาทิ้ง “ฉันจะไปวอชิงตันวันพรุ่งนี้” ความจริงนัดหมายของหล่อนกับณดาคืออาทิตย์หน้า แต่หล่อน… หล่อนทนเห็นเควินอยู่ใกล้กับไครี่ย์ไม่ได้อีกแล้ว หล่อนทนไม่ได้!
คนตัวโตหันขวับกลับมามอง “ไปหาคนที่คุณคุยด้วยเมื่อกี้นี้น่ะหรือ”
“คุณ… เห็นหรือคะ”
เควินไม่ตอบ แต่เดินกลับมาหยุดตรงหน้า มือยังคงกลัดกระดุมเสื้ออยู่ตลอดเวลา
“เอ่อ ค่ะ”
เควินแค่นยิ้มหยัน
“คงจะคิดถึงกันมากสินะ ถึงได้ตัดสินใจบินไปทันทีที่คนนั้นโทรมาชวน”
“เอ่อ… เรามีนัดกันมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะค่ะ”
“อ๋อ นัดกันมาก่อน งั้นตลอดเวลาที่อยู่กับผม คุณก็เอาแต่คิดถึงไอ้คนนี้ใช่ไหม”
วรันธาราแปลกใจกับท่าทางหงุดหงิดของเควิน แต่ก็พยักหน้ารับ
“ใช่ค่ะ เราสองคนสนิทกันมาก ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงเพื่อนคนนี้ของฉันหรอกค่ะ”
“เพื่อน…”
เควินยิ้มหยัน
“ใช่ค่ะ เพื่อน…”
หล่อนกำลังจะบอกชื่อออกไป แต่เควินตัดบทเสียก่อน อย่างหยาบคาย
“จะเพื่อนหรือผัว ผมก็ไม่สนใจ และจะไปไหนก็เชิญเลย ไสหัวไปให้ไกลๆ เลยยิ่งดี”
“เควิน…”
หล่อนไม่คิดว่าเขาจะใช้คำพูดแบบนี้กับตัวเอง น้ำตาร่วงออกมาจนได้
“ทำไมคุณ… พูดแบบนี้คะ”
“ผมก็เถื่อนแบบนี้นี่แหละ เอาล่ะ คืนนี้ผมไม่อยู่ จะทำอะไร จะคุยโทรศัพท์กับใคร หรือจะบินไปคืนนี้เลยก็ตามสบาย บาย หวังว่าคุณจะมีความสุขกับสิ่งที่เลือกนะ วรันธารา”
เขาติดกระดุมเสร็จพอดีเมื่อตอนที่พูดจบ และไม่ยอมมองหน้าหล่อนเลย
วรันธารายืนร้องไห้ เมื่อร่างสูงใหญ่ของเควินเดินผ่านหน้าออกไปนอกห้องนอน เสียงปิดประตูแรงๆ ดังสนั่น และทำให้หล่อนสะดุ้งตัวสั่น
เควินกำลังโกรธ… ไม่สิ เขากำลังดีใจต่างหาก ที่ตัวภาระเช่นหล่อนจะหายไปจากชีวิตเสียที หญิงสาวสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวด เสียงเครื่องยนต์คุ้นหูกระหึ่มขึ้น สองเท้ารีบก้าวไปหยุดที่ขอบหน้าต่าง และก็ทันได้เห็นไครี่ย์กระโดดหายเข้าไปในรถของเควิน
พวกเขาออกไปด้วยกัน… พวกเขาออกไปด้วยกันจริงๆ
แรงเรี่ยวไม่หลงเหลืออยู่อีก ร่างสั่นเทาทรุดฮวบลงจากขอบหน้าต่าง กองกับพื้นห้อง จนไม่ทันได้เห็นว่าวินาทีต่อมาไครี่ย์ก็ถูกผลักออกมานอกรถ ก่อนที่ซุปเปอร์คาร์หรูจะแล่นทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง
แอลกอฮอล์ที่ดื่มตลอดทั้งคืนยังคงร่ายฤทธิ์เดชอยู่ในกระแสโลหิตมากล้น ร่างสูงใหญ่จึงไม่อาจจะควบคุมตัวเองให้เดินตรงทางได้ เควินก้าวโซซัดโซเซกลับเข้ามาในบ้าน ด้วยสภาพที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน
กลิ่นเหล้าโชยฟุ้ง เสื้อผ้ายับยู่ยี้ หน้าตาผมเผ้ายุ่งเหยิง โดยเฉพาะที่ดวงตาคมกล้ายามนี้แดงก่ำด้วยอำนาจร้ายของแอลกอฮอล์
“คุณเคน… ทำไมดื่มหนักแบบนี้ล่ะคะ”
ป้าเดซี่รีบเข้ามาช่วยคนขับรถประคองร่างของเควินที่กำลังเดินส่ายเป็นงูเลื้อยด้วยความเป็นห่วงจับใจ
“ผมสบายดี… ปล่อยผมได้แล้ว…” เควินสลัดป้าเดซี่กับคนขับรถออกไป และพยายามเดินเอง แต่แค่ก้าวเดียวก็ล้มคว่ำลงกับพื้นแทบเท้าของแคลอรีน่าผู้เป็นมารดา
ชายหนุ่มค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะหัวเราะเมื่อเห็นเป็นมารดายืนอยู่
“นึกว่าใครเสียอีก คุณแม่นั่นเอง” แล้วเขาก็ถูกคนขับรถกับป้าเดซี่พยุงให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
แคลอรีน่ามองสภาพลูกชายด้วยความไม่สบายใจ “ลูกไม่เคยดื่มจนขาดสติแบบนี้เลยนะ เควิน”
“ใคร… ใครว่าผมขาดสติ ผมสบายดี สบายใจมากต่างหาก” เควินหัวเราะร่วน ก่อนจะพยายามก้าวเดินตรงไปยังบันได
“ไม่มีคนที่สบายใจแล้วดื่มเหล้าหนักแบบนี้หรอกเควิน”
คนเป็นลูกชะงักเท้า ยืนนิ่ง “ผมไงครับ ผมไงที่ดื่มเพราะอยากดื่ม ขออยากตัวนะครับ ผมจะพักผ่อน”
แคลอรีน่ามองร่างของลูกชายที่ถูกหิ้วปีกขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเลด้วยความเป็นห่วง
“ต้นเหตุคงไม่ใช่นังนักข่าวนั้นหรอกนะ เควิน”
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณป้า”
ไครี่ย์เดินเข้ามาทันได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปากของแคลอรีน่าพอดี
“อ้อ หนูไครี่ย์นั่นเอง”
ไครี่ย์ระบายยิ้มน้อยๆ
“ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นหรือคะ หนูได้ยินเสียงพี่เคนโวยวายออกมาจากห้องนอนน่ะค่ะ”
แคลอรีน่าถอนใจ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งในห้องรับแขกหรู “เควินเมาหนักมาก พึ่งกลับมาเมื่อกี้นี้เอง”
“ห๊า พี่เคนพึ่งกลับมาเหรอคะ ออกไปตั้งแต่หัวค่ำ กลับมาเช้าอีกวัน”
“ใช่”
ไครี่ย์รีบกระแทกตัวลงนั่งข้างๆ ว่าที่แม่ผัว ก่อนจะเบ้หน้าเพราะยังโมโหเควิน อยู่ มาก
“ความจริงหนูไม่อยากจะสนใจพี่เคนแล้วล่ะค่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะหนูไครี่ย์ อย่าบอกนะว่ายอมแพ้นังนักข่าวชั้นต่ำแล้วน่ะ”
คนถูกถามส่ายหน้าน้อยๆ หน้าตาบูดบึ้งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน “ก็พี่เคนน่ะสิคะ โยนหนูออกมาจากรถอย่างไม่ไยดี ใจดำชะมัด”
แคลอรีน่าเบิกตากว้างตกใจ แต่ก็รีบปลอบ “พี่เค้าก็นิสัยห่ามๆ แบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ หนูไครี่ย์อย่าไปถือสาเลยนะ ไหนว่ารักเควินไงล่ะ”
“ไอ้รักมันก็รักหรอกค่ะ แล้วก็อยากได้มาเป็นผัวด้วย แต่ดูท่าทางแล้วพี่เคนจะไม่ได้รักหนูน่ะสิคะ”
“ถ้าหนูไครี่ย์พยายามอีกนิดรับรองเควินไม่มีทางหลุดมือไปไหนแน่ และอย่าลืมสิว่าป้าอยู่ข้างหนูน่ะ”
“แต่หนู… รู้ว่าพี่เคนรักใคร”
“ไม่ต้องพูดถึงใครทั้งนั้น ยังไงซะนังนักข่าวนั้นก็ต้องระเห็จออกไปจากที่นี่ ไม่วันนี้พรุ่งนี้ก็มะรืนนี้ เชื่อป้าสิ ป้าจะทำทุกทางให้มันกระเด็นออกไปจากที่นี่”
แม้จะพยักหน้าเข้าใจ แต่ไครี่ย์ก็ยังอดกังวลใจไม่ได้ เพราะสายตาของ เควินที่มองวรันธารานั้น ใครก็มองออกว่ามันมีความหมายว่ายังไง ทั้งรัก ทั้งหวงแหน
“หนูจะลองพยายามดูอีกสักครั้งค่ะ”
แคลอรีน่ารีบกุมมือของเด็กสาวตรงหน้าเอาไว้ “มันต้องสำเร็จ ป้าจะช่วยหนูเอง”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
อากาศในค่ำคืนนี้หนาวเย็นกว่าทุกคืนที่ผ่านมา…
วรันธารายิ้มบางๆ ขณะดันประตูห้องนอนให้ปิดสนิทลงแผ่วเบาที่สุด สองเท้าขาวสะอาดก้าวไปตามพื้นเย็นเฉียบ ตรงไปยังระเบียงไม้ที่อยู่เยื้องออกไปทางด้านขวา
สายลมพลิ้วโชยแม้แต่ผิวกาย จนร่างอรชรต้องห่อไหล่และยกมือขึ้นกอดอกเพื่อให้ความอบอุ่นกับตัวเอง
หล่อนควรจะนอนอยู่บนเตียง เคียงข้างกายสูงใหญ่ของเควิน ควรจะซุกร่างอยู่ในอ้อมแขนกำยำคู่นั้นของเขา ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะเดินออกมายืนมองท้องฟ้ายามมืดครึ้มเช่นนี้เพียงลำพัง แต่หล่อนก็เลือกที่จะเดินออกมา อะไรบางอย่างจากภายในรุ่มร้อนและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
สายตาของแคลอรีน่าสินะ?
ความหวาดหวั่นน่าสะพรึงแทรกลึกเข้ามาในเนื้อหัวใจ มันแผ่ซ่านความเย็นชาลงไปในก้นบึ้งดวงฤดีอย่างล้ำลึก
แคลอรีน่าไม่ชอบหล่อน… ไม่ใช่แค่ไม่ชอบ แต่แคลอรีน่าเกลียดชังหล่อนเข้าไส้เลยล่ะ
วรันธารารู้สึกเศร้าหมองนัก แม้เควินจะไม่ได้รักหล่อน และไม่ได้ต้องการจะใช้ชีวิตคู่กับหล่อนยืดยาว แต่กระนั้นหล่อนก็อดที่จะหวั่นเกรงต่อความรู้สึกที่แคลอรีน่ามีให้ไม่ได้
หญิงสาวปล่อยลมหายใจออกมาทางริมฝีปาก ตัดใจหยุดความฟุ้งซ่านทั้งหมดลง และหมุนตัวจะกลับเข้าห้องนอน แต่เท้าบอบบางก็ต้องชะงัก เมื่อใครบางคนตรงหน้าทำให้หล่อนตกใจ
“คุณแม่…”
“ฉันมีลูกชายเพียงแค่คนเดียว”
วรันธาราก้มหน้า และพึมพำแก้คำพูดของตัวเอง
“คุณแคลอรีน่า”
แม้จะอยู่ภายใต้ความมืดครึ้มของคืนข้างแรม แต่กระแสความชิงชังในสายตาของแคลอรีน่ากลับชัดเจนเต็มความรู้สึกของหล่อน
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีเวลาออกมายืนรับลมในยามค่ำคืนเหมือนกับคนอื่นหรอกนะ”
หล่อนรู้ดีว่าแคลอรีน่ากำลังจะหาเรื่อง จึงได้แต่ก้มหน้า และเอ่ยขอตัว “ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
ข้อมือเล็กถูกคว้าเอาไว้ พร้อมๆ กับน้ำเสียงกระด้างไร้มิตรที่ดังขึ้นตรงหน้า วรันธารารู้สึกใจหาย แต่ก็พยายามที่จะเข้มแข็ง
“คุณแคลอรีน่ามีอะไรกับฉันหรือคะ”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มหยัน พลางปล่อยมือของหล่อน “ฉันก็แค่มีเรื่องของเควินจะคุยกับเธอ”
แคลอรีน่าเดินตรงไปหยุดที่ริมระเบียง ในขณะที่วรันธารายืนอยู่ห่างๆ
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“เรื่องคู่ครองของเควิน”
วรันธาราช้อนตาขึ้นสบประสานกับคู่สนทนา และก็ได้เห็นรอยยิ้มหยันในดวงตาของแคลอรีน่าชัดเจน
“ถ้าเป็นเรื่องนี้… ฉันคงไม่มีอะไรจะคุยหรอกค่ะ”
เป็นอีกครั้งที่วรันธาราพยายามจะเดินหนี แต่ทุกครั้งก็ถูกเรียกเอาไว้เสมอ
“เธอรู้ใช่ไหมว่าเควินเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน”
“ค่ะ ฉันทราบ”
แคลอรีน่าระบายยิ้ม หรี่ตาจ้องหน้าคู่สนทนาอย่างรังเกียจ “และฉันก็คาดหวังเอาไว้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองจะต้องมีคู่ครองที่ดี ที่สมน้ำสมเนื้อกัน ไม่ใช่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบเธอ” ท้ายประโยคแคลอรีน่าจงใจกระทบกระเทียบหล่อนเต็มๆ
วรันธาราโกรธแต่ก็พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ ท่องเอาไว้ว่าแคลอรีน่าคือมารดาของเควิน ผู้ชายที่หล่อนตกหลุมรัก
“ฉันทราบค่ะ”
“ทราบ? แล้วทำไมถึงไม่ไปจากชีวิตของเควินล่ะ มาทู่ทู้ซี้(ทน)อยู่ทำไม หรือว่าต้องการเงิน”
แคลอรี่น่าหยุดพูดเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มหยันตลอดเวลา
“แต่ความจริงเธอน่าจะได้จากเควินมากโขอยู่แล้ว”
คนฟังโกรธจนตัวสั่น กำมือข้างตัวแน่น “ฉันไม่เคยรับเงินจากเควิน ค่ะ”
แทนที่แคลอรีน่าจะเชื่อ แต่หญิงวัยกลางคนกลับหัวเราะเยาะ
“ให้ฉันเชื่อเหรอ”
“ก็แล้วแต่คุณแคลอรีน่าก็แล้วกันค่ะ ฉันขอตัว”
“เดี๋ยว!”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้วล่ะค่ะ”
แคลอรีน่าก้าวมาขวางทางเอาไว้
“แต่ฉันมี…”
วรันธาราเมินหน้าหนี กลีบปากเม้มเข้าหากันแน่น
“ฉันมีเงินจะให้เธอ แลกกับการที่เธอจะต้องไปจากชีวิตของเควิน ตลอดกาล”
คนฟังคอแข็ง โกรธจนแทบจะสะกดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“ฉันจะคิดว่าไม่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากของคุณก็แล้วกัน”
“ห้าล้าน สำหรับการจากไปของเธอ”
“ต่อให้ร้อยล้านฉันก็ไม่ไปค่ะ เพราะฉันจะได้มากกว่านั้นถ้าอยู่กับคุณเควิน จริงไหมคะ”
เพราะความโกรธจนไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้ ทำให้วรันธาราตอกกลับไปบ้าง
แคลอรีน่าอึ้งไป ก่อนจะกัดฟันพูดออกมา
“แกมันแผนสูง คอยดูเถอะ สักวันแกก็ต้องถูกเขี่ยทิ้ง เควินไม่มีทางนอนกับแกนาน จำเอาไว้ด้วย นังนักข่าวชั้นต่ำ!”
“แต่เรากำลังจะแต่งงานกันค่ะ”
“ก็แค่งานเลี้ยงงานหนึ่ง เธอคิดหรือว่ามันมีความหมายอะไรกับเควินน่ะ เพราะขนาดฉันเป็นแม่ เควินยังไม่เคยเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังเลย ดังนั้นอย่าทระนงว่าตัวเองได้นอนเตียงเดียวกับลูกชายของฉันแล้วเธอจะชนะ เควินก็แค่ต้องการปลดปล่อย ต้องการความแปลกใหม่ เพราะผู้หญิงตัวจริงของเควินถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”
วรันธารากัดฟันแน่น หยาดน้ำตาเอ่อซึมจนต้องรีบกะพริบตาเร็วๆ “ถ้าหมดธุระของคุณแล้ว ฉันขอตัวนะคะ”
“พรุ่งนี้หนูไครี่ย์จะเดินทางมาที่นี่ และก็คงไม่ต้องให้ฉันบอกเธอนะว่าหนูไครี่ย์เป็นใคร”
วรันธาราหมุนตัวหันหลัง ตั้งใจจะรีบเดินหนีออกไปให้เร็วที่สุด แต่สองเท้ากลับก้าวไม่ออก หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกเชือดด้วยคมมีแหลม
แคลอรีน่าหัวเราะชอบใจ เดินมาหยุดข้างตัว
“เชื่อฉันสิ ไปจากเควินซะ พร้อมกับเงินจากฉัน”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีค่ะ แต่ฉันไม่ต้องการ”
“อีกเดี๋ยวเธอก็จะต้องการ เชื่อฉันสิ”
แล้วแคลอรีน่าก็ก้าวเท้าเดินผ่านหน้าไป ทิ้งความปวดร้าวเอาไว้ให้หล่อนอย่างมหาศาล วรันธาราน้ำตาไหลอาบแก้ม ปรายตามองไปยังบานประตูห้องนอนด้วยความเจ็บช้ำ
‘เพราะผู้หญิงตัวจริงของเควินถูกกำหนดเอาไว้แล้ว’
เพราะผู้หญิงของเควินถูกกำหนดเอาไว้แล้วอย่างนั้นหรือ? น้ำตาไหลไม่หยุด และมันก็ยากเกินไปที่จะก้าวเข้าไปหาคนตัวโต ในที่สุดวรันธาราก็เลือกที่จะเดินผ่านห้องนอนไปทั้งน้ำตา
วรันธาราค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้นเมื่อ แสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่สะท้อนเข้ามารอบกายร่างอรชรขยับช้าๆ ด้วยความเมื่อยขบ เพราะเมื่อคืนหล่อนไม่ได้กลับไปนอนบนเตียงกับเควิน แต่เลือกที่จะมานอนขดอยู่บนโซฟาตัวนี้แทน
เมื่อคิดถึงเขา คำพูดของแคลอรีน่าก็พุ่งเข้ามาใส่หัวอีกครั้ง
‘เพราะผู้หญิงตัวจริงของเควินถูกกำหนดเอาไว้แล้ว’
ความเจ็บช้ำเต้นระส่ำอยู่ภายในอก และมันก็ทำให้หล่อนเลือกที่จะอยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนั้น
หญิงสาววางเท้าลงกับพื้นห้อง กำลังจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสายตารับภาพใครบางคนยืนอยู่ที่ปากประตู
“เควิน…”
ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองเรียบหรูยืนกอดอก อิงสะโพกกับวงกบประตูด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“คุณ… มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันคะ”
เขายืดตัวตรง และเดินตรงเข้ามาหา
“ผมต่างหากที่ต้องถามคำถามนี้ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง และทำไมไม่กลับไปนอนบนเตียง…” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “กับผม”
“คือ…” หล่อนอึกอัก ก่อนจะทำใจแข็งเชิดหน้าสูง “ก็เพราะฉัน… อยากนอนคนเดียวบ้างไงคะ”
“อยากนอนคนเดียว” เขาทำคำพูดของหล่อน ก่อนจะทำหน้าดุดัน “อยากนอนคนเดียว ทั้งๆ ที่มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วเนี่ยนะ บ้าไปแล้วมั้งแม่คุณ”
“ฉันไม่ได้บ้าสักหน่อย และที่สำคัญ… เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
เควินส่ายหน้าก่อนจะหัวเราะเยาะ “นอนด้วยกันทุกคืนเนี่ยนะ ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ก็… ก็ใช่น่ะสิคะ ก็เหมือนที่คุณนอนกับสาวคนอื่นนั่นแหละ ก็คล้ายๆ กัน หรือว่าไม่จริงคะ” หล่อนเมินหน้าแดงซ่านหนีเขา การพยายามพูดในเรื่องพวกนี้ช่างทำให้หล่อนรู้สึกแย่เหลือเกิน แต่ก็จำต้องพูดมันออกไป
“ไม่จริง”
“ไม่… ไม่จริง…?”
“อืมมม์ เพราะจำนวนครั้งที่ผมนอนกับคุณ มันมากกว่ายอดรวมของสาวๆ ครึ่งปีของผมเสียอีก”
“คุณ… คุณหมายถึง…”
“ผมต้องการคุณมากยังไงล่ะ” แล้วเขาก็ฉวยโอกาสตอนที่หล่อนเผลอรวบเอวคอดเข้าไปกอดแนบอก “ผมไม่เคยต้องการผู้หญิงคนไหนมากเท่าคุณมาก่อน” แล้วก็กอดแน่นจนทรวงอกของหล่อนแทบจะหลอมละอายรวมกับแผงอกกว้างเลยทีเดียว
“ปละ ปล่อยค่ะ”
“เอาจริงๆ ผมเบื่อนะที่จะต้องมานั่งสาธยายความรู้สึกงี่เง่าแบบนี้ให้กับใครสักคนฟัง โดยเฉพาะผู้หญิง”
“คุณก็ไม่ต้องพูดสิคะ”
“แต่เพราะเป็นคุณ… ผมจึงจำเป็นต้องพูด”
วรันธารานิ่งอึ้งไป พยายามทำใจแข็ง แต่ก็ทำได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง “ฉันไม่ได้มีค่าอะไรกับคุณขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ผมสามารถตัดสินใจเองได้สำหรับเรื่องนั้น”
หญิงสาวเสหลบสายตาคมกริบ ลงมองที่แผงอกกว้างแทน หัวใจเต้นระส่ำรุนแรง
“อย่ากังวลอะไรเกินเหตุ คิดแค่วันนี้ก็พอ…”
คางมนถูกเชยขึ้น สองดวงตาสบประสานกัน “คิดถึงแค่วันที่เราสองคนอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว เข้าใจไหม วรันธารา”
ดวงตาของเขามีเวทมนตร์โดยแท้ เพราะมันสะกดหัวใจของหล่อนได้อยู่หมัด จากที่พยายามถอนใจ กลับยิ่งถลำลึกรุนแรง
“เควิน…”
“ไปอาบน้ำด้วยกันเถอะ ผมจะถูหลังให้”
พวงแก้มนวลแดงซ่าน ก้มหน้าหลบสายตาหิวกระหายด้วยความขัดเขิน
เควินหัวเราะชอบใจ “ผมชอบจัง เวลาที่เห็นคุณแดงไปทั้งตัว… โดยเฉพาะเวลาที่ผม…” เขาหยุดพูดเล็กน้อย หอบเบาๆ ครางหูของหล่อน “เคลื่อนไหวอยู่ในตัวของคุณ”
“เควิน…”
ชายหนุ่มย่อตัวลงช้อนร่างอรชรขึ้นมาแนบอก “คราวหน้าถ้าคุณหนีออกมานอนคนเดียวแบบนี้อีก ผมจะปล้ำคุณสามวันสามคืนไม่หยุด เอาให้ตายคาเตียงกันไปข้างเลย”
“คนลามก”
“กับคุณคนเดียว” เควินอมยิ้ม ก่อนจะพาร่างอรชรเดินผ่านปากประตูห้อง และตรงไปยังห้องนอนของตัวเองด้วยความรีบร้อน วรันธาราโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้ ซุกหน้ากับแผงอกกว้างด้วยความขัดเขิน
พอมาถึงห้องนอน ร่างของวรันธาราก็ถูกปล่อยให้ยืนกับพื้นห้อง ในขณะที่คนตัวโตถอยออกห่าง เพียงเพื่อจะฉีกทึ้งชุดลำลองออกจากตัว หญิงสาวแก้มแดงก่ำ เสหลบสายตาจากความงดงามสมชายชาตรีของเควินพัลวัน
“มองผมสิ… ผมชอบเวลาเห็นภาพตัวเองเต้นระริกอยู่ภายในดวงตาของคุณ วรันธารา” เขาในสภาพเปลือยเปล่าเดินเข้ามาหา ความเป็นชายชี้พุ่งคึกคะนอง
“คือ… เค… เควิน…” หญิงสาวสั่นเทาไปทั้งตัว ถดถอยหลังหนีความใหญ่โตที่กำลังจะพุ่งเข้ามาใส่
“อุ๊ย…” เสียงอุทานดังขึ้น เมื่อร่างสั่นเทาถูกกระชากไปกอดรัด “ไหน… ไหนว่าจะอาบน้ำยังไงล่ะคะ”
“ต้องแก้ผ้าก่อน ถึงจะอาบน้ำได้ไม่ใช่หรือ” เควินหัวเราะร่วน จับร่างอรชรเปลื้องผ้าอย่างชำนาญ ไม่ช้าร่างเปลือยก็ตะหง่านเต็มสองตา
“ว้าว…”
หล่อนได้ยินเสียงคำรามพึงพอใจของเควินดังอย่างต่อเนื่องยามที่สายตาจับจ้องมาที่ร่างเปลือยของหล่อน
“อย่า… อย่ามองแบบนั้นสิคะ” มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าอกแต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะไม่ช้าก็ถูกกระชากออกไป พร้อมๆ กับการกอดรัดที่แน่นหนั่นมากยิ่งขึ้น
ร่างของวรันธาราถูกวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่เจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงจะถอยออกห่าง ยามนี้ใบหน้าหล่อเหลาของเควินดูเคร่งเครียดจนน่าเป็นกังวล
“เควินคะ…”
เควินหันกลับมามอง แม้เขาจะพยายามยิ้ม แต่หล่อนก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังไม่สบายใจ
“เรื่องคุณแม่ของคุณ…”
“มันไม่มีอะไรหรอก”
เขายิ้มบางๆ ให้กับหล่อนอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินไปเกาะขอบหน้าต่าง แผ่นหลังกว้างสีแทนที่ยังมีหยาดน้ำเกาะพราวสะท้อนขึ้นลงตลอดเวลา วรันธาราตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินไปหยุดที่ด้านหลังของเควิน
“ถ้าเก็บไว้แล้วไม่สบายใจ… บอกให้ฉันฟังบ้างก็ได้นะคะ” แล้วก็ตัดสินใจโอบกอดร่างกำยำนั้นเอาไว้ แนบแก้มนวลกับผิวเรียบตึง “เวลาคนเรามีเรื่องทุกข์ใจ หรือไม่สบายใจ การได้พูด ได้เล่าให้กับใครสักคนฟัง จะทำให้รู้สึกดีขึ้นนะคะ”
“ผมไม่เป็นอะไร”
“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณกำลังเป็นทุกข์”
เควินถอนใจก่อนจะหมุนตัวกลับมา แสงตะวันที่สาดกระทบมาตกที่ด้านหลังศีรษะ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูลึกลับมากขึ้นหลายเท่านัก
“ผมบอกแล้วไง…” เขาอมยิ้ม “ว่าไม่ได้เป็นอะไร คุณเป็นห่วงผมเกินไปแล้ว”
พอถูกเขาแซวกลับก็อดหน้าแดงไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมของตัวเอง “ก็… ก็ต้องเป็นห่วงสิคะ ถ้าไม่มีคุณ… ฉันก็ไม่มีงานทำน่ะสิ ก็ใครใช้ให้คุณซื้อซันไทมส์กันล่ะ” เขาว่าอู้อี้ในลำคอ เควินหลุดหัวเราะออกมา
“ยายบ๊องบ๋องปากแข็ง” มือใหญ่ยื่นมาบีบจมูกโด่งรั้นอย่างหมั่นไส้
“คนบ้า… ฉันไม่ได้เป็นคนบ้าคนบ๊องบ๋องสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้ปากแข็งด้วย นี่ฉันเจ็บจมูกนะเนี่ย”
เควินหยุดทำ และเลือกที่จะรวบร่างอรชรเข้ามากอดแนบอกแทน “ผมชอบนะ ที่คุณเป็นห่วงผมน่ะ”
คนถูกกล่าวหาเสหลบตา อ้อมแอ้มปฏิเสธเบาๆ “ใคร… ใครว่ากันล่ะ ฉัน…”
“เอาเป็นว่าผมหายดีแล้วแหละ คุณเป็นยาวิเศษจริงๆ”
วรันธาราเงยหน้า ช้อนตามองเขาตาโต “ฉัน… ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”
“แค่คุณแสดงออกว่าเป็นห่วงผม แค่นี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว”
คนฟังรีบก้มหน้าอีกรอบ คราวนี้แก้มแดงจัดเลยทีเดียว พอคิดได้ก็รีบดิ้นรนจะออกจากอ้อมแขน แต่ชายหนุ่มไม่ปล่อย
“ขอบคุณมากนะ ที่ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น”
“ฉัน… ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
เควินหัวเราะกับท่าทางขัดเขินของวรันธารา “ผมคงต้องไปพบยายแม่มดสักหน่อย ก่อนที่ยายแม่มดจะเส้นเลือดในสมองแตกไปเสียก่อน”
วรันธารายืนเคว้ง นัยน์ตามีความเสียดายจนเควินสังเกตเห็น เขาอมยิ้ม และเดินเข้ามาหาอีกครั้ง
“ผมไม่ชอบทำอะไรรีบร้อน ผมต้องการใช้เวลาสำรวจความงดงามของคุณให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาเป็นว่าผมจะกลับมาทำให้เนื้อตัวของคุณแดงซ่านเพราะริมฝีปากของผม ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้” ดวงตาของเควินช่างยั่วยวนใจให้สั่นไหวเหลือเกิน “ผมสัญญา…”
“บะ บ้า… ฉันไม่ได้… ต้องการแบบนั้นสักหน่อย…”
“แต่ผมต้องการ” แล้วเควินก็ก้มลงจูบเร็วๆ กับกลีบปากอิ่ม วรันธาราตกใจ แต่ก็รีบตอบสนองจุมพิตหนักหน่วงนั้นอย่างเร่าร้อน จนเควินครางกระหึ่มในลำคอ
“หรือผมควรจะเปลี่ยนใจดีนะ”
“คุณ… คุณแม่รอแล้วล่ะค่ะ”
วรันธาราถอยหลังออกห่างเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ พร้อมกับยกหลังมือขึ้นป้ายริมฝีปากของตัวเองเบาๆ อย่างเอียงอาย
“แล้วผมจะรีบกลับมา”
เควินก้มหน้าลงมาหาอีกครั้ง แต่คราวนี้คนตัวเล็กเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ชายหนุ่มหัวเราะหึหึในลำคออย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะก้าวเดินออกไปจากห้อง
เสียงปิดประตูห้องดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงถอนใจแผ่วเบาที่ดังออกมาจากลำคอระหง วรันธารายกมือขึ้นลูบกลีบปากของตัวเอง แตะไปตามผิวหน้าของตัวเองเบาๆ เพื่อซึมซับกับความรุ่มร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากภายใน
“ทำไมคุณถึงมีอิทธิพลกับฉัน… ขนาดนี้… เควิน…”
“เสร็จธุระกับแม่นักข่าวคู่ขาแล้วหรือ เควินลูกรัก”
คำทักทายแรกจากปากของแคลอรีน่าที่มอบให้กับลูกชาย หลังจากที่ เควินเดินเข้ามาหาภายในห้องทำงาน
เควินระบายยิ้มที่มุมปาก “ยังครับ แต่ที่ผมเลือกที่มาหาคุณแม่ก่อน เพราะไม่อยากได้ยินเสียงรถแอมบูแลนซ์น่ะครับ”
“เค… วิน!”
“ครับ”
แคลอรีน่าไม่เคยพึงพอใจกับคำพูดห่างเหินของเควินที่แสดงต่อตัวหล่อนเลย แต่ไม่ว่าหล่อนจะพยายามแค่ไหน แต่สายตาที่เควินมองมากลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า… ว่างเปล่าจนน่าตกใจ…
“แม่รู้ว่าแม่ทำผิดกับลูก และพ่อของลูก แต่แม่…”
“เลิกพูดถึงเรื่องในอดีตเถอะครับ ผมลืมมันไปหมดแล้ว” เควินจ้องหน้ามารดา
“คุณแม่มีอะไรจะพูดกับผมก็ว่ามาเลยครับ แต่ขอให้เป็นเรื่องปัจจุบันเท่านั้น”
แคลอรีน่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปหยุดตรงหน้าบุตรชาย เควินเมินหน้าหนีไม่ใส่ใจ กรามแกร่งขบแน่น
“แม่ขอโทษ เควิน… แม่ผิดไปแล้ว”
มือของเควินถูกผู้เป็นแม่กุมเอาไว้ แต่ไม่นานเขาก็กระชากมันออก และถอยหลังออกห่างสามก้าว ดวงตาคมกริบแดงก่ำ
“ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณแม่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้”
“เควิน”
แคลอรีน่าครางน่าสงสาร แต่เควินเมินหน้าหนี ภาพเหตุการณ์ในอดีตที่จางลงไปแล้วชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ภาพวันที่ฝนตกพร่ำ ภาพวันที่แม่หิ้วกระเป๋าออกไปจากบ้านพร้อมกับชายชู้ ทิ้งเขาและพ่อให้อยู่กันตามลำพัง เขาทั้งร่ำไห้ ทั้งวิ่งตามจนเนื้อตัวเปียกปอน เรียกร้องหาแม่ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับก้าวขึ้นรถ ไปกลับชายชู้โดยไม่ไยดี เขาหกล้ม หัวเข่าเลือดออกขณะวิ่งตามรถคันนั้นฝ่าสายฝน มือของพ่อฉุดรั้งให้เขาลุกขึ้นอีกครั้ง แม้ท่านเองจะกำลังร้องไห้เช่นกัน ตั้งแต่วันนั้น… เขาก็คิดเสมอว่าโลกนี้มีแต่พ่อ… เขาเกิดมาเพื่อทดแทนบุญคุณของพ่อ ส่วนผู้หญิงที่เบ่งเขาออกมาคนนี้ แคลอรีน่าเป็นยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเท่านั้น
‘เคน… แม่ของลูกสำนึกผิดแล้ว ลูกอย่าทอดทิ้งแม่นะ สัญญากับพ่อ สัญญากับพ่อนะเคน’
แม้แต่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต บิดาของเขาก็ยังคงมีน้ำใจกับแคลอรีน่าไม่เสื่อมคลาย และด้วยเหตุผลนี้ทำให้เขายอมให้ผู้หญิงคนนี้กลับเข้ามาในวังวนชีวิตอีกครั้ง แต่อย่าหวังว่าจะบังคับอะไรเขาได้ เพราะมันไม่มีทางแน่นอน
“พูดเรื่องของคุณแม่มาเถอะครับ ผมจะรีบกลับไปหาเมีย”
“เมีย?”
“ครับ”
แคลอรีน่าทำหน้าไม่เชื่อ ก่อนจะพูดถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองเดินทางมาหาบุตรชายในครั้งนี้ หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบสามปี “ลูกจำหนูไครี่ย์ลูกสาวของเพื่อนแม่ได้หรือเปล่า”
“ผมไม่เคยคิดจะจำผู้หญิงครับ” เควินตอบกลับโดยไม่เสียเวลาคิด จากนั้นก็เดินไปทรุดนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ แต่กระนั้นสีหน้าก็ยังดูเคร่งขรึมอยู่ไม่น้อย
แคลอรีน่าเดินไปนั่งตรงหน้าลูกชาย
“หนูไครี่ย์เป็นเด็กดี การศึกษาก็ดี แถมชาติตระกูลก็เหมาะสมกับลูกด้วย”
“แล้วทำไมคุณแม่ถึงคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเด็กดีล่ะครับ” เควินอมยิ้มหยันที่มุมปาก
“ถ้าแม่ผู้หญิงที่คุณแม่ถูกตาต้องใจอยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ชื่อไครี่ย์ แอสตัน ลูกสาวของบาบาร่า กับ สตีฟ แอสตันล่ะก็ ผมฟาดมาเรียบร้อยแล้วล่ะครับ”
“ห๊า!”
เควินมองปากที่เผยอค้างของมารดาอย่างขบขัน
“แม่นี่เดินนวยนาดขึ้นไปนอนบนเตียงผมตั้งแต่ยังไม่เต็มสิบแปด และผมก็ไม่ใช่คนแรกของเธอด้วย”
ชายหนุ่มยิ้มหยัน พร้อมผุดลุกขึ้นยืน
“คุณแม่เลิกหาผู้หญิงให้ผมเถอะครับ เพราะผู้หญิงที่คุณแม่พอใจ ก็มักจะมีนิสัยไม่ต่างจากคุณแม่ ซึ่งผมรังเกียจ ขอตัวครับ”
“เควิน!”
“ครับ”
เควินหันกลับมา อมยิ้มยั่วยวนมารดา
“แต่แม่ก็ไม่ยินดีต้อนรับนังนักข่าวชั้นต่ำนั้นเหมือนกัน”
ไหล่กว้างของผู้เป็นบุตรชายไหวน้อยๆ “ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณแม่จะยินดีหรือว่ายินร้าย แต่สิ่งเดียวที่ผมสนใจก็คือ…”
เควินขยับเท้าเข้ามาใกล้มารดา และจ้องมอง
“ห้ามแตะต้องเมียของผมเด็ดขาด”
แคลอรีน่ากัดฟันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาล “นี่ลูกกำลังหลงมัน จนลืมแม่นะ เควิน!”
เควินอมยิ้มหยัน “ก็เหมือนกับตอนที่คุณแม่หลงชู้รัก จนลืมลูกชายกับสามียังไงล่ะครับ ไม่ต่างกันสักนิด”
แล้วชายหนุ่มก็ถอยหลังออกห่าง ริมฝีปากคลี่เป็นรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับมืดลึกน่ากลัว
“เอาล่ะ ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ ส่วนคุณแม่จะเดินทางกลับวันไหน บอกเลขาฯ ของผมได้เลย เธอจะจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ ขอตัวครับ”
“แม่ยังไม่กลับ แม่จะอยู่ที่นี่จนกว่าจะเห็นลูกเขี่ยนังกระจอกนั่นออกไปจากชีวิต”
“เมียผมชื่อวรันธาราครับ” เควินอมยิ้มไม่สนใจ และเดินผิวปากออกไปราวกับกำลังอารมณ์ดี แคลอรีน่ากรี๊ดลั่นห้องอย่างขัดเคืองใจเป็นที่สุด
“คิดว่าแม่จะยอมแพ้ง่ายๆ หรือไง ไม่มีทางหรอก ลูกเป็นของแม่ เควิน”
แล้วแคลอรีน่าก็รีบกดโทรศัพท์มือถือโทรออกทันที เมื่อปลายสายรับ หล่อนก็รีบละล่ำละลัก
“หนูไครี่ย์ ป้าต้องการให้หนูมาเทกซัสด่วน พรุ่งนี้เลยยิ่งดี”
เรือนร่างสลักเสลาในชุดบิกินีสีแดงสดของวรันธาราเบื้องหน้าทำให้อุณหภูมิภายในเรือนร่างกำยำร้อนจัดขึ้นมาอย่างรุนแรง
ผิวขาวผ่องเนียนละมุนตัดกับสีแดงสดได้อย่างชวนตะลึง เรือนร่างอรชรสมสัดส่วน เอวคอดเล็กรับกับสะโพกอวบกลมกลึง ช่วงขาเรียวยาว เรียกได้ว่าแสนสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยเห็นสาวๆ ในชุดว่ายหน้ามาเลยทีเดียว
น้ำลายในลำคอเหนียวเป็นยาง ในขณะที่ลำตัวจำต้องยืดตรงขึ้นเมื่อมองสตรีตรงหน้าให้ชัดทุกซอกมุม มองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และมองกลับขึ้นไปใหม่ แต่ตลอดทางก็อดที่จะหยุดอ้อยอิ่งในบางส่วนที่ยวนตาไม่ได้
“สวยเหลือเกิน…”
เควินแทบจำเสียงของตัวเองไม่ได้
เขารู้อยู่แล้วล่ะว่าวรันธารามีอิทธิพลกับเขามาก แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีมากมายชนิดที่เรียกว่าทรงพลังขนาดนี้
“เอ่อ… ขอบ… ขอบคุณค่ะ”
เจ้าหล่อนคงอายมาก เพราะดูท่าทางเหมือนจะละลายตรงหน้าอยู่ร่อมร่อ เควินอมยิ้ม ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปโอบประคองร่างอรชรสมส่วนเข้ามากอดแนบอก
“ผมไม่เคย… เห็นใครใส่บิกินีสวยเท่าคุณมาก่อนเลย”
คนถูกชมได้ยินก็ยิ่งแก้มแดงปลั่ง รู้สึกหน้าอกหนักอึ้งขึ้นอย่างรุนแรง แต่กระนั้นก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้
“เอ่อ… มัน… เป็นครั้งแรก… ฉันกังวลว่ามันจะออกมาไม่ดี”
“สวยมากต่างหาก” เควินโน้มศีรษะต่ำลงไปหา ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความขัดเขินนิ่งนาน “รู้ไหมว่าผมกำลังรู้สึกอะไรในตอนนี้”
อ้อมแขนกำลังกระชับร่างเล็กของหล่อนแน่นขึ้น จน… หล่อนสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งสมชายชาตรีเต็มความรู้สึก
วรันธาราหน้าแดงมากยิ่งขึ้น สองมือดันแผงอกกว้างเอาไว้ “เอ่อ… ไหนว่าจะสอนฉันว่าย… น้ำยังไงล่ะคะ”
“ผมอยาก… มีเซ็กซ์กับคุณในน้ำ”
“เค… เควิน!”
“ผมรู้ว่าคุณตกใจ” คนตัวโตหยุดพูดเล็กน้อย แต่ยังจ้องหน้าหล่อนไม่หยุด แถมมือหนาก็ยังลูบไล้วนเวียนอยู่แถวๆ บั้นท้ายตลอดเวลา “ผมเองก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน… ตลกใช่ไหมที่ผู้ชายอย่างผมอยากมีเซ็กซ์กับผู้หญิงที่ชื่อวรันธาราตลอดเวลา…” ดวงตาสีน้ำเงินอมดำยามนี้ช่างเต็มไปด้วยความหิวกระหายยิ่งนัก
“ผมไม่เคยมีความต้องการทางเพศมากขนาดนี้มาก่อน สำหรับผมแล้วความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงจะมีอายุสั้นเสมอ แต่กับคุณ…”
เควินกวาดสายตามองไปทั่วดวงหน้านวลที่แดงซ่านอย่างลุ่มหลงไม่คิดปิดบัง
“ผมยังมองไม่เห็นวันนั้นเลย…”
“คุณ… กำลังล้อเล่นแน่ๆ เลยใช่ไหมคะ” สถานการณ์รอบกายตึงเครียด วรันธาราจึงจำเป็นต้องแสร้งหัวเราะขบขัน แต่เควินกลับไม่ได้รู้สึกร่วมด้วยเลย
“ในทุกๆ วันผมต้องพยายามเป็นร้อยครั้งพันครั้งที่จะไม่คิดถึงคุณ ไม่คิดถึงเวลาที่ทรวงอกของคุณบดเบียดอยู่กับร่างกายของผม ไม่คิดถึงเวลาที่สองขาของคุณโอบรัดรอบเอวของผม และไม่คิดถึงเวลาที่ผมอยู่ในความรุ่มร้อนคับแคบของคุณ…”
“เค… เควิน…”
“แต่ผมไม่เคยทำสำเร็จเลย… แม้แต่ครั้งเดียว”
หล่อนมองเห็นความหงุดหงิด กดดันในดวงตาของเขา แต่วูบหนึ่งมันก็จางหายไป คงเหลือไว้แต่ความปรารถนาร้อนแรงที่ยากจะดับลงได้
“ผมต้องการคุณ… ทั้งวัน ทั้งคืน…” ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแนบแน่นมากยิ่งขึ้น
“แม้กระทั่งตอนนี้… ตอนที่ร่างกายของคุณยังไม่พร้อม แต่ผมก็ยังอยาก… ยังต้องการจะเข้าไปในตัวของคุณ”
“เควิน…”
“จนแทบบ้า…”
หัวใจสาวสั่นสะท้านรุนแรง ร่างกายของหล่อนขานรับคำพูดหวามใจของเควินอย่างบ้าคลั่ง หล่อนอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าไม่ได้มีแค่เขาหรอกที่รู้สึกเช่นนั้น แต่หล่อน… หล่อนเองก็เช่นกัน ต้องการเขาจนแทบบ้า ต้องการจนไม่เหลือแม้แต่ยางอาย
แต่ก็ไม่อาจจะพูดออกไปได้ นอกจากก้มหน้าหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความหิวกระหายของเควินเท่านั้น
“แล้วคุณล่ะ… ต้องการผมหรือเปล่า”
“เอ่อ”
หล่อนอ้ำอึ้งไม่อาจตอบได้ และตั้งใจจะก้มหน้าอยู่แบบนั้น แต่ไม่ช้าใบหน้าก็ถูกฝ่ามือหน้าโอบประคองเอาไว้ พร้อมกับบังคับให้เงยขึ้นเพื่อสบประสานสายตา
“ต้องการผมหรือเปล่า”
“เควินคะ คือว่า…” หล่อนแก้มแดงละไม่ยอมสบตา
เควินอมยิ้มเพราะพอจะเข้าใจได้ว่าหญิงสาวขัดเขินหนัก “หลับตา ผมจะพิสูจน์คำตอบจากริมฝีปากแสนหวานของคุณ”
“หลับ… หลับตาเหรอคะ”
“อืมมมม์…”
ความตื่นตระหนกในดวงตาคู่งามยิ่งทำให้เควินรู้สึกปรารถนารุนแรงมากยิ่งขึ้น ฝ่ามือที่โอบประคองดวงหน้าเลื่อนไปที่ท้ายทอย สอดนิ้วพันกับกลุ่มเส้นผมนุ่ม พร้อมกระตุกเบาๆ ให้ดวงหน้าแดงซ่านแหงนสูงขึ้น เพียงพอที่จะตอบรับการจุมพิตโหยหาได้สมใจ
“เควิน…”
หล่อนพูดได้แค่นั้น ปากอิ่มก็ถูกทาบประกบด้วยริมฝีปากร้อนจัดลงมาอย่างหนักหน่วง เควินขยับปากเคล้าคลึงด้วยความช่ำชอง บดเคล้นกลีบปากนุ่มด้วยความเป็นเจ้าของ ลิ้นแกร่งบุกรุกพัวพันรัดรึงดูดกลืนหยาดเสน่หา มือหนึ่งตึงท้ายทอยแน่น อีกมือก็ฟอนเฟ้นบั้นท้ายอวบ
“เค… เควิน…”
พอเขาถอนปากออก หล่อนก็อดที่จะครางประทวงด้วยความขัดเขินไม่ได้ แต่เควินกลับไม่สะทกสะท้าน เขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นเลย ริมฝีปากกระด้างยังคงชิดใกล้ตลอดเวลา
“ผมอยาก… พาคุณขึ้นเตียง…”
“ไม่… ไม่ได้นะคะ เรา… เอ่อ ฉันหมายถึง ฉันอยากหัดว่ายน้ำค่ะ”
เควินอมยิ้มเจ้าเล่ห์ อยากจะบอกหล่อนออกไปนักว่า ยิ่งให้สอนว่ายน้ำ หล่อนก็จะยิ่งไม่รอด แต่ก็เงียบเอาไว้
“คุณแน่ใจหรือว่าต้องการแบบนั้น”
“ค่ะ… ค่ะ…”
ชายหนุ่มปล่อยมือจากร่างอรชร พร้อมกับถอยออกห่างสองก้าว และนั่นก็ทำให้วรันธาราแทบทรงตัวยืนไม่อยู่ จนต้องรีบคว้าพนักพยักเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุดเอาไว้ เควินหัวเราะเบาๆ
“คุณเหมือนกับคนถูกดูดวิญญาณไปเลยนะวรันธารา”
หล่อนเงยหน้าแดงๆ ขึ้น มองค้อนขึ้นพูด “ก็คุณ… จูบฉันตั้งนานนี่คะ”
“นานหรือ… นี่มันยังไม่นานเท่าครั้งแรกที่เราจูบกันเลยนะครับ”
“เอ่อ… ฉันไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วล่ะ เรามาว่ายน้ำกันเถอะค่ะ”
เควินอมยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือออกมาตรงหน้า แต่วรันธาราไม่ยอมจับ แถมยังเลือกที่จะกระโดดตูมลงไปในน้ำทันที ลืมไปเลยว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น
“ช่วย…
“ว่ายน้ำไม่เป็น แต่กระโดดตูมแบบนี้เนี่ยนะ ถ้าผมไม่อยู่ตรงนี้ คุณอาจจะกลายเป็นผีเฝ้าสระนี้เลยก็ได้ วรันธารา”
หญิงสาวไอแคร่กๆ สองสามครั้ง สองมือเกาะสองบ่าของเควินเอาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว
“ก็… ฉันคิดว่าน้ำจะน่ากลัวน้อยกว่าคุณนี่คะ”
“แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายคุณก็ต้องให้คนที่คุณคิดว่าน่ากลัวช่วยอยู่ดี จริงไหม”
“ไม่ต้องมาเยาะเย้ยเลย”
“ไม่ได้เยาะเย้ย แค่พูดให้คุณมองเห็นความเป็นจริงต่างหากล่ะ จำเอาไว้นะ อะไรที่ทำไม่ได้ ทำแล้วฝืนใจตัวเองก็อย่าทำ ไม่มีใครรักคุณมากเท่ากับตัวคุณหรอก”
วรันธาราช้อนตาขึ้นสบประสานกับคนพูดนิ่ง “งั้นในโลกนี้ฉันก็ไม่ควรไว้ใจใครเลยสินะคะ”
เควินอมยิ้ม ดวงตาเป็นประกายแพรวพราว “ยกเว้นผมเอาไว้หนึ่งคน เพราะผมจะไม่มีวันทำร้ายคุณ”
“แหวะ คุณนั่นแหละจอมมารร้าย และชอบทำร้ายจิตใจฉันที่หนึ่งต่างหาก คุณเควิน”
หญิงสาวเมินหน้าแดงๆ หนี แต่ไม่รอดถูกตึงปลายคางถึงให้หันกลับมาเผชิญหน้าอีกรอบ
“แต่ผมไม่เคยคิดร้ายกับคุณ แม้ว่าคุณจะเป็นนักข่าวก็ตาม”
วรันธาราจ้องหน้าเควินนิ่ง ก่อนจะทำใจกล้าถามออกมา “เพราะคุณวรัญญาใช่ไหมคะ คุณถึงเกลียดนักข่าว”
รอยยิ้มจางไปจากใบหน้าของเควิน สันกรามแกร่งขบกันจนเนื้อบริเวณนั้นกระตุกเป็นริ้ว
“เอ่อ ฉัน… ฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละ คุณไม่ต้องตอบก็ได้” หญิงสาวรู้สึกละอายใจ หล่อนไม่ใช่คนสำคัญดังนั้นไม่ควรจะไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเควินแบบนี้
“ฉัน… ขอโทษที่ถาม…”
“ใช่”
วรันธาราตกใจไม่น้อยที่เควินยอมตอบออกมา แต่ในเวลาเดียวกันความน้อยใจงี่เง่าก็เพิ่มทวีขึ้นภายในหัวใจเช่นกัน
“คุณ… คงรักเธอมาก”
เควินถอนใจเบาๆ ยกร่างของหล่อนให้ขึ้นไปนั่งบนขอบสระ ในขณะที่เขาแทรกตัวเข้ามาอยู่ในระหว่างสองขาของหล่อน ขาเรียวจำต้องอ้ากว้างที่สุดกว่าจะโอบรับเนื้อตัวใหญ่โตที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำยำของเควินเอาไว้ได้
“ก็แค่อดีต ตอนนี้ผมไม่ได้คิดอะไรกับวรัญญาแล้ว”
“จริงเหรอคะ” วรันธาราห้ามความยินดีทั้งน้ำเสียงและแววตาของตัวเองไม่ได้เลย
“อืมมม์” เควินอมยิ้ม ก่อนจะเอ่ยแซว “ดูท่าทางคุณจะดีใจเป็นพิเศษเลยนะ”
“เอ่อ… ใคร๊… ใครดีใจกัน ฉันเปล่าสักหน่อย”
“แล้วทำไมต้องทำเสียงสูงด้วยล่ะ”
วรันธาราหลบสายตาส่ายหน้าดิก
“ฉันเหรอ… ไม่ใช่สักหน่อย นี่เสียงปกติเลย”
เควินแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
“คุณน่ารักมาก รู้ตัวหรือเปล่า”
จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง พร้อมกับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น “ปละ ปล่อยก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ผมก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย”
“แต่คุณ… กอดฉันแน่นเกินไปแล้วนะคะ นี่ฉันแทบจะสิงเข้าไปในตัวของคุณอยู่แล้ว”
เควินได้ยินคำตัดพ้อก็หัวเราะร่วน “สิงหรือ? อืมมมม์ มันให้ความหมายเดียวกันกับตอนที่ผม…”
เขาหยุดพูดเล็กน้อย ขณะหรี่ตามองกลีบปากอิ่ม
“เข้าไปในตัวของคุณหรือเปล่า”
“คนบ้า… พูดอะไรคะ ฉันไม่คุยด้วยแล้ว” หญิงสาวขัดเขินหนัก ตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่หน้าเท่านั้นที่แดง แต่แดงซ่านไปทั้งตัว ที่ซอกขาก็รู้สึกชุ่มฉ่ำน่าละอายยิ่งนัก
“ฉัน… จะกลับห้องแล้วล่ะค่ะ”
“ยังกลับไม่ได้”
“ทะ ทำไมล่ะคะ”
“เราจะจูบกันก่อน”
“มะ ไม่ได้นะคะ ฉันอาย…”
“ได้สิ แบบนี้ไง…”
“อื้อ… อื้อ…”
แล้วมันก็ได้แบบที่เควินต้องการนั่นแหละ หนึ่งจูบเป็นสองจูบ และกลายเป็นสิบจูบในเวลาต่อมา เขาจูบจนปากอิ่มของหล่อนชอกช้ำนั่นแหละจึงยอมให้อิสรภาพ
“ผมอยากนอนกับคุณจัง”
คนตัวเล็กขัดเขินจนทำได้แค่หลบสายตาคม เควินอมยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย
“คุณจะยินยอมหรือเปล่า… ถ้าผมจะทำ”
“เควิน…”
“ผมจะพยายาม… ทะนุถนอมคุณ เท่าที่สติของผมจะทำได้”
คนตัวโตหายใจหนักหน่วง ก่อนจะดันตัวขึ้นมาจากน้ำ ขึ้นมานั่งเคียงข้างหล่อนบนขอบสระ
“เรากลับห้องกันเถอะ ผมต้องการคุณ”
หล่อนไม่มีแรงขัดขืนเลย แม้แต่แรงพูดก็ไม่มี ความปรารถนาในตัวของเควินช่างรุนแรงนัก มันมีผลต่อการควบคุมตัวตนของหล่อนเหลือเกิน หล่อนควรจะคัดค้าน แต่กลับยอมให้เขาสวมเสื้อคลุมให้ และโอบประคองแนบกาย
“ผมต้องการคุณ” เขาเสียงแหบพร่าที่ข้างหูอีกครั้ง แผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน
“เควิน”
เสียงหนึ่งดังขึ้น และมันก็ทำให้วรันธาราหน้าซีดตกใจ เพราะจำได้ดีว่าเป็นเสียงของแคลอรีน่ามารดาของเควินนั่นเอง ดังนั้นหล่อนจึงพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขนของเควิน แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย แถมยังกระชับแน่นขึ้นด้วย ในขณะหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับมารดา
“คุณแม่มีธุระกับผมหรือครับ”
แคลอรีน่าจ้องหน้าลูกชายตาเขียวปั๊ดก่อนจะเผื่อแผ่สายตานั้นมายังหญิงสาวในอ้อมแขนของลูกชายด้วย ซึ่งแน่นอนว่าวรันธาราต้องรีบเสหลบสายตาแทบไม่ทัน
“แม่รอลูกอยู่ที่ห้องทำงาน เกือบครึ่งชั่วโมง”
“ครับ”
“ครับ? แค่นี้เหรอที่จะบอกกับแม่ ลูกผิดนัด แล้วยังเอาเวลาที่นัดกับแม่มาจู๋จี๋กับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างนังนี่อีก”
“วรันธาราคือชื่อของเธอครับ” เควินแก้ให้เสียงต่ำ ขณะจ้องประสานสายตากับมารดา
“และผมก็ไม่ชอบให้ใครมาจิกหัวเรียกเมียของตัวเองว่านังนั่นนังนี่ แม้แต่แม่ของตัวเอง”
“เควิน!”
แคลอรีน่ากระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ แต่เควินผู้เป็นลูกชายกลับไม่สะทกสะท้าน ยิ้มมุมปาก
“ถ้าคุณแม่ไม่มีธุระอะไรด่วน ผมขอตัวนะครับ เพราะผมกับเมียมีเรื่องด่วนที่ต้องทำกันต่อให้เสร็จ”
“เควินคะ” วรันธาราพยายามปรามคนตัวโต แต่เขาหาได้สนใจไม่ เพราะเขายังคงต่อกรกับมารดาของตัวเองอย่างเหี้ยมเกรียม จนหล่อนอดสงสัยความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกไม่ได้
“ผมหวังว่าคุณแม่จะไม่ถามนะครับ ว่าผมกับเมียจะไปทำอะไรกัน”
“ถ้าทำอะไรกันเสร็จแล้ว ก็ให้คนไปบอกแม่ด้วยก็แล้วกัน แม่มีเรื่องจะคุยด้วย” แคลอรีน่ากำมือที่อยู่ข้างตัวแน่น “เรื่องสำคัญ!”
“ครับ” เควินตอบมารดาเสียงกระด้าง ก่อนจะช้อนตัวลงช้อนร่างของ วรันธาราขึ้นมากกอดแนบอก
“เควินคะ คุณจะทำอะไร…” หญิงสาวอุทานตกใจ และลอบมองข้ามบ่าของคนตัวโตไปยังแคลอรีน่า สายตาที่เต็มไปด้วยอริศัตรูคือสิ่งที่หล่อนได้เห็นในดวงตาของผู้หญิงคนนั้น
น่ากลัว…
“กลับห้องกันเถอะที่รัก ผมต้องการคุณจะแย่อยู่แล้ว” แล้วเควินก็ก้าวยาวๆ เดินจากไป ในขณะที่แคลอรี่น่ายืนกำมือแน่นด้วยความขัดเคืองใจอยู่เพียงลำพัง
“แม่จะเขี่ยนังนี่ออกไปจากชีวิตของลูกให้เร็วที่สุด เควิน!”
“คุณแม่ของคุณเหรอคะ” เมื่อร่างถูกวางลงบนเตียง วรันธาราก็อดที่จะถามในสิ่งที่คาใจไม่ได้
“อืมม์” เควินรับคำสั้นๆ ขณะยืนปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนออก และกระแทกลมหายใจออกมาหงุดหงิด “ผมกับยายแม่มดไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่ แต่คุณไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ให้ใครมาทำร้ายคุณอีกเด็ดขาด”
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
“แล้วคุณถามทำไม หรือว่ากลัว”
วรันธาราส่ายหน้าน้อยๆ “ฉันแค่… ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้คุณกับแม่ต้องผิดใจกัน”
“ผมกับยายแม่มดไม่เคยถูกใจกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่…” เควินหยุดพูดเอาดื้อ “เลิกพูดถึงคนอื่นเถอะ”
“แต่ท่าทางของคุณแม่คุณ… ไม่ยินดีที่เห็นฉัน…”
“ผมไม่แคร์ เอาล่ะพักผ่อนได้แล้ว ผมจะอาบน้ำ” แล้วเสื้อเนื้อตัวก็หลุดออกจากร่างกำยำ พร้อมๆ กับแผงอกกว้างที่มีเส้นขนขึ้นรกเลื้อยกระแทกเข้ามาใส่ตา
วรันธาราแทบเก็บน้ำลายเอาไว้ไม่อยู่ เควินหุ่นดีมาก หล่อมาก และหุ่นแซ่บเหลือหลาย
“มองแบบนี้… ผมหวั่นไหวนะ”
“ฉัน… ฉัน…” คนตัวเล็กเสหลบตา ในขณะที่เควินจู่โจมเข้ามาหยุดตรงหน้าและโน้มตัวลงมาหา กลิ่นลมหายใจของเขาช่างเซ็กซี่จนหล่อนสะท้านไปทั้งหัวใจ
“เคน…”
“อีกสองวัน… เราจะอาบน้ำด้วยกัน”
คนฟังขนลุกซู่และก็ร้อนจัดไปทั่วทั้งอุ้งเชิงกราน
“เควิน…”
เควินอมยิ้ม ก่อนจะยืดตัวตรง “ตอนนี้ผมสงสารร่างกายของคุณมาก ถ้าถูกผมกัดกินอีก คงจะช้ำหนักมากไปกว่านี้ ผมจะอดทน แม้มันจะทรมานก็ตาม”
เขาถอยออกห่าง ในขณะที่หล่อนก้มหน้าซ่อนความขัดเขิน
“นอนพักผ่อนเถอะ ผมเองก็จะนอนแช่น้ำอุ่นสักพัก อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน” เขาระบายยิ้มให้ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ วรันธาราอมยิ้มหน้าตาเปี่ยมสุข
เควินน่ารักเหลือเกิน ยิ่งอยู่ด้วย ก็ยิ่งรู้ว่าผู้ชายดุดันที่ทุกคนมองว่าป่าเถื่อน ซ่อนความน่าเอ็นดูเอาไว้มากมายแค่ไหน
“ฉัน… คงถอนใจจากคุณไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เควิน…”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอึดอัดมาสองสามวันแล้ว แต่หล่อนก็พยายามที่จะอดทนเอาไว้ แคลอรีน่าพยายามหาทางเข้าใกล้หล่อนทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ทุกครั้งก็ถูกเควินขวางเอาไว้ทุกครั้งเช่นกัน
เควินก็ช่างแสนดีกับหล่อน แต่ทำไมนะ ทำไมความรู้สึกในยามนี้ถึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว…
กลัวสายตาของแคลอรีน่าที่มองมาเหลือเกิน…
“อิ่มแล้วหรือ”
“เอ่อ ค่ะ” วรันธาราตอบเสียงเบา
“แต่คุณพึ่งกินไปนิดเดียวเองนะ กินอีกหน่อยมาผมตักให้”
แล้วเควินก็ตักกับข้าวใส่จานให้อีกอย่างเอาใจ จนแคลอรีน่าผู้เป็นมารดาอดที่จะกระแอมเตือนด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“ตักให้แต่คู่นอน แล้วไม่คิดจะตักให้แม่บ้างหรือเควิน”
“เมียครับ วรันธาราเป็นเมียของผม”
แคลอรีน่าหัวเราะเบาๆ ปรายตามองวรันธาราอย่างไม่เป็นมิตร
“แม่ก็เห็นลูกพูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่เคยพาเข้ามานอนในบ้านนั่นแหละ”
เควินถอนใจแรงๆ ก่อนจะตัดสินใจตักอาหารใส่จานให้กับมารดาบ้าง เรื่องจะได้สงบลง แต่ผิดคาดเพราะแคลอรีน่ายังคงหาเรื่องต่อไปไม่หยุดหย่อน
“ไม่น่าเชื่อว่าเควิน คาสโตรเซ่นจะยอมตักอาหารให้แม่ เพียงเพราะต้องการปกป้องผู้หญิงคนเดียว”
“คุณแม่ครับ ถ้าจะหาเรื่องผม เอาไว้กินเสร็จ แล้วเราไปถกกันในห้องทำงานของผมดีกว่า”
“เคนคะ” วรันธาราแตะมือของเควิน พยายามจะทำให้เขาใจเย็นลง ซึ่งก็ช่วยได้เล็กน้อย
แคลอรีน่าเบ้ปาก ยิ่งเห็นวรันธารามีอิทธิพลต่อลูกชายมากเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งเกลียด
“แม่อิ่มแล้ว” หญิงสูงวัยดันจานออกห่าง ก่อนจะลุกขึ้นยืน “อีกครึ่งชั่วโมงแม่จะไปรอที่ห้องทำงานของลูก”
“ครับ”
แคลอรีน่าสะบัดหน้าเดินจากไป แต่เควินไม่สนใจ
“เคนคะ แม่ของคุณกำลังโกรธ…”
“ช่างปะไร ผมไม่เอามาใส่ใจหรอก”
“แต่เคนคะ”
“หุบปาก กินซะ อย่าทำให้ผมโมโหนักเลย ขอร้องล่ะ” เขาตวาดออกมาอย่างลืมตัว และนั่นก็ทำให้วรันธาราน้ำตาคลอเบ้า หล่อนจำต้องก้มหน้าตักอาหารใส่ปากเงียบๆ ด้วยความเสียใจ
เควินเห็นน้ำตาของวรันธาราแล้วก็รู้สึกเกลียดตัวเอง เกลียดที่รู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้เห็น เกลียดที่ไม่เคยหยุดอ่อนไหวกับน้ำตาของผู้หญิงคนนี้ได้เลย ไม่ว่าจะครั้งไหนก็ตาม
“ผมขอโทษ…”
“มะ ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ” วรันธาราเงยหน้าขึ้น ฝืนยิ้ม “คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
เควินยกมือขึ้นแตะที่บ่าบอบบางแผ่วเบา “จำเอาไว้นะ ผมไม่เคยต้องการให้คุณร้องไห้ ความรู้สึกของคุณคือสิ่งที่มีผลกระทบต่อผมมากที่สุดในตอนนี้ วรันธารา”
“เควิน…”
ทั้งสองจ้องมองกันผ่านความรู้สึกทางสายตา แต่เควินก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อน
“เดี๋ยวกินเสร็จเราไปว่ายน้ำกันนะ”
“ฉัน… ว่ายน้ำเป็นที่ไหนกันล่ะคะ”
“ผมจะสอนคุณเอง” นิ้วแกร่งยกขึ้นไล้แก้มนวลที่ตอนนี้รอยฟกช้ำไม่หลงเหลืออยู่แล้วเบาๆ “ผมยินดีจะสอนคุณทุกเรื่อง”
คนตัวเล็กยิ้มเอียงอาย หลบสายตา
“ขอบ… ขอบคุณค่ะ”
“เอาไว้ขอบคุณผม… ตอนที่เรากอดกันอยู่ในน้ำดีกว่า เพราะตอนนั้นผมคงจะยินดีรับคำขอบคุณของคุณมากกว่าตอนนี้”
“คุณหมายถึง…”
ไหล่กว้างไหวน้อยๆ ดวงตาสีน้ำเงินอมดำเจ้าเล่ห์วิบวาว
“ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่… คิดเลยเถิดไปไกลนิดหน่อย เอาล่ะ… กินซะ จะได้อิ่มเร็วๆ ผมอยากสอนคุณว่ายน้ำใจจะขาดอยู่แล้ว”
“แต่… คุณมีนัดกับคุณแม่ไม่ใช่เหรอคะ”
หญิงสาวนึกขึ้นมาได้ก็รีบเตือน
แต่เควินกลับไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“เรื่องของยายแม่มดคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะนึกถึง”
“แต่ยังไงเธอก็เป็นแม่ของคุณนะคะ บางทีคุณควรจะ…”
“ความเป็นแม่ของผู้หญิงคนนั้นหมดไปทั้งแต่ผมสิบขวบแล้วล่ะ ไม่มีเยื่อใยอะไรระหว่างเราอีก นอกจากบุญคุณที่เธอเบ่งผมออกมาเท่านั้นแหละ”
เควินผุดลุกขึ้นยืน ซึ่งมันเป็นการตัดบทที่ทรงอานุภาพนัก “ผมจะไปรอที่สระน้ำ ตามมาเร็วๆ ล่ะ”
“เอ่อ ค่ะ ฉันจะรีบไป”
เควินอมยิ้ม “บิกินีของคุณผมเตรียมเอาไว้ให้แล้วนะ สีแดงวางอยู่บนเตียงน่ะ”
มันจะเป็นไปได้ยังไง ก็ตอนที่หล่อนลงมายังไม่เห็นเลย?
วรันธาราเบิกตากว้างเหลือเชื่อ เควินเห็นแล้วก็อมยิ้มขบขัน “ผมพึ่งให้คนออกไปซื้อมาน่ะ แต่รับรองว่าซักอบเรียบร้อยแล้ว คุณใส่ได้เลย” เขายิ้มกว้างก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้หล่อนหน้าแดงซ่านขัดเขินเพียงลำพัง
วรันธาราสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา หยุดที่ข้างเตียง หญิงสาวลืมตาขึ้นทันที และก็ได้เห็นเขา
“เควิน…”
“ผมทำคุณตื่นใช่ไหม” น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้หลับเลยต่างหาก”
เควินทรุดกายลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนจะกุมมือเล็กเอาไว้ “แล้วทำไมไม่ยอมพักผ่อน แบบนี้เมื่อไหร่จะได้กลับบ้านกันล่ะ”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ความจริงวันนี้ก็กลับได้แล้ว แต่คุณนั่นแหละไม่ยอมให้กลับ” หล่อนพ้อเสียงเบา
เควินส่ายหน้า “จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงกัน หน้าผากก็แตก แก้มก็ช้ำ ไหนจะรอยเขียวตามเนื้อตัวคุณอีก อยู่ใกล้หมอนั่นดีแล้ว”
นัยน์ตาสีน้ำเงินอมดำของเควินจับจ้องไปตามร่องรอยบนเนื้อตัวของหญิงตรงหน้า และความรู้สึกเหมือนใจจะขาดก็ระเบิดขึ้น
“ถ้าผมไปไม่ทันจะทำยังไง ผมไม่อยากคิดเลย”
“ฉันก็คงเละมากกว่านี้มั้งคะ”
หญิงสาวตอบติดตลก แต่เควินไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
“ผมคงขาดใจ”
ดวงตากลมโตเหลือบมองคนพูด ก่อนจะก้มหน้าหนีสายตาละมุมของผู้ชายเจ้าของคำพูด
“รู้ไหมว่าผมแทบบ้า ตอนที่หาตัวคุณไม่เจอ”
“ฉัน… ฉันโง่มากใช่ไหมคะ ที่ไปที่นั่น”
“ใช่โง่มาก โง่ซ้ำซาก จนผมอยากจะเขกเขลกกะโหลกคุณเลยทีเดียว”
วรันธาราน้ำตารื้นในดวงตา “ฉัน… ขอโทษค่ะ ที่ทำให้คุณเดือดร้อน ต่อไปจะพยายาม…”
“จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว เพราะเราจะแต่งงานกัน”
“แต่ง… แต่งงาน?” หล่อนได้ยินคำพูดนี้ของเควินตอนที่อยู่ในวงล้อมของฝูงชน แต่ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังอะไร
“มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผมได้ดูแลคุณทุกฝีก้าว”
แก้มนวลแดงซ่าน “เอ่อ ความจริงฉันก็ไม่ใช่คนอ่อนแออะไรแบบนั้นสักหน่อย ฉัน… ดูแลตัวเองมาได้ตั้งยี่สิบกว่าปี คุณไม่ต้องเสียสละตัวเองมาปกป้องฉันแบบนั้นหรอกค่ะ”
“ถ้าผมไม่ทำ… คุณก็จะถูกคนพวกนั้นทำร้ายอีก อย่าลืมสิว่าคนพวกนั้นถูกปั่นหัวสำเร็จไปแล้ว พวกเขายังเชื่อว่าคุณแบล็คเมล์เมย์ผมอยู่ สักวันคุณจะต้องถูกทำร้ายอีก”
วรันธาราช้อนตาขึ้นมองคนพูด เขาเหมือนห่วงใย แต่กลับยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกห่างไกลเหลือเกิน
แต่งงานเพราะต้องการปกป้อง?
“แต่… ถ้าฉันระวังตัวมากขึ้น…”
“มันไม่พอหรอก และไม่ใช่ทางออกที่ดี เชื่อผมสิ แต่งงานกับผม และถ้าเมื่อไหร่เราเบื่อกัน เราก็จะหย่าขาดจากกันทันที”
“เควิน… นี่คุณกำลังจะริดลิดรอนอิสรภาพของตัวเองเพื่อผู้หญิงที่เคยหลอกลวงคุณนะคะ”
ดวงตาของเควินไหววูบ ก่อนที่เขาจะเสมองไปทางอื่น พร้อมกับปล่อยคำพูดออกมา
“มันก็แค่ชั่วคราวน่า ผมแค่ไม่อยากมาโรงพยาบาลบ่อยๆ เพียงเพราะต้องมาเฝ้าคู่นอนแบบคุณ”
นี่หล่อนควรยินดีไหมเนี่ย?
“คุณ… คิดดีแล้วหรือคะ เควิน”
“แน่นอน ผมคิดดีแล้ว และจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”
“ฉัน… ฉันอยากให้คุณตัดสินใจอีกครั้ง อย่างน้อยๆ ก็ให้คิดถึงความเป็นจริงก่อน”
เควินนั่งเงียบรับฟัง
“คุณมองฉันสิคะ… ฉันไม่ได้สวยขนาดที่คุณจะเลือกเอามาเป็นคู่นอนได้ด้วยซ้ำ คนรักเก่าของคุณสวยกว่าฉันเป็นพันเท่า และเธอก็กลับมาแล้ว ทำไมคุณไม่…”
“แต่คุณสวยมาก… เวลาอยู่ใต้ร่างของผม วรันธารา”
เขาพูดให้หล่อนแก้มแดงจัดเลยทีเดียว วรันธาราขัดเขิน จนต้องดึงมือหนี “ฉัน… ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องแบบนั้นสักหน่อย”
“ในความหมายของผมมันคือทุกเรื่อง” แล้วเขาก็ตรึงปลายคางของหล่อนอีกครั้ง พร้อมกับจ้องหน้า
“ความสุขคือสิ่งที่ผมต้องการในชีวิต และการมีคุณอยู่ข้างๆ ทำให้ผมมีความสุข”
“เควิน…”
เหมือนเขากำลังจะสารภาพรัก?
“ดังนั้นอยู่ด้วยกันก่อน… จนกว่าจะเบื่อหน่ายกัน”
หัวใจของวรันธาราเหี่ยวแห้งลงกับประโยคต่อมาของเควิน
“ค่ะ ถ้าคุณต้องการแบบนั้น ฉันก็ตกลง ขอบคุณนะคะที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน”
“ผมไม่มีวันยอมให้ใครทำลายของที่เป็นของตัวเองได้หรอก คุณสบายใจได้ วรันธารา”
หญิงสาวเอียงหน้าหนี จนปลายคางหลุดจากนิ้วแกร่ง “ฉัน… ฉันง่วงแล้วค่ะ ขอพักผ่อนนะคะ”
เควินมองนิ่ง ก่อนจะพูดออกมา
“งั้นนอนเถอะ ผมไม่กวนแล้ว”
วรันธารามองร่างสูงใหญ่ที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงไปนั่งลงบนโซฟาริมห้องแทนด้วยความประหลาดใจ
“คุณ… จะทำอะไรคะ”
เขาหันหน้ามามอง ก่อนจะอมยิ้ม “ก็จะนอนไงครับ เหนื่อยมาทั้งวันเหมือนกัน”
“แต่คุณ… คุณควรกลับไปนอนที่บ้าน โซฟานั่นคงไม่สบายสักเท่าไหร่”
“ใช่ โซฟานี่มันแข็งเกินไป แต่ที่ผมอดทนก็เพราะไม่อยากทิ้งให้คุณนอนเหงาอยู่ตามลำพัง”
“แต่ฉัน… อยู่ได้ค่ะ”
“ผมรู้ว่าคุณอยู่ได้ แต่ผมไม่ยอมให้คุณอยู่คนเดียวต่างหาก เอาล่ะ นอนได้แล้ว ง่วงไม่ใช่หรือ” แล้วพ่อเจ้าประคุณก็ล้มตัวลงนอน เปลือกตาหนาปิดลงในเวลาต่อมา
วรันธารานอนตะแคงข้างหันหน้าไปทางเขา ก่อนจะอมยิ้มอย่างมีความสุข แม้เควินจะไม่เคยบอกว่ารัก บอกว่าปรารถนา แต่ทุกการกระทำของเขาทำไมถึงทำให้หล่อนแอบคิดไปไกลนักนะ
“คุณคิดยังไงกับฉันกันแน่คะ เควิน…”
หญิงสาวพึมพำในลำคอด้วยความสงสัย ก่อนจะนอนมองใบหน้าหล่อเหลาของคนเฝ้าไข้จนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เควินค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง และคราวนี้ก็เป็นเขาบ้างที่แอบมองดวงหน้าหวานเงียบๆ ตลอดทั้งคืน
ช่วงสายของวันถัดมา วรันธาราก็ได้กลับบ้านสมใจ ร่างของหล่อนถูก เควินอุ้มขึ้นมาแนบอกทันที เมื่อรถสปอร์ตราคาแพงระยับจอดสนิทที่หน้าคฤหาสน์หรู
“ฉันเดินเองได้ค่ะ เควิน”
“ผมรู้ แต่ผมอยากอุ้มคุณนี่”
คนตัวโตตอบกลับอย่างพาลเกเร ขณะพาหล่อนก้าวเข้าไปภายในตัวตึกใหญ่
“คุณ… คุณเคนคะ”
ป้าเดซี่วิ่งหน้าตาตื่นมาหยุดตรงหน้า
เควินเลิกคิ้วอย่างสงสัยกับท่าทางของแม่บ้านเก่าแก่ ซึ่งหล่อนเองก็รู้สึกเช่นเดิมกัน
“มีอะไรหรือป้าเดซี่”
“คือ… คือว่า…”
ป้าเดซี่ยังไม่ทันพูด เสียงของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้นด้านหลังเสียก่อน เควินหมุนตัวไปมองทั้งๆ ที่อุ้มวรันธาราอยู่ในอ้อมแขน
“สวัสดี เควิน”
“คุณแม่…”
เควินเบิกตากว้างรู้สึกแปลกใจไม่น้อย “ผมไม่คิดว่าคุณแม่จะแวะมาที่นี่อีก”
แคลอรีน่ามารดาแท้ๆ ของเควินเดินมาหยุดตรงหน้าลูกชาย ก่อนจะปรายตามองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของลูกชายด้วยสายตามืดดำ
“ถ้าแม่ไม่มา… แล้วจะได้เห็นภาพที่ลูกชายสุดที่รักของแม่อุ้มผู้หญิงเอเชียเอาไว้ในอ้อมแขนเหรอ”
“เอ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่” วรันธารารู้สึกหน้าชาดิกกับสายตาไม่เป็นมิตรของแคลอรีน่า
“วรันธารายังไม่แข็งแรง เธอพึ่งออกจากโรงพยาบาล”
“เหรอ”
“ครับ”
ผู้มีมารดาแค่นยิ้ม ก่อนจะช้อนตาขึ้นสบประสานกับลูกชาย
“แม่หวังว่าลูกจะไม่จริงจังกับผู้หญิงคนนี้เกินกว่าคู่นอนทั่วๆ ไปนะ เควิน”
“ผมขอตัวครับ”
แล้วเควินก็อุ้มวรันธาราเดินหนีเอาเสียดื้อ แคลอรีน่ามองตามหลังบุตรชายไปด้วยสายตาไม่พอใจ
“ป้าเดซี่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“เอ่อ…”
“เอ่ออะไร ฉันถามว่านังผู้หญิงที่ออเซาะเควินเป็นใคร?!”
“ปะ เป็น… ผู้หญิงของคุณเคนค่ะ”
“ฉันรู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงของเควิน! แต่ที่ฉันถาม เพราะฉันอยากรู้ว่ามันเป็นใคร พื้นเพมาจากที่ไหน เควินถึงได้ทำท่าหลงใหลมันขนาดนี้”
แคลอรีน่าอาละวาด
“เธอ… เป็นนักข่าวค่ะ”
“นักข่าว?”
“ชะ ใช่ค่ะคุณนาย”
“เควินเกลียดนักข่าวไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าสำหรับคนนี้คุณเคน… ไม่ได้เกลียด แต่…”
“หุบปากไปเลย แล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว”
ป้าเดซี่ก้มหน้าเป่าปากโล่งอก ที่ถูกไล่ออกมา เพราะทุกคนที่นี่ต่างไม่มีใครอยากรองรับอารมณ์ของแคลอรีน่าแม้แต่คนเดียว
“ดิฉันขอ… ขอตัวค่ะ”
แคลอรีน่าเดินกลับไปกลับมาอย่างไม่พอใจ
“เราต้องคุยกัน เควิน!”
“ความจริง… ไม่ต้องมาโรงพยาบาลก็ได้ค่ะ” วรันธาราบอกคนข้างตัวเสียงอ่อย และก็แสนจะสำนึกผิด
เควินเอียงหน้ามองมาหาด้วยสายตาเย็นชา และนั่นก็ยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น
“ฉันขอโทษค่ะ ฉัน…”
“คำขอโทษไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี” เควินเค้นเสียงคำรามออกมา ขณะยกมือขึ้นประคองแก้มนวลบอบช้ำเอาไว้ ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่ผ้าก๊อตสีขาวที่แปะทับบาดแผลบนหน้าผากมนด้วยความรู้สึกทรมาน
“ต่อไป… ห้ามอยู่ห่างจากผมอีกแม้แต่ก้าวเดียว”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ เพราะผมจะไม่ใจอ่อนกับคุณอีกต่อไปแล้ว วรันธารา”
หน้าของวรันธาราสลดลง
“ฉัน… ฉันรู้ว่าทำให้คุณเดือดร้อนมาก แต่ฉัน… ไม่ได้ตั้งใจเลย… ฉัน…” น้ำตาพาลจะไหล
“ผมเดือดร้อนยังไม่เท่ากับคุณเจ็บตัวหรอกนะ”
หญิงสาวช้อนดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมอง “ฉันจะ… ไม่เชื่อคำพูดของใครอีกแล้ว”
เควินเค้นเสียงหัวเราะเยาะหยัน
“คุณเชื่อคำพูดของทุกคนบนโลก แม้แต่ศัตรู ยกเว้นคำพูดของผมเท่านั้นที่คุณไม่เคยเชื่อ ไม่เคยฟัง ทั้งๆ ที่ผมแสนจะเป็นห่วงคุณ…”
วรันธาราร้องไห้ออกมา
“เควิน… ฉันขอโทษ… ฉัน…”
“ถ้าไม่อยากทำให้ผมโกรธมากไปกว่านี้ อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เพราะถ้าผม… ไปไม่ทัน…”
เควินหยุดพูด และเบี่ยงหน้าหนี
วรันธารายื่นมือมาจับท่อนแขนกำยำเอาไว้ “ฉันสัญญาค่ะ ฉันสัญญาว่าต่อไป… คำพูดของคุณจะเป็นสิ่งเดียวที่ฉันเชื่อ… และไว้ใจ”
เควินตวัดตากลับมามอง ก่อนจะทำเสียงหมั่นไส้ “ให้มันแน่เถอะ คุณมักเอาผมไว้สุดท้ายเสมอ”
“เควิน…”
เมื่อรู้สึกหนักอึ้งภายในอกจนเจียนจะระเบิด เควินก็จำต้องหยุดทุกความรู้สึกเอาไว้ พร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ผมมีธุระต้องไปจัดการ อีกสามชั่วโมงเจอกัน”
“คุณ… มีงานด่วนหรือคะ”
“ด่วนมาก”
วรัญญาวรันธาราฝืนยิ้มบางๆ ให้ ขณะมองร่างสูงใหญ่ก้าวตรงไปยังประตูห้อง
“ฉันจะรอคุณนะคะ”
เควินชะงักเท้าที่ปากประตู ก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินกลับมาหยุดที่เตียงอีกครั้ง
“ต่อให้คุณไม่รอ ผมก็จะมา” เขาโน้มตัวลงมาหา ก่อนจะจูบเบาๆ ที่ปากอิ่มของหล่อน “เพราะคุณเป็นของผม… ของผมคนเดียว”
เนื้อตัวของวรันธาราหวามไหว ในขณะที่เขาก้าวหายออกไปจากห้องแล้ว
หญิงสาวก้มหน้าอมยิ้มให้กับตัวเองทั้งน้ำตา ก่อนจะตกใจเมื่อประตูห้องถูกเปิดกว้างออก พร้อมๆ กับผู้ชายใส่สูทสีดำสองคนเดินเข้ามา
“ผมสองคนมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับคุณวรันธาราครับ”
“ดูแลฉัน?”
“ตามคำสั่งของคุณเควิน…”
“แต่ว่าฉันไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ที่นี่มีหมอและพยาบาลมากมาย”
“พวกผมขัดคำสั่งของคุณเควินไม่ได้ครับ”
วรันธาราพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ขอบคุณมากค่ะ”
“พวกผมจะไปเฝ้าอยู่หน้าประตู ถ้ามีอะไรตะโกนเรียกดังๆ นะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
วรันธารามองร่างสูงๆ ของสองหนุ่มชุดดำที่ก้าวออกไปแล้วด้วยรอยยิ้ม เควินเป็นห่วงหล่อนจริงๆ นั่นแหละ
หัวใจสาวพองโตแน่นอก…
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งติด และนั่นก็ทำให้คนที่กำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในคอนโดหรูต้องชะงัก หันไปมองที่ประตู
“ใครคะ”
ไม่มีเสียงใครตอบกลับมา นอกจากเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอีกครั้ง วรัญญากระแทกลมหายใจแรงๆ อย่างโมโห
หล่อนกำลังหงุดหงิดที่แผนล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมเควินยังประกาศจะแต่งงานกับวรันธาราต่อหน้าฝูงชนอีก
“มีธุระอะไรกับฉัน….”
หล่อนพูดได้เท่านั้นก็ต้องชะงักค้าง คาปากประตู เมื่อผู้ชายตรงหน้าคือเควิน คาสโตรเซ่น
“เค… เควิน…”
เควินยังคงหล่อเหลาเช่นเดิม ไม่สิ… เขาดูหล่อเหลามากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ดวงตาสีน้ำเงินอมดำดดุดันขึ้น แต่ก็ระคนไปด้วยความหวานฉ่ำที่ได้รับจากแพขนตาดาหนาดก ปากของเขาก็ยังได้รูปสวย สีสดน่าจุมพิตเหมือนเดิม
เพราะอะไรกัน? ผีบ้าตัวไหนกันที่ทำให้หล่อนเลือกเงินเพียงไม่กี่เหรียญแทนที่จะเลือกเควิน
“เควิน…”
“คุณทำร้ายผู้หญิงของผม” ท่าทางของเควินไม่เหลือมิตรไมตรีใดๆ อยู่เลย
วรัญญาเชิดหน้าสูง ทำหน้าไม่รู้เรื่อง “อะไรกันคะเคน… มาถึงก็หาเรื่องเรยาเลย”
“อย่ามาตอแหล!”
“เคน… ทำไมพูดหยาบคายกับเรยาแบบนี้คะ” หญิงสาวพยายามบีบน้ำตา แต่ไม่ได้ผล
“ความจริงผมควรฆ่าคุณเสียด้วยซ้ำ วรัญญา!”
แม้จะพยายามเก็บซ่อนอารมณ์เอาไว้แค่ไหน แต่ไม่ช้าวรัญญาก็สติแตก เมื่อเห็นความห่วงใยที่เควินมีต่อวรันธาราศัตรูหัวใจหมายถึงหนึ่งของตัวเอง
“ทำไมคะ แตะต้องมันไม่ได้เลยหรือไง นังกะหรี่นั่นน่ะ”
ปัง! กำปั้นของเควินกระแทกเข้าใส่กำแพงเหนือศีรษะของวรัญญาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“อย่าใช้เวลาคำพูดต่ำๆ กับคนของผมอีก!”
วรัญญาตกใจ เพราะไม่เคยเห็นเควินเหี้ยมเกรียมเช่นนี้มาก่อนเลย ขนาดตอนนี้เขารู้ว่าหล่อนขายรูปส่วนตัวให้กับนักข่าว เขายังแค่ไล่หล่อนออกจากห้องเท่านั้น แต่นี่…
“คุณรักมันใช่ไหมคะ!”
“มันเรื่องของผม แต่สำหรับคุณ… ผมเกลียด… จำเอาไว้เสียด้วย”
“เกลียด… คุณเกลียดผู้หญิงที่ตัวเองเคยรักได้ยังไงกันคะ เคน เราเคยรักกันมาก คุณจำมันไม่ได้แล้วหรือไง”
เควินกัดฟันแน่น กรามแกร่งสั่นระริกด้วยโทสะ
“ผมลืมความรู้สึกพวกนั้นไปหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณทรยศผม”
“แล้วนังนั่นไม่ได้ทรยศคุณหรือไงคะ มันก็ขายรูปของคุณเหมือนกัน และที่สำคัญมันเป็นนักข่าว!”
เควินเงยหน้าขึ้นสูงเพื่อควบคุมโทสะของตัวเองให้เบาลง
“วรันธาราทำแบบนั้นเพราะหน้าที่ แต่สำหรับคุณ… ทำเพราะหน้าเงิน”
“เคน! นี่คุณกำลังปกป้องมันนะคะ”
“ใช่ ผมกำลังปกป้องวรันธารา และเตรียมตัวเอาไว้เลย ผมเล่นงานคุณหนักแน่”
“คุณไม่กล้าหรอก ยังไงซะเราก็เคยรักกัน ขนาดเมื่อก่อนคุณยังไม่กล้าจับฉันส่งตำรวจเลย”
“อย่าพูดถึงไอ้เควินอ่อนหัดคนนั้นอีกเลย เพราะตอนนี้มันตายไปแล้ว คนตรงหน้าคุณคือเควิน คาสโตรเซ่นคนใหม่”
เควินโน้มตัวลงไปหา
“ที่พร้อมจะฆ่าทุกคนที่มาแตะต้องสมบัติของตัวเอง”
“แต่นังนั่นมัน…”
“วรันธาราคือผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วย”
“ไม่จริง คุณจะต้องไม่เลือกมัน”
วรัญญารับไม่ได้น้ำตาร่วง
“เควินคะ ฉันรู้ว่าคุณยังโกรธอยู่ แต่ฉันขอโทษ… เรากลับมาคบกันอีกได้ไหมคะ เรากลับมารักกัน… รักกันเหมือนเมื่อก่อน”
แล้ววรัญญาก็แนบหน้าลงไปที่แผ่นอก คิดว่าเควินจะหวั่นไหวบ้าง แต่เขากลับผลักจนหล่อนกระเด็นล้มลงไปที่พื้น
“แต่ผมเลือกแล้ว ส่วนคุณคืออดีตที่ผมไม่อยากพูดถึงอีก เอาเป็นว่าเตรียมรอหมายเรียกจากตำรวจได้เลย ผมไม่มีทางปล่อยคุณแน่”
“เควิน!”
“ลาก่อน หวังว่าคุณจะไม่เฉียดเข้ามาใกล้ชีวิตของผมอีก วรัญญา”
เควินทิ้งท้ายอย่างไม่เหลือเยื่อใย ก่อนจะเดินจากไปตลอดกาล วรัญญาร้องไห้สะอึกสะอื้น กับความพ่ายแพ้ที่ได้รับ หล่อนอุตส่าห์กลับมาหาเขาอีกครั้ง แต่กลับ… กลับไม่เป็นอย่างที่หวังเลย
“นี่… คุณไม่ได้รักฉันแล้วจริงๆ หรือคะ เควิน…” มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ แต่ร้องได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน หญิงสาวกัดฟันลุกขึ้นยืน เดินกลับเข้าไปในห้อง
“มีอะไรเหรอ”
“พี่เรยาช่วยเนสด้วย เนสถูกตำรวจจับค่ะ”
“ช่วยตัวเองไปก่อนเถอะ เพราะพี่ก็กำลังลำบากเหมือนกัน แค่นี้นะ พี่จะเก็บของกลับเมืองไทยแล้ว”
“พี่เรยา! พี่ทำแบบนี้ไมได้นะ พี่มาประกันตัวให้เนสก่อน พี่เรยา!”
วรัญญาตัดสายทิ้งไปแล้ว ในขณะที่วาเนสซ่ายังคงแผดเสียงใส่โทรศัพท์มือถืออย่างต่อเนื่อง
“พี่เรยา! มาช่วยเนสก่อน!”
“โปรดอยู่ในความสงบด้วยครับ ที่นี่โรงพักนะครับ”
เสียงตำรวจเตือนมาอย่างไม่พอใจ ทำให้วาเนสซ่าจำต้องนั่งหน้าเศร้าจำนนต่อชะตากรรมที่ได้รับอย่างไม่มีทางเลือก
เอาจริงๆ วรันธาราแปลกใจตั้งแต่เห็นสถานที่ที่ใช้ในการสัมภาษณ์ตั้งแต่อ่านไลน์ของวาเนสซ่าแล้ว แต่ตอนนั้นรีบร้อนทำให้ไม่ทันได้ถามไถ่อะไรออก แต่พอมาถึงห้างดับบลิวเวิร์ลเข้าจริงๆ ยิ่งรู้สึกถึงความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
สถานที่แบบนี้น่ะหรือที่จะใช้สัมภาษณ์นักธุรกิจอย่างโคเซ่ อัซลาน
“คุณวรันธาราใช่ไหมคะ”
เสียงผู้หญิงดังขึ้นด้านหลัง และวรันธาราก็หมุนตัวกลับไปมอง ผู้หญิงตัวสูงกว่า ผิวขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยกระกะ อายุน่าจะสักสามสิบปลายๆ ยืนมองหล่อนอยู่
“ใช่ค่ะ เอ่อ คุณคงเป็นเจ้าหน้าที่ของ…” หล่อนยังพูดไม่ทันจบ ข้อมือก็ถูกกระชากแรงๆ
“นี่คุณจะทำอะไรคะ”
“ถามตามมาเถอะค่ะ เดี๋ยวก็จะรู้เอง”
วรันธาราถูกลากเข้าไปยังบริเวณที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และขึ้นไปบนเวลาที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้
“ปล่อยนะคะ” หล่อนพยายามสะบัดมือจนหลุด “พวกคุณทำบ้าอะไรกันคะ ฉันจะมาสัมภาษณ์คุณโคเซ่ ไม่มีเวลามาเล่นพิเรนพิเรนทร์อะไรด้วยหรอกค่ะ”
“ยินดีต้อนรับครับคุณวรันธารา”
เสียงของผู้ชายดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงดนตรีดังขึ้นตามหลัง หญิงสาวตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นี่มันอะไรกันคะ”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหยุดให้ความสนใจ
“พวกคุณเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า”
“พวกเรามาจากสำนักข่าวของเทกซัสไลฟ์ครับ วันนี้เป็นเกียรติอย่างสูงที่คุณวรันธารายอมเป็นแขกรับเชิญให้กับพวกเราครับ”
“แขกรับเชิญ?”
“ใช่ครับ”
วรันธารามึนงง และรู้สึกราวกับถูกดูดลงไปในหลุมอากาศ หล่อนมองไปรอบๆ ตัวก็เห็นสายตามากมายจับจ้องมองมา
นี่มันเรื่องอะไรกัน? หล่อนงงไปหมดแล้ว…?
“เชิญนั่งครับ”
“มันต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ เลยค่ะ ฉัน…”
ผู้ชายคนนั้นจับหล่อนให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกเตรียมเอาไว้ และไม่สนใจความมึนงงของหล่อนเลย “บทสัมภาษณ์ในวันนี้จะเป็นหัวข้อที่ทุกคนอยากรู้นะครับ ผมหวังว่าคุณวรันธาราจะตอบตามความเป็นจริงทุกอย่าง”
“คือฉัน…”
“ตอนนี้คุณยังทำงานอยู่ที่ซันไทมส์ใช่ไหมครับ”
วรันธาราไม่มีทางเลือก จำต้องตอบ
“ใช่ค่ะ ฉันยังคงทำงานอยู่ที่เดิมค่ะ”
“ที่คุณยังทำงานอยู่ที่เดิม เพราะว่าคุณรักซันไทมส์ หรือว่าเพราะว่าสามีลับๆ ของคุณ อย่างเควิน คาสโตรเซ่นเข้ามาบริหารกันครับ”
วรันธาราหน้าแดงจัด มองคนตั้งคำถามอย่างตกใจ เสียงโห่ไม่พอใจดังขึ้นเป็นระยะ
“ฉัน… รักซันไทมส์”
“แต่ข่าววงในที่ผมได้รับทราบมา คุณอยู่ที่ซันไทมส์ก็เพราะว่าต้องการที่จะสานสัมพันธ์ต่อกับคุณเควิน คุณไม่ต้องการปล่อยมหาเศรษฐีคนนี้ให้หลุดมือไปใช่ไหมครับ”
“ไม่จริงค่ะ”
“แต่การที่คุณยอมนอนกับคุณเควิน แล้วถ่ายรูปเอาไว้เพื่อแบล็กเมล์เมย์นั่น มันบอกเจตนารมณ์ของคุณได้เป็นอย่างดีนะครับ คุณวรันธารา”
วรันธาราหน้าซีดเผือด และอับอายที่สุดในชีวิต หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ และมองหน้าคนตั้งคำถาม
“คุณไม่ใช่นักข่าวของเทกซันไลฟ์ เพราะนักข่าวที่แท้จริงจะต้องมีจรรยาบรรณมากกว่านี้ ขอตัวนะคะ” หญิงสาวกัดฟัน และสะบัดหน้าเดินหนีลงจากเวที แต่เสียงตะโกนด่าดังลั่นเสียก่อน
“อีนักข่าวสารเลว มึงใช้วิธีแบบนี้จับผู้ชายได้ยังไง” พอคนแรกด่าจบก็มีคนที่สอง ที่สามตามมาไม่รู้จบ และนั่นก็ทำให้คนที่มุ่งดูอยู่คล้อยตามอย่างง่ายดาย ทุกคนต่างกู่ก้องด่าทอหล่อนอย่างหยาบคาย
“อีสารเลว มึงทำแบบนี้ได้ยังไง มึงทำกับเควินสุดที่รักของพวกกูได้ยังไง”
วรันธารายกมือขึ้นปิดหู และถดถอยหนีเมื่อคนพวกนั้นกรูกันเข้ามา ไม่มีใครห้ามปรามเลยสักคน ราวกับว่าทุกอย่างมันถูกเตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อฆ่าหล่อนทั้งเป็นโดยเฉพาะ
“พวกคุณ… เข้าใจผิด… โอ๊ย…” มือของใครคนหนึ่งขยุ้มลงมาบนเส้นผม ทึ้งแรงๆ จนหล่อนน้ำตาไหล
“อีเลว อีผู้หญิงเลว”
“จัดการมันเลย จัดการมันให้สาสมกับสิ่งที่มันทำกับเควินยอดรักของพวกเรา”
เสียงหนึ่งตะโกนสั่ง และเมื่อวรันธาราพยายามเอียงหน้าไปมองก็เห็นว่าเป็นวรัญญานั่นเอง
“คุณ… โอ๊ย…”
วรัญญาหัวเราะสะใจ เมื่อคู่แข่งหัวใจกำลังถูกยำเละด้วยฝูงชนจำนวนไม่น้อย หล่อนจ้างมาแค่สามสี่คน แต่ที่เหลือคือการคล้อยตามที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน
“ปล่อย… ปล่อย… ฉัน… ฉันเจ็บ…”
วรันธาราครางขอความเห็นใจ ท่ามกลางคนมุ่ง ท่ามกลางการทำร้าย ศีรษะของหล่อนถูกจับโขลกกับพื้นแรงๆ จนเลือดไหลออกมา
“ปล่อย… ปล่อยฉัน… ช่วยด้วย…”
แต่คนพวกนั้นหาได้พอใจไม่ ยังคงทุบตี และขว้างปาสิ่งของที่พอจะหาได้ใกล้ตัวใส่หล่อนตลอดเวลา
“อย่า… ทำร้ายฉัน…”
วรันธาราดิ้นรนจนหลุด และไปซุกตัวอยู่ที่ขอบเวที มองฝูงชนที่ยืนห้อมล้อมด้วยความหวาดกลัว
“มึงต้องโดนหนักกว่านี้” คนที่วรัญญาจ้างมาควักมือคัตเตอร์ออกมาจากกระเป๋าสะพาย และเลื่อนใบมีดขึ้นสุดจุด
“อย่า…”
วรันธาราพยายามดิ้นหนี แต่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาหา พร้อมกับจิกเส้นผมของหล่อนอีกครั้ง
“ออกไปจากชีวิตของเควินซะ”
“อย่า… อย่าทำอะไรฉันเลย อย่า… ได้โปรด…”
คำวิงวอนของหล่อนไร้เสียง หยาดน้ำตาแห่งความหวาดกลัวไร้ความหมาย ในที่สุดจุดจบของหล่อนก็คือการถูกคนพวกนี้ทำลายอย่างนั้นหรือ
เงาสะท้อนของใบมีดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หล่อนเบี่ยงหน้าหนี แต่ก็ไม่พ้น มีดกำลังจะกดลงบนผิวหน้าของหล่อน อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว
“อย่า…”
“อย่าแตะต้องคนของผม!”
เสียงวี๊ดร้องด้วยความตกใจ พร้อมๆ กับผู้หญิงที่กำลังจะกรีดหน้าของหล่อนที่กระเด็นหวือออกไปกระแทกกับพื้น
“เควิน…”
วรันธาราโผเข้ากอดร่างกำยำเอาไว้แน่น กอดและร้องไห้อย่างเสียขวัญ
“ไม่เป็นไรแล้ว… ไม่เป็นไรแล้วคนดี” เควินกอดตอบ ห่วงใยสุดหัวใจ ก่อนจะตวัดมองหน้าทุกคน
“ผมจะแจ้งความจับทุกคน ข้อหาทำร้ายผู้หญิงของผม”
“อ้าว ไหนนักข่าวคนนั้นบอกว่า… คุณถูกแบล็คเมล์เมย์จากผู้หญิงคนนี้ไงคะ แล้วยังจะคนนั้นอีก…”
หนึ่งในคนชุมชนชี้ไปยังวรัญญาที่ตอนนี้หมุนตัวเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เควินจำได้แม้จะแค่แผ่นหลังก็ตาม
“ฟังเอาไว้ และอย่าโง่เชื่อคำพูดของคนบ้าที่ไหนอีก” เควินกอดร่างของวรันธาราแน่นขึ้น พลางก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากมน “ผมกับวรันธารากำลังจะแต่งงานกัน ดังนั้นไม่มีทางที่เธอจะแบล็คเมล์เมย์ผม”
“งั้นพวกเราก็เข้าใจผิดสิคะ”
เควินกัดฟันกรอด เมื่อเห็นเลือดที่ไหลออกจากหน้าผากของวรันธารา
เขาอยากจะฆ่าคนพวกนี้หมดสิ้นนัก!
“เตรียมเงินประกันตัวเอาไว้กันได้เลย เพราะผมจะเอาเรื่องทุกคน โดยเฉพาะเธอ…” เควินจ้องหน้าผู้หญิงที่จะกรีดหน้าวรันธารา ถ้าเขามาไม่ทัน… ถ้าเขามาไม่ทัน ไม่อยากจะคิดเลยว่าวรันธาราจะยับเยินแค่ไหน
“ฉัน… ฉันถูกจ้างมาค่ะ ฉัน…”
“เอาไว้คุยกับตำรวจก็แล้วกัน” เควินตวาดลั่น ก่อนจะก้มลงถามหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างห่วงใย “ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล วรันธารา”
หญิงสาวมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ “ฉัน… ฉันขอโทษ… ที่ผิดสัญญากับคุณอีกแล้ว”
“อย่าพึ่งพูดถึงมันเลย ตอนนี้ขอแค่คุณปลอดภัยก็พอ”
แล้วเควินก็ช้อนร่างอรชรขึ้นมาอุ้มเอาไว้แนบอก ก่อนจะเดินผ่าฝูงชนออกไป ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ตำรวจมาพอดี
“ทุกคนห้ามขยับ เชิญตัวไปให้ปากคำที่โรงพักทั้งหมด”
ทำไมวันนี้รู้สึกว่าเวลาเดินช้านักนะ ไม่เหมือนกับตอนที่มีวรันธาราอยู่ข้างกายเลย เควินนั่งกระสับกระส่ายอยู่ภายในห้องรับแขก แม้ว่าห้องจะเย็นฉ่ำ แต่ภายในกายกลับร้อนราวกับถูกสุมด้วยไฟ
เขาจำเป็นต้องมาเสียเวลานั่งเฝ้าผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้เชียวหรือ ต้องทำแบบนี้เลยหรือ เพื่อผู้หญิงธรรมดาอย่างวรันธารา แล้วทำไมถึงทำ? เขาทำแบบนี้ทำไม?
คำถามมากมายระเบิดอยู่ในหัว และความเกลียดชังตัวเองก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อระดับการควบคุมของตัวเองลดต่ำลงจนน่าสะพรึง
วรันธารา… แม่นักข่าวสาวฝีปากกล้า ตั้งแต่ได้พบหล่อน ตารางชีวิตของเขาก็ดูท่าจะบิดเบี้ยวไม่สมประกอบ อะไรที่ไม่เคยทำ กลับทำมันขึ้นอย่างไร้สติ แม้กระทั่งการมานั่งเสียเวลาเฝ้าหล่อนอยู่แบบนี้
ห่วง… ใช่… ที่เขายอมสละเวลาอันมีค่ามาทำแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงหล่อน เขาไม่ต้องการที่จะทนอยู่บนความกระวนกระวายโดยมีวรันธาราเป็นฉนวนเหตุอีกแล้ว
แค่มีหล่อนอยู่ในสายตา… หัวใจของเขาก็จะผ่อนคลาย… ผ่อนคลายลงอย่างน่าอัศจรรย์
นาฬิกาที่ข้อมือถูกยกขึ้นมาจ้องเป็นครั้งที่สามร้อยสิบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะอมยิ้มบางๆ
เหลืออีกแค่ชั่วโมงครึ่งก็จะได้กินมื้อเที่ยงกับหล่อนแล้ว แต่ให้ตายเถอะ ตอนนี้เขาคงอดทนที่จะนั่งไร้สาระอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้อีก ร่างกำยำสมบูรณ์แบบผุดลุกขึ้นจากโซฟานุ่ม
“เข้าไปหาสักหน่อยดีกว่า”
สองเท้าก้าวยาวๆ ออกจากห้องไป และมุ่งหน้าตรงไปส่วนที่เป็นออฟฟิศทันที
วรันธาราไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงาน?
เควินรู้สึกแปลกใจ แต่ก็คาดเดาว่าหญิงสาวคงจะเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ หรือไม่ก็หายเข้าไปในห้องครัวเพราะหิวนั่นแหละ ชายหนุ่มอมยิ้ม ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ของหญิงสาว พลางฮัมเพลงเบาๆ ในลำคออย่างอารมณ์ดี
ถ้าวรันธารากลับมาเห็นเขานั่งอยู่แบบนี้ ดวงตาโตๆ ของหล่อนคงจะเบิกกว้างจนแทบจะถลนเลยทีเดียว จากนั้นแก้มนวลก็จะแดงก่ำ… อืมมม์… แดงซ่านเหมือนตอนที่หล่อนสุขสมอยู่ใต้ร่างของเขาทุกค่ำคืนเลย
เควินครางเบาๆ ในลำคอ ความหิวกระหายที่พยายามควบคุมเอาไว้เริ่มดื้อด้านขึ้นมาเสียแล้ว สงสัยหลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ เขาคงต้องพาแม่นักข่าวคนงามกลับไปจัดการที่บ้านสักสองสามรอบก่อน ค่อยส่งกลับมาทำงานอีกครั้ง
ความคิดวาบหวามทำให้เลือดหนุ่มเดือดดาล และมันก็มีผลต่อบางส่วนที่ซ่อนอยู่ภายในกางเกงขายาว เควินจำต้องต้องตวัดขาขึ้นไขว่ห้างเอาไว้เพื่อปกปิดการตื่นตัวของมันเลยทีเดียว
จากนั้นก็นั่งรอ… รอผู้หญิงที่โหยหาทุกลมหายใจจะเดินกลับมา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มา จนเขาหมดความอดทน
“คุณวิลเลี่ยม เห็นวรันธาราบ้างหรือเปล่า”
วิลเลี่ยนที่โต๊ะทำงานอยู่ห่างออกไปไม่ไกลเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเควินก็ ก่อนจะตอบเสียงสุภาพ
“ไม่เห็นเลยครับ ผมกลับมาจากทำงานภาคสนามก็ไม่เห็นธารแล้ว”
คำตอบของวิลเลี่ยมทำให้เควินต้องหันไปถามคนอื่นแทน “แล้วคุณล่ะ เห็นเมียผมหรือเปล่า”
เควินไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องป่าวประกาศให้ทุกคนรู้สถานภาพระหว่างตัวเองกับวรันธาราด้วย ทั้งๆ ที่ตัวเองหวงแหนอิสรภาพมากมายยิ่งนัก
“ผมเห็นคุณธารกับวาเนสซ่าตอนสายๆ น่ะครับ แล้วก็ไม่เห็นอีกเลย”
ไปไหนของคุณนะ วรันธารา?
เควินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ของหญิงสาวเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของวาเนสซ่า แต่เจ้าของโต๊ะไม่อยู่
“ไปตามคุณวาเนสซ่ามาพบผมด่วน” แม่บ้านเดินผ่านมาพอดีจึงถูกสั่งให้ไปตามวาเนสซ่า
“ค่ะ”
ไม่นานวาเนสซ่าที่กำลังดื่มกาแฟอย่างมีความสุขอยู่ภายในห้องครัวก็เดินออกมา หล่อนยิ้มหวานให้กับเควิน
“คุณเควินมีอะไรให้เนสรับใช้หรือคะ”
“วรันธาราหายไปไหน”
สีหน้าของวาเนสซ่ามีพิรุธอยู่ชั่วขณะก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน “เนสจะทราบได้ยังไงกันล่ะคะ”
“แต่มีคนเห็นว่าคุณอยู่กับวรันธาราเป็นคนสุดท้าย”
วาเนสซ่าเริ่มหน้าซีด แต่ก็ยังพยายามหาทางเอาตัวรอด
“เอ่อ เนสไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ว่าแต่ทำไมคุณเคนไม่ลองโทรหาดูล่ะคะ”
“ผมโทรแล้วแต่เครื่องถูกปิด”
คนฟังลอบยิ้มสะใจ ก็หล่อนเป็นคนสั่งให้วรันธาราปิดโทรศัพท์มือถือด้วยตัวเองนี่น่า
“งั้นเนสก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ เนสขอตัว…”
“อย่าพึ่งไป”
เควินเดินเข้ามาใกล้ๆ กลิ่นไอความอำมหิตทำให้วาเนสซ่าต้องถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ
“บอกความจริงกับผมมา อย่าให้ผมรู้ด้วยตัวเอง เพราะคุณจะตายทั้งเป็น”
วาเนสซ่าสั่นงั่กราวกับเจ้าเข้า แต่ก็ยังคงยืนกรานปากแข็ง
“เนส… เนสไม่รู้จริงๆ ค่ะ เนส…”
“ก็ได้…”
เควินกัดฟันกรอด รู้สึกเป็นห่วงวรันธารามากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
“ผมต้องการดูกล้องวงจรปิด เดี๋ยวนี้!”
“ครับคุณเควิน”
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรีบกุลีกุจอทำตามคำสั่ง ในขณะที่วาเนสซ่าถอยหลังกลับไปนั่งที่โต๊ะด้วยความหวาดกลัว หล่อนจะทำยังไงดี ถ้า… ถ้าเควินรู้ หล่อนต้องแย่แน่ๆ
วาเนสซ่ากังวลหนักรีบส่งข้อความทางไลน์ไปหาวรัญญา
“พี่เรยา สำเร็จหรือยังคะ ตอนนี้คุณเควินรู้แล้วนะคะว่านังธารมันหายตัวไปจากซันไทมส์”
ไม่มีการตอบรับจากวรัญญา แต่กลับมาเสียงแตกโพล๊ะดังขึ้นตรงหน้า วาเนสซ่ากรีดร้องตกใจเจียนช็อก
“คุณ… คุณเควิน!”
เควินหน้าตาแดงก่ำ จ้องหน้าหล่อนเขม็ง ในมือยังถือเก้าอี้ที่พึ่งฟาดลงกับโต๊ะทำงานของหล่อนไปเอาไว้แน่น
“สารภาพมาซะดีๆ คุณให้วรันธาราไปที่ไหน!”
“เนส… เนสไม่รู้… ไม่รู้ค่ะ ว๊ายยย…”
โต๊ะทำงานของวาเนสซ่าถูกเก้าอี้ฟาดลงมาอีก จนกระจกบนหน้าโต๊ะแตกเป็นเสี่ยง บางส่วนกระเด็นมาบาดที่ใบหน้าของวาเนสซ่าโดยบังเอิญ แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถดับโทสะของเควินได้
“บอกผมมาเดี๋ยวนี้! อย่าให้ผมต้องฆ่าคุณเลย…”
“เนส…”
“บอกมาสิ เอาเมียของผมไปไว้ที่ไหน! บอกมาสิโว๊ย!”
ร่างของวาเนสซ่าถูกกระชากจนลอยข้ามโต๊ะออกมา จากนั้นมือใหญ่ของเควินก็กุมลำคอเล็กเอาไว้แน่น ท่ามกลางสายตาของคนในสำนักพิมพ์ แต่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเกิน
“บอกมา! บอกมาสิ”
“บอก… บอกแล้วค่ะ บอกแล้ว…”
แม้จะอยู่ข้างเดียวกับวรัญญา และจงเกลียดจงชังวรันธารามากแค่ไหนก็ตาม แต่สถานการณ์ตรงหน้าทำให้หล่อนไม่อาจจะต่อกรได้เลย เควินกำลังเป็นบ้า เขาฆ่าหล่อนแน่ ถ้าไม่ยอมบอกความจริง
“บอกมาสิ!”
“ห้าง…”
“บอกมาสิว่าที่ไหน?!”
“ ห้างดับบลิวเวิร์ลค่ะ โอ๊ย…”
ร่างของวาเนสซ่าถูกผลักจนกลิ้งลงไปกับพื้น พร้อมกับการเคลื่อนไหวที่แสนรวดเร็วของเควิน ชายหนุ่มออกไปแล้ว แต่ภายในสำนักพิมพ์ยังคงเต็มไปด้วยความเงียบกริบเช่นเดิม มีแต่เสียงร้องไห้ของวาเนสซ่าเท่านั้นที่ดังขึ้นแผ่วเบา
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้… ฉันสัญญาว่าจะไม่หนีไปที่ห้องเช่าอีก”
วรันธาราหันไปพูดกับคนที่กำลังขะมักเขม้นขับรถด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ
“ฉันรู้… ว่าฉันผิดสัญญาบ่อย แต่ครั้งนี้ฉันจะ…”
“อย่ามาต่อรองเสียให้ยาก” เขาหันหน้ากลับมาหา ก่อนจะยิ้มบางๆ ในแบบฉบับที่ทำให้หล่อนระทดระทวยทันทีที่ได้เห็นเลยทีเดียว “เพราะถ้าคุณยังยืนยันว่าจะไปทำงาน ผมก็จะไปส่งคุณทุกวัน… ด้วยตัวของผมเอง”
“แต่… เควินคะ”
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจอารามร้อนใจของหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“และวันนี้จะพิเศษหน่อย เพราะผมจะนั่งเฝ้าคุณทั้งวัน”
“เควิน!”
“ดีใจหรือ” เขาหันมาถาม และอมยิ้ม
วรันธาราอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ค่ะ เควิน”
“ผมขอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้บ้า มีสติครบทุกประการ” เขายังคงอมยิ้ม ขณะหันกลับไปจ้องมองท้องถนนอีกครั้ง
“แต่คุณจะมานั่งเฝ้าฉันทั้งวันได้ยังไงกันคะ เอ่อ ฉันหมายถึงคุณเองก็มีงานมากมายที่ต้องทำ อย่าให้ฉันเป็นต้นเหตุให้คุณต้องเสียงานเสียการเลยค่ะ”
จู่ๆ รถก็ชะลอความเร็วลง และเขาก็เอียงหน้ามามอง “แต่ผมไม่อยากเสียคุณไปเนี่ยนี่”
เหมือนถูกมนต์สะกด หล่อนนิ่งอึ้ง เบิกตากว้าง และมองผู้ชายที่หล่อละเอียดลออตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ
“คุณ… คุณ… หมายความว่ายังไง… คะ…”
ไหล่กว้างกำยำที่เต็มไปด้วยรอยข่วนจากเล็บของหล่อนเมื่อคืนไหวน้อยๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่… อยู่ในช่วงไม่มีงานน่ะ”
เควินเนี่ยนะไม่มีงาน? น่าเชื่อที่ไหนกันล่ะ หล่อนเห็นเมื่อคืนเขาก็กระโดดลงไปจากเตียง เพื่อคุยงานกับลูกค้าชาวจีนตอนเที่ยงคืนอยู่เลย แถมตอนก่อนออกมาจากบ้าน คนสนิทยังวิ่งตามมายื่นโทรศัพท์ให้อีกสองสามสาย
“แต่ฉันว่า… คุณงานยุ่งมากต่างหากค่ะ”
เควินอมยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ
“ผมควบคุมทุกอย่างได้ ทุกอย่างมันจะดีเสมอสำหรับผม คุณไม่ต้องเป็นกังวล”
“ฉันเป็นกังวลที่ไหนกันล่ะ ฉันก็แค่… ไม่อยากให้คุณเสียงานเสียเงินที่ควรจะได้ไปต่างหาก”
จากแค่ยิ้มคราวนี้หล่อนได้ยินเสียงหัวเราะจากเขาแทน
“งกแทนผมว่างั้นเถอะ”
“บ้าน่ะสิ ใครงกกัน และนั่นมันก็เงินของคุณไม่ใช่ของฉันสักหน่อย” หญิงสาวต่อว่าและค้อนใส่อย่างหมั่นไส้
เควินอมยิ้มน้อยๆ ยื่นมือมาคว้าฝ่ามือเล็กไปกุมเอาไว้
“ถ้าผมยกให้ล่ะ คุณจะเอาหรือเปล่า”
“เอาสิคะ เงินตั้งเยอะ ใครปฏิเสธก็โง่แล้ว”
วรันธาราตอบตามความเป็นจริง “แต่ว่าคุณจะมายกให้ฉันทำไมกันละคะ ในเมื่อมันเป็นของคุณ”
เควินไม่ได้ตอบในทันที เขาปล่อยมือเล็ก และหันไปจ้องมองท้องถนนอีกครั้ง บรรยากาศในรถจึงเงียบสงบวังเวง ซึ่งแน่นอนว่าวรันธาราไม่ชอบมันเลย
“เอ่อ… ฉันว่าจะถามตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว…” แก้มนวลแดงระเรื่อ “คือเมื่อคืน… ฉันเมามากไหมคะ”
เสียงหัวเราะขบขันระคนเยาะหยันดังขึ้นในลำคอแกร่งสีแทนสวย แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา วรันธาราจึงร้อนใจเป็นพิเศษ หรือว่าหล่อนเมามาก และทำเรื่องน่าละอายลงไป
“ฉัน… ฉันคงไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้ใช่ไหมคะ”
รถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าซันไทมส์พอดี เขาจอดรถ ก่อนจะหันมามองหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของหล่อน
“พูดไปเรื่อย และก็อ้วก”
“พูด? ฉัน… ฉันพูดอะไรไร้สาระออกไปหรือเปล่าคะ” หล่อนไม่ได้สติ อาจ… อาจจะสารภาพความในใจออกไป ไม่จริง… ขออย่าให้หล่อนขาดสติขนาดนั้นเลย เพราะถ้าอย่างนั้น หล่อนคงทนมองหน้าเควินอีกต่อไปไม่ได้อีก
“ก็ไม่มีอะไรนี่ เรื่องทั่วๆ ไป”
“จริงเหรอคะ” วรันธาราถอนใจอย่างโล่งอก ในขณะที่เควินโน้มหน้าใกล้เข้ามาหา จ้องตาหล่อน และคาดคั้น
“คุณกลัวว่าจะพูดอะไรออกไปหรือ”
“ปละ… เปล่าค่ะ”
เสหลบตา แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะถูกนิ้วเรียวตรึงคางมนเอาไว้ และบังคับให้จ้องตา
“จริงหรือ”
“จะ… จริงสิคะ ฉัน… ฉันมีเรื่องปิดบังคุณที่ไหนกันล่ะ”
“ความรู้สึกไง”
“ความ… ความรู้สึก? ไม่ค่ะ ไม่มีเลย…”
หัวใจของวรันธาราเต้นแรงระรัว
“เอ่อ ถึงซันไทมส์แล้ว ฉันไปก่อนนะคะ และวันนี้ก็น่าจะงานยุ่งทั้งวัน คุณไม่ต้องรอหรอกค่ะ” หล่อนเปิดประตูรถและก้าวเดินลงไป ซึ่งเควินก็ทำตามเช่นกัน
“แต่ผมจะรอ… ทั้งวัน”
“เควิน…”
“มา… ผมช่วยถือ…”
แล้วคนตัวโตก็แย่งหนังสือสามเล่มที่กอดเอาไว้แนบอกไปถือให้ จากนั้นก็เดินนำหน้าเข้าไปภายในสำนักพิมพ์ด้วยท่าทางราวกับเป็นเจ้าของ แต่ก็ไม่ผิดนี่ เมื่อเควินคือเจ้าของที่นี่จริงๆ
วรันธาราถอนใจออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่กระนั้นก็อดที่จะอมยิ้มกับความน่ารักของเควินไม่ได้ มหาเศรษฐีจอมเถื่อน มีโมเม้นแบบนี้ด้วยหรือ ไม่น่าเชื่อ
วาเนสซ่าเห็นเควินเดินผ่านหน้าไปก็อ้าปากค้าง แต่ก็ต้องค้างมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นวรันธาราเดินตามเข้ามาอีกคน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองคนนี้มาด้วยกัน และแน่นอนว่าเปิดตัวเต็มที่
“นังคางคกขึ้นวอ ยางจะตกยังไม่รู้ตัวอีก”
แล้ววาเนสซ่าก็รีบเดินไปหามุมลับตาคน และโทรหาวรัญญาทันที
“พี่เรยาคะ เนสมีเรื่องจะรายงานค่ะ รับรองพี่เรยาตาลุกแน่นอนค่ะ”
วรัญญาที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในคอนโดเบ้หน้าเล็กน้อย
“ไหนลองพูดเรื่องที่จะทำให้พี่ตาลุกมาสิ เนส”
วาเนสซ่ารีบยกมือขึ้นป้องปาก จากนั้นก็ร่ายยาวยืด
“วันนี้คุณเควินมาที่ซันไทมส์ค่ะ”
“เคนมาที่ซันไทมส์เหรอ”
วรัญญาดีใจ แต่ก็ได้ไม่นาน
“ใช่ค่ะ แต่ไม่ได้มาคนเดียวนะคะ หนีบนั่งธารมาด้วย มันเชิดหน้าอวดดีไปทั่วเลยค่ะ คงภูมิใจที่ได้ควงมหาเศรษฐีอย่างคุณเควินออกมาเปิดตัว น่าหมั่นไส้มากค่ะพี่เรยา”
วรัญญากำมือแน่น จนโทรศัพท์ในมือแทบแหลก
“พี่คงประมาทมันเกินเกิดไป”
“นังนี่ถึงแม้มันจะไม่ได้สวยหยดย้อยเหมือนพี่เรยา แต่มันมีเสน่ห์นะคะ ผู้ชายในออฟฟิศก็จีบมันหลายคนอยู่”
“เลิกพล่ามข้อดีของมันให้พี่ฟังได้แล้วเนส พี่ทนไม่ได้!”
“อ้อ เนสขอโทษค่ะ แต่ถึงยังไงเนสก็อยู่ข้างพี่เรยานะคะ เนสเกลียดมัน อยากให้มันหายไปซันไทมส์ หรือหายไปจากเทกซัสเลยยิ่งดีค่ะ”
วรัญญาเงียบไปพักใหญ่ก็พูดออกมา
“นั่นคือสิ่งที่พี่ต้องการ แต่เธอก็รู้นี่เนสว่าถ้าไม่มีคลิป พี่ก็ไม่รู้จะเล่นงานนังนี่ยังไง”
“เนสต้องขอโทษจริงๆ ค่ะพี่เรยา ก็หัวหน้าไม่ยอมส่งให้ ทั้งๆ ที่สัญญากันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว แถมยังบอกว่าลบทิ้งไปหมดแล้วด้วย เนสก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ”
“แต่พี่จะไม่ยอมปล่อยให้มันเสนอหน้าอยู่อย่างนี้หรอก”
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะ”
“พี่ขอเวลาคิดก่อน”
วรัญญาจนปัญญาจริง
“แต่เนสไม่อยากให้พี่เรยาปล่อยนังธารเอาไว้นาน เพราะเท่าที่เนสเห็น หล่อนเดินกลับไปกลับมาอยู่เกือบนาทีก็พูดออกมา
“หลอกมันออกมาให้พี่ ต่อจากนั้นพี่จะจัดการเอง”
“หลอกให้ออกไปหาพี่เรยา? มันไม่ไปหรอกค่ะ นังนี่มันฉลาดจะตายไป”
“ก็ใช้เรื่องงานหลอกมันสิ มันเป็นพวกบ้างานไม่ใช่หรือ”
วาเนสซ่าคิดตามที่วรัญญาบอก
“ใช่ค่ะ นังธารมันเป็นคนบ้างาน ถ้าเรื่องงานมันไม่เคยเกี่ยง”
“ดี งั้นทำยังไงก็ได้ให้มันไปที่ห้างดับบลิวเวิร์ด ที่เหลือเดี๋ยวพี่จะจัดการเอง”
“ได้ค่ะพี่เรยา ว่าแต่ตอนกี่โมงดีคะ”
“เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้เนส”
“อ้อ ค่ะ เนสจะพยายามให้เร็วที่สุดค่ะ”
“ขอบใจมาก แล้วพี่จะให้รางวัลอย่างงาม”
วาเนสซ่ายิ้มกว้างพอใจ
“ไม่ต้องเยอะนะคะพี่เรยา ครั้งที่แล้วเนสยังใช้ไม่หมดเลยค่ะ”
“มันจะมากกว่าเดิมหลายเท่า ถ้าพี่ทำลายนังหน้าด้านวรันธาราได้สำเร็จ เธอเตรียมร่ำรวยได้เลย”
“สำเร็จแน่นอนค่ะ เนสเอาหัวเป็นประกัน”
วาเนสซ่าอมยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะตัดสายสนทนาลง จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปภายในสำนักพิมพ์อีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้เห็นภาพเควินกับวรันธาราหยอกล้อกันไปมาเต็มสองตา
“เอาหน้าออกไปไกลๆ หน่อยสิคะ ธารจะทำงาน” หญิงสาวเอียงตัวหนี เมื่อคนตัวโตแทบจะนั่งลงบนตักอยู่แล้ว
“ก็ทำไมสิ ผมก็แค่อยากดูคุณทำงาน”
วรันธาราถอนใจยาวๆ ก่อนจะหันหน้าไปหา แต่เพราะเควินเอียงหน้าเข้ามาใกล้เกินไป ทำให้ปลายจมูกของหล่อนชนกับแก้มสากที่มีไรหนวดบางๆ พอดี
“อุ๊ย…”
หล่อนขัดเขิน แต่คนตัวโตกลับอมยิ้มพอใจ
“ดูเหมือนคุณจะทำงานไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นะ”
“ก็เพราะคุณนั่นแหละค่ะ ชอบก่อกวน”
คนตัวโตเลิกคิ้ว ก่อนจะอมยิ้ม
“ผมกวนตรงไหนกัน ผมก็แค่นั่งคุณทำงานเงียบๆ ไม่ได้พูดให้เสียสมาธิอะไรเลย”
“แค่สายตาของคุณก็ทำให้ฉันเสียสมาธิได้แล้วล่ะค่ะ ขอร้องนะคะ ฉันคงทำงานไม่รู้เรื่อง เอ่อ ถ้าคุณยังจ้อง… จ้องหน้าฉันอยู่แบบนี้”
“แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ ในเมื่อถ้าผมไม่ได้มองหน้าคุณ ความรู้สึกของผมก็จะหดหู่แปลกๆ”
“อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิคะ ขยับออกไปนั่งที่ห้องรับแขกก็ได้ค่ะ นะคะขอร้องล่ะ”
เมื่อเห็นสาวน้อยประสบปัญหาจริงๆ เควินจึงยอมอ่อนข้อให้ แต่กระนั้นก็อดที่จะเรียกร้องรางวัลไม่ได้
“งั้นหอมแก้มผมก่อน แล้วผมจะรีบไปทันที”
วรันธาราเบิกตากว้าง แก้มแดงซ่านแทบไหม้
“ไม่ได้นะคะ ที่นี่ห้องทำงาน และ… ฉันก็อาย…”
“แต่ผมไม่อายสักหน่อย”
แล้วเควินก็โน้มหน้าเข้ามาจูบแก้มนวลใสฟอดใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นยืน วรันธาราตกใจยกมือขึ้นจับแก้มตัวเอง และหันมองไปรอบๆ ตัว ซึ่งก็ได้เห็นสายตาทุกคู่จ้องมองมา หล่อนอายจนแทบแทรกแผ่นดินได้อยู่แล้ว
“ผมจะไปรอที่ห้องรับแขก เที่ยงแล้วออกมาหาผมด้วย เข้าใจไหม”
วรันธารายังคงนั่งนิ่งเพราะขัดเขินพูดไม่ออก
เควินหรี่ตามอง พร้อมกับโน้มตัวลงมาหา วรันธาราตกใจรีบขยับตัวหนี แต่ถูกมือแข็งแรงตรึงสองบ่าเอาไว้เสียก่อน
“ถ้าไม่ออกมา ผมจะเข้ามาเอง และไม่ต้องให้บอกใช่ไหม ว่าผมจะทำโทษคุณยังไง”
“ค่ะ ค่ะ ฉันจะออกไปให้ตรงเวลา”
เควินอมยิ้ม พลางยืดตัวตรง
“ดีมาก งั้นผมไปล่ะ”
แล้วพ่อเทพบุตรที่หล่อในทุกองศาก็ก้าวหายออกไป วรันธารามองตามไปด้วยสายตาขัดเขินเป็นที่สุด
“คนบ้า…”
“คุณเควินนี่ดูจะหลงเธอมากนะ ธาร”
วรันธาราหันไปมองก็พบว่าเป็นวาเนสซ่าที่เดินเข้ามาหยุดข้างหลัง หล่อนถอนใจเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจงานตรงหน้าเหมือนเดิม วาเนสซ่าชักสีหน้าใส่ และเดินอ้อมโต๊ะมาหยุดข้างหน้า
“เธอทำบุญด้วยอะไรมานะ ถึงได้กินผู้ชายหล่อลากแบบคุณเควิน”
“เนส… ฉันจะทำงาน อย่ามากวน”
“ฉันไม่ได้มากวนสักหน่อย ฉันแค่…”
แล้ววาเนสซ่าก็ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน
“มีเรื่องจะขอร้องเธอ”
วรันธาราเบ้ปากเล็กน้อย
“แต่ฉันไม่ว่าง เธอไปให้คนอื่นช่วยเถอะ”
“โธ่ ธาร… ถ้าฉันไม่เดือดร้อนจริงๆ ฉันคงไม่บากหน้ามาให้เธอช่วยหรอก”
วาเนสซ่าแกล้งบีบน้ำตา ในขณะที่วรันธาราเริ่มใจอ่อน หล่อนเงยหน้าขึ้นมองช้า
“เรื่องอะไรหรือ”
“ฉัน… ฉันมีสัมภาษณ์คุณโคเซ่ อัซลานน่ะ”
“โคเซ่ อัซลาน? ใช่นักธุรกิจที่กำลังมีข่าวฉาวตอนนี้หรือเปล่า” วรันธาราถามอย่างสงสัย
“ใช่ ฉันนัดกับเขาเอาไว้ตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว แต่ว่า… คือฉัน…”
“คืออะไร”
“ฉันไปไม่ได้แล้วน่ะ”
“ไปไม่ได้? จะบ้าหรือไงเนส นัดแล้วถ้าผิดนัดนี่เรื่องใหญ่เลยนะ เสียหายใหญ่โตมาถึงซันไทมส์แน่ๆ”
“ฉันรู้… ฉันเลยต้องมาหาเธอไง ให้เธอช่วย”
วาเนสซ่าถึงมือของวรันธารามากุมเอาไว้
“คนอื่นฉันไม่ไว้ใจให้ทำหรอก มีแค่เธอที่สามารถทำแทนฉันได้”
วรันธาราดึงมือของตัวเองออก ยังตงิดๆ ใจกับวาเนสซ่าตลอดเวลา
“แล้วเธอติดปัญหาอะไรทำไมไม่ไปเองล่ะ”
“คือ… คือว่าฉัน…”
แล้ววาเนสซ่าก็บีบน้ำตาท่วมแก้ม
“ฉัน… ฉันมีปัญหาน่ะ ฉัน… ฉัน…”
“อะไรของเธอ ฉันฟังไม่รู้เรื่อง”
“ฉันพึ่งรู้ตัวว่าพลาดท้อง… แต่แฟนฉันไม่พร้อม อีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้าเราจึงนัดจะไกล่เกลี่ยเรื่องนี้กัน ฉันก็เลย… ก็เลยไปทำหน้าที่สำคัญนี้ไม่ได้ เธอไปแทนฉันหน่อยนะ”
“แต่ฉัน…”
“ไม่เห็นแก่ฉัน ก็คิดว่าเห็นแกเด็กตาดำๆ ที่อยู่ในท้องฉันเถอะ นะวรันธารา ช่วยฉันหน่อยนะ… นะ…”
เมื่อวาเนสซ่านำเด็กน้อยขึ้นมาเป็นโล่เรียกร้องความเห็นใจ วรันธาราจึงตกหลุมพรางอย่างง่ายดาย
“แต่ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยนะ”
“เธอเก่งอยู่แล้วธาร เธอต้องทำได้ ฉันเชื่อแบบนั้น”
วรันธาราตัดสินใจอยู่พักใหญ่ก็พยักหน้ายอมให้ความช่วยเหลือ “ก็ได้ ฉันจะไปสัมภาษณ์แทนเธอเอง”
วาเนสซ่ากระโดดจนตัวลอย
“จริงเหรอ”
“อืมม์”
“ขอบใจเธอมากนะ ธาร”
“ฉันทำเพราะเห็นแก่เด็กในท้องของเธอหรอก”
วาเนสซ่าลอบยิ้มเยาะสะใจ
“ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณเธออีกครั้ง เดี๋ยวสถานที่กับเวลาฉันจะส่งให้เธอทางไลน์ก็แล้วกันนะ เตรียมตัวได้แล้วล่ะ มีเวลาอีกไม่มาก”
“อืมมม์ แต่ฉันขอไปบอกคุณเควินก่อนนะ เดี๋ยวหากกลับไม่ทันเที่ยงจะถูกโกรธเอา” วรันธาราลุกขึ้นจะเดินออกไปหาเควิน แต่วาเนสซ่ารั้งเอาไว้
“อย่านะ อย่าบอกคุณเควิน”
“ทำไมล่ะ”
“คือ… ฉันไม่อยากถูกคุณเควินเอ็ดเอาน่ะ เธอก็รู้นี่ว่าคุณเควินกำลังหลงเธอมาก เขาไม่ต้องการให้เธอมาทำงานด้วยซ้ำ แต่นี่ฉันกลับให้เธอไปทำงานแทน ถ้าคุณเควินรู้เข้า ฉันมีหวังตกงานแน่ๆ”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ฉันเคลียร์ได้”
“แต่ฉันกลัวนี่ นะธาร… อย่าบอกคุณเควินเลย และอีกอย่างสัมภาษณ์แค่ไม่ถึงสิบคำถาม แปบเดี๋ยวแป๊บเดียวก็กลับมาแล้ว ไม่เกินเที่ยงหรอกฉันรับรอง”
“แต่ว่า…” วรันธาราลำบากใจ
“นะ ถือว่าช่วยเหลือคนจนตรอกอย่างฉันเถอะ”
วาเนสซ่ากุมมือของวรันธาราเอาไว้ พลางบีบน้ำตา
“และฉันจะไม่มีวันลืมบุญคุณในครั้งนี้ของเธอเลย ฉันสาบาน”
ในที่สุดวรันธาราก็จำต้องตัดสินใจ
“ก็ได้… งั้นเธอรีบส่งรายละเอียดทุกอย่างในการสัมภาษณ์ให้กับฉันนะ ฉันจะได้รีบออกไปทำให้เสร็จ”
“รอแปบแป๊บ”
แล้ววาเนสซ่าก็เปิดโปรแกรมไลน์ และส่งข้อมูลให้กับวรันธาราทันที“เช็คในไลน์ได้เลย ฉันขอตัวก่อนนะ”
“อืมมม์”
วรันธารามัวแต่ก้มหน้ามองข้อความในโปรแกรมไลน์จนไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มสะใจของวาเนสซ่า
“งั้นฉันไปก่อนนะ เธอเองก็ออกทางด้านหลังก็แล้วกัน ฉันเตรียมแท็กซี่เอาไว้รอแล้ว”
“ขอบใจมากเนส ขอให้เธอตกลงกับแฟนเรื่องเด็กในท้องได้นะ”
“ขอบใจ”
วาเนสซ่าหมุนตัวเดินออกไป และเมื่อลับตาคนก็รีบกดโทรศัพท์หาวรัญญาทันที
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่เรยา มันกำลังจะออกไป พี่เตรียมพร้อมเอาไว้ได้เลย”
จากนั้นก็วางสาย และไปแอบหลบมุมรอคอยให้วรันธาราออกไปก่อน จึงกลับเข้าไปในสำนักพิมพ์อีกครั้ง
วรันธาราตื่นขึ้นในเช้าของวันถัดมาด้วยอาการปวดหัวอย่างหนัก และก็ระบมในบางส่วนอย่างหนักด้วยเช่นกัน
“กี่… กี่โมงแล้วเนี่ย”
ร่างเปลือยเปล่าผุดลุกขึ้นนั่งเร็วๆ ก่อนจะต้องนิ่วหน้าน้อยๆ เพราะระบมที่ซอกขา
“สิบโมงยี่สิบนาที คุณไปทำงานไม่ทันแล้วล่ะ” เสียงตอบของเควินดังมาจากทางหน้าต่าง วรันธาราหันไปมอง ก่อนจะเบิกตากว้าง มองพ่อผู้ชายที่หล่อราวกับไม่ใช่คนตรงหน้าอย่างลืมตัว
เควินในชุดลำลองเรียบหรูอมยิ้มทรงเสน่ห์ ขณะเดินเข้ามาหยุดที่ขอบเตียง ซึ่งมันก็ตรงหน้าหล่อนนั่นแหละ
“และถึงจะไปทัน ผมก็ไม่ให้ไป”
“แต่… แต่ฉันต้องไปทำงานนะคะ วันนี้ฉันมีสัมภาษณ์…” หล่อนยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดเสียก่อน
“ผมจัดการยกเลิกให้หมดแล้วล่ะ”
“คุณ… มันคนเผด็จการ”
เควินยิ้มมุมปากเบาๆ “อย่ามาหาเรื่องใส่ตัวแต่เช้าดีกว่า เพราะเรื่องที่คุณทำเมื่อคืนยังไม่ได้สะสางกันเลย”
“คุณ… คุณหมายถึงเรื่อง…” คนตัวเล็กแก้มแดงก่ำ เมื่อนึกถึงฉากรักร้อนแรงในรถ ไม่ใช่แค่หนึ่งครั้ง แต่มันถึงสามครั้ง แถมสองครั้งหลังหล่อนเป็นฝ่ายบุกคนเดียว
“ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องเซ็กซ์ในรถ หรือแม้แต่เรื่องที่คุณเป็นฝ่ายขอต่อในครั้งที่สองและครั้งสาม”
“คน… คนบ้า”
“ผมหมายถึงเรื่องที่คุณดื่มเหล้าต่างหาก”
วรันธาราเบี่ยงตัวจะหนีลงจากเตียง แต่เขาคว้าเอาไว้ “ดื่มทำไม ตอบผมมาซะดีๆ”
“ฉัน…” ดื่มก็เพราะหึงคุณยังไงล่ะ เควิน คาสโตรเซ่น “ฉันแค่อยากดื่ม… มีอะไรหรือเปล่า”
“มีสิ เพราะผมไม่ชอบผู้หญิงขี้เมา”
คนฟังคอแข็ง หล่อนทำอะไรก็ผิดไปซะทุกอย่างสินะ “ถ้าคนดื่มเป็นคุณวรัญญา คุณคงจะชอบสินะคะ” จากนั้นก็สะบัดหน้าหนีอย่างโมโห “ปล่อยนะ ฉันจะไปอาบน้ำค่ะ”
เควินไม่ปล่อย แถมยังกระชากร่างอรชรให้คุกเข่าบนเตียง และกอดรัดแนบอกอีกต่างหาก “อย่าพูดถึงคนอื่น ผมไม่ชอบ”
“แต่คุณน่าจะชอบนะคะ เมื่อคนอื่นคนนั้นคือคุณวรัญ… อื้อ…” วรันธารายังพูดไม่ทันจบประโยค ปากที่ขยับของหล่อนก็ถูกกระแทกลงมาแรงๆ เสียก่อน ด้วยคนจอมบงการ เขาจูบหล่อนจนปากแตก จนสาแก่ใจแล้วนั่นแหละถึงยอมให้อิสระ
“ห้ามพูดถึงคนอื่น”
“แต่…”
“ผมจะจูบคุณจนปากเปื่อย ถ้าไม่หยุดพูดถึงคนอื่นเสียที”
เมื่อเห็นเควินเอาจริง วรันธาราก็จำต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะมองเขาอย่างหวาดๆ
“ฉัน… ฉันจะอาบน้ำ”
“ยังอาบไม่ได้ เราจะต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้วนี่” หล่อนสะบัดตัว แต่เขากระชากเข้าไปกอดแน่นขึ้น
“อย่าดื้อกับผม”
“ฉันไม่ได้ดื้อ”
“ก็ไอ้การเถียงคำไม่ตกฟากของคุณนี่แหละที่เรียกกว่าดื้อ”
นัยน์ตาของเควินช่างดุดัน และน่าเกรงขามนัก วรันธาราจึงจำต้องก้มหน้าหลบสายตา แต่ก็ถูกนิ้วแกร่งจับคางมนเชยขึ้นเสียก่อน
“เรื่องของผมกับวรัญญา มันจบลงไปนานมากแล้ว อย่าพูดถึงอีกเข้าใจหรือเปล่า”
“ไหนบอกไม่ให้พูดถึงคนอื่นยังไงล่ะคะ”
เควินไหวไหล่กว้างน้อยๆ
“คุณหยุดพูด แต่ผมพูดได้”
วรันธาราทำอะไรไม่ได้นอกจากมองค้อน เควินอมยิ้มก่อนจะก้มลงจูบปากอิ่มเร็วๆ
“เมื่อกี้ผมจูบแรงไปหน่อย เจ็บหรือเปล่า”
“สนใจด้วยหรือคะ”
“ถ้าไม่สนใจจะถามหรือ เจ็บอยู่หรือเปล่า”
วรันธาราเสหลบสายตา ในขณะที่เขาก็เอาแต่จ้องหน้าหล่อนตลอดเวลา ทำราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไม่ค่ะ”
“ผมขอโทษ…”
จากที่เคยเสหลบตา จำต้องช้อนขึ้นมองคนกล่าวคำขอโทษแทบไม่ทัน “คุณ… ขอโทษฉันหรือคะ”
“อืมมม์” เควินพยักหน้า “ผมไม่เคยทำให้ผู้หญิงเจ็บมากก่อน และไม่ชอบด้วยเวลาเห็นน้ำตาของผู้หญิง โดยเฉพาะน้ำตาของคุณ วรันธารา”
หญิงสาวสบสายตากับดวงตาคมกล้า ก่อนจะต้องเสหลบตาอย่างเอียงอาย “เมื่อกี้… คุณไม่ได้ทำให้ฉันเจ็บอะไรหรอกค่ะ”
“ผมจะแก้ตัว… อีกครั้ง…”
เขาโน้มหน้าลงมาหา หัวใจของวรันธาราเต้นแรงระรัว และรีบผละหนีด้วยความขัดเขิน
“อย่า… อย่าค่ะ” หล่อนเป็นอะไรไปนะ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองหัวใจของผู้ชายคนนี้ แต่กลับรู้สึกดีเหลือเกินยามที่เขาแสดงความอ่อนโยนด้วยแบบนี้
“ฉัน… ต้องรีบไปทำงานจริงๆ ค่ะ”
“งานของคุณ… ก็คือการทำให้ผมพอใจ…” เขารวบหล่อนเข้าไปกอดอีกครั้ง และครั้งนี้แน่นกว่าเดิมมากนัก
“อยู่กับผม… ตลอดทั้งวันนะ วรันธารา”
ไม่ใช่แค่น้ำเสียงทุ้มชวนฟังเท่านั้นที่เต็มไปด้วยการออดอ้อน แต่แววตาคู่นั้นของเควินก็ให้ความรู้สึกเดียวกัน วรันธาราร้อนผ่าวไปทั้งตัว กำแพงต้านทานพังครืนลงไม่เหลือชิ้นดี
“ผม… ต้องการคุณเหลือเกิน…”
“เควิน…”
หล่อนไม่ขัดขืนเขาอีกแล้ว ยอมให้เขากอด ยอมให้ปากร้อนผ่าวกดแนบลงมาหา ผ้าห่มที่คลุมกายสาวถูกกระชากโยนทิ้งไป พร้อมๆ กับฝ่ามือร้อนจัดที่เคลื่อนไหวซุกซน ปทุมถันถูกบีบเค้น ยอดถันถูกบดบี้ด้วยเรียวนิ้วแกร่ง ปากอิ่มถูกกดแนบด้วยริมฝีปากแสนช่ำชองหนักหน่วง หล่อนถูกดันให้นอนราบลงกับเตียงอย่างง่ายดาย
“เควิน…”
“ผม… ต้องการคุณ…”
ดวงตาสีน้ำเงินอมดำของเควินเต็มไปด้วยแรงปรารถนา จนวรันธาราหมดแรงจะต้านทาน สองมือเล็กจึงยกขึ้นกอดรอบลำคอแกร่ง และจูบตอบสนองด้วยจิตวิญญาณทั้งหมด
“ธาร… ทูนหัว… ผมคลั่งแล้ว… ผมคลั่งคุณเหลือเกิน…”
เสื้อผ้าของเควินปลิวหายออกไปจากร่างกายในพริบตา ผิวสีแทนเรียบตึงแนบชิดลงมาหา และสองร่างก็กอดรัดกันอย่างแนบแน่น เควินซุกซนราวกับเด็กน้อย เขาบีบ ดูดอม ลิ้นสากชุ่มชื้นเลียไล้ไปตามผิวเนียนทุกซอกมุม
“อ๊า… เคน… เคนขา…”
ใบหน้างามแหงนเงยสูงขึ้น เมื่อคนตัวโตซุกไซ้ต่ำลงไปที่กลางลำตัว สองขาแย้มกว้างออก สองมือเล็กขยุ้มศีรษะทุยแรงๆ กดทึ้งให้เขาแนบชิดลงมาหามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อ๊า… ไม่ไหวแล้ว… เคน… เคนขา… ได้โปรด… โอ้ว…” สะโพกอวบเผยอยกสูง ปากอิ่มบวมช้ำวิงวอนอย่างน่าเวทนา “ได้โปรด… เคนขา… ธาร… ธารไม่ไหวแล้ว…” ทั้งเรียวลิ้น ทั้งนิ้วแกร่ง ทุกจังวะของเควินทำให้หล่อนคลั่ง “โอ้ว… เคนขา… ได้โปรด…” เมื่อเขาไม่ยอมทำตามที่ต้องการ หล่อนที่หมดความอดทนก็ไม่อาจจะรั้งรอได้อีกต่อไป วรันธาราผลักร่างกำยำให้นอนราบลงกับพื้น ก่อนที่ตัวเองจะปีนป่ายขึ้นไปคร่อมอยู่ข้างบน
“ธาร…” เควินอุทานด้วยความตื่นเต้นและก็ครางระรัวออกมาเมื่อความแข็งชันถูกครอบครองด้วยกล้ามเนื้อสาวคับแน่น “โอ้ว… พระเจ้า… ธาร… คุณแน่นเหลือเกิน คุณ… อ๊ากกก…”
สะโพกอวบส่ายพลิ้ว ใบหน้างามเงยไปด้านหลัง เส้นผมสีดำขลับยาวคลอเคลียกับต้นขากำยำ สองมือสอดประสานกับมือใหญ่เอาไว้ จากนั้นก็ควบขี่อย่างหิวกระหาย
“โอ้ว… ธาร… เก่งเหลือเกิน… โอ้ว…”“ และเควินก็ไม่อาจจะควบคุมเซ็กซ์บนเตียงได้อีกเช่นเคย
“ฝันไปเถอะ!” เควินเค้นเสียงเดือดดาล ก่อนจะกระชากร่างของวรันธาราออกไปจากห้องเช่า
“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน…” วรันธาราพยายามขืนตัวเอาไว้ แต่แรงของหล่อนไม่เคยต่อกรกับเควินได้สักครั้ง ไม่ช้าก็ถูกฉุดกระชากลากถูไปที่รถได้อย่างง่ายดาย
“ผมจะฆ่าคุณ…”
“โอ๊ย…” วรันธาราร้องอุทานเพราะเจ็บระบม เมื่อร่างเล็กถูกจับกระแทกกับตัวรถแรงๆ จากนั้นเขาก็โน้มตัวลงมาหา พร้อมกับสองแขนแข็งแกร่งที่กางขวางกั้นอิสรภาพเอาไว้
“บนเตียง!”
คนเมาหน้าตาแดงก่ำ “อย่า… อย่ามายุ่งกับฉัน… คนรักของคุณกลับมาแล้ว ไปหาเธอนู่นนู้น”
เควินมองคนพูดตาขวาง “ผมไปแน่ แต่ไม่ใช่คืนนี้ ดังนั้นคุณก็ยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนกับคืนก่อนๆ”
“ไม่!”
“ผมจะทำให้มันใช่ คอยดูสิ” แล้วเขาก็จับร่างอรชรไร้เรี่ยวแรงของวรันธารายัดใส่รถ กำลังจะปิดประตูอยู่แล้ว เสียงของแม็กเวลล์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“น้องธาร… จะไปไหนครับ” แม็กเวลล์เดินมาหยุดที่รถ
“จะไปขึ้นสวรรค์ คุณจะไปกับพวกเราไหมล่ะครับ”
เควินตวัดตามองแม็กเวลล์อย่างไม่เป็นมิตร มองจนแม็กเวลล์ต้องถอยหลังออกห่างโดยอัตโนมัติ
“พี่แม็ก… ช่วยธารด้วย… ธารไม่อยากไปกับ… เขา…”
“ไม่อยากไปกับผัว จะไปกับชู้หรือไง หุบปากซะ ก่อนที่ผมจะโมโหมากไปกว่านี้ วรันธารา!”
“แต่ฉัน… อุ๊บบบ… อื้อออ…” ปากของวรันธาราถูกกระแทกแรงๆ ด้วยริมฝีปากร้อนจัดของเควิน เขาจูบป่าเถื่อน ประกาศให้รู้ว่าอย่างชัดเจนว่าเขาคือนาย และนายสั่งอะไรหล่อนก็ต้องทำ
แม็กเวลล์เห็นภาพสองคนจูบกันก็ต้องเบือนหน้าหนีด้วยความปวดใจ
“งั้นผม… ขอตัวก่อนนะครับ อ้อ… ฝากนี่ให้น้องธารด้วย”
ขวดเหล้าที่ยังไม่ได้ผ่านการเปิดถูกส่งมาตรงหน้า เควินรับเอาไว้ในมือ
“ขอบคุณครับ แต่ผมจะขอบคุณมากกว่านี้ ถ้าคุณจะห้ามปรามเมียของผมไม่ให้ดื่ม…”
แม็กเวลล์จนปัญญาที่จะพูด จึงก้มหน้าให้เล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป และพออยู่กันตามลำพัง เควินก็หันมาจ้องหน้าคนที่นั่งคอแข็งอยู่ในรถอย่างเดือดดาลทันที
“ชอบนักใช่ไหม เหล้าน่ะ”
“มันหรือของฉัน”
“ดี งั้นผมจะสนองให้” มือใหญ่หมุนเปิดขวดเหล้า และก็ไม่ทันได้คาดคิด เหล้าทั้งขวดถูกเทลงบนเนื้อตัวของวรันธาราจนเกลี้ยง เควินโยนขวดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ในขณะที่คนถูกกระทำอ้าปากค้าง พูดไม่ออก
“จำเอาไว้ อย่าลองดีกับผม!”
“คน… คนร้ายกาจ”
เควินหัวเราะในลำคอเบาๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยโทสะร้อนแรง “ยังไม่หมดหรอก โทษทัณฑ์ของคุณในค่ำคืนนี้น่ะ”
แล้วพ่อคนตัวโตที่ดูดีไปซะทุกกระเบียดนิ้วก็เดินอ้อมรถขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ แต่ก่อนที่จะออกรถ เขาก็หันมาจ้องหน้าหล่อนอีกครั้ง
“ผมจะดูด จะเลียเหล้าพวกนี้จากเนื้อตัวของคุณให้เกลี้ยง”
“ไม่… ไม่ได้นะ… ฉันไม่ยอม”
เควินอมยิ้มทระนง “ลิ้นของผมทรงอานุภาพแค่ไหน คุณเคยลองมาแล้วนี่ รับรองคืนนี้เราจะสนุกกันจนเช้า ก็ดีเหมือนกัน คุณเมาๆ แบบนี้ ผมคงต้องยอมเป็นฝ่ายรับบ้าง จริงไหม”
คนนั่งฟังแก้มแดงก่ำ ตอนนี้ความเมามายหายไปเกือบครึ่ง “ใคร… ใครจะยอมให้คุณเลีย”
“ก็คุณไง…”
“ฉันไม่ยอม”
“ผมจะเลียทุกซอกทุกมุม ดูสิว่าคุณจะกดหัวผมแรงเหมือนเดิมหรือเปล่า วรันธารา…” ชื่อของหล่อนที่ออกมาจากลำคอแกร่งนั้นช่างชัดเจนและเต็มไปด้วยแรงอารมณ์
“เอาล่ะ นั่งเฉยๆ เลิกพูดมาก ผมจะขับรถ”
สิ้นคำพูดของเควิน รถคันงามก็แล่นทะยานขึ้นไปบนท้องถนนอีกครั้งด้วยความเร็วสูง
วรันธารานั่งกุมมือบนตักของตัวเองแน่น บีบแรงๆ จนรู้สึกเจ็บระบมไปทั้งสองมือ
เควินยังต้องการหล่อนทำไมอีก ในเมื่อ… คนของเขากลับมาแล้ว ผู้หญิงที่สวยราวกับ ‘นางฟ้า’ ในขณะที่หล่อน… คิดถึงตรงนี้แล้วก็อดที่จะก้มมองสภาพของตัวเองไม่ได้
ลูกเป็ดขี้เหร่…
หล่อนไม่มีอะไรเทียบกับวรัญญาได้เลย เหมือนกับที่วรัญญาพูดใส่หน้านั่นแหละ
“ตอนที่เนสบอกฉันว่าเคนมีผู้หญิงใหม่ ฉันก็หวั่นใจไม่น้อยเลยนะว่าตัวเองจะสามารถทวงเคนกลับคืนมาได้หรือเปล่า จนกระทั่งวันนี้… วันที่ฉันได้เห็นผู้หญิงคนใหม่ของเคน วรันธารา”
เจ็บ… เจ็บเหลือเกิน เจ็บจนหัวใจปวดร้าวไปหมด แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น แพ้… แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนาม
เล็บคมกริบจิกลงบนฝ่ามือจนทะลุเข้าไปในเนื้อ แต่ความเจ็บปวดที่ฝ่ามือกลับไม่อาจจะเทียมเท่าความทรมานในหัวใจได้เลย หัวใจของหล่อนกำลังเลือดไหล กำลังไหลโชกเพราะถูกความผิดหวังทิ่มแทง
“ฉัน… ฉันคิดว่าเรา…” ในที่สุดก็ทำลายความเงียบสงบลงด้วยคำพูดที่ผ่านการตัดสินใจมาแล้วอย่างดี “ควรจะจบกันได้แล้วค่ะ”
รถทั้งคันถูกเหยียบเบรกกะทันหัน พร้อมๆ กับพวงมาลัยที่พักจนสุดเพื่อเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง
“คุณว่าอะไรนะ วรันธารา”
เขาหันมามองหล่อน แม้จะอยู่ในความมืดมิด แต่แววตาของเขาก็กระจ่างจัดต่อความรู้สึกของหล่อนเหมือนเดิม
“ฉัน… ฉันอยากยุติ… ความสัมพันธ์ของ… เรา…”
“ไม่ได้!” เควินสวนกลับไปโดยไม่ต้องหยุดคิดแม้แต่น้อย
“ทะ ทำไมล่ะคะ ในเมื่อ…”
“ไม่มีเหตุผล แต่ผมจะไม่มีวันยุติความสัมพันธ์ของเรา ไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด”
วรันธาราได้ยินแบบนั้นก็น้ำตาไหล “เพราะคุณ… ยังไม่เบื่อในตัวของฉันสินะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีเหตุผล แต่ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไป ห้ามเดินออกไปจากชีวิตของผมเด็ดขาด”
“เพื่ออะไรกันล่ะคะ ในเมื่อ…” หญิงสาวที่ตอนนี้หายเมาเป็นปลิดทิ้งถามกลับทั้งน้ตำน้ำตา “คนรักของคุณก็กลับมาแล้ว และเธอก็สวยงามเหลือเกิน ทางที่ดีคุณควรจะทิ้งลูกเป็ดขี้เหร่อย่างฉัน ไปหานางหงส์เสียเถอะค่ะ”
“อย่ามาริมาบังอาจอ่านสั่งให้ผมคิดตามที่คุณต้องการ เพราะผมไม่ชอบ”
“ฉันไม่ได้สั่งนะคะ แต่… ฉันพูดตามความจริง คุณควร…” หญิงสาวยังพูดไม่ทันจบก็ถูกกระชากเข้าไปกอดรัดแน่นเสียก่อน พร้อมกับเขาที่ก้มหน้าต่ำลงมาหา นัยน์ตาคมกริบเต็มไปด้วยความดุดัน
“ผมควรจะอยู่กับคุณ ชัดเจนไหม วรันธารา”
“แต่… แต่ฉันไม่มีอะไรสู้คนรักเก่าของคุณได้เลยนะคะ ฉัน… ฉันไม่ต้องการให้คุณถูกหัวเราะเยาะ”
กรามแกร่งของเควินขบแน่น “ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมจู่ๆ คุณพล่ามเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ผมจะบอกอะไรให้ ตอนนี้ทุกคนต่างอิจฉาผม ที่ผมได้กินคุณ วรันธารา”
“มะ… ไม่จริง…”
ริมฝีปากหยักสวยสีสดของเควินขยับเข้ามาใกล้ มันอยู่ห่างจากกลีบปากของหล่อนเพียงแค่เส้นด้ายรอดผ่าน
“อย่าดูถูกตัวเอง… และไว้ใจผม”
“แต่…”
“อย่าหึงไร้สติอีก เข้าใจไหม”
คราวนี้ริมฝีปากที่แค่เคยอยู่ใกล้ประกบทับลงมาหา พร้อมๆ กับจูบดันดูดดื่มก็ระเบิดขึ้น ชายหนุ่มบดขยี้ลงกับเนื้อนุ่มด้วยสัมผัสเร่าร้อน หนักหน่วง และหิวกระหาย กอดรัดร่างเล็กแต่อวบอัดไปทั้งตัวแนบอก ลิ้นแกร่งบุกรุกเข้าไปภายใน ตวัดรัดรึงลิ้นเล็กอย่างโหยหา เสียงหวานครางแผ่วเบายิ่งผลักดันให้เขาสิ้นสุดการควบคุมตัวเอง
“ขอผม… ในรถ… อีกครั้ง…”
ปากร้อนจัดกดลงหนักๆ บนเนื้อนุ่มที่ซอกคอระหง ก่อนจะทั้งดูดทั้งกัดจนเกิดรอยแดงช้ำ วรันธาราห่อไหล่ครวญคราง ร่างเล็กที่เปียกปอนไปด้วยแอลกอฮอล์ส่ายไหวไปมา
“อืมมมมม์… รสชาติผิวของคุณ… วิเศษเหลือเกิน”
“อ๊า… เควิน… เคน… อื้อ…” หญิงสาวครางระรัว เหมือนถูกมือใหญ่ควักเต้างามออกมาดื่มกิน นิ้วแกร่งบี้คลึงจนยอดทรวงเบ่งขยายแข็งเป็นไต ก่อนจะโน้มศีรษะลงไปดูดอมเอาไว้ในอุ้งปาก
“อ๊า… อ๊า…”
เควินดูดอมราวกับเด็กทารกที่กำลังโหยหิวน้ำนมจากอกของมารดา เขาทั้งดูด ทั้งกัด จนร่างเล็กสะท้านเยือก มือบางกดศีรษะทุยสวยแนบแน่น ในขณะที่บั้นท้ายอวบส่ายระริก
“ร้อนแรงเหลือเกิน… ธารจ๋า…”
ชายหนุ่มดูดอมจนสาแก่ใจก็เลื่อนเบาะรถให้ถอยหลังออกไปจนสุด ร่างอรชรถูกยกให้ขึ้นมานั่งคร่อมตักแกร่ง พร้อมๆ กับการรูดกางเกงชั้นในตัวจิ๋วให้พ้นทาง
“อ๊า… เคน… เคนขา…”
“วิเศษมาก… ธาร…” มือแกร่งรูดซิปกางเกงตัวเองอย่างลนลาน ก่อนจะจับร่างอวบอิ่มสวมทับลงไปหา
“อ๊ะ… อ๊า…” กล้ามเนื้อสาวโอบรัดความแข็งชันเอาไว้จนหมดความยาว
“โยกขยับทูนหัว… ขย่มผม… โอ้ว…”
เควินเงยหน้าไปด้านหลัง มือใหญ่รวบเอวคอดเอาไว้แน่น พร้อมกับยกร่างเล็กขึ้นสูงก่อนจะกดทับลงมาเป็นจังหวะหนักหน่วง
“อ๊า… เคนขา…”
“ผมชอบแรง… ได้โปรด… ขย่มแรงๆ โอ้ว… แบบนั้น… ธารจ๋า… โอ้ว… แบบนั้น แรงแบบนั้น โอ้ว…”
เควินมักจะเป็นฝ่ายควบคุมเสมอในทุกๆ สถานการณ์ โดยเฉพาะสถานการณ์การวาบหวามเช่นนี้ แต่กับวรันธารา เขาไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้เลย มันเป็นแบบนี้อีกครั้ง และนับครั้งไม่ถ้วน
ยอมให้หล่อนครอบงำ… ได้อย่างน่าวิตกกังวล…
“ธาร… ผมจะไม่ไหวแล้ว… ธารจ๋า…” รถทั้งคันโยกไหวท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาหา
เพราะการพบเจอกับวรัญญาคนรักเก่าของ เควินในวันนี้ทำให้หล่อนถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ตลอดทั้งวัน หล่อนหงุดหงิดหงุด ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ฟังขัดหูไปหมด หล่อนเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ แต่… แต่หล่อนควบคุมมารร้ายในจิตใจไม่ได้เลย หากเรื่องนั้นมันเกี่ยวข้องกับเควินคาสโตรเซ่น
ผู้ชายที่หล่อนไม่มีวันเอื้อมถึง…
วรันธาราถอนใจเบาๆ ขณะย่ำเท้าไปตามทางเดินแคบๆ มุ่งสู่ห้องเช่าของตัวเอง
คืนนี้หล่อนจะไม่กลับไปหาเควิน…
หล่อนทนเห็นหน้าเขาในตอนนี้ไม่ได้ ในตอนนี้จิตใจกำลังเต็มไปด้วยความหึงหวง
หล่อนเกลียดตัวเกลียดตัวเองที่งี่เง่า แต่เพราะวรัญญาสวยราวกับนางฟ้า และเควินก็ไม่ได้รักหล่อน นี่คือเหตุผลที่ทำให้หล่อนงุ่นง่านอยู่ตลอดทั้งวัน
หล่อนจะทำยังไงดี…?
ถึงจะสามารถจัดการความรู้สึกในตอนนี้ได้ ทำยังไงถึงจะเลิกหึงหวงผู้ชายที่ไม่มีวันมาเป็นของตัวเอง
ร่างอรชรทรุดลงกับม้าหินอ่อนหน้าห้องเช่า ดวงตากลมโตยามนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด วรันธาราพยายามบอกตัวเองให้หยุดคิดถึงเรื่องราวในวันนี้ซะ ทำตัวสบายๆ เหมือนกับที่เคยทำมา ก่อนจะที่พบกับเควิน คาสโตรเซ่น แต่ก็ทำไม่ได้…
หัวใจของหล่อนมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
รักเควิน…
รักเควิน คาสโตรเซ่น จนหมดหัวใจ!
หยาดน้ำตาเอ่อซึมออกมาเต็มสองตา แม้จะพยายามกะพริบไล่ให้มันกลับเข้าไปภายในยังไง แต่บางส่วนก็ยังเล็ดทะลักออกมาประจานความรู้สึกอยู่ดี
“ไม่ร้อง… ฉันจะไม่ร้องไห้… จะไม่ยอมร้องไห้กับเรื่องของคุณ เควิน”
“น้องธาร มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ”
เสียงทักทายที่เต็มไปด้วยความยินดีระคนประหลาดใจของแม็กเวลล์ดังขึ้นข้างหลัง วรันธาราจึงต้องรีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งทันที ก่อนจะหันกลับไปปั้นยิ้มให้กับหนุ่มข้างห้อง
“เอ่อ พี่แม็ก…”
แม็กเวลล์ยิ้มกว้างเดินมาหยุดตรงหน้า ก่อนจะโน้มตัวลงมาจ้องหน้าของสตรีที่ตัวเองแอบรัก
“วันนี้พี่ไม่ได้ทำโอทีน่ะเลยกลับมาเร็ว”
วรันธารายิ้มบางๆ และพยักหน้าบอกว่ารับรู้
“ว่าแต่น้องธารเถอะ ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ”
คนถูกถามเงยหน้าและปั้นยิ้ม “ที่นี่บ้านของธาร ถ้าไม่กลับมา แล้วธารจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
“ก็…”
แม็กเวลล์กำลังจะเอ่ยชื่อของเควิน แต่วรันธารารู้ทันจึงเปลี่ยนเรื่องเสียก่อน
“แล้วพี่ซันไม่มาด้วยเหรอคะ หรือว่าออกไปดื่มอีกแล้ว”
แม็กเวลล์เห็นว่าวรันธาราไม่อยากคุยถึงเควินจึงไม่คิดจะเซ้าซี้ต่อ “ใช่ครับคับ หมอนั่นชอบดื่ม ชอบเมา ไม่รู้จะทำตัวไร้สาระแบบนี้อีกนานเท่าไหร่”
“พี่ซันคงมีความสุขที่ได้ทำ…”
“ใช่ มันบอกพี่ว่าถ้าดื่มคือการปลดปล่อยความเครียด แต่พี่ว่าไม่เห็นจริงเลย พี่ดื่มแล้วยิ่งเครียดกว่าเดิมอีก ตอนตื่นเช้าขึ้นมาน่ะ”
วรันธาราอมยิ้ม อดหัวเราะไม่ได้ “นั่นเพราะพี่แม็กดื่มหนักเกินไปมั้งคะ แต่ถ้าดื่มแค่พอดี ธารว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงกันข้ามคงจะลืมเรื่องเครียดๆ ลงไปได้บ้าง”
ท่าทางของวรันธาราทำให้แม็กเวลล์หรี่ตาแคบมอง “พูดแบบนี้ อยากบอกนะว่าน้องธารอยากดื่มเหล้า”
แม้จะไม่เคยดื่มมาก่อน แต่เพราะเครียดเรื่องของเควิน ทำให้หล่อนตัดสินใจจะใช้บริการแอลกอฮอล์สักครั้งในชีวิต
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ
“น้องธารแน่ใจนะครับ” แม็กเวลล์ถามอย่างเหลือเชื่อ
“มั่นใจค่ะ ธารอยากดื่ม”
“เพื่อลืมคุณเควินใช่ไหมครับ”
วรันธาราเงยหน้าขึ้นสบตากับแม็กเวลล์ ก่อนจะเสหลบตา “ไม่… ไม่ใช่หรอกค่ะ เป็นเรื่องงาน”
แม็กเวลล์รู้ดีว่าวรันธาราโกหก แต่ก็ไม่อยากคาดคั้นให้หญิงสาวต้องเศร้าหมองมากไปกว่าที่เป็นอยู่
“งั้นน้องธารไปรอที่ห้องพี่เลย นี่ครับกุญแจ”
วรันธารามองลูกกุญแจที่ถูกยื่นมาตรงหน้า “แล้วพี่แม็กจะไปไหนเหรอคะ”
“พี่จะไปซื้อสิ่งที่น้องธารอยากดื่มยังไงล่ะครับ”
แม้จะรู้สึกผิดเล็กๆ ในใจ แต่ก็พยายามแข็งใจเอาไว้ “ค่ะ เดี๋ยวธารจะไปรอพี่แม็กนะคะ แต่เป็นที่ห้องของธารค่ะ”
วรันธาราปฏิเสธที่จะรับลูกกุญแจห้องจากแม็กเวลล์ ก่อนจะลุกขึ้นยืน และพูดต่อ “เพราะธารจะดื่มคนเดียวที่ห้องค่ะ”
“อ้าว… ไม่ดื่มกับพี่เหรอครับ”
คนถูกถามส่ายหน้า “ต้องขอโทษนะคะพี่แม็ก แต่ธารไม่รู้ว่าตอนตัวเองเมาจะแสดงอาการอะไรออกมาบ้าง ธารก็เลยไม่อยากให้พี่แม็กต้องลำบากน่ะค่ะ”
“แต่พี่ยินดี…”
“ธารรู้ค่ะ และขอบคุณมาก แต่ธารอยากดื่มคนเดียวจริงๆ ค่ะ ธารรบกวนพี่แม็กด้วยนะคะ”
แม็กเวลล์ถอนใจออกมาเบาๆ ความผิดหวังแล่นอยู่ในอก แต่ก็จำต้องก้มหน้ายอมรับการตัดสินใจของหญิงสาวตรงหน้า
“ถ้ามันเป็นความต้องการของน้องธาร พี่ก็ไม่ขัดข้อง”
“ขอบคุณค่ะ”
“แต่ว่าห้องของน้องธารถูกขนของออกไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
วรันธารายิ้มบางๆ “ถึงไม่มีของใช้อะไรเหลืออยู่ แต่ธารก็อยู่ได้ค่ะพี่แม็กไม่ต้องเป็นห่วง และที่สำคัญธารยังไม่ได้คืนห้องเลยค่ะ”
แม็กเวลล์ยืนจ้องหน้าวรันธาราอยู่ชั่วอึดใจ ก็ตัดสินใจเดินออกไปยังร้านค้า ในขณะที่วรันธาราหน้าเศร้าสลดลงเมื่อตรงหน้าไม่เหลือใครอยู่แล้ว หล่อนพยายามฝืนยิ้มให้กำลังใจตัวเอง แต่สิ่งที่ได้กลับมีแค่น้ำตาเท่านั้น
หล่อนร้องไห้อีกแล้ว…
วรันธารายกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปตามทางเดินแคบๆ เพื่อเข้าห้องเช่าของตัวเอง
คนขับรถที่มีหน้าที่รับส่งวรันธารารายงานสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดให้ฟัง และนั่นก็ทำให้สันกรามของคนฟังอย่างเควินกระตุกแรงๆ ด้วยโทสะอำมหิต
“ไปให้พ้นหน้า ไปได้แล้ว!”
“ครับ ครับคุณเคน…”
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบเผ่นแน้บไปทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง ทิ้งให้เควินยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เพียงลำพัง
“กล้าดี… กล้าดีมากนะ วรันธารา” ชายหนุ่มกำมือแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ไม่พอใจ
“เตรียมรถ!”
“ครับ… ครับ คุณเคน”
เควินแทบจะกระโจนตรงไปที่รถเสียให้ได้ แต่พอมาถึงรถยังไม่ได้ถูกสตาร์ทเครื่องรอ เขาจึงอาละวาดราวกับคนบ้า
“เร็วกว่านี้ไม่ได้หรือไงวะ!”
“เสร็จ… เสร็จแล้วครับคุณเคน…” คนขับรถรีบเปิดประตูฝั่งคนขับให้กับเควินมือไม้สั่น เสียงก็สั่นเทาจนน่าเวทนา
เควินกระโดดขึ้นไปบนรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว เร็วปานขีปนาวุธอานุภาพร้ายกาจที่ยิงขึ้นบนท้องฟ้า จนคนขับรถแทบจะปิดประตูรถให้ไม่ทัน
ให้ตายเถอะ… หล่อนทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน?
วรันธาราไม่ยอมกลับบ้าน หนีกลับออกไปจากซันไทมส์โดยที่คนขับรถไม่เห็น
ชายหนุ่มกำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วเป็นริ้วรอยขาวซีด นัยน์ตาคมกริบจ้องมองออกไปยังท้องถนนนิ่ง พร้อมกับคันเร่งที่เหยียบจนมิด ความเร็วรถสปอร์ตหรูจึงพุ่งทะยานขึ้นจนถึงขีดสุด
ไม่ช้าเขาก็มาถึงจุดหมาย… อาคารสองชั้นที่เปิดเป็นห้องเช่าให้กับพนักงานกินเงินเดือนอยู่ตรงหน้า
เควินก้าวลงจากรถ และตรงไปยังห้องเช่าห้องสุดท้ายที่เขาจำได้ดีว่า วรันธาราเป็นเจ้าของ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง และมันก็ทำให้คนที่กำลังรินเหล้าใส่แก้วอยู่ชะงัก เงยหน้าขึ้นมอง
“พี่… แม็ก… เหรอคะ” แม้จะรู้สึกมึนเมาไม่น้อยทั้งๆ ที่ดื่มไปแค่ขวดเดียวเอง แต่กระนั้นหล่อนก็ยังพอเหลือสติอยู่บ้าง
“เข้า… มา… ได้เลยค่ะ…” วรันธาราที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หันกลับมาใส่ใจการรินเหล้าออกจากขวดใส่แก้วอีกครั้ง จึงไม่ทันสังเกตว่าใครกันที่ผลักประตูเข้ามา
“เหล้า… ที่ธารสั่งเพิ่ม… ได้แล้วใช่ไหม…คะ…”
“คุณทำให้ผมโกรธจนแทบเป็นบ้า รู้ไหมวรันธารา!”
สิ้นเสียงคำรามราวกับฟ้าผ่า คนที่จ้องมองแก้วเหล้าอยู่ก็ต้องเงยขึ้นมอง ต่อให้หล่อนเมาแค่ไหน ก็ไม่มีทางลืมผู้ชายคนนี้ได้
“เค… เควิน…”
ผู้ชายตัวสูงใหญ่ยืนท้าวสะเอวอยู่ที่ปากประตู พร้อมกับทำหน้าตาถมึงทึงใส่หล่อนอย่างโกรธจัด
“ยังจำผัวคนนี้ได้อีกหรือ!”
วรันธารามองอยู่พักใหญ่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ แอลกอฮอล์ในเลือดทำให้หล่อนกล้าพูดกล้าขึ้นมากเลยทีเดียว
“นึกว่าใคร… มาค่ะ… มาดื่ม…”
คนถูกเชิญให้ร่วมวงกัดฟันกรอดอย่างโมโห “หัดทำตัวเป็นเมรีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“อย่าโมโหสิคะ มาดื่มกันเถอะ”
ท่าทางเมามายของแม่วรันธาราคนสวยยิ่งทำให้เควินโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“ที่คุณไม่ยอมกลับไปหาผม ก็เพราะว่ามาตั้งวงอยู่ที่นี่น่ะหรือ”
คนเมาพอถูกถามก็อมยิ้ม แก้มนวลแดงก่ำน่ามอง “ก็ฉัน… อยากดื่มนี่คะ… มาเถอะ มาดื่มเป็นเพื่อนกัน… มาค่ะ” หญิงสาวกระวีกระวาดจะลุกขึ้นไปหาแก้วมาเพิ่ม แต่พอลุกขึ้นเท่านั้นแหละก็เซจะล้ม เดือดร้อนถึงเควินต้องยื่นมือไปตวัดรวบเอวคอดเอาไว้
“ดื่มทำไม”
หญิงสาวที่ถูกกอดแนบอกเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ตามแบบฉบับของคนเมามาย “ฉันชอบแนวสันกรามคุณจัง… เป็นเหลี่ยมแปลกตาดี”
“ผมถาม… ดื่มทำไม?!”
“ชูว์… ไม่ทำเสียงดังสิคะ… เดี๋ยวข้างห้องตกใจกันพอดี…” วรันธาราหัวเราะ และแนบหน้ากับแผงอกกว้าง “หน้าอกของคุณกว้างจังนะคะ และก็อบอุ่นด้วย” พร้อมกับวางมือลงกับแผ่นอกกำยำแผ่วเบา “ฉันเหมือน… ได้ยินเสียงหัวใจของ… คุณเต้นด้วย…” แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง “หัวใจของคุณ… มันอยู่ลึก… มากไหมคะ…”
“วรันธารา…” เควินเรียกด้วยน้ำเสียงต่ำ เป็นการเตือนว่าความอดทนกำลังจะสะบั้นลงแล้ว แต่แม่สาวน้อยที่กำลังเมามายหาได้รับรู้ไม่ หล่อนยังคงหัวเราะ สลับยิ้มหวานให้เหมือนเดิม“
“รู้ไหมคะ… ฉันน่ะ…” ดวงตากลมโตปรือขึ้น และยิ้มหวาน “ตกหลุมรักคุณ… ตั้งแต่เห็นรูปถ่าย… เลยนะ…” จากนั้นก็ขยับออกห่าง พร้อมกับเอียงคอมองคู่สนทนา “อ้อ…ฉัน…เคยบอกคุณหรือยัง… คุณหล่อมาก…”
“คุณเมามากแล้ววรันธารา กลับบ้าน”
ในที่สุดเควินก็รู้ตัวว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต่อว่า หรือทำโทษวรันธาราในตอนนี้ เพราะหล่อนกำลังไม่มีสติ
“ฉัน… ฉันไม่อยาก… กลับไปหรอกค่ะ…”
“ทำไมล่ะ ไหนบอกว่าตกหลุมรักผม”
คนถูกถามแก้มแดงเล็กน้อย หากเป็นในยามปกติหล่อนคงเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้แอลกอฮอล์ทำให้หล่อนกล้าเหลือเกิน “ฉันตกหลุมรักคุณก็จริง…” หล่อนหยุดพูดเล็กน้อยพร้อมกับพยายามจะถอยออกห่าง แต่เควินไม่ยอมปล่อย
“อยู่เฉยๆ”
“แต่ฉัน… ไม่ต้องการอยู่… กับผู้ชายไม่มีหัวใจ อ้อ ไม่สิ… เมื่อกี้ฉันพิสูจน์แล้วนี่ว่าคุณมีหัวใจ…”
เควินถอนใจเบาๆ ในขณะที่วรันธารายังคงเพ้อต่อไป “แต่ไม่มีวัน… ใช่ของฉัน… ปล่อยค่ะ…”
“ระวัง…”
เจ้าหล่อนดิ้นจนหลุดจากอ้อมแขน ก่อนจะไปล้มลงกับพื้นตรงหน้าขวดเหล้า เควินจะรีบประคอง แต่หญิงสาวร้องห้ามเอาไว้ พร้อมกับมองด้วยสายตาแดงก่ำ
“อย่า… อย่าแตะต้องฉันอีกเลย…”
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณดื่มทำไม แต่ตอนนี้คุณต้องหยุดดื่ม และกลับบ้านกับผม”
“ไม่! ฉันจะ… ไม่ไปไหนทั้งนั้น… ฉันจะอยู่ที่นี่”
“คุณผิดสัญญากับผมนะ วรันธารา”
วรันธาราช้อนตาขึ้นมองคนตัวโตที่ยืนจังก้าอยู่เหนือศีรษะ พลางเรื่องราวของวรัญญาก็กลับมากระแทกหัวใจอีกครั้ง “ฉัน… ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญา…”
“พูดบ้าอะไรของคุณเนี่ยเนี้ย วรันธาราวรัญญา!”
“คนรักของคุณกลับมาแล้ว!” วรันธาราตะเบ็งเสียงออกไปดังลั่น ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้ม “ผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาก่อนในชีวิต… เธอกลับมาแล้ว กลับมา… หาคุณแล้ว เควิน…”
เควินขบกรามแน่น โทสะเดือดพล่านขึ้นอีกครั้ง
“คุณหมายถึงใคร วรันธารา”
คนถูกถามหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆ ทั้งน้ำตา “ก็คุณวรัญญา คนรักเก่าของคุณยังไงล่ะคะ เควิน โอ๊ย…!” วรันธาราร้องอุทานเมื่อร่างของหล่อนถูกกรงเล็บของเควินตะปบลงที่ต้นแขนทั้งสองข้าง พร้อมกับบังคับให้ลุกขึ้นยืน แต่ความสูงที่มีน้อยกว่ามากทำให้ชายหนุ่มต้องโน้มตัวลงมาหาเลยทีเดียว
“หุบปาก! แล้วกลับบ้านด้วยกัน”
“ไม่! ฉันจะไม่กลับ… ไปเป็นเมียคั่นเวลาให้คุณอีก ปล่อยฉันนะ”
“อ้อ ชอบเป็นเมรีอยู่ในห้องเช่านี้สินะ คงรอไอ้หน้าละอ่อนนั่นอยู่ใช่ไหม วรันธารา!”
“มันเรื่องของฉัน ปล่อย!”
ผู้บริหารซึ่งเป็นคนของเควินออกไปรับประทานมื้อเที่ยงกับสปอนเซอร์รายใหญ่ ในขณะที่แอนโทนี่กับวิลเลี่ยมก็ออกไปทำงานข่าวอุบัติเหตุกลางเมืองเทกซัส ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปทำงานจนหมด ในออฟฟิศจึงเหลือแค่วรันธารากับวาเนสซ่าสองคน
“ธาร… ฉันถามอะไรหน่อยสิ เกี่ยวกับคุณเควินน่ะ”
คนที่ก้มหน้าทำงานอยู่ชะงัก ก่อนจะตอบกลับไปเสียงเรียบ “ก็ถามมาสิ ถ้าตอบได้ฉันจะตอบ แต่ถ้าไม่ ฉันก็จะไม่ตอบ”
วาเนสซ่าลอบเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ “คุณเควินจะแต่งงานกับเธอหรือเปล่า”
วรันธารารู้สึกเหมือนถูกมีดแหลมทิ่มที่กลางใจดำแรงๆ
“ฉันขอไม่ตอบ”
“งั้นก็แสดงว่าคุณเควินไม่เคยบอกเธอเรื่องนี้น่ะสิ”
“ฉันจะทำงาน” วรันธาราตัดบท หัวใจเจ็บแปลบอย่างรุนแรง เควินจะแต่งงานกับหล่อนทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้รักหล่อน นอนด้วยก็เพราะความใคร่เท่านั้น
“งั้นเธอก็ทำไปสิ แต่ฉันมีข่าววงในลับสุดยอดของคุณเควินจะบอกเธอน่ะ”
วรันธารานิ่งเงียบไม่โต้ตอบทำเหมือนไม่ได้สนใจ แต่ความจริงแล้วหล่อนรอฟังอยู่อย่างใจจดจ่อเลยทีเดียว
“ตอนสมัยมหา’ลัย คุณเควินเคยมีคนรักคนหนึ่ง และคุณเควินก็รักผู้หญิงคนนี้มาก”
“แล้วมาบอกฉันทำไม ฉันไม่ได้อยากฟัง”
“ฉันก็แค่อยากเล่าน่ะ ถ้าเธอไม่ฟังก็เอามือปิดหูไว้สิ”
วรันธารารวบเอกสารบนโต๊ะจะลุกหนี แต่คำพูดต่อมาของวาเนสซ่าก็ทำให้หล่อนชะงัก เท้าก้าวไม่ออก
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นรุ่นพี่ของฉันเอง และเขาก็กลับมาเทกซัสแล้วด้วย”
หัวใจของวรันธาราคล้ายกับมีของเหลวไหลออกมา และเมื่อมองดีๆ มันก็คือเลือดนั่นเอง
“มันไม่เกี่ยวกับฉัน”
“เกี่ยวสิ เกี่ยวมากเสียด้วย” วาเนสซ่าลุกขึ้นยืน และเดินมาหยุดตรงหน้าของวรันธารา
“เพราะพี่เรยากำลังจะกลับมาทวงคุณเควินคืน ซึ่งแน่นอนว่าทำได้อยู่แล้ว”
วรันธารารู้สึกเหมือนยืนอยู่กลางดงพายุ ใต้ฝ่าเท้าสะเทือนจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
“ไม่ต้องมาบอกฉัน จะทำอะไรกันก็เชิญ”
“ต้องบอกสิ ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นคู่นอนของคุณเควิน นี่ฉันหวังดีนะ วรันธารา ถึงได้มาบอกน่ะ”
วาเนสซ่าเห็นหน้าของวรันธาราบูดบึ้งก็หัวเราะร่วน “จะได้เตรียมตัวทัน เวลาถูกเขี่ยทิ้งน่ะ”
“หลีกไป ฉันจะออกไปทำงานที่อื่น”
วรันธาราทนฟังไม่ได้อีกจึงผลักวาเนสซ่าให้พ้นทาง และกำลังจะออกไปจากออฟฟิศ แต่ร่างอรชรสมส่วนของใครบางคนก็ก้าวมาขวางหน้าเอาไว้เสียก่อน
ผู้หญิงคนนี้สวยมาก หุ่นสะโอดสะองค์ เครื่องหน้าสมบูรณ์แบบมาก สวยราวกับดาราหนังไม่มีผิด
“คุณ… มาหาใครหรือคะ” วรันธาราตั้งสติได้ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเพราะคิดว่าเป็นแขก
“ฉันชื่อวรัญญา เกษมราช หรือเรยา คนรักเก่าของเควิน คาสโตรเซ่น”
แม่เจ้าประคุณคนงามกล่าวเล่าชื่อเสียงเรียงนามและความสัมพันธ์ครั้งอดีตกับเควินโดยที่ไม่ต้องเอ่ยถามเลยสักนิด และนั่นก็ทำให้วรันธารารู้ทันทีเลยว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้มาดี
“ค่ะ”
“นี่เธอรับคำแค่นี้น่ะหรือ” วรัญญาเอ่ยถาม มองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงศีรษะอย่างเหยียดหยาม
“แล้วคุณจะให้ฉันรับคำว่าอะไรล่ะคะ” วรันธาราหน้าตาบึ้งตึง อยากจะออกไปให้พ้นจากผู้หญิงสองคนนี้ให้เร็วที่สุด “เอาเป็นว่าฉันขอตัวนะคะ มีงานต้องทำค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน…” ข้อมือของวรันธาราถูกคว้าเอาไว้ด้วยมือนุ่มของวรัญญา
“มีอะไรกับฉันอีกหรือคะ”
“ไม่น่าเชื่อว่าเดี๋ยวนี้เคนจะตาต่ำเลือกผู้หญิงหน้าตาธรรมดาอย่างเธอไปเป็นคู่นอน”
วรันธาราหน้าร้อนจัด แต่ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไร วาเนสซ่าก็รีบปรี่เข้ามาร่วมวงเสียก่อน
“พี่เรยาคะ คุณเควินไม่ได้เลือกหรอกค่ะ แต่แม่นี่น่ะลอบเข้าไปในบ้านของคุณเควิน พอถูกจับได้ก็คงเสนอตัวให้แทนการติดคุกน่ะค่ะ”
“จริงเหรอ วรันธารา” วรัญญาหันมาถามวรันธาราด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
วรันธารากำมือแน่น กลีบปากอิ่มเม้มกันเป็นเส้นตรง “ก็แล้วแต่จะคิดค่ะ ถ้าหมดธุระกับฉันแล้ว ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน” เป็นอีกครั้งที่วรัญญาเรียกหล่อนเอาไว้
“ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้พูดกับฉันอีกหรือคะ คุณวรัญญา”
วรัญญายิ้มหยัน “ตอนที่เนสบอกฉันว่าเคนมีผู้หญิงใหม่ ฉันก็หวั่นใจไม่น้อยเลยนะว่าตัวเองจะสามารถทวงเคนกลับคืนมาได้หรือเปล่า จนกระทั่งวันนี้… วันที่ฉันได้เห็นผู้หญิงคนใหม่ของเคน นั่นก็คือเธอ…” เสียงหัวเราะขบขันดังออกจากลำคอของวรัญญา “รู้ไหมว่าฉันโล่งใจขึ้นมากเลยทีเดียว เพราะเธอไม่มีอะไรสู้ฉันได้เลย วรันธารา”
วรันธารานับหนึ่งถึงร้อยในใจสามรอบ ก่อนจะตอบออกไปเสียงเรียบ “งั้นก็ขออวยพรให้คุณทำสิ่งที่หวังได้สำเร็จก็แล้วกันนะคะ อ้อ… ลืมบอกไป ตอนนี้ฉันกับอดีตแฟนของคุณ กำลังสวีตหวานกันจนน้ำตาลยังเรียกพี่เลยค่ะ คุณเคนนี่เก่งทุกเรื่องเลยนะคะ ทั้งเรื่องงาน และ…” แม้จะไม่อยากมีเรื่องแต่ความโมโหทำให้วรันธาราเลือกที่จะตอบโต้ออกไป
“บนเตียง”
“นี่… แก…” วรัญญายกมือจะตบหน้า แต่วาเนสซ่าห้ามเอาไว้เสียก่อน
“อย่าค่ะพี่เรยา ในออฟฟิศมีกล้องค่ะ”
วรันธารากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ “ถ้าหมดเรื่องเก่าที่จะเล่าแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ” แล้ววรันธาราก็สะบัดหน้าเดินจากไป วรัญญากำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ
“ดูมันสิน้องเนส มันจองหองมาก”
“งั้นเราก็ต้องเล่นงานมันให้หมอบเป็นหมาเลยดีไหมคะพี่เรยา มันจะได้หลาบจำไงคะ”
“แน่นอน พี่จะจัดการมันแน่ ว่าแต่คลิปน่ะจะส่งให้พี่ได้เมื่อไหร่”
“เย็นนี้ค่ะ นี่เนสก็รอหัวหน้าอยู่ บอกจะส่งให้ตั้งแต่ตอนสายๆ ดันติดงานออกไปทำข่าวข้างนอก พี่เรยาใจเย็นๆ นะคะ ถ้าได้คลิปแล้ว เนสจะรีบส่งให้ทันทีค่ะ”
วรัญญาพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหยิบเงินให้กับคู่สนทนา “เอาไว้กินขนม แล้วถ้าสำเร็จจะให้ใหม่”
“ขอบคุณค่ะพี่เรยา แต่คราวหน้าเราไปให้กันในห้องน้ำดีกว่านะคะ อย่างที่บอกในนี้มีกล้อง”
“จะไปกลัวอะไรล่ะ พี่ให้เธอเพราะเธอเป็นน้องพี่ เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“จริงด้วย เนสขอบคุณมากค่ะ”
วรัญญากอดอกระบายยิ้มริษยา “ว่าแต่คลิปที่จะส่งให้พี่ดูน่ะ มันเป็นคลิปอะไรเหรอ”
“เนสก็ยังไม่เห็นค่ะ แต่เห็นหัวหน้าบอกว่าเป็นคลิปที่แอบถ่ายในห้องนอนของนังวรันธาราน่ะค่ะ น่าจะเป็นคลิปโป๊มั้งคะ”
วรัญญาระบายยิ้มเลือดเย็น
“พี่เรยายิ้มแบบนั้นทำไมคะ”
“ถ้าเป็นคลิปโป๊ระหว่างเคนกับมันจริงๆ ก็ดีน่ะสิ พี่จะได้ใช้คลิปนี้เล่นงานมัน”
“แต่ถ้าพี่เรยาปล่อยคลิปนี้ออกไป คุณเคนก็ต้องอับอายด้วยนะคะ”
“ตรงกันข้าม เพราะพี่จะปล่อยข่าวว่านังวรันธารายั่วยวน และวางยาปลุกเซ็กซ์เคน ทำให้เคนควบคุมตัวเองไม่ได้ และยังอัดคลิปไว้แบล็คเมล์เมย์เคนด้วย แค่นี้นังนั่นมันก็เละแล้วล่ะ”
“โห พี่เรยาฉลาดสุดๆ เลยค่ะ”
วรัญญาระบายยิ้มพึงพอใจ “พี่ไปก่อนล่ะ แล้วอย่าลืมคลิปล่ะ”
“ไม่ลืมค่ะพี่เรยา รับรองเนสตามให้ได้ภายในวันนี้แน่นอน”
เมื่อวาเนสซ่ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว วรัญญาก็เดินกลับออกไป
“นังคางคก งานนี้แกยับเยินแน่” วาเนสซ่าที่อิจฉาวรันธาราเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงสะใจมาก
“จะไปไหนแต่เช้า หึ”
วงแขนที่พาดลงบนกายสาว และรั้งเข้าไปหา ทั้งๆ ที่เจ้าของมือยังไม่ลืมตา ทำเอาวรันธาราที่จะแอบย่องลงจากเตียงถึงกับสะดุ้ง แก้มนวลแดงซ่าน
“เอ่อ… สายมากแล้วน่ะค่ะ ฉันจะ… ออกไปทำงาน”
“ทำงาน?”
ตาที่ปิดอยู่ของเควินปรือขึ้นทันที ก่อนจะขมวดคิ้วมองแม่สาวสวยเจ้าของผิวเนียนละมุน
“ผมจำได้ว่าบอกคุณไม่แล้วนี่… ว่าไม่ต้องไปทำงานที่ไหน ผมจะจ่ายคุณเอง”
“แต่ฉันเป็นนักข่าวนะคะ ฉันต้องทำงานหาเงิน”
“แต่คุณก็มีผัวเป็นมหาเศรษฐีนี่”
คนตัวโตลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มล่นลงไปกองที่หน้าขา ทำให้บางส่วนชูชันออกมาอวดสายตาคู่สนทนา วรันธาราจำต้องรีบละสายตาหนี
“และผมก็เลี้ยงคุณได้”
“วันนี้คุณเลี้ยงฉันในฐานะนางบำเรอ แต่ใครจะรับประกันได้ล่ะคะว่าอีกสิบวันข้างหน้าคุณจะยังต้องการฉันอยู่ ฉันต้องหาความมั่นคงให้กับตัวเองค่ะ” วรันธาราวิงวอน
“ได้โปรดเถอะนะคะ ให้ฉันได้ออกไปทำอาชีพที่ฉันรักเถอะ อย่างน้อยๆ ก็ตอนที่คุณกำลังยุ่งอยู่กับงานทั้งวันนะคะ”
“งานผมไม่ได้ยุ่งจนไม่มีเวลาให้คุณหรอกนะ”
เควินไม่พอใจนัก เขาไม่ต้องการปล่อยวรันธาราตามลำพัง “งั้นทำงานกับผม จะได้ไม่ต้องออกไปเสี่ยงที่ไหน”
“เราเจอกันแค่ตอนกลางคืนเถอะค่ะ ฉันสัญญาว่าจะมาหาคุณทุกคืน จนกว่าคุณจะสั่งไม่ให้ฉันมา…”
ความมุ่งมั่นในดวงตาของวรันธาราทำให้เควินรู้สึกไม่พอใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องยอมหล่อนด้วย เขาควรจะทำทุกอย่างตามใจตัวเองสิ เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา แล้วทำไม… ต้องตามใจหล่อนด้วย
เพราะอะไรกัน?
“ก็ได้ แต่คุณต้องมีคนของผมตามไปด้วย”
“เคนคะ… ฉันโตแล้วนะคะ อายุยี่สิบสี่สองปีแล้วค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้”
“แต่ผมไม่ไว้ใจหนุ่มๆ ที่อยู่รอบตัวคุณ ยังไงซะถ้าจะออกไปทำงานที่ซันไทมส์ก็ต้องมีคนของผมตามไปด้วย ไม่อย่างนั้นก็อยู่กับผมที่นี่ทั้งวันทั้งคืนแทน”
แม้จะลำบากใจแต่วรันธาราก็จำต้องยินยอม มันก็ดีกว่าการถูกกักขังอยู่ที่นี่ตลอดเวลา
“ก็ได้ค่ะ แต่คนของคุณทำได้แค่ไปส่ง และไปรับเท่านั้นนะคะ”
“คนของผมจะต้องอยู่กับคุณทั้งวันต่างหาก”
“ถ้าคุณทำแบบนั้น ฉันจะหนีไปจากคุณ และจะไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก”
ท่าทางจริงจังของวรันธาราทำให้เควินจำต้องยอม “ตกลง แต่ถ้าผมรู้ว่าคุณยิ้มให้กับผู้ชายคนอื่นล่ะน่าดู”
“คุณจะฆ่าฉันหรือคะ”
“ผมจะควักลูกกะตาไอ้คนที่คุณยิ้มให้ต่างหากล่ะ” แล้วคนตัวโตก็ยกร่างอรชรขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง
“อุ๊ย… ปล่อยค่ะ”
“ผมตามใจคุณแล้ว ไม่คิดจะให้รางวัลบ้างเลยหรือ”
ฝ่ามือร้อนรุ่มลูบไล้ตามแนวสันหลังขึ้นมาหยุดที่หัวไหล่มน หญิงสาวสะท้านไปทั้งตัว จนยอดอกเบ่งขยายแข็งเป็นไต
“เอ่อ เราก็พึ่ง…”
“แต่ผมต้องการอีก… คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยอิ่ม”
“จ้า พ่อคนตะกละ” วรันธาราอมยิ้ม อ่อนอกอ่อนใจที่จะไปขัดขืนความต้องการของพ่อสุดหล่อ
เควินหัวเราะร่วน หรี่ตาแคบจ้องลึกไปที่ดวงตาคู่งาม “หรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ต้องการผมล่ะ”
“อ๊ะ…” หญิงสาวเงยหน้าไปด้านหลังเมื่อถูกบีบคลึงยอดทรวงหนักหน่วง ทั้งสองข้างพร้อมๆ กันเลย
“บอกสิว่าต้องการผมจนแทบบ้า”
“อ๊า… ค่ะ… ค่ะ ธารต้องการคุณจนแทบบ้า… ได้โปรด…”
เควินหัวเราะพึงพอใจ ก้มศีรษะลงไปครอบครองปทุมยอดจงอยถันงามเข้ามาไว้ในอุ้งปาก ฟันลิ้นเลียขบอย่างหิวกระหาย ฝ่ามือบีบเค้นตีตราเป็นเจ้าของ วรันธาราสั่นระริกไปทั้งตัว
“เคนขา… เคน…”
“ครับ… อืมมม…”
“ได้โปรด… เคน… เดี๋ยวนี้เลยค่ะ ได้โปรด…”
เสียงคำรามด้วยความพึงพอใจของเควินดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่ถูกผลักให้หงายหลังลงกับเตียงกว้าง สองขาของหล่อนกางออก และเขาก็สอดแทรกเข้าหาอย่างดุดัน
“เคน… เคนขา…”
“ผมต้องการคุณ… ธาร… โอ้ว…”
ยาวนานเลยทีเดียวกว่าเสียงเตียงโยกจะสงบลง
เมื่อรถแล่นมาจอดที่หน้าซันไทมส์ วรันธาราก็รีบลงไปทันที เพียงไม่นานหล่อนก็ได้กลับเข้ามายืนอยู่ภายในที่ทำงานเก่าอีกครั้ง
“ธาร… ธารมาทำไมครับ”
วิลเลี่ยมเห็นก่อนก็เอ่ยทักทาย
“นั่นสิ ได้เป็นเมียเก็บของมหาเศรษฐีเถื่อนแล้ว ไม่น่าจะต้องมาทำงานให้ลำบาก” แอนโทนี่อดที่จะแขวะไม่ได้
วรันธาราหันไปยิ้มให้กับวิลเลี่ยม “นักข่าวคืออาชีพของธาร ยังไงธารก็ไม่ทิ้งหรอกค่ะ”
“แต่คุณเควินไม่ต้องการให้คุณทำงานนี่ เขาต้องการให้คุณเหนื่อยเฉพาะแค่บนเตียงอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ” แอนโทนี่ใส่อีกอย่างโมโห
วรันธาราแก้มแดงแต่ก็พยายามไม่ใส่ใจ “ธารขออนุญาตคุณเควินแล้วค่ะ เอาเป็นว่าทุกคนทำงานตามปกตินะคะ”
“หึ เดี๋ยวนี้ทุกคนที่นี่ต้องเชื่อฟังคุณแล้วอย่างนั้นสินะ”
“หัวหน้าคะ คือว่า…”
“ผมไม่ใช่หัวหน้าอีกต่อไปแล้วคุณก็รู้นี่! เลิกเรียกผมแบบนั้นได้แล้ว”
แอนโทนี่ตวาดใส่ดังลั่น จนผู้บริหารซึ่งเป็นคนของเควินต้องโผล่หน้าออกมาปราม
“ที่นี่ที่ทำงาน ถ้าจะอาละวาด กลับไปทำที่บ้าน คุณแอนโทนี่”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราแค่พูดคุยกัน” วรันธาราแก้ตัวแทนแอนโทนี่ จนผู้บริหารกลับเข้าห้องไป
“คิดหรือว่าผมจะญาติดีกับคุณ ไม่ใช่เพราะคุณเหรอผมถึงต้องมาเป็นแบบนี้ ต้องลดตัวมานั่งโต๊ะต่ำๆ ของคุณแบบนี้นะ”
“ธารจะช่วยพูดกับคุณเควินให้ค่ะ”
“อย่ามาทำเป็นพูดดี” แอนโทนี่ลุกขึ้นจากโต๊ะ “อ้อ แล้วถ้าอยากได้โต๊ะคืนก็บอกนะ ผมยินดีคืนให้” จากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ วรันธารามองตามไปอย่างเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรนะธาร หัวหน้าคงยังรับความจริงไม่ได้น่ะ” วิลเลี่ยมปลอบใจ
“ธารรู้สึกผิดจังเลยค่ะ ที่ทำให้ซันไทมส์วุ่นวายขนาดนี้”
“มันใช่ความผิดของธารที่ไหนกันล่ะ ถ้าหัวหน้าไม่สั่งให้ธารเข้าไปในบ้านของคุณเควิน เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น และธารก็คงไม่ต้อง…”
วิลเลี่ยมหยุดพูดแค่นั้นเพราะเกรงว่าวรันธาราจะอับอาย “พี่ขอโทษ… พี่ขอตัวไปทำงานก่อนดีกว่า”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะพี่วิล เพราะมันคือเรื่องจริง” วรันธารายิ้มเศร้าหมอง
“พี่วิลเลี่ยมช่วยอะไรธารอย่างหนึ่งได้ไหมคะ”
“ได้สิ บอกมาเลย พี่ทำให้ธารได้ทุกอย่างนั้นแหละ”
วรันธาราฝืนยิ้ม “ธารอยากได้โต๊ะชั่วคราวน่ะค่ะ พี่วิลพอจะ…”
“พี่จะหาให้ ธารรอแป๊บแปบนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะพี่วิล” หญิงสาวกล่าวขอบคุณด้วยความซึ้งใจ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่ยินดี เดี๋ยวพี่ไปดูโต๊ะในห้องเก็บของแปบนะ” วิลเลี่ยมเดินจากไปแล้ว วรันธาราจึงหมุนตัวจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แต่ก็สวนกลับวาเนสซ่าที่เดินกลับมาจากห้องน้ำพอดีเสียก่อน
“ธาร… ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกลับมาทำงานที่นี่อีก”
“ฉันเป็นพนักงานของที่นี่ ทำไมฉันจะต้องไม่มาด้วยล่ะ ขอตัวนะ ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”
“เดี๋ยวก่อนสิ” วาเนสซ่าคว้าแขนของวรันธาราเอาไว้ ก่อนจะปล่อยมือเห็นสายตาไม่พอใจของเจ้าตัว “ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่า… ฉันขอสงบศึกน่ะ”
“แล้วเธอต้องการอะไรกับการสงบศึกในครั้งนี้” วรันธาราถามกลับอย่างรู้ทัน
“อย่ามองฉันในแง่ร้ายแบบนี้สิ ฉันแค่เบื่อที่จะต้องทะเลาะกับเธอน่ะ และอีกอย่าง… ฉันก็ไม่มีแบล็คใหญ่อย่างหัวหน้าคอยหนุนหลังอีกแล้ว”
“อืมมม์”
“แค่นี้เหรอ แค่อืมม์ แค่นี้…”
“แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีกล่ะเนส”
“เรามาเป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ เหมือนกับที่เคยเป็นไงสมัยที่เธอเข้ามาทำงานแรกๆ น่ะ”
วรันธาราถอนใจออกมาเบาๆ “ถ้าให้พูดตามตรงนะ ฉันไม่เคยเกลียดเธอเลย มีแต่เธอนั่นแหละที่หาเรื่องแกล้งฉัน เกลียดฉัน ถ้าตอนนี้เธอเหนื่อยที่จะทำแบบนั้นแล้วมันก็ดี แต่ถ้าจะให้เรากลับมาคบหากันอย่างสนิทใจเหมือนเดิมคงไม่ได้หรอก ขอตัวนะ ฉันปวดฉี่”
วรันธาราเดินหนีไปเข้าห้องน้ำแล้ว ในขณะที่วาเนสซ่ายืนมองด้วยสายตาชิงชัง
“ทำเป็นปากดีไปเถอะ อีกไม่นานแกแก่จะไม่มีที่ยืนในเทกซัส นังวรันธารา”
วาเนสซ่าคำรามเกรี้ยวกราดในลำคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมไลน์ และส่งข้อความหาวรัญญา
“พี่เรยา นังนักข่าวที่คุณเควินคว้าไปกกน่ะมันมาทำงานที่ซันไทมส์ด้วยนะคะวันนี้น่ะ พี่จะมาทำความรู้จักกับมันไหมคะ”
“พี่จะไป เดี๋ยวเที่ยงเจอกัน”
“ค่ะพี่เรยา แล้วเจอกันค่ะ” วาเนสซ่าพิมพ์ตอบกลับไป ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ และหันไปมองทางห้องน้ำ
“วันนี้สนุกแน่ นังวรันธารา!”
แอนโทนี่นั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่ที่โต๊ะทำงานเดิมของวรันธาราซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นโต๊ะทำงานถาวรของตัวเองไปเสียแล้ว
“มันไม่ถูกต้อง ทำไมฉันจะต้องถูกลดตำแหน่งด้วย” แอนโทนี่สบถและผุดลุกขึ้นยืน พุ่งตรงดิ่งเข้าไปภายในห้องทำงานที่เคยเป็นของตัวเอง คนของเควินเงยหน้าขึ้นมองทันที
“คุณมีมันอะไรกับผมหรือ คุณแอนโทนี่”
“คือ…” แอนโทนี่อึกอักเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกไป
“ผมไม่จำเป็นต้องถูกลดตำแหน่ง เพราะผมมีหุ้นอยู่ในมือถึง 30%”
“แล้วคุณอยากจะมีน้อยลงหรือเปล่าล่ะครับ”
แอนโทนี่อึ้ง เขารู้ว่ามันทำได้ยากที่จะขโมยหุ้นไปจากการครอบครองของตัวเองได้ แต่คนอย่างเควิน คาสโตรเซ่น มหาเศรษฐีจอมเถื่อนย่อมใช้ทุกวิธีเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
บางทีเขาอาจจะถูกสั่งเก็บ…
แอนโทนี่คิดแล้วก็ตกใจหน้าซีด แข้งขาสั่นพรั่บขึ้นมาในทันที และนั่นก็ทำให้คู่สนทนารู้ทัน
“ผมต่อสายคุณเควินให้ไหมครับ”
“ไม่ต้อง! ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
แล้วแอนโทนี่ก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกมากระแทกตัวลงบนเก้าอี้ หน้าตาบูดบึ้ง
“ยอมรับสภาพเถอะครับ ดีกว่าให้ซันไทมส์ถูกปิด”
“นายมีสิทธิ์มาสั่งให้ฉันทำอะไรด้วยหรือ วิลเลี่ยม อย่าลืมสิว่าฉันเป็นหัวหน้าของนาย…”
เมื่อคิดถึงความจริงแล้วก็จำต้องคำพูดใหม่ “ฉันมีหุ้นอยู่ในซันไทมส์ตั้ง 30%”
“ครับ”
วิลเลี่ยมรับคำก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
“ไอ้พวกนี้นี่ เห็นเราลำบากเข้าหน่อยทำเป็นไม่เห็นหัว คอยดูเถอะ ถ้าโอกาสกาสกลับมาเมื่อไหร่จะไล่ออกให้หมด”
“จะไล่ใครออกเหรอคะหัวหน้า อ้อ… คุณแอนโทนี่”
วาเนสซ่ายืนถือถ้วยกาแฟอยู่ด้านหลัง
“อย่ามายุ่งกับผม”
“อย่าทำหน้าบูดแบบนั้นสิคะ เนสมีเรื่องดีๆ จะมาเล่าให้คุณฟังค่ะ”
วาเนสซ่าพูดจบก็เอากาแฟหอมกรุ่นวางไว้ตรงหน้าของแอนโทนี่
“ของหัวหน้าค่ะ”
และก็กลับมาเรียกแอนโทนี่เหมือนเดิม
“เธอจะมาไม้ไหนเนี่ย เนส” แอนโทนี่มองคู่สนทนาด้วยความไม่ไว้ใจนัก แต่วาเนสซ่าฉีกยิ้มหวาน
“เนสจริงใจกับหัวหน้านะคะ”
“เมื่อวานเธอยังสะบัดหน้าใส่ฉันอยู่เลย”
วาเนสซ่าโน้มตัวลงมาหา พลางกุมมือของแอนโทนี่และบีบเบาๆ อย่างยั่วยวน
“นั่นมันเมื่อวานค่ะ แต่วันนี้ ตอนนี้ เนสอยากให้หัวหน้าร่วมมือกับเนสค่ะ”
“ร่วมมือ?”
“ชูว์… เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่าค่ะ”
แม้จะไม่ไว้ใจวาเนสซ่านักหลังจากที่หล่อนเผยธาตุแท้ให้เห็นเมื่อวาน แต่แอนโทนี่ก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามไป ไม่ช้าสองคนก็เดินมาหยุดที่มุมตึกลับตาคน
“มีอะไรก็ว่ามา”
“แหม หัวหน้าก็… ยังไม่หายโกรธเนสเหรอคะ”
“พูดธุระของเธอมาดีกว่า ถ้าไม่น่าสนใจ อย่าหวังว่าฉันจะร่วมมือด้วย”
วาเนสซ่าลอบยิ้มหมั่นไส้ หน้าเงินอย่างแอนโทนี่ไม่มีทางปฏิเสธสิ่งที่หล่อนจะนำเสนอได้หรอก “เมื่อวานเนสได้เจอกับรุ่นพี่ที่เคยเรียนมหา’ลัยเดียวกันโดยบังเอิญน่ะค่ะ”
“แล้วมาบอกผมทำไม”
“ใจเย็นๆ สิคะ ฟังเนสก่อน”
แอนโทนี่ยืนกอดอกและรอฟังอย่างเสียไม่ได้
“รุ่นพี่คนนี้… เคยเป็นคนรักเก่าของเควิน คาสโตรเซ่นค่ะ”
จากที่เคยยืนนิ่งๆ ตอนนี่แอนโทนี่เบิกตากว้างราวกับไข่ห่าน “ว่ายังไงนะ แฟน… แฟนเก่าใคร”
“แฟนเก่าของเควิน คาสโตรเซ่นค่ะ” วาเนสซ่าย้ำชัดๆ ออกมาอีกครั้ง แต่พอแอนโทนี่ได้ยินเต็มสองหู ก็ทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“แล้วคุณแน่ใจได้ยังไงว่ารุ่นพี่ของคุณไม่โกหก”
วาเนสซ่ายิ้มกว้าง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนหน้าจอสองสามครั้งและส่งให้แอนโทนี่ดู
“รูปถ่ายคู่กันขนาดนี้ พอจะยืนยันได้ไหมคะหัวหน้า”
แอนโทนี่ยิ้มกริ่ม
“ได้สิ ได้มากเลยทีเดียวล่ะ ว่าแต่ผู้หญิงคนนี้ ใช่คนที่เคยขายภาพลับส่วนตัวของเควินให้กับนักข่าวเมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ พี่เรยาคือผู้หญิงคนนั้นค่ะ” วาเนสซ่าเรียกชื่อเล่นของวรัญญาอย่างสนิทสนม
แอนโทนี่ดีดนิ้วด้วยความพึงพอใจ
“แล้วรูปพวกนั้นยังอยู่หรือเปล่า ผมต้องการรูปพวกนั้น”
“ไม่อยู่แล้วล่ะค่ะ พอพี่เรยาถูกจับได้ ภาพพวกนั้นก็ถูกทำลายทิ้งไปหมดแล้วค่ะ ก็ขนาดที่นักข่าวยังไม่ได้เลือกเลยจริงไหมคะ”
แอนโทนี่ยืนนิ่งอยู่นานก่อนจะถามกลับ
“แล้วคุณมีข้อเสนออะไรให้ผมหรือ”
“ร่วมมือกับเนส และพี่เรยายังไงล่ะคะ”
“ร่วมมือทำอะไร”
วาเนสซ่ายิ้มเยาะ
“พี่เรยาต้องการคุณเควินคืน ส่วนเนสต้องการเห็นนังธารมันย่อยยับ ในขณะที่หัวหน้าต้องการซันไทมส์คืนมาเป็นของตัวเอง เห็นไหมล่ะคะว่าพวกเรามีความต้องการในทิศทางเดียวกัน”
“มันก็ใช่ แต่ผมยังมองไม่เห็นทางว่าตัวเองจะได้ซันไทมส์คืนกลับมาได้ยังไงเลย”
“ก็ถ้าพี่เรยากลับไปครอบครองหัวใจของเควิน คาสโตรเซ่นสำเร็จ มันจะยากอะไรคะกับการยกซันไทมส์คืนให้กับหัวหน้าน่ะ แถมคราวนี้หุ้นทั้งหมดจะเป็นของหัวหน้าเพียงคนเดียวด้วยนะคะ”
แอนโทนี่ฟังแล้วก็ตามืดบอดด้วยความโลภ “แล้วคุณต้องการให้ผมทำอะไร”
“ไม่ยากเลยค่ะ ง่ายนิดเดียว”
“ง่ายนิดเดียว? แล้วมันคืออะไรล่ะ”
วาเนสซ่าเดินเข้ามาใกล้แอนโทนี่ จากนั้นก็เอียงหน้าเข้าไปใกล้
“หัวหน้ามีคลิปของคุณเควินกับนังธารอยู่ใช่ไหมคะ”
“ใช่ แต่กำลังจะลบทิ้งแล้วล่ะ”
“ไม่ต้องลบค่ะ ส่งมาให้เนส”
“คุณจะเอาไปทำอะไร ถ้าหลุดไปเควินเอาผมตายแน่”
“อยากทำงานใหญ่ก็ห้ามกลัวสิคะหัวหน้า”
“แล้วคุณจะเอาไปทำอะไร” แอนโทนี่ถามซ้ำ ในอกยังคงกริ่งเกรงกับบารมีของเควินไม่น้อย
“เนสกับเรยาจะใช้คลิปนี้เพื่อกำจัดนังธารยังไงล่ะคะ”
“ผมมองไม่เห็นทางเลย จะกำจัดวรันธาราได้ยังไงกัน ในเมื่อเควินหลงซะขนาดนั้น”
“ยืมมือประชาชนกำจัดยังไงล่ะคะ เอาเป็นว่าถ้าหัวหน้าอยากได้ซันไทมส์กลับคืนมา ก็ต้องส่งคลิปพวกนั้นให้กับเนส”
“ผมขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวนี้ค่ะ ไม่มีเวลาคิดแล้ว เราต้องรีบทำ เพราะขืนช้า ทุกอย่างก็จะสายเกินไป”
แม้จะสองจิตสองใจอยู่ แต่ความโลภมีมากกว่า
“ก็ได้ เดี๋ยวผมกลับไปที่โต๊ะแล้วจะรีบส่งให้ทันที มันอยู่ในโน๊ตบุ๊คส่วนตัวผมน่ะ”
“แล้วเราจะรุ่งเรืองไปด้วยกันค่ะหัวหน้า”
แอนโทนี่เดินจากไปแล้ว วาเนสซ่าจึงรีบต่อสายหาวรัญญาที่เป็นรุ่นพี่ที่เคยสนิทเมื่อสิบปีก่อนทันที
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่เรยา แล้วอย่าลืมค่าตอบแทนของเนสนะคะ ได้ค่ะ คืนนี้เนสจะส่งให้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวมีใครมาได้ยินเข้า ค่ะพี่เรยา บายค่ะ”
วาเนสซ่าตัดสายของวรัญญาทิ้ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตึกสำนักงาน และทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ห๊า…” วรันธาราอ้าปากค้าง ตื่นตระหนกระคนอับอาย “มะ ไม่ใช่สักหน่อย”
ใบหน้าของเควินยังคงเปื้อนยิ้ม ขณะที่เขาเริ่มต้นละเมียดอาหารตรงหน้าช้าๆ
“ผมนึกว่าคุณ… จะพูดถึงเรื่องนั้นเสียอีก”
“คนบ้า ฉันลืมไปแล้วต่างหาก”
คนตัวโตเงยหน้าขึ้นอมยิ้มยียวน “แต่ท่าทางของคุณมันบอกตรงกันข้ามนะครับ”
“ตรง… ตรงกันข้ามยังไง ฉันลืมไปหมดแล้วจริงๆ”
“ท่าทางและหน้าตาของคุณมันบอกให้ผมรู้ว่า… คุณอยากให้เรื่องในรถเกิดขึ้นซ้ำอีก”
“บ้า…”
เควินหัวเราะร่วนใช้เท้าเขี่ยเท้าบอบบางของคนที่นั่งข้างๆ อย่างหยอกเย้า วรันธารารีบขยับหนี แต่ถูกมือใหญ่คว้าต้นแขนเอาไว้เสียก่อน
“ปล่อยนะคะ”
“กินข้าวกับผม”
“แต่ฉัน…”
“ก็อย่างที่ผมบอก… ถ้าไม่กินข้าว ก็คงต้องกินคุณแทน”
เขาพูดตรงๆ ในขณะที่หล่อนเองก็ขัดเขินอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน แก้มสาวแดงจนจะกลายเป็นเทพเจ้ากวนอูอยู่แล้ว
“คนบ้า”
เควินหัวเราะพึงพอใจ ตักอาหารใส่จานให้กับหญิงสาวอย่างเอาใจ ก่อนจะตักข้าวใส่ปากเงียบๆ
วรันธารากำช้อนแน่นเต็มไปด้วยความสับสน แต่ในความสับสนนั้นก็มีความหวามไหวซ่อนอยู่มหาศาล หล่อนลอบชำเลืองมองเควินหลายครั้ง มองอย่างเผลอไผล
“หน้าผมคงอร่อยกว่าอาหารมากมายตรงหน้า…” เขาพูดลอย แต่หล่อนเขินจัดเลยทีเดียวที่ถูกจับได้
“ปละ เปล่าสักนักหน่อย”
“แต่ผมเห็นคุณ… มองผมไม่วางตา”
วรันธาราสั่นระริก ลำคอแห้งผาก พยายามจะแก้ตัว “ฉัน… ฉันแค่นึกได้ว่ามีเรื่องต้องพูดกับคุณ”
เควินอมยิ้มอีกแล้ว นี่เขาจะรู้ไหมนะว่าทุกครั้งที่เขาอมยิ้มแบบนี้ หัวใจของหล่อนเต้นรุนแรงแค่ไหน
“งั้นก็ว่ามาสิ”
“คือ…” หล่อนอึกอัก แต่ก็พยายามรวบรวมสติ “ฉันคิดว่า… คุณทำกับซันไทมส์เกินไป ฉันอยากให้คุณเลิกยุ่งกับที่ทำงานของฉัน”
เควินตวัดตามอง หล่อนอ่านความรู้สึกจากดวงตาคู่นี้ไม่เคยได้เลยจริงๆ
“แค่ที่ทำงานเก่าของคุณต่างหาก”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”
“ผมจะไม่ให้คุณไปทำงานที่ซันไทมส์อีก ผมไม่ชอบให้คุณอยู่ใกล้นักข่าวผู้ชายพวกนั้น” เควินไหวไหล่น้อยๆ
“แต่นั่นมันเป็นงานที่ฉันรักนะคะ”
“คุณรักอาชีพที่ริดรอดความเป็นส่วนตัวของคนอื่นเข้าไปได้ยังไง นี่ถ้าผมไม่เห็นใจคนในซันไทมส์ล่ะก็ ผมสั่งปิดไปแล้ว”
“คุณมันคนบ้าอำนาจ!” หญิงสาวรวบช้อน และลุกขึ้นยืนจ้องหน้าเขาอย่างโมโห ทำเอาป้าเดซี่และคนรับใช้ที่อยู่ห่างออกไปทำหน้าตาตื่นตกใจ เพราะไม่เคยเห็นเควินยอมให้ใครแสดงกิริยาแบบนี้ใส่มาก่อน
“นั่งลง”
เขาสั่งเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยโทสะร้าย
“ฉันไม่นั่ง จนกว่าคุณจะสัญญาว่าจะเลิกยุ่งกับซันไทมส์ และเลิกยุ่งกับชีวิตของฉันสักที”
หล่อนได้ยินเสียงถอนใจแรงๆ จากเควินก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน และหรี่ตาจ้องหน้าหล่อน
วรันธาราจะถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ แต่เควินเอาแขนเท้าไว้กับระเบียงข้างตัว ทำให้หญิงสาวถูกกักเอาไว้ในอ้อมแขนแกร่งนั้นอย่างไม่มีทางเลือก
“ซันไทมส์น่ะผมพอจะเลิกยุ่งได้ แต่สำหรับคุณ… ผมไม่มีวันเลิกยุ่ง”
วรันธาราเบิกตากว้าง
เควินไหวไหล่น้อยๆ “อย่างน้อยๆ ก็ยังไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ ผมจะต้องเบื่อคุณเสียก่อน”
“คนเลว!”
“ถ้าผมเลว คุณคงไม่มีโอกาสหายใจอีกหลังจากตบหน้าผมที่ซันไทมส์หรอก วรันธารา”
เขากำลังโกรธมาก หล่อนรู้ดี
“แต่คุณ… ก็ทำโทษฉันไปแล้ว”
“ถ้าคุณหมายถึงเซ็กซ์ในรถล่ะก็ มันยังไม่สาสมหรอก”
เสียงอุทานตกใจจากลำคอของป้าเดซี่และคนใช้คนอื่นๆ ทำให้วรันธารารู้ตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว
“นี่… ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับแล้ว”
เควินไม่ตอบ แต่เลือกที่จะหันไปทางคนรับใช้แทน “ออกไปจากตรงนี้ ปิดประตูให้แน่น และสั่งให้ทุกคนอยู่ห่างจากระเบียงให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ค่ะ ค่ะคุณเคน” ป้าเดซี่รับคำ และรีบพาคนใช้เผ่นออกไปทันที
วรันธาราตาเหลือกตกใจ “คุณ… คุณสั่งแบบนั้นทำไมคะ”
เควินก้มลงมาหาอย่างเดือดดาล “ผมกำลังอารมณ์ดี แต่คุณก็ทำให้ผมโกรธ”
“ฉันไม่ได้ทำ”
“แต่การที่คุณให้ผมเลิกยุ่งกับคุณ มันคือเชื้อโทสะอย่างดีของผมเลยล่ะ”
“คุณ… หมายถึง…”
“บอกแล้วไง ถ้าไม่กินข้าว ผมก็จะกินคุณ”
“เค… เควิน…”
หล่อนทั้งตกใจ ทั้งปั่นป่วน
“คุณ… คุณจะทำตรงนี้ไม่ได้นะคะ คนของคุณจะเห็น…”
“ทุกคนจะปิดหู ปิดตาตามที่ผมสั่ง ไม่ต้องกังวล”
“แต่ฉัน… ฉันไม่ยอม”
จากที่เคยแค่กักกัน เควินเปลี่ยนเป็นรั้งร่างเล็กเข้ามากอดแนบอก
“คุณจะยอมในไม่กี่วินาทีข้างหน้า” เขาพูดอย่างโอหัง และไล่ต้อนหล่อนที่หนีจากริมระเบียงมาที่ผนังห้องแทน “เมื่อถูกปากของผม… จูบไปตามผิวของคุณ”
โอ้… วรันธาราครางในอก ด้วยความหวามไหวที่สุดในชีวิต เควินเป็นพ่อมดหรือไงนะ ทำไมหล่อนถึงได้คล้อยตามแบบนี้
“ไม่… ฉันจะ… ไม่ยอม… ปล่อยนะ” ร่างอรชรถูกกอดอีกครั้ง คราวนี้ข้างหน้าคือร่างกายกำยำที่แข็งชันไปทุกสัดส่วน กับข้างหลังที่เป็นผนังปูเย็นเยียบ และหล่อนก็หมดทางหนี
“ปล่อยนะคะ”
“ผมจะกินคุณ…” เขาเลื่อนมือจากเอวคอดลงไปที่สะโพกกลมกลึง และรั้งเข้ามาหามากขึ้น จนวรันธาราสัมผัสได้ถึงแก่นกายแข็งขึงภายในกางเกงแสล็คขายาวสีเข้มชัดเจน
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตากลมโตเบิกกว้าง กลีบปากอิ่มสั่นระริก
“ปล่อย… ได้โปรด… เถอะค่ะ…”
เขาไม่ปล่อยแถมยังยกมือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้กลุ่มเส้นผมของหล่อน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายโน้มต่ำลงมาหา ลมหายใจของเขาแสนอบอุ่น ฝ่ามือของเขาก็ช่างรุ่มร้อนยามที่สัมผัสกับผิวสาว วรันธาราพยายามจะต้านทาน แต่หล่อนก็ทำไม่ได้เหมือนเช่นทุกครั้ง เควินเหมือนสิ่งเสพติดที่ไม่ว่าจะดื่มกินสักเท่าไหร่ก็ไม่เคยเพียงพอ
และต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ!
“ผม… ต้องการคุณ…”
น้ำเสียงห้าวกระเส่าเร้าอารมณ์กระซิบชิดกลีบปากอิ่ม ก่อนที่เขาจะประกบปากลงมาหา เขาบดขยี้ปากอิ่มด้วยความหิวกระหาย แทรกลิ้นแกร่งลึกล้ำเข้าไปภายในอุ้งปากหวาน ดื่มกินอย่างตะกละตะกลาม
“อ๊า… เคน…”
หล่อนถูกผลักให้ตกลงไปในเหวสวาทอย่างสมบูรณ์แล้ว ไร้การต้านทาน มีแต่การสนองตอบที่เร่าร้อนเทียมกัน หญิงสาวกอดรัดเขาแน่น จูบตอบด้วยความหิวกระหาย ดูดพันลิ้นแกร่งด้วยลิ้นเล็กของตัวเองอย่างซุกซน
เควินครางคำรามด้วยความพึงพอใจ มือใหญ่ตลบกระโปรงบานขึ้นสูง เคล้าคลึงบั้นท้ายและสะโพกหนักหน่วง ก่อนจะจับขาเรียวข้างซ้ายให้กระหวัดพันรอบเอวแกร่งกำยำเอาไว้
“เคน… อ๊า…”
ชายหนุ่มยังคงบดขยี้ปากอิ่มอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ยามที่นิ้วยาวเรียวสอดแทรกเข้าไปภายในกางเกงชั้นในตัวจิ๋ว หญิงสาวสะท้านอุทานตื่นตระหนกยามที่กางเกงชั้นในถูกรวบไปรวบกันไว้ที่ด้านข้าง
“ผม… ต้องการคุณ…”
แต่พอเขาย้ำชัดถึงความปรารถนาหนักหน่วงข้างๆ หู ความอับอายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ก็สลายหายไปทันที ขาเรียวจึงตวัดเอวแกร่งเอาไว้แน่น และหยัดสะโพกขึ้น
“ผมต้องการ… มาก…”
เควินก้มลงดูดเนื้อนุ่มที่ซอกคอระหงแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์สวาท ขณะรูดซิปกางเกงลงจนสุดและปลดปล่อยความยิ่งใหญ่ออกมา
“อ๊ะ… เคน…” สาวน้อยเบี่ยงตัวจะหนี เมื่อถูกความร้อนจัดของท่อนเหล็กแข็งชันดุนดันที่กลีบผกาอย่างคุกคาม
“เปิดรับผม… ธารจ๋า… ผมต้องการคุณ”
เส้นผมนุ่มถูกมือใหญ่กระตุกเบาๆ ให้ดวงหน้างามแหงนเงยขึ้น ก่อนที่ปากร้อนจัดจะบดขยี้ลงมาหาอย่างดูดดื่มอีกครั้ง พร้อมๆ กับการแทรกลึกเข้าไปหา
“อ๊ะ… อื้อ…”
หล่อนครางกระหึ่มแต่ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งจนหมด เขาจูบร้อนแรง พร้อมๆ กับการโยกคลึงที่แสนจะดุดัน หล่อนกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างกายสั่นระริกและบดเบียดเข้าหาความอบอุ่นจากเควินอย่างโหยหา
เขาอัดกระหน่ำเข้าใส่ร่างเล็กที่เผยอรับอย่างไม่ลืมหูลืมตา บดเบียดความแข็งชันเบ่งบานภายในความคับแน่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หล่อนร้อนจัดราวกับถูกลวกด้วยเปลวไฟ
“เคน… อ๊า…”
หล่อนสะอื้นฮักกับความรุนแรงแสนหวานของเควิน เผยอร่างรับการบดอัดราวกับคลุ้มคลั่ง มือเล็กกางนิ้วออก และขยุ้มลงกับแผ่นหลังกว้างเต็มแรง เล็บคมกริบข่วนผิวเรียบตึงเปี๊ยะจนเป็นรอยข่วนเมื่อความกระสันซ่านเสียวเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด
“อ๊า… เคน… เคนขา…”
หล่อนสั่นระริกอยู่ภายในอ้อมแขนของเควิน ในขณะที่หนุ่มหล่อก็ยังคงโยกคลึงเข้าใส่อย่างหนักหน่วงราวกับพายุไม่หยุด หล่อนหลับตา ยิ้มพรายให้กับความสุขที่ได้รับ
ความสุขล้น… ที่ทำให้หล่อนลืมทุกสิ่งทุกอย่างได้ทั้งหมด…
เพียงไม่นานคนตัวโตที่เคลื่อนไหวไม่หยุดก็สั่นสะท้านรุนแรง เสียงครางคำรามของเขาถูกปิดกั้นด้วยจูบดุดันที่เกิดขึ้น ตัวของเขาสั่นเกร็ง ในขณะที่หยาดสวาทพุ่งเข้าใส่อย่างล้ำลึก
มันเลิศเลอ… แสนวิเศษ…
วรันธาราเต็มไปด้วยความลุ่มหลง ยังไม่อยากจะแยกออกห่างจากเควินแม้แต่น้อย
แต่เขาเป็นฝ่ายผละออกจากหล่อนเสียเอง!
เควินมองหน้าที่แดงก่ำของหล่อน และอมยิ้ม มือใหญ่ช่วยตลบกระโปรงให้อยู่ในสภาพเดิม ก่อนที่จะรูดซิปซ่อนความใหญ่โตเป็นลำดับสุดท้าย
ท่าทางของเขามั่นคง มีอำนาจ และไม่มีร่องรอยหวั่นไหวใดๆ เลย ตรงกันข้ามกับหล่อน ที่สั่นระริกไปทั้งตัว
“เดินไหวไหม เราจะกลับห้องกัน”
หล่อนไม่อาจจะเค้นเสียงตอบออกไปได้ เพราะเอียงอายจนถึงขีดสุด เควินหัวเราะเบาๆ ขยับเข้ามา
“งั้นผมจะอุ้มคุณไปเอง” แล้วเขาก็ย่อตัวลงช้อนร่างเล็กขึ้นไว้ในอ้อมแขน
“อย่า… อย่าเลยค่ะ ฉัน… เดินเองได้…”
“ขาสั่นพรั่บๆ แบบนี้ เดินไปล้มไปสิไม่ว่า ผมอุ้มน่ะดีแล้ว”
หล่อนไม่อาจจะโต้แย้งใดๆ เขาได้อีก นอกจากซบหน้ากับแผงอกกว้าง และยอมให้เขานำทางอีกครั้ง
หลังจากจบเซ็กซ์ร้อนฉ่าภายในรถหรูแล้ว วรันธาราก็นั่งก้มหน้าด้วยความอับอายมาตลอดทาง ซึ่งเควินเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน เขาก็คงกำลังรู้สึกแย่เหมือนกับที่หล่อนเป็นล่ะมั้ง
วรันธาราบีบมือเล็กที่วางอยู่บนตักของตัวเองแน่น รู้สึกอึดอัดกระอักกระอ่วนเป็นที่สุด เกลียดที่ตัวเองต้านทานเขาไม่ได้ เกลียดที่ร่างกายมีปฎิกิริยาตอบสนองทันทีแค่เพียงถูกจูบ
“ฉันรู้ว่าคุณ… กำลังเครียดที่เผลอ… ทำเรื่องนั้นลงไป”
ในที่สุดหล่อนก็เป็นฝ่ายพูดมันขึ้นมา พูดไปหน้าตาแดงก่ำไป ในขณะที่คนขับรถยังคงนั่งนิ่งเฉย
“คุณ… คุณคงไม่พอใจมาก”
“ใช่ ผมไม่พอใจมาก”
เขาตอบกลับมาเสียงเย็นชา นั่นยิ่งทำให้วรันธารารู้สึกเสียใจ ปวดใจจนน้ำตาแทบเล็ด
“ถ้า… ถ้าไม่มีฉันสักคน… คุณก็คงไม่ทำแบบนั้น”
“ใช่”
“ฉัน… ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครหรอก คุณลืมไปได้เลย มันไม่เคยเกิดขึ้นหรอก”
คราวนี้สายตาคมกริบของเควินตวัดมามองหล่อน “ผมไม่ใช่คนความจำสั้น และไม่มีทางลืมเซ็กซ์ในรถครั้งแรกได้หรอก”
“ก็… ก็… แค่เลิกคิดถึงมัน”
“ผมทำไม่ได้!” เขาตวาด หล่อนสะดุ้งตกใจ น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่แต่ก็อดที่จะเถียงไม่ได้
“แต่คุณทำได้… เพราะถึงมันจะเป็นเซ็กซ์ในรถครั้งแรกของคุณ แต่มันเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่คุณไม่ได้พิศวาสอย่างฉัน ยังไงคุณก็ลืมได้อยู่แล้ว ฉันเชื่อแบบนั้น”
รถหรูจอดที่ข้างทางอีกครั้ง และเขาก็หันหน้ามาหาหล่อน จ้องมองด้วยสายตามืดดำอ่านความรู้สึกไม่ออก “ที่ผมลืมไม่ได้ ไม่ใช่เซ็กซ์ แต่เป็นคุณต่างหาก”
“เค… เควิน…”
“เลิกพล่ามได้แล้ว ถ้าไม่อยากมีประสบการณ์ในรถซ้ำเป็นครั้งที่สอง”
เขาไหวไหล่น้อยๆ
“เอาจริงๆ นะ ผมไม่ชอบเป็นฝ่ายตั้งรับสักเท่าไหร่ ผมชอบรุก”
คนฟังหน้าแดงซ่านขึ้นมาในทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ภาพที่ตัวเองควบขี่อยู่บนร่างกำยำฉายชัดเต็มสมอง
“ฉัน… ฉัน…”
“และก็เลิกทำหน้าตาไร้เดียงสาแบบนี้สักที ผมเห็นแล้วของขึ้นตลอด รู้ไหม” แล้วรถหรูก็ถูกบังคับให้ขึ้นไปวิ่งบนถนนอีกครั้ง พร้อมๆ กับความวาบหวามในช่องท้องที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง… คฤหาสน์คาสโตรเซ่น
“ลงมาสิ หรือว่าต้องให้อุ้ม หึ…”
หล่อนไม่รู้ว่าเควินลงจากรถไปตอนไหน มารู้อีกทีก็ตอนที่เขากระชากประตูรถฝั่งที่หล่อนนั่งให้เปิดกว้างออก พร้อมกับโน้มใบหน้าที่หล่อเกินมนุษย์เข้ามา
“ฉัน… ลงเองได้ค่ะ”
เขาอมยิ้มและยืดตัวตรง
“งั้นก็รีบลงมาเถอะ”
คนถูกจ้องหน้าแก้มแดงซ่าน รีบก้าวลงจากรถ “คุณให้ฉันมาที่นี่อีกทำไมคะ”
“ก็คุณบอกเองว่าจะอยู่ที่นี่กับผม จนกว่าเราสองคนจะเบื่อซึ่งกันและกัน”
“คุณต่างหากล่ะที่เบื่อ”
หล่อนบ่นอย่างโมโห และจะเดินหนี แต่เขาก้มหน้าลงมาหาเสียก่อน
“คุณว่าอะไรนะ”
“เปล่า ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำแล้ว ขอตัวค่ะ”
“ถ้าอาบช้า ผมจะขึ้นไปอาบให้”
“คนบ้า!”
เควินหัวเราะตามหลังร่างอรชรของวรันธาราที่เดินเร็วๆ จากไปอย่างขบขัน แปลกที่เขาจะอารมณ์ดีเสมอยามที่ได้ต่อปากต่อคำกับผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่กล้า… ตบเขาต่อหน้าคนอื่น
เขาควรจะโกรธ ควรจะลงโทษหล่อน แต่สิ่งที่ทำดันตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิดเหลือเกิน
ไม่โกรธ แถมยังรู้สึกโหยหารุนแรงอีกต่างหากนี่เขาเป็นบ้าอะไรไปนะ ทำไมถึง… รู้สึกดีแบบนี้
เควินถอนใจออกมาแรงๆ ก่อนจะส่งกุญแจรถให้กับคนรับใช้ชายที่มายืนรอด และเดินเข้าบ้านไปอีกคน
วรันธาราใช้เวลาอาบน้ำเพียงแค่สิบนาทีกว่าๆ เพราะเกรงว่าเควินจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ตอนนี้หล่อนจึงก้าวออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง วรันธาราคิดว่าเป็นเควินจึงทำเสียงแข็งต่อว่าออกไป
“จะเร่งกันไปถึงไหนคะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้ขัดเนื้อขัดตัวแล้ว”
“เอ่อ… ป้าเองค่ะ คุณธาร”
เสียงของป้าเดซี่นี่…
วรันธาราเบิกตากว้างตกใจ
“ป้า… ป้าเดซี่” ก่อนจะรีบวิ่งตรงดิ่งไปเปิดประตูห้อง
“ป้าเดซี่…” หญิงสาวยิ้มกว้างพลางสวมกอดร่างท้วมของผู้มีพระคุณเอาไว้แน่น “ธารคิดถึงป้าเดซี่จึงเลยค่ะ”
ป้าเดซี่ยิ้มตอบ แต่ขยับออกห่าง “ป้าก็คิดถึงคุณธารค่ะ และก็ขอบคุณมากที่ไม่ซัดทอดมาถึงป้า”
“ป้าเดซี่หมายถึง…”
“ก็ตอนที่คุณธารถูกจับได้น่ะค่ะ คุณธารยอมรับผิดเอาไว้คนเดียว ขอบคุณมากนะคะ”
วรันธาราอึ้งไปเล็กน้อย ในหัวกำลังประมวลผลกับสิ่งที่กำลังได้ยินอย่างขะมักเขม้น
ถ้าป้าเดซี่พูดแบบนี้ ก็แสดงว่าเควินไม่ได้บอกเรื่องที่หล่อนเป็นนักข่าวปลอมตัวเข้ามากับป้าเดซี่น่ะสิี่
บางที… ผู้ชายเถื่อนๆ อย่างเควินก็มีน้ำใจเหมือนกันนะ
หญิงสาวอมยิ้มบางๆ ก่อนจะคว้ามือของป้าเดซี่ขึ้นมากุมเอาไว้ “ธารบอกแล้วไงคะว่าธารจะไม่มีวันทำให้ป้าเดซี่เดือดร้อน”
ป้าเดซี่พยักหน้ารับก่อนจะอมยิ้ม “ว่าแต่… คุณธาร เอ่อ… มาเป็นแฟนคุณเคนได้ยังไงกันคะ”
คนถูกถามหน้าตาแดงก่ำ “ฟง… แฟนที่ไหนกันคะป้า…” และก็บิดตัวอายม้วนเลยทีเดียว
“ถ้าไม่ใช่แฟน ทำไมคุณเคนถึงพามาที่นี่อีกล่ะคะ ทั้งๆ ที่น่าจะโกรธเรื่องที่ถูกหลอก”
วรันธารายิ่งหน้าแดงมากยิ่งขึ้น หล่อนจะบอกป้าเดซี่ออกไปได้ยังไงกันล่ะว่าเพราะอะไร หล่อนถึงถูกลากกลับมาที่นี่อีกครั้ง
‘เพราะเควินต้องการเซ็กซ์จากหล่อน’
“คือ… ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้าเดซี่ เอ่อ ว่าแต่เจ้านายของป้าอยู่ที่ไหนคะตอนนี้ ธารมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะค่ะ”
ป้าเดซี่อมยิ้มและไม่อยากคาดคั้นมากเพราะแค่นี้วรันธาราก็หน้าแดงก่ำแล้ว “คุณเคนนั่งรอคุณธารกินมื้อเที่ยงด้วยที่ระเบียงทางปีกซ้ายค่ะ เดี๋ยวป้าจาจะพาไป”
“ขอบคุณค่ะป้าเดซี่”
แล้ววรันธาราก็เดินคุยกับป้าเดซี่ไปเรื่อยๆ จนไม่นานก็เดินมาถึงระเบียงทางปีกซ้ายที่ตกแต่งเอาไว้อย่างร่มรื่น และเควิน คาสโตรเซ่นก็นั่งรออยู่ตรงนั้น
สองเท้าของหล่อนถูกตรึงด้วยสายตาคมกริบสีน้ำเงินเกือบดำคู่นั้นอีกครั้ง และมันก็ทำให้หล่อนสั่นเทาเสียทั้งตัว ไม่ต้องให้เดาก็อ่านออกว่าในหัวของเควินกำลังคิดอะไรอยู่
หิวกระหาย โหยหา และต้องการจะทำให้หล่อนหลอมละอายอยู่ใต้ร่างกำยำอีกครั้ง
วรันธาราหน้าแดงมากที่สุดในชีวิต สองมือกำกระโปรงบานข้างตัวเพื่อลดความประหม่า แต่มันกลับช่วยไม่ได้เลย
“มานั่งตรงนี้สิ ข้างๆ ผม”
“เอ่อ…” หญิงสาวอึกอัก หันไปสบตากับป้าเดซี่ที่มองมาแล้วอมยิ้มด้วยความขัดเขิน
“ฉัน… ไม่หิวหรอกค่ะ”
“แต่ผมหิว มากินด้วยกันก่อน” เขาสั่งอย่างเผด็จการ และลุกขึ้นยืน ก้าวเพียงแค่สามครั้งก็ดึงตัวหล่อน
โอ้… กลิ่นกายของเควินช่างเซ็กซี่เหลือเกิน แค่อยู่ใกล้ๆ มันก็โชยฟุ้งเข้ามาในจมูกอย่างรุนแรงเสียแล้ว เนื้อตัวของหล่อนจึงร้อนฉ่าขานรับความหล่อร้ายของเขาอย่างน่าละอาย
“ถ้าไม่กินข้าว ผมจะกินคุณแทน” เขาโน้มศีรษะลงมากระซิบชิดหู ด้วยคำพูดชวนสะท้าน
“คุณ…”
หล่อนเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน และนั่นก็ทำให้สองตาสบประสานกันในระยะกระชั้นชิด เขายังคงโน้มศีรษะอยู่เช่นเดิม ปลายจมูกโด่งชนกับแก้มนวลอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ผมชัก… กินข้าวไม่ลงเสียแล้วสิ”
“ฉัน… ฉันหิวค่ะ หิวข้าว…” หญิงสาวละล่ำละลัก และถอยออกห่าง เควินหัวเราะพึงพอใจ และยืดตัวตรง
“งั้นก็มานั่งตรงนี้สิ ใกล้ๆ ผม” เขาเดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร และเลื่อนเก้าอี้ตัวให้
วรันธาราไม่มีทางเลือกจำต้องทำตามคำสั่ง ขืนถ้าไม่ทำ อาจจะถูกปล้ำตรงระเบียงนี้ก็เป็นได้
หญิงสาวคิดหวาดๆ และก็อดที่จะหวามไหวไปกับรสสวาทคุ้นเคยของ เควินไม่ได้
ถ้าเขาทำแบบนั้นอีก… หล่อนคงละลาย…
หล่อนทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่เขาเลื่อนให้ ในขณะที่เขาทรุดนั่งลงข้างกายสาว วรันธาราหวั่นไหวอย่างหนัก พยายามจะที่จะไม่มองไปที่เขาตรงๆ แต่ในที่สุดก็ทำไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วก็จำต้องจ้องมองพ่อสุดหล่อตาแป๋ว
หญิงสาวแก้มแดงแล้วแดงอีกจนแทบไหม้ นัยน์ตาสีน้ำเงินเกือบดำยามนี้เข้มข้นขึ้นด้วยกระแสสวาทจนคนถูกมองเช่นหล่อน รู้สึกราวกับกำลังถูกเปลื้องผ้าจนเกลี้ยงเกลา ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะขัดขืนแรงดึงดูดจากมนุษย์จอมเถื่อนได้เลย
“หิวมากไหม” เขาถามเสียงนุ่ม และจับจ้องมองดวงหน้าที่แดงซ่านราวกับผลตำลึงสุกด้วยความพึงพอใจ
หญิงสาวรีบส่ายหน้าน้อยๆ
“มะ ไม่เท่าไหร่ค่ะ”
เขาอมยิ้มบางๆ แค่เพียงบางๆ เท่านั้นแต่กลับทำให้คนมองเช่นหล่อนแทบหยุดหายใจ พ่อเจ้าประคุณหล่อเหลาเหลือเกิน หล่อจนไม่อาจจะหาคำบรรยายใดๆ มาเทียบเทียมได้ หล่อเหลาราวกับไม่ใช่มนุษย์จริงๆ แต่… แต่เควินก็คือมนุษย์จริงๆ หล่อนสำรวจมาแล้วนี่ กายสาวไหวระทึกตอบรับความคิดชวนวามไหว
หล่อนพยายามแล้ว… พยายามที่จะลืมบทรักเร่าร้อนที่เคยกระทำร่วมกับเควินมา แต่กลับล้มเหลว พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า เพราะความหิวกระหายร้อนแรงจากเรือนกายทรงพลังของเควินยังคงถาโถมเข้าใส่หนักหน่วง ภาพความสนิทสนมยามสองร่างหลอมละลายเข้าหากันยังชัดเจน ภาพที่เขาบดเบียดความแข็งขึงราวกับท่อนเหล็กลงมาหา ภาพที่เขาเคลื่อนไหวเป็นจังหวะบ้าคลั่งอยู่เหนือร่าง และภาพที่เขาคำรามกระหึ่มอยู่ด้านบนยามที่สุขสม
โอ้… นี่หล่อน… นี่หล่อนจะคิดถึงเรื่องอื่นไม่ได้เลยหรือไง ยาม… ยามที่เผชิญหน้ากับเควิน คาสโตรเช่น!
“แต่ผมเตรียมอาหารไว้ให้คุณตั้งเยอะ” เขาผายมือไปข้างหน้า มือใหญ่สีแทน นิ้วเรียวนี่ไง ที่… ที่บีบเค้น คลึงเคล้า และสอดแทรกทำให้หล่อนสั่นพร่าไปทั้งตัว
หล่อน… หล่อนกำลังถูกไฟสวาทแผดเผาอย่างน่าละอาย ทำไมต้อง… ต้องเอาแต่คิดถึงเรื่องพวกนี้ด้วย
“ฉัน… มีเรื่องจะคุยกับ… คุณ…”
เควินอมยิ้ม มองใบหน้าแดงซ่านอย่างรู้ทัน
“ใช่เรื่องในรถหรือเปล่า”
างของหล่อนถูกฉุดกระชากให้กึ่งเดินกึ่งวิ่ง… ไม่สิวิ่งซะส่วนมาก ให้เข้าไปภายในอาคารสำนักงานของ ซันไทมส์ สำนักพิมพ์อันดับต้นๆ ของเทกซัส
“เอ่อ คุณเควินมาหาใครครับ” วิลเลี่ยมเห็นก็รีบออกมารับหน้า และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นวรันธาราถูกลากติดมือเควินมาด้วย
“ธาร…”
“พี่วิลช่วยธารด้วย”
หล่อนพยายามบิดข้อมือให้หลุด แต่ก็ทำไม่สำเร็จ แถมยังถูกเควินลากเข้าไปในห้องทำงานของแอนโทนี่อีกต่างหาก
“ผมนึกอยู่แล้วว่ายังไงซะคุณก็ต้องมาที่นี่ พร้อมกับ…”
แอนโทนี่ยิ้มต้อนรับเควิน ก่อนจะปรายตามองวรันธาราที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ข้างๆ ร่างสูงใหญ่ของมหาเศรษฐีจอมเถื่อน
“เมียเก็บ”
“หัวหน้า?!”
วรันธาราแทบไม่เชื่อหูเลยว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของแอนโทนี่ งั้นสิ่งที่คิดเอาไว้มันก็เป็นเรื่องจริง กล้องที่เข้าไปติดในห้องพักของหล่อน ก็ต้องเป็นฝีมือของผู้ชายคนนี้แน่นอน
“ถ้าข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงคุณคงจะฉาวโฉ่น่าดูเชียวนะครับ คุณเควิน คาสโตรเซ่น”
“ข่าวของผมคงจะแพร่ออกไปไหนไม่ได้หรอกครับ” เควินยิ้มเลือดเย็น ท่าทางน่าสะพรึงกลัวจนแอนโทนี่ตกใจ
“คุณ… หมายความว่ายังไง”
“ตอนนี้หุ้นในสำนักพิมพ์ซันไทมส์อยู่ในมือของผม 70% ในขณะที่ผู้บริหารอย่างคุณมีแค่ 30% เท่านั้น”
แอนโทนี่หน้าซีดเผือด “ไม่จริง! มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ใครจะยอมขายหุ้นให้กับคุณเร็วขนาดนี้”
เควินหัวเราะร่วน “ผมรวย ผมมีเงิน หรือคุณจะปฏิเสธว่าเงินไม่ใช่พระเจ้า”
“แต่… แต่มันเร็วเกินไป” แอนโทนี่ไม่ได้คาดคิดว่าเควินจะใช้วิธีนี้มาจู่โจม
“คุณเป็นนักข่าวฝีมือฉกาจไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าการโต้กลับของเควิน คาสโตรเซ่นเป็นยังไงล่ะ”
“คุณ…” แอนโทนี่พูดอะไรไม่ออก ยืนอึ้ง แววรุ่งเรืองกลายเป็นรุ่งริ่งขึ้นมาในทันที
“ผมจะสั่งปิดซันไทมส์ซะ แล้วลอยแพพวกคุณให้หมด”
“อย่านะคะ คุณห้ามทำแบบนี้นะคะเควิน”
วรันธาราทนฟังความเหี้ยมโหดของเควินต่อไปไม่ได้อีก และก็ทนเห็นเพื่อนร่วมอาชีพไม่มีงานทำไม่ได้เช่นกัน
“ผมจะทำทุกอย่าง… ทำจริงๆ อย่างที่พูด…” เควินปล่อยมือจากวรันธารา และเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของแอนโทนี่แทน
“ปล่อย… ปล่อยผมนะ” แอนโทนี่ที่เตี้ยกว่าพยายามดิ้นรน ในขณะที่ เควินมองด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“จำเอาไว้นะคุณแอนโทนี่… ถ้าเรื่องราวของผม ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย คลิป หรือว่าอะไรก็ตามที่หลุดออกไปสู่สาธารณะ ผมจะใช้อำนาจในมือปิดซันไทมส์ทันที!” เควินผลักแอนโทนี่ออกห่างอย่างรังเกียจ
“ผมให้โอกาสกับคุณแล้วนะคุณแอนโทนี่”
เควินระบายยิ้มเลือดเย็น หมุนตัวหันหลัง ก็เห็นว่าวรันธารายืนน้ำตาซึมอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับแอนโทนี่อีกครั้ง
“และขอโทษวรันธาราเสียด้วย เพราะที่เธอต้องเป็นเมียของผม ก็เพราะคุณ!”
เสียงฮือฮา และสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่วรันธารา หญิงสาวหน้าซีซีดขาวสลับแดง อับอายอดสูจนอยากจะให้ธรณีสูบลงไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด หล่อนมองหน้าเควินอย่างตัดพ้อ
ทำไมเขาต้องประจานหล่อนด้วย!
“ขอโทษเธอซะ ขอโทษเธอซะสิโว๊ย!”
“ครับ… ครับคุณเควิน…” แอนโทนี่รับคำเสียงสั่น รีบขยับเข้ามาหยุดตรงหน้าวรันธารา และก้มหน้ากล่าวขอโทษ
“ผมขอโทษ… คุณวรันธารา”
วรันธารายืนนิ่งน้ำตาไหลพราก ในขณะที่เควินยังคงเหี้ยมเกรียมต่อไปอย่างต่อเนื่อง
“พรุ่งนี้ผมจะส่งคนของผมเข้ามาบริหารที่นี่ ส่วนคุณแอนโทนี่… ย้ายลงไปนั่งที่โต๊ะของวรันธาราแทน และทำหน้าที่แทนเธอ”
“ครับ… ครับคุณเควิน”
แอนโทนี่รับคำอย่างไม่มีทางเลือกในขณะที่วรันธาราหมดความอดทนลงอย่างสิ้นเชิง
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายชีวิตฉัน คุณเควิน คาสโตรเซ่น!”
เควินค่อยๆ หันมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เขาแสนจะห่วง แต่หล่อนกลับมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ
“แล้วเลิกประจานฉันสักที!”
แล้วฝ่ามือเล็กก็ฟาดลงบนแก้มสากของเควินจนสะบัด ก่อนที่หล่อนจะวิ่งหนีออกไปจากซันไทมส์ ท่ามกลางสายตาตกใจของทุกคน
เควินยกมือขึ้นลูบแก้มของตัวเอง ดวงตาสีน้ำเงินเกือบดำมองตามร่างอรชรไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“พวกคุณกลับไปทำงานได้แล้ว ส่วนคุณแอนโทนี่ สั่งลบคลิปทุกอย่างที่บันทึกได้จากห้องของวรันธาราให้หมด ไม่อย่างนั้น ผมจะฆ่าคุณทั้งเป็น จำเอาไว้”
แอนโทนี่หน้าเสียเพราะไม่คาดคิดว่าเควินจะรู้ “ผม… ผมไม่มีคลิปอะไรทั้งนั้นครับ”
“ไอ้ระยำสองคนเมื่อวานมันสารภาพออกมาหมดแล้ว ดังนั้นเลิกปากแข็ง ทำตามที่ผมบอก แล้วอนาคตของคุณก็จะยังรุ่งเรืองเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ทำคุณจะดิ่งลงเหวตลอดชีวิต แอนโทนี่!”
ดวงตาเควินน่ากลัวจนแอนโทนี่ไม่กล้าต่อกร
“ครับ… ครับผมจะลบให้หมด ผมขอโทษครับ”
เควินไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากก้าวยาวๆ ออกจากห้องทำงานของแอนโทนี่ เพื่อไปตามล่าผู้หญิงที่กล้าตบหน้าเขากลางสาธารณะชนทันที
“หัวหน้าคะ เราจะทำยังไงกันดีคะ แล้วรูปที่เนสแอบถ่ายเอาไว้ล่ะจะให้ทำยังไง”
วาเนสซ่ารีบถามอย่างร้อนใจ
“จะทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องตามที่เควินสั่งน่ะสิ หรือว่าคุณอยากตกงานกัน เนส!”
“งั้นหัวหน้า… ก็ถูกลดตำแหน่งจริงๆ น่ะสิคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ!”
แอนโทนี่ตวาดอย่างหัวเสีย ก่อนจะรีบวาเนสซ่าที่กำลังจะเดินออกไปเอาไว้
“คุณมาช่วยผมเก็บของด้วย ผมต้องย้ายออกจากห้องนี้แล้ว”
เมื่อแอนโทนี่ถูกลดตำแหน่งแล้วจึงหมดประโยชน์สำหรับวาเนสซ่าทันที
“ขอโทษด้วยนะคะหัวหน้า… เอ่อ คุณแอนโทนี่ พอดีเนสมีงานที่ต้องรีบไปทำงานค่ะ ไม่อยากถูกลดตำแหน่ง”
แล้ววาเนสซ่าก็สะบัดหน้าเดินออกไปไม่สนใจคำด่าของแอนโทนี่ตะโกนไล่หลังมาแม้แต่น้อย
นี่หล่อนยังมีลมหายใจอยู่ใช่ไหม? หลังจากผ่านเรื่องราวเลวร้ายแบบนั้นมา วรันธาราถามตัวเองเบาๆ น้ำตาไหลพรากลงมาอาบแก้ม ภาพซีกแก้มสากของเควินที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้านิ้วของหล่อนยังติดตา แต่เขาคงเกลียดหล่อนเสียแล้ว
มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าสะอื้นไห้ ร้องไห้อยากสิ้นความอับอาย จนคนขับรถแท็กซี่คันที่หล่อนโบกมาจากหน้าซันไทมส์อดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“คุณผู้หญิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่… ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
หล่อนเงยหน้าและตอบเสียงเครือเจือสะอื้น
“ฉันแค่… พลั้งมือทำร้ายคนที่รักน่ะค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
“ใจเย็นๆ นะครับ”
วรันธาราพยักหน้าทั้งน้ำตา หัวใจเต็มไปด้วยความปวดร้าว ร้องไห้ต่อไปเงียบๆ
“คุณผู้หญิงจะให้ผมไปส่งที่ไหนเหรอครับ”
นั่นสิ… หล่อนควรจะไปที่ไหนดี?
ตั้งแต่วิ่งออกมาจากซันไทมส์ หล่อนก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปที่ไหน… ที่ไหนที่อยู่ห่างไกลจากเควิน คาสโตรเซ่น
“สนามบิน… สนามบินค่ะ”
“ครับผม”
รถแท็กซี่จำต้องพักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนส์เพื่อที่จะกลับรถ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาปาดหน้า และจอดขวาง
“อะไรวะ”
คนขับรถแท็กซี่สบถอย่างโมโห แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อไป ประตูฝั่งผู้โดยสารที่วรันธารานั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ก็ถูกกระชากให้เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของเขา
“เค… เควิน…”
“คิดว่าตบหน้าผมแล้วจะหนีไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ” ดวงตาของเควินเต็มไปด้วยไฟ
“อ๋อ… งั้นที่คุณผู้หญิงบอกว่าพลั้งมือทำร้ายคนรักไป ก็คือผู้ชายหล่อเกินมนุษย์คนนี้เหรอครับ”
คนขับแท็กซี่หันมาถามวรันธารา ซึ่งนั่นก็ทำให้หญิงสาวอับอายขายหน้าเป็นที่สุด
“มะ ไม่ใช่ค่ะ” หล่อนรีบปฏิเสธ พร้อมกับสะบัดแขนแรงๆ “นี่คุณปล่อยฉันนะคะ ปล่อยสิ”
“ถ้าไม่ยอมลงมาดีๆ ผมจะอุ้มคุณลงมา”
วรันธาราหันไปมองคนขับแท็กซี่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มแห้งๆ และส่ายหน้าบอกให้รู้ว่าคงช่วยอะไรไม่ได้
“ปรับความเข้าใจกันเถอะครับ คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน”
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ อย่างไม่มีทางเลือก “ฉันลงก็ได้ แต่ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น”
“ก็ตามใจ…” เควินโน้มตัวลงไปหาคนที่ตัวเล็กกว่ามากทันทีเมื่อเจ้าหล่อนก้าวลงมาจากรถแท็กซี่แล้ว “ถ้าไม่อาย… เวลาผมจูบหรือว่าดูดเนื้อตัวของคุณด้วยปากของผมน่ะ”
“คน… ลามก”
หล่อนถอยออกห่าง แต่เขาคว้าเอวคอดเอาไว้ทันควัน วรันธารามองหาคนช่วย แต่ไม่มีเลย เพราะรถแท็กซี่ขับเมื่อกี้ก็รีบขับออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับค่าโดยสารเลย ทำไมคนจะต้องกลัวเควิน คาสโตรเซ่นกันแบบนี้ด้วยนะ
“ปล่อยฉันนะ”
“ขึ้นรถ ถ้าไม่อยากอับอายมากไปกว่านี้”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น อื้อ…” หล่อนเถียงได้แค่นั้นปากก็ถูกประกบติดลงมาทันควัน หล่อนพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งยั่วยุไฟในทรวงของเควินให้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะเขาจูบ ดูด กัดรุนแรงจนปากของหล่อนแตกยับ และจนสาแก่ใจเขาจึงยอมเงยหน้าขึ้น จ้องหน้าหล่อนเขม็ง
“คราวนี้จะขึ้นรถได้หรือยัง”
วรันธารายกมือขึ้นแตะริมฝีปากที่บวมช้ำของตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นรถไปอย่างเจ็บใจ
เควินหัวเราะเครียดๆ ตามหลังไป
เมื่อขึ้นมานั่งอยู่ในรถด้วยกันแล้ว วรันธาราก็อดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ทำไมยังต้องการให้ฉันไปกับคุณนักคะ ทั้งๆ ที่ฉันก็ทำร้ายคุณ ทำให้คุณโกรธเสมอ”
คนถูกถามนั่งนิ่ง แต่ภายในกายกลับเกร็งเครียดขึ้นมาทันที “รู้ด้วยหรือว่าทำให้ผมไม่พอใจน่ะ”
วรันธารารู้สึกผิด “ฉัน… ขอโทษที่ตบหน้าคุณ”
“มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เพราะคุณทำลงไปแล้ว” เขาหันกลับมาจ้องหน้าหล่อน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยกองไฟ “และไม่มีวันที่ผมจะให้อภัยในความงี่เง่าของคุณด้วย”
“เควิน…” วรันธาราครางน้ำตาซึม “ฉันขอโทษ… ฉันไม่เคยอยากทำให้คุณเจ็บ แต่ฉัน… ฉันทนไม่ได้ที่ถูกคุณประจาน”
รถหรูทั้งคันถูกเบรกกะทันหันก่อนที่มันจะถูกบังคับให้จอดสนิทที่ข้างทางเปลี่ยว
วรันธาราตกใจขยับหนีแต่ก็ถูกคว้าเอวคอดเอาไว้ และดึงให้เข้าไปแนบชิดกับผู้ชายที่เนื้อตัวกำยำแข็งแกร่ง
“คุณ… จะทำอะไรน่ะ”
“ผมแค่อยากจะรู้… ผมประจานคุณตรงไหน”
“ก็… ก็ที่บอกว่าฉันเป็นเมียของคุณยังไงล่ะ”
เควินทำเสียงโมโหในลำคอ ก่อนจะจ้องหน้าสวยของหญิงสาวเขม็ง “ผมแค่พูดความจริงออกไป”
“แต่ความจริงบางอย่างไม่ต้องพูดก็ได้นี่คะ และฉันก็ไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของเรา”
“อ๋อ… คงเกรงว่าไอ้หนุ่มๆ ทั้งหลายในซันไทมส์จะรู้ว่ามีผัวแล้ว และจะไม่กล้าเข้ามาจีบใช่หรือเปล่า” น้ำเสียงของเควินประชดประชัน ในขณะที่ดวงตาของเขาเกรี้ยวกราดรุนแรง “ใช่หรือเปล่า ตอบผมมาสิ วรันธารา!”
หญิงสาวถูกเขย่าจนหัวคลอน
“มันเรื่องของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย และก็ปล่อยฉันได้แล้ว!”
“ลืมไปแล้วหรือไงว่าเมื่อคืนเรายังเอากันมันส์หยดอยู่เลย”
วรันธาราหน้าแดงก่ำ ร้อนจัดไปด้วยความอับอาย
“คนหยาบคาย!”
เควินระบายยิ้มเดือดดาล พยายามทำเพิกเฉยกับกลิ่นหอมอ่อนละมุนจากกายของวรันธาราอย่างสุดความสามารถ
“อย่าทำให้ผมโกรธมากไปกว่านี้อีกเลย วรันธารา”
“คุณก็โกรธเสมอนั่นแหละ ถ้าเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับฉันน่ะ ฉันมันไม่เคยดี ไม่เคยถูกต้องในสายตาของคุณอยู่แล้วนี่”
“ใช่… เพราะเป็นเรื่องของคุณ ผมถึงหัวเสียแบบนี้”
ศีรษะทุยสวยโน้มต่ำลงมาหา และก็ไม่มีการเตือนล่วงหน้าใดๆ ทั้งสิ้น กับจุมพิตที่กำลังเริ่มต้นขึ้น วรันธาราตกใจอุทานเบาๆ แต่เสียงนั้นก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งทั้งหมด
หล่อนต้องการขัดขืน ต้านทานอำนาจสวาทของเควิน แต่มันก็เป็นเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา สมองของหล่อนจะว่างเปล่าเสมอยามถูกสัมผัสจากผู้ชายสุดเซ็กซี่คนนี้
“อืมมม…”
เสียงห้าวคำรามพึงพอใจในลำคอเมื่อสาวน้อยในอ้อมแขนตอบสนองด้วยการแย้มแยกกลีบปากให้กว้างออก ต้อนรับการบุกรุกเร่าร้อนของลิ้นแกร่ง สองมือเรียวไต่ขึ้นไปตามแผงอกกว้าง ก่อนจะตวัดโอบรัดเอาไว้รอบลำคอแกร่ง
จูบตอบเขา…จูบตอบเควินด้วยอารมณ์เร่าร้อนเทียมกัน
รถทั้งคันส่ายสะบัดตอบรับแรงเสน่หาจากสองร่างที่กอดรัดกันแน่น แม้ทั้งตัวจะยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบถ้วน แต่บางอย่างกลับผนึกสอดประสานกันได้อย่างเมามัน
“อ๊า… เคน…” ใบหน้างดงามเงยหน้าด้านหลัง มือเล็กข้างหนึ่งยันกับหน้าขาแกร่งกำยำเอาไว้ทรงกาย ในขณะที่บั้นท้ายอวบยกโยกคลึงกับความเป็นบุรุษเพศเป็นจังหวะ
“โอ้ว… พระเจ้า… ธาร… ธารจ๋า…”
ความควบคุมตัวเองกระเด็นหายไปตั้งแต่ได้จูบปากอิ่มชุ่มฉ่ำ และตอนนี้แรงสวาทก็ทำให้เขาร่วมรักกับวรันธาราภายในรถหรูท่ามกลางรถที่วิ่งผ่านไปมาอย่างไร้ความยับยั้งชั่งใจ
หล่อนหวานล้ำ ยวนใจ และบีบรัดคับแน่นเหลือเกิน…
แล้วแบบนี้เขาจะ… ต้านทานเสน่ห์นางได้ยังไงกัน
“ธารจ๋า… แรง… แรงขึ้น… ธาร… โอ้วววว…”
วรันธาราค่อยๆ แง้มประตูห้องออกทีละนิด ขณะจ้องมองออกไปด้านนอกอย่างระมัดระวัง
“สายป่านนี้แล้ว คนอื่นของออกไปทำงานกันแล้วล่ะ”
หญิงสาวปลอบตัวเอง ก่อนจะก้าวเท้าออกไป แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง
“ฮั่นแน่! พึ่งตื่นหรือครับน้องธาร”
“พี่ซันนั่นเอง ทำธารตกใจหมดเลยค่ะ” วรันธาราหันไปเจอว่าเป็นซันนี่ก็เป่าปากโล่งอก
“ก็พี่เองน่ะสิครับ”
สายตารู้ทันของซันนี่ทำให้วรันธาราต้องเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที “แล้ว… ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงานคะ แล้ว… พี่แม็กล่ะหายไปไหน อย่าบอกนะว่าพี่ซันโดดงาน”
“วันนี้พี่ลาพักผ่อนน่ะ ส่วนไอ้แม็กมันออกไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วยังไม่กลับมาเลย สงสัยหิ้วสาวไปนอนด้วยแน่ๆ”
วรันธาราพยักหน้ารับหงึกๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัว “งั้นธารขอตัวก่อนนะคะ มีธุระน่ะค่ะ”
“แหม… ธุระกับหนุ่มตัวสูงคนเมื่อคืนนี้ใช่หรือเปล่าล่ะ”
คนที่หวาดระแวงอยู่แล้วชะงักกึก เบิกตากว้างตกใจ “พี่ซัน… พี่ซันเห็นด้วยหรือคะ”
ซันนี่พยักหน้ารับ “ไม่ใช่แค่เห็นนะ แต่พี่ได้ยินด้วยล่ะ ชัดเจนเลย”
วรันธาราตาเหลือก “ได้… ได้ยินด้วย…?!”
“ใช่ครับ ชัดมาก… ระบบเฮชดีเลยล่ะ”
วรันธาราอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี “นั่น… นั่นไม่ใช่เสียงครางนะคะ คือ… ไม่ใช่เสียงของธารเลย…”
“เสียงคราง…? ใครครางครับ” ซันนี่ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ก็… ก็พี่ซันบอกว่าได้… ได้ยินเสียง…”
“อ๋อ พี่ได้ยินเสียงน้องธารคุยกับแฟนที่หน้าประตูตอนตีสองน่ะ พี่กลับมาพอดี… ว่าแต่… คราง… ใครครางอะไรเหรอ”
วรันธาราลอบเป่าปากโล่งอก “ไม่มี… ไม่มีใครครางหรอกค่ะพี่ซัน ธาร… ธารขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิครับน้องธาร…”
“ธาร… ธารรีบค่ะ” แล้ววรันธาราก็แทบจะวิ่งออกจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ซันนี่มองตามไป และยกมือขึ้นเกาศีรษะ
“ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย แปลกจัง” แล้วคนพูดก็เดินกลับไปยังห้องพักของตัวเอง
วรันธารานั่งหน้าแดงก่ำอยู่บนรถแท็กซี่ มือเล็กกุมกันแน่น ร่างกายปั่นป่วนเจียนจะระเบิด เพราะเควินเพียงคนเดียว หล่อนถึงต้องมารู้สึกเหมือนเป็นนักโทษคดีทำอนาจารแบบนี้ ดูสิ… หวาดระแวงไปหมด
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้น ซึ่งมันเป็นเพลงโปรดของหล่อนเลยทีเดียวก็ว่าได้ วรันธาราระบายลมหายใจออกจากปากช้าๆ เพื่อตั้งสติ ก่อนจะหยิบขึ้นมามอง
“อีตาบ้า”
และเมื่อเห็นว่าใครก็อดที่จะโมโหไม่ได้
“โทรมาทำไมคะ ฉันไม่ว่างจะคุยกับคุณหรอก” หล่อนทำเสียงห้วนไปตามสาย แต่คนปลายสายหาได้สนใจไม่
“มาหาผมเดี๋ยวนี้”
“ฉันยังนอนไม่ตื่น ขี้เกียจอาบน้ำ ขี้เกียจแปรงฟัน วันนี้จะนอนทั้งวัน ดังนั้นจึงไปหาคุณไม่ได้หรอก” แล้ววรันธาราก็แสร้งทำเป็นยกมือขึ้นปิดปากหาวปลอม จนลุงคนขับรถแท็กซี่ชำเลืองมองอย่างงงๆ หล่อนยิ้มให้ลุงแกแล้วก็ก้มหน้าลงเอามือป้องปาก
“แต่ถ้าบอกว่าเป็นคำสั่งล่ะ”
“ก็สั่งไปสิคะ แต่ฉันไม่ทำตาม แค่นี้นะคะ ง่วงมากตาจะปิดแล้ว”
“ห้ามวางสายเชียวนะ” เขาสั่งเสียงเผด็จการมาตามสาย
“อะไรของคุณอีกล่ะ” วรันธาราโต้กลับไปอย่างโมโห แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะตอบกลับมา
“คุณหัวเราะทำไมน่ะ หรือว่าเป็นบ้าไปแล้ว”
“ลงมาจากรถแท็กซี่ซะ ผมจะไปจอดรอคุณข้างหน้า”
คนฟังอ้าปากค้างและรีบหันไปมองที่ด้านหลังของรถ ซุปเปอร์คาร์คุ้นตาวิ่งตามมากระชั้นชิดหล่อนรีบกดตัดสายมือไม้สั่น
“แย่แล้ว…”
“มีอะไรหรือเปล่าแม่หนู”
ลุงคนขับรถแท็กซี่อดที่จะถามไม่ได้
“คือ… คือลุงช่วยขับรถให้เร็วกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ พอดี… พอดีหนูถูกผู้ชายตามล่าตัวน่ะค่ะ”
ลุงคนขับรถแท็กซี่ฟังแล้วก็หน้าตาตื่น “จริงเหรอ? ได้… ลุงจะเหยียบให้มิดคันเร่งเลย ว่าแต่หนูจะให้ลุงไปส่งที่ไหนเหรอ”
“เอ่อ… ซันไทมส์ค่ะ สำนักพิมพ์ซันไทมส์”
“รับทราบครับ”
แล้วรถแท็กซี่ก็เพิ่มความเร็วมากขึ้น ใช้ความชำนาญทางขับนำไปไกลกว่าเดิม แต่เควินก็ยังขับตามอย่างไม่ลดละ วรันธาราที่นั่งกระวนกระวายอยู่บนรถจึงต้องเปลี่ยนแผนใหม่
“ลุงคะ จอดที่สถานีตำรวจข้างหน้าเลยนะคะ”
“ได้… ได้แม่หนู”
รถแท็กซี่ยังไม่ทันจอดสนิท วรันธาราก็รีบหยิบเงินค่าโดยสารให้กับลุงและกระโจนลงไปทันที
เควินเลี้ยวรถเข้ามาจอดในสถานีตำรวจ ก่อนจะก้าวเข้าไปภายในด้วยท่าทางทระนง
“คุณตำรวจคะ คนนี้แหละค่ะ ที่ตามฆ่าฉัน… ผู้ชายคนนี้เลยค่ะ”
วรันธาราชี้นิ้วมาที่เควิน และแต่งเรื่องเป็นฉากเป็นตอน ในขณะที่ตำรวจหนุ่มมองเควินสลับกับมองวรันธาราอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“คุณแน่ใจนะครับว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ตามล่าคุณจริงๆ”
“แน่ใจค่ะ แน่ใจที่สุด ยังไงคุณตำรวจช่วยจับเอาไว้ก่อนนะคะ ฉันจะได้หนีพ้น”
เควินจ้องหน้าวรันธาราอย่างมีโทสะ ในเมื่อหล่อนมาไม้นี้เขาก็จะเล่นให้จุกเลย
“นี่คุณเป็นอย่างที่ผู้หญิงคนนี้บอกจริงหรือเปล่า” ตำรวจไม่อยากเชื่อเพราะเควินแต่งตัวดี๊ดี ไม่น่าจะเป็นคนบ้าหรือคนโรคจิตอย่างที่ถูกกล่าวหาได้
“ผมต้องขอโทษสารวัตรด้วยนะครับคะ”
“เอ่อ ผมแค่หมวดครับ” นายตำรวจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ถูกเลื่อนยศให้กลางอากาศ
“อ้อ ขอโทษที่ครับ ราศีคุณตำรวจเปล่งประกายมากนึกว่าเป็นสารวัตรแล้ว แต่ถึงตอนนี้เป็นแค่หมวด อีกไม่นานเกินปีก็คงได้ขึ้นเป็นสารวัตรครับ ผมรับรอง”
“โอ้ ขอบคุณมากครับ คุณพูดจาดีแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นผู้ร้ายได้ ผมว่าผู้หญิงคนนี้ต้องถูกดำเนินคดีข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานแล้วล่ะ”
“อ้าว… คุณตำรวจทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ” วรันธารามึนตึบ ในขณะที่เควินยิ้มเลือดเย็น
“ก็คุณแจ้งความเท็จนี่ ผู้ชายแต่งตัวดี พูดจาสุภาพแบบนี้จะเป็นคนร้ายไปได้ยังไงกัน ผมว่าคุณนั่นแหละน่าสงสัย มาตามผมไปห้องสอบสวน”
วรันธาราหน้าซีดเผือด เมื่อเรื่องกลับตาลปัตรแบบนี้ “ไม่นะคะ ฉันมีธุระต้องรีบไปทำ”
“คุณตำรวจครับ ผมลืมบอกคุณไป ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของผมน่ะครับ แต่เธอโกรธที่ผมไม่ยอมทำการบ้านกับเธอมาหลายอาทิตย์แล้ว เธอก็เลยต้องมาเรียกร้องความสนใจแบบนี้ครับ ผมขอโทษแทนด้วยนะครับ”
วรันธาราอ้าปากค้างกับวาจาน่าละอายของเควิน “คนบ้า ฉัน… ฉันไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
“โธ่ ที่รัก เอาเป็นว่าสามวันต่อจากนี้ผมจะจัดให้แบบนอนสต๊อปเลยนะครับ หายโกรธนะ”
ถ้าทำได้วรันธาราคงกรีดร้องเสียงดังลั่นสถานีตำรวจไปแล้ว แต่เพราะทำไม่ได้จึงต้องยืนกัดฟันกรอดอยู่แบบนี้
“งั้นคราวหน้าคราวหลังก็อย่าขาดงานบ้านงานเรือนล่ะ รู้อยู่ว่าเมียชอบ ก็ทำๆ ไปเถอะ ครอบครัวจะได้ไม่แตกแยก”
“ขอบคุณมากครับคุณตำรวจ งั้นผมขอตัวพาเมียกลับไปทำการบ้านก่อนนะครับ”
เควินก้าวเข้ามาคว้าแขนกลมกลึงเอาไว้ ก่อนจะลากไปที่รถอย่างเผด็จการ
“นี่ปล่อยฉันนะ” วรันธาราดิ้นรนตลอดทาง
“หรืออยากโดนข้อหาแจ้งความเท็จกันล่ะ คุณไม่ใช่คนเทกซัสตั้งแต่กำเนิดเนิน คุณไม่รู้หรอกว่าโทษมันร้ายแรงแค่ไหน”
วรันธาราหน้าซีดเผือด “แต่… แต่ฉันไม่อยากไปกับคุณนี่ ฉันมีธุระที่ต้องไปจัดการ นี่ปล่อยเถอะค่ะ”
“ผมจะไปกับคุณด้วย ที่ซันไทมส์น่ะ”
“ห๊า… คุณรู้ได้ยังไงกันน่ะว่าฉันจะไปที่นั่น” วรันธาราอ้าปากค้างเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยหนึ่ง
เควินแค่นยิ้มหยัน พลางโน้มตัวลงไปหาด้วยท่าทางคุกคาม “ชีวิตมีแค่ห้องเช่า และซันไทมส์… ถ้าคุณไม่คิดจะอยู่ที่ห้องเช่า ที่ที่คุณคิดจะไปก็ต้องเป็นซันไทมส์ จริงไหม”
ตาบ้านี่รู้ทันหล่อนไปทุกอย่างเลยจริงๆ
“คุณก็แค่เดาถูกเท่านั้นแหละ”
หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีปลายจมูกโด่งส่วนของคนตัวโต จนเขาพลาดไปจูบที่ใบหูแทน เควินจึงขบติ่งหูเล็กแรงๆ เป็นการลงทัณฑ์
“อ๊ะ ฉันเจ็บนะ”
“คุณไม่เจ็บหรอก แค่ขนลุกเท่านั้นแหละ จริงไหม” เควินอมยิ้มและยืดตัวขึ้นตรง
“ต่อจากนี้ไปในชีวิตของคุณจะไม่มีทั้งห้องเช่า และซันไทมส์อีกต่อไป”
“ว่า…? คุณว่าอะไรน่ะ”
“ชีวิตของคุณจะมีแค่ผม… เควิน คาสโตรเซ่นเท่านั้น”
วรันธารารู้สึกราวกับว่าถูกผลักให้ลงไปในเหวนรกที่ด้านล่างเต็มไปด้วยหอกแหลม แต่พอถูกคมหอกทิ่มแทงกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับร้อนฉ่าแสนหวาน
“คุณ… พูดบ้าอะไรเนี่ย”
“ผมพูดเรื่องจริง ตอนนี้คนของผมกำลังไปขนของของคุณออกจากห้องเช่า และเอาไปไว้ที่คฤหาสน์คาสโตรเซ่น”
วรันธาราอ้าปากค้างเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยสอง “คุณ… ทำ… แบบนั้นไม่ได้นะ… ห้ามแตะต้องกับของส่วนตัวของฉัน”
เควินอมยิ้มทรงเสน่ห์อีกแล้วยามโน้มตัวลงมาหาหล่อน “เนื้อตัวของคุณผมยังแตะต้องมาทุกซอกทุกมุม แล้วทำไมกับไอ้แค่เสื้อผ้าเก่าๆ ของใช้ไร้ราคาพวกนั้น ผมจะให้คนแตะต้องไม่ได้”
“คนเผด็จการ!”
“ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวพอถึงซันไทมส์ คุณจะได้เห็นความเผด็จการแท้จริงของผม”
“เควิน…”
หล่อนครางชื่อเขาออกมาได้แค่นั้น ร่างก็ถูกผลักเข้าไปในรถหรู ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นมา และขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักพิมพ์ซันไทมส์ด้วยความเร็วสูง
เขาจะทำอะไรนะ? เควินคิดจะทำอะไรกันแน่…
“ไม่ต้องมาทำเป็นหน้าบูดเลย เข้าไปแอบในห้องน้ำได้แล้ว หรือว่าอยากเป็นข่าวล่ะ”
เขายังคงยืนนิ่ง วรันธาราจึงต้องเป็นฝ่ายดันร่างใหญ่โตเข้าไปในห้องน้ำเสียเอง
“แล้วอย่าออกมาเชียวนะคะ จนกว่าพี่แม็กจะไป” หญิงสาวสั่งเสร็จก็ดันประตูปิด ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูห้อง
“พี่แม็กมีอะไรกับธารเหรอคะ”
แม็กเวลล์ยิ้มหวาน พลางชูกล่องพิชซ่าที่ซื้อมา “พี่ซื้อมาฝากน้องธารน่ะ รู้ว่าน้องธารชอบกิน”
วรันธาราแสนจะลำบากใจ แล้วทำไมแม็กเวลล์ถึงต้องซื้อพิชซ่ามาฝากในวันนี้ด้วยนะ วันที่ตรึงเครียดแบบนี้นะ
“เอ่อ ขอบคุณมากค่ะ แต่ธารอิ่มมาแล้วน่ะค่ะ”
“เสียดายจัง พี่อยากให้น้องธารได้กิน” แม็กเวลล์ทำหน้าตาน่าสงสาร จนวรันธาราอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ “เอ่อ แต่ธารกินอีกได้ค่ะไม่มีปัญหา ขอบคุณพี่แม็กมากนะคะที่คิดถึงธาร”
หญิงสาวรีบรับกล่องพิชซ่ากล่องใหญ่มาถือเอาไว้ “ความจริงแค่ถาดเล็กก็พอแล้วนะคะ ธารทานกินคนเดียว”
“เอ่อ ถ้าน้องธารไม่รังเกียจ พี่ขอ…”
วรันธารารู้ทันทีเลยว่าแม็กเวลล์ต้องการอะไร
โอ๊ย… พระเจ้า ทำไมจะต้องมาอยากกินมื้อเย็นกับหล่อนเอาวันนี้ด้วยนะ วันที่มีเควิน คาสโตรเซ่นหลบอยู่ในห้องน้ำ
“คือว่า… พี่ซันอาจจะว่าเอาได้นะคะ ถ้าพี่แม็กไม่รอกินพร้อมมื้อเย็นด้วยกัน”
“วันนี้ไอ้ซันมันไม่กลับห้องหรอก มันไปกับสาว เหลือแต่พี่ที่ต้องกินข้าวคนเดียว”
“เอ่อ… คือว่า…”
“ถ้าน้องธารไม่สะดวกให้พี่กินด้วยก็ไม่เป็นไรครับ พี่ไปกินคนเดียวที่ห้องก็ได้ พี่ชินซะแล้วล่ะ เวลาโดนทิ้งน่ะ”
แม็กเวลล์กำลังจะเดินจากไป วรันธารารีบคว้าแขนเอาไว้ ด้วยความสำนึกผิดระคนสงสาร
“ได้สิคะ กินด้วยจะได้หมดเร็วๆ เนอะ” วรันธารากัดฟันพูด ก่อนจะหันไปชำเลืองมองที่ประตูห้องน้ำด้วยความเป็นกังวลใจ “เอ่อ งั้นธารว่าเราไปกินพิชซ่าแสนอร่อยที่นอกห้องกันนะคะ”
“อ้าว… ทำไมไม่กินที่นี่ละครับ หรือว่าน้องธารไม่ไว้ใจพี่”
“คือ… มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ คือธาร…”
สายตาผิดหวังของแม็กเวลล์ทำให้วรันธาราไม่มีทางเลือกอีกแล้ว “ก็ได้ค่ะ กินในนี้ก็ได้ค่ะ”
แม็กเวลล์ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ขอบใจน้องธารมากนะที่ให้เกียรติพี่”
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ เรามีรีบกินกันดีกว่านะคะ จะได้รีบหมด… เอ่อ ธารหมายถึงได้รีบอร่อยน่ะค่ะ” วรันธารารีบลากโต๊ะญี่ปุ่นมาที่กลางห้อง และรีบเปิดกล่องพิชซ่าทันที มือเล็กหยิบพิชซ่าถาดใหญ่ขึ้นมากินด้วยความรีบร้อน
มันต้องหมดให้เร็วที่สุด แม็กเวลล์จะได้รีบกลับไป และเควินจะได้ออกมาจากห้องน้ำเสียที
“น้องธารหิวมากเลยหรือครับ”
แม็กเวลล์เห็นวรันธารากินเอากินเอาจนปากเปรอะมือเปื้อนก็อดที่จะถามอย่างประหลาดใจไม่ได้
วรันธารายิ้มเจือนๆ ก่อนจะรีบตอบ “อ้อ พิชซ่าเป็นของโปรดธารน่ะค่ะ ยิ่งหน้านี้ด้วยแล้ว ธารยิ่งชอบ กินค่ะพี่แม็ก”
แม็กเวลล์รับพิชซ่าจากมือของวรันธารามากัดกิน สายตาก็มองหญิงสาวด้วยความแคลงใจตลอดเวลา
“หมดแล้ว…” หญิงสาวร้องออกมาอย่างดีใจ
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าน้องธารจะกินพิชซ่าได้เร็วแบบนี้ แค่ไม่ถึงห้านาทีพิชซ่าถาดใหญ่หมดเกลี้ยง”
“แหม… ก็พี่แม็กช่วยกินนี่คะก็เลยหมดเร็ว”
“พี่พึ่งกินไปครึ่งชิ้นเองครับ”
วรันธาราหน้าเจื่อนเจือนเมื่อมองเห็นพิชซ่าครึ่งชิ้นในมือของแม็กเวลล์ “สงสัยธารต้องถ่ายพยาธิบ่อยๆ แล้วล่ะค่ะ กินเยอะทุกที” หญิงสาวพยายามซ่อนอาการจะอ้วกเอาไว้สุดฤทธิ์
“เอ่อ พี่แม็กอิ่มแล้วก็…”
“พี่กะว่าจะนั่งเล่นที่ห้องน้องธารสักพัก หวังว่าน้องธารคงไม่ขัดข้องอะไรนะครับ”
เจ้าของห้องแทบทรุดกองกับพื้น “ว่า…ว่ายังไงนะคะ”
“พี่จะนั่งคุยกับน้องธารน่ะครับ”
“เอ่อ แต่ว่า… ธารเหนียวตัวอยากอาบน้ำแล้วน่ะค่ะ”
“ว้า เสียดายจัง…”
“เอ่อ ธารต้องขอโทษด้วยนะคะ เอาไว้วันหน้านะคะ วันนี้ธารอยากอาบน้ำจริงๆ ค่ะ”
หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืนเดินนำร่างแม็กเวลล์ไปที่ประตูห้อง “ไว้เจอกันนะคะพี่แม็กซ์”
“ไว้เจอกันครับ”
แม็กเวลล์กำลังจะเดินออกไปแล้ว อีกสองก้าว… อีกสองก้าวเท่านั้นความอึดอัดโลกาวินาศของหล่อนก็จบสิ้นลง
“บายค่ะพี่แม็ก”
“บายครับ”
อีกก้าวเดียว… พี่แม็กเดินออกไปสิ ธารจะได้ปิดประตู หญิงสาวลุ้นอยู่ในใจ และแม็กเวลล์ก็ยกเท้าขึ้น
วรันธารายิ้มกว้างโล่งอก เพราะแม็กเวลล์ต้องออกไปก่อนที่เควินจะหมดความอดทนแน่ แต่แล้วความหวังของหล่อนก็พังพินาศยับเยิน เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกดันให้เปิดกว้าง พร้อมๆ กับร่างของเควินที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในบ็อกเซอร์สีเข้มเพียงตัวเองเท่านั้นก้าวออกมา ก้าวออกมาก่อนที่แม็กเวลล์จะออกไปเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว
วรันธาราหน้าซีดเผือด โลกทั้งใบถล่มลงต่อหน้าต่อตา
“นั่น… ใครน่ะน้องธาร”
เควินก้าวออกมาอย่างไม่คิดอับอายสายตาของแม็กเวลล์ เดินมาหยุดข้างกายหล่อน และกอดหล่อนเอาไว้
“ผมเป็นผัวของวรันธารา ว่าแต่คุณเถอะเป็นใคร”
วรันธาราพูดไม่ออก ยืนนิ่งเป็นหุ่น
แม็กเวลล์ได้ยินก็ช็อก “ผัว…?”
“ใช่ครับ เมื่อกี้เรากำลังเข้าได้เข้าเข็มกันอยู่ แล้วคุณก็มาเคาะประตูขัดจังหวะ เมียผมก็เลยจับผมไปขังไว้ในห้องน้ำ เพราะไม่ต้องการให้หนุ่มๆ แถวนี้รู้ว่าตัวเองมี ‘ผัว’แล้ว” เควินย้ำชัดคำว่าผัวชัดเจน จนวรันธาราต้องตวัดตามองเขียวปั๊ด
“นี่… น้องธาร… มีผัวแล้ว… เหรอครับ…”
“พี่แม็กคะ… คือว่า… คือว่า…”
หญิงสาวพยายามจะอธิบาย แต่ดูเหมือนว่าเควินจะไม่ยอมเปิดโอกาสให้
“เอาเป็นว่าครั้งนี้ผมจะไม่ถือสาอะไรที่คุณมาชวนเมียผมกินพิชซ่า แต่ถ้ามีครั้งหน้า ผมต่อยคุณคว่ำแน่”
แม็กเวลล์ผิดหวังยิ่งนัก แต่ก็จำต้องยอมรับความจริง “ผมขอโทษครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้องธารจะ… โอเคร… ผมขอตัวนะครับ”
“เอ่อ พี่แม็กคะ ธาร… ธารอธิบายได้ค่ะ พี่แม็ก…”
แม็กเวลล์ก้าวออกไปจากห้องแล้ว เควินก็รีบกระชากประตูปิดลงทันที จากนั้นก็จ้องหน้าวรันธาราเขม็ง
“อร่อยไหมล่ะพิชซ่าน่ะ”
วรันธาราได้ยินคำว่าพิชซ่าก็ทำท่าผะอืดผะอม ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ และโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุง เควินรีบตามเข้าไปลูบหลังให้อย่างเป็นห่วง แต่กระนั้นก็อดเหน็บแนมแหนมด้วยความหึงหวงไม่ได้
“เป็นไงล่ะ พิชซ่าแสนอร่อย”
“มันอร่อยที่ไหนกันล่ะคะ” วรันธาราถูกหิ้วปีกกลับมาที่เตียงอีกครั้งอย่างหมดสภาพ
“จะไปรู้หรือ เห็นกินเป็นถาด แถมถาดใหญ่ด้วยนะ”
“ที่ฉันกินเยอะขนาดนั้นก็เพราะว่าฉันต้องการจะให้พี่แม็กกลับออกไปเร็วๆ ยังไงล่ะ”
“นึกว่าชอบให้มันอยู่ด้วยซะอีก”
“คุณอย่ามาพูดดีเลย ไอ้ที่แทบจะแก้ผ้าออกมาเมื่อกี้นี้น่ะ มันคุ้มกับชื่อเสียงของคุณที่จะเสียไปไหม”
เควินไหวไหล่น้อยๆ อย่างไม่แยแส
“หมอนั่นไม่รู้จักผมหรอก”
“แล้วถ้าตรงกันข้ามล่ะ คุณจะทำยังไง ฉาวโฉ่เชียวนะคะ”
“นี่ถามจริงๆ เถอะ คุณห่วงผมหรือห่วงว่าตัวเองจะไม่สามารถอ่อยผู้ชายต่อไปได้กันแน่”
วรันธาราผุดลุกขึ้นยืน กอดอกมองคนปากดีอย่างโมโห “ฉันก็เป็นห่วงคุณน่ะสิ สำหรับตัวฉันน่ะ ถึงจะชื่อเสียงย่อยยับแค่ไหนก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่คุณเป็นมหาเศรษฐี มีธุรกิจมากมาย ถ้าเรื่องคาวๆ แบบนี้หลุดออกไป คุณจะเสียหายหนักนะคะ”
เควินอึ้งเล็กๆ กับสิ่งที่ได้ยิน “ผมจัดการทุกอย่างได้ คุณไม่ต้องมากังวลแทนผมหรอก”
“ฉันก็ไม่อยากจะกังวลแทนคุณหรอก ถ้าฉันไม่ได้รัก…” หญิงสาวชะงักงัน และรีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นสายตาคมกริบหรี่แคบมองมาอย่างคาดคั้น
“ฉันหมายถึง รักเงินของคุณน่ะ ถ้าคุณล่มจม ฉันก็ไม่มีเงินน่ะสิ จริงไหมคะ” แก้ตัวแล้วก็รีบหันหลังให้
เควินมองด้านหลังของคนตัวเล็กเงียบๆ ก่อนจะดึงเข้ามาสวมกอด “ไม่ต้องกังวลหรอก ผมมีเงินให้คุณผลาญได้อีกนาน”
วรันธาราย่นจมูกใส่คนอวดดีก่อนจะดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของจอมเถื่อน แต่เขาไม่ยอมปล่อย
“เรามาต่อ… เรื่องที่ค้างกันไว้ให้จบเถอะ”
ร่างเล็กถูกผลักให้นอนราบลงกับเตียง และเขาก็ทาบทับลงมาหาอย่างแน่นหนา ปากจูบ ลิ้นโลมเลีย มือบีบเค้นไปทุกสัดส่วนสาว ไม่ช้าเขาก็เปลื้องผ้าของหล่อนออก และสอดใส่เขามาหาอย่างรุนแรง ปานพายุครั้ง หญิงสาวกรีดร้องด้วยความซ่านกระสันนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งเสียทุกครั้ง
เสียงเตียงลั่นกับเสียงเนื้อกระทบกันเท่านั้นที่แผดเสียงดังก้องอยู่ภายในห้องแคบ ตลอดทั้งค่ำคืน…
เควินหัวเราะขบขันในลำคอ ก่อนจะหักพวงมาลัยให้เลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กแคบที่ด้านในสุดเป็นที่ตั้งห้องเช่าของวรันธารา
“ได้เงินจากผมแล้ว ย้ายห้องเช่าเสียด้วยนะ ที่นี่ดูไม่ปลอดภัยเลย”
“ฉันอยู่จนชินแล้วล่ะค่ะ อ้อ จอดตรงนี้แหละ จะได้กลับรถง่ายๆ”
รถสปอร์ตหรูจอดสนิทตามที่วรันธาราสั่ง
“แล้วนั่นรถใคร?”
วรันธารามองตามสายตาคมกริบของเควินไป และก็ได้เห็นกระบะสีขาวที่ติดสติกเกอร์เอาไว้รอบคัน
“ไม่รู้ค่ะ ฉันไม่เคยเห็นเหมือนกัน สงสัยเจ้าของห้องเช่าส่งให้มาซ่อมอะไรมั้งคะ”
พูดจบวรันธาราก็เปิดประตูรถ และก้าวลงไป เควินรีบปลดเข็มขัดนิรภัยและกระโดดตามลงไปทันที
“คุณลงมาทำไมคะ เดี๋ยวคนอื่นเห็นเข้า คุณจะกลายเป็นข่าวดังนะคะ”
เควินอยากจะบีบปลายจมูกโด่งรั้นของแม่สาวสวยตรงหน้านัก ดูเถอะ เวลานี้ยังจะมาห่วงกลัวว่าเขาจะเป็นข่าวอีก ทั้งๆ ที่ตัวเองน่าห่วงกว่าเป็นไหนๆ
“ถ้าผมเดาไม่พลาด รถคันนี้ผู้ชายขับ”
“ก็น่าจะใช่ค่ะ แล้วทำไมคะ”
“ผมไม่ไว้ใจให้ผู้ชายคนไหนก็ตามอยู่ใกล้คุณ”
วรันธารารู้สึกว่าตัวเองสะท้านราวกับอยู่ท่ามกลางพายุฝน เขาพูดเหมือนกำลังหวงหล่อน
“คุณ… ห่วงใยห่วงฉันหรือคะ”
“ใช่ ผมเป็นห่วงคุณ และที่สำคัญของๆ ผมใครก็แตะต้องก่อนที่ผมจะเบื่อไม่ได้้”
จากที่เคยปลื้มปริ่มตอนนี้เหี่ยวแห้งลงแทบไม่ทัน วรันธาราหน้างอง้อ ก่อนจะหันหนี
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันอยู่ได้ และที่สำคัญคงไม่มีผู้ชายคนไหนตาบอดมาแตะต้องฉัน เหมือนกับที่คุณทำหรอก”
เควินหรี่ตามองอย่างประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน “ถามจริงๆ เถอะ ไม่มีผู้ชายจีบคุณมาก่อนเลยหรือ”
“ฉันไม่รู้ เพราะไม่ได้สนใจ”
หล่อนตอบเสียงห้วน และงมหากุญแจห้องในกระเป๋าเป้ใบเล็กที่สะพายอยู่ สองเท้าก็เดินเข้าไปยังห้องของตัวเองที่อยู่เกือบท้ายสุดของแถว เควินเดินตามไปติดๆ
“ผู้ชายพวกนั้นตาบอดสิไม่ว่า คุณสวยจะตายไป”
“อย่ามาชมเลยค่ะ ฉันไม่มีรางวัลอะไรให้คุณหรอก”
“จูบ…”
เท้าของวรันธาราชะงักกึก ก่อนที่หล่อนจะหมุนตัวกลับมามองผู้ชายที่ตัวโตกว่ามากมายด้วยความแคลงใจ
“คุณจูบฉันไปเป็นร้อยๆ รอบแล้วนะคะ ไม่เบื่อบ้างหรือไง”
เควินส่ายหน้า พร้อมกับกระชากร่างอรชรเข้ามากอดแนบอก “ปล่อยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ต่อให้เป็นล้านจูบ ผมก็คงไม่มีวันเบื่อความหวานจากปากอิ่มของคุณได้ ผมรัก… ผมคลั่งไคล้ปากของคุณ วรันธารา…”
“เค… เควิน…”
หล่อนเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด แค่เพียงเขาจ้องตาเท่านั้น “คุณ… จะเป็นข่าวนะคะ ถ้า… ถ้าจูบฉัน… ตรงนี้…”
“ผมไม่สน”
แล้วเขาก็ยืนยันคำว่า ‘ไม่สน’กับหล่อนด้วยการตะโบมจูบลงมาหาอย่างดุดัน ดุเดือด จูบที่เรียกได้ว่าแทบจะสูบวิญญาณให้หายไปจากร่าง จูบที่ทำให้สติสัมปชัญญะของหล่อนปลิวหายไปในพริบตา
เขาจูบแล้วก็จูบ ดันร่างของหล่อนจนแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกำแพงปูน ปากยังคงประกบติดราวกับกาว ลิ้นแกร่งตวัดรูดรัดภายในช่องปาก และฝ่ามือใหญ่ขยำบั้นท้ายอวบเต็มแรง
“ผม… ไม่มีวันเบื่อจูบกับคุณ”
“อ๊า… เคน…”
เควินเกลียดตัวเองที่ไม่มีอำนาจพอที่จะเนรมิตพื้นที่ต้องหน้าให้กลายเป็นห้องนอนหรือห้องสูทในโรงแรมเจ็ดดาวได้ เขาต้องการจะฝากฝังกายลงไปในแอ่งรักของวรันธาราเดี๋ยวนี้ ต้องการหล่อนเหลือเกิน ต้องการจนลืมเลือนสถานที่ และเวลาไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
“อ่ะ แฮ่ม…”
เสียงกระแอมของใครบางคนทำให้วรันธาราได้สติ หล่อนรีบผลักเควิน ออกห่างจากตัว และรีบหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงกระแอม
“เอ่อ ขอโทษด้วยค่ะที่ขวางทาง” มือเล็กผลักให้คนตัวโตหันหลังเอาไว้ เพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นหน้าของเขาในตอนนี้
“พวกเรากำลังจะกลับพอดีครับ พอดีเจ้าของห้องเช่าให้ผมพวกเรามาล้างแอร์ให้กับทุกห้องครับ”
“เชิญ… เชิญค่ะ” วรันธารารีบขยับหลีกทางให้กับผู้ชายสองคนเดินจากไป จากนั้นก็หันมาทำเสียงดุใส่เควิน
“เห็นไหมคะว่ามีคนเห็น นี่ถ้าพวกนั้นเห็นหน้าคุณจะทำยังไงคะ”
เควินหมุนตัวกลับมา และก้มลงมาจูบแก้มนวลเบาๆ “ก็คุณจับผมหันหลังขนาดนั้น ถ้าเห็นก็มีตาทิพย์แล้วล่ะ”
“ยังจะมาพูดดีอีก กลับไปได้แล้วล่ะคะ ฉันจะเข้าห้องแล้ว”
หญิงสาวขยับไปที่หน้าห้องของตัวเอง และจะไขกุญแจ แต่ประตูดันเปิดออกได้อย่างง่ายดาย
“อ้าว… ลืมล็อกได้ยังไงเนี่ย”
เควินที่ยืนอยู่ด้านหลังอมยิ้ม “ช่างที่มาล้างแอร์ให้คงลืมล็อกล่ะมั้ง”
วรันธาราพยักหน้ารับ “คงใช่ค่ะ เอ่อ และคนในห้องเช่าก็จะกลับมาจากที่ทำงาน”
“ผมไม่กลับหรอก คืนนี้คิดว่าจะอยู่กับคุณที่นี่ทั้งคืน”
วรันธาราอ้าปากค้าง “จะบ้าหรือไงคะ”
“ไม่บ้าหรอกครับ ผมพูดจริง” เควินยืนยันและแทรกตัวเข้ามาภายในห้องเล็กแคบของวรันธารา
“ตะ… แต่… ถ้าคุณอยู่… คุณก็ต้อง…” หญิงสาวหน้าแดงก่ำ
เควินอมยิ้มเพราะรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย “ถูกต้อง ผมจะต้องนอนกับคุณ” เขามองเลยไปที่เตียงนอนขนาด 3.5 ฟุต และทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “แต่คงไม่ใช่บนเตียงหรอก มันเล็กเกินไป คงจะเป็นพื้นห้องมากกว่าที่เราจะสนุกกัน”
“คนบ้า… อย่ามาล้อฉันเล่นแบบนี้นะคะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ล้อเล่น ผมจะอยู่กับคุณที่นี่ทั้งคืนจริงๆ”
“แต่… เวลาเรา… เอ่อ… ฉันหมายถึงว่า… เวลานอนด้วยกัน คุณทำให้ฉันกรีดเสียงดัง… ฉันเกรงว่าข้างห้องจะ…”
เควินแทบกลั้นความขบขันเอาไว้ไม่อยู่ “ผมจะเอามืออุดอดปากคุณเอาไว้ เวลาที่คุณครางเสียงดังเกินไป โอเครไหมครับ”
“มะ ไม่โอเครหรอกค่ะ ทางออกที่ดีที่สุด คุณควรกลับออกไป ได้โปรดเถอะนะคะ คุณกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้… ฉันจะไปหาคุณเอง”
เควินส่ายหน้ายืนยันคำเดิม “ผมทนไม่ไหวหรอก อยู่ห่างจากคุณแค่ชั่วโมงเดียวผมก็จะตายอยู่แล้ว” พ่อเจ้าประคุณพูดจบก็ตรงปรี่เข้ามากระชากร่างเล็กเข้าไปกอดแนบอก “และที่เราทำกันที่หน้าห้องอีก คุณคิดว่าผม… จะสงบลงง่ายๆ หรือไง ถ้าไม่ต่อให้จบน่ะ”
“คุณก็คิดแต่เรื่องนี้เท่านั้นแหละ” วรันธาราผลักคนตัวโตออกห่าง ก่อนจะถอยหลังหนี แต่มือเล็กปัดไปโดยกรอบรูปของตัวเองที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ปลายเตียงพอดี
“อุ๊ย…”
หญิงสาวตกใจหันไปคว้าขึ้นมาจากพื้น และวางไว้ที่เดิม แต่เควินเดินเข้ามากระชากออกไปจากมือเสียก่อน
“คุณทำอะไรน่ะเควิน”
“ชูว์…”
วรันธาราไม่เข้าใจกับท่าทางของเควิน แต่ก็จำต้องยอมทำตามคำสั่งของเขาแต่โดยดี
“เมื่อกี้คนพวกนั้นบอกว่าเป็นช่างล้างแอร์ใช่ไหม”
“ค่ะ มีอะไรเหรอคะ”
“แล้วไอ้กล่องดำๆ ที่โต๊ะหลังกรอบรูปที่ร่วงเมื่อกี้ของคุณหรือเปล่า”
หญิงสาวมองไปตามนิ้วของคนตัวโต ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่น่าจะใช่ค่ะ ฉัน… ไม่มีกล่องแบบนี้หรอก”
“แล้วกล่องของใครล่ะ”
“ฉันไม่รู้”
เควินไม่พูดออกอีกนอกจากเดินเข้าไปหยิบสิ่งที่สงสัยขึ้นมามองใกล้ๆ ก่อนจะกัดฟันแน่น
“กล้องแอบถ่าย”
“กล้องแอบถ่าย?!” วรันธาราอุทานตกใจ และเหลือเชื่อ “แล้วมันจะมาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงกันคะ นี่ฉัน… ไม่ได้คิดจะแอบถ่ายคุณหรอกนะเควิน…”
“ไอ้สองคนเมื่อกี้นี่ไง นึกแล้วเชียวว่าทำไมสติกเกอร์ท้ายรถถึงติดว่ารับติดตั้งกล้องและสัญญาณกันขโมย”
วรันธาราแทบทรุด หล่อนยกมือขึ้นทาบอก
“เกือบไปแล้ว”
“โดนไปแล้วต่างหาก สิ่งที่ผมพูดกับคุณเมื่อครู่นี้พวกมันได้ไปแล้วล่ะ”ชายหนุ่มโยนกล้องแอบถ่ายลงกับพื้น และขยี้แรงๆ จนพังพินาศ
หญิงสาวหน้าซีดเผือด “แล้วเราจะทำ… ฉันหมายถึง… คุณจะแก้ข่าวนี้ยังไงคะ ฉันไม่อยากให้คุณเดือดร้อน”
“ไม่ยากหรอก แค่สั่งปิดซันไทมส์ ง่ายไหม”
“ไม่ได้นะคะ!”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเจ้าของที่นี่เป็นอันตรายกับผม”
“แต่พนักงานที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยจะต้องตกงานกันไปด้วยนะคะ แล้วไหนจะลูก จะเมีย พ่อแม่ของพวกเขาอีก”
“ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้แม่ชีมาเป็นเมีย”
“ฉันไม่ใช่แม่ชีหรอกค่ะ แต่ฉันแค่สงสาร…”
“โอเคผมจะไม่ปิดซันไทมส์ พอใจหรือยัง” เควินฉวยโอกาสที่วรันธารากำลังสับสนเข้ามาสวมกอด ก่อนจะก้มลงดูดเบาๆ ที่ซอกคอระหง จนเนื้อนุ่มแดงช้ำ
“อื้อ… อย่าค่ะ ถ้ามีกล้องอีกจะทำยังไงคะ”
“ผมไม่สน ผมต้องการคุณ…”
“อ๊า… เคน…” มือใหญ่ขยำเต้าอวบแรงๆ จนสาวน้อยครางกระสัน “อย่า… อย่าพึ่ง… อ๊า… เคน…”
“น้องธาร… น้องธารอยู่หรือเปล่าครับ” เสียงเคาะประตู พร้อมกับเสียงผู้ชายที่ตะโกนเรียกเข้ามาทำให้ เควินชะงัก หันนไปมองที่ประตูก่อนจะหันกลับมาทำตาดุใส่วรันธารา
“นัดผู้ชายไว้ใช่ไหมเนี่ย”
“ปละ เปล่าสักหน่อยค่ะ”
“ถึงไล่กันจริงจังแบบนี้”
“มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” วรันธาราพยายามอธิบาย แต่คนแม็กเวลล์ก็ยังเรียกไม่หยุด
“แล้วมันแบบไหนกันล่ะ”
“คือว่า…”
“น้องธาร…”
“มีอะไรกับธารหรือคะพี่แม็ก” ในที่สุดก็จำต้องขานรับออกไป
“พี่ขอเข้าไปหาได้ไหมครับ”
วรันธาราหน้าตาซีดเผือด คิดไม่ตกว่าทำไมแม็กเวลล์ถึงพูดแบบนั้น ทั้งๆ ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะเข้ามาในห้องของหล่อนแม้แต่นิดเดียว
หญิงสาวหันไปมองคนตัวโต ก็เห็นเขากอดอกเอาสะโพกพิงกับขอบเตียงอยู่ และหน้าตาบูดบึ้ง
“มันไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ” หล่อนพยายามอธิบาย
“เอ่อ ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“เฮ้… วรันธารา นี่คุณกล้าให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามาในห้องเชียวหรือ มันเป็นชู้รักของคุณใช่ไหม”
“คุณบ้าไปแล้วเควิน ที่ฉันกล้าให้พี่แม็กเข้ามาในห้อง ก็เพราะว่ามีคุณอยู่ด้วยต่างหากยังไงล่ะ” หล่อนสวนกลับอย่างโมโหที่เขาแปลเจตนาของหล่อนผิดพลาดไปไกล
แอนโทนี่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นของโรงพยาบาลแห่ง หนึ่ง บ่นกระปอดกระแปดกับวาเนสซ่าที่เดินอยู่ข้างๆ
“อย่าให้ผมรู้เชียวนะว่าพวกมันเป็นใคร”
วาเนสซ่าลอบเบ้ปากอย่างเบื่อหน่าย “หัวหน้าอย่าพึ่งไปคิดไกลขนาดนั้นเลยค่ะ ตอนนี้รอผลเอ็กซเรย์ก่อนดีกว่าไหมคะ ดูสิว่ากระดูกส่วนไหนหักบ้าง”
แอนโทนี่ได้ยินก็ก้มลงมองสภาพของตัวเองที่ตอนนี้บอบช้ำอย่างหนักอย่างเจ็บใจ
“ผมต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันเป็นใคร”
“พวกมันก็คงเป็นผัวของแม่ผู้หญิงที่หัวหน้าแอบไปกิ๊กกั๊กด้วยนั่นแหละค่ะ” วาเนสซ่าสวนกลับอย่างรู้ทัน แต่แอนโทนี่ไม่ได้คิดแบบนั้น เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด
“แต่ผมว่า… มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
วาเนสซ่าได้ยินก็อดที่จะคิดตามไม่ได้ ในขณะที่แอนโทนี่พล่ามต่อไปไม่หยุดพร้อมกับจ้องหน้าสาวข้างตัว
“เรากำลังจะไปสนุกกันในโรงแรม แล้วพวกมันโผล่มาได้ยังไง ถ้าไม่มีใครบอก”
“อย่ามองเนสแบบนั้นนะคะ เนสจะไปบอกให้คนพวกนั้นมาทำร้ายหัวหน้าทำไมล่ะคะ ในเมื่อเราตกลงผลประโยชน์กันได้อย่างลงตัว”
“นั่นสิ… ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วพวกมันรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่โรงแรมนั่น”
“มันอาจจะตามหัวหน้ามาตั้งแต่หน้าสำนักพิมพ์ก็ได้นี่คะ” วาเนสซ่าสันนิษนิฐานออกไปมั่วๆ แต่แอนโทนี่กลับอุทานเสียงดัง
“ใช่… พวกมันต้องสะกดรอยตามมาตั้งแต่ที่ซันไทมส์แน่ๆ”
“แล้วหัวหน้ามีศัตรูที่ไหนไหมคะ นอกจากบรรดาชู้รักของแม่ผู้หญิงพวกนั้นน่ะ”
แอนโทนี่นั่งนิ่งคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เขาถูกตะลุมบอนโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยในโรงแรมหรู
“มันบอกว่า ‘จำเอาไว้ อย่าทำร้ายผู้หญิงอีก’ ผมไปทำร้ายกันใคร”
“คู่ขาคนก่อนๆ หรือเปล่าคะหัวหน้า”
“ไม่น่าใช่…”
“งั้นพวกมันเป็นใครกันล่ะคะ แต่จะว่าไปแล้ว ชุดคล้ายๆ กับบอดี้การ์ดของคุณเควินเหมือนกันนะคะ”
เป็นอีกครั้งที่วาเนสซ่าเดาออกไปส่งเดช แต่กลับสะดุดหูคนฟังอย่างแอนโทนี่อย่างจัง
แอนโทนี่ดีดนิ้วดังเปาะ ก่อนจะคำรามออกมา “นั่นแหละ ใช่ที่สุด พวกมันต้องเป็นคนของเควิน คาสโตรเซ่น”
“จริงด้วยค่ะ คุณเควินไม่พอใจเรื่องที่ซันไทมส์เอาภาพของเขามาตีพิมพ์”
แม้หน้าตาของแอนโทนี่จะบวมปูดไปเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็ยังแสยะยิ้มร้ายกาจได้ “แต่ผมคิดว่าไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอก คุณไม่ได้ยินเหรอว่าพวกมันบอกว่า จำเอาไว้ อย่าทำร้ายผู้หญิงอีกน่ะ”
“แล้วพวกมันหมายความว่ายังไงกันคะ เนสไม่เข้าใจ”
“วรันธารายังไงล่ะ”
วาเนสซ่าอึ้ง ก่อนจะอุทานออกมาอย่างเหลือเชื่อ “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ ยายวรันธาราบ้างานนั่นไม่มีทางทำให้ผู้ชายคนไหนลุกขึ้นมาปกป้องได้หรอกค่ะ โดยเฉพาะผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างคุณเควินก็ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ เนสไม่มีทางเชื่อ”
“หรือคุณไม่เห็นว่าตอนที่เควินลากวรันธาราออกไปจากห้องทำงานของผมกันล่ะ”
จริงด้วย…
วาเนสซ่ายอมจำนนในอก แต่ความอิจฉาก็ทำให้หล่อนไม่ยอมที่จะหลงเชื่อง่ายๆ
“บางทีพวกเราอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นี่คะ”
“ไม่ผิดหรอก สายตาที่สองคนนั่นมองกันมันมีความหมาย ผมคิดว่าสองวันที่วรันธาราเข้าไปในคฤหาสน์คาสโตรเซ่นมันต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
“หัวหน้าคิดว่าอะไรคะ”
“ผมไม่รู้ แต่ถ้าให้เดา… วรันธาราน่าจะเสร็จเควินไปเรียบร้อยแล้ว”
“ว้าว…” วาเนสซ่ายกมือขึ้นปิดปากอุทานอย่างเหลือเชื่อระคนอิจฉาสุดฤทธิ์ “รู้แบบนี้เนสไม่น่าแนะนำให้หัวหน้าบังคับให้วรันธารามันเข้าไปในบ้านของคุณเควินเลย เนสน่าจะไปเอง…”
แอนโทนี่หรี่ตามองอย่างหมั่นไส้ “มีผมเป็นผัวลับคนที่สี่ยังไม่พอใจหรือไง หรือว่ายังคันคะเยออยู่”
วาเนสซ่าถูกตำหนิก็ทำหน้าม่อยม้อย แก้ตัวเสียงอ่อย “แหม เนสก็พูดไปแบบนั้นแหละค่ะ เนสจะเห็นใครดีกว่าหัวหน้าได้ล่ะคะ สุดหล่อของเนส” แล้ววาเนสซ่าก็ก้มลงจูบแก้มที่เขียวช้ำของแอนโทนี่อย่างเอาใจ
“ไม่ต้องมาทำเป็นประจบเลย”
“เนสไม่ได้ประจบสักหน่อยค่ะ แต่เนสพูดจริงๆ”
แม้แอนโทนี่จะรู้อยู่เต็มอกว่าความสัมพันธ์ของเขากับวาเนสซ่ามันมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง แต่เขาก็อดที่จะหึงหวงไม่ได้
“คุณแอนโทนี่ คุณหมอเชิญเข้าพบค่ะ” นางพยาบาลเดินเข้ามาบอก ก่อนที่รถเข็นของแอนโทนี่จะถูกเข็นหายเข้าไปในห้องตรวจของแผนกเฉพาะทาง วาเนสซ่าเดินตามหลังไป ในใจก็ยังอิจฉาริษยาในวาสนาของวรันธาราอยู่ตลอดเวลา
หลังจากนั่งเศร้าอยู่ในห้องนอนของเควินนานเกือบสองชั่วโมง วรันธาราก็ตัดสินใจว่าจะกลับไปตั้งหลักที่ห้องเช่าของตัวเองสักพัก
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน ประตูห้องอยู่ตรงหน้า และหล่อนต้องก้าวผ่านมันออกไปให้ได้
เท้าบอบบางย่ำลงกับพื้นห้อง และก้าวไปข้างหน้าจนถึงทางออก มือนุ่มคว้าลูกบิดทองเหลืองและกุมมันเอาไว้
หล่อนจะกลับไปนอนที่ห้องคืนนี้…
เมื่อตั้งใจแน่วแน่แล้ว วรันธาราก็ดึงประตูให้เปิดกว้างออก และก้าวออกไปทันที
บันไดวนที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามอยู่ตรงหน้า หล่อนก้าวเท้าลงไปทีละขั้น จนในที่สุดก็สามารถลงไปยืนอยู่กลางห้องโถงชั้นล่างได้สำเร็จ
“นั่นคุณจะไปไหน”
เสียงทุ้มที่ติดกระด้างเล็กน้อยของเควินดังอยู่ด้านหลัง วรันธาราพยายามทำใจแข็ง และตั้งสติ
“ฉันคิดว่า… จะกลับไปที่ห้องเช่าน่ะค่ะ”
“ไปทำไม ในเมื่อคุณตกลงจะอยู่กับผมที่นี่แล้ว” เควินถามเสียงไม่พอใจ เดินอ้อมร่างเล็กไปหยุดเบื้องหน้า
“หรือว่าคุณเปลี่ยนใจ”
วรันธาราแข็งใจช้อนตาขึ้นสบประสานกับคนตัวโต “ฉันไม่ได้เปลี่ยนใจหรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมจะเริ่มงานในคืนนี้เท่านั้น”
“ไม่พร้อม! เริ่มวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็เหมือนกันนั่นแหละ เพราะยังไงคุณก็ต้องอยู่กับผมอยู่ดี”
“ไม่เหมือนหรอกค่ะ เพราะยิ่งเริ่มช้าเท่าไหร่ ศักดิ์ศรีของฉันก็ถูกทำลายช้าลงเท่านั้น”
เควินไม่ได้ตอบโต้ในทันที เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งามของหญิงสาวตรงหน้านิ่ง
“ถ้าคุณเข้าใจแล้ว ฉันขอตัวนะคะ”
“ผมจะไปส่ง”
“อย่าลำบากเลยค่ะ ถึงฉันจะมากับคุณ แต่ฉันสามารถกลับเองได้ค่ะ”
หญิงสาวจะหมุนตัวหนี แต่ข้อมือถูกรั้งเอาไว้ด้วยอุ้งมือใหญ่ที่แข็งแรงปานคีมเหล็ก
“ผมเป็นคนพาคุณเข้ามาที่นี่ ดังนั้นผมต้องไปส่งคุณ”
“ลืมไปแล้วหรือคะว่าฉันเคยลักลอบเข้ามาที่นี่ด้วยตัวของฉันเอง ดังนั้นฉันมีความสามารถที่จะออกไปเองได้สบายค่ะ ขอตัวนะคะ”
“ก็เพราะลักลอบเข้ามาในอาณาจักรของผมโดยไม่ได้รับอนุญาตไงล่ะ คุณถึงต้องเป็นเมียของผม”
คนถูกตอกกลับหน้าร้อนจัด แก้มแดงระเรื่อ “นี่ถ้านักข่าวสาวๆ รู้ว่าการลักลอบเข้ามาในคฤหาสน์คาสโตรเซ่นแล้วจะได้นอนกับคุณ ฉันว่าคุณคงต้องจัดคิวกันเลยล่ะค่ะ”
“คุณหึงหรือ”
“ฉันไม่มีสิทธิ์นั้นหรอกค่ะ แค่พูดความจริงเท่านั้น”
เควินรั้งร่างอรชรเข้ามากอดรัดแน่น ไม่สนใจการดิ้นรนของหญิงสาวแม้แต่นิดเดยวเดียว
“ผมจะบอกอะไรให้นะวรันธารา…”
หล่อนเงยหน้ามองเขา อย่างรอคอยที่จะฟัง
“คุณไม่ใช่นักข่าวคนแรกที่ปลอมตัวเข้ามาถ่ายรูปและสืบเรื่องราวของผม…”
“งั้นก็แสดงว่าคุณ… ทำแบบนี้กับนักข่าวสาวๆ ทุกคน…” แค่คิดว่า เควินกระทำต่อร่างกายของผู้หญิงคนอื่นแบบที่ทำกับตัวเอง แค่นั้นวรันธาราก็แทบจะกระอักออกมาเป็นลิ่มเลือดแล้ว
หล่อนหึงเควิน หวงเควิน และก็รักเควิน!
“ผมจับส่งตำรวจต่างหาก”
“จับส่งตำรวจ?!”
“ใช่…” เควินพยักหน้ารับ และโน้มศีรษะต่ำลงมาหา ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความหิวกระหาย
“แล้ว… แล้วทำไมถึงทำ… ทำกับฉัน… แบบนั้น…”
“ก็คุณน่าฟัดนี่ ผมก็เลยอดใจไม่ไหวไง”
“ไม่จริง…”
เควินหยุดยิ้ม แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากใบหน้าของหล่อน “ผมต้านทานเสน่ห์ของคุณไม่ได้ เรื่องคืนนั้นก็เลยเกิดขึ้น…”
“เควิน…”
ชายหนุ่มยิ้มเย็นชา ก่อนจะผละออกห่าง แต่ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระ
“ผมจะไปส่งที่ห้อง และห้ามขัดขืนด้วย”แล้วพ่อจอมเถื่อน จอมเผด็จการก็ลากร่างของหล่อนออกไปยังหน้าตึก รถสปอร์ตหรูสีดำคันเดิมติดเครื่องพร้อมรออยู่แล้ว
“ห้ามลงมาเชียว ไม่อย่างนั้น ผมจะจูบคุณให้คนที่นี่ตกใจเล่น”
“คุณมันคน… ลามก”
เควินไม่ตอบ แค่อมยิ้มและปิดประตูให้กับหล่อน เพียงไม่นานเขาก็ก้าวขึ้นมานั่งข้างๆ รถหรูสมรรถนะเยี่ยมก็แล่นออกไปจากคฤหาสน์พันล้านด้วยความเร็วทันที
“คุณ… รู้ได้ยังไงคะว่าห้องเช่าของฉันอยู่ที่นี่ เอ่อ ฉันหมายถึง… ตอนที่คุณขับมาหาฉันที่ห้องเช่าในคืนก่อนๆ น่ะค่ะ คุณรู้ได้ยังไง”
เควินไหวไหล่กว้างใหญ่ของตัวเองน้อยๆ “ผมรู้ทุกเรื่องที่อยากจะรู้นั่นแหละ”
วรันธาราเบ้หน้าใส่อย่างหมั่นไส้ “คุณก็คงใช้เงินหว่านอีกตามเคย คนรวยก็มีแต่แค่นี้แหละ”
“ถูกต้องผมใช้เงินหว่าน…”
เขาหยุดพูด และหันมาจ้องหน้าหล่อนในเวลาสั้น “แต่ผมไม่ได้มีดีแค่เป็นคนรวย คุณก็พิสูจน์มาแล้วนี่ว่าผมมีดีตรงไหนบ้าง จริงไหม… วรันธารา…” เขาทำเสียงกระเส่ายามเรียกชื่อของหล่อน และนั่นก็ทำให้ร่างกายปั่นป่วนรุนแรง
“ฉัน… ไม่พูดกับคุณแล้ว คนหลงตัวเอง”
ปากของเขาดูดเม้มร้อนแรง ลิ้นของเขาตวัดโลมเลียอย่างช่ำชอง และนิ้วยาวของเขาที่ซอกซอนเข้าไปภายในอย่างเชี่ยวชาญ หล่อนกำลังจะตาย… กำลังจะขาดใจตายกับความเก่งฉกาจของเควิน
“อา… เคน… ไม่ไหว… ไม่ไหวแล้ว…”
สะโพกอวบส่ายสะบัดรุนแรง วินาทีต่อมาก็เกร็งกระตุก เสียงหวานใสกรีดร้องดังกระหึ่มห้องหรูด้วยความทรมานที่แสนหวานล้ำ
เควินอมยิ้มด้วยความพึงพอใจ เขาเงยหน้าขึ้นไปจูบปากอิ่มบวมช้ำอีกครั้ง ก่อนจะโจนจ้วงเข้าไปภายในร่างเล็กแคบทันที
“อืมมม… วิเศษ…”
เขากัดฟันต่อสู้กับการบีบรัดร้อนจัดภายในกายสาว ข่มการปลดปล่อยที่กำลังจะทะลักออกจากปากเอาไว้ด้วยฟางเส้นสุดท้าย กายหนุ่มขยับโยก บดคลึงกับเนินผกาฉ่ำรักด้วยจังหวะที่แสนเร้าใจ ทั้งหนักหน่วง ปราดเปรียวและมุ่งมั่น
หญิงสาวครางสะอื้นเป็นชื่อของเควินตลอดเวลา ศีรษะสวยส่ายสะบัดไปกับที่นอนอย่างสุดจะควบคุม บั้นท้ายเปลือยเปล่าก็ไม่อาจจะปล่อยให้นิ่งสนิทติดเตียงได้เลย มันยกหยัดรับแรงปะทะจากการเคลื่อนไหวรุนแรงของเควินด้วยความปรีดา
“อืมม… โอว… แน่น… แน่นสุดยอด” เควินกดกระหน่ำเข้าใส่ร่างคับแน่นที่ดีดดิ้นสนองตอบอย่างบ้าคลั่ง กระแทกอัดบดเข้าใส่ด้วยเพลิงสวาทหนักหน่วง
“ธาร… ธารจ๋า… ผม… ผมจะไม่ไหวแล้ว… โอว…”
เขากำลังจะสิ้นสุดความอดทน เพราะความปรารถนารุนแรงที่มีต่อผู้หญิงคนนี้
“อ๊ากกก” เควินกัดฟันจนใบหน้าบิดเบี้ยว แต่ก็ไม่อาจจะยื้อฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ เขาอัดกระแทกเข้าใส่ร่างเล็กอีกครั้งรุนแรงที่สุดในชีวิต ก่อนจะพาแม่สาวน้อยคนสวยทะยานขึ้นสูงสวรรค์ชั้นฟ้าไปพร้อมๆ กัน
เขาเกร็งกระตุกปลดปล่อยหยาดสวาทเข้าใส่ภายในความคับแน่นของ วรันธาราทุกหยาดหยด จากนั้นก็ก้มลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อแผ่วเบา เพื่อบอกให้แม่คนสวยรู้ว่าเขาพึงพอใจในเซ็กซ์ครั้งนี้มากมายแค่ไหน
“ผมชอบเซ็กซ์ของคุณเหลือเกิน ธาร”
คนที่นอนหลับตาซึมซับกับความวาบหวามแสนหวานรู้สึกตัวขึ้นในทันที และก็ไม่พอใจ
“เซ็กซ์?”
เควินพลิกกายลงไปนอนข้างๆ และตะแคงตัวหันมาจ้องหน้าสาวสวยข้างกาย
“ก็ใช่น่ะสิ เซ็กซ์ที่แสนวิเศษ ขอบใจนะที่ทำให้ผมมีความสุข”
ความอบอุ่นที่ห่อหุ้มเรือนกายสาวอยู่เมื่อครู่นี้บินหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่ความน้อยใจ
“คุณเห็นมันเป็นแค่เซ็กซ์อย่างนั้นเหรอคะ” คนตัวเล็กผุดลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ไม่ลืมคว้าผ้าห่มมาคลุมกายเอาด้วย
เควินหรี่ตามองคนที่ทำท่าไม่พอใจอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเช่นกัน แต่เขาไม่คิดจะดึงผ้ามาปกปิดความแข็งขึงของตัวเองแม้แต่น้อย ปล่อยให้มันชี้หน้าคู่สนทนาอย่างวรันธาราต่อไปอย่างไร้ความอับอาย
“คุณเป็นอะไรไปอีกเนี่ย ผมพูดผิดตรงไหนครับ” เควินถามเพราะไม่เข้าใจจริงๆ
วรันธาราจ้องเขาอย่างเจ็บใจ “ผู้ชายอย่างคุณมันก็เห็นแต่เซ็กซ์ใหญ่ตัวเท่าบ้านนั้นแหละ”
“อ้าว ก็ที่เราทำกับเมื่อครู่นี้ มันเซ็กซ์จริงๆ นี่”
“หยุดพูดได้แล้วฉันไม่อยากฟัง ฉันจะกลับ!”
“คุณเป็นบ้าอะไรไปวรันธารา เมื่อกี้ยังสนองตอบผมดีอยู่เลย พอเสร็จปุ๊บจะเขี่ยผมทิ้งปั๊บ”
“ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย”
“แต่คุณทำ พอผมทำให้คุณเสร็จสม คุณก็จะรีบกลับทันที นี่ผมไม่ใช่ไอ้ตัวนะ ที่นอนเสร็จปุ๊บก็จะรีบชิ่งนะ”
วรันธารากำมือแน่น อีตาบ้านี่คิดแบบนี้ไปได้ยังไงกัน คนที่เสมือนอีตัวมันคือหล่อนต่างหาก “ฉันไม่ได้จ่ายเงินคุณสักหน่อย แล้วจะเป็นไอ้ตัวไปได้ยังไง หลีกค่ะ ฉันจะกลับแล้ว”
“ไม่ให้กลับ จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
หญิงสาวสะบัดหน้าหนีอย่างแง่งอน “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้วเควิน คาสโตรเซ่น”
“แหม เรียกซะเต็มยศเลยนะครับ”
“หลีกไป” วรันธารามองคนตัวโตตาเขียวปั๊ด
“ไม่หลีก บอกแล้วไงว่าเราต้องคุยกันก่อน”
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่คุย เพราะถึงคุยกันยังไงก็ไม่มีทางรู้เรื่องอยู่ดี”
เควินไหวไหล่กว้างน้อยๆ ก่อนจะขยับเข้ามาหา “ถ้านั่งคุยไม่รู้เรื่อง เรานอนคุยกันแบบเมื่อกี้นี้ก็ได้นี่ สนุกจะตายไป จริงไหม”
นี่เขาเห็นหล่อนเป็นอะไร? คิดจะฉวยโอกาสตอนไหนก็ได้หรือไง วรันธาราน้ำตาไหลภายในอก
“ฉันไม่สนุก!”
“ไม่จริงมั้งครับ ผมเห็นคุณเผยอร่างรับแรงกระแทกของผมอย่างเมามัน แถมกรีดร้องเสียดังลั่นห้อง หรือว่าไม่จริง”
คนที่ถูกกล่าวหาด้วยความจริงหน้าร้อนจัด ทั้งโกรธทั้งอาย “คนบ้า ฉันไม่ได้…”
“งั้นลองอีกรอบ คราวนี้ผมจะอัดคลิปเอาไว้ให้ดูก็แล้ว”
“ไม่นะ ฉันไม่… อื้อ…”
หล่อนปฏิเสธว่า ‘ไม่’ แต่เควินทำให้กลายเป็น ‘ได้’ เสียทุกครั้ง และไม่ว่าหล่อนจะขัดขืนแค่ไหน สุดท้ายก็แพ้พ่อเทพบุตรสุดหล่อเพียงแค่จูบเดียวเท่านั้น
มือเล็กกอดรัดร่างกำยำที่ผิวแน่นตึงเปรี๊ยะไปทั้งตัวเอาไว้แน่น แอ่นหยัดร่างสาวเริงร่ารับการกระแทกกระทั้นเมามันของเควินด้วยความกระตือรือร้น
“ไหนว่าไม่สนุกไงทูนหัว… อืมมม…”
เควินกระแทกบทสวาทรอบที่สองใส่ร่างอวบที่หยัดขึ้นสู้ยิบตาด้วยความหนักหน่วง ฝากฝังลงไปจนล้ำลึกสุดแรงกระสัน ไม่ช้าแม่สาวสวยก็สะอื้นฮักครางเป็นชื่อของเขาตลอดเวลา
“เคน… เคนขา…”
หล่อนเผยอร่างรับการฝากฝังตอกย้ำของเขาเหมือนคนคลุ้มคลั่ง ไม่ช้าหล่อนก็กระตุกเกร็ง เล็บคมจิกบนเนื้อเรียบตึงของเขาจนเกิดแผลเป็นทางยาว บอกให้รู้ว่าวรันธาราสุขสมบนสวรรค์เรียบร้อยแล้ว
เควินคำรามพึงพอใจ คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะทำให้ตัวเองขึ้นสวรรค์อย่างรุนแรงบ้างแล้ว
“ผม… ทนไม่ไหวแล้ว เมียจ๋า…”
วรันธาราหลับตาพริ้ม หยัดร่างขึ้นสู้ฟัดกับแรงสวาทที่เควินกำลังสาดซัดเข้าใส่ ซึมซับเสียวกระสันกับความแข็งชันของบุรุษเพศใหญ่ตัวที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในกายสาวอย่างบ้าคลั่ง
มันวิเศษเหลือเกิน… อะไรก็ตามที่เกิดจากสัมผัสของเควิน คาสโตรเซ่นมันสร้างความซ่านกระสันให้กับกายสาวได้อย่างน่าอัศจรรย์ แค่จูบ แต่ดูด แค่เลีย หล่อนก็ซ่านปั่นป่วนไปเสียทั้งตัว และในยามนี้… ยามที่มีความแข็งขึงของเขาเคลื่อนไหวอยู่ภายใน
“อา… เคนขา… เคน…” หล่อนสั่นระริกและสุดท้ายก็ระเบิดตูมอย่างรุนแรง ท่ามกลางหยาดสวาทหวานล้ำท่วมท้น
เซ็กซ์ครั้งที่สองจบลงแล้วในเวลาที่สั้นกว่าครั้งแรก หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองคนที่ยังคงสั่นสะท้านอยู่เหนือร่างสาวด้วยหัวใจที่อิ่มเอมไปด้วยความภักดี หล่อนพยายามจะปฏิเสธความสุขที่เกิดขึ้นจากเควิน แต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง
ขอแค่มีเขา… มีผู้ชายตัวโตที่กำลังสะท้านอยู่เหนือร่างของหล่อนในยามก็พอ แม้จะแค่ช่วงเวลาสั้น… หล่อนก็ยินดี…
วรันธาราระบายยิ้มหวานทั้งน้ำตา สองมือยกขึ้นกอดรัดร่างใหญ่ที่ตอนนี้สิ้นแรงซวนซบลงมาบนกายสาวแน่นหนา แม้เขาจะไม่ได้รักหล่อน เหมือนกับที่หล่อนกำลังตกหลุมรักเขา แต่ขอแค่เขา… ใจดีกับหล่อนแบบนี้นานอีกสักนิดก็พอ…
“มองผมแบบนี้ กำลังด่าอะไรผมอยู่ในใจใช่ไหมล่ะครับ”
วรันธาราอดยกมือตีต้นแขนกำยำอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ “ถ้าฉันจะด่าคุณคงไม่ยิ้มแบบนี้หรอกค่ะ”
เควินอมยิ้ม จับร่างอรชรให้พลิกขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่ด้านบนแทน จากนั้นก็ยกมือขึ้นกอบกุมเต้างามเอาไว้ วรันธาราเอียงอาย ปัดป้อง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยมือ จนทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลย
“งั้นก็แสดงว่าชอบ… กับสิ่งที่เกิดขึ้น…”
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปฏิเสธอีกแล้ว
“ค่ะ ฉันชอบ… กับสิ่งที่คุณทำกับร่างกายของฉัน”
หญิงสาวยอมรับอย่างไร้ทางหนี “ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เวลาชายหญิงอยู่ด้วยกัน สัมผัสกันจะมีความสุขแบบนี้” เป็นอีกครั้งที่วรันธารายิ้มเศร้าหมองเพราะอดสูกับสภาพของตัวเอง “คุณยังคิดว่าฉันร่านใช่ไหมคะ เป็นผู้หญิงที่ไม่มีความละอายเลย”
“ตรงกันข้ามวรันธารา… ผมกลับยิ่งลุ่มหลงคุณต่างหาก”
หล่อนมองเขาตาแป๋ว ประหลาดใจ
“ผมเคยนอนกับผู้หญิงที่สวยกว่าคุณ และหุ่นดีกว่าคุณ แต่เธอพวกนั้นไม่สามารถทำให้ผมย้อนกลับไปหาได้อีกเลย มีแค่คุณคนเดียว… ที่ทำให้ผมหิวกระหาย และต้องการจนแทบบ้า รู้ไหมตลอดสามคืนที่ผ่านมา ผมทรมานกับการต้องการคุณมากแค่ไหน…”
เขาจ้องหน้าหล่อนนิ่ง ในขณะที่มือใหญ่ก็ยังคงซุกซนไม่หยุด “จนผมต้องขับรถไปที่หน้าห้องเช่าของคุณทุกคืน”
“ห๊า… คุณมา… มาที่ห้องเช่าของฉัน”
“ใช่… แต่ผมไม่ได้เข้าไป เพราะผมมั่นใจว่าคุณยังระบมอยู่”
คนฟังหน้าแดงก่ำ ทั้งขลาดอายและทั้งมึนงง “คุณกำลังจะบอกว่า… ต้องการฉัน ขาดฉันไม่ได้…”
เควินพยักหน้ารับ “ใช่ครับ ในตอนนี้ผมยังต้องการคุณบนเตียงทุกคืน…”
“แค่ตอนนี้หรือคะ” วรันธาราครางเสียงเบาหวิว ความผิดหวังลั่นแปล๊บในอก
“ผมไม่เคยคิดจะมีสัมพันธ์สวาทกับผู้หญิงนานนัก แค่พอเบื่อก็จะเลิกติดต่อ”
วรันธาราหน้าชาดิก รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว หล่อนละโมบคิดไปไกลถึงชั่วนิรันดร์ แต่สำหรับเควิน มันไม่ใช่แบบนั้น
“คุณ… คุณก็จะทำแบบนั้นกลับ… ฉันอย่างนั้นหรือคะ”
เควินจ้องประสานสายตามา แววตาของเขามืดลึกอ่านความรู้สึกไม่ออกมากกว่าในทุกครั้ง “ใช่ ผมจะซื้อตัวคุณมาเป็นคู่นอน จนกว่าเราสองคนจะเบื่อหน่ายซึ่งกันและกัน”
คงแค่เขาคนเดียวแหละที่จะเบื่อหน่าย เพราะสำหรับหล่อนคงไม่มีทาง ในเมื่อหัวใจมีแต่คนเพียงคนเดียว วรันธารากล้ำกลืนความปวดร้าวลงไปในอก และฝืนยิ้ม “แล้วคุณคิดว่าฉันจะตกลงหรือคะ”
“คุณจะต้องตกลง เพราะคุณกำลังตกงาน”
“ฉันยังมีงานทำ”
“แต่ที่ทำงานของคุณกำลังจะถูกผมปิดในเร็วๆ นี้”
“คุณ… จะสั่งปิดซัน… ซันไทมส์…”
เควินพยักหน้ารับ “ใช่ ผมจะปิดที่นี่ซะ เพื่อคุณจะได้ไม่มีงานทำ และยอมรับหน้าที่คู่นอนของผมแต่โดยดี”
เควินร้ายกาจเหลือเกิน “แอนโทนี่ไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้นหรอกค่ะ”
“ผมมีเงิน แค่ผมจ่ายหนักหน่อย ผมก็สามารถซื้อซันไทมส์มาเป็นของผมได้แล้ว จากนั้นก็ปิดกิจการซะ”
“คุณจำเป็นต้องทำขนาดนี้เชียวเหรอคะ” วรันธาราครางถามน้ำเสียงเบาหวิว
“ผมทำได้ทุกอย่าง ถ้าสิ่งที่ทำมันจะทำให้คุณยอมขึ้นเตียงกับผมในยามที่ผมต้องการ”
“เควิน”
“คุณตกลงหรือเปล่า”
วรันธาราดิ้นรนจะลงจากตัวของเควิน แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย มือใหญ่จับเอวคอดกดรั้งให้หล่อนนั่งคร่อมอยู่บนกายกำยำต่อไปอย่างเอาแต่ใจ
“ฉันไม่ตกลง…”
“ไหนว่าชอบกับสิ่งที่ผมทำยังไงล่ะ”
“ฉัน… ฉันชอบ แต่ฉันไม่ยอมขายศักดิ์ศรีของตัวเองหรอก ถ้าเราจะนอนด้วยกันอีก ก็ต้องเกิดจากความเต็มใจของฉันด้วย ไม่ใช่เพราะฉันถูกคุณบังคับ”
“ผมเคยบังคับคุณหรือ”
วรันธาราหน้าแดงจัด ฉากรักเร่าร้อนที่เควินระดมทั้งปากทั้งลิ้นละเลงเลียกระจ่างชัดในหัว “ก็คุณ… บังคับฉันด้วย… ความช่ำชองของคุณน่ะ”
เควินหัวเราะ สอดนิ้วเข้าไปที่กลีบผกา วรันธาราสะท้านเยือก และจะขยับหนี แต่มือใหญ่ดันแผ่นหลังเอาไว้ ทำให้หล่อนไปไหนไม่ได้
“อย่าค่ะ”
“ตกลงก่อนสิครับ แล้วผมจะปล่อยคุณลงจากเตียง”
“คุณกำลังใช่เล่ห์เหลี่ยมกับฉันนะคะ”
“ก็บอกแล้วไงครับ ผมจะใช้ทุกอย่าง เพื่อทำให้ผมได้ตัวคุณ วรันธารา”
หล่อนควรดีใจใช่ไหมที่เขาแสดงท่าทางคลั่งไคล้ในเซ็กซ์ของหล่อนขนาดนี้ ควรหัวเราะให้ดังๆ ใช่ไหม
หญิงสาวประชดประชันตัวเองอย่างเจ็บปวดการตกหลุมรักมหาเศรษฐีจอมเถื่อนอย่างเควิน คาสโตรเซ่น มันคือนรกดีๆ นี่เอง
“ผู้หญิงมากมายอยากนอนกับคุณ”
“แต่ผมไม่ได้ต้องการผู้หญิงพวกนั้นนี่ ผมต้องการคุณ… วรันธารา อยากนอนกับคุณทั้งวันทั้งคืน”
แต่มันก็ไม่ใช่ตลอดไป…
วรันธาราครางในอกอย่างเศร้าหมอง และก็ตัดสินใจว่าจะไม่ฝืนหัวตัวเองอีกต่อไปแล้ว
“ค่ะ ฉันจะยอมเป็นคู่นอนของคุณ”
เควินอมยิ้มด้วยความพึงพอใจ “ผมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคุณจะต้องไม่ปฏิเสธ”
“ทำไมคุณถึงได้ทระนงนักคะ”
“เพราะคุณคลั่งไคล้ลีลาของผม พอๆ กับที่ผมลุ่มหลงกับความคับแน่นของคุณยังไงล่ะ”
วรันธาราเมินหน้าหนี หัวใจเจ็บปวด “ฉันตอบตกลงแล้ว ปล่อยฉันลงได้หรือยังคะ”
แม้จะอยากจัดบทรักรอบที่สามกับร่างอวบอิ่มของวรันธารามากมายแค่ไหน แต่เควินก็จำต้องทำตามคำพูดของตัวเอง เขายกร่างอรชรวางลงกับเตียง วรันธารารีบดึงผ้าห่มมาปิดกายสาวอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนหันหน้าหนี และจะก้าวลงจากเตียง แต่แขนถูกคว้าเอาไว้ด้วยมือใหญ่อบอุ่นเสียก่อน
“ผมจะจ่ายให้คุณเป็นรายอาทิตย์”
“ฉันไม่ต้องการค่ะ”
“ถือว่ามันคือสิ่งตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ จากผมก็แล้วกัน” เขาระบายยิ้ม แต่หล่อนกลับยิ้มไม่ออก
“ขอบคุณค่ะ”
หล่อนกล่าวสั้นๆ และรีบวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ เข้าไปร้องไห้ในนั้นอย่างทุกข์ทรมาน ในขณะที่เควินยังคงนั่งพิงกับหัวเตียงอยู่เงียบๆ ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินอมดำมืดสนิท สักพักเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ชายหนุ่มคว้าไปหยิบมาขึ้นมากดรับ
“งานเสร็จแล้วครับท่าน”
เควินยิ้มบางๆ ก่อนจะตัดสายสนทนาของลูกน้อง ดวงตาคมกริบเป็นประกายพึงพอใจ
“เข้าไป”
นี่คือคำพูดคำแรกแสนห้วนของคนที่ฉุดกระชากลากถูร่างของหล่อนออกมาอย่างเผด็จการ
เขาพยายามจะยัดร่างของหล่อนให้เข้าไปในรถสปอร์ตสีดำคันที่ถูกล้อมเอาไว้ด้วยรถหรูยาวเฟื้อยนับสิบคัน
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ พวกนั้นอาจจะถ่ายภาพของคุณเอาไว้ก็ได้”
“ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงใยผม คุณเองไม่ใช่หรือที่ทำให้ผมต้องเดินทางมานี่ ในตอนนี้” เขาตอกกลับเสียงเดือดดาล มือใหญ่กระชากประตูรถให้เปิดกว้างออก ดันหล่อนเข้าไป แต่หล่อนขืนตัวเอาไว้สุดฤทธิ์
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงคุณ แต่ฉันแค่ไม่ต้องการให้คนที่นี่ต้องเดือดร้อนเพราะคุณต่างหากล่ะ”
“ครับ แม่นักข่าวฝีมือฉกาจ”
เขาประชดประชันหล่อนรู้ดี
“งั้นก็ปล่อยฉันไปซะ อย่ามาที่นี่อีก”
“ไม่ต้องมาทำเป็นหวังดี ขึ้นรถ เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน”
“แต่ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้นแหละ นี่ปล่อยนะ” มือเล็กทุบลงบนแผงอกกว้างเต็มแรง จนลูกน้องของเขาที่ยืนห้อมล้อมอยู่ต้องปรี่เข้ามาหา
“ให้ผมจัดการไหมครับ”
“ไม่ต้อง พวกนายขึ้นรถและขับกลับไปได้แล้ว”
“แต่ว่า…”
“หูแตกหรือไง ฉันบอกให้ไสหัวไปยังไงล่ะ ทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ผู้ชายในชุดสูทสวมแว่นตาดำทุกคนในที่นั้นนั่นโค้งคำนับให้กับเควิน ก่อนจะที่เดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่นับสิบคันขึ้น และขับออกไป ตอนนี้ก็เหลือแต่หล่อนกับเขาที่ยื้อยุดกันอยู่ตามลำพังสองคน
“ปล่อยฉัน ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น”
“หูแตกหรือไง! ผมบอกให้ขึ้นรถยังไงล่ะ” เขาตวาด และทำให้หล่อนตกใจกลัว แต่ไม่มีทางที่หล่อนจะยอมแพ้ง่ายๆ
“ฉันไม่ใช่ลูกน้องของคุณนะ อย่ามาตวาดใส่หน้าฉันแบบนี้”
“แต่คุณเป็นเมียของผม!”
หล่อนกัดมองเขาทั้งน้ำตา เจ็บปวดไปทั้งหัวใจที่ถูกรื้อฟื้นเรื่องที่จะพยายามจะลืมขึ้นมาอีกครั้ง “ระวังเถอะ ฉันจะเอาเรื่องอารมณ์ดุร้ายแสนแปรปรวนของคุณไปเขียนข่าว”
“แล้วอย่าลืมเขียนลีลาเซ็กซ์ของผมด้วยล่ะ คุณรู้ดีนี่ เพราะลองมากับตัวเอง”
“คนบ้า!”
“ขึ้นรถ! ถ้าไม่อยากให้ผมจูบคุณ ตรงนี้”
คนถูกสั่งให้ทำหน้าแดงก่ำ “คุณไม่กล้าทำหรอก อย่าลืมสิตรงที่รถคุณจอดอยู่นี่คือหน้าสำนักพิมพ์ซันไทมส์ ถ้าคุณจูบทำ ฉันได้ดังเป็นพลุแตกในเรื่องคาว อุ๊บบบบ… อื้อออ…”
วรันธารายังพูดไม่ทันจะจบประโยค ปากของหล่อนก็ถูกประกบลงทันทีด้วยริมฝีปากแสนคุ้นเคยคนเผด็จการ
“อื้อออ…” หล่อนพยายามผลักไส แต่เขากลับไม่ลดละความพยายามที่จะจ้วงจุ่มลิ้นเข้ามาในอุ้งปากสาว และไม่ช้าหล่อนก็จำต้องยอมศิโรราบ ยอมยามเป็นทาสรักให้เขาอย่างง่ายดาย
เวลาผ่านไปนานกี่นาทีหล่อนไม่อาจจะรู้ได้ เพราะกำลังลุ่มหลงอยู่กับลิ้นแกร่งที่รัดรึงอยู่ภายในอุ้งปาก จวบจนกระทั่งเควินผละออกห่างนั่นแหละ หล่อนถึงได้รู้สึกตัว ได้สติ
“คราวหน้าอย่าท้าผมอีก เพราะผมทำได้ทุกอย่างจริงๆ”
ร่างของหล่อนที่อ่อนระทวยถูกจับยัดเข้าไปในรถ ก่อนที่คนตัวโตจะก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้างในตำแหน่งคนขับ
“และอย่ายั่วผมอีก ถ้าไม่อยากให้ผมเอาคุณในรถ”
รถสปอร์ตหรูสมรรถนะเยี่ยมแล่นออกไปจากข้างทางขึ้นไปบนถนนด้วยความเร็วสูง ตรงกันข้ามกับสมองในตอนนี้ของหล่อนเหลือเกิน ที่มันเฉื่อยชา เชื่องช้า คิดอะไรไม่ออก
สิ่งที่อยู่ในหัวตอนนี้มีแต่…
จูบ… จูบของเควิน คาสโตรเซ่นเพียงเท่านั้น!
“คุณ… คุณพาฉันกลับมาที่นี่ทำไมอีกคะ”
วรันธาราเอ่ยถามด้วยความร้อนใจในทันที เมื่อจู่ๆ รถสปอร์ตหรูก็แล่นเข้ามาจอดในคฤหาสน์หลังจากที่มีนามว่าคาสโตรเซ่นอีกครั้ง
“ก็ที่นี่คือบ้านของผม”
“แต่มันไม่ใช่บ้านของฉันสักหน่อย” หญิงสาวคว้ามือหาที่เปิดประตูรถ และจะก้าวหนีลงไป แต่ถูกมือใหญ่คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“คุณจะไปไหน”
“ฉันจะกลับ จะออกไปจากที่นี่ อุ๊ย… ปล่อยนะคะ” หล่อนดิ้นรนเพราะคนตัวโตกระชากเข้าไปหาแรงๆ จนเนื้อตัวแทบจะชิดกันอยู่แล้ว
“ปล่อยสิคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
เควินแค่นยิ้ม จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตที่ยามนี้เต็มไปด้วยความตระหนก
“อย่าลืมสิว่าที่นี่ไม่ใช่หน้าสำนักพิมพ์ซันไทมส์ ดังนั้นผมจะทำอะไรก็ได้ จริงไหม”
คนฟังแก้มแดงซ่าน
“คุณ… นี่คุณคิดจะทำอะไรคะ”
“สามวันที่คุณไปจากที่นี่ และผมก็ต้องการคุณจนแทบบ้า”
นี่หล่อนควรจะรู้สึกดีใช่ไหม
“แต่ฉันไม่ได้ต้องการคุณ! ปล่อยฉันนะ” หล่อนดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหมือนถูกตรึงด้วยกระแสเสน่หา
“ตอนนี้คุณกำลังร้อนไปทั้งตัวใช่ไหม”
วรันธาราเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่เขาพูด เพราะมันคือความจริง หล่อนร้อนจัดไปทั้งตัว ตั้งแต่เห็นเขาที่ห้องของแอนโทนี่แล้ว
“หน้าอกของคุณก็กำลังอึดอัดอยู่เช่นกัน”
“ไม่… ไม่ใช่สักหน่อย”
“แต่มันใช่ และถึงมันไม่ใช่ตอนนี้ อีกประเดี๋ยวผมก็จะทำให้มันใช่… ด้วยมือด้วยปากของผม”
วรันธาราแทบเป็นลมกับสิ่งที่ได้ยิน ทำไม… ทำไมเขาต้องยั่วยวนหล่อนด้วยคำพูดแบบนี้ด้วย แค่นี้หล่อนยังเจ็บปวดกับความโหดร้ายของเขาไม่พอหรือไง
คนตัวเล็กน้ำตาไหลซึมอาบแก้ม “คุณยังต้องการอะไรอีก… ฉันไม่เหลืออะไรให้คุณทำลายอีกแล้วนะคะ”
“ผมไม่ได้จะทำลายคุณ แต่ผมต้องการคุณต่างหาก วรันธารา”
แล้วปากร้อนจัดของเขาก็ควานหาปากอิ่มเต็มจนเจอ เขาจูบแผ่วเบานุ่มนวล มือใหญ่ลูบไล้วนเวียนอยู่ที่แนวโค้งของแผ่นหลัง
“ผม… คิดถึงรสชาติจากปากคุณเหลือเกิน”
จากจูบที่นุ่มนวลเปลี่ยนแปลงเป็นเร่าร้อนรุนแรง และหนักหน่วง วรันธาราอยากทัดท้าน แต่สองมือกลับไต่ขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้แน่น และเผยอปากรอคอยแทน
จูบเดียวกลายเป็นสองจูบและหลายสิบจูบในเวลาต่อมา และปากของหล่อนก็คงจะฉีกขาดติดริมฝีปากรุ่มร้อนของเควินไปแล้ว หากเขาไม่ยุติความหวามไหวยวนใจนี้ลงเสียก่อน
“ขึ้นห้องกับผม… ผมทนไม่ไหวแล้ว”
“เควิน…”
หล่อนท้วงเพราะขัดเขินระคนอดสู
“หรือว่าจะให้ผม… มีเซ็กซ์กับคุณในรถกันล่ะ”
คนตัวตาโตถามเสียงแปร่งพร่า ก่อนจะรีบลนลานลงไปจากรถ และประตูรถฝั่งที่หล่อนนั่งก็ถูกกระชากให้เปิดออกในเวลาต่อมา
“ผมจะอุ้มคุณ”
เขาชะโงกหน้าเข้ามาหา และช้อนร่างของหล่อนขึ้นไปกอดแนบอก วรันธาราซุกหน้ากับแผงอกกว้างด้วยความอับอายขัดเขินเต็มกำลัง
“ป้า… ป้าเดซี่จะต้องจำฉันได้”
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล ผมเคลียร์กับป้าเดซี่รู้เรื่องแล้ว”
เขาตอบเสียงห้วนจัด ขณะเดินเร็วๆ เข้าไปในตัวตึก และมุ่งหน้าขึ้นบันไดสู่ห้องนอนกว้าง ระหว่างทางหล่อนไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีสาวใช้คนไหนเห็นการกระทำของเควินบ้างเพราะหล่อนซุกหน้ากับแผ่นอกของชายหนุ่มตลอดเวลา
ไม่ช้าร่างของหล่อนถูกวางลงบนเตียงนอนนุ่มภายในห้องเดิม และเขาก็ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า
“สามวันที่ผ่านมา ผมพยายามจะไม่คิดถึงคุณ แต่ผมทำไม่สำเร็จ” เขาพูดไปดึงทึ้งเสื้อผ้าไปอย่างรีบร้อน “ร่างกายของผมยังคงต้องการคุณ จนแทบคลั่ง”
ใช่… หล่อนเห็นร่องรอยพวกนั้น และสัมผัสถูกความแข็งชันตั้งแต่ตอนที่จูบกันบนรถแล้ว เขากำลังแข็งขึง และเต็มไปด้วยความหิวกระหายดุดัน
“แต่ฉัน… เป็นผู้หญิงที่คุณเกลียด”
“ร่างกายของผมไม่ได้รังเกียจคุณ… คุณก็รู้นี่”
ทันใดนั้นอาภรณ์ตัวสุดท้ายก็ร่วงหล่นไปจากร่างของเควิน เผยร่างกายสมบูรณ์แบบที่พระเจ้าประทานมาให้เต็มๆ ตา เควินใหญ่โตไปทุกส่วน โดยเฉพาะ…
วรันธาราหน้าตาแดงก่ำ รีบละสายตามองไปที่อื่นแทน “ฉัน… ไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
เขาปรี่เข้ามาหยุดที่ขอบเตียง และสองมือใหญ่ก็วางบนบ่าบอบบางเพื่อตรึงหล่อนเอาไว้
“งั้นผมจะทำให้คุณรู้… รู้ทุกอย่างที่เป็นผม วรันธารา…”
“ไม่ค่ะ… ฉัน… ฉันไม่อยากจะรู้… ฉันจะกลับ…”
“ถ้าผมไม่อนุญาต แค่เตียงคุณก็ก้าวลงไปไม่ได้”
วรันธาราเชิดหน้าสูง มองเขาอย่างไม่พอใจ “ที่คุณทำแบบนี้ก็เพราะเงินที่จ่ายให้ฉันไปวันนั้นใช่ไหมคะ คุณคงคิดว่ามันมากเกินไปใช่ไหม”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด”
“หึ! ฉันจะบอกอะไรให้นะคะ เงินพวกนั้นฉันเอาไปบริจาคให้เด็กด้อยพัฒนาการหมดแล้ว และก็ลงชื่อของคุณเอาไว้ด้วย เพราะถ้าชาติหน้ามีจริง คุณจะได้เกิดมาสติสะตังดีกว่านี้ยังไงล่ะคะ” พูดจบวรันธาราก็กระโจนลงจากเตียง แต่ก็ไม่ไหนไม่รอด เพราะไม่ช้าก็ถูกโยนกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งจนได้
“ถ้าคุณจะบริจาค ผมว่าคุณน่าจะนำเงินไปบริจาคให้กับเด็กสติไม่สมบประกอบดีกว่านะ เพราะถ้าชาติหน้ามีจริงคุณจะได้ทำอะไรมีสติมากว่านี้ยังไงล่ะ”
“นี่คุณว่าฉันปัญญาอ่อนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ผมพูดอย่างนั้นออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ” เควินทำท่ายียวน ก่อนจะกระโจนขึ้นมาบนเตียง วรันธารารีบพลิกตัวหนีแต่ไม่รอดเหมือนเดิม
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิ…”
“ไม่ปล่อย จนกว่าเราจะมีเซ็กซ์ด้วยกันจนอิ่ม”
“ฉันไม่ยอม คุณมันคนเห็นแก่ตัว ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวดิ้นรนแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งได้สัมผัสกับแก่นชายที่แข็งราวกับท่อนเหล็กชัดเจน หล่อนหน้าแดงซ่าน ร้อนฉ่าไปทั้งตัว แต่ก็จำต้องกัดฟันอดทนเอาไว้
“ออกไปนะ!”
“น่าตื่นเต้นจัง เวลาที่คุณแสร้งทำเป็นไม่สมยอมแบบนี้” แล้วเขาก็กอดรัดร่างของหล่อนแน่นหนายิ่งขึ้น
“ฉัน… ฉันไม่ได้แสร้งทำสักหน่อย ฉันไม่ยอม… จริงๆ ต่างหาก ปล่อยนะ”
“ผมไม่มีวันปล่อยมือจากคุณ…” แววตาของเควินที่หล่อนสบประสานด้วยนั้นลุกโชนไปด้วยแรงปรารถนา “ผมต้องการคุณจนแทบบ้า คิดถึงแต่ความคับแน่นในตัวของคุณ ที่บีบรัดผมเอาไว้ ยามที่คุณสุขสม”
“คุณ… พูดบ้าอะไรน่ะ” หล่อนหน้าแดงจัด อับอายจนอยากจะมุดหน้าลงไปซุกอยู่ใต้เตียงแทบมุดใต้?(เตียง)หนี เมื่อฉากรักเร่าร้อนหลุดออกมาจากปากหยักสวยของเควิน
“ผมชอบจัง เวลาที่ผิวของคุณแดงซ่านแบบนี้”
วรันธาราอายจนพูดไม่ออก
หลังมือหนายกขึ้นแตะแต่ลงบนแก้มนวลร้อนจัดแผ่วเบา “ผิวของคุณแดงแบบนี้ เวลาที่คุณ… สุขสมเพราะร่างกายของผม”
“คน… คนบ้า… คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย”
“ผมพูดเรื่องจริง และผมก็อยากจะเห็นสีแดงบนผิวเนียนของคุณอีกครั้ง ยามที่คุณสุขสม”
“มะ ไม่นะ…”
เควินระบายยิ้มหิวกระหาย “ผมต้องการคุณจนแทบบ้าแล้ว วรันธารา”
“อยะ อย่า… อื้อ…”
หล่อนต่อต้านได้แค่นั้นจริงๆ เพราะแค่เสี้ยววินาทีต่อมาปากอิ่มเต็มก็ถูกริมฝีปากร้อนจัดของพ่อเทพบุตรสุดหล่อบดขยี้ลงมาหาอย่างหนักหน่วง ความร้อนระอุราวกับเปลวเพลิงแล่นไปตามเส้นเลือด ก่อนจะแผดเผารุนแรงอยู่ในช่องท้อง
เขาจูบดูดดื่มสร้างความหวามไหวให้สาวน้อยอย่างมหาศาล “เค… วิน…”
“เคน… เรียกผมว่าเคน” เขาถอนจุมพิตและสั่งอย่างเผด็จการ ดวงตาคมกริบดูปรือหนาหนักยามที่เขาจ้องมองมา “ยามที่ผม… เคลื่อนไหวอยู่ในตัวของคุณ วรันธารา…”
“เคน…”
ชายหนุ่มอมยิ้มพึงพอใจ ก้มลงจูบแผ่วเบาที่เปลือกตาสวย และพรมจูบไปทั่วดวงหน้างดงาม แผ่วเบา นุ่มนวล จนหัวใจสาวสะท้านรุนแรง
“แล้วคุณล่ะ ชื่ออะไร”
“วรันธารา…”
หล่อนตอบในทันทีที่เขาเอ่ยถาม และนั่นก็ทำให้คนที่อมยิ้มอยู่หัวเราะขบขัน
“ผมรู้แล้วว่าคุณชื่อวรันธารา กิตติรัตน์”
“อ้าว… ก็คุณถามฉันนี่คะว่าฉันชื่ออะไร ฉันก็บอกไง ทำไมต้องมาหัวเราะกันด้วยคะ”
เควินเลื่อนสายตาของตัวเองไปจับจ้องอยู่ที่ปากอิ่มที่กำลังขยับไปมาด้วยความลุ่มหลง
“ผมหมายถึง… ชื่อเล่นของคุณต่างหาก อืมม… ผมไม่เคยเห็นปากของผู้หญิงคนไหนน่าจูบเท่านั้นมาก่อนเลย”
นิ้วแกร่งยาวเรียวยกขึ้นไล้กลีบปากอิ่มเต็มแผ่วเบา
วรันธาราเนื้อตัวซ่านกระสันตอบรับคำพูดหวามใจของคนตัวโตอย่างรุนแรง แก้มนวลแดงมากยิ่งขึ้น จนต้องเบี่ยงหน้าหนีเพราะความขัดเขิน แต่เควินไม่ยอม
“ยังไม่ตอบผมเลย… ให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดี…”
หล่อนมองเขายังไม่ขยับปากพูดออกมา มองผู้ชายที่เซ็กซี่เหลือเกินยามอยู่บนเตียง
“เวลาที่ผม… สุขสมในตัวของคุณ ผมจะได้เรียกถูก”
“คนบ้า…”
“ผมไม่ได้บ้าสักหน่อย ขืนให้ผมครางว่าวรันธาราจ๋า ผมไม่ไหวแล้ว ผมจะถึงแล้ว… มันค่อนข้างจะ?จำจำยากยาวเกินไป”
คนฟังรู้สึกไม่ต่างจากกำลังยืนอยู่กลางลาวาร้อนจัด ทั้งดวงตา ทั้งคำพูด และภาษากายที่แนบชิดของเควิน ทำให้หล่อนสั่นเทาด้วยกระแสสวาทรุนแรง
“เค… วิน…”
“ครับ ผมชื่อเควิน… แล้วคุณล่ะ ชื่ออะไร”
“วรันธารา”
“ถ้ายั่วกันแบบนี้ ผมจะเรียกคุณว่าอีหนูก็แล้ว”
“คนบ้า ฉันชื่อธารต่างหาก”
เควินหัวเราะร่วนด้วยด้วความพึงพอใจ ขณะก้มลงกัดที่หัวไหล่มนแผ่วเบา แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เรือนกายสาวปั่นป่วนแล้ว หล่อนร้อนจัดจนซอกขาเปียกชื้น
“ธาร… ชื่อแปลก ผมชอบจัง”
เขาพึมพำและผลักร่างของหล่อนให้นอนราบลงไป โดยมีขึ้นที่ทาบทับลงมาหาด้วยท่าทางมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว หญิงสาวสั่นไหวไปทั้งตัว เมื่อเสื้อผ้าค่อยๆ ถูกปลดทิ้งไปทีละชิ้น จนตอนนี้เนื้อตัวสาวเปลือยเปล่าล่อนล้อนจ้อน
“เคน…”
“สวยเหลือเกิน ธาร…” เควินมองด้วยความพึงพอใจ มองความขลาดอายขัดเขินของวรันธาราด้วยความลุ่มหลง
“ไม่น่าเชื่อว่ายายแก่ที่ผมเห็นในครั้งแรก จะเต็มไปด้วยเนื้อนมไข่แบบนี้ ผมชอบ… ชอบมาก”
คนถูกชมแดงก่ำไปทั้งตัว หล่อนบิดกายไปมาด้วยความขัดอาย ยิ่งเขามองมาด้วยสายตาสำรวจซอกไซ้ด้วด้วยแล้ว หล่อนก็ยิ่งเต็มไปด้วยความประหม่าบ้าคลั่ง
“ฉัน… ไม่ได้สวย… ขนาดนั้นหรอกค่ะ ติดจะอ้วนด้วยซ้ำ”
“คุณไม่ได้อ้วนสักหน่อย สวยกำลังเหมาะมือผมต่างหาก” ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วร่างสวย ก่อนจะเลื่อนกลับขึ้นไปสบประสานสายตาเขินอายของวรันธาราอีกครั้ง
“ผมชอบ… อะไรที่เต็มไม้เต็มมือ”
“อ๊ะ…”
เขาสาธิตคำพูดด้วยการบีบเต้างามแรงๆ และก็ไม่ลืมขยี้เม็ดทรวงจนเบ่งบานบวมเป่ง
“อ๊า… เคนขา…”
“และผมก็ชอบ… ผู้หญิงที่จุดติดง่ายเหมือนคุณ”
“เคน… อ๊า…”
วรันธาราไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกร้อนฉ่าได้มากมายถึงเพียงนี้ เพียงแค่ถูกเควินสัมผัสเล็กน้อยเพียงเท่านั้น หรือว่าหล่อนจะเป็นผู้หญิงที่จุดติดง่ายเหมือนกับที่เขาบอกจริงๆ
“เคน…”
“ผมชอบ… เวลาที่คุณเรียกชื่อผมแบบนี้ และผมก็อยากจะได้ยินชื่อของผมจากปากของคุณต่อจากนี้อีกหลายชั่วโมง…”
“เคน…”
คำพูดของเขาช่างสร้างความวาบหวามไหมกระสันซ่านให้หล่อนได้มหาศาลนัก หล่อนบิดกายระทวยยามที่เขาลูบไล้ฟอนเฟ้นลงมา มือใหญ่บีบเค้นหนักๆ ขยี้ทุกส่วนที่สามารถปลุกอารมณ์สาวได้
“เคนขา… อ๊า…”
“คุณร้อนแรงจนผมคาดไม่ถึงจริงๆ ธาร…”
เขาครางเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะก้มลงจูบหนักหน่วงที่ปากอิ่ม หญิงสาวเผยอรอคอย ตอบรับลิ้นแกร่งที่บุกรุกเข้ามาอย่างเต็มอกเต็มใจ เควินครางกระหึ่มด้วยความกระสันรุนแรง มือใหญ่ลูบไล้บีบเค้นหนักหน่วงขึ้น กายสาวบิดเร่าหยัดโค้งถูไถ วิงวอนให้แนบแน่นลงไปหามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความปรารถนาที่จะสอดแทรกเข้าไปในความคับแน่นรุนแรงเจียนคลั่ง
“ธาร… อืมมม์… วิเศษเหลือเกิน”
ชายหนุ่มถอนปากจากกลีบปากอิ่ม เลื่อนต่ำลงมาจูบไซ้เนื้อนุ่มที่ซอกคอขาวเนียน เขาดูดแรงๆ สร้างตีตราความเป็นเจ้าของเอาไว้ทุกอณูผิวสาว ก่อนจะเลื่อนลงไปซบซุกที่ร่องอกอวบ
“เคน… เคนขา…”
สาวน้อยแอ่นหยัดปทุมถันคู่แฝดสูงขึ้นเพื่อให้คนตัวโตขยำได้อย่างถนัดมือ พลางปล่อยตัวเองให้ซึมซับรับความเสียวกระสันจากการถูกบี้คลึงยอดถันแรงๆ
“อ๊า… เคนขา… อ๊า…”
วรันธารากระตุกเกร็งตอบรับการครอบครองยอดถันด้วยอุ้งปากร้อนจัด มือเล็กขยุ้มศีรษะทุยเอาไว้ กดรั้งให้เขาดื่มกินเต้างามให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น
เควินดื่มกิน ดูดอม ลิ้มเลียปทุมถันคู่แฝดจนอิ่มหน่ำก็เลื่อนใบหน้าต่ำลงไปยังหน้าท้องแบนเรียบที่เกร็งรอคอยการพรมจูบจากริมฝีปากร้อนผ่าวอยู่ก่อนหน้าแล้วด้วยกระหายจัด มือใหญ่ละจากเต้างามลงมาจับที่จับต้นขาอวบให้แยกแย้มออกจากกัน
“เค… เควิน…”
เนื้อตัวของเขากำลังจะแตกปริ ไฟสวาทที่แผดเผาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กับสิ่งที่สองตากำลังได้พบเห็น ความสวยงามสมบูรณ์แบบชนิดที่เรียกได้ว่าไม่เคยเจอะมากับหญิงใดมาก่อน
“สวย… สวยเหลือเกิน ธารจ๋า”
ปลายนิ้วเรียวยาวเลื่อนจากสะดือเล็กลงมาหยุดตรงที่ลมหายใจร้อนจัดกำลังเป่ารด
“เควิน… เคน… อืมม… อ๊า…”
สะโพกอวบไหวระริกรอคอย ความร้อนจัดจากการการถูกปลุกเร้าทำให้เลือดสาวในกายเดือดพล่านจนกลายเป็นละอองไอ
“ได้โปรด… เคนขา…”
ความอับอายที่ควรค่ากับกุลสตรีปลิวหายไปในอากาศ ตอนนี้เหลือเพียงแต่ความต้องการ ให้เควินแตะต้องเท่านั้น ให้เขา… แตะ ให้เขาทำทุกอย่างตามที่ต้องการ
“ได้โปรด… เคน…” หล่อนแอ่นกายขึ้นวิงวอนร้องหาไฟสวาทอย่างสิ้นความละอาย
“เคน… อ๊า…”
ก่อนจะกรีดร้องด้วยความยินดีเมื่อปลายนิ้วแกร่งสัมผัสลงไปหา
“คุณเป็นผู้หญิงของผม ธาร”
“ค่ะ ฉันเป็นของคุณ…”
“ของผมคนเดียว”
“ค่ะ ค่ะ ฉันเป็นของคุณคนเดียว เควิน… อ๊า… ได้โปรดเถอะ มากกว่านี้ เคน…”
หล่อนไม่เหลือยางอายใดๆ อยู่อีกแล้ว ยามนี้สิ่งที่ต้องการที่สุดก็คือทุกอย่างของเควิน
“อ๊า…”
วรันธาราแทบจะกระโจนฝ่าประตูกระจกเข้ามาในสำนักพิมพ์ซันไทมส์เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในความเป็นจริงแล้วหล่อนทำแบบนั้นไม่ได้ จึงจำต้องเดินแกมวิ่งเข้าไปแทน
“วิลเลี่ยม หัวหน้าอยู่ในห้องใช่ไหมคะ”
เพื่อนร่วมงานวัยเดียวกันถูกตั้งคำถามทันที
“อยู่ครับ เห็นคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานนั่นแหละ ว่าแต่คุณเถอะได้ข่าวว่าลาพักร้อนไม่ใช่เหรอ”
“ฉันมีธุระน่ะ”
วรันธาราเดินจากโต๊ะของวิลเลี่ยมมุ่งหน้าตรงไปยังห้องทำงานส่วนตัวของแอนโทนี่ แต่ระหว่างก็ถูกเพื่อนร่วมงานสาวจอมอิจฉาเรียกเอาไว้เสียก่อน
“สวัสดีจ้ะแม่นักข่าวใหญ่”
วรันธาราพยายามจะไม่ใส่ใจกับคำกระแหนะกระแหนของวาเนสซ่าแต่ก็ทนไม่ได้นานเมื่อเจ้าหล่อนพูดขึ้นมาอีก
“ไหนเคยประกาศว่าจะไม่ทำข่าวซุบซิบนินทายังไงล่ะจ๊ะ”
“หุบปากไปเลยนะเนส ฉันไม่มีอารมณ์มีมาทะเลาะกับเธอตอนนี้หรอก”
“แหม พอพูดแทงโดนใจดำเข้าหน่อยทำเป็นทนฟังไม่ได้เชียวนะ”
วาเนสซ่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปยืนเผชิญหน้ากับวรันธาราด้วยท่าทางหาเรื่องสุดฤทธิ์
“เธอมันก็แค่คนที่ชอบกลืนน้ำลายตัวเอง พวกปากว่าตาขยิบ”
“เนส!”
“ฉันพูดผิดตรงไหนกันล่ะ”
วรันธารานับหนึ่งถึงสิบในใจอยู่สามรอบ ก่อนจะกัดฟันโต้ตอบออกมา
“คนที่ใช้??ไต่เต้าไต่อย่างเธอไม่มีทางเข้าใจความเป็นฉันได้หรอก หลีกทางไปซะ”
วรันธาราผลักวาเนสซ่าจนพ้นทาง ก่อนจะเดินไปกระชากประตูห้องทำงานของแอนโทนี่ออกและก้าวเข้าไปข้างใน
“ร่วงเมื่อไหร่ ฉันเหยียบเธอซ้ำแน่”
วาเนสซ่ามองอย่างเจ็บใจ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง
แอนโทนี่กำลังคุยอยู่กับสปอนเซอร์รายใหญ่รีบทำตาดุใส่วรันธาราที่พรวดพราดเข้ามาอย่างไม่พอใจมาก
“ได้ครับ ซันไทมส์ของเรายินดีมากครับ เดี๋ยวผมให้เลขาโทรกลับไปแจ้งรายละเอียดอีกรอบนะครับคะ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”
และเมื่อลูกค้าวางสายไปแล้วเขาก็สาดอารมณ์ใส่หญิงสาวทันที
“คุณพรวดพราดเข้ามาทำไม ผมยังไม่ได้อนุญาตเลย อ้อ แล้วนี่ผมพึ่งให้คุณลาพักผ่อนไม่ใช่เหรอ มาทำไม ผมถามว่ามาทำไม”
วรันธาราเดินไปหยุดที่โต๊ะทำงานของแอนโทนี่ สองแขนเท้ากับโต๊ะกระจกตัวใหญ่เอาไว้
“ธารต้องการให้หัวหน้าลบรูปทั้งหมดของเควิน คาสโตรเซ่นทิ้งค่ะ”
แววตาของวรันธารามุ่งมั่นและจริงจังจนแอนโทนี่รู้สึกขยาด แต่เพราะผลประโยชน์ที่จะได้รับจากสปอนเซอร์ทำให้เขาเลือกที่จะมองข้ามมันไป
“ผมไม่ลบ และพรุ่งนี้ผมจะเอารูปของเควิน คาสโตรเซ่นที่เหลือขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ซันไทมส์อีกรอบด้วย”
“แต่ธารขอร้องนะคะหัวหน้า อย่าทำแบบนั้นเลย…”
“ผลประโยชน์สำหรับผมมันยิ่งใหญ่มาก”
แอนโทนี่ระบายยิ้มละโมบก่อนจะหรี่ตาแคบจ้องมองวรันธาราที่กำลังไม่สบายใจอยู่ด้วยความเบื่อหน่ายรำคาญ
“คุณควรกลับไปสงบสติอารมณ์ได้แล้ว คุณวรันธารา ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนกับคุณ”
“ต่อให้หัวหน้าจะไล่ธารออก แต่ธารก็ต้องทำให้หัวหน้าลบรูปพวกนั้นทิ้งให้ได้”
“คุณไม่มีสิทธิ์ กลับไปได้แล้ว กลับไปสิ!”
“ธารไม่กลับค่ะ ถ้าหัวหน้าไม่ยอมลบ ธารจะแฉทุกเรื่องกับนักข่าวสำนักพิมพ์อื่น”
แอนโทนี่หน้าแดงก่ำด้วยโทสะ เขาลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานกระจกออกมาเผชิญหน้ากับวรันธาราในระยะกระชั้นชิด
“คุณกล้าทำลายหม้อข้าวของตัวเองหรือ วรันธารา”
วรันธาราขยับเท้าถอยหลังหนีออกมาสองก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง ขณะจ้องประสานสายตากับคู่สนทนาจอมละโมบอย่างไม่เกรงกลัว
“ถ้ามันคือทางเลือกสุดท้าย ธารก็จะทำค่ะ”
“วรันธารา!”
แอนโทนี่ที่ในหัวมีแต่เงินตรายกมือขึ้นจะฟาดลงบนหน้าของลูกน้องสาว แต่ประตูห้องทำงานถูกกระแทกจากด้านนอกให้เปิดเข้ามาเสียก่อน พร้อมๆ กับมือใหญ่ทรงพลังของใครบางคนยกขึ้นขวางเอาไว้
“อย่าแตะต้องผู้หญิงคนผม!”
“เควิน คาสโตรเซ่น…” แอนโทนี่ครางในลำคออย่างเหลือเชื่อกับภาพที่เห็น แต่ไม่ว่าจะกะพริบตาสักกี่ครั้ง ผู้ชายที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่เบื้องหน้าก็คือ เควิน คาสโตรเซ่นจริงๆ
และไม่ใช่แค่แอนโทนี่หรอกที่ตกใจ เพราะวรันธาราเองก็ตกใจแทบสิ้นสติเหมือนกัน
“คุณ… เควิน…”
เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองหล่อน แม้มือใหญ่ของเขาจะกลับดันให้หล่อนไปซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลัง ในขณะที่ตัวเองยืนประจันหน้ากับแอนโทนี่จอมละโมบแทน
“คุณเควินตัวจริงเสียงจริงใช่ไหมครับ”
“ผมเควิน คาสโตรเซ่นตัวจริง”
แอนโทนี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าซันไทมส์ของผมจะได้รับเกียรติจากมหาเศรษฐีลึกลับอย่างคุณเควินแบบนี้ ผมดีใจที่สุดเลยครับ”
“แต่ผมไม่ดีใจ”
เควินเค้นเสียงกระด้าง นัยน์ตาดุดันเอาเรื่อง
“หยุดนำภาพของผมลงข่าวซะ ถ้าไม่อยากถูกเผาทั้งสำนักพิมพ์”
แอนโทนี่ตกใจหน้าซีด แต่ก็ยังพยายามรักษาภาพพจน์
“แหม คุณเควินนี่อารมณ์ขันจริงๆ เลยนะครับ”
“ผมไม่ใช่คนตลก ไม่ได้มีอารมณ์ขัน และตอนนี้ก็กำลังอยากจะฆ่าคนด้วย”
แอนโทนี่ได้ยินก็รีบถอยหลังกรูดไปซ่อนอยู่หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่กระนั้นก็ยังไม่วายพูดออกมาท
“ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะครับ”
“ผมทำได้ทุกอย่างที่คุณคาดไม่ถึงคุณแอนโทนี่ ชวาฟกี้”
แอนโทนี่ไม่กล้าสบตาของเควินเพราะมันน่ากลัวเหลือเกิน
“ผมจะแจ้งตำรวจ และคุณก็จะเป็นข่าวใหญ่โต ถ้าคุณคิดจะมาทำลายซันไทมส์”
“ถ้าผมกลัวก็คงไม่มา เอาเป็นว่าถ้าพรุ่งนี้ยังมีรูปผมบนลงบนหนังสือพิมพ์ซันไทมส์อีกล่ะก็ ผมจะเผาที่นี่ซะ”
เควินพูดจบก็เตรียมตัวจะเดินออกไป แต่ก็ต้องชะงักกับถ้อยคำของแอนโทนี่
“คุณจะมาโทษผมได้ยังไงกัน ในเมื่อคุณไม่ระวังตัวเอง ภาพพวกนี้ถึงได้หลุดออกมาได้ยังไงล่ะครับ”
เควินแค่นยิ้ม ขยับเข้าไปยืนชิดกับขอบโต๊ะทำงาน และโน้มตัวเข้าไปหาคนที่อยู่อีกฟาก
“ถ้าคุณไม่ใช่วิธีสกปรกส่งคนเข้าไปในบ้านของผม ภาพพวกนี้ก็คงไม่หลุดออกมา”
“มันไม่ใช่ความคิดของผมสักหน่อย ผมซื้อภาพนี้มาจากวรันธาราต่างหาก จริงไหมคุณวรันธารา”
คนที่ยืนตัวแข็งเป็นหินอยู่นานสะท้านไปทั้งตัว เมื่อสายตาคมกริบสีน้ำเงินอมดำตวัดมองมา หล่อนตัวสั่น ปากสั่นเทา แม้จะพยายามพูดแต่สิ่งที่ผ่านลำคอออกไปมีเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น
“ตอบคุณเควินไปสิคุณวรันธารา ว่าผมไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คุณเป็นคนคิดและคนทำคนเดียว”
แอนโทนี่ทำหน้าตาดุดันใส่วรันธารา แต่หญิงสาวก็ยังคงยืนนิ่ง หน้าตาซีดเซียว
“ผมจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา แต่พรุ่งนี้ถ้ามีภาพของผมบนหนังสือพิมพ์ของคุณอีกล่ะก็ เกิดเรื่องใหญ่แน่”
แล้วเควินก็หมุนตัวเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่ไม่ช้าก็หยุด และเดินกลับมาใหม่ แอนโทนี่เห็นก็ตกใจ
“คุณจะเอาอะไรจากผมอีก คุณเควิน”
เควินไม่ตอบ แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่แทน
“มากับผม”
ข้อมือเล็กถูกคว้าเอาไว้ พร้อมกับการกระชากลากถูให้กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามออกไป ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
“เฮ้ย… มีใครถ่ายภาพเอาไว้ได้ไหม มีหรือเปล่า”
แอนโทนี่รีบตะโกนถามลูกน้องของตัวเอง แต่ทุกคนส่ายหน้า
“พวกเราไม่กล้าหรอกครับหัวหน้า คุณเควินดุจะตายไป”
วิลเลี่ยมรีบตอบก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“โธ่เว๊ย ทำไมพวกเอ็งถึงโง่ขนาดนี้วะ”
แอนโทนี่บ่นอุบอย่างหัวเสีย จนวาเนสซ่าที่ยังไม่ได้ออกไปนอกห้องต้องเดินเข้ามาหยุดข้างตัว และปลอบใจเสียงหวาน
“อย่าไปสนใจนักข่าวกระจอกพวกนั้นเลยค่ะหัวหน้า”
วาเนสซ่าเริ่มลูบไล้มือไปตามต้นแขน และบ่าของแอนโทนี่
“ผมไม่มีอารมณ์ตอนนี้ ออกไปก่อน”
วาเนสซ่าชักสีหน้า ก่อนจะรีบปั้นยิ้ม
“แล้วถ้าเนสบอกว่า… เนสถ่ายรูปของเควิน คาสโตรเซ่นเอาไว้ได้ล่ะคะ หัวหน้าจะยังไล่เนสอีกหรือเปล่า”
“คุณพูดจริงเหรอเนส… นี่คุณไม่ได้หลอกผมใช่ไหม”
ท่าทางของ แอนโทนี่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันที
“จริงสิคะ ตอนที่เควินมา เนสไปเข้าห้องน้ำพอดี เลยไม่ถูกหมอนั่นบังคับให้เก็บโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้โต๊ะค่ะ เนสก็เลย… แอบถ่ายรูปมาได้หลายรูปเลยค่ะ”
“ไหนเอามาให้ผมดูสิ”
แอนโทนี่คว้าโทรศัพท์มือถือของวาเนสซ่าไปเลื่อนดูรูป ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ
“มีรูปตอนที่เควินลากวรันธาราออกไปด้วย รับรองพรุ่งนี้สปอนเซอร์วิ่งเข้าชนเราเละแน่ๆ”
“แล้วแบบแนบนี้จะให้รางวัลอะไรเนสล่ะคะ” วาเนสซ่ายิ้มยั่วยวน แอนโทนี่จึงรีบดึงเข้ามาจูบปาก
“เอาไว้ลุ้นคืนนี้สิครับ”
“ไม่เอาหรอกค่ะแค่เซ็กซ์น่ะ เนสอยากได้อย่างอื่นด้วย”
“แล้วคุณอยากได้อะไรล่ะ แค่บอกมาผมจะมอบให้คุณทุกอย่างเลย แค่คุณบอกมาเท่านั้น เนสคนสวย”
วาเนสซ่ายิ้มปลื้มพึงพอใจ
“เนสอยากได้สร้อยเพชรสักชุด แล้วก็… ตำแหน่งผู้ช่วยของคุณยังไงล่ะคะ”
แอนโทนี่ชะงักไปเล็กน้อย แต่พอนึกได้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของซันไทมส์ที่จะตามมาทำให้เขารีบตอบรับ
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ผมจะทำหนังสือแต่งตั้งคุณอาทิตย์หน้า”
“ขอบคุณค่ะหัวหน้า”
วาเนสซ่าจูบแก้มของแอนโทนี่เบาๆ และจะเลื่อนไปที่ปาก แต่แอนโทนี่ปรามเสียก่อน
“ผมต้องโทรหาสปอนเซอร์ เอาไว้คืนนี้เจอกันนะ”
“ก็ได้ค่ะ”
แม้จะรู้สึกขัดใจแต่วาเนสซ่าก็ทำตามแต่โดยดี
“เนส…”
คนที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปนอกห้องชะงักและหมุนตัวกลับมามอง
“เปลี่ยนใจอยากให้เนสจูบแล้วใช่ไหมคะ”
แอนโทนี่ระบายยิ้ม
“ส่งรูปทั้งหมดที่คุณมีมาให้ผมทางไลน์ด้วย เดี๋ยวนี้เลยนะ”
วาเนสซ่าหน้าหงิกแต่ก็รับปาก
“ค่ะ หัวหน้า”
“ขอบใจมาก วาเนสซ่าคนสวย”
ประตูห้องทำงานปิดสนิทลงแล้ว แอนโทนี่จึงรีบต่อสายหาสปอนเซอร์รายใหญ่เพื่อบอกเล่าถึงหมัดเด็ดที่ตัวเองมีอยู่ในมือทันที ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีสปอนเซอร์รายไหนกล้าปฏิเสธที่จะไม่ลงโฆษณากับซันไทมส์เลยแม้แต่เพียงที่เดียว
วรันธาราเสหลบสายตาไม่ตอบเป็นคำพูด แต่หล่อนกอดตอบเขาแน่นหนาแทน เควินหัวเราะพึงพอใจ และเริ่มต้นจัดการกับความต้องการของตัวเองอีกครั้ง
คราวนี้ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่มีวันหยุดการเคลื่อนไหวของเขาได้ เขาจะโยก จะคลึงกายสาวคับแคบจนกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีก จนกว่ากระหายจะแตกระส่ำออกมา
“อ๊า… อ๊า… เคนขา… อ๊า…” วรันธาราร้องครางเมื่อสวรรค์ชั้นฟ้าทำท่าจะกระหน่ำลงมาใส่หน้าซ้ำเป็นครั้งที่สาม หล่อนดิ้นพล่าน จิกทึ้งผิวกายเรียบตึงของเควินเพื่อระบายอารมณ์สวาท และไม่ช้าก็สุขสมอย่างแรงกล้า หล่อนกรีดร้องราวกับคนบ้า
“โอ้ว… วรันธารา… ทำไมวิเศษขนาดนี้นะ”
เควินกัดฟันแน่นพยายามต่อสู้กับจังหวะการบีบรัดของกล้ามเนื้อสาวยามสุขสม แต่เขาสู้ไม่ได้ พ่ายแพ้ราบคาบในวินาทีนั้นเอง
“อ๊ากกก… ไม่ไหวแล้ว… โอ้ว…” สุดท้ายก็แตกระส่ำออกมาอย่างรุนแรง… รุนแรงที่สุดในชีวิต
สองร่างกอดเกยกันอย่างสงบนิ่งไร้การเคลื่อนไหว แต่แต่หัวใจเท่านั้นที่ยังคงเต้นไหวอยู่
มันเกิดขึ้นอีกแล้ว… กับการควบคุมตัวเองที่ไม่มีประสิทธิภาพ
เควินคิดอย่างเกลียดชังตัวเอง เกลียดที่ไม่อาจจะผละออกห่างจากร่างคับแน่นของวรันธาราได้อย่างที่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่นยามเสร็จกิจกรรมรัก เกลียด… ที่ไม่อาจจะต้านทานความหวานร้อนรินของกลีบสาวนุ่มนวลได้ วรันธาราทำให้เขาหลุดหลงเข้าไปในเหวสวาท เพียงแค่หล่อนยกหยัดสะโพกขึ้นตอบสนอง เพียงแค่หล่อนสนองตอบการโจนจ้วงถี่ระรัวเพียงเท่านั้น เขาก็แตกระเบิดออกมาอย่างรุนแรงเสียแล้ว
เควินผละออกห่างในทันที และหันหลังให้กับสาวน้อยที่นอนหงายอยู่ในสภาพพร้อมพรักต่อการต่อบทพิศวาสอย่างไม่ไยดี แม้กายหนุ่มจะยังเพรียกหาการบีบรัดจากกลีบผกาแสนหวาน แต่เขาก็ไม่อาจจะอยู่ใกล้หล่อนได้อีกต่อไป
วรันธาราจะต้องไม่มีทางล่วงรู้ถึงความรู้สึกลุ่มหลงแสนน่าสะอิดสะเอียนที่เขากำลังจมปลักอยู่ในขณะนี้ หล่อนจะต้องไม่รู้ ห้ามรู้เด็ดขาด!
“แต่งตัวซะ รถจอดรออยู่ที่หน้าตึก พร้อมเมื่อไหร่ก็ลงไป”
คนตัวโตที่เปลือยเปล่าไปทั้งร่างลุกขึ้นยืน และไม่ยอมหันกลับมามองแม้แต่น้อย ไม่ไยดีเลยว่าคนที่นอนนิ่งราวกับไร้ลมหายใจอยู่บนเตียงกำลังร้องไห้เจ็บปวดแค่ไหน
“คนสารเลว!”
เควินไม่สนใจ กำลังจะก้มลงหยิบกางเกงขึ้นมาสวมใส่ แต่แผ่นหลังกว้างก็ถูกกำปั้นเล็กๆ ทุบตีลงมาเสียก่อน
“ฉันเกลียดคุณ! ฉันเกลียดคุณ…!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เควินคำรามเตือนทั้งๆ ที่ยังยืนหันหลังให้อยู่ แต่วรันธาราไม่ยอมหยุด หล่อนยังทุบตีเขาเช่นเดิม
“คนบ้า! คนใจร้าย!”
“โธ่เว้ย!” สิ้นเสียงคำรามอย่างหมดความอดทน เควินก็หมุนตัวกลับมา และรวบข้อมือเล็กเอาไว้ด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว
“ผมเตือนคุณแล้วนะ แต่ไม่ยอมฟัง”
“ปล่อยฉันนะ” หล่อนดิ้นรน
“ผมปล่อยคุณแล้ว แต่คุณเองที่วิ่งเข้ามาหาผม ดังนั้น… อย่ามาร้องเสียใจล่ะ เพราะมันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง”
“อ๊ะ” ร่างเปลือยอวบอัดถูกกระชากเข้าไปกอดรัดแน่น “คุณจะทำอะไรนะ ปล่อยนะ”
เควินยิ้มเหี้ยมเกรียม ไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้าลงมาปิดปากอิ่มที่กำลังเผยอจะพูดของวรันธาราอย่างรุนแรง ตามอารมณ์สวาทที่กำลังเดือดอยู่ภายในกาย
ฝ่ามือใหญ่บีบเค้นเต้าอวบ ขยี้ยอดถันแรงๆ จนมันบวมเบ่ง ในขณะที่อีกมือก็ล้วงลึกลงไปที่ซอกขา
“อ๊ะ… อ๊า…”
“คุณยั่วให้ผมทำมันเองนะ วรันธารา”
แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง… เกิดขึ้นจากความลืมตัวของเขา
เควินนอนหงายหายใจกระชั้นอยู่บนเตียงนุ่ม โดยที่ข้างกายคือร่างอวบอัดของ วรันธาราที่นอนหมดแรงอยู่ใกล้ๆ
ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะหยุด ตั้งใจจะหนีออกห่าง แต่เพียงแค่วรันธารายั่วเย้านิดเดียว เขาก็ตบะแตกอย่างได้อย่างง่ายดาย ง่ายดาย… จนน่าตกใจเหลือเกิน
มันไม่เคยเป็นแบบนี้…
เขาไม่เคยควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้มาก่อน…
มหาเศรษฐีหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่ง และหันหลังให้กับสาวสวยผู้เป็นเจ้าของความคับแน่นแสนหวานน่าลุ่มหลง
“แต่งตัวซะ และห้ามแตะต้องตัวผมอีก” จากที่แค่ลุกขึ้นนั่ง คราวนี้ เควินลุกขึ้นยืนเสียแล้ว
“เพราะถ้าคุณทำอีก… คุณก็จะถูกผมยัดเยียดความเป็นผัวให้อีกครั้ง เหมือนกัน”
เขาขยับออกห่างจากเตียงนอน ไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ และเมื่อเสร็จสิ้นก็หันมาจ้องมองหล่อน
“ความจริงผมตั้งใจว่าจะไม่จ่ายค่าตัวให้กับคุณหรอกนะ เพราะคุณสมควรได้รับบทเรียนนี้แล้ว” เขายิ้มเยาะได้อย่างเลือดเย็นเหลือเกิน “แต่ดูจากสภาพยับเยินของคุณแล้ว น่าจะต้องใช้เงินไปทำรีแพร์สักก้อน ผมจะใส่ซองฝากไว้ที่คนขับรถก็แล้วกัน”
มือเล็กกำเข้าหากันแน่น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเจ็บใจ
“ฉันไม่ต้องการ!”
“รับไปซะเถอะ ผมไม่อยากเอาเปรียบ… นักข่าวอย่างคุณ”
“ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ!”
วรันธาราตะโกนก้อง
เควินไหวไหล่กว้างของตัวเองอย่างไม่แสแยแยแส “ก็ตามใจ แต่ถ้าหลวมจนหาผัวใหม่ได้ อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน”
“คนเลว… ฉันเกลียดคุณที่สุด ฉันเกลียดคุณ!”
เขายิ้มเย็นชามอบกลับคืนมา
“ผมก็เกลียดคุณ แม่นักข่าวจอมละโมบ"
วรันธารากำมือแน่น มองเขาทั้งน้ำตา “ถ้าเจอกันอีกครั้ง ฉันสาบานว่าจะฆ่าคุณแน่ๆ”
“เราต้องได้เจอกันอีกครั้งแน่ วรันธารา เอาเป็นว่าผมจะรอความตายจากฝีมือของคุณก็แล้วกัน”
เขาหัวเราะ และหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูห้อง แต่เหมือนจะคิดอะไรได้ จึงหยุดเดินและหันกลับมา “อ้อ เกือบลืมไป ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมสุดเหวี่ยงบนเตียง ผมไม่เคยโยกผู้หญิงคนไหนมันส์หยดเท่าคุณมาก่อนเลย”
“คน… คนสารเลว!”
“ขอตัวครับ”
หมอนใหญ่ในมือถูกปาไปข้างหน้า แต่มันไม่ถูกคนปากร้ายเพราะเขาปิดประตูลงเสียก่อน
วรันธารากัดฟันลุกขึ้นนั่ง ยกมือปิดหน้าร่ำไห้ด้วยความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิต
โลกของหล่อนมันพังทลายลงจบหมดแล้ว…
วรันธาราก้าวออกจากห้องเช่าเล็กๆ ของตัวเองด้วยสภาพอิดโรยจนแม็กเวลล์หนุ่มฝรั่งข้างห้องอดที่จะไถ่ถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“ธาร… น้องธารครับ…”
คนที่เดินใจลอยสะดุ้งโหยง
“มี… มีอะไรเหรอคะพี่แม็ก”
“ตั้งแต่น้องธารกลับมาจากไปทำงานที่ต่างเมือง น้องธารดูใจลอยแปลกๆ นะครับ แถมหน้าตาก็เศร้าหมองผิดปกติไปจากเมื่อก่อนด้วย”
หล่อนบอกกับแม็กเวลล์ว่าที่หายไปสองวันเพราะไปทำงานที่ต่างเมืองเพื่อไม่ให้ใครล่วงรู้ถึงฝันร้ายที่ผ่านมา
“คือ… ธารคงเครียดเรื่องงานน่ะค่ะ”
“เครียดเรื่องอะไรกันล่ะ พี่ก็เห็นสำนักพิมพ์ที่น้องธารทำงานอยู่ออกจะกิจการรุ่งเรือง”
“รุ่งริ่งสิไม่ว่าต่างหากล่ะคะ”
วรันธาราตอบเสียงเศร้า ตั้งแต่หล่อนออกมาจากคฤหาสน์คาสโตรเซ่น หล่อนก็ยังไม่ได้กลับเข้าไปที่สำนักพิมพ์อีกเลย เพราะแอนโทนี่หัวหน้างานอนุญาตให้หล่อนลาพักผ่อนได้สามวัน ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะ
“รุ่งริ่งที่ไหนกันน้องธาร เมื่อเช้าพี่ยังเห็นคนแย่งกันซื้อหนังสือพิมพ์ของซัน ไทมส์อยู่เลย แทบจะตีกันตาย โดยเฉพาะสาวๆ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงกันคะ ปกติแทบจะขายไม่ออก ช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่านั้น” วรันธาราตอบกลับเสียงราบเรียบ หัวใจยังคงจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดที่เกิดจากความใจร้ายของเควินตลอดเวลา
“ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะอะไร แต่พอพี่เข้าไปมุ่งด้วยก็เลยรู้ว่าเพราะอะไร”
วรันธารายังคงนั่งนิ่งไม่มีอารมณ์ร่วม จนแม็กเวลล์ต้องรีบถาม “นี่น้องธารไม่อยากรู้หรือครับว่าเพราะอะไร”
“เอ่อ… อยากรู้สิคะ” น้ำเสียงของวรันธาราไม่ได้มีความกระหายใคร่อยากรู้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม็กเวลล์ก็เลือกที่จะเล่าให้ฟัง
“เพราะหน้าหนึ่งของซันไทมส์วันนี้เป็นข่าวเกี่ยวกับมหาเศรษฐีเถื่อนจอมลึกลับอย่างเควิน คาสโตรเซ่น”
“ว่ายังไงนะคะพี่แม็ก?!”
จากที่เคยยืนเหม่อไร้ชีวิต ตอนนี้วรันธาราจำต้องรีบละล่ำละลักถามกลับเสียงสั่นเทา
“ทำไมท่าทางของน้องธารเปลี่ยนไปเร็วนักล่ะครับ เมื่อกี้ยังเหม่อๆ มึนๆ อยู่เลยนะครับ…”
“พี่แม็ก… บอกธารอีกทีสิคะว่าหน้าหนึ่งของซันไทมส์วันนี้ไม่ใช่ข่าวของเควิน คาสโตรเซ่น”
“เควิน คาสโตรเซ่นคือข่าวหน้าหนึ่งของซันไทมส์ในเช้าวันนี้ครับน้องธาร”
“ไม่… ไม่จริง…” วรันธาราเหมือนถูกตีแรงๆ ที่ศีรษะจนสับสนมึนงง
มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อหล่อนคุยกับแอนโทนี่ทางโทรศัพท์จนเข้าใจกันแล้วนี้ว่าให้ลบรูปทั้งหมดของเควิน คาสโตรเซ่นทิ้งไป ห้ามนำรูปพวกนั้นมาลงหนังสือพิมพ์
แล้วทำไม? ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ
ไม่ได้แล้ว หล่อนต้องโทรหาแอนโทนี่ ต้องโทรหาเดี๋ยวนี้…
“นั่นน้องธารจะไปไหนครับ” แม็กเวลล์รีบถามเมื่อวรันธาราวิ่งออกไปที่ริมถนนมองหน้ารถแท็กซี่
“ธาร… ธารมีธุระค่ะพี่แม็ก ไปแล้วนะคะ”
หญิงสาวโบกรถแท็กซี่และก้าวขึ้นไปนั่งทันที ระหว่างทางก็รีบต่อสายหาแอนโทนี่ด้วยความร้อนใจ
“สวัสดีครับนักข่าวฝีมือดี”
คำทักทายของแอนโทนี่ทางโทรศัพท์ไม่ได้ทำให้วรันธารารู้สึกดีขึ้นมาเลย ตรงกันข้ามหล่อนยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น
“หัวหน้าคะ ไหนเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าจะไม่มีการนำรูปถ่ายของเควิน คาสโตรเซ่นมาลงหนังสือพิมพ์เด็ดขาด หัวหน้ารับปากกับธารแล้วนี่คะ แล้วทำไม?”
“ใจเย็นๆ สิคุณวรันธารา”
“ธารจะเย็นได้ยังไงล่ะคะในเมื่อหัวหน้าผิดคำพูด…”
“ไม่เอาน่า อย่าพูดแบบนั้น การที่ผมนำภาพถ่ายของเควินมาลง มันก็ทำให้คุณมีผลงานนะคุณวรันธารา”
“แต่ธารไม่ได้ต้องการผลงานแบบนี้”
“ถ้าคุณไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ แล้วคุณเข้าไปในคฤหาสน์คาส โตรเซ่นตั้งแต่แรกทำไม และไอ้รูปพวกนี้มันก็ฝีมือของคุณทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง”
คำพูดของแอนโทนี่ยิ่งตอกย้ำให้วรันธาราชั่วช้ามากยิ่งขึ้น หล่อนน้ำตาซึม
“แต่ธารก็ยกเลิกแล้วนี่คะ ธารไม่อยากละเมิดความเป็นส่วนตัวของใครอีกแล้ว หัวหน้าคะ สั่งเก็บหนังสือพิมพ์เถอะค่ะ ได้โปรด…”
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“แต่หัวหน้าต้องทำนะคะ ธารไม่ยอม!”
“คุณมีสิทธิ์ไม่ยอม และผมก็มีสิทธิ์ที่จะไม่สั่งเก็บหนังสือพิมพ์พวกนั้นด้วย”
“หัวหน้าคะ…”
“ฟังนะคุณวรันธารา หนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อเช้าขายดิบขายดีจนต้องแย่งกันซื้อเลยทีเดียว พรุ่งนี้ผมจะพิมพ์ใหม่ จะเอารูปถ่ายตรงสระว่ายน้ำของเควิน คาสโตรเซ่นลง รับรองต่อให้พิมพ์ล้านฉบับก็หมดเกลี้ยงในพริบตา”
“ไม่ได้นะคะหัวหน้า!”
“เอาเป็นว่าผมให้คุณลาพักผ่อนต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ก็แล้วกัน ครบกำหนดแล้วค่อยมาทำงาน แค่นี้นะ สวัสดี”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ หัวหน้า… หัวหน้าคะ…”
วรันธาราพยายามเรียกเอาไว้ แต่แอนโทนี่เลือกที่จะตัดสายทิ้ง หญิงสาวกดต่อเข้าไปใหม่ แต่คราวนี้ไม่มีคนรับ สุดท้ายหล่อนก็ต้องเลิกล้มความพยายามลงในที่สุด
นี่หล่อน… ยังไม่ตาย… เพราะบทรักของเควิน…ใช่ไหม?
ความทรงจำที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไหลบ่าเข้าท่วมท้นสมองอย่างไม่ปรานี ทุกฉากทุกตอนของการมีเพศสัมพันธ์กับเขา… เควิน คาสโตรเซ่น ยังคงติดตรึงอยู่ในความรู้สึก
ทำไมและทำไม หล่อนถึงไม่รู้สึกเกลียดชังเขาเลย แต่กลับโหยหาเขา และสัมผัสจากเขาจนน่าละอาย
แก้มนวลแดงก่ำ ไม่สิ… หล่อนกำลังแดงซ่านไปทั้งตัวเลยก็ว่าได้ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น ก่อนที่ร่างอวบอิ่มเปลือยจะขยับลุกขึ้นนั่ง
“อ๊ะ…”
ความเจ็บแปลบในบางส่วนของกายสาวย้ำเตือนให้รู้ว่าเมื่อคืนหล่อนผ่านสนามรบอะไรมา
การร่วมรักที่แสนบ้าคลั่ง!
ศีรษะทุยสวยที่รอบกรอบเอาไว้ด้วยเส้นผมยาวสีดำขลับยุ่งเหยิงส่ายสะบัดไปมา
หล่อนถูกเควิน คาสโตรเซ่นจับได้ว่าปลอมตัวเข้ามา ก่อนจะถูกลงทัณฑ์ด้วยบทพิศวาสอย่างป่าเถื่อนตลอดทั้งคืน
และมันก็ใช่… หล่อนขัดขืน แต่มันกลับไม่เพียงพอที่จะหยุดความบ้าระห่ำของจอมเถื่อนอย่างเควินได้ เขาตักตวงความอ่อนเดียงสาจากกายสาวไร้ราคีอย่างตะกละตะกลามไร้ความปรานี สัมผัสแสนร้อนผ่าวจากฝ่ามือและปลายนิ้วของเขายังคงตอกย้ำให้หล่อนดำดิ่งลงสู่ก้นเหวสวาทได้อย่างง่ายดาย
ร่างกายของหล่อนยังคงจดจำและโหยหาต่อสิ่งที่เควินกระทำเมื่อคืนอย่างน่าละอาย
พึงพอใจที่เขากอด ตอบสนอมยามเขาจูบไซ้ และคลั่งไคล้ยามเขาโลมเลีย และฝากฝังความใหญ่แข็งขึงลงมาภายในกายสาว นี่หล่อน… หล่อนไม่ต่างจากโสเภณีเลยใช่ไหม ที่ลุ่มหลงผู้ชายที่ตัวเองไม่สามารถที่จะเอื้อมถึงได้
ความเจ็บปวดพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจสาวอย่างแม่นยำราวกับคมธนูไฟ หล่อนยอมให้เขาทำทุกอย่างกับร่างกาย ไม่ขัดขืน ไม่ผลักไส ยอมให้เขาลูบไล้ ดูดเลีย และสอดใส่เข้ามาหา
หล่อนไม่ต่างจากผู้หญิงแพศยาเลยสักนิด
หยาดน้ำตาไหลพรากลงมาอาบแก้ม ความเสียใจทำให้หล่อนไม่อาจจะทนเห็นหน้าของเควินได้อีกต่อไป
ต้องไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้!
ร่างเปลือยรีบขยับลงจากเตียง แม้จะเจ็บลึกที่ซอกขาอย่างรุนแรง แต่หล่อนก็จำต้องอดทน
ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดผั๊วะเข้ามาโดยไม่มีเสียงบอกเตือนล่วงหน้า มือเล็กรีบกระชากผ้าห่มมาคลุมร่างสาวเปลือยเปล่าทันที เมื่อร่างสูงใหญ่ของเควิน คาสโตรเซ่นปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
เขาปิดประตู และก้าวเข้ามาหาด้วยท่าทางสง่างามเหมือนเช่นทุกครั้ง
เควิน คาสโตรเซ่น หล่อเหลาเสมอ แม้แต่ในยามที่เขาอดนอนเพราะมัวแต่ร่วมรักกับหล่อนตลอดทั้งคืนก็ตาม
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสามารถกระโดดลงจากเตียงได้ในยามเช้าตรู่ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน
“คุณ…”
“จะไปไหน”
น้ำเสียงของเขาดุกระด้างและระคนความถือตัวเล็กน้อยยามพูดกับหล่อน
“ฉัน… จะไปจากที่นี่”
หล่อนตอบและหลบสายตาของเขา มือเล็กกระชับปมผ้าห่มที่ปิดความเปลือยเปล่าเอาไว้แน่นหนา
“เดี๋ยวนี้…”
หล่อนได้ยินเสียงดังขึ้นในลำคอแกร่ง แต่ไม่อาจจะสามารถบอกได้ว่ามันหมายความว่ายังไง
“อยู่กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนสิ”
“ไม่” หล่อนหันไปตอบเขาเสียงเขียวขุ่น
“คุณไม่จำเป็นต้องมาสนใจอะไรในตัวของฉันอีก” ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
“เพราะฉันไม่มีอะไรให้คุณได้อีกแล้ว”
แทนที่เขาจะสะทกสะท้านกับความเจ็บปวดที่หล่อนแสดงออกให้เห็น แต่กลับไม่มีเลย เขายังคงยิ้มเยาะได้เช่นเดิม
“ผมไม่ใช่คนเบื่ออะไรง่ายๆ”
ดวงตากลมโตเลื่อนไปจับที่ใบหน้าหล่อเหลา มองเขาผ่านม่านน้ำตาอย่างเจ็บใจ
“คุณหมายถึง…”
“ถึงแม้ปกติผมจะนอนกับผู้หญิงคนละแค่หนึ่งคืน แต่กับคุณ…” ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินอมดำเป็นประกายหิวกระหาย
“มันไม่พอ”
“คุณ… คุณกำลังจะบอกว่า…”
“หนึ่งเดือนสำหรับความสัมพันธ์บนเตียงของเรา”
“ไม่!”
หญิงสาวสะบัดหน้าหนี เม้มปากแน่น “ฉันไม่ใช่อีตัว ฉันไม่ขายตัวเด็ดขาด”
“ผมก็ไม่ได้จะซื้อตัวคุณสักหน่อย” เสียงหัวเราะของเควินช่างรบกวนจิตใจของหล่อนเหลือเกิน
“ผมจะเอาคุณฟรีๆ ตลอดหนึ่งเดือนต่างหาก”
“คนสารเลว!”
“ก็ถ้าคุณไม่เลวก่อน จะได้มาเจอคนเลวอย่างผมหรือ” แล้วนิ้วแกร่งก็ยื่นมาตรึงปลายคางมน และบังคับให้หญิงสาวจ้องมองประสานสายตาอย่างเผด็จการ
“นี่คือโทษทัณฑ์ของนักข่าวจอมละโมบอย่างคุณ”
“แต่… แค่ครั้งเดียวก็น่าจะจบได้แล้วนี่คะ”
“แล้วทำไมคุณถึงคิดว่ามันควรจะจบล่ะ”
ดวงตากลมโตตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจอย่างชัดเจน
“ก็… ก็คุณ… ไม่ได้พิศวาสอะไรฉัน… สักหน่อย”
เควินต้องเบือนหน้าหนีไปลอบอมยิ้มให้กับสิ่งที่ได้ยินจากปากของวรันธารา นี่เจ้าหล่อนเอาสมองส่วนไหนคิดกันนะ คิดได้ยังไงว่าเขาไม่ได้พิศวาสในตัวของหล่อน ทั้งๆ ที่เขาจับหล่อนขยี้สวาทเสียทั้งคืนแบบนั้น
“มันก็จริงนั่นแหละ”
พอเขาตอบกลับมาแบบที่ตัวเองคิด ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บแปลบแบบนี้นะ วรันธาราคิดเบาๆ ในใจอย่างทรมาน
“อย่างนั้น… ก็ปล่อยฉัน… ปล่อยฉันกลับไปสิคะ”
“เห็นทีจะไม่ได้หรอก เพราะคนอย่างผมเมื่อสร้างกฎขึ้นมาแล้ว จะไม่มีทางยอมยกเลิกเด็ดขาด คุณทำผิดก็ต้องได้รับสิ่งตอบแทน”
“แต่มันต้องไม่ใช่การ… นอนกับคุณแบบนี้”
“นี่คือโทษทัณฑ์ที่สมน้ำสมเนื้อกันต่างหาก แม่สาวน้อยพรหมจารี”
แก้มสาวแดงก่ำ ผิวกายแดงระเรื่อไปทั้งตัว เควินจ้องมองด้วยความหลงใหล ฉากรักระหว่างเขากับแม่นักข่าวคนสวยยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ยามที่หล่อนกรีดร้องเมื่อถึงสวรรค์ ผิวสาวของหล่อนก็จะแดงซ่านแบบนี้นี่แหละ
มันน่ามอง… น่าหลงใหลเหลือเกิน…
สิ่งที่เห็นทำให้ความปรารถนาเกิดขึ้นในกายหนุ่มอย่างรุนแรง จนเควินรู้สึกอึดอัดที่ซอกขาเหลือเกิน
“ฉัน… ไม่ใช่สาวพรหมจารีสักหน่อย”
เพราะน้อยใจ เสียใจ จึงทำให้วรันธาราเลือกที่จะพูดปด แต่ผู้ชายที่ช่ำชองชำนาญในเกมสวาทอย่างเควินไม่มีทางหลงกล
“แต่คุณใช่”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าฉัน… ไม่ใช่ ฉันนอนกับผู้ชายมาเป็นร้อยคนแล้ว” ว่าแล้วก็เชิดหน้าสูง
“ต้องให้ผมพูดตรงๆ ไหมว่าทำไมผมถึงรู้ว่าคุณเป็นสาวพรหมจารี วรันธารา” น้ำเสียงเคร่งขรึมที่ดังเตือนออกมาจากลำคอแกร่งแผ่วเบาทำให้วรันธาราหน้าตาซีดสลับแดงก่ำ
“คือ…”
เควินขยับกายเข้ามาใกล้ และใช้ความว่องไวเฉพาะตัวกระชากผ้าห่มที่สาวน้อยใช้พันร่างกายทิ้งลงไปข้างเตียง
“ว๊าย… เอาคืนมานะ”
“ไม่คืน จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง”
แล้วพ่อเจ้าประคุณก็ถือวิสาสะช้อนร่างของหล่อนให้ขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง หน้าอกหน้าใจอวบอัดถูกกอดรัดจนแนบชิดกับแผงอกกว้างที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อลำลองเนื้อดี
“ปล่อยนะ… บอกให้ปล่อยฉัน…”
“ถ้าดิ้นแบบนี้อีกทีล่ะก็ ผมจะเอาคุณแรงๆ เหมือนเมื่อคืน”
คนฟังหน้าตาแดงก่ำ หยุดดิ้นทันที “คุณ… ต้องการอะไรจากฉันอีก”
เควินอมยิ้ม ละสายตาจากกลีบปากอิ่มลงมาจ้องทรวงอกอวบอัดของหญิงสาวแทน มันใหญ่ เต่งตึงล้นมือดีเหลือเกิน เมื่อคืนเขาทั้งบีบเค้น ทั้งดูดกัดจนผิวเนียนขาวแดงช้ำไปทั่วบริเวณ
“ต้องการคุณ…”
คำพูดตรงไปตรงมาของเควินทำให้วรันธาราร้อนจัดไปทั้งตัว ก่อนที่ความเหลือเชื่อ ความไม่เชื่อจะพุ่งตามมา
“คุณ… จะมาต้องการฉันได้ยังไง ในเมื่อ… คุณก็ได้ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีอะไรให้คุณอีกแล้ว”
คนพูดเต็มไปด้วยความน้อยใจ
“ต่อให้ผมได้คุณอีกสักกี่ครั้ง ผมก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าหยุดจะจะหยุดต้องการคุณเมื่อไหร่ วรันธารา”
หญิงสาวเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ก่อนจะรีบตั้งสติ เมื่อนึกถึงความเป็นจริง
“ฉันเป็นนักข่าวที่เข้ามาสืบเรื่องของคุณ อย่าลืมสิ ถ้าคุณรังแกฉันอีกครั้ง ฉันสาบานว่าจะเอาเรื่องเซ็กซ์ของคุณไปเขียนในคอลัมม์เซ็กซ์สตอรี่เลย คอยดูสิ”
แทนที่เขาจะตกใจ กลับหัวเราะร่วน “ก็เอาสิครับ เขียนให้ถึงพริกถึงขิง เหมือนกับลีลาจริงๆ ของผมด้วยนะ”
“คน… คนบ้า… คนลามก อ๊ะ…”
หญิงสาวร้องครางเมื่อปลายถันถูกบี้คลึงจนเบ่งขยายแข็งเป็นไต “ปละ ปล่อยฉันนะ…”
“ไม่… ผมจะเอาคุณ… อีกครั้ง”
“ไม่… อ๊ะ…”
ร่างเปลือยถูกผลักให้นอนราบลงกับเตียงกว้าง พร้อมกับเขาที่ตามลงมาทาบทับ
“ปล่อยฉันนะ… อื้อ…” เมื่อถูกดูดเม้มเนื้อนุ่มที่ลำคอ วรันธาราก็ต้องครางฮือด้วยความซ่านสยิว
“ผมต้องการคุณ… แบบเมื่อคืน… อืมมม”
เควินครางคำรามด้วยความพึงพอใจ และก็เริ่มต้นปลุกเร้าแม่สาวสวยใต้ร่างอย่างชำนาญ ไม่ช้าการทัดทานท้านก็คลายลง เหลือไว้แต่การสนองตอบที่เร่าร้อนจากจิตวิญญาณ
“โอ้ว… แบบนั้น… ครางแบบนั้นแหละ คนสวย”
เควินแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีผู้หญิงที่ร้อนฉ่าได้แบบวรันธาราอยู่ในโลกใบนี้ วินาทีแรกหล่อนขัดขืน แต่พอถูกจูบ ถูกฟอนเฟ้น เจ้าหล่อนก็กลายร่างเป็นนางเสือร้อนรักในพริบตา
เขาจูบ หล่อนเผยอปากตอบสนอง เขากอบกุมปทุมถัน หล่อนแอ่นหยัดเข้าใส่มือให้อย่างกระตือรือร้น และพอเขาดูดอมยอดถันหล่อนก็จิกทึ้งเส้นผมของเขาแน่น กดรั้งให้แนบหน้าลงไปหา
“อ๊า… เควิน… อ๊า…”
เควินแทบสิ้นสุดความอดทน เขาเงยหน้าจากการรวบป้านถันงามเข้าไปในอุ้งปาก ก้มลงดูดปากอิ่มที่เผยอรอคอยอีกครั้งอย่างหนักหน่วง สองร่างรัดกันแน่นแนบ
“อ๊า… ได้โปรด… เควิน… เควินขา… ได้โปรด…”
กายสาวแอ่นหยัดสูง ยามที่คนตัวโตโลมเลียต่ำลงไปยังหน้าท้อง สองขาอวบแยกเผยอจากกันโดยอัตโนมัติ และไม่ช้าลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดเนินผกา และลิ้นแกร่งก็ปาดละเลงอย่างหิวกระหาย
“อ๊า… อ๊า… ไม่ไหวแล้ว อ๊า…กรี๊ดดด” สะโพกอวบส่ายระริกไหวด้วยแรงรักจากลิ้นสวาท นิ้วเรียวจิกทึ้งเส้นผมหนาดกเต็มแรง กระชากรั้งให้เควินซบซุกลงมาแนบแน่น
“อ๊า… เคนขา… อ๊า… ไม่… ทนไม่ไหวแล้ว…”
และเพียงแค่เควินตวัดลิ้นอีกไม่กี่ครั้ง ร่างเล็กก็ยกหยัดสูงขึ้นเป็นจังหวะระรัว เสียงกรี๊ดร้องไม่เป็นภาษาดังกังวานขึ้น พร้อมๆ กับหยาดเสน่หาที่ทะลักไหลเข้ามาในอุ้งปากของเขา
“หวานเหลือเกิน…”
เควินกลืนกินทุกหยาดหยดของสาวน้อยเข้าไปในลำคอ ก่อนจะเงยหน้าลุกขึ้น ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองด้วยความรีบร้อนลนลาน เพียงแค่พริบตาเดียวเขาก็แก้ผ้าเปลือยเปล่าไม่ต่างจากวรันธารา
“เควิน…”
“ผม… ทนไม่ไหวแล้ว”
ชายหนุ่มก้าวขึ้นมาบนเตียง คร่อมทับอยู่เหนือร่างอวบอัดที่ดิ้นส่ายตลอดเวลา สองดวงตาสบประสานกัน
“ผมกำลัง… จะสอดใส่เข้าไปในตัวของคุณ วรันธารา” เขาพูดเสียงพร่า พร้อมกับทำตามสิ่งที่พูดในทันที
“อ๊า…” กลีบผกาถูกแยกแย้มจนกว้าง ก่อนที่ภมรหนุ่มจะล่วงล้ำเข้าไปหาภายใน
“โอ้ว… แน่นเหลือเกิน”
ความคับแน่นที่ไม่ได้ลดน้อยลงไปจากเดิมเลยของเนินนางทำให้สติของเควินแทบขาดสะบั้น ชายหนุ่มกัดฟันแน่นก่อนกระแทกกระทั้นเข้าไปหา เพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถครอบครองความงดงามของหญิงสาวเอาไว้ได้ทั้งหมด
“อ๊า… อ๊า…”
แม้จะยังคงรู้สึกอึดอัดคับแน่น แต่ความเสียวซ่านที่ได้รับมันก็กลบทับความรู้สึกพวกนั้นไปจนหมดสิ้น วรันธาราส่ายสะโพกไปมา มือเล็กไต่ขึ้นไปลูบไล้ต้นแขนกำยำ และจิกเล็บคมลงบนเนื้อเรียบตึงแรงๆ
“อ๊า… เคนขา… อ๊า…”
เควินต้องใช้ความพยายามมากมายนัก กับการพยายามทะนุถนอมสาวสวยใต้ร่าง เขาต้องการกระแทก ต้องการอัดและก็อัดเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง แต่เพราะสงสารกลัวหล่อนจะแตกหักไปเสียก่อนจึงต้องฉุดรั้งตัวเองเอาไว้แบบนี้
“ผมจะไปช้าๆ”
“เคน… ได้โปรด… อ๊า…”
เควินกัดฟัน ยื้อตัวเองให้ค่อยๆ เคลื่อนไหวในจังหวะเนิบนาบหนักหน่วง แต่ดูเหมือนว่าวรันธาราจะไม่ให้ความร่วมมือด้วยเลย เพราะหล่อนเร่งเร้าด้วยลีลาการยกสะโพกขึ้นหาเชิญชวน
“อย่า… ขยับแบบนี้ ผมจะทนไม่ไหว… อืมมม… โอ้ว…”
“เคนขา… ได้โปรด… อ๊า…”
ใช่ และเขาก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ในที่สุดการเคลื่อนไหวนุ่มนวลเนิบนาบก็กระเด็นหายไปในพริบตา ทดแทนด้วยการโยกคลึงที่บ้าคลั่งเข้ามาแทนที่
“โอ้ว… โอ้ว… อ๊ากกก…” เควินกระหน่ำอัดเข้าใส่เนินนางที่เผยอขึ้นสูงรอรับอย่างบ้าคลั่ง เขากระแทกและคำรามตลอดเวลา หน้าตาหล่อเหลายามนี้บิดเบี้ยวเหยเกด้วยแรงสวาท
“สุดยอด… โอ้ว… สุดยอดเหลือเกิน”
เควินกระแทกกระทั้นใส่ไม่หยุด เขาโยกคลึงจนแม่สาวน้อยจอมร้อนแรงขึ้นสวรรค์ไปสองรอบติดแล้วนั่นแหละถึงได้ยอมลดจังหวะความรุนแรงลง และเอ่ยถาม
“ชอบไหม…”
“หึ…” เขาขานรับเบาๆ ในลำคอ ขณะกำลังดูดเม้มเนื้อนุ่มที่ซอกคอระหงซ้ำอีกครั้ง มือใหญ่ก็ป้วนเปี้ยนอยู่ตามเต้างาม และกำลังจะลดต่ำลงไปอยู่ที่ท้องน้อย
“ฉัน… ฉัน…”
“คุณกำลังร้อน…”
หญิงสาวแก้มแดงก่ำ ไม่สามารถตอบเป็นคำพูดได้ นอกจากพยักหน้ารับน้อยๆ
“ผมก็ร้อน… และร้อนเจียนไหม้”
เควินคำรามเบาๆ อย่างสิ้นสุดความอดทน สัมผัสที่เหมือนจะนุ่มนวลในครั้งแรกกระเด็นหายไป กลับกลายเป็นความหนักหน่วง ป่าเถื่อนรุนแรง
มือใหญ่บีบเคล้น ฟอนเฟ้นอย่างเมามัน ปากก็ดูดเม้ม ฟันก็ขบกัน แต่ยิ่งเขารุนแรง หล่อนกลับยิ่งตอบสนองด้วยอารมณ์เดียวกัน และเสียวกระสันมากยิ่งขึ้น
“อ๊า… เควิน…” สะโพกงามยกหยัดสูง ยามถูกฝ่ามือใหญ่ร้อนจัดกอบกุมเอาไว้ ดวงหน้างดงามแดงก่ำ ใบหน้าสวยส่ายสะบัดไปมากับที่นอนราวกับคนเสียสติ
“เควิน… อ๊า… ได้โปรด…”
หล่อนกำลังร้อน… ร้อนเพราะถูกสุมด้วยเพลิงสวาททรงอานุภาพ “อ๊า… ได้โปรด…” เสียงหวานครางกระเส่า ยามถูกคนตัวโตดูดรวบป้านถันงามเข้าไปดูดอมในอุ้งปาก
“ได้โปรด… อ๊า… อ๊า…”
เควินทั้งดูดทั้งกัดทั้งเม้ม ลิ้มลองรสชาติหวานล้ำด้วยความหิวกระหาย เพลิงราคะผลักดันให้เขารุนแรงและป่าเถื่อนเกินกว่าจะควบคุมได้อีก มือใหญ่ที่เคยกอบกุมเนินนางยามนี้บดบี้คลึงจนสาวน้อยครางไม่หยุด นิ้วแกร่งแข็งแรงค่อยๆ กรีดกรายสำรวจเนื้ออ่อน
“อ๊า… เควิน… ได้โปรด…”
เขาทั้งดูดอมยอดถัน ทั้งฟ้อนนิ้วกรีดลึกอยู่ภายในซอกกลีบซอกลับของหล่อนอย่างอำมหิต
“เควิน… ได้โปรด… อ๊า” หล่อนสะอื้นเป็นชื่อของเขา ขณะพยายามไขว่ว้คว้าบางสิ่งบางอย่างจากตัวชายหนุ่ม
“ได้โปรด… เควิน…”
หล่อนต้องการเควิน ต้องการจนแทบขาดใจ แต่เขากลับไม่ยอมมอบสิ่งมหัศจรรย์ให้กับหล่อน เขายังคงเดินหน้าสร้างความกระสันซ่านให้กับกายสาวต่อไป
ปากร้อนจัดของเขาพรมจูบต่ำจากปทุมถันลงไป หน้าท้องขาวเนียนเกร็งเครียดรับการโลมเลียเสียวกระสัน
“เค… เควิน…”
เขาเงยหน้าขึ้นมองหล่อนเล็กน้อย และมอบรอยยิ้มหิวกระหายมาให้ จากนั้นก็ก้มลงเลียผิวเนียนที่หน้าท้องของหล่อนซ้ำอีกครั้ง ในขณะที่ฝ่ามือทั้งสองข้างยังคงขยับหยอกเย้าอยู่กับเต้างามตลอดเวลา เควินบีบเค้นเต้าอวบ และขยี้บี้คลึงยอดถันสีสวยจนมันเบ่งบานแข็งเป็นไต
“อ๊า… ได้โปรด… เควินขา… ได้โปรด…”
เขายังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุด มนต์สวาทยังถูกเป่ารดกายสาวอย่างต่อเนื่อง
“ได้โปรด… อ๊ะ… อ๊า…” หญิงสาวครางระรัวด้วยความตื่นตระหนกระคนเสียวซ่านเมื่อสองต้นขาถูกจับแยกออกจากกัน พร้อมๆ กับลมหายใจร้อนจัดที่เป่ารดในระยะกระชั้นชิด
“เควิน… อย่า… อย่านะคะ…”
หล่อนผลักไสศีรษะทุยของเควิน พร้อมกับพยายามจะหนีบขาของตัวเองเข้าหากัน แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะคนตัวโตเอาร่างเข้ามาขวางเอาไว้ทั้งตัว
“อย่า… อย่าทำนะคะ…”
“ให้ผม… ได้ชิมคุณเถอะ…”
เขาพึมพำเสียงเหมือนไม่ใช่มนุษย์ ก่อนจะเริ่มต้นละเลงสวาทกับกลีบกุหลาบแย้มงามตรงหน้าด้วยความหิวกระหายที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ใช่… เขาไม่เคยเห็น… เห็นผู้หญิงคนไหนงดงามเท่ากับวรันธารามาก่อน หล่อนสวย และหอมหวานไปทั้งตัว
“อ๊า… อย่า… อ๊า…”
หล่อนแข็งใจดันศีรษะของเขาเอาไว้เต็มแรง แต่พอถูกตวัดลิ้นเข้าใส่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ร่างกายสวยสดก็สะท้านอย่างรุนแรงเสียแล้ว สองมือที่ผลักไสอ่อนแรงลงอย่างน่าตกใจ
“อ๊า…”
“หวาน…หวานเหลือเกิน”
เควินครางด้วยความอัศจรรย์ใจ ลิ้นของเขายังคงรุกรานตักตวงความหวานฉ่ำจากกลีบนาง มันอารามตะกละตะกลามจนน่าตกใจ แต่เขาต้องการ… ต้องการวรันธารา
ต้องการจนปวดร้าวไปทั้งตัว!
“อ๊า… เควิน… ไม่… ไหวแล้ว… ฉันจะตาย… จะตาย…อ๊า…”
เพราะไร้เดียงสาจึงทำให้ไม่รู้ว่าอาการของตัวเองมันคืออะไร แต่เควินเข้าใจเพราะเขาช่ำชองชำนาญ
“อย่าฝืน… ปล่อยมันไป… วรันธารา… ปล่อยไปตามอารมณ์ของคุณ อืมมม…”
ลิ้นแกร่งละเลงลึกล้ำมากยิ่งขึ้น ตวัดดูดกลืนหยาดเสน่หาอย่างกระหายไร้ความอิ่มเอม ไม่ช้าร่างสาวก็กระตุกเกร็ง เสียงหวานกรีดร้องกระหึ่มออก สองมือเล็กกดทึ้งศีรษะของเขาให้จมปลักอยู่กับเนินสาวอย่างแนบแน่น
หล่อนถึงแล้ว… ถึงสวรรค์ครั้งแรกในชีวิต…
ความไร้เดียงสาของวรันธาราสร้างความพึงพอใจให้กับเขามากมายนัก เควินเงยหน้าที่เปื้อนเปอะหยาดเสน่หาขึ้น ก่อนจะพลิกตัวลงไปยืนอยู่ข้างเตียงกว้าง
“เควิน… ได้โปรด…”
สาวน้อยไขว่คว้า
“ผม… กำลังจะทำให้คุณ… ลืมลิ้นของผมไปเลย”
คนตัวโตคำรามกระหึ่มห้อง ขณะกระชากกางเกงนอนและกางเกงชั้นในแบบบ็อกเซอร์ผ่านสะโพกเพรียวลงไปที่ข้อเท้า ความเป็นชายชูชันแข็งแกร่งอยู่ต่อหน้า วรันธาราห่อปากครางกระสัน เมื่อเห็นขนาดความยิ่งใหญ่ของเควิน
เควินเห็นสายตาของวรันธาราก็หัวเราะเบาๆ “ผมสัญญาว่าจะทะนุถนอมคุณเท่าที่จะทำได้”
“แต่… คุณ… คุณ… ใหญ่…”
“มันจะทำให้คุณมีความสุข… จริงไหม…” เควินก้าวขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง พร้อมๆ กับการทาบทับลงมาหา ปากร้อนจัดประกบจูบดูดดื่ม มือใหญ่บีบเค้นปทุมถัน บี้คลึงยอดทรวง ในขณะที่มืออีกข้างก็ล่วงล้ำสอดแทรกเข้าไปภายในกลีบผกา
“อ๊า… เควิน…”
“คุณจะมีความสุข… จนลืมไม่ลง… อืมมม์…” ชายหนุ่มครางเสียงแหบพร่าอย่างสิ้นสุดความอดทน เมื่อกล้ามเนื้อสาวร้อนจัดรัดรึงนิ้วแกร่งที่สอดแทรกลงไปภายในอย่างรุนแรง
“ผมทนไม่ไหวแล้ว… วรันธารา…”
หล่อนเอง… ก็ไม่อาจจะต้านทานความต้องการที่มีต่อเควินได้อีกต่อไปแล้ว
ต้องการเขาจนแทบคลั่ง…
ความเป็นชายที่ทั้งใหญ่ทั้งแข็งขึงถูไถดุดันที่เนินนางทันทีเมื่อสองขาอวบของหล่อนแยกเผยอออกจากกันจนสุดทาง
“ผม… ต้องการ… คุณ… จนแทบเป็นบ้า… วรันธารา…”
“อ๊ะ…”
“ตั้งแต่ที่รู้ว่าคุณ… ไม่ใช่ยายแก่หน้าตาอัปลักษณ์ อย่าหนีผม…” มือใหญ่คว้าสะโพกอวบเอาไว้แน่น ตรึงเอาไว้ด้วยสองมือเมื่อหญิงสาวจะขยับหนีตามสัญชาตญาณของสาวบริสุทธิ์
“คุณต้องเป็นของผม…”
จบคำประกาศิตแล้ว ความเป็นหญิงแสนไร้เดียงสาก็ถูกบังคับให้เบ่งขยายต้อนรับแก่นกายแข็งขึงใหญ่โต เขาผลักดันเข้ามาเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถถลำลึกเข้ามาได้ครึ่งตัว
“อ๊ะ เจ็บ…”
แม้จะเตรียมรับมือกับความคับแน่นของสาวบริสุทธิ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เควินคาดไม่ถึงว่าภายในกายของวรันธาราจะเล็กแคบคับแน่นได้มากมายถึงเพียงนี้
“ผม… จะพยายามเบามือ…”
“เจ็บ… เควิน… เจ็บ…”
ความเจ็บร้าวที่ฟาดเปรี้ยงลงมาใส่ช่างรุนแรงเหลือเกิน ทำให้ความเสียวกระสันที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จางหายไปในทันที ทิ้งเอาไว้แต่ความอึดอัดคับแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก
“ผมจะหยุด… รอให้คุณปรับตัว…”
“แต่ฉันเจ็บ…” วรันธาราช้อนตาขึ้นมองหน้าเควินทั้งน้ำตา “ฉันอาจจะตาย… ก็ได้… อื้อ…”
“ยังไม่เคยมีใครตายเพราะถูกร่วมรักมาก่อน โอ้ว… รัดผมแน่นเหลือเกิน วรันธารา… โอ้ว…” เควินที่พยายามควบคุมตัวเองครางลั่น เมื่อกล้ามเนื้อสาวที่ตัวเองยังครอบครองได้เพียงแค่ครึ่งเดียวบีบรัดสลับผ่อนคลายเป็นจังหวะ
“ผม… จะแย่… ถ้าคุณ… รัดผมแบบนี้”
“ฉัน… ไม่ได้… ทำอะไรสัก… หน่อย…” คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ หลบสายตาคนตัวโตอย่างขัดเขิน
“แต่คุณรัดผม… แน่นด้วย…”
“คนบ้า…”
มือเล็กผลักไสแผ่นอก และสะโพกอวบก็ขยับส่ายจะหลีกหนี เควินหัวเราะพึงพอใจ
“ถ้าขยับได้แบบนี้ ก็แสดงว่าไม่เจ็บแล้วสินะ”
“ใคร… ใครว่าล่ะ ฉันเจ็บ อ๊ะ… อ๊า…”
เควินฉวยโอกาสที่หญิงสาวเผลอไผลถาโถมชำแรกเข้าใส่อีกครั้งเต็มแรง จนสามารถเข้าไปได้ทั้งตัว
“อืมมม… แม่คุณ รัดได้รัดดี… ผมอยากจะโยกขยับใจจะขาดอยู่แล้ว”
“คน… คนใจร้าย… ฉันเจ็บอยู่นะ อ๊า…”
ดวงตาคมกริบหรี่แคบจ้องมองลงมา นิ้วแกร่งเลื่อนขึ้นไปบีบเค้นเต้างามหนักหน่วง
“ต่อจากนี้ไป… คุณจะไม่เจ็บอีกแล้ว”
“อ๊า… อ๊า…”
วรันธาราเกลียดตัวเองนักที่ครวญครางออกไปแบบนั้น เพียงแค่เขาขยับตัวโยกไปมาสองครั้งเท่านั้น
เควินอมยิ้ม นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหิวกระหาย “ผมจะทำให้คุณทั้งสุขทั้งสนุก… ใต้ร่างของผม”
ประกายตาบางอย่างของเควินทำให้วรันธาราร้อนฉ่าไปทั้งตัว หล่อนจำต้องเสหลบตาด้วยความขัดเขิน และปล่อยให้ตัวเองดื่มด่ำกับความเสียวกระสันจากการเคลื่อนไหวของผู้ชายที่หล่อปานเทพบุตรอย่างไร้ทางขัดขืน
หล่อนเอง… ก็ต้องการเขาเหมือนกัน…
หลังจากหยุดเคลื่อนไหวอยู่มาหลายนาที ผู้ชายที่เป็นเจ้าของเรือนร่างกำยำสมบูรณ์แบบก็ค่อยๆ ขับขยับตัว สะโพกเพรียวส่ายวนหมุนเป็นวงกลมหยอกเย้า จนสาวน้อยครางกระสันตัวสั่นเทา
“อ๊า… เควิน… อ๊า…”
หญิงสาวเบียดกายกระแซะเข้าหาอย่างยอมศิโรราบ กรีดร้องครวญครางรับการเคลื่อนไหวดุดันของเควินด้วยความเต็มอกเต็มใจ ความซ่านสยิวกัดกินกายสาวอย่างรุนแรง หล่อนกอดรัดร่างกำยำที่แน่นหนั่นไปด้วยกล้ามเนื้อเอาไว้แน่น สองขาก็ยกขึ้นเกี่ยวรัดร่างหนุ่มเอาไว้ ดึงกระชากลงมาหา พร้อมกับยกหยัดสะโพกอวบขึ้นสูงเพื่อรับการบดเบียด
“โอ้ว… พระเจ้า… คุณร้อนเหลือเกิน วรันธารา”
เควินคำรามให้กับลูกรับลูกส่งที่แสนเร่าร้อนของหญิงสาวใต้ร่าง เขาไม่เคยเจอะเจอผู้หญิงบริสุทธิ์แต่ภายในร้อนราวกับไฟอย่างวรันธารามาก่อน หล่อนใสซื่อยามถูกขโมยจูบแรก ก่อนจะร้อนแรงราวกับไฟกัลป์ยามที่ถูกสอดใส่ถี่กระชั้น
“อ๊า… เควินขา… อ๊า…”
ดูสิ แม่เจ้าประคุณยกหยัดบั้นท้ายขึ้นสูงเพื่อรอรับการบดอัดของเขาอย่างกระตือรือร้น หล่อนตอบสนองเขาด้วยจิตวิญญาณ ตอบสนองด้วยความต้องการร้อนแรงที่ไม่เคยพานพบมาก่อน
“โอ้ว… สุดยอด… สุดยอด… อืมมม…”
เควินกัดฟันบอกตัวเองให้อดทนต่อไปอีก เขายังต้องการที่จะสอดใส่โจนจ้วงอยู่ในความคับแน่นแสนหวานของ วรันธาราให้นานกว่านี้ ต้องการโยกคลึงให้อิ่มหนำหน่ำ แต่… แต่ความกระสันเสียวที่กำลังโอบล้อมรอบกาย กลับทำให้เขาไม่อาจจะทานทนได้อีกต่อไป
“ผม… ผมไม่ไหวแล้ว โอ้ว…”
เควินทำราวกับจะถอนถอยออกมาหมดทั้งตัว แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะไม่ช้าเขาก็ตะกุยดุนดันเข้าไปหาใหม่ ตอกย้ำความร้อนแรงด้วยการกระชากร่างอวบอิ่มให้เผยอยกขึ้นรับการถาโถมด้วยสองมือใหญ่
“โอ้ว… โอ้ว… วิเศษเหลือเกิน”
ชายหนุ่มกัดฟันอดทน แต่เสียงร้องครางของสาวน้อยที่นอนบิดสะท้านอยู่ใต้ร่างเพราะผ่านการสุขสมอย่างรุนแรงกระชากเสี้ยวเศษความอดกลั้นให้มลายหายไปทันที
เขากระแทกแล้วก็กระแทกบดอัดเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่เพียงพอต่อความเสน่หาที่อัดแน่นอยู่ภายในอก
“โอ้ว… อ๊ากกก… อ๊ากกก…”
เส้นเอ็นที่ลำคอและทุกส่วนของกายหนุ่มปูดเบ่งราวกับจะปริแตก เควินกัดฟันแน่น พยายามควบคุมจังหวะสวาท แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะแรงกระแทกสุดท้ายที่อัดกระหน่ำลงไปนั้นมันสะเทือนไปถึงแผ่นฟ้า
หยาดเสน่หาร้อนจัดฉีดพุ่งเข้าใส่ภายในซอกลึกของกลีบผกาอย่างรุนแรง ลึกล้ำ พร้อมๆ กับการรับรู้เพียงเลือนลางว่าวรันธาราสุขสมอีกรอบพร้อมเพรียงกับตัวเอง
ทำไมถึงวิเศษขนาดนี้…
ทั้งๆ มันก็เป็นเพียงแค่เซ็กซ์… กับแม่นักข่าวที่บังอาจเข้ามาเหยียบจมูกถึงถิ่นเท่านั้น
ทำไมถึงได้… มีความสุขแบบนี้
เควินถามตัวเองเงียบๆ ในใจ ยามที่ซวนซบลงไปบนร่างอวบอิ่มหอมกรุ่น
ความหฤหรรษ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มันคือความจริงใช่ไหม ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม และความสุขที่ได้รับมันก็คือความจริง
ใช่มันคือความจริงที่สุด…
วรันธาราเป็นของเขาแล้วจริงๆ
เควินยันกายใหญ่โตของตัวเองให้ชะโงกขึ้นไปอยู่เหนือร่างอวบอิ่มแสนหวานของวรันธาราอีกครั้ง
เขากวาดมองดวงหน้าแดงก่ำอย่างพิศวง พยายามหาคำตอบให้กับตัวเองว่าทำไมตัวเองถึงได้มีความสุขขนาดนี้ ยามที่ได้ฝังลึกลงไปภายในร่างกายนุ่มนิ่มของหญิงสาว แต่เวลาคิดหาคำตอบกลับสั้นนัก เพราะอึดใจต่อมา เขาก็เริ่มต้นบทสวาทอีกครั้ง ด้วยความปรารถนาล้นปรี่หัวใจ
“อย่า… อย่าค่ะ…”
“ผมต้องการคุณ… ทั้งคืน…”
เควินหัวเราะร่วนทั้งขบขันทั้งเดือดดาลจนแยกกันไม่ออก “แล้วคุณเธอมีสิทธิ์เข้ามาแอบถ่ายรูปส่วนตัวของผมฉันหรือไงล่ะ ในเมื่อไม่มีสิทธิ์แล้วคุณเธอยังทำ ดังนั้นเวลาถูกจับได้ คุณเธอก็จะต้องก้มหน้ารับผลตอบแทนให้ได้”
“แต่… มันต้องไม่ใช่การที่ฉันจะต้องเสียตัวนี่คะ ได้โปรดเถอะค่ะ จะทุบจะตีฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าข่มขืนฉันเลย”
“แต่ผมฉันชอบการข่มขืน ยิ่งไม่สมยอมด้วยแล้ว ยิ่งสนุก”
วรันธาราพูดไม่ออก ทำได้แค่เผยอปากแล้วครางตกใจเท่านั้น
เควินเค้นเสียงคำราม “ยิ่งคู่นอนทุกข์ทรมานแค่ไหน ผมฉันก็จะยิ่งสนุก ยิ่งมีความสุข”
“คุณมัน… คนวิปริต”
“ใช่ ถูกต้อง อ้อ… และผมจะถ่ายรูปของเราระหว่างที่กำลังทำกิจกรรมรักเอาไว้ให้ด้วยนะ รับรองคุณเอาไปเผยแพร่เมื่อไหร่ ดังเป็นพลุแตกสมใจคุณแน่นอน”
“ใคร… ใครอยากจะได้รูปแบบนั้นกันล่ะ นี่… อย่าเข้ามานะ”
“หยุดแสดงท่าทีแบบนั้นได้แล้ว มันน่ารำคาญ เพราะจริงๆ แล้วคุณเธอก็พึงพอใจในตัวของผมฉันไม่ใช่หรือ”
“ฉัน… ฉันพอใจคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่ามาโมเมเชียวนะ” วรันธารา ปฎิเสธเสียงแข็ง
“อย่าคิดว่าผมฉันมองไม่เห็นสายตาที่แทบจะกลืนกินผมฉันเข้าไปทั้งตัวของคุณเธอเมื่อเช้านี้สิ”
“งั้นก็แสดงว่าคุณรู้ตั้งแต่เมื่อเช้า…”
“ผิวเนียนๆ ที่ต้นคอของคุณเธอทำให้ผมฉันรู้ความจริงยังไงล่ะ”
“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันตอนนั้นล่ะ ทำไมถึงมาบอกเอาตอนนี้”
เควินแค่นยิ้มหยัน “ถ้าบอกตอนนั้นก็ไม่สนุกน่ะสิ จริงไหม วรันธารา” เขาเรียกชื่อเต็มของหล่อนด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่ากลัว
“โอเค… ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว เรา… เราเลิกแล้วต่อกันเถอะนะคะ ฉันจะกลับออกไป และจะไม่เขียนข่าวใดๆ ของคุณอีก ส่วนคุณก็ลืมเรื่องนี้ซะ”
“ก็อย่างที่บอก… มันสายเกินไปแล้ว”
“โอ๊ย…”
วรันธาราอุทานตกใจ เมื่อมือใหญ่เอื้อมมาตรึงปลายคางมนเอาไว้แน่น พร้อมกับบังคับให้หล่อนสบประสานสายตา
“ปล่อยฉันนะ”
“พวกปลิงอย่างคุณเธอจะต้องได้รับบทเรียนที่สาสม”
หญิงสาวผงะออกห่างเมื่อมือใหญ่ปล่อยคางมนให้เป็นอิสระ แต่ก็ทำได้แค่ชั่วขณะเพราะวินาทีถัดมา เอวคอดของหล่อนก็ถูกรวบเอาไว้ พร้อมกับกระชากเข้าไปปะทะกับแผงอกเปลือยแน่นหนั่นเต็มแรง
“โอ๊ย… ปล่อยฉันนะ”
“อีกเดี๋ยวคุณเธอจะไม่พูดแบบนี้ แม่นักข่าวใจกล้า”
เข้าก้มหน้าลงมาหา ริมฝีปากหยักสวยราวกับอิสตรีเคลื่อนเข้ามาใกล้… ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันจะทำให้เธอรู้ว่า… เควิน คาสโตรเซ่นไม่ใช่หมู แต่เป็นพญาเสือ”
แล้วเควินก็ไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้โต้แย้งใดๆ อีก จูบแรกของวัยสาวก็ถูกขโมยไปอย่างป่าเถื่อน หล่อนพยายามจะเบี่ยงหน้าหนี แต่ปากร้อนจัดก็เหนียวราวกับกาวตราช้างมันติดแน่นจนหล่อนหนีไม่รอด
“อื้อ… อื้อ…”
หล่อนต่อสู้ แต่เขาก็ไม่คิดปรานี เขาตะโบมจูบปากไร้เดียงสาที่ไม่เคยผ่านชายใดมาก่อนอย่างเหี้ยมโหด ขยี้บดคลึงไร้ความปรานี จนลิ้นเล็กได้ลิ้มรสชาติเฝื่อนจากกลีบปากที่แตกยับ
เควินถอนจูบ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จ้องมองร่างของหญิงสาวที่เขากอดแน่นเอาไว้แนบอกอย่างประหลาดใจระคนพึงพอใจ
“จูบแรกหรือ”
วรันธาราไม่ตอบ แต่มองคนตัวโตผ่านม่านน้ำตาแทน หวังว่าเขาจะปรานี และยอมปล่อยให้เป็นอิสระ แต่กลับไม่มีอะไรตรงตามที่หล่อนคาดหวังเลย เพราะเควินก้มลงมาจูบซ้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่รุนแรงดั่งเช่นครั้งแรกที่ผ่านมา
แม้จะไม่นุ่มนวล แม้จะไม่อ่อนหวาน แม้จะแฝงไปด้วยความหิวกระหายแรงกล้า แต่หล่อนก็ไม่รู้สึกเจ็บระบมปากเหมือนครั้งแรกอีกต่อไปแล้ว รู้สึกวาบหวามแปลกประหลาด เลือดเนื้อสาวร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
หล่อนควรจะผลักไส แต่กลับยอมให้เขาลงทัณฑ์ด้วยจูบอย่างเต็มใจ ยอมให้ลาวาร้อนจัดจากกายกำยำไหลทะลักเข้าท่วมท้นกายสาวอย่างง่ายดาย
อีกหลายนาทีต่อมาเควินก็ถอนจุมพิต ก่อนกับคลายอ้อมแขนออก แต่ วรันธารากลับไม่ได้ถอยออกห่างอย่างที่ควรจะทำ หล่อนยังคงอยู่กับที่ สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ
สัมผัสของเควินยังคงอยู่ ริมฝีปากของเขาที่สัมผัสลงกับกลีบปากอิ่มยังคงสร้างความหวามไหวให้กับกายสาวไม่ยอมหยุด หล่อนยังคงต้องการ… ต้องการให้เขาจูบต่อไปอีก…
ไม่… ! หล่อนควรจะไปจากที่นี่ ไม่ใช่มาหลงละเมออยู่กับเควินแบบนี้ หล่อนต้องไปจากคาสโตรเซ่นให้เร็วที่สุด
ศีรษะทุยสวยสะบัดแรงๆ พร้อมกับสติที่กลับคืนมา “พอ… พอใจแล้วใช่ไหมคะ” หล่อนกัดฟันเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่ตอนนี้ยังคงยืนจ้องหน้าหล่อนอยู่เช่นเดิม
“ฉันจะได้กลับสักที”
เควินยิ้มบางๆ แต่นัยน์ตาสีน้ำเงินอมดำไม่ได้ยิ้มด้วยเลย “ผมฉันยังไม่ได้ทำอะไรคุณเธอเลยนะ แล้วจะกลับไปได้ยังไง”
“ตะ… แต่คุณก็จูบ… จูบฉันแล้วนี่คะ”
“คุณเธอจะต้องนอนกับผมฉันทั้งคืน”
“ไม่นะ…”
“คุณเธอไม่มีสิทธิ์คัดค้าน เพราะคุณเธอคือจำเลยของผมฉัน”
เขาพูดได้อย่างหน้าตาเฉยว่าหล่อนเป็นจำเลย “ถ้าฉันไม่ยอมล่ะคะ คุณจะทำอะไร คุณจะฆ่าฉันหรือไง” หญิงสาวกัดปาก มองเขาทั้งน้ำตาอย่างเจ็บใจ
เควินไหวไหล่กว้างอย่างไม่แยแส ก่อนจะพูดออกมา “ผมฉันไม่โง่เอาเท้าเข้าไปเหยียบในคุกหรอก”
“แล้ว… คุณจะทำยังไงคะ”
“ถ้าผมฉันจัดการคุณเธอไม่ได้ ผมฉันก็จะไปจัดการคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ”
ป้าเดซี่! ชื่อของผู้มีพระคุณดังก้องอยู่ในหัว
“ไม่ได้นะ ห้ามทำอะไรป้าเดซี่เด็ดขาด ป้าแกไม่รู้เรื่องที่ฉันเป็นนักข่าวหรอก ฉันโกหกแก”
“ป้าเดซี่คงดีใจนะ ถ้ารู้ความจริงเรื่องนี้”
“อย่า… อย่าบอกป้าแกนะคะ ได้โปรดเถอะ” หล่อนคงทนไม่ได้ถ้าจะเห็นสายตาที่เคยมองมาอย่างเอ็นดูแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง “ฉันยอมแล้วทุกอย่าง… ฉันยอมแล้ว”
“ยอมแล้วก็ดี… ผมฉันจะได้ไม่ต้องไปปลุกป้าเดซี่กลางดึก”
วรันธาราน้ำตาไหล “ฉันรู้ตัวดีว่าทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ถ้าคุณเป็นฉันบ้าง เป็นคนที่ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้เงินมาใช้ในดำรงชีพในทุกวันให้ชนเดือน คุณก็คงจะต้องทำแบบนี้เหมือนกัน”
เควินส่ายหน้า “ผมฉันจะไม่ทำแบบนี้ ผมฉันยอมทำทุกอย่าง ยอมเหนื่อย แต่จะไม่ยอมเอาเปรียบคนอื่นด้วยวิธีสกปรกแบบนี้”
“ฉันคงเลวมากสินะคะในสายตาของคุณน่ะ”
“ใช่ สารเลว นักข่าวสารเลวเหมือนกันหมดนั้นแหละ ไม่เคยจริงใจ ไม่เคยซื่อสัตย์”
วรันธาราหน้าซีดเผือด หล่อนไม่รู้ว่าเพราะอะไรเควินถึงเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้งแบบนี้ และดูท่าทางจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น
“ในหัวสวยๆ ของคุณเธอคงมีแต่เงินสินะ!” เควินแผดเสียงดังลั่น ก่อนจะเดินไปที่ลิ้นชัก และหยิบเงินติดมือมาปึกใหญ่
“ใครๆ ก็ต้องชอบเงินกันทั้งนั้นแหละ หรือว่าที่คุณทำงานหนักไม่ได้ต้องการเงินเป็นสิ่งตอบแทน”
เควินกัดฟันแน่น นัยน์ตาคมกริบลุกโชนด้วยความเดือดดาล “ถ้าชอบ… ถ้าชอบก็เอาไปเลย!”
“ว๊ายย”
วรันธาราร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่อถูกเควินปาเงินจำนวนมากใส่หน้าอย่างอำมหิต
“เอาไปเลย ผมฉันให้คุณเธอหมดทั้งปึกนี่แหละ แต่ต้องแลกกับอ้าขาให้ผมฉันเอาคุณเธอแรงๆ”
“คนหยาบคาย!” หญิงสาวร้องไห้น้ำตาไหลพราก เจ็บใจเหลือเกินที่ถูกย่ำย้ำยีศักดิ์ศรีจนไม่เหลือ
“มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำสำหรับพวกปลิงอย่างคุณเธอ วรันธารา!”
“โอ๊ย… ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ” เมื่อถูกกระชากแขนให้เข้าไปหาอย่างไม่ปรานี หญิงสาวจึงเจ็บระบม
“คุณเธอยังต้องเจ็บกว่านี้อีกหลายเท่านัก วรันธารา”
“อุ๊บ… อื้ออ…”
แม้จะพยายามเบี่ยงหน้าหลบยังไง ริมฝีปากหยักสวยของเควินก็ยังคงทาบทับลงมาได้อย่างแม่นจำ เขาขยี้บดเคล้ากลีบปากอิ่มของหล่อนอย่างรุนแรง จนแทบฉีกขาด แต่ก็เหมือนยังไม่พอ เพราะไฟโทสะหลอมรวมเข้ากับไฟเสน่หาทรงอานุภาพรุนแรงเหลือเกิน
จนแม้แต่เควินเองก็ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้เช่นกัน…
เสมือนกำลังตกอยู่ในหลุมดำที่ทั้งใหญ่ทั้งลึก บรรยากาศรอบๆ ตัวช่างมืดมน แต่ภายใจความมืดดำนั้นกลับเต็มไปด้วยความหวานฉ่ำที่ไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อนตลอดชีวิต
กลีบปากของผู้หญิงคนนี้ช่างนุ่มนิ่มเหลือเกิน ลิ้นเล็กก็ช่างหวานล้ำราวกับน้ำผึ้งป่า กายหนุ่มเสมือนถูกตรึงเอาไว้ด้วยใยเสน่หา พลังแห่งความหิวกระหายโอบรัดอยู่รอบกายอย่างแน่นหนา ชายหนุ่มพยายามเรียกสติร้องหาสติของตัวเอง แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งสิ้นหวัง
เพราะอะไร?
เพราะเจ้าของกลีบปากอิ่มที่แสนหวานอย่างวรันธาราหรือเปล่า ใช่หล่อนหรือเปล่า
เควินจมปลักลงในบ่อสวาทอย่างล้ำลึก ปฎิกิริยาอ่อนเดียงสาจากกลีบปากนุ่มยิ่งทำให้เขาดำดิ่งลึกลงไปในก้นเหวมากยิ่งขึ้น
เขาควรจะผละออกห่าง และขับไล่ผู้หญิงคนนี้ให้พ้นจากอาณาจักรของตัวเองซะ จากนั้นก็วันรุ่งขึ้นก็ตามไปถล่มสำนักพิมพ์ที่หล่อนทำงานอยู่ให้ราบคาบ โทษฐานที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตส่วนตัวของมหาเศรษฐีจอมเถื่อนเช่นตนเอง
แต่เควินกลับทำอย่างที่คิดไม่ได้! ความปรารถนาที่ไม่เคยรุนแรงขนาดนี้มาก่อนกำลังควบคุมกายหนุ่มเอาไว้อย่างแน่นหนา เขาไม่มีทางรอด ไม่มีทางผละออกห่างจากร่างเล็กแต่อวบอัดของวรันธาราได้ หากยังไม่ได้ดื่มกินจนอิ่มเอม
“อืมมมม…”
เควินคำรามในลำคออย่างยอมแพ้ต่อเสน่ห์นางของแม่นักข่าวสาวคนสวย ริมฝีปากร้อนจัดยังคงทาบประกบอยู่อย่างแน่นหนา ความต้องการในตัวของหญิงสาวในอ้อมแขนรุนแรงขึ้นอย่างน่าตื่นตระหนก และแน่นอนว่าเควินหมดปัญญาที่จะควบคุมมันได้อีก
“ปละ… ปล่อย…”
คำวิงวอนกระท่อนกระแท่นหลุดออกมาจากปากอิ่มบวมเจ่อได้เพียงแค่นั้น ก่อนที่หล่อนจะถูกบดจูบซ้ำอีกครั้ง ลิ้นใหญ่จ้วงจุ่มเข้าไปในอุ้งปากหวานฉ่ำ ตวัดลิ้มเลียรสชาติน้ำผึ้งด้วยความหิวกระหาย มือใหญ่ลูบไล้ไปตามเรือนร่างอ่อนเยาว์เพียงเพื่อจะได้พบว่ากายสาวนั้นช่างบอบบางและยวนใจไม่ต่างจากบุปบผางาม
“ผม… ต้องการคุณ…”
ชายหนุ่มถอนจุมพิตเดือด และก้มหน้าลงจูบหนักหน่วงที่แอ่งชีพจร ก่อนจะไล่แทะเล็มไปตามแนวลำคอ ไปหยุดดูดเม้มที่ติ่งหูเล็กหอมกรุ่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง
“อ๊า…”
วรันธาราขนลุกซู่ไปทั้งเรือนร่าง ความร้อนจัดจากฝ่ามือและริมฝีปากของผู้ชายที่หล่อเหลาเกินมนุษย์อย่างเควิน คาสโตรเซ่น กำลังทำให้เลือดสาวเดือดพล่าน
หล่อนต้องดิ้นรนขัดขืน แต่กิริยาตอนนี้ของตัวเองกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรจะทำอย่างสิ้นเชิง
ตอบสนองเขา…?!
ใช่ หล่อนเริ่มต้นขยับปากจูบตอบคนตัวโตตั้งแต่จุมพิตเดือดเมื่อครู่นี้ แล้วจากนั้นก็ยังเบียดเสียดกายสาวเข้าหาความกำยำแข็งแกร่งของเขาอีกต่างหาก
หล่อนกำลังจะโหยหา… ต้องการเควิน เหมือนกันใช่ไหม…
หญิงสาวพยายามเรียกสติของตัวเอง แต่พอถูกริมฝีปากร้อนจัดของ เควินจูบซ้ำลงมาอีกครั้ง สติสุดท้ายก็หลุดลอยหายไปในทันที สองแขนที่เคยดันแผงอกเปลือยเอาไว้ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นไต่ขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้แทน และกลีบปากอิ่มก็เผยอจูบตอบด้วยแรงปรารถนาร้อนฉ่า
ยอมหมดไม่ว่าเขาจะจับ จะบีบ และจะจูบตรงส่วนไหนของร่างกายสาว ยอมให้เขา… บี้คลึงตามอำเภอใจ
“อ๊า… เควิน…”
ใบหน้างดงามที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะแรงเสน่หามากล้นแหงนเงยไปด้านหลัง เมื่อถูกคนริมฝีปากร้อนจัดจูบหนักหน่วงที่เนินอกอวบ แม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้นอยู่ แต่ความเสียวกระสันก็ยังสามารถพุ่งเข้าใส่อุ้งเชิงกรานของหล่อนได้อย่างรุนแรง
หล่อนรู้สึก… วาบหวามไปทั้งตัว เลือดในกายสาวร้อนฉ่าราวกับน้ำเดือดดาล
และก็เริ่มควบคุมกายเคลื่อนไหวของตัวเองได้ยากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่สะโพกอวบอัด มันส่ายระริกไปมาถูไถกับบางสิ่งของเขาที่แข็งราวกับท่อนเหล็ก และใหญ่โตมโหฬาร
เควินยังคงแนบริมฝีปากกับผิวเนียนนุ่มของวรันธาราอย่างหิวกระหาย หัวไหล่ บ่าเนียน และเนินอกสวย มือนิ้วสีแทนสอดเข้าไปใต้ตัวเสื้อของหญิงสาว ก่อนจะกอบกุมเต้างามที่ใหญ่เกินคาดเอาไว้เต็มมือ
สาวน้อยสะดุ้งอุทานเพราะไม่เคยมือชายมาก่อน และนั่นก็ยิ่งทำให้เควินเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“ผมจะสอน… เซ็กซ์ดีๆ ให้กับคุณ… อืมมม…”
มือสาวน้อยแอ่นหยัดยัดหน้าอกอวบใส่มือใหญ่อย่างเต็มใจ เควินก็ครางกระหึ่ม ปลายนิ้วแกร่งแข็งแรงบีบเค้นหนักๆ ผ่านบราเซียร์ตัวสวย เจ้าหล่อนส่ายระริก เสียงครางแผ่วเบาหลุดออกจากลำคอระหงตลอดเวลา
เขาชอบ… ชอบฟังเสียงครางแบบนี้ของวรันธารา มันไพเราะ และเย้ายวนใจเหลือเกิน
เควินกระชากเพียงครั้งเดียวเสื้อตัวสวยของวรันธาราก็หลุดติดมือออกไป กายสาวขาวเนียนไปทุกอณูเนื้อปรากฏแก่สายตา เขาระบายยิ้มมองด้วยความพึงพอใจระคนหิวกระหาย ในขณะที่สาวน้อยขัดเขินหน้าตาแดงก่ำ ยกสองมือขึ้นปิดบังความงดงามของตัวเองเอาไว้
“อย่าปิดบังผม…”
แล้วเควินก็กระชากมือเล็กออกไปจากปทุมถันคู่งาม ก่อนที่เขาจะก้มลงดูดเม้มเนินอกอวบหนักๆ จนเกิดรอยแดงช้ำ วรันธาราพยายามต้านทาน แต่พอถูกนิ้วแกร่งล้วงเข้าไปสัมผัสกับยอดถันสีสวย หล่อนก็สิ้นความทัดทานไปในทันที
“อ๊า…”
บราเซียร์ถูกปลดออกไปจากเรือนกายสาว พร้อมๆ กับใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มลงไปดูดอมยอดถันสีสวยเอาไว้เต็มปากเต็มคำ ในขณะที่ยอดทรวงอีกข้างครั้งกำลังถูกบี้คลึงด้วยนิ้วเรียวตลอดเวลา
“อ๊า… เค… เควิน… อ๊า…”
เนื้อตัวของวรันธารากำลังพองโป่งคล้ายกับลูกโป่งสวรรค์ ยิ่งยามที่เขาเลียยอดถัน พร้อมกับขบด้วยฟันคม หล่อนก็ยิ่งซ่านกระสันรุนแรงที่ซอกขา
“เค… เควิน… อ๊า…”
ร่างอวบอัดถูกผลักให้นอนหงายลงกับเตียงนุ่ม ปากของเควินยังคงตามติดดูดอมยอดถันสีสวยตลอดเวลา มือก็บีบเคล้นจนสาวน้อยดิ้นพล่านราวกับกำลังจะขาดใจ
“อ๊า… อ๊า…”
เควินดื่มด่ำกับกลิ่นกายและรสชาติหวานละมุนลิ้นของวรันธาราด้วยความลุ่มหลง คลื่นความร้อนจัดที่วิ่งฉิ่วฉิวไปตามเส้นเลือดสร้างความปวดร้าวให้อย่างรุนแรง
เขาต้องการวรันธารา… ต้องการจะจู่โจมอัดกระหน่ำเข้าใส่ร่างของหล่อนให้คลายคลั่ง และไม่อาจจะสามารถห้ามปรามตัวเองได้อีกต่อไป
“หวานเหลือเกิน” เขาพึมพำเสียงแหบพร่าแพบหร่า เงยหน้าขึ้นจากเต้าอวบเปียกชื้นขึ้นจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างเสน่หา
“ผมไม่เคยต้องการผู้หญิงคนไหนรุนแรงเท่าคุณมาก่อนเลย วรันธารา”
เสียงของเขาแปร่งพร่ามากยิ่งขึ้น และไม่ช้าเขาก็ก้มลงมาจูบปากอิ่มอีกครั้ง บดคลึงหนักหน่วงด้วยความหิวกระหายที่ทวีคูณความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ มือใหญ่แทรกเข้าไปใต้กลุ่มเส้นผมหนาดกดำ เพื่อตรึงให้สาวน้อยตอบสนองจุมพิตร้อนฉ่าได้อย่างที่ต้องการ
“โอ้ว…”
เควินครางพึงพอใจเมื่อสาวน้อยใต้ร่างตอบสนองต่อการเรียกร้องของเขาได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู จนเขาร่ำๆ จะข้ามลัดขั้นตอนเล้าโลมไปและมุ่งเน้นสู่จุดสอดประสานเสียเดี๋ยวนั้นให้ได้
แต่วรันธารายังอ่อนเยาว์ หล่อนเป็นสาวพรหมจารี เขารู้ความจริงข้อนี้ดีจากจูบไร้เดียงสาของหล่อน ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุหลังที่ทำให้เขาอดทนต่อความต้องการสอดใส่อยู่แบบนี้
“เควิน…”
แสงไฟสีเหลืองนวลที่ติดอยู่ตามขอบผนังปูนยังคงให้ความสว่างเหมือนเดิมและมันก็ช่วยให้หล่อนสามารถมองเห็นทางเดินได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
วรันธารากระชับกระเป๋าเดินทางในมือแน่น เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดภายในอุ้งมือมากมายทั้งๆ ที่อากาศในตอนนี้ไม่ได้ร้อนอบอ้าวเลยสักนิด มันหนาวเหน็บเสียมากกว่า
หล่อนต้องไปจากที่นี่… ต้องรีบไปให้เร็วที่สุด ก่อนที่หน้ากากแห่งคำโกหกจะถูกกระชากออกด้วยมือของเควิน คาสโตรเซ่น ผู้ชายที่ฉลาดล้ำลึกคนนั้น
“อีกนิดเดียว…”
หญิงสาวพึมพำเบาๆ ในลำคออย่างให้กำลังใจตัวเอง ขณะที่สองเท้าก้าวไปข้างหน้าด้วยความรีบเร่ง มือเล็กข้างหนึ่งยกขึ้นจับชายผ้าคลุมหน้าเอาไว้แน่น เมื่ออีกไม่เกินสองร้อยเมตรจะถึงป้อมยามที่มีผู้ชายตัวใหญ่โตถึงสามคนยืนเฝ้าอยู่
“จะรีบไปไหนล่ะครับ… คุณยาย…”
เสียงคุ้นหูแต่แสนจะกระด้างดังอยู่ด้านหลังไม่ไกลนัก เท้าบอบบางของ วรันธาราชะงักกึก สรรพางค์กายสั่นเทาราวกับกำลังอยู่ท่ามกลางพายุร้าย
หล่อนจำได้ดี… จำเสียงทุ้มที่เจือเอาไว้ด้วยความเย่อเหย่อหยิ่งแบบนี้ได้ดี จะเป็นใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่…
“คุณ… เควิน…” กระเป๋าเดินทางในมือร่วงลงกองกับพื้น พร้อมๆ กับสองเท้าที่ซอยถี่ระรัวเพื่อจะหนีออกไปให้พ้นจากคฤหาสน์หลังงาม แต่มัจจุราชที่ไล่ตามหลังมากลับไม่ยอมให้หล่อนทำได้สำเร็จ
“โอ๊ย… ปล่อย… ปล่อยฉันนะคะ”
ไม่ช้าร่างเล็กของหล่อนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในคราบของหญิงชราแล้วก็ตกอยู่ในเงื้อมือของเควินในที่สุด
“ปล่อย… ปล่อยสิคะ”
หล่อนดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ และก็พยายามอย่างใหญ่หลวงที่จะซ่อนใบหน้าเอาไว้ใต้ผ้าคลุม
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณเคน” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามาสมทบ
“ไม่มีอะไรหรอก พวกนายกลับทำหน้าที่ของตัวเองเถอะ”
“แต่…”
“ทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เมื่อนายจ้างยืนยันหนักแน่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสามคนจึงจำต้องล่าถอยออกไป
และก็ทิ้งให้หล่อนเผชิญหน้ากับจอมมารร้ายอย่างเควิน คาสโตรเซ่นตามลำพัง
“ทีนี้ก็ถึงเวลากระชากหน้ากากแล้วล่ะ”
“คุณพูดบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิ”
เขาปล่อยจริงๆ นั่นแหละ แต่ปล่อยหล่อนให้หงายหลังลงกับพื้นอิฐ มือของหล่อนก็มัวแต่พะวงอยู่กับการรับน้ำหนักตัวเอง ทำให้ปล่อยผ้าคลุมหน้าหลุดร่วงไปโดยไม่ทันระวัง และแน่นอนว่าเควินได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของหล่อนอย่างชัดเจน
“นึกเอาไว้แล้วเชียว ว่ามันต้องเป็นแบบนี้”
วรันธาราหน้าซีดเผือด ตอนนี้ความลับไม่เหลืออะไรให้ผู้ชายตรงหน้าค้นหาอีกแล้ว เพราะเขาเห็นทุกอย่าง
“ฉัน… ฉัน…”
กรามแกร่งสีเขียวที่มีไรหนวดขึ้นสวยงามขบกันแน่น ดวงตาคมกริบที่เคยเป็นสีน้ำเงินอมดำยามนี้ลุกเป็นไฟ
เขากำลังโกรธ กำลังเดือดดาลสุดขีด
“เธอคุณเป็นใครกันแน่?!”
“ฉัน…” วรันธาราไม่เคยหวาดกลัวสิ่งใดเท่าอารมณ์ของเควินมาก่อนเลย หล่อนตัวสั่น ลมแทบจับ
“ฉัน… ฉันขอโทษ ฉัน… ขอโทษ…” หล่อนพยายามยกมือไหว้วิงวอนเขา แต่เขาไม่ให้มันกับหล่อนเลย
“ฉันผมถาม หูแตกหรือไง เธอคุณเป็นใคร?!”
“ฉัน… ฉันอยากได้งานทำ ก็เลย… ก็เลย…”
หล่อนรู้ว่าเขาเกลียดนักข่าวมาก หล่อนจึงไม่อาจจะบอกความจริงออกไปได้ แต่กระนั้นก็ไม่อาจจะปกปิดเขาได้นาน เมื่อไม่ช้าเควินก็กระชากร่างของหล่อนให้ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้า พร้อมกับคลำร่างกายของหล่อนเพื่อหาโทรศัพท์มือถือ และแน่นอนว่าเขาเจอมัน
“อย่า… เอาคืนมานะ”
“คิดว่าฉันผมจะโง่ ขนาดยอมให้คุณเธอเข้ามาหลอกถึงถิ่นได้ง่ายๆ หรือ แม่นักข่าวคนสวย…”
“คุณรู้…?!”
ใบหน้าของเควินมีรอยยิ้มหยัน แต่ดวงตาของเขายังลุกเป็นไฟเหมือนเดิม
เขากำลังโกรธจัด!
“ก็แค่สันนิษฐาน แต่การเช็คโทรศัพท์ของคุณเธอ จะทำให้ฉันผมรู้ความจริงทุกอย่าง จริงไหม”
คนฟังหน้าซีดเผือด “เอาคืนมานะคะ ฉันบอกว่าเอาโทรศัพท์ของฉันคืนมา”
เควินไม่ให้ เขาจับแขนกลมกลึงทั้งสองข้างของวรันธาราไพล่หลังเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้างกำลังเลื่อนดูโทรศัพท์มือถือของหญิงสาว
“ฉันจะแจ้งตำรวจ ถ้าคุณไม่คืนโทรศัพท์มาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
มุมปากสวยของเควินยกสูงเป็นรอยยิ้มหยัน “อย่าเอาตำรวจมาอ้าง เพราะโทษตามกฎหมายของคุณหนักหนากว่าของผมมาก หรือว่าคุณไม่รู้จักกฎหมายล่ะ คุณวรันธารา”
“คุณ…”
หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อเควินเรียกชื่อของหล่อนได้อย่างถูกต้อง
“คุณ… รู้ชื่อฉันได้ยังไงคะ”
เควินแค่นยิ้ม นัยน์ตาเลือดเย็นน่ากลัว “ก็หัวหน้าของคุณเรียกคุณแบบนี้ไม่ใช่หรือ นี่ไง… ในไลน์น่ะ”
คนฟังหน้าซีดแล้วซีดอีก คราวนี้ดิ้นไม่หลุดอีกแล้ว “ฉัน… ฉันจะลบรูปคุณออกให้หมด แล้วเราจบกัน…”
“คงไม่ได้หรอกมั้งคุณนักข่าว คุณส่งรูปของผมออกไปแล้วนี่”
“แต่… แต่ฉันจะโทรไปบอกหัวหน้า… ให้ลบรูปถ่ายคุณทิ้ง ฉันทำได้นะคะ ได้โปรด… ให้โอกาสฉัน… โอ๊ย…”
หญิงสาวร้องอุทานด้วยความเจ็บระบมเมื่อถูกคนตัวโตกระชากเข้ามาปะทะอกกว้างอย่างไร้ความเมตตา
“ฉันเจ็บนะ ปล่อย”
“เจ็บหรือ…?”
เขาถามกลับ ก่อนจะทำในสิ่งที่หล่อนต้องตกใจมากยิ่งขึ้น เพราะเครื่องมือสื่อสารของหล่อนถูกพ่อเจ้าประคุณปาลงพื้นจนแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี
“ว๊ายยยย…” วรันธารามองคนกระทำป่าเถื่อนอย่างโมโห “คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกัน คุณทำลายร้ายทรัพย์สินส่วนตัวของฉันทำไม”
“ถามจริงๆ เถอะ ไม่รู้ตัวเลยหรือว่าทำอะไรผิด”
เขาก้มหน้าต่ำลงมาหา ปลายจมูกโด่งเป็นสันสวยงามแทบจะชนเข้ากับใบหน้าของหล่อนเลยทีเดียว
แม้จะอยู่ในอารมณ์หวาดหวั่น หวาดกลัว แต่หัวใจก็อดที่จะสั่นไหวเพราะความชิดใกล้ไม่ได้
“ฉัน… ฉันก็แค่ถ่ายรูปคุณ”
“แล้วมันผิดหรือเปล่าล่ะ”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก่อนจะวิงวอน “ฉันรู้ว่าคุณเกลียดนักข่าวมาก แต่ฉันมีความจำเป็นต้องเข้ามาขโมยถ่ายรูปของคุณ ฉัน… ฉันขอโทษนะคะ ต่อไปฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”
“ไม่มีโอกาสสำหรับพวกเห็นแก่ตัวอย่างคุณอีกแล้วล่ะ”
“ว๊ายยยย…”
ร่างของวรันธาราถูกจับขึ้นพาดบ่าทรงพลัง ก่อนจะถูกแบกกลับเข้าไปในคฤหาสน์คาสโตรเซ่นอีกครั้ง
“คุณจะทำอะไร ปล่อย… ปล่อยฉันลงไปนะ”
“ก็อยากได้รูปผมนักไม่ใช่หรือ จะมอบให้แบบเอ็กซ์คลูซีฟเชียวแหละ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ความกรุ่นโกรธ
“ฉัน… ฉันไม่เอาแล้ว ไม่อยากได้แล้ว” หล่อนพยายามวิงวอน “ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันขอร้องล่ะ ว๊ายยย…” วรันธารากรีดร้องอย่างตกใจ เมื่อร่างของตัวเองถูกโยนลงบนเตียงกว้างของเควิน เตียงที่หล่อนแอบลูบคลำเมื่อตอนสาย ยามที่ขึ้นมาทำความสะอาด เตียงที่หล่อนแอบจินตนาการว่าได้ใช้ร่วมกับเจ้าของห้อง
“มันสายไปแล้วล่ะ คุณจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม”
พ่อเทพบุตรสุดหล่อเดินกลับไปล็อกประตูห้อง ก่อนจะเดินมาหยุดที่หน้าเตียงกว้างอีกครั้ง
“คุณ… จะทำอะไรน่ะ”
หญิงสาวหน้าตาซีดเผือด มองเควินที่ตอนนี้ดูน่ากลัวเหลือเกินอย่างตื่นตระหนก
“ผมจะจัดการกับคุณก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปจัดการกับป้าเดซี่ เพราะผมมั่นใจว่าป้าเดซี่จะต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี”
แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ไม่ต้องการให้ผู้มีพระคุณอย่างป้าเดซี่ต้องมาเดือดร้อนด้วย
“ป้าเดซี่ไม่รู้เรื่อง ถ้าจะลงโทษก็ทำที่ฉันคนเดียวเถอะ”
เควินแค่นยิ้มหยัน กระชากเสื้อนอนสีเข้มของตัวเองออกจนกระดุมขาดกระเด็น แผงอกกว้างที่แน่นหนั่นไปด้วยกล้ามเนื้อพุ่งเข้าใส่หน้าของวรันธาราอย่างจัง จนหญิงสาวอดที่จะมองตาค้างไม่ได้ เขาสวยงาม สมบูรณ์แบบแม้กระทั่งในยามที่กำลังเกรี้ยวกราด
“ถ้าคุณเธอยอมรับผิดคนเดียว โทษที่จะได้รับจะหนักขึ้นเป็นสองเท่า”
วรันธาราหวาดกลัวจนน้ำตาซึมแต่ก็จำต้องก้มหน้ายอมรับความผิดพลาดของตัวเอง “ฉัน… ยินดียอมรับความผิดคนเดียว ได้โปรดอย่าทำอะไรป้าเดซี่เลย ฉันผิดคนเดียวจริงๆ ค่ะ”
เควินโน้มกายที่ด้านบนเปลือยเปล่าลงมาหาช้าๆ แต่ด้วยกิริยาไม่ต่างจากท่าทางของราชสีห์ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ หญิงสาวถดถอยหลังหนีลนลาน หวาดกลัวจนน้ำตาไหล
“อย่า… ฆ่าฉันเลยนะคะ ได้โปรดเถอะ”
“ผมไม่ฆ่าคุณหรอก วรันธารา”
“ไม่ฆ่า… แล้วคุณจะทำอะไรฉันคะ”
รอยยิ้มเลือดเย็นยังคงเกลื่อนใบหน้าหล่อลากดินเหมือนเหมอืนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือสายตาของเควิน ไฟในดวงตาคมกริบมันไม่ใช่ไฟโทสะเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว แต่มันมีไฟอีกอย่างลุกโชนอยู่ในนั้น ไฟที่หล่อนได้เห็นก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“นอนกับคุณยังไงล่ะ”
“ห๊า!”
“ผมฉันรู้ว่าคุณเธออาจจะดีใจ แต่ผมฉันอยากจะบอกคุณเธอเอาไว้นะว่าไม่ควรจะดีใจ เพราะผมฉันจะไม่ปรานีคุณเธอแม้แต่น้อย”
คำพูดทระนงของเขาทำให้แก้มนวลที่ซีดเผือดมาเป็นเวลานานแดงระเรื่อ
“ฉัน… ฉันไม่ได้ดีใจ และที่สำคัญ… ฉันจะไม่ยอมนอนกับคนเถื่อนอย่างคุณด้วย หลีกไปนะ ฉันจะออกไปจากที่นี่”
เขาไม่หลบไม่หลีก แถมยังโน้มตัวเข้ามาหามากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ชิดจนหล่อนได้กลิ่นกายแสนเซ็กซี่ของเขาเต็มจมูก
“เสียใจด้วยแม่นักข่าวใจกล้า ที่นี่เข้ายากแค่ไหน การออกไปจากที่นี่ก็จะยากมากกว่าเป็นร้อยเท่า”
“คุณจะขังฉันไว้ที่นี่ไม่ได้นะคะ”
“ผมฉันทำได้สิ คอยดูก็แล้วกัน”
“แต่… แต่คุณไม่มีสิทธิ์รังแกร่างกายของฉัน”โต้แย้งไปแก้มก็แดงไปเพราะความขัดเขินระคนอับอาย
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสองสามครั้ง และมันก็ทำให้คนที่เผลอหลับไปรู้สึกตัวตื่นขึ้น
“นี่เราเผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย” หญิงสาวมองออกไปทางหน้าต่าง ก่อนจะพบว่าดวงดาวพราวขึ้นเต็มท้องฟ้าแล้ว
“มืดแล้วนี่น่า”
ปัง! ปัง!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกสองครั้ง
วรันธาราหันไปมอง ก่อนจะร้องตะโกนถามออกไป “ใครคะ ป้าเดซี่หรือเปล่า”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่เสียงกำปั้นกระทบบานประตูยังคงดังซ้ำขึ้นอีกหลายครั้ง
“รอสักครู่นะคะ”
วรันธาราหญิงสาวรีบก้าวลงจากเตียง และกำลังจะเดินไปถึงประตูห้องอยู่แล้วเชียว แต่เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
ถ้าไม่ใช่ป้าเดซี่ล่ะ แต่เป็นคนอื่น?
เมื่อคิดได้แบบนี้ หญิงสาวจึงถลันกลับไปที่เตียง และมองหารอยแผลเป็นปลอมที่วางเอาไว้
“อยู่ตรงไหนนะ”
ในขณะที่หล่อนพยายามมองหาอุปกรณ์อำพรางใบหน้า เสียงเคาะประตูก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่คราวนี้มีเสียงดังตามติดมาด้วย
“เควิน…!”
หญิงสาวครางในลำคอด้วยความตื่นตกใจ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่มองหาสิ่งที่ต้องการเจอพอดี
“มา… มาได้ยังไงเนี่ย”
“เปิดประตูหน่อยครับ”
“แป๊บแปบ…แป๊บ แปบนะคะ” วรันธารารีบปั้นเสียงแก่ชรา พร้อมกับรีบเอารอยแผลเป็นปลอมปิดที่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“มาแล้วค่ะ”
หล่อนรีบวิ่งไปที่ประตูห้อง ยืนรวบรวมความกล้าอยู่สองสามอึดใจก็ตัดสินใจเปิดออกไป
เควิน คาสโตรเซ่นยืนจังหาอยู่ตรงหน้า ความหล่อเหลาของเขากระแทกใส่หน้าของหล่อนทุกครั้งที่ได้พบเห็น หัวใจของหล่อนสะท้าน ต้องใช้ความพยายามมากมายนักกว่าจะละสายตาจากความสมบูรณ์ของชายหนุ่มได้
“คุณ… เควินมาธุระอะไรกับยายเหรอคะ”
เควินอมยิ้มให้เป็นอันดับแรก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ขอผมเข้าไปข้างในได้ไหมครับ”
ไม่ได้! หล่อนปฏิเสธในใจ แต่นอกใจจำต้องยิ้มและเอ่ยอนุญาตอย่างไม่มีทางเลือก
“ได้… ได้สิคะ เชิญค่ะ”
ห้องพักของหล่อนคับแคบลงถนัดตาเมื่อมีผู้ชายรูปร่างสูงราวกับตึกสิบชั้นอยู่ภายใน
“เอ่อ คุณเควินมีธุระอะไรกับยายเหรอคะ” หล่อนถามคำถามเดิมอีกครั้ง เพราะเขายังไม่ยอมตอบ
หลังจากตวัดสายตาสำรวจภายในห้องพักของหญิงชราตรงหน้าอย่างละเอียดลออแล้ว เควินจึงเลื่อนสายตามาจ้องหน้าคู่สนทนาแทน
“วันนี้ทำความสะอาดห้องของผมเป็นยังไงบ้างครับ”
วรันธารารู้สึกไม่ต่างจากการถูกเอามีดแหลมจี้ลงบนหัวใจ หรือว่าเควินจะรู้ หรือว่าเขาสงสัย ไม่นะ… ไม่นะ…!
“เอ่อ ก็ดีค่ะ มี… มีอะไรหรือเปล่าคะ”
พ่อเจ้าประคุณสุดหล่อระบายยิ้มอีกแล้ว แต่ทำไมนะดวงตาสีน้ำเงินอมดำคู่นั้นกลับไม่ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับริมฝีปากหยักสวยเลย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่จะชมเชยว่ายายทำความสะอาดได้ดีมาก”
วรันธาราลอบเป่าปากอย่างโล่งอก “ขะ ขอบคุณค่ะ มันเป็นหน้าที่ของยายอยู่แล้วค่ะ”
เควินจ้องหน้าคู่สนทนา ก่อนจะมองเลยไปยังเตียงสีขาวเล็กแคบที่อยู่ด้านหลังของวรันธารา
“ยายดูวัยรุ่นมากนะครับ”
“คุณ… เควินหมายถึง…”
วรันธาราหันหลังกลับไปมองบนเตียงตามที่สายตาของเควินจ้องอยู่ ก่อนที่ใบหน้าจะซีดเผือด โทรศัพท์ของหล่อนวางอยู่บนเตียง ทำไมหล่อนสะเพร่าแบบนี้นะ
“อ้อ… ยาย… ยายชอบไอโฟนน่ะค่ะ มันทันสมัยดี แต่ก็ใช้ไม่ค่อยเป็นหรอก…”
“หรือครับ”
“ค่ะ…”
วรันธาราเสหลบสายตาคาดคั้นของเควิน เนื้อสาวสั่นเทาจนแทบจะซ่อนเอาไว้ไม่มิด
“เอาเป็นว่าผมไม่กวนเวลาพักผ่อนของยายแล้วล่ะครับ หวังว่าพรุ่งนี้เราคงได้พบกันอีก”
เควินพูดแปลกๆ แต่เพราะความหวาดกลัวทำให้หล่อนไม่ได้ใส่ใจมันนัก ตอนนี้ต้องเอาเหตุการณ์ตรงหน้าให้รอดเสียก่อน
“เอ่อ… เดินกลับดีๆ นะคะ” วรันธารารีบเดินมาส่งเควินที่ปากประตูทันที
“ขอบคุณครับ”
เควินหันมายิ้มให้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้รอยยิ้มที่เห็นมันดูเลือดเย็นจนน่าเส้นขนที่แผ่นหลังลุกชัน
“อ้อ ผมลืมบอกไป… แผลเป็นของยายมหัศจรรย์ดีนะครับ เช้าอยู่ข้างซ้าย พอค่ำๆ อยู่ข้างขวา”
วรันธาราอ้าปากค้าง รีบยกมือขึ้นกุมหน้าของตัวเอง
“เอ่อ… คือ… คือว่า…”
หล่อนพยายามจะหาข้อแก้ตัว แต่เควินเดินหายไปในความมืดเสียแล้ว ทิ้งให้ วรันธาราจมดิ่งอยู่กับความผิดพลาดครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิตตามลำพัง
“เขา… เขาเหมือนจะรู้… เขาเหมือนจะรู้ว่าเรา…”
หญิงสาวปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา พลางเดินกลับไปกลับมาราวกับหนูติดจั่น
“จะทำยังไงดีล่ะ คิดสิ คิดสิธาร คิดสิ…” ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนบ้า
ต้องไป… ต้องออกไปจากที่นี่ ใช่… นี่แหละคือทางรอดเดียวที่มี เพราะ เควินคงจะรู้แล้ว คงจะรู้หมดแล้วว่าหล่อนไม่ใช่ยายแก่อย่างที่พยายามยนามแสดงออก
เขาฉลาดเหลือเกิน ในขณะที่หล่อนก็สะเพร่าอย่างไม่น่าให้อภัย
วรันธารารีบตรงปรี่ไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากตู้ จากนั้นก็เก็บข้าวของทุกชิ้นของตัวเองยัดลงไปในนั้น ก่อนจะเฝ้ารอ… เฝ้ารอเวลาที่จะสามารถเดินทางออกไปจากคฤหาสน์คาสโตรเซ่นอย่างปลอดภัย
วรันธาราใช้เวลาอยู่ภายในห้องนอนของเควิน เกือบครึ่งวัน ซึ่งแน่นอนว่าการใช้เวลานานขนาดนี้ก็ทำให้หล่อนได้รูปถ่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟมาไม่น้อย
“เป็นยังไงบ้างหนูธาร เรียบร้อยดีไหม”
“อุ๊ย…”
วรันธารายกมือขึ้นทาบอกพร้อมกับอุทานตกใจเสียงดังก่อนจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นป้าเดซี่
“ป้าเดซี่นั่นเอง หนูตกใจแทบช็อกเลยค่ะ”
ป้าเดซี่ขมวดคิ้ว มองคู่สนทนาด้วยความประหลาดใจ “ตกใจเหมือนกับคนทำความผิดมาอย่างนั้นแหละหนูธาร”
“อ๋อ… ไม่… ไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอกค่ะป้าเดซี่ หนูแค่… กำลังคิดอะไรเพลินๆ น่ะค่ะ ก็เลยตกใจมากไปหน่อย”
ป้าเดซี่พยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามถึงงานที่ให้ไปทำ “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมหนูธาร เอ่อ แล้วเมื่อเช้าตอนที่เข้าไปในห้อง คุณเคนอยู่ไหม”
แก้มนวลของวรันธาราแดงระเรื่อ เมื่อภาพกึ่งเปลือยของเควินชัดเจนขึ้นในสมองอีกครั้ง
“ก็… ก็อยู่ค่ะ” หล่อนเสหลบสายตาของคู่สนทนา
“ตายแล้ว! แบบนี้คุณเคนก็โกรธแย่น่ะสิ ตายๆ ป้าจะแก้ตัวยังไงดีเนี่ย โอ๊ย…” ป้าเดซี่เดินกลับไปกลับมาด้วยความวิตกกังวล
“คุณเคนไม่ได้โกรธอะไรหรอกค่ะป้าเดซี่ แค่สงสัยว่าทำไมหนูขึ้นไปบนห้องนอนได้เท่านั้นแหละค่ะ”
“จริงเหรอ แล้วท่านไม่โกรธเหรอที่ขึ้นไปรบกวนน่ะ”
วรันธาราส่ายหน้าน้อยๆ “เห็นมีแค่ไม่พอใจเล็กน้อยน่ะค่ะ ก่อนจะไล่หนูออกจากห้อง เพราะคุณเคนของป้าจะแต่งตัว”
“ห๊า! แสดงว่า…”
เป็นอีกครั้งที่วรันธาราพยักหน้าหงึกๆ “ค่ะ หนูเข้าไปตอนที่คุณเคนกำลังอาบน้ำพอดี”
ป้าเดซี่แทบทรุด “ป้าวิ่งมาหาหนูที่ห้องแล้วตอนที่รู้ว่าคุณเคนจะลงมารับประทานอาหารเช้าสาย แต่ไม่ทัน…”
วรันธาราดึงมือของป้าเดซี่มากุมเอาไว้ พลางให้กำลังใจ “ป้าเดซี่สบายใจเถอะค่ะ คุณเคนไม่ได้โกรธอะไรเลย”
“แต่ป้าก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี”
“อย่าคิดมากสิคะป้า ทุกอย่างจะราบรื่น”
ป้าเดซี่ยิ้มบางๆ ให้กับวรันธารา “ขอบใจหนูธารมากนะที่พยายามทำอย่างเต็มที่ เอาเป็นว่าวันนี้พักผ่อนได้แล้วล่ะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
“ขอบคุณค่ะป้า หนูก็รำคาญไอ้แผ่นติดหน้านี้จะแย่อยู่แล้วเหมือนกัน” หญิงสาวยกมือขึ้นไปแตะที่รอยแผลเป็นจอมปลอมบนใบหน้าก่อนจะดึงมันออก
“ทนไปอีกหน่อยก็แล้วกันนะ เดี๋ยวป้าจะพยายามหาทางช่วย”
วรันธารามองคู่สนทนาอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ “ป้าอย่าลำบากเพื่อหนูอีกเลยค่ะ เพราะบางทีหนูอาจจะอยู่ที่นี่ไม่ได้นานอย่างที่ป้าคิดเอาไว้ก็ได้”
“หนูธารหมายความว่ายังไงเหรอ”
“เอ่อ คือหนูหมายถึง… สักวันหากหนูทำอะไรไม่ดี คุณเคนอาจจะไล่หนูออกก็ได้”
ป้าเดซี่ยิ้มบางๆ มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู “งั้นป้าไปก่อนนะ เดี๋ยวค่ำๆ ป้าจะยกอาหารมาให้”
“อย่าเลยค่ะป้า เดี๋ยวธารแอบเข้าครัวไปหาอะไรกินเองค่ะ” วรันธาราเอ่ยอย่างเกรงใจเป็นที่สุด
“ทำอย่างนั้นไม่ได้นะหนูธาร เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าเรื่องจะยุ่ง”
หญิงสาวอมยิ้ม “ไม่มีใครตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ หรอกค่ะ และหนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้ป้าเดือดร้อน”
แม้จะรู้สึกทั้งหนักใจทั้งวิตกกังวลแต่ป้าเดซี่ก็เชื่อใจวรันธารา
“งั้นก็ระวังตัวให้มากๆ ก็แล้วกันนะ ป้าไปล่ะ”
“ขอบคุณป้ามากค่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
ป้าเดซี่ยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักของหญิงสาวที่ตัวเองพาเข้ามาทำงานในคฤหาสน์คาสโตรเซ่น
วรันธารายืนมองจนร่างของป้าเดซี่หายไปจากสายตาจึงดึงบานประตูไม้ให้ปิดสนิทลง พร้อมกับล็อกประตูอย่างแน่นหนา จากนั้นก็รีบเดินมานั่งลงบนขอบเตียง มือเล็กล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากระเป๋ากระโปรงบานตัวใหญ่
นิ้วเรียวขาวสะอาดเลื่อนสไลด์หน้าจอจนมันสว่างวาบขึ้น ไม่ช้ารูปที่ถ่ายทั้งหมดในวันนี้ก็อยู่ในสายตา
ห้องนอน เตียงนอน ห้องนอน และรูปของเควินยามที่นอนอาบแดดอยู่ริมสระว่ายน้ำ หล่อนแอบถ่ายได้จากทางหน้าต่างบานใหญ่ของห้อง แม้จะไกลๆ แต่แค่มองก็รู้ว่าผู้ชายในรูปคือใคร
หล่อขนาดนี้จะเป็นใครไปได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่… เควิน คาสโตรเซ่น
หญิงสาวเลื่อนดูรูปไปเรื่อยๆ ความละอายใจเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอก บางครั้งก็อยากจะกดลบภาพทิ้งไป แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะลบมันออกไปได้
“ท่องไว้ธาร มันคืองาน… งาน…”
โทรศัพท์ที่กำลังถืออยู่ในมือสั่นเตือนแรงๆ และที่หน้าจอก็มีสายเรียกเข้ามาพอดี
“หัวหน้า…”
วรันธาราถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย อยากจะทำเป็นเพิกเฉยต่อผู้บังคับบัญชา แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“ค่ะ หัวหน้า”
“เป็นยังไงบ้างคุณวรันธารา ได้รูปของเควิน คาสโตรเซ่นหรือยัง”
หญิงสาวลำบากใจ ไม่น้อย “ได้แล้วค่ะ แต่มีแค่ห้องนอน ห้องน้ำ เตียงนอน ตู้เสื้อผ้าเท่านั้นนะคะ”
“เฮ้ย… แล้วรูปตัวคนล่ะไม่มีบ้างหรือไง คุณก็รู้ว่าตัวขายคือเควิน คาส โตรเซ่น”
แอนโทนี่โวยวายเสียงดังลั่นมาตามสาย จนวรันธาราต้องถอนใจออกมาแรงๆ อ
“มีแต่ในระยะไกลๆ น่ะค่ะ ธารว่ารอให้ธารแอบถ่ายใหม่ดีกว่า”
“ส่งมาเลย… ส่งทุกรูปที่คุณมีอยู่ในตอนนี้มาให้ผมทางไลน์ด่วนเลยนะ”
“แต่หัวหน้าคะ ธารยังทำงานไม่เสร็จเลยนะคะ…” หญิงสาวจะคัดค้าน แต่ก็ไม่สำเร็จเช่นเคย
“ส่งมาให้ผมดูเถอะน่า ผมแค่จะดูเฉยๆ ว่ารูปใช้ได้หรือยัง ถ้าใช้ได้แล้ว คุณจะได้ออกมาจากคฤหาสน์คาสโตรเซ่นยังไงล่ะ”
ฝีมือการล่อหลอกของแอนโทนี่ยังจะเก่งฉกาจเช่นเดิม เพราะสุดท้ายคนที่ถูกหว่านล้อมก็คล้อยตามอย่างง่ายดาย
“หัวหน้าต้องสัญญานะคะว่ายังไม่ส่งรูปพวกนี้ไปตีพิมพ์”
“ผมสัญญาน่ะ ส่งมาเลย เร็วๆ เข้า”
“ได้ค่ะ ธารจะรีบส่งไปค่ะ”
“วางหูจากผมเสร็จก็รีบส่งมาเลยนะ ไม่อย่างนั้นผมไล่คุณออก โทษฐานขัดใจผม”
“ค่ะ หัวหน้า”
วรันธาราตัดสายของแอนโทนี่ทิ้ง ก่อนจะนั่งถอนใจมองรูปถ่ายจำนวนมากในโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างสับสน
“แค่รูปห้องนอน ห้องนอน เตียงนอน คงไม่ทำให้เควินเสียหายอะไรหรอกน่า ส่งรูปให้กับหัวหน้าเถอะธาร เรื่องจะได้จบๆ สักที เธอจะได้ออกไปจากที่อันตรายแห่งนี้เร็วๆ ยังไงล่ะ” ปลอบตัวเองแบบนั้น ก่อนจะรีบส่งรูปที่แอนโทนี่ต้องการไปทางไลน์ทันที ส่งจนหมด ยกเว้นรูปถ่ายที่ริมสระน้ำที่หล่อนไม่ยอมส่งไป
โทรศัพท์มือถือสั่นอีกครั้ง และก็เป็นคนเดิมที่โทรมา วรันธาราไม่อยากจะรับสาย แต่ก็ต้องรับ
“ค่ะ หัวหน้า”
“ไหนบอกมีรูปที่สระว่ายน้ำด้วยไงล่ะ ส่งมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“แต่… แต่มันไม่ค่อยชัดค่ะ ธารว่ารอรูปใหม่ที่ชัดกว่านี้ดีกว่านะคะ”
“ไม่ได้ส่งมาเดี๋ยวนี้ หรือว่าคุณอยากถูกไล่ออก”
วรันธาราไม่มีทางเลือก
“ค่ะ ธารจะส่งให้เดี๋ยวนี้”
“ดีมาก ถ้าให้ผมต้องโทรมาจิกอีกล่ะก็ ผมไล่คุณออกจริงๆ ด้วย”
แล้วหัวหน้าของหล่อนก็ตัดสายไป
“ฉันขอโทษนะคุณเควิน ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อปากเพื่อท้อง ฉันขอโทษ… ขอโทษจริงๆ”
นิ้วเรียวกดส่งรูปถ่ายของเควินตรงที่สระว่ายน้ำไปให้แอนโทนี่จนหมดทุกรูป จากนั้นหล่อนก็ส่งข้อความไปบอกแอนโทนี่ว่าอย่าพึ่งแพร่งพรายพร่ายรูปของ เควินออกไป ซึ่งแอนโทนี่ก็ตอบรับอย่างดี
“ฉันขอรูปคุณอีกไม่กี่ภาพ ฉันก็จะไปจากที่นี่แล้ว หวังว่าคุณ… จะไม่เกลียดฉันนะคะ”
หญิงสาวพึมพำอย่างละอายใจ ขณะล้มตัวลงนอนหงายบนเตียง และเพราะต้องตกอยู่ในสภาวะเคร่งเครียดมาตลอดทั้งวัน ทำให้หล่อนหลับใหลไปโดยไม่รู้ตัว
“ยายคนนั้นไปไหนซะแล้วล่ะครับ ป้าเดซี่”
จู่ๆ คนที่นั่งรับประทานอาหารค่ำอยู่ก็เอ่ยขึ้นมา และถ้าไม่เอ่ยถึงวรันธาราป้าเดซี่ก็คงไม่ต้องตกใจจนหน้าซีดเผือดแบบนี้
“เอ่อ… กลับ… กลับที่พักไปแล้วล่ะค่ะ”
เควินพยักหน้ารับ
“ว่าแต่คุณเคน… ถามหายายแกทำไมเหรอคะ”
ไหล่กว้างของเควินไหวน้อยๆ ก่อนที่ดวงตาคมกริบจะช้อนขึ้นจ้องไปที่คู่สนทนา
“ผมก็แค่อยากจะชมเชยน่ะครับ ห้องผมสะอาดมาก”
ป้าเดซี่ลอบเป่าปากอย่างโล่งอก “อ๋อ ถ้าเรื่องแค่นี้ เดี๋ยวป้าบอกยายแกให้พรุ่งนี้นะคะ”
เควินอมยิ้ม พลางรวบช้อนกับส้อมเข้าหากัน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนตระหง่าย “ผมไม่รบกวนป้าเดซี่หรอกครับ”
“คุณ… คุณเคนจะไปไหนเหรอคะ”
พอเห็นเควินลุกขึ้นยืน ป้าเดซี่ก็ตกใจตาตั้งเลยทีเดียว
“ผมจะไปเยี่ยมยายที่ห้องนะครับ อ้อ… แล้วป้าเดซี่ไม่ต้องตามมานะครับ ผมจะไปเป็นการส่วนตัว”
“ตะ แต่ว่า…” ป้าเดซี่ช็อกแทบทรุด
“ป้าเดซี่ทำหน้าเหมือน… กำลังจะตายนะครับ”
“ปละ… เปล่าค่ะ ป้าแค่… แค่กลัวยายแกจะตกใจที่คุณเคนเดินทางไปหาด้วยตัวเองน่ะค่ะ”
“ถ้ายายแกไม่มีอะไรปิดบังผมอยู่ แกคงไม่ตกใจหรอกครับ”
เควินยิ้มบางๆ ก่อนจะหมุนตัวและเดินออกไป
ป้าเดซี่ที่ยืนอยู่เซแทบล้ม เรนนี่ที่อยู่ใกล้ๆ รีบเข้ามาประคอง
“ป้าเดซี่เป็นอะไรไปคะ หน้าตาซี๊ดซีด…”
“กำลังจะตาย…”
“ห๊า… ป้าเดซี่กำลังจะตาย งั้น… งั้นหนูเรียกรถพยาบาลให้นะคะ” เรนนี่ตกใจมาก
“ไม่ต้องหรอก แค่พาป้ากลับไปที่ห้องพักก็พอ”
“ป้าเดซี่แน่ใจนะคะว่าไม่ให้เรียกรถพยาบาล” เรนนี่ยังคงเป็นห่วง
“แน่ใจ… พาป้าไปที่ห้องเถอะ”
แล้วเรนนี่ก็ประคองป้าเดซี่กลับไปห้องพักอย่างทุลักทุเล
ประตูไม้แกะสลักตรงหน้าช่างใหญ่โตสมกับอำนาจของเจ้าของยิ่งนัก วรันธารายืนเหงื่อแตกพลั่กอยู่หลังบานประตูไม้ด้วยความหัวใจที่เต้นแรงระรัว
หลายครั้งที่อยากจะถอยหลังกลับ และหนีออกไปจากที่นี่ซะ แต่ทุกครั้งก็ถูกยุดหยุดรั้งเอาไว้ด้วยคำว่าหน้าที่ และงาน
สุดท้ายแล้วมือเล็กก็จำต้องกุมลูกบิดประตูทองเหลืองเอาไว้แน่น ก่อนจะกลั้นใจผลักมันให้เข้าไปภายใน
ภายในห้องนอนของเควิน คาสโตรเซ่น ถูกตกแต่งด้วยสีสันและเฟอร์นิเจอร์ไม่ต่างจากห้องทำงานของเขาเลยแม้แต่น้อย โทนสียังคงเข้มและลึกลับเหมือนเดิม มีแต่เตียงนอนกว้างใหญ่ขนาดคิงไซส์ตรงหน้าของหล่อนเท่านั้นที่เป็นสีอื่น
สีขาว…
ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะสามารถเข้ามาอยู่ในอาณาจักรของมหาเศรษฐีจอมเถื่อนได้จริงๆ และตอนนี้มันก็คือโอกาสเหมาะแล้วที่หล่อนจะเก็บภาพทุกซอกทุกมุมของห้องนอนกว้างโอ่อ่าแห่งนี้เอาไว้ เพื่อที่จะได้นำไปมอบให้กับแอนโทนี่ผู้เป็นหัวหน้างาน
อย่าทำนะ!
ทำไปเถอะ เพราะมันคืองาน!
สุ่มเสียงในหัวกำลังโต้เถียงกันอยู่อย่างดุเดือด และก่อนที่หล่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ประตูห้องน้ำที่อยู่ลึกเข้าไปในสุดก็เปิดผั๊วะออกมา พร้อมๆ กับความตกใจระคนตื่นตะลึงของหล่อนที่ระเบิดขึ้น
ผู้ชายในสภาพ…
กึ่งเปลือย…!
ดวงตากลมโตเบิกตาแข่งกับไข่ห่าน ในขณะที่จ้องมองบุรุษที่ตอนนี้มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันรอบสะโพกเอาไว้หมิ่นๆ ราวกับไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
ทำไมรูปร่างของเควินถึงได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้นะ ร่างสูงใหญ่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นหนั่น ที่หน้าท้องก็เต็มไปด้วยซิกแพคที่ผู้ชายแทบทั้งโลกต้องการครอบครอง และผู้หญิงทั้งโลกต้องการลูบไล้สัมผัส แถมเส้นขนสีเข้มยังรกเลื้อยเต็มแผงอกกว้างอีกต่างหาก
เควินหล่อเหลาดึงดูดใจเหลือเกิน ไม่ว่าจะมองตรงไหน ทุกสัดส่วนของเรือนกายหนุ่มก็ไร้ที่ติ
วรันธาราหอบหายใจระรัวกับความงดงามของบุรุษเพศที่ได้พบเห็น ทุกอณูเนื้อสาวเกร็งเครียดขึ้นมาอย่างน่าหวาดหวั่น ในขณะที่ทรวงอกเคร่งเครียดขึ้นจนส่วนยอดของมันแข็งเป็นไต
นี่หล่อนกำลังเป็นอะไรไป ทำไมถึงรู้สึกวู่วูบวาบ ร้อนฉ่ารุนแรงแบบนี้ และที่ซอกขาก็ยัง…
เปียก…!
นี่หล่อน…?
หากไม่มีอุปกรณ์ตกแต่งบนใบหน้าเควินคงได้เห็นสีแดงจัดบนแก้มนวลของหล่อนไปแล้ว
โอ้ ไม่… มันจะต้องไม่เป็นแบบนี้…
ศีรษะทุยสวยที่ตอนนี้มีวิกสีขาวโพลนสวมคลุมเอาไว้สะบัดแรงๆ พยายามเรียกสติสตังให้กลับคืนมา แต่ให้ตายเถอะ หล่อนควบคุมสติไม่ได้อีกแล้ว
ดวงตาสีน้ำเงินที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำมืดจ้องมองมา ตรึงสองเท้าของหล่อนให้แน่นิ่งไร้เรี่ยวแรง หล่อนขยับไม่ได้ แค่จะกะพริบตายังทำได้ลำบาก ส่วนหัวใจน่ะเหรอ ไม่ต้องไปพูดถึงเลย เพราะมันหยุดเต้นไปนานแล้ว ตั้งแต่เห็นเควินก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้วล่ะ
“ยายเข้ามาทำไมในห้องของผม”
น้ำเสียงกระด้างถือตัว แต่กระนั้นก็ยังไม่ร้ายกาจเท่ากับสายตาที่จ้องเขม็งมองมา เพราะบอกให้รู้ว่าเควินกำลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก
วรันธาราพยายามบอกตัวเองให้ถอยออกห่าง แต่กลับขยับเท้าไม่ได้ จนสุดท้ายเควินก็ก้าวมาหยุดตรงหน้า ในระยะที่เรียกกว่าใกล้ชิด
“คือ…”
ดวงตากลมโตซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ไม่อาจจะปลอมแปลงให้แก่ชราได้ตามใบหน้าช้อนขึ้นสูง และปะทะกับสายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยโทสะของเจ้าของหนุ่มหล่อเควินอย่างจัง
สติของหล่อนคล้ายจะลางเลือน โลกทั้งใบสั่นสะเทือนราวกับถูกเขย่าด้วยมือของมัจจุราช หล่อนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มึนงง และลุ่มหลงจนไม่สามารถบังคับตัวเองได้
“ผมถาม… เข้ามาทำไมในห้องนอนของผม”
ดวงตาคมจัดทรงอานุภาพจ้องมองมาอย่างเอาเรื่อง และมันก็ส่งผลให้กายสาวสะเทือนรุนแรง
“คือฉัน… เอ่อ ยาย… ยาย…”
“ถ้าตอบคำถามผมไม่ได้ ผมคงต้องไปถามเอาจากป้าเดซี่เอง”
แววตาตื่นกลัวของวรันธาราฉายชัดขึ้นมาทันที “อย่า… อย่านะคะ ยาย… ยายขึ้นมาทำความสะอาดค่ะ”
มุมปากหยักสวยของเควินยกขึ้นสูงเป็นรอยยิ้มหยันเยาะ “ถ้ายายเป็นสาวๆ ผมคงคิดว่าขึ้นมาถ้ำมอง แต่ดูจากสภาพแล้วไม่น่าใช่ จริงไหมครับ”
“จะ จริงสิคะ ยาย… ยายขึ้นมาทำความสะอาดจริงๆ”
“แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของยายนี่ครับ”
“คือ… ยายอาสาขึ้นมาทำแทนคนเก่าน่ะค่ะ เห็นคุณเดซี่บอกว่าลาป่วย”
เควินไม่ตอบ แต่กลับเดินวนไปรอบๆ ร่างของวรันธารา หญิงสาวยืนตัวตรงด้วยความประหม่า สองมือกำแน่นอยู่ข้างลำตัว ภาวนาให้เควินไม่สงสัยอะไรมากเกินไปกว่านี้อีก
“ทำไมผิวของยายไม่เห็นย่นเหมือนหน้าตาล่ะครับ ขาวเนียนราวกับผิวของสาวๆ”แถมยังหอมอีก แต่ประโยคหลังเควินแค่คิดภายในใจ ไม่ได้พูดออกไป
วรันธาราตกใจหน้าซีด รีบหันไปเผชิญหน้าพ่อหนุ่มกึ่งเปลือยที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“คือ… คงเป็นกรรมพันธุ์น่ะค่ะ”
“หรือครับ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะหลบสายตา แต่พอไม่มองที่ใบหน้าหล่อลากดิน ก็ต้องเลื่อนลงมามองที่หน้าอกกว้างสมบูรณ์แบบแทน และนั่นก็ทำให้หล่อนสั่นไปทั้งตัวอีกครั้ง
เควินเห็นท่าทางประหม่าของยายแก่ตรงหน้าก็อมยิ้ม “เอาเป็นว่าผมจะรีบแต่งตัวและออกไปข้างนอกก็แล้วกันนะครับ ยายจะได้ทำความสะอาดห้องได้สะดวกขึ้น”
“เอ่อ… ขอบคุณค่ะ”
รอยยิ้มจากกลีบปากอิ่มของสตรีสูงวัยตรงหน้าผุดพรายขึ้น ดวงตากลมโตก็สดใสน่ามองอย่างประหลาด
“ตอนสาวๆ ยายคงมีหนุ่มๆ มารุมจีบเยอะใช่ไหมครับ”
พอเควินชวนคุยเรื่องอื่น วรันธาราก็รู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น หล่อนยิ้มหวานและนั่นก็ทำให้คนที่มองอยู่หัวใจกระตุกมากยิ่งขึ้นจนต้องหันหน้าหนี
“ก็มีบ้างค่ะ แต่ไม่เยอะหรอก ว่าแต่คุณเควินถามยายทำไมเหรอคะ”
เควินยักไหล่กว้าง ก่อนจะเดินออกห่าง และตัดบททันที
“ผมขอเวลาแต่งตัวห้านาที ยายออกไปรอนอกห้องก่อนก็ได้ แต่ถ้าไม่กลัวว่าจะเป็นตากุ้งยิงเพราะเห็นผมโป๊ จะยืนดูผมแก้ผ้าตรงนี้ก็ได้ครับ ผมไม่ถือสาคนแก่หรอก”
“ออก… ยายจะออกไปรอข้างนอกค่ะ”
แค่เขากึ่งเปลือยหล่อนก็ลมแทบจับแล้ว นี่ถ้าเห็นเขาเปลือยทั้งตัว หล่อนไม่คง…
วรันธาราส่ายหน้าแรงๆ และรีบวิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว
“วิ่งเร็วราวกับสาวๆ”
เควินมองตามไปด้วยสายตาประหลาดใจก่อนจะปลดผ้าขนหนูที่พันรอบสะโพกออก และสวมเสื้อผ้าในเวลาต่อมา
วรันธารายืนพิงอยู่กับบานประตูไม้ห้องนอนของเควินด้วยท่าทางหมดเรี่ยวหมดแรง หน้าอกอวบอัดที่อยู่ใต้เสื้อตัวโคร่งสะท้อนขึ้นลงถี่ระรัว ดวงตากลมโตยังคงเบิกกว้าง
“ขืนอยู่ใกล้หมอนี่อีกวันเดียว เราต้องเป็นบ้าแน่ๆ”
ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ขนาดมีผ้าขนหนูติดกายแค่ผืนเดียวยังดูดีขนาดนี้ แล้วถ้า… ถ้าเขาไม่มีอะไรเลยบนร่างกายล่ะ
ไม่ ไม่ ไม่!
อย่าคิดแบบนี้ ธาร… เธออย่าคิดอะไรบ้าๆ นะ เธอมาทำงาน และที่สำคัญหลังจากงานเสร็จ เควิน คาสโตรเซ่นก็จะเป็นทางขนานที่หล่อนไม่มีทางได้พบเจออีกเลย
วรันธาราหน้าตาหม่นหมองลง เพราะรู้ตัวแน่ชัดแล้วว่าตกหลุมรักพ่อมหาเศรษฐีจอมเถื่อนเรียบร้อยโรงเรียนเทกซัสไปแล้ว
กำลังท้อแท้กับชะตาชีวิตอยู่ดีๆ ประตูห้องที่หล่อนพิงอยู่ก็เปิดผั๊วะออกมาโดยไม่มีเสียงใดๆ เตือนล่วงหน้าเลย ผลนะเหรอ… ร่างในชุดโคร่งงุ่มง่ามก็เสียหลักล้มคว่ำไปข้างหน้าน่ะสิ
“โอ๊ย…”
เพราะเจ็บกับแรงกระแทกระหว่างก้นกับพื้นทำให้หญิงสาวเผลอร้องอุทานเสียงจริงออกมา และนั่นก็ยิ่งทำให้เควินสงสัยมากยิ่งขึ้น
“ผมขอโทษครับ ไม่คิดว่าจะมีคนมายืนพิงประตู”
เควินเดินไปหยุดตรงหน้า และย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า จ้องหน้าวรันธาราในคราบของหญิงชราหน้าตาอัปลักษณ์นิ่ง
อะไรบางอย่างในดวงตาสีน้ำเงินเข้มเกือบดำของเควินทำให้หญิงสาวหน้าซีดเผือด
เขากำลังสงสัยหล่อนหรือเปล่านะ?
“เอ่อ… ไม่… ยายไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” ว่าแล้วก็ฝืนยิ้มและพยายามจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน แต่เควินยื่นมือใหญ่มาแตะที่ฝ่ามือนุ่มของหล่อนเสียก่อน
ความร้อนลามเลียตั้งแต่ฝ่าเท้าจรดเส้นผมในทันทีที่เขาแตะต้อง วรันธาราอ้าปากค้าง มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความตกใจ
“คุณ… เควิน…”
“ผมจะช่วยพยุงน่ะครับ”
หล่อนไม่อาจรู้ได้เลยว่าภายใต้ความมืดลึกของดวงตาคมกริบของเควิน เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เพราะเขาซ่อนมันเอาไว้ด้วยความดุกระด้าง และรอยยิ้มเหมือนจะเยาะจากริมฝีปากสวยของตัวเอง
“ขอบ… ขอบคุณมากค่ะ”
หญิงสาวขยับตัวออกห่างทันทีเมื่อตัวเองสามารถยืนได้เต็มฝ่าเท้า ยิ่งอยู่ใกล้แบบนี้ ยิ่งได้กลิ่นหอมเซ็กซี่จากเรือนกายกำยำ หล่อนก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังถูกควบคุม
“ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่านับจากวินาทีนี้ ห้องนอนของผมเป็นของยายแล้ว ช่วยทำความสะอาดให้ทั่วทุกซอกมุมด้วยนะครับ”
“เอ่อ… แล้วคุณเควินจะกลับมาที่นี่อีกตอนไหนคะ”
เควินยิ้มบางๆ นัยน์ตายังไม่บอกความรู้สึกเช่นเดิม
“ค่ำๆ ผมถึงจะกลับขึ้นมาพักผ่อน อีกครั้ง เชิญยายตามสบายเถอะครับ”
ค่ำๆ เลยเหรอ? งั้นหล่อนก็มีเวลาหลายชั่วโมงเลยน่ะสิ
วรันธาราเผลอตัวยิ้มออกไป เควินมองเห็น แต่ไม่พูดอะไร นอกจากหมุนตัวและเดินจากไปทันที
หญิงสาวรอจนร่างของเควินหายไปจากสายตาแล้วนั่นแหละ ถึงเปิดประตูและเดินหายเข้าไปภายในห้องนอนกว้างอีกครั้ง และมุ่งมั่นจะรีบทำงานให้สำเร็จลุล่วง เผื่อที่จะได้กลับออกไปจากที่นี่เสียที
หล่อนไม่อยากอยู่ใกล้เควิน คาสโตรเซ่นนานกว่านี้ เพราะยิ่งใกล้ก็ยิ่งลุ่มหลง ยิ่งลุ่มหลงก็ยิ่งเสียใจ เพราะตัวเองไม่คู่ควรกับเขา แม้แต่ในฐานะคู่นอนก็ไม่มีสิทธิ์
เช้าวันต่อมากับการที่ต้องแฝงกายอยู่ในคราบของหญิงชรา ภายในคฤหาสน์คาสโตรเซ่นเป็นวันที่สอง
วรันธารารีบเดินแต่เช้า แต่งหน้าสวมรอยให้กลายเป็นหญิงสูงวัยไม่ต่างจากเมื่อวานที่ผ่านมา และถึงแม้ฝีมือแต่งหน้าของหล่อนจะไม่ได้ขั้นเทพเหมือนกับมืออาชีพ แต่มันก็ไม่ยากเกินความสามารถแม้แต่น้อย
“หนูธาร… ตื่นหรือยัง”
เสียงคุ้นหูของป้าเดซี่ดังขึ้นนอกประตูห้องพัก วรันธารารีบเก็บอุปกรณ์แต่งหน้าลงไปในลิ้นชัก ก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตู “ตื่นแล้วค่ะป้า”
วรันธารายิ้มกว้างให้กับผู้มีพระคุณตรงหน้า
ป้าเดซี่จ้องมองวรันธาราในคราบของหญิงแก่ด้วยความทึ่งเหมือนเช่นเมื่อวาน
“ฝีมือแต่งหน้าของหนูธารนี่เยี่ยมจริงๆ เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะป้า เอ่อ ว่าแต่วันนี้คุณเคนของป้าจะอยู่บ้านทั้งวันอีกไหมคะ”
“คุณเคนไม่ค่อยออกไปไหนหรอก ปกติจะทำงานที่บ้านนี่แหละ มีประชุมเท่านั้นถึงจะไปที่บริษัทฯ”
“อ๋อ”
“แล้วหนูธารถามทำไมเหรอ”
พอถูกป้าเดซี่ถามกลับวรันธาราก็อึกอักมีพิรุธ “เอ่อ… หนูก็จะได้ไม่ต้องเกร็งเวลาต้องเจอกับคุณเควินยังไงล่ะจ๊ะป้า”
ป้าเดซี่ระบายยิ้ม “ปกติคุณเคนไม่ค่อยออกมาให้พวกคนใช้อย่างพวกเราเจอง่ายๆ หรอก ท่านจะหมกตัวอยู่ในห้องทำงานครึ่งค่อนวัน จากนั้นก็จะไปว่ายน้ำในสระน่ะ”
“ว่ายน้ำ…?”
“ใช่ คุณเคนว่ายน้ำเก่งมาก ว่ายเป็นสิบยี่สิบรอบต่อวันเชียวนะ แข็งแรงมาก”
“ว่าแล้วเชียว ทำไมหุ่นดีนัก” วรันธาราพึมพำในลำคอ แก้มนวลแดงก่ำ
“หนูธารว่าอะไรนะ”
“เอ่อ เปล่า… เปล่าค่ะป้า ไม่ได้ว่าอะไร”
วรันธาราปฏิเสธ และรีบยิ้มกลบเกลื่อน “แล้ววันนี้ป้าจะให้หนูทำงานอะไรคะ ข้างนอกหรือข้างในตึก”
ป้าเดซี่ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะพูดในสิ่งที่วรันธาราต้องการออกมา “วันนี้คนใช้ที่มีหน้าที่ทำความสะอาดห้องของคุณเคนเกิดไม่สบายขึ้นมากะทันหัน คงต้องให้หนูธารไปทำแทนแล้วล่ะ”
“จริงเหรอคะป้า”
วรันธาราแทบกรีดร้องด้วยความดีใจ
“ทำไมหนูธารดีใจขนาดนั้นล่ะ”
“อ๋อ… คือหนูดีใจที่จะได้ทำงานตอบแทนป้าเดซี่น่ะค่ะ ว่าแต่ให้หนูเริ่มเลยไหมคะ”
แม้จะรู้สึกแคลงใจบ้าง แต่ป้าเดซี่ก็เลือกที่จะไว้ใจวรันธารา หน้าตาใสซื่อ แววตาไร้เดียงสาแบบนี้ คงไม่มีทางหลอกลวงใครได้หรอก
“สักเก้าโมงค่อยขึ้นไปทำ ตอนนี้คุณเคนยังไม่ออกจากห้องนอนหรอก”
“อ๋อ ได้ค่ะป้าเดซี่ ขอบคุณมากเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก หนูธารตั้งใจทำงานก็แล้วกัน จะได้มีที่อยู่ที่กิน และมีเงินเก็บเยอะๆ”
“ขอบคุณมากค่ะป้า”
“รู้ไหมว่าที่คาสโตรเซ่นมีโบนัสประจำปีด้วยนะ ใครทำดีคุณเคนจ่ายหนัก คนงานที่นี่ถึงได้ไม่ยอมลาออกไปไหน ส่วนคนทำไม่ดีก็ถูกไล่ออกไปตามระเบียบ”
วรันธาราฝืนยิ้มทางริมฝีปาก แต่ดวงตากลับหม่นหมองนัก ป้าเดซี่จริงใจกับหล่อน แล้วหล่อนล่ะ จริงใจแค่ไหน?
“ขอบคุณค่ะป้าเดซี่ ขอบคุณมากค่ะ”
หญิงสาวก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าป้าเดซี่ก่อนจะสวมกอด ป้าเดซี่รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็กอดตอบ
“ถ้าวันหนึ่งหนูทำอะไรผิดไป หนูอยากให้ป้ารู้ว่าหนูทำเพราะจำเป็นนะคะ”
ป้าเดซี่ไม่เข้าใจที่วรันธาราพยายามจะสื่อจึงไม่ได้พูดอะไร นอกจากลูบแผ่นหลังบอบบางนั้นแผ่วเบา
วรันธาราอยากจะกอดป้าเดซี่ให้นานกว่านี้ แต่โทรศัพท์มือถือที่สอดเอาไว้ในกระเป๋ากระโปรงบานสั่นเตือนเสียก่อน หล่อนจึงจำต้องผละออกห่างจากป้าเดซี่ และรีบขอตัว
“เอ่อ หนูขอตัวสักครู่นะคะป้า พอดีปวดท้องขึ้นมากะหันทันน่ะค่ะ”
ป้าเดซี่พยักหน้าน้อยๆ พลางยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ไปเถอะ แล้วตอนเก้าโมงอย่าลืมขึ้นไปทำความสะอาดห้องของคุณเคนล่ะ”
“ไม่ลืมหรอกค่ะป้า ขอบคุณมากนะคะ”
แล้ววรันธาราก็ถลากลับมาในห้องพักอีกครั้ง จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสาย
“หัวหน้าโทรมาทำไมตอนนี้คะ ธารกำลังทำงานอยู่”
“ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณเข้าไปในบ้านของเควิน คาสโตรเซ่นได้หรือยังเท่านั้นแหละ”
วรันธารารีบเดินไปแอบที่มุมหน้าต่างของห้อง มองร่างของป้าเดซี่ที่เดินจากไปไกลแล้วด้วยความโล่งใจ จากนั้นก็รีบดึงบานประตูหน้าต่างให้ปิดสนิทลง
“ธารเข้ามาได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้กำลังจะหาทางถ่ายรูปและหาข้อมูลส่วนตัวของคุณเควินอยู่ค่ะ”
“โอ้… ไม่น่าเชื่อว่านักข่าวจรรยาบรรณสูงอย่างวรันธาราจะมีความสามารถมากมายขนาดนี้”
แอนโทนี่หัวเราะร่วนมาตามสายอย่างชอบอกชอบใจ ในขณะที่วรันธาราอารมณ์ขุ่นมัว
“ก็ที่ธารต้องทำแบบนี้ ก็เพราะใครล่ะคะ”
“เอาน่า… เอาเป็นว่าคุณรีบถ่ายภาพลับเฉพาะของเควินมาให้ได้มากที่สุด และก็ถ่ายภาพในคฤหาสน์คาสโตรเซ่นมาด้วย ทีนี้แหละซันไทมส์ของเราจะดังเป็นพลุแตก”
“แล้วถ้าคุณเควินเขาฟ้องเราล่ะคะ”
“จะฟ้องได้ยังไง ในเมื่อหมอนั่นไม่รู้สักหน่อยว่าใครเป็นคนเข้าไปขโมยถ่ายรูปมา”
“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะคะ ธารหมายถึง… เขาจับธารได้ล่ะ”
หญิงสาวถามอย่างเป็นกังวลเพราะเท่าที่ได้สัมผัส เควิน คาสโตรเซ่นไม่ใช่ผู้ชายที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ เลยสักนิด
“ไม่มีทางจับได้หรอกน่า เชื่อผมสิ คุณก็แค่แอบถ่ายรูปมาให้มากๆ และก็รีบเผ่นออกมาจากที่นั่นเลย แค่นี้ง่ายจะตายไป”
“หัวหน้าก็พูดเหมือนเล่นขายของนะคะ ถ้ามันง่ายแบบนั้น คนอื่นก็คงทำได้กันหมดแล้วสิคะ”
“ก็คุณผ่านตอนที่ยากมาแล้วนี่ ต่อไปก็แค่เรื่องง่ายๆ”
“หัวหน้าหมายถึง…?”
“ก็หมายถึงการแฝงตัวเข้าไปภายในคฤหาสน์คาสโตรเซ่นไง นั่นแหละคือความยากที่สุด แต่เมื่อคุณทำได้แล้ว ต่อจากนี้ไปก็แค่ถ่ายรูปและก็ถ่ายรูป จากนั้นก็รีบเผ่นออกมา ง่ายไหมล่ะ”
วรันธาราแทบอยากจะตัดสายทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่ถ้าหล่อนไม่ได้รักอาชีพนักข่าว และไม่ได้อยากทำงานในซันไทมส์ล่ะก็ หล่อนคงด่าแอนโทนี่เป็นกลอนแปดไปแล้ว
“ค่ะ ง่ายมาก ธารขอตัวนะคะ” หล่อนประชดประชันออกไป แต่แอนโทนี่ไม่สนใจ
“ทำให้ได้ล่ะ ผมรอรูปถ่ายจากคุณอยู่”
“ค่ะ หัวหน้า”
วรันธาราตัดสายทิ้ง ก่อนจะเดินกลับไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียงเล็กแคบของตัวเองอย่างหมดแรง
เมื่อก่อนตอนสมัยที่ร่ำเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย หล่อนมองอาชีพนักข่าวว่ามีเกียรติมาก แต่ตอนนี้… ตอนนี้หล่อนรู้แล้วว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพลำดับต้นๆ ของคนไม่มีเกียรติ เพราะต้องยอมสละศักดิ์ศรี ต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ข่าวที่ต้องการมา
แม้แต่การโกหก หลอกลวง…
“เควิน… ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยนะคะ แต่ฉันจำเป็นต้องทำ ฉันจำเป็นต้องทำจริงๆ”
สายตากระด้างของเขายังคงติดตรึงอยู่ในสมอง ตราตรึงล้ำลึกลงไปในเนื้อหัวใจ
หล่อนไม่อยากทำร้ายเขาเลย…!
ป้าเดซี่รีบเดินมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนพักของวรันธาราเพื่อจะแจ้งข่าวว่าวันนี้ เควินตื่นสาย และยังไม่ลงมาจากห้องพักเลย ดังนั้นจึงต้องเลื่อนเวลาการทำความสะอาดออกไปก่อน
แต่…
ไม่พบวรันธาราที่ห้องพักแล้ว
ป้าเดซี่หน้าซีดเผือด ตะโกนเรียกหญิงสาวทั่วทั้งห้องก็ไม่พบ “ตายแล้ว จะทำยังไงดีล่ะ หนูธารแย่แน่ๆ”
หญิงร่างท้วมวัยกลางคนรีบก้าวยาวๆ เดินออกไปจากห้องพักของวรันธารามุ่งหน้าเข้าสู่ตัวตึกใหญ่ทันที อย่างรีบเร่ง ในใจก็ภาวนาให้เจอวรันธาราก่อนที่หญิงสาวจะขึ้นไปที่ห้องของเควิน
“แม่เรนนี่ เห็นหนูธาร… เฮ้ย… ยายแก่ๆ ที่ป้าพึ่งรับเข้ามาทำงานเมื่อวานนี้หรือเปล่า”
“ยายแก่ผมขาวที่ตัวเล็กๆ ใช่ไหมป้าเดซี่”
“ใช่ๆ นั่นแหละ เห็นหรือเปล่า” ป้าเดซี่ร้อนใจเป็นที่สุด
เรนนี่ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะชี้ขึ้นไปที่ชั้นบน “หนูเห็นเดินงุ่มง่ามขึ้นบันไดไปชั้นบนตั้งแต่สิบนาทีที่ผ่านมาแล้วจ้ะป้าเดซี่”
“ว่าไงนะ?!” ป้าเดซี่อุทานตกใจ แทบทรุด เรนนี่รีบเข้ามาประคองเอาไว้
“ป้าเดซี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าตาซีดจัง”
“ก็คุณเคนยังไม่ตื่นน่ะสิ ถ้าหนู… เฮ้ย… ยายแก่ขึ้นไปรบกวนมีหวังโดนไล่ออกแน่ๆ”
“ตายแล้ว…” คราวนี้เรนนี่ตกใจด้วยเช่นกัน “แล้วจะทำยังไงดีคะป้าเดซี่”
ป้าเดซี่ถอนใจยาวเหยียด “คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ นอกจาก…”
“นอกจากอะไรคะป้า?”
“รอยังไงล่ะ”
แล้วป้าเดซี่ก็หมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ ในขณะที่เรนนี่มองร่างของป้าเดซี่สลับกับชั้นบนของตัวตึกด้วยความเป็นสับสนมึนงง
หลังจากฟังความน่าสะพรึงของเควินหากความลับแตกจากปากของป้าเดซี่มาเมื่อครู่นี้แล้ว หัวใจที่ว่ามุ่งมั่นของวรันธาราก็ห่อเหี่ยวลง และความหวาดกลัวก็ผุดพรายแทรกเข้ามามากมาย
“จะรอดไหมเนี่ยเรา” หญิงสาวที่ยามนี้อยู่ในคราบของหญิงชราที่มีแผลเป็นยาวอยู่ที่แก้มของซ้ายยืนกระวนกระวายอยู่หน้าประตูไม้แกะสลักขนาดใหญ่
“หรือจะกลับดี…”
ไม่ได้… วรันธาราสับสนเหลือเกิน แต่ถ้ายอมกลับออกไปก็ตกงาน แล้วจะเอาเงินที่ไหนกินล่ะ
เพราะความจำเป็น เพราะเงินคือสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนชีวิตให้ดำเนินต่อไปได้ง่ายกว่าทุกสิ่ง ทำให้วรันธาราถอยไม่ได้
“ธาร… เธอถอยไม่ได้เด็ดขาดทำได้อยู่แล้ว”
ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกสูดหายเข้าไปในปอดเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง
“ตายเป็นตายวะ”และ
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว มือเล็กขาวสะอาดก็ยกขึ้นเคาะลงกับบานประตูไม้หนึ่งครั้ง
“เอ่อ ขออนุญาตค่ะ”
“เชิญ”
คำตอบรับสั้นๆ และห้วนเหลือเกินของเจ้าของห้องหนุ่มวัยฉกรรจ์ดังขึ้นในวินาทีถัดมา หล่อนจึงหมุนลูกบิดประตู และก้าวเข้าไปภายใน
ไม่ช้ามือเล็กก็ตัดสินใจกุมลูกบิดทองเหลืองเอาไว้แน่น แต่ให้ตายเถอะทำไมมันเย็นเฉียบแบบนี้ หญิงสาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว โดยเฉพาะที่หัวใจ
แต่สุดท้ายก็จำต้องดันบานประตูไม้เข้าไป
ห้องกว้างขวางถูกตกแต่งด้วยโทนสีเข้มเสียส่วนใหญ่พุ่งเข้ามากระแทกสายตาอย่างจัง แต่ความโอ่อ่าก็ไม่สามารถดึงดูดสายตาของหล่อนได้นานนัก เมื่อเจ้าของห้องหนุ่มหล่อหมุนตัวหันกลับมาจากหน้าต่างบานใหญ่ และจ้องมองมา
เควิน คาสโตรเซ่น…
ตัวจริงหล่อกว่าในรูปถ่ายเป็นร้อยเท่า!
หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะอ้าปากค้างได้กว้างและนานขนาดนี้ และไม่เคยคิดเลยว่าหัวใจจะเต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากนอกทรวงอกได้แบบนี้เช่นกัน
หญิงสาวเบิกตากว้าง ปากก็เผยออ้าค้างราวกับคนเสียสติ
“หล่อ… หล่อจนเหมือนไม่ใช่… คน…”
“ยายพูดว่าอะไรนะครับ”
สุ่มเสียงเข้มที่แฝงความถือตัวเอาไว้ไม่น้อยดังขึ้น พร้อมๆ กับดวงตาสีน้ำเงินเข้มเกือบดำที่จ้องมองมา
วรันธาราแทบทรุดลงไปนั่งพับเพียบกับพื้นห้อง เมื่อได้ประสานสายตากับเควิน คาสโตรเซ่น
“คือ… คือ…”
เขา… เขากำลังทำให้หล่อนหายใจไม่ออก เขากำลังทำให้หล่อนหลงลืมจุดประสงค์ของการเข้ามาที่นี่ และเขาก็กำลังทำให้หล่อนตกหลุมรักเข้าอย่างจัง
ตายแล้ว… ทำไม… ทำไมหล่อนถึงได้ใจง่ายแบบนี้
หญิงสาวในคราบยายวัยชราทำใจกล้ามองสบประสานกับสายตาเย็นชากึ่งกระด้างของผู้ชายที่ตัวโตกว่าตนเองมากมาย เพียงเพื่อที่จะได้พบว่า เควิน คาสโตรเซ่น หล่อเหลาเหลือเกิน เขาไม่น่าเป็นมนุษย์จริงๆ ได้น่าจะเป็นเทพบุตรในจินตนาการที่สาวๆ ฝันถึงมากกว่า
น้ำลายในลำคอเหนียวเป็นยาง ขณะกวาดตามองร่างสูงใหญ่หกฟุตสามนิ้วเบื้องหน้าอย่างหลงละเมอ
หล่อจนลืมหายใจ หล่อวัวตายควายล้ม หล่อจนมดลูกสะเทือนมันเป็นแบบนี้นี่เอง ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งลุ่มหลง ยิ่งได้สบสายตาก็ยิ่งถลำลึกเกินกว่าจะควบคุมได้
หัวใจของหล่อนเต้นแรง และกำลังจะกระดอนออกมาจากทรวงอก เนื้อตัวของหล่อนก็ร้อนผ่าวผะป่าว วูบวาบทรมานอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
หล่อนไม่เคยรู้สึกวาบหวาม รู้สึกร้อนรุ่มแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะกับผู้ชายคนไหนก็ตาม แต่กลับเควิน คาสโตรเซ่น แค่ได้สบประสานสายตาเพียงครั้งเดียว หล่อนกลับรู้สึกราวกับถูกมนต์สะกด
ดวงตาสีน้ำเงินเกือบดำนั้นสาปสันให้หล่อนกลายเป็นข้าทาสได้อย่างถาวร
มันเกิดอะไรขึ้น… กับหล่อนกันแน่…?
คำถามแสนสับสนดังขึ้นในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คำตอบที่เฝ้าตามหากลับไม่มีเลย
หล่อนต้องกำลังบ้า… ต้องกำลังจะเป็นบ้าแน่ๆ
“ว่าไงล่ะครับ ยายพูดว่าอะไร”
น้ำเสียงกระด้าง และรังสีอำมหิตจากเนื้อตัวกำยำของเควินทำให้ วรันธาราได้สติ หล่อนอึกอัก และรีบละสายสายตาลุ่มหลงของตัวเองลงมองที่พื้นห้องแทน
“คือ… คือฉัน… เอ่อ ยายบอกว่าห้องนี้สวยดี…”
ร่างสูงใหญ่เดินอ้อมโต๊ะทำงานไม้ออกมาเผชิญหน้ากับหญิงชรา
“แต่ผมได้ยินว่าหล่อ?”
“เอ่อ…”
วรันธาราที่พยายามหลบตาอยู่ ลืมตัวช้อนตาขึ้นมองคนจอมคาดคั้นอย่างลืมตัว และเมื่อเห็นสายตาดุกระด้างของเควินก็ต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาอีกครั้ง
“ยายแก่แล้วคงพูดไม่ชัด คุณเควินก็เลยฟังผิดไป”
เควินแค่นยิ้มหยัน หรี่ตาแคบจ้องมองคู่สนทนาสูงวัยอย่างพิจารณา
“ยายอายุเท่าไหร่ครับ”
“เอ่อ…”
เป็นอีกครั้งที่วรันธาราอึกอัก
“อย่าบอกนะครับว่าจำไม่ได้แล้ว เพราะแก่แล้ว”
“ใช่ค่ะ ยายแก่แล้ว จำอายุตัวเองไม่ค่อยได้ น่าจะเกือบเจ็ดสิบปีแล้วมั้งคะ”
“ถ้าแก่ขนาดนี้ ผมว่ายายกลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะ ผมไม่อยากใช้แรงงานคนชรา”
“ไม่ได้นะคะ”
น้ำเสียงที่ดัดแปลงให้แก่เกินความจริงเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงใสของวัยสาวทันที
เควินเลิกคิ้วสูงประหลาดใจ
“เสียงของยาย…”
“อ้อ… เวลายายตกใจเสียงจะเป็นแบบนั้นล่ะค่ะคุณเควิน” วรันธาราแก้ตัว ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง
“คือยาย… ยายไม่มีญาติพี่น้องเลย ยายอยู่คนเดียว ต้องหากินคนเดียว ถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีข้าวกิน”
“แล้วยายทำอะไรได้บ้างล่ะครับ”
วรันธาราฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ และนั่นก็ทำให้เควินชะงักกึก ดวงตาสีนิลเนื้อดีของยายแก่ชราตรงหน้าแวววาวไม่ต่างจากท้องฟ้าในยามค่ำคืน มันสวยงามจนเขาอดมองซ้ำไม่ได้
ทำไมถึงรู้สึกราวกับถูกสะกดแบบนี้นะ?
เควินถามตัวเองในอก ก่อนจะกัดฟันแน่น พร้อมกับละสายตาจากดวงตากลมโตของหญิงชราตรงหน้าทันที
“ช่างเถอะ ป้าเดซี่คงสัมภาษณ์ยายหมดแล้ว”
“เอ่อ ใช่ค่ะ”
แก้มนวลของวรันธาราแดงก่ำ นี่ถ้าไม่มีอุปกรณ์แต่งหน้าปิดทับเอาไว้ เควินก็คงจะเห็นได้อย่างชัดเจน
“ผมอนุญาตให้ยายทำงานที่นี่ได้จนกว่ายายจะทำไม่ไหว ออกไปได้แล้วครับ”
“ขอบคุณ คุณเควินมากค่ะ ขอบคุณที่ไม่รังเกียจคนแก่หน้าตาอัปลักษณ์อย่างยาย”
“ผมต้องการคนมาทำงาน ดังนั้นเรื่องของหน้าตาไม่ใช่เรื่องสำคัญ เชิญครับ” เควินเดินกลับไปทรุดตัวนั่งลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองอีกครั้ง ในขณะที่วรันธารายังคงจับจ้องที่ชายหนุ่มไม่วางตา
เควิน คาสโตรเซ่น ไม่ใช่มหาเศรษฐีจอมเถื่อนอย่างที่ใครๆ เข้าใจสักหน่อย เขาใจดีมากต่างหาก
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
วรันธารายิ้มกว้างให้กับผู้ชายตรงหน้า ดวงตามีหยาดน้ำใสๆ คลออยู่
เควินยิ้มบางๆ ตอบก่อนจะไม่สนใจคนตรงหน้าอีกเลย วรันธาราจึงจำต้องค่อยๆ หลังออกไปจากห้องเงียบๆ
และเมื่ออยู่ตามลำพังเควินก็ผ่อนลมหายใจออกมาจากริมฝีปากหยักสวยแรงๆ
เขารู้สึกสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เหลือเกิน ทำไมจะต้องรู้สึกพึงพอใจดวงตาสีดำขลับของหญิงชราคนเมื่อกี้นี้ด้วย เพราะอะไรหัวใจของเขาถึงเต้นแปลกๆ แบบนั้น
บ้าชิบ!
ชายหนุ่มสบถในลำคออย่างหัวเสีย ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเคลียร์งานบนโต๊ะต่อไปเงียบๆ
“เป็นยังไงบ้างหนูธาร…” เมื่อเห็นวรันธาราเดินออกมาจากห้องทำงานของเควิน ป้าเดซี่ที่เดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าห้องก็รีบลากตัวหญิงสาวไปหลบที่มุมลับตาคน และถามอย่างร้อนใจทันที
“คุณเคนสงสัยอะไรหรือเปล่า”
วรันธาราฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะส่ายหน้า “คุณเคนของป้าไม่สงสัยอะไรเลยค่ะ ป้าสบายใจได้”
ป้าเดซี่ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ก็ยังอดกังวลเล็กๆ ไม่ได้ “หนูธารพูดจริงนะ”
“จริงสิคะป้าเดซี่ ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ”
แม้จะสบายใจแล้วแต่ป้าเดซี่ก็ยังอดคิดไปถึงอนาคตไม่ได้ “แต่คุณเคนฉลาดเป็นกรด ป้าว่าอีกไม่นานคง…”
วรันธาราดึงมือของป้าเดซี่มากุมเอาไว้และบีบเบาๆ “ไม่ต้องห่วงนะคะป้าเดซี่ หนูสัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้ผู้มีพระคุณของตัวเองเดือดร้อนค่ะ ป้าเชื่อหนูนะคะ”
ป้าเดซี่พยักหน้ารับน้อยๆ แต่ภายในใจก็ยังอดกังวลไม่ได้
วรันธาราเห็นหน้าตาป้าเดซี่ยังไม่ค่อยสบายใจจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน
“ป้าพาหนูไปทำงานเถอะค่ะ คุณเควินบอกว่าหนูเริ่มงานได้เลย”
“งั้นตามป้ามาทางนี้” ป้าเดซี่พูดจบก็เดินนำหน้าไป วรันธารากำลังจะก้าวตามไป แต่ก็อดที่จะหันไปมองบานประตูห้องทำงานของเควินอีกครั้งไม่ได้ มองด้วยความรู้สึกสั่นไหวแปลกประหลาด
“ป้าเดซี่คะ มีคนมาขอพบค่ะ”
ป้าเดซี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการตั้งโต๊ะอาหารเช้าชะงักมือ
ก่อนจะหันไปถามสาวใช้
“ใครเหรอ”
“เอ่อ หนูไม่ทราบค่ะ แต่เห็นบอกว่าชื่อธาร…”
จากที่ชะงักอยู่แล้วป้าเดซี่ยิ่งชะงักใหญ่ มือสีขาวสะอาดสั่นเทาเล็กน้อย จนสาวใช้สังเกตเห็น
“ป้าเดซี่เป็นอะไรไปคะ ทำไมมือสั่นจัง หน้าก็ซีดแปลกๆ หรือว่าจะเป็นลมคะ”
“ป้าไม่เป็นไรหรอก เธอมาจัดโต๊ะต่อนะ ป้าขอตัวสักครู่”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นสาวใช้รับคำและทำหน้าต่อแทนแล้ว ป้าเดซี่ก็รีบเดินแกมวิ่งไปหาแขกสาวที่มาขอพบ หล่อนภาวนาให้เควินไม่ลงมาเจอเสียก่อน
“หนูธาร…”
ผู้หญิงในชุดเสื้อผ้าสูงวัยยืนหันหลังให้อยู่ เส้นผมสีดำที่หล่อนเห็นเมื่อวานยามนี้ขาวโพลนเสียทั้งศีรษะ โดยมันขมวดเป็นปมไว้ด้านบนเหนือท้ายทอยและมีเน็ตสีดำคลุมทับเอาไว้อย่างเรียบร้อย
“คุณป้า…”
วรันธาราหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า และนั่นก็ยิ่งทำให้ป้าเดซี่เบิกตากว้างมากยิ่งขึ้น
“นี่หนู… ไปทำอะไรมาน่ะ ทำไมถึง…”
“ทั้งแก่ ทั้งน่าเกลียดใช่ไหมคะ”
ป้าเดซี่เดินเข้าไปใกล้ๆ พลางมองอย่างพิจารณาละเอียดลออ “ใช่ ผมก็ขาวไปทั้งหัว หน้าตาก็แกกว่าป้าอีก”
วรันธารายิ้มแต่ยิ้มไม่ได้มากเพราะติดอุปกรณ์ช่วยแก่เอาไว้
“คือหนูพอจะรู้จักช่างแต่งหน้าน่ะค่ะ ก็เลย… ไปได้สภาพนี้มา…”
“แล้วผมนี่หนูย้อมหรือว่าใส่วิกล่ะ ดูเหมือนจริงมากเลย”
“หนูใส่วิกค่ะ ที่หน้านี่ก็เป็นชิ้นเนื้อปลอมมาติดเอาไว้สร้างความอัปลักษณ์เฉยๆ คุณป้าว่าแค่นี้แก่พอหรือยังคะ”
ป้าเดซี่มองแล้วก็อดขำไม่ได้ จากสาวสวยคนเมื่อวานตอนนี้กลายเป็นหญิงชราได้อย่างน่าประหลาดใจ
“แก่เกินไปด้วยซ้ำ นี่ถ้าคุณเคนไม่รับเอาไว้เพราะคิดว่าแก่จนทำงานไม่ไหวจะยุ่งนะเนี่ย”
“อ้าว… หนูก็ลืมคิดไปเลยค่ะ”
วรันธาราทำหน้าตกใจ แต่ป้าเดซี่ที่เห็นในความพยายามของหญิงสาวก็พร้อมจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะ หนูธารทำขนาดนี้แล้ว ยังไงป้าก็จะช่วยพูดกับคุณเคนให้ ถ้าคุณเคนไม่รับหนูเข้าทำงานน่ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
“เรียกป้าว่าป้าเดซี่เหมือนทุกคนที่นี่เถอะ แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าคุณเคนหรือคนอื่น ต้องเรียกป้าว่าคุณเดซี่นะ เพราะหนูธารในตอนนี้ดูชรากว่าป้าอีก”
ป้าเดซี่อดหัวเราะอีกไม่ได้
“เอาเป็นว่าป้าจะพาไปที่ห้องพักก่อนนะ เดี๋ยวพอคุณเคนลงมากินข้าวเช้าแล้ว ป้าจะรีบบอกว่าได้คนมาใหม่แล้ว”
“คุณเควินจะเรียกหนูพบไหมคะคุณป้า”
“เรียกแน่นอน แต่ไม่มีอะไรหรอก ป้าจะคอยช่วยอยู่ข้างๆ”
ทั้งสีหน้าทั้งแววตาของวรันธาราเต็มไปด้วยความวิตกกังวล จนป้าเดซี่ต้องให้กำลังใจอีกครั้ง
“อย่ากังวลเลย เข้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป เพื่อเงินเดือนสูงลิบของคาสโตรเซ่นไงล่ะ”
ไม่ใช่เพื่อเงินเดือน แต่เป็นเพราะเพื่อข่าวลับสุดยอดของเควินต่างหากล่ะ
วรันธาราเต็มไปด้วยความละอายใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกนอกจากต้องก้มหน้าทำเพื่อปากท้องต่อไป
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
“ไปเถอะ พาจะพาไปที่ห้องพัก อยู่นอกตึกทางนู้นน่ะ”
นิ้วของป้าเดซี่ชี้ออกไปนอกตัวตึก
“ค่ะป้า ขอบคุณคุณป้าอีกครั้งค่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร เอาของไปเก็บเถอะ อีกประเดี๋ยวคุณเคนก็ลงมากินข้าวเช้าแล้ว”
ป้าเดซี่เดินนำออกไปแล้ว แต่วรันธารายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาของหล่อนถูกตรึงเอาไว้กับความวิจิตรงดงามของคฤหาสน์หรู
“มาได้แล้วหนูธาร เดี๋ยวคุณเคนลงมาเจอพอดี”
“ค่ะป้า…”
วรันธาราจำต้องละสายตาจากความงดงามเบื้องหน้าและวิ่งตามร่างท้วมของป้าเดซี่ออกไปจากตึกใหญ่
“ได้คนใช้ใหม่แล้วหรือครับป้าเดซี่”
ป้าเดซี่ที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นบอกอะไรเควินเลยชะงัก หน้าตามีพิรุธขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณเคนรู้ได้ยังไงคะ ป้ายังไม่ได้บอกเลย”
เควินที่กำลังกัดขนมปังปิ้งอยู่ยิ้มบางๆ ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มจัดจ้องมองไปยังคู่สนทนา
“ผมเห็นจากหน้าต่างห้องนอนน่ะ”
“คุณเคนเห็น…”
“ใช่ครับ ว่าแต่ทำไมป้าเดซี่จะต้องทำหน้าตาตกใจแบบนี้ด้วยล่ะครับ หรือว่ามีอะไรปิดบังผมอยู่”
“ปละ… เปล่าค่ะ ป้าไม่มีอะไรปิดบังคุณเคนเลยค่ะ สักนิดก็ไม่มี”
เควินหรี่ตาแคบจ้องหน้าป้าเดซี่เขม็ง ในขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตา
“แน่ใจหรือครับป้าเดซี่”
“แน่… แน่ใจสิคะ ป้า… ป้าจะมีอะไรปิดบังคุณเคนได้ยังไงกันล่ะคะ”” ป้าเดซี่ก้มหน้าหลบสายตา
เควินไหวไหล่กว้างผึ่งผายของตัวเองน้อยๆ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่รู้สึกว่าป้ามีพิรุธ”
“ไม่มี๊… ไม่มีหรอกค่ะ” ป้าเดซี่ปฏิเสธเสียงสูงลิบจนเควินแปลกใจ แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่คาดคั้นเพราะไว้ใจหญิงสูงวัยตรงหน้า
“ไม่มีก็ไม่มีครับ แล้วนี่คนใช้คนใหม่ไปไหนซะล่ะครับ”
“เอ่อ ป้าให้เอาของไปเก็บของอยู่ที่ห้องพักน่ะค่ะ”
นิ้วเรียวยาวสีแทนส่งชิ้นขนมปังเข้าปากเป็นคำสุดท้าย ก่อนจะพูดขึ้นเสียงจริงจัง
“ให้ไปพบผมที่ห้องทำงานด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าจะรีบพาไปพบคุณเคนนะคะ”
“ให้มาคนเดียว ป้าเดซี่ไม่ต้องมาด้วยนะครับ”
คราวนี้ป้าเดซี่หน้าซีดราวกับกระดาษขาว “ทำ… ทำไมล่ะคะคุณเคน เมื่อก่อนตอนรับคนใหม่ๆ ป้าก็ต้องเข้าไปด้วยเสมอ”
“แต่คนนี้ไม่ต้องครับ ผมจะสัมภาษณ์รอบสุดท้ายด้วยตัวของผมเอง เพราะถ้าไม่น่าไว้วางใจ ผมจะไม่มีวันให้อยู่ในคาสโตรเซ่นต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว”
“เอ่อ… ค่ะ”
เควินระบายยิ้มให้กับป้าเดซี่ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารสุดหรู
ป้าเดซี่ถอนใจออกมาอย่างเป็นกังวล แม้เควินจะยิ้มแต่รอยยิ้มที่เห็นมันช่างดูเลือดเย็นแปลกๆ
“หนูธารเอ๋ย จะไปรอดสักกี่น้ำกันเนี่ย” แม้จะกังวลใจมากมายแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถที่จะถอยหลังได้อีกแล้ว สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือการเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะสุดทาง
ความรู้สึกคล้ายๆ กับมีคนแอบตามมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้ป้าเดซี่ที่กำลังจะก้าวออกจากซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่หลังจากซื้อของเสร็จแล้วต้องหันกลับไปมองด้านหลังหลายครั้งติด
“ไม่มีนี่น่า สงสัยคิดมากไปเอง”
แต่ก็โล่งใจได้พักเดียวเท่านั้น เพราะพอเดินห่างออกมาจากแห่งชุมชน ผู้ชายตัวโตส่วนที่ปิดปากเอาไว้ครึ่งใบหน้าก็กระโดดมาขวางด้านหน้ากะทันหัน
ป้าเดซี่ตกใจทำของในมือร่วงกับพื้นพร้อมกับถอยหลังหนี แต่ก็ดันไปชนเข้ากับผู้ชายอีกคน
“พวกแกตามฉันมาทำไม”
พวกมันหันมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะชอบใจ
“ตามมาแบบนี้ยังต้องให้บอกอีกเหรอป้าว่าพวกฉันเป็นใคร”
กระบอกปืนสีดำถูกดึงออกมาจากขอบกางเกงยีนส์สีซีด ก่อนที่จะเล็งตรงมายังป้าเดซี่
“โจร…” ป้าเดซี่ละล่ำละลักหวาดกลัว “พวกแกเป็น… โจร…”
“ก็ใช่น่ะสิป้า มาดักรอในที่เปลี่ยวๆ แบบนี้ไม่ใช่โจรแล้วจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ”
พวกมันหัวเราะร่วนอีกแล้ว แต่ปืนก็ยังเล็งตรงไปยังป้าเดซี่ตลอดเวลา
“แล้วพวกแก… ต้องการอะไรจากฉัน”
“เงินไงป้า มีเท่าไหร่เอามาให้หมด”
“ฉันไม่มีหรอก อย่าเข้ามานะ… อย่าเข้ามา…”
ป้าเดซี่ถอยกรูดเข้าข้างทาง แต่ไม่ช้าก็ต้องกรีดร้องตกใจ เมื่อมือของหนึ่งในโจรห้าร้อยมากระชากแขนเอาไว้
“ปล่อยฉันนะ ไอ้โจรบ้า ปล่อยสิ”
“ก็เอาเงินมาสิป้า เอาเงินมา…”
“ก็บอกว่าไม่มีไงล่ะ ปล่อย!” ป้าเดซี่ยังดิ้นสุดแรงไม่ยอมแพ้ “ถ้าไม่ปล่อยจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ”
พวกมันหัวเราะเยาะเย้ย พร้อมกับข่มขู่ “ป้าตายก่อนจะได้แจ้งมั้งครับ”
“อย่า… อย่าฆ่าคนแก่อย่างฉันเลยนะ ปล่อยฉันไปเถอะ” เมื่อเห็นไม่มีทางรอดป้าเดซี่อ้อนวอน
“ไม่ฆ่าก็ได้แต่เอาเงินมา”
“ฉันไม่มีจริงๆ ซื้อของไปหมดแล้ว”
“โกหก!”
หนึ่งในโจรกำลังยกมือขึ้นจะฟาดลงบนหน้าของป้าเดซี่ แต่เสียงร้องห้ามก็ดังขึ้นมาก่อน
“หยุดนะ ปล่อยผู้หญิงซะ”
ป้าเดซี่มองผู้หญิงตัวเล็กที่ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยอย่างดีใจ “แม่หนูช่วยป้าด้วย พวกมันจะฆ่าป้า”
“คุณป้าไม่ต้องกลัวนะคะ ตำรวจกำลังมาแล้ว พวกมันเข้าคุกแน่นอนค่ะ”
“เฮ้ย แกแจ้งตำรวจเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ อีกแปบเดียวก็คงมาถึงแล้ว พวกแกไม่รอดแน่”
สองโจรมองหน้ากันเลิ่กลั่ก “เอาไงดีลูกพี่”
“หนีสิโว๊ย มึงอยากติดคุกหรือไง”
แล้วสองโจรก็ซอยเท้าวิ่งจากไปอย่างไม่น่าเชื่อ วรันธารารีบเข้ามาประคองเดซี่ด้วยความเป็นห่วง
“คุณป้าเป็นอะไรมากไหมคะ”
“ป้าไม่เป็นไรแม่หนู แค่ตกใจเท่านั้นเอง”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูพาไปส่งที่บ้านนะคะ”
ป้าเดซี่มองหญิงสาวต่างเชื้อชาติตรงหน้าด้วยความขอบคุณ “แม่หนูไม่ใช่คนเทกซัสใช่ไหม”
“เอ่อ หนูไม่ใช่คนที่นี่หรอกค่ะ หนูมาอพยพมาจากเมืองไทยน่ะค่ะ”
ป้าเดซี่พยักหน้ารับรู้
“มาอยู่ที่นี่กันกี่ปีแล้วล่ะ”
“หกเจ็ดแปดปีแล้วค่ะป้า”
หญิงวัยกลางคนกวาดตามองสำรวจสตรีสาวสวยตรงหน้าอย่างพิจารณา
“ขอบใจมากนะพี่เข้ามาช่วยป้าเอาไว้ นี่ถ้าไม่ได้แม่หนู ป้าก็อาจจะถูกโจรพวกนั้นฆ่าได้แล้วก็ได้”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะป้า พอดีหนูเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี ต่อให้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่หนู ถ้ามาเห็นคนแก่ถูกทำร้ายก็ต้องช่วยค่ะ”
“แม่หนูเป็นคนดีมากเลยนะ”
“หนูไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอกค่ะป้า”
แล้วใบหน้าของวรันธาราก็หม่นหมองลงเพราะรู้สึกละอายใจ แต่ป้าเดซี่กลับคิดไปในอีกทิศทางหนึ่ง
“หนูมีอะไรให้ป้าช่วยหรือเปล่า”
นี่ไง… ได้โอกาสแล้ว ได้โอกาสที่จะหลอกใช้ผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าแล้ว บอกไปสิว่าต้องการ บอกไปสิว่าต้องการเข้าไปในคฤหาสน์คาสโตรเซ่น
“คือหนู…” วรันธาราลังเลเพราะรู้สึกผิด “คือ… เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้า หนูขอตัวนะคะจะกลับที่พักแล้วค่ะ”
หญิงสาวหมุนตัวจะเดินหนีเพราะไม่อาจจะหลอกใช้คู่สนทนาได้ แต่ถูกป้าเดซี่คว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน
“ฉันถูกชะตากับหนูมาก อยากให้หนูมาทำงานด้วย สนใจหรือเปล่า”
วรันธารายืนอึ้ง ไม่คิดว่าสิ่งที่ต้องการจะง่ายดายขนาดนี้ แต่ความง่ายดายมันก็มาพร้อมกับการแสดงละครฉากใหญ่ที่หล่อนคือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
ไม่ได้… หล่อนจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ หล่อนไม่ต้องการหลอกลวงผู้หญิงตรงหน้า
“คือหนูมีงานทำอยู่แล้วค่ะ ขอตัวนะคะ”
“งานของป้าคือการทำงานในคฤหาสน์คาสโตรเซ่น ด้วยบทบาทสาวใช้ แต่เงินเดือนที่ได้สูงลิบเลยนะ” เพราะไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันป้าเดซี่ถึงได้พูดแบบนั้นออกไป
เพราะดวงตาใสซื่อที่เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างของผู้หญิงนิรนามตรงหน้าอย่างนั้นหรือ แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ หล่อนมั่นใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะต้องเป็นสาวใช้คนใหม่ของคฤหาสน์คาสโตรเซ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน
ขยัน ไม่เกี่ยงงาน และไม่ใช่นักข่าว แต่ติดไอ้ตรงเป็นสาวสะพรั่งนี่สิที่ต้องคิดหนัก
“สนใจหรือเปล่าล่ะ”
“คือหนู… ไม่สนใจหรอกค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณป้ามากนะคะ”
วรันธารากำลังจะหมุนตัวเดินหนีไปอีกครั้ง แต่คำขู่ของแอนโทนี่ดังลั่นขึ้นมาในหูแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียก่อน
‘ถ้าไม่ได้ข่าวของเควิน คาสโตรเซ่นมาให้ผม คุณตกงานแน่ วรันธารา’
เท้าบอบบางที่ซ่อนอยู่ในรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินชะงัก ก่อนที่จะค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับป้าเดซี่อีกครั้ง
“หนู… สนใจค่ะป้า”
ป้าเดซี่แปลกใจกับท่าทางขัดแย้งกันของวรันธารา แต่ด้วยความดีใจที่จะได้หญิงสาวมาร่วมงานด้วยทำให้ลืมไปในที่สุด
“แสดงว่าหนูตกลงใช่ไหม”
วรันธาราก้าวเท้าเข้ามาหยุดใกล้ๆ ร่างของป้าเดซี่ ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้หนึ่งครั้ง
“ขอบคุณป้ามากนะคะที่เมตตาหนู”
“ถือว่าเป็นการตอบแทนที่หนูช่วยป้าเอาไว้ยังไงล่ะ และที่สำคัญไปกว่านั้น ป้าเบื่อที่จะต้องสัมภาษณ์ผู้หญิงจำนวนมากที่มาเขียนใบสมัครงานแล้ว”
“เอ่อ แล้วเจ้านายของป้าจะ…”
“ถ้าหนูหมายถึงคุณเคนล่ะก็… ท่านให้อำนาจป้าเต็มที่จ้ะ”
วรันธาราอยากจะยิ้ม แต่ก็ยิ้มไม่ออก เพราะความละอายใจมันบังเกิดขึ้นเต็มหัวใจ
นี่หล่อนหลอกคนแก่อย่างนั้นหรือ?
“ขอบคุณค่ะป้า”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พรุ่งนี้สายๆ มาหาป้านะ ไปถูกไหมคฤหาสน์คาสโตรเซ่นน่ะ หลังใหญ่ๆ อยู่อีกซอยถัดไปน่ะ”
“น่าจะไปถูกค่ะป้า” วรันธาราพยักหน้ารับ
“ดีมาก ไว้พรุ่งนี้พบกัน”
หญิงสาวยกมือไหว้อีกครั้ง กำลังจะแยกย้ายกัน แต่เหมือนป้าเดซี่จะคิดอะไรขึ้นมาได้จึงหันกลับมาเรียกอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนหนู”
“ป้ามีอะไรกับหนูเหรอคะ”
“ป้าลืมถามชื่อน่ะ หนูชื่ออะไรเหรอ”
“หนูชื่อวรันธาราค่ะ แต่เรียกสั้นๆ ธารได้เลยค่ะ”
“ชื่อเพราะ และแปลกดีนะ ป้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
“ขอบคุณค่ะป้า”
ป้าเดซี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะแสดงท่าทางกังวลใจออกมา “ป้าลืมบอกหนูไปน่ะ คุณเคนไม่ให้ป้ารับผู้หญิงสาวๆ เข้าไปทำงาน ให้รับแต่ผู้หญิงมีอายุ”
วรันธาราฟังแล้วก็แสนจะประหลาดใจ “ทำไมล่ะคะป้า หรือว่าคุณเคนของป้า… ชอบสาวแก่…”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก คุณเคนรำคาญสายตาสาวๆ ที่ชอบแอบจ้องมองท่านน่ะ ท่านเบื่อ ท่านไม่ชอบ คนเก่าก็พึ่งถูกไล่ออกไปเพราะชอบแอบอ่อยท่าน”
“คนหล่อใครก็อยากมองไม่ผิดนี่คะป้า”
“นี่หนูเคยเห็นคุณเคนด้วยเหรอ”
คำถามของป้าเดซี่ทำให้วรันธาราตกใจ ต้องรีบแก้ตัวพัลวัน
“เอ่อ ไม่เคยเห็นหรอกค่ะ แค่เดาเอาว่าหล่อ ไม่อย่างนั้นผู้หญิงจะแอบมองเหรอคะ”
ป้าเดซี่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะถอนใจออกมา “ป้าขอโทษนะตอนที่ชวนหนูลืมคิดถึงกฎข้อสำคัญนี่ไปเลย”
“งั้นก็แสดงว่าหนูจะไม่ได้ทำงานในคฤหาสน์คาสโตรเซ่นแล้วใช่ไหมคะ”
“ป้าขอโทษนะ”
วรันธารารู้สึกสับสนไปหมด ใจหนึ่งก็ผ่อนคลายที่ไม่ต้องหลอกลวงคนแก่อีก แต่อีกใจกลับเต็มไปด้วยความทุกข์เพราะกำลังจะตกงาน แล้วนี่หล่อนจะตัดสินใจยังไงดีนะ
‘ถ้าไม่ได้ข่าวของเควิน คาสโตรเซ่นมาให้ผม คุณตกงานแน่ วรันธารา’
เอาอีกแล้วคำขู่ของแอนโทนี่ดังลั่นในหูอีกแล้ว
“เอ่อ แล้วถ้าหนูไม่ใช่หญิงสาวล่ะคะ แต่เป็นหญิงวัยชรา”
ป้าเดซี่เลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน “หนูหมายความว่ายังไงหรือจ๊ะ”
“หนูจะเป็นคนแก่ในวันพรุ่งนี้ค่ะ”
“ห๊า… ว่ายังไงนะหนูธาร”
ป้าเดซี่อ้าปากค้างตกใจ
“พรุ่งนี้หนูจะไปพบคุณป้าตามเวลาที่เรานัดกันนะคะ แต่จะไปในสภาพของคนแก่”
“อย่าทำแบบนั้นเชียวนะหนูธาร ถ้าคุณเคนจับได้ เราตายหมู่แน่นอน”
“ป้าไม่ต้องกังวลนะคะ หนูจะไม่ทำให้ป้าเดือดร้อน และถ้าต้องมีใครตาย หนูจะตายคนเดียวค่ะ”
ถึงแม้ว่าวรันธาราจะยืนกรานหนักแน่น แต่ป้าเดซี่ก็ยังขยาดด้วยความหวาดกลัวอยู่ดี
“แต่ป้ากลัวอารมณ์ของคุณเคน ถ้าความแตกแย่แน่ๆ”
“หนูจะรับผิดชอบคนเดียวค่ะ คุณป้าเชื่อใจหนูนะคะ”
วรันธารากุมมือของป้าเดซี่เอาไว้ พร้อมกับบีบเบาๆ “เชื่อใจหนูเถอะค่ะ หนูจะไม่หลอกลวงคุณป้าอีกแล้ว”
“อีกแล้ว…? นี่หนูธารหมายถึง…”
“เอ่อ หนูหมายถึง… หนูจะไม่มีวันหลอกลวงคุณป้าน่ะค่ะ”
ป้าเดซี่คลายความกังขาแต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้
“แต่ป้าว่า… หนูอย่าทำแบบนั้นเลยดีกว่า ป้าสัญญานะว่าถ้ามีงานดีๆ จะติดต่อให้หนูไปทำคนแรกเลย”
“ขอบคุณมากค่ะป้า แต่หนูอยากได้เงินเยอะๆ ค่ะ ขอโอกาสให้หนูนะคะ”
ดวงตาของวรันธาราคล้ายมีมนต์สะกด เพราะในที่สุดป้าเดซี่ก็จำต้องตอบตกลงทั้งๆ ที่หนักใจไม่น้อย
“ก็ได้ แต่หนูต้องแต่งมาให้เนียนนะ ไม่อย่างนั้นคุณเคนจับได้แน่นอน”
“หนูรับรองค่ะคุณป้า จะแต่งมาให้เนียนค่ะ”
สองสาวต่างวัยพูดคุยกันต่อสองสามประโยคก็แยกย้ายก็ไป ป้าเดซี่เดินกลับคฤหาสน์คาสโตรเซ่น ในขณะที่วรันธาราเดินไปเข้าไปหาผู้ชายสองคนที่ยืนรออยู่จากตรงนั้นไม่ไกลนัก
“น้องธาร คราวหน้าคราวหลังจะให้พวกพี่เล่นเป็นโจรก็เตรียมอุปกรณ์มาให้เนียนหน่อยนะ ดูสิ ให้เอาปืนเด็กเล่นแบบนี้มาขู่คนแก่ เกิดถูกจับได้ว่าเป็นของปลอมจะทำยังไง”
“ฉันขอโทษพวกพี่ด้วยก็แล้วกัน แต่ฉันไม่มีเวลาเตรียมตัวจริงๆ นี่ เอาเป็นว่าฉันจะจ่ายค่าจ้างตามที่ตกลงเอาไว้ก็แล้วกันนะ”
“ไม่ต้องหรอก พวกพี่มาช่วยเฉยๆ เอาไว้เลี้ยงข้าวก็พอ”
“ไม่ได้หรอกพี่ ทำงานก็ต้องได้เงินสิ” วรันธาราคัดค้านพร้อมกับหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นมันให้กับผู้ชายสองคนตรงหน้า
“ฉันให้พวกพี่หมดเลย”
“เยอะไป เอาแค่สองร้อยเหรียญพอ อีกร้อยเหรียญน้องธารเอาไว้ซื้อข้าวกินเถอะ”
“แต่ว่าฉัน…”
“พวกพี่เอาแค่นี้แหละ ไปล่ะ”
แล้วผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆ กับห้องที่หล่อนเช่าอยู่ก็พากันเดินจากไป วรันธารามองตามไปทั้งน้ำตา“ขอบคุณมากนะคะพี่แม็ก พี่ซัน”
สองหนุ่มยกมือโบกลา ก่อนจะหายไปจากสายตา
วรันธาราเก็บธนบัตรใบสุดท้ายลงไปในกระเป๋าสตางค์ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
“อนาคตของเราอยู่ที่วันพรุ่งนี้แล้ว”
แม้จะรู้สึกผิดกับป้าเดซี่ไม่น้อยกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่วรันธาราก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว นอกจากเดินหน้าต่อไป
หน้าที่ก็คือหน้าที่ งานก็คืองาน นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่หล่อนต้องรำลึกเอาไว้เสมอ
“ฉันจะทำยังไงดี ณดา…” หลังกลับมาจากสำนักพิมพ์แล้ว วรันธาราก็อดที่จะโทรปรับทุกข์กับเพื่อนรักสมัยเรียนอย่าง ณดา พนารัตน์ ไม่ได้
“ฉันรู้เหมือน… กำลังจะเดินเข้าไปในถ้ำเสือยังไงก็ไม่รู้”
“ใจเย็นๆ ธาร ฉันมั่นใจว่าเธอทำได้ เธอเป็นคนเก่ง มีไหวพริบ และมีความมุ่งมั่นสูง ยังไงเธอก็ต้องทำสำเร็จ”
ณดาหญิงสาวที่ซ่อนดวงตาหวานฉ่ำเอาไว้ใต้กรอบแว่นหนาเตอะกล่าวให้กำลังใจเพื่อนรักด้วยความจริงใจ
“แต่ครั้งนี้ฉันไม่มั่นใจเลยณดา ฉัน… ฉันรู้สึกกลัวผู้ชายคนนั้น”
“คุณเควินอาจจะไม่ได้โหดร้ายเหมือนคำล่ำลือก็ได้นะธาร บางทีอาจจะใจดีก็ได้”
วรันธาราส่ายหน้าดิกกับโทรศัพท์มือถือที่แนบเอาไว้ข้างหู “ใจดีน่ะคงไม่ใช่หรอก ตาหมอนั่นดุ๊ดุ ดุมาก ขนาดฉันเห็นแค่รูปถ่ายนะ ยังอดสะพรึงไม่ได้เลย”
“แต่ฉันเชื่อว่าไม่มีอุปสรรคหรือความรู้สึกใดมาขวางกั้นความมุ่งมั่นของเธอได้หรอกธาร ขอแค่อย่าท้ออย่างเดียวเท่านั้น”
วรันธาราถอนใจออกมาเบาๆ “ขอบใจมากนะณดา และก็ขอโทษที่โทรมารบกวนค่ำๆ มืดๆ น่ะ”
“ไม่รบกวนหรอก ฉันกำลังเหงาอยู่พอดี”
“เหงา?” วรันธาราทวนคำของเพื่อนสนิท ก่อนจะถามกลับอย่างประหลาดใจ
“แล้วพี่ขุนของเธอไปไหนซะล่ะ เห็นปกติจะมากินข้าปกติไม่ได้มากินข้าววด้วยทุกเย็นไม่ใช่เหรอกหรือหรอ หรือว่าวันนี้ทำโอที…””
วรันธาราถามถึงขุนศึกแฟนคนแรกและคนเดียวของณดาที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้นด้วยกันนาน
“อ๋อ ใช่… พี่ขุนทำโอทีน่ะ”
แม้ณดาจะทำพยายามทำสุ่มเสียงให้เป็นปกติยังไง แต่วรันธาราก็ยังรู้ทันอยู่ดี “เสียงแบบนี้ แสดงว่าพี่ขุนนอกใจเธออีกแล้วใช่ไหมณดา”
“ไม่… ไม่ใช่หรอก ธาร ไม่มีอะไรจริงๆ”
“อย่ามาโกหกฉันสิณดาเธอโกหกไม่เก่งณดา มีอะไรก็ต้องเล่าให้ฉันฟังด้วย ไม่ใช่เก็บเอาไว้คนเดียวแบบนี้ ปกติเธอเป็นคนพูดตรงๆ ไม่ใช่เหรอ”
“ฉัน… ฉันแค่ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ ฉัน…”
กระแสเสียงของณดาสั่นเทาจนวรันธาราอยากจะบินไปหาที่วอชิงตันเสียให้ได้
“เลิกกับพี่ขุนซะเถอะ อย่าให้อภัยผู้ชายเลวๆ แบบนี้อีกเลย”
ณดานิ่งเงียบไป วรันธาราจึงพูดต่อ
“ฉันจำไม่ได้หรอกนะว่าเธอคบกับหมอนี่มากี่ปีแล้ว แต่ที่จำได้แม่นยำก็คือ มันนอกใจเธอหมอนี่คบครบกับเธอมาสิบปีเก้าเดือนสามสิบห้าวัน แต่นอกใจเธอไปแล้วห้ายี่สิบสองครั้ง มันใช้ไม่ได้นะณดา เธอไม่ควรที่จะต้องมาเสียน้ำตาเพราะผู้ชายคนนี้อีกแล้ว”
“ธาร… ฉันสบายดี…”
“อย่ามาโกหกฉันหน่อยเลย สบายดีแล้วเสียงสั่นทำไม เธอร้องไห้ทำไมณดา นี่ถ้าฉันไม่โทรมาปรึกษาเรื่องงาน ฉันก็คงไม่มีทางรู้เลยว่าเธอกำลังถูกผู้ชายเลวๆ ทำร้ายน่ะ” วรันธาราโกรธขุนศึกมาก จนแทบอยากจะกระทืบให้จมดิน “ถ้าฉันทำงานนี้สำเร็จเมื่อไหร่ ฉันจะย้ายไปอยู่ที่วอชิงตัน และไปจัดการไอ้พี่ขุนให้เข็ดหลาบ คอยดูสิ”
“อย่าเดือดร้อนเพราะฉันเลยธาร… ฉันทนได้”
“ณดา… เธอจะทนไปทำไม ผู้ชายแบบนี้ไม่มีเสียดีกว่า”
คนปลายสายสะอื้นไห้อย่างสุดจะกลั้น “แต่พี่ขุนเป็นรักแรกของฉันนะธาร และพี่ขุนก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่เห็นค่าของฉัน”
วรันธารากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ “ฉันอยากจะบอกเธอมาตั้งนานแล้วนะณดา ไอ้พี่ขุนของเธอน่ะมันเห็นเธอเป็นตู้เอทีเอ็มต่างหาก ตั้งแต่คบกับมันมา มันเคยออกเงินซื้อข้าวซื้อของให้เธอบ้างไหมล่ะ ขนาดแค่ค่าข้าวเธอยังต้องออกให้มันกินเลย”
วรันธาราพูดเรื่องจริงทุกอย่าง แต่ณดาก็ยังใจไม่แข็งพอที่จะตัดรักแรกออกไปจากหัวใจ
“แต่พี่ขุนมีบุญคุณกับฉัน…”
“ก็แค่ช่วยเธอให้พ้นจากไอ้พวกนักเลงหัวไม้ครั้งเดียว มันจะเป็นบุญคุณอะไรนักหนา แถมเงินทองที่เธอเสียให้มันไปก็เกินคุ้มแล้วด้วย”
“พี่ขุนแค่ยืมน่ะธาร”
“ยืม?” วรันธาราทำเสียงเยาะหยันในลำคอ “ยืมแล้วเคยคืนบ้างหรือเปล่าล่ะ กี่หมื่นกี่แสนเหรียญแล้ว”
ณดาเองก็คิดแบบนั้น แต่เพราะคิดว่าเป็นคนรัก หล่อนจึงยินยอมให้ขุนศึกเอาเปรียบมาตลอด “ฉัน…”
“เอาเป็นว่าพยายามตัดใจเสียเถอะนะณดา ผู้ชายดีๆ ยังมีอยู่อีกมากมาย และที่สำคัญบางทีเธออาจจะไม่ได้รักไอ้พี่ขุนอย่างที่เธอพยายามบอกตัวเองก็ได้”
“ธาร…”
“ฉันพูดเรื่องจริงนะ เพราะถ้าเธอรักไอ้พี่ขุนแบบคนรัก แบบชู้สาวจริงๆ แล้วทำไมเธอไม่ยอมนอนกับมันล่ะ”
ใช่ นี่คือเรื่องเดียวที่หล่อนขัดใจขุนศึก
“คือว่าฉัน… ฉันยังไม่พร้อมน่ะ”
“แต่ฉันว่าเธอแค่หลอกตัวเองว่ารักหมอนั่นมากกว่า โลกของเธอมันแคบเกินไป เอาเป็นว่าฉันอยู่ทางนี้จะเฟ้นหาผู้ชายคุณสมบัติยอดเยี่ยมให้กับเธอนะ ณดา แล้วอีกหนึ่งเดือนเราเจอกัน”
“ไม่นะธาร… ฉัน… ฉันไม่อยากมีใครหรอก แค่พี่ขุนก็พอ”
“บอกแล้วไงว่าอย่าหลอกตัวเอง เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันพูดก็แล้วกันนะเพื่อนรัก โอเคร งั้นราตรีสวัสดิ์ แล้วจะโทรหาใหม่”
“เดี๋ยวก่อนสิธาร… ธาร…”
ในขณะที่ณดาร้องเรียกแต่ไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายตัดสายสนทนาไปเสียแล้ว
ณดาระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ดวงตากลมโตในกรอบแว่นหนาช้อนขึ้นมองแผ่นฟ้ายามค่ำคืนด้านนอกหน้าต่างด้วยความสับสน คำพูดของวรันธารายังคงวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา
ประตูรั้วของคฤหาสน์คาสโตรเซ่นช่างสูงลิบจนผู้หญิงเอเชียตัวเล็กจิ๋วแบบหล่อนไม่อาจจะมองเห็นภายในได้เลย แม้จะกระโดดสูงแค่ไหนก็ตาม
วรันธารายืนทอดถอนใจด้วยความท้อแท้แถมหน้ารั้วยังมีผู้ชายตัวยักษ์อีกสามคนคอยเฝ้าเอาไว้อีกด้วย
แล้วแบบนี้หล่อนจะเข้าไปข้างในได้ยังไงกัน ลำพังแค่แอบมองอยู่แบบนี้ก็กลัวถูกจับได้จะแย่อยู่แล้ว
หญิงสาวทรุดกายลงนั่งกับพื้นหญ้าหลังพุ่มไม้เตี้ย พยายามคิดพยายามนึกถึงหนทางที่จะเข้าไปข้างในอาณาจักรของเควิน แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“นี่จะต้องตกงานจริงๆ เหรอเนี่ย”
หญิงสาวบ่นคนตัวเล็กพึมพำในลำคออย่างอ่อนล้า อ่อนแรง และอ่อนเพลียอยู่ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายแก่จัด สมองที่เคยฉลาดไม่อาจจะหาทางออกให้กับชีวิตได้เลยในยามนี้
หล่อนจะทำยังไงดี…?
ร้อยครั้งพันครั้งที่ถามตัวเองออกไปแบบนี้ แต่ไม่มีเลยสักครั้งเดียวที่จะได้คำตอบใดกลับคืนมา
ในที่สุดวรันธาราก็จำต้องลุกขึ้นจากพุ่มไม้ และเดินคอตกจากไปอย่างหมดหวัง
“ป้าเดซี่จะออกไปตลาดหรือครับ”
“ใช่จ้ะ”
“แล้วทำไมไม่ให้คนขับรถไปส่งล่ะครับ”
“คนขับรถประจำของป้าไม่ว่างน่ะ และอีกอย่างป้าก็ซื้อของไม่กี่อย่างด้วย ไปเองแบบนี้แหละสะดวกดี”
เสียงสนทนาแว่วๆ ดังมาเข้าหู และมันก็ทำให้ร่างของวรันธาราหันขวับกลับไปมอง
ร่างของสตรีวัยกลางคนรูปร่างท้วมยืนพูดคุยอยู่กับสามยักษ์ตัวใหญ่ และแน่นอนว่าแผนการบางอย่างเกิดขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว
“คิดออกแล้ว… คิดออกแล้ว…”
รอยยิ้มแห่งความดีใจระบายเต็มใบหน้างาม ก่อนที่หญิงสาวจะรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“อะไรนะคะหัวหน้า จะไล่ธารออก!”
วรันธารา กิติรัตน์ นักข่าวสาวพร้อมลุยแต่ไม่พร้อมเสียงอุทานด้วยความตกใจ ใบหน้าสวยหวานซีดเผือด
“หัวหน้าล้อเล่นใช่ไหมคะ”
แม้สองหูจะได้ยินอย่างชัดเจน แต่ก็อดที่จะหลอกตัวเองต่อไปไม่ได้
“ผมพูดเรื่องจริง สิ้นเดือนนี้คุณไม่ต้องมาทำงานที่ SUN TIMES อีกแล้ว”
“หัว… หัวหน้า…”
คราวนี้หญิงสาวไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีกแล้ว วรันธาราหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ เม็ดเหงื่อในมือผุดขึ้นมามากมายราวกับดอกเห็ดยามหน้าฝน
“ธาร… ธารทำงานไม่ดีเหรอคะ ทำไม… ทำไมหัวหน้าถึงได้คิดจะปลดธารออกล่ะคะ หัวหน้าคะ…”
หล่อนพยายามวิงวอน แต่แอนโทนี่หัวหน้างานวัยสี่สิบห้าปีกลับไม่ไยดี แถมยังสาดซัดวาจาร้ายกาจใส่อีกอย่างไม่ไว้หน้า
“นี่ต้องให้ผมสาธยายความไม่เอาไหนให้ฟังจริงๆ เหรอคุณวรันธารา”
“หัวหน้าคะ แต่ธาร… ธารรักอาชีพนักข่าวมากนะคะ และธารก็มั่นใจว่าตัวเองทำงานดีไม่แพ้คนอื่น หัวหน้าให้โอกาสธารสักครั้งนะคะ”
“ผมให้โอกาสคุณมานานหลายเดือนแล้วคุณวรันธารา แต่ข่าวของคุณมันขายไม่ได้เลย คุณก็เห็นอยู่นี่ ผมจำเป็นต้องหาบุคลากรคนใหม่มาเพื่อความอยู่รอดของสำนักพิมพ์ของเรา”
“แต่… แต่ข่าวที่ธารทำ… มันเป็นข่าวที่สร้างสรรค์สังคมทั้งนั้นเลยนะคะ เป็นข่าวที่ควรจะให้ประชาชนได้รับรู้”
“แล้วมันขายได้ไหมล่ะ เห็นไหมว่ายอดขายหนังสือพิมพ์ของเรามันตกต่ำลงไปมากแค่ไหน ถ้าผมไม่ตัดคนไร้ประสิทธิภาพอย่างคุณออกไป องค์กรของเราก็จะต้องล่มสลาย ซึ่งผมยอมไม่ได้ ผมจะไม่มีวันทำลายหม้อข้าวของตัวเองเด็ดขาด”
“แต่ธารจำเป็นต้องใช้เงินนะคะหัวหน้า ธารคงออกจากงานไม่ได้”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องรับรู้ ผมรู้อย่างเดียวคือว่าเดือนหน้าคุณจะไม่ใช่นักข่าวของซันไทมส์อีกแล้ว”
“หัวหน้า…”
วรันธาราแทบทรุด จำต้องคว้าพนักเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุดเอาไว้ ดวงตากลมโตแดงก่ำด้วยความเสียใจ
“มันอาจจะโหดร้ายเกินไปสำหรับคุณ แต่ผมไม่มีทางเลือก ในเมื่อคุณไม่สามารถเขียนข่าวที่คนส่วนใหญ่ชอบเสพกันได้ คุณก็ต้องออกไปจากที่นี่”
“แต่ธารตั้งใจจะทำข่าวที่สร้างสรรค์นะคะหัวหน้า ข่าวซุบซิบของพวกดาราเซเลปธารจะไม่ทำ นี่คืออุดมการณ์ของธาร”
“ก็ที่คุณต้องถูกไล่ออก ก็เพราะอุดมการณ์อันแรงกล้าของคุณไง วรันธารา ออกไปกินอุดมการณ์เถอะ”
วรันธาราอึ้งเจ็บลึกไปทั้งอก แต่เพราะความจำเป็นเรื่องเงินทำให้หญิงสาวจำต้องวิงวอน
“หัวหน้าคะ… ขอโอกาสให้ธารอีกสักครั้งได้ไหมคะ”
แอนโทนี่เงยหน้าขึ้นมองหล่อน
วรันธาราวิงวอนต่อ “นะคะหัวหน้า ธารสัญญาว่าจะทำข่าวชิ้นนี้ให้ดีที่สุด ยอดขายหนังสือพิมพ์ซันไทมส์จะต้องพุ่งกระจูดแน่นอนค่ะ ขอโอกาสให้ธารนะคะ นะคะหัวหน้า…”
แอนโทนี่วางปากกาในมือลง และจ้องหน้าวรันธารา “ไหนคุณลองบอกผมมาสิว่าคุณจะทำข่าวอะไร”
วรันธารายิ้มกว้างด้วยความดีใจ เพราะคิดว่าแอนโทนี่หยิบยื่นโอกาสให้อีกครั้ง
“ธารได้ยินมาว่ามีการทุจริตการสร้างถนนในเขตนอกเมืองมาน่ะค่ะ ถ้าธารทำข่าวนี้สำเร็จ รับรองว่าหนังสือพิมพ์ซันไทมส์ดังเป็นพลุแตกแน่ๆ เลยค่ะ”
“ดิ่งลงเหวน่ะสิไม่ว่า” แอนโทนี่ตวาดอย่างไม่พอใจ และนั่นก็ทำให้วรันธาราหน้าหดเหลือไม่ถึงสองนิ้ว
“มัน… ไม่ดีเหรอคะหัวหน้า”
“ดีกับผีน่ะสิ ถ้าคุณทำข่าวนี้ รับรองซันไทมส์ถูกปิดแน่ แถมดีไม่ดีคุณนั่นแหละจะถูกยิงตายไปด้วย”
วรันธาราตกใจ “มันขนาดนั้นเลยเหรอคะหัวหน้า”
“ก็ใช่น่ะสิ ข่าวพวกนี้อย่าไปยุ่ง ข่าวที่ผมบอกให้คุณทำ และคนส่วนมากสนใจน่ะ ทำไมไม่คิดจะทำ ไปสิ ไปตามแอบถ่ายดารา นางแบบ หรือพวกมหาเศรษฐีที่เข้าถึงยากๆ นู้น พวกนี้แหละจะทำให้ซันไทมส์อยู่รอด”
“แต่นั่นไม่ใช่อุดมการณ์ของธารนะคะ”
“แล้วอุดมการณ์ของคุณมันซื้อข้าวกินได้ไหมล่ะ”
วรันธาราเงียบ เถียงไม่ออก
แอนโทนี่หน้าบูดบึ้ง “เอาเป็นว่าเดือนหน้าไม่ต้องมาทำงานอีกแล้ว ผมไล่คุณออก”
“หัวหน้า… ได้โปรดเถอะค่ะ อย่า… อย่าไล่ธารออกเลยนะคะ หัวหน้าคะ เห็นใจธารเถอะค่ะ”
แอนโทนี่ถอนใจออกมาอย่างเอือมระอา “พอผมบอกให้คุณทำข่าวที่คนสนใจ คุณก็ปฏิเสธ พอผมจะไล่คุณออกก็มาร้องไห้อ้อนวอน นี่ผมถามจริงๆ เถอะ ตกลงคุณจะเอายังไงกับผมกันแน่ คุณวรันธารา!”
“คือ…”
วรันธาราครางด้วยความอึดอัดสับสน หล่อนจะทำยังไงดี จะทำยังไงดีกับทางแยกที่ต้องเลือกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ทำตามที่แอนโทนี่ต้องการเพื่อให้มีงานทำต่อไป หรือว่าหันหลังให้กับความต้องการของหัวหน้า และตกงาน
“ว่ายังไงคุณวรันธารา ผมไม่มีเวลามากนักหรอกนะ”
“ถ้า… ถ้าธารทำข่าวของดารา หัวหน้าจะไม่ไล่ธารออกใช่ไหมคะ”
“ใช่ แต่ต้องเป็นคนที่ผมเลือกให้เอง”
วรันธารากำมือแน่น อยากจะวิ่งออกไปจากห้องของแอนโทนี่นัก แต่กลับทำไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีเงินเดือน หล่อนจะใช้ชีวิตยังไง จะอยู่ในเทกซัสต่อไปยังไง
“ใคร… ใครกันคะที่หัวหน้าจะให้ธารไปทำข่าว”
แอนโทนี่หรี่ตามองลูกน้องสาวด้วยความพึงพอใจ
“เป็นอันว่าคุณตกลงจะทำตามความต้องการของซันไทมส์ใช่ไหมครับ คุณวรันธารา”
หญิงสาวถอนใจออกมาเบาๆ “ก็ธารไม่มีทางเลือกนี่คะ ถ้าไม่ทำก็ต้องตกงาน แล้วถ้าตกงานธารจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟล่ะ ค่ะ ธารจะทำค่ะ”
“ดีมาก” แอนโทนี่ยิ้มกริ่ม
“แล้วหัวหน้าจะให้ธารทำข่าวของดารา นางแบบคนไหนคะ”
“ไม่ใช่ดารา ไม่ใช่นางแบบ…”
แอนโทนี่เปิดลิ้นชักออก แล้วหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมา พร้อมกับเลื่อนไปที่ตรงหน้าวรันธารา
“แต่เป็นมหาเศรษฐี”
“มหาเศรษฐี?”
วรันธาราหรี่ตาแคบลงมองรูปถ่ายขนาดสี่คูนหกนิ้วตรงหน้า
“ใช่ มหาเศรษฐีจอมเถื่อน เควิน คาสโตรเซ่น”
วรันธาราอ้าปากค้างเติ่งเมื่อได้สบตากับผู้ชายที่อยู่ในรูปถ่ายตรงหน้า ไม่ใช่เพราะฉายาจอมเถื่อนที่ได้ยิน แต่เป็นเพราะความเซ็กซี่มีเสน่ห์ของดวงตาสีน้ำเงินเข้มต่างหาก
ผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อคมเข้ม ผิวสีแทน ดวงตาคมกริบดูกระด้างและไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย แต่กระนั้นก็หวานฉ่ำจนหัวใจผู้หญิงที่ไม่เคยลิ้มรสชาติความรักมาก่อนต้องสะท้าน หล่อนพยายามบอกตัวเองว่าเขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่พระเจ้าประธานรูปลักษณ์หล่อระเบิดมาให้เท่านั้น แต่ทำไมนะ หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุดแบบนี้
แอนโทนี่ที่นั่งจ้องหน้าวรันธาราอยู่หัวเราะเบาๆ อย่างรู้ทัน “ผู้หญิงทุกคนที่ได้เห็นรูปของเควินก็ทำหน้าเหมือนคุณทุกคนนั่นแหละ”
วรันธาราเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับหัวหน้างาน จะเอ่ยปากถามแต่แอนโทนี่ชิงตอบออกมาเสียก่อน
“ตกหลุมรัก”
“ตกหลุมรักเหรอคะ”
“ใช่ เควินเป็นมหาเศรษฐีที่หล่อมาก และการเข้าถึงก็ยากพอๆ กับความหล่อนั่นแหละ”
วรันธาราพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อเรียกสติของตัวเองให้กลับคืนมาโดยเร็ว
“แต่ธารไม่ได้ตกหลุมรักเขานะคะ ธารก็แค่…” หญิงสาวอึกอักเพราะพยายามคิดหาคำแก้ตัว
“ก็แค่พึ่งเคยเห็นผู้ชายคนนี้เป็นครั้งแรก และก็ตกใจกับความกระด้างในดวงตาของเขาเท่านั้นเองค่ะ”
“นั้นมันเรื่องของคุณ สิ่งที่ผมต้องการให้คุณทำก็คือ การแฝงตัวเข้าไปในบ้านของเควิน และแอบถ่ายภาพ พร้อมกับเรื่องราวที่พอจะหาได้ของเควินออกมาให้ได้มากที่สุด ผมต้องการขายข่าวนี้”
“ตะ… แต่ว่าผู้ชายคนนี้เข้าลึกถึงยากไม่ใช่เหรอคะ”
ถึงแม้หล่อนจะไม่เคยเห็นหน้าเขาตามหนังสือพิมพ์มาก่อน ซึ่งนั่นอาจจะเกิดจากที่เขาไม่ยอมให้ถ่ายรูปทำข่าว หรืออาจจะเป็นเพราะหล่อนไม่ได้ทำข่าวเกี่ยวกับพวกคนดังๆ แต่หล่อนก็พอเพราะพราะได้ยินมาบ้างว่าผู้ชายคนนี้หวงแหนความเป็นส่วนตัวที่สุด
“ยิ่งเข้าถึงยากยิ่งดี เพราะถ้าคุณทำได้ คุณจะกลายเป็นนักข่าวฝีมือดีในทันที และผมสัญญาว่าจะขึ้นเงินเดือนให้คุณอีกห้าพันเหรียญพิจารณาปรับเงินเดือนให้กับคุณ ในอนาคต”
“หัวหน้าพูดจริงนะคะ ไม่ได้โกหกธารนะคะธารไม่ได้อยากได้เงินเดือนเพิ่มหรอกค่ะ แค่อยากมีงานทำเท่านั้นเอง”
“คุณจะยังมีงานทำต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่คุณยอมทำในสิ่งที่ผมบอกจริงสิ ผมไม่โกหกอยู่แล้ว แต่คุณจะต้องทำให้ได้”
แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองรัก แต่เงินก็จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอยู่ของหล่อนไม่ใช่หรือ ถึงจะฝืนใจแต่ก็ต้องทำ
“ค่ะ ธารจะพยายามทำให้ได้ค่ะ”
“ดีมาก งั้นคุณเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลยนะ”
“พรุ่ง… พรุ่งนี้เลยเหรอคะ คือธาร… ธารยังไม่มีเวลาหาข้อมูลของผู้ชายคนนี้เลยค่ะ”
“นั่นไม่จำเป็น เพราะผมเตรียมข้อมูลเอาไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
แฟ้มเอกสารสีดำถูกเลื่อนมาตรงหน้าของวรันธารา
“แฟ้ม…?”
หญิงสาวเลิกคิ้วโก่งสวยขึ้นสูง
“สถานที่ตั้งคฤหาสน์คาสโตรเซ่นอยู่ในนี้”
หญิงสาวรีบเปิดแฟ้มตรงหน้า คิดว่าจะมีข้อมูลอะไรมากกว่านี้ แต่กลับมีกระดาษภายในแค่เพียงแผ่นเดียว
“เอ่อ… มีข้อมูลแค่นี้เหรอคะหัวหน้า”
“ใช่ครับ ข้อมูลส่วนตัวที่เหลือของเควิน คาสโตรเซ่น คุณจะเป็นคนหายังไงล่ะครับ”
วรันธาราทำหน้ากระอักกระอ่วน แต่ก็จำต้องรับปากออกไป “ได้ค่ะหัวหน้า ธารจะทำเต็มที่ค่ะ”
“ผมให้เวลาคุณหนึ่งสัปดาห์กับการทำผลงานในครั้งนี้”
“หนึ่งสัปดาห์?!”
“ใช่”
“โอ๊ย ไม่ทันหรอกค่ะหัวหน้า ธารขอหนึ่งเดือนนะคะ เพราะกว่าจะหาทางเข้าไปในบ้านของคุณเควิน ก็คงใช่เวลาหลายอาทิตย์แล้วล่ะค่ะ”
“ผมรอนานแบบนั้นไม่ได้หรอก สองอาทิตย์ห้ามเกินจากนี้ เพราะไม่อย่างนั้นผมจะถือว่าการสร้างผลงานของคุณล้มเหลว และคุณก็จะต้องตกงาน”
วรันธาราพูดไม่ออกน้ำท่วมปาก
“คุณมีอะไรขัดข้องหรือเปล่า คุณวรันธารา”
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก
“ไม่มีค่ะ ธารจะทำให้ได้ภายในเวลาสองสัปดาห์ค่ะ”
“ดีมาก แล้วผมจะรอข่าวของคุณที่นี่”
“ค่ะ ธารจะไม่ทำให้หัวหน้าผิดหวัง งั้นธารขอตัวออกไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”
“ตามสบาย อ้อ ผมลืมบอกคุณไป…”
วรันธาราที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องทำงานของแอนโทนี่ชะงักเท้าพร้อมกับหันกลับมามองคนพูดอีกครั้ง
“ตอนนี้คฤหาสน์คาสโตรเซ่นกำลังประกาศรับสมัครสาวใช้ ถ้าคุณจะใช้โอกาสนี้เพื่อให้ได้เข้าไปทำข่าว ผมว่าก็ไม่เลวนะ”
ดวงหน้าหม่นหมองของวรันธาราสว่างสดใสขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของคู่สนทนา
“ขอบคุณ… ขอบคุณมากค่ะหัวหน้า ขอบคุณค่ะ”
วรันธารากล่าวขอบคุณซ้ำหลายครั้งก่อนจะวิ่งออกไป
“ซันไทมส์จะดังก้องฟ้าก็งานนี่แหละ” แอนโทนี่หัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจเป็นที่สุด
TEXAS: เทกซัส เป็นรัฐแห่งหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ทางภาคกลางค่อนลงไปทางทิศใต้ของประเทศ สภาพอากาศค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งอบอุ่นจนถึงหนาวเย็นจัด สถาปัตยกรรมที่สำคัญมีมากมาย อาทิเช่น อาคาร 4 แห่งของ แฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ พิพิธภัณฑ์ที่ออกแบบโดย ทาดาโอลโอะ อันโด พิพิธภัณฑ์ศิลปะคิมเบลล์ ที่ออกแบบโดย ลุยส์ คาฮ์นที่เมืองฟอร์ตเวิร์ธ และที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือบุคคลสำคัญในรัฐเทกซัส ที่พอเอ่ยชื่อแล้วทุกคนจะต้องรู้จัก และครางละเมอให้กับความสมบูรณ์แบบของเขาผู้นั้นทันที
เควิน คาสโตรเซ่น อภิมหาเศรษฐีจอมเถื่อนผู้ลึกลับ เควินมีรายชื่อติดอันดับต้นๆ เสมอเมื่อนิตยสารฟอร์บส์ (FORBES) มีการจัดทำขึ้น
แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยรู้สึกยินดีกับสิ่งที่คนเหล่านั้นพยายามยัดเหยียดเยียดให้เลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกเอือมระอา จนไม่อยากจะเสวนาหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
นักข่าวก็เหมือนผึ้งที่กำลังโหยหาหยาดน้ำหวาน คนพวกนั้นพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้หาแอ่งน้ำหวานให้เจอ จากนั้นก็จะเจาะจะดูดจะสูบจนแห้งเหือด ก่อนจะโบยบินทิ้งไป
เขาเกลียดพวกนักข่าว เกลียดคนที่จ้องแต่จะหาประโยชน์จากความเป็นส่วนตัวของคนอื่น จำได้ว่าเมื่อเดือนก่อน เขาพึ่งถูกแอบถ่ายภาพยามที่ไปพักผ่อนที่เกาะส่วนตัวในไอซ์แลนด์ ภาพส่วนตัวของเขากับแวนด้าคู่ขาชาวเยอรมันถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงคอลัมน์ต่างๆ ในโลกออนไลน์ สร้างความไม่พอใจให้เป็นอย่างยิ่ง จนต้องใช้อำนาจเงินในมือจัดการกับสื่อสกปรกพวกนี้จนเข็ดหลาบ
แต่กระนั้นเขาก็ยังคงมองเห็นความกระหายในสายตาของนักข่าวพวกนี้ยามที่จ้องมองมาอย่างชัดเจน
“ทำไมหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ หรือว่ามีภาพหลุดออกไปอีกแล้วล่ะ เควิน”
เควินที่นั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องแย่ๆ ในอดีตที่ผ่านมาส่ายหน้าเบาๆ
“เปล่าหรอก ตอนนี้ฉันระวังตัวมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ แต่ก็รู้สึกไม่ถูกต้องเลย ทำไมฉันจะต้องมานั่งระวังตัวจากพวกนักข่าวด้วย ทั้งๆ ที่มันก็เป็นชีวิตของฉัน จริงไหม ธีโอ”
ธีโอ เอเมอร์ริค อภิมหาเศรษฐีหนุ่มหล่อเพื่อนรักสมัยเรียนของเควินหัวเราะขับขบขัน
“มันก็จริงอย่างที่นายว่านั่นแหละ แต่นายก็อย่าลืมสิว่า นักข่าวเขาก็ทำหน้าที่ของเขา ถ้าไม่หาข่าว เขาก็ตกงานกันน่ะสิ”
“แต่ต้องไม่ใช่ข่าวของฉัน” เควินกัดฟันกรอด “นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย ไม่ชอบเป็นที่จับตามองของใคร แต่นี่… พวกนักข่าวพยายามทำให้ฉันเป็น ซึ่งมันน่าสะอิดสะเอียนมาก”
“ก็ใครใช้ให้นายเกิดมาหล่อ รวย ครบเครื่องกันล่ะ เควิน”
“แล้วนายไม่หล่อ ไม่รวย ไม่ครบเครื่องหรือไง ธีโอ” เควินถามกลับอย่างหัวเสีย “และอีกอย่างนักข่าวพยายามจับคู่ฉันกับคนนู้นคนนี้ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องจริงสักนิด มันน่ารำคาญ”
ธีโออมยิ้มพลางเอนกายพิงกับพนักโซฟานุ่มภายในคฤหาสน์หรูของเพื่อนรัก
“ที่เรียกให้ฉันบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเทกซัสก็เพราะต้องการระบายเรื่องนักข่าวเนี้ยเนี่ยนะ เคน”
เควินพยักหน้าน้อยๆ
“ฉันไม่รู้จะระบายกับใคร”
“ก็เจ้าแม็ตไงล่ะ” ธีโอเอ่ยถึงเมเตโอเพื่อนสนิทอีกคน “นายกับหมอนั่นอยู่ใกล้กันมากกว่าฉันอีกนะ นี่อย่าบอกนะว่านายลืมไปแล้วว่าฉันอยู่วอชิงตัน ในขณะที่เจ้าแม็ตมันอยู่ลุยเซียนาน่ะ” ธีโออดไม่ได้ที่จะโวยวายบ้าง แต่เควินกลับไม่สะทกสะท้าน
“ก็นายมีเวลาว่างมากกว่าเจ้าแม็ต ฉันก็เลยคิดถึงนาย”
ธีโอที่นั่งฟังอยู่รีบยกแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบดับความขุ่นเคืองทันที
“ถ้านายเรียกฉันมาหาด้วยเรื่องนักข่าวอีกเพียงครั้งเดียว ฉันจะจับนายยัดเข้าไปในบัญชีรายชื่อหนุ่มๆ ของเอเมอร์ริดเลิฟทันที ไม่เชื่อคอยนายคอยดูก็แล้วกัน”
เควินได้ยินก็หัวเราะร่วนลืมเรื่องนักข่าวไปชั่วขณะ “จะให้ฉันไปเดตกับสาวๆ ที่ติดต่อเข้ามาว่างั้นเถอะ”
“ใช่ นายต้องทำ หากนายเรียกฉันขึ้นมาหาด้วยเรื่องไร้สาระอีก จำเอาไว้นะเจ้าเควิน”
“โอเค ฉันจะพยายามก็แล้วกัน”
“ต้องทำให้ได้ต่างหาก ถ้านายไม่อยากไปเป็นหนุ่มเลิฟ”
เมื่อเห็นเพื่อนรักสมัยเรียนเรียกทำหน้าตาขรึงขังพูดเสียงจริงจัง เควินจึงต้องรีบรับปากเพราะไม่อยากทำให้เพื่อนโกรธ
“ฉันจะไม่เรียกนายขึ้นมาหาอีก แต่ฉันจะเดินทางไปที่วอชิงตันเพื่อไปหานายด้วยตัวเอง โอเคไหม ธีโอ”
ธีโอทำหน้าผะอืดผะอมแต่ก็ไม่มีทางเลือก
“ก็แล้วแต่นายเถอะ แต่ขอบอกว่าฉันมีงานรัดตัวตลอด คงพานายเที่ยวได้ไม่ทั่วหรอกนะ”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา”
“แล้วปัญหาของนายคืออะไรล่ะเคน”
เควินประสานสายตากับธีโอ
“นักข่าวยังไงล่ะ”
ธีโอได้ฟังก็ถอนหายใจยาวเหยียด หมอนี่เกลียดนักข่าวเข้าเส้นเลือดดำไปแล้วจริงๆ
“ระวังจะได้เมียเป็นนักข่าวเถอะ”
เควินส่ายหน้าดิก พลางแสดงท่าทางสะอิดสะเอียน
“แค่ให้มองยังยากแล้ว ถ้าจะให้เอามาทำเมียด้วย ฉันคงฆ่าตัวตายแน่ๆ นายอย่าพูดเรื่องไร้สาระเลยดีกว่าธีโอ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ฉันเกลียดนักข่าว เกลียดพวกปลิงหิวเลือดพวกนั้น”
“เออๆ ตามใจนายเถอะ” เป็นอีกครั้งที่ธีโอยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบ “แต่ถ้าได้เมียเป็นนักข่าวเมื่อไหร่ อย่าลืมยกหุ้นให้ฉันยี่สิบเปอร์เซ็นต์ล่ะ”
“ฉันให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้”
เควินมั่นใจเหลือเกิน จนธีโออดขำขันไม่ได้
“ล้อเล่นเฉยๆ ฉันไม่เอาหุ้นของนายหรอก แค่นี้ฉันก็มีมากจนจำแทบไม่หมดแล้ว”
เควินระบายยิ้ม หยิบแก้ววิสกี้ขึ้นจิบบ้าง ธีโอมองเพื่อนที่นั่งนิ่งเงียบอย่างพิจารณา ก่อนที่ความทรงจำเลือนรางสมัยที่ยังเป็นนักศึกษาค่อยๆ ย้อนกลับมาในหัวอีกครั้ง
แฟนสาวคนแรกของเควินเป็นนักข่าว เควินรักแฟนสาวคนนี้มาก… มากจนยอมให้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายแฟนสาวคนนี้กลับไม่ยอมซื่อสัตย์กับเควิน นำภาพเปลือยของเควินไปขายให้กับหนังสือพิมพ์เพื่อแลกกับเงินเพียงแค่ห้าหันพันเหรียญ เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เควินได้รับความอับอายจนต้องหยุดเรียนกลางคัน แต่เวลาผ่านไปไม่นานเพื่อนรักของเขาก็สามารถลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้กับความฉาวโฉ่ที่เกิดจากการทรยศนั้นมาได้ จนถึงทุกวันนี้วันที่ เควิน คาสโตรเซ่น เข้มแข็งดั่งราชสีห์ วันที่ไม่มีนักข่าวคนไหนสามารถต่อกรกับเควินได้อีก
“นายลืมวรัญญาได้หรือยัง”
ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มเกือบดำของเควินไหววูบก่อนจะมืดลึกลงจนไม่อาจจะเข้าใจความรู้สึกได้
“นายถามถึงผู้หญิงคนนี้อีกทำไม ธีโอ”
แม้น้ำเสียงของเควินจะราบเรียบปกติ แต่ดวงตาคู่นั้นของเควินยังคงมีร่องรอยแห่งความเจ็บปวดอยู่
“ฉันขอโทษ แต่ที่ฉันถามก็เพราะว่าอยากรู้ว่านายหมดรักในตัวของวรัญญาลงไปแล้วหรือยัง”
เควินเทวิสกี้ในแก้วหายลงไปลำคอแกร่งสีแทนจนหมด ก่อนจะตวัดสายตาจ้องหน้าเพื่อนรัก
“ยังไม่ลืม”
“นายยังรักผู้หญิงทรยศคนนั้นอยู่หรือ”
มุมปากข้างหนึ่งของเควินยกสูงขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้มหยันเยาะบนใบหน้าหล่อเหลา
“เกลียดต่างหาก”
“เกลียดหรือ?”
“ใช่ ความรักสำหรับฉันมามันตายดับไปตั้งแต่คืนนั้นแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็คือความเกลียดชัง”
“ได้ยินแบบนี้ฉันก็โล่งใจ ฉันดีใจนะเคน ที่นายหลุดพ้นจากบ่วงรักงี่เง่านั้นได้แล้ว ฉันบอกตามตรง ฉันรู้สึกแย่มากที่เห็นนายเศร้าหมองเพราะพิษรัก”
“ความรักไม่ได้งี่เง่าหรอกธีโอ แต่คนครอบครองมันต่างหากที่จะเป็นผู้กำหนดว่าความรักจะสวยงามหรือว่าจะเน่าเหม็น” ดวงตาของเควินมืดลึกไร้แสงสว่าง
ธีโอระบายลมหายใจออกมา “ถ้านายอยากได้ผู้หญิงสักคนมาคั่นเวลาเหงา บอกฉันได้นะเคน ลูกค้าสาวๆ สวยๆ ของฉันมีเยอะ ฉันสามารถจัดการให้นายได้ทันที”
เควินเค้นเสียงหัวเราะเยาะออกมา
“ผู้หญิงแค่มีเงินเท่านั้นก็ปรี่เข้ามาหมอบคลานที่แทบเท้าแล้ว ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องรบกวนนายหรอกธีโอ อันที่จริงทุกวันนี้ฉันก็มีผู้หญิงเอาไว้ผ่อนคลายมากมาย”
“ได้ยินแบบนี้ฉันก็ดีใจ… ดีใจที่นายไม่มีความทุกข์อีกต่อไปอีกแล้ว”
“ขอบใจมากธีโอ ขอบใจสำหรับการเป็นผู้รับฟังที่ดีสำหรับฉันเสมอมา”
ธีโอยิ้มกว้าง พลางยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อนรัก
“ฉันยินดีเสมอ และไอ้ที่ฉันบ่น ก็เพราะว่าไม่อยากให้นายเหมารวมว่านักข่าวจะนิสัยแย่เหมือนวรัญญาเสียทุกคน คนดีๆ ก็มี ฉันอยากให้นายคิดแบบนี้”
ไหล่กว้างของเควินไหล่ไหวน้อยๆ อย่างไม่แยแสสิ่งใด
“เอาเป็นว่าฉันจะฟังที่นายพูด แต่เรื่องจะคิดตามทำตามหรือไม่นั่น อยู่ที่วิจารณญาณของฉันและสถานการณ์ดีไหม”
ธีโอรู้ดีว่าเควินเป็นผู้ชายที่ดื้อรั้นมากแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะเถียงกับเพื่อนรักอีก เพราะยังไงก็ไม่มีทางชนะหรอก อย่างดีก็แค่เสมอเท่านั้น
“ตามใจนายเถอะเคน”
เควินระบายยิ้มบางๆ พร้อมกับยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มจนหมดอีกครั้ง ซึ่งธีโอก็ดื่มเช่นเดิมกัน
“แล้วตอนนี้นายเป็นยังไงบ้างล่ะธีโอ สาวๆ ยังตบกันแย่งนายกันอยู่อีกไหม”
หลังจากมัวแต่คิดถึงเรื่องของตัวเองมานาน เควินก็อดที่จะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของธีโอบ้างไม่ได้
ธีโออมยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับถอนใจเบาๆ “ก็ยังมีเป็นระลอก ฉันเองก็แสนจะเบื่อหน่าย”
คราวนี้เควินหัวเราะกร๊าก
“ก็นายมันทั้งหล่อทั้งเซ็กซี่นี่น่า แถมรวยล้นฟ้า ผู้หญิงก็วิ่งเข้าใส่กันแบบนี้แหละ แต่ความจริงนายน่าจะยินดีนะ ได้นอนกับผู้หญิงคืนล่ะคน สนุกไม่ซ้ำรสชาติดีออก”
“เอดส์ถามหากันพอดีน่ะสิ”
“นายมีหน่วยคัดกรองเรื่องนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
ธีโอเอนร่างกำยำที่แน่นหนั่นไปด้วยกล้ามเนื้อกับเบาะของโซฟานุ่มราคาแพงระยับ
“มันก็ใช่ แต่ถ้าจะให้ฉันเปลี่ยนผู้หญิงทุกคืนก็คงไม่ดีหรอก ฉันไม่ใช่พวกบ้าเซ็กซ์นายก็รู้ ถ้าเป็นเจ้าแม็ตก็ว่าไปอย่าง”
เควินหัวเราะร่วนอีกครั้ง
“นั่นสินะ ในกลุ่มเพื่อนของเรา เจ้าแม็ตมันบ้ากามที่สุดนี่น่า เห็นผู้หญิงเป็นวิ่งเข้าใส่ ในขณะที่นายถือว่าขี้อายที่สุดในกลุ่ม แต่ดันไปเปิดบริษัทจัดหาคู่ซะงั้น”
“มันคือชะตาชีวิตมั้ง”
“คงใช่” เควินเออออตามเพื่อนรัก “แล้วคืนนี้จะอยู่ค้างกับฉันหรือเปล่า จะได้พาเที่ยว”
“พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าน่ะ คงอยู่เที่ยวกับนายไม่ได้”
เควินไหวไหล่น้อย และพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ก็ตามใจนาย แต่ครั้งหน้าห้ามมาแค่วันเดียวแล้วรีบกลับอีกก็แล้วกันล่ะ”
“ฉันจะพยายามก็แล้วกัน ว่าแต่นายเถอะ หายเครียดแล้วใช่ไหม เรื่องนักข่าวน่ะ”
“อืมม์ ดีขึ้นแล้วล่ะ เอาเป็นว่าฉันจะพยายามทำเหมือนที่นายแนะนำก็แล้วกัน”
“ดีมากเพื่อนรัก”
ธีโอวางแก้วเปล่าลงกับโต๊ะเตี้ยตรงหน้า ก่อนจะลุกขึ้นยืน เควินรีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน
“แล้วนายจะมีความสุข อ้อ ฉันลืมบอกไป คนรู้จักของฉันที่อยู่เมืองไทยเล่าให้ฟังว่า… วรัญญาหย่าขาดกับสามีคนไทยแล้ว และตอนนี้ก็กำลังจะเดินทางกลับมาที่อเมริกาอีกครั้ง”
กรามแกร่งของเควินขบแน่น แต่ก็พยายามที่จะระงับโทสะเอาไว้ “ฉันไม่อยากได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนี้อีก”
ธีโอระบายยิ้มบางๆ “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้นั้น ฉันก็แค่อยากให้นายเตรียมให้พร้อม เพราะไม่แน่… วรัญญาอาจจะคิดกลับมาหานายก็เป็นไปได้”
“ขยะยังไงก็คือขยะ”
“ได้ยินนายพูดแบบนี้ฉันก็โล่งใจแล้วล่ะ เอาเป็นว่าฉันกลับก่อน นายเองก็พักผ่อนเถอะ”
“ฉันจะให้คนขับรถไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้ ไว้โทรคุยกัน”
เมื่อธีโอยืนยันความต้องการเช่นนั้น เควินจึงไม่อยากขัดเพื่อน แม้จะรู้สึกเกรงใจก็ตาม
“เดินทางปลอดภัยนะธีโอ ขอบใจนายมาก”
“อืมม์ แล้วเจอกัน”
เควินเดินตามร่างสูงใหญ่ระดับเดียวกันกับตัวเองของธีโอออกไปยังหน้าตัวคฤหาสน์ รถสปอร์ตหรูสีทองจอดเทียบอยู่
“โชคดีธีโอ”
“ขอบใจมาก เคน ฉันไปล่ะ”
สองหนุ่มโบกมือลาให้แก่กัน ก่อนที่ธีโอจะก้าวหายเข้าไปในรถสปอร์ตคันงาม ไม่ช้ามันก็แล่นจากไปด้วยความเร็ว เควินยิ้มบางๆ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาทางปาก
เขาคบหาเป็นเพื่อนกับธีโอและเมเตโอมาตั้งแต่เรียนระดับไฮสคูล จนกระทั่งตอนนี้เวลาผ่านเลยมานานหลายสิบปีแล้ว พวกเขาก็ยังคบหา และรักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนเดิม
“คุณเคนคะ ป้าขอรบกวนเวลาสักครู่ได้ไหมคะ”
เสียงสุภาพจากป้าเดซี่แม่บ้านประจำคฤหาสน์หรูดังขึ้นด้านหลัง และนั่นก็ทำให้เควินหยุดคิดเรื่องราวในอดีตไปชั่วขณะ พร้อมกับหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง
“ว่าไงครับป้าเดซี่”
ผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมในชุดฟอร์มประจำคฤหาสน์คาสโตรเซ่นยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า
“เอ่อ เรื่องที่คุณเคนให้ป้าประกาศรับสมัครสาวใช้มาทดแทนแม่เมญ่าน่ะค่ะ”
คิ้วเข้มหนาดำที่อยู่เหนือดวงตาคมกริบรียาวหวานฉ่ำเลิกสูงขึ้น ก่อนจะเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือครับ”
“คือว่า… มีคนมาสมัครกันเยอะมากเลยค่ะ แล้วป้าก็ไม่รู้ว่าจะคัดเลือกเอาคนไหนดี ป้าก็เลยจะมาขอความคิดเห็นจากคุณเคนน่ะค่ะ ว่าควรจะทำยังไงดี”
เควินระบายยิ้ม พลางมองหน้าคู่สนทนานิ่ง
“ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของป้าเดซี่นี่เลยนะครับ”
คำตำหนิที่แฝงมากับคำถามของเควินทำให้ป้าเดซี่รู้สึกละอายใจไม่ใช่น้อย “เอ่อ ป้าขอโทษค่ะคุณเคน แต่พอมีคนมาสมัครกันเยอะ มีตัวเลือกเยอะแบบนี้ ป้าก็เลยรู้สึกว่ามันตัดสินใจยากน่ะค่ะ”
“การตัดสินใจของป้าเดซี่คือที่สุด ใครก็ได้ ขอแค่ขยัน ไม่เกี่ยงงาน ไม่ใช่สาววัยรุ่น และไม่ใช่สายของนักข่าว แค่นั้นครับ” เควินพูดจบก็จะเดินจากไป แต่ป้าเดซี่เรียกเอาไว้เสียก่อน
“เอ่อ… แล้ว… แล้วถ้าป้าทำพลาดล่ะคะ”
“ป้าเดซี่ก็จะตกงานยังไงล่ะครับ”
ริมฝีปากของเควินระบายยิ้ม แต่ดวงตาสีน้ำเงินอมดำกลับลุกเป็นไฟจนน่าสะพรึงกลัว
“ผมขอตัวนะครับ”
“เอ่อ ค่ะ… ค่ะ คุณเคน”
เควินเดินห่างออกไปแล้ว แต่ป้าเดซี่ก็ยังคงยืนนิ่งด้วยความวิตกกังวลอยู่ที่เดิม
“รับแค่ตำแหน่งเดียว แต่มาสมัครกันเป็นพัน แล้วแบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าคนไหนเป็นนักข่าวปลอมตัวมา เฮ้อออ”
ป้าเดซี่ถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะเดินคอตกกลับออกไป