สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 999 เพื่อนเก่าพบหน้า

บทที่ 999 เพื่อนเก่าพบหน้า

บทที่ 999 เพื่อนเก่าพบหน้า

……….

เมื่อคืนแบกจิ้งคงขึ้นหลัง เดิมทีก็ปวดหลังเอวยอกอยู่แล้ว วันนั้นยังต้องพาลูกๆ ไปไหว้พระทั้งวัน กู้เจียวสงสารสามีของตัวเองเหลือเกิน จึงเก็บถุงยางสองกล่องจากในลิ้นชักกลับเข้าที่ด้วยความรู้สึกผิด

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสามีตัวเองไม่รู้ไปคึกมาจากไหน เดินดุ่มๆ เข้ามาหา เปิดกล่องยาออกแล้วหยิบถุงยางที่นางเก็บกลับคืนออกมาทีอีกครั้ง

หนึ่งกล่อง สองกล่อง สามกล่อง

ใช่แล้ว เขายังใจกล้าเพิ่มอีกกล่องเสียด้วย

กู้เจียว “…”

เจ้าเข้าใจผิดอะไรเกี่ยวกับสมรรถภาพของเจ้าหรือเปล่า

ทั้งสองร่วมค่ำคืนแสนหวานที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้ เสียงเคลื่อนไหวดังถึงเช้ากว่าจะสงบลง

สองสามีภรรยาเดิมที่ควรจะไปเยี่ยมจวนกั๋วกงในวันที่สองของปีใหม่ แต่มีหรือที่พวกเขาจะตื่นไหว

เจ้าถั่วน้อยทั้งสามนั้นเป็นเด็กรู้ความ น้อยนักที่พวกเขาจะไปรบกวนพ่อแม่ ปกติแล้วจะงอแงกับท่านลุงซ่างกวานชิ่งมากกว่า แต่เพราะช่วงนี้เซวียนหยวนซีกลับมาพอดี ทั้งสามจึงเปลี่ยนไปงอแงกับเขาแทน

เซวียนหยวนซีต้องพบกับความสิ้นหวังที่ถูกบรรดาเจ้าถั่วน้อยกลั่นแกล้ง วันนี้ฟ้าเพิ่งสางก็ถูกหัวหน้ากองทหารซาลาเปาอย่างเซียวเยียนนำทัพมุดผ้าห่มเข้ามา

เด็กน้อยช่างแรงดีแท้ๆ

วันนี้ทั้งสามคนอยากขี่ม้า

แต่หลักๆ แล้วคือเซียวเยียนที่อยากขี่ นางคนเดียวออกเสียงแทนสามคน คำคัดค้านของเซียวฉงจึงไม่เป็นผล

เซวียนหยวนซีพาทั้งสามหน่อที่เดินตามติดไปหาเสี่ยวสืออี

ตอนนี้เสี่ยวสืออีไม่ได้อยู่ที่คอกม้า มันเดินเข้าไปท้าทายราชาม้าเฮยเฟิง แต่กลับกลายเป็นว่าโดนราชาม้าวิ่งไล่ วิ่งไปถึงทะเลสาบน้ำแข็งก็ล้มกลิ้งหลุนๆ

ราชาม้าเฉยเฟิงอายุเท่ากันกับกู้เจียว ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี แต่สำหรับม้าศึกตัวหนึ่งแล้วเรียกว่าถึงวัยชรา

ปกติแล้วม้าศึกก็เริ่มแก่ตัวลงตั้งแต่อายุสิบหกปีแล้ว หลังม้าค่อยๆ ทรุดลง กล้ามเนื้อหดเกร็งอ่อนกำลัง ทว่าอาการเหล่านั้นกลับไม่ปรากฏบนตัวราชาม้าเฮยเฟิงเลย

มันยังคงแข็งแกร่งเหมือนดังเดิม

เสี่ยวสืออีถูกเคี่ยวเข็ญอย่างหนัก

ออกรบได้ปีหนึ่งคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้ว กลับมาถึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นช่างใสซื่อเสียเหลือเกิน

เสี่ยวสืออีน่าสงสารนัก

เพียงแต่หากมองดูให้ดี จะเห็นความแตกต่าง

แต่ไหนแต่ไรมายามราชาม้าเฮยเฟิงวิ่งไล่กวดมันหรือเตะมัน แต่หน้าตานั้นมิได้ถมึงทึง แถมวันนี้พอเตะแล้วยังพ่นลมหายใจฟึดฟัดอยู่ข้างๆ ตั้งนาน

เสี่ยวสืออีลุกขึ้นมากับขนม้าที่พันกันเป็นสังกะตังเพราะถูกไล่เตะ เดินมาหยุดอยู่ข้างราชาม้าเฮยเฟิง เอาศีรษะคลอเคลียอีกตัวไปมา

ราวกับกำลังถามว่า นี่ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่

ราชาม้าเฮยเฟิงวางมาดเฉยชาเดินจากไป

สันหลังของมันมิได้เป็นเส้นตรงดั่งตอนเป็นหนุ่มแล้ว

เจ็ดปีมานี้ มีม้าศึกจากไม่รู้กี่แว่นแคว้นที่อยากท้าทายอำนาจของมัน ทว่าเจ้าเฮยเฟิงไม่เคยหวั่น มันใช้ความเก่งกาจรักษาเกียรติยศของทหารม้าเฮยเฟิง สร้างตำนานของตัวเอง

มันเดินอยู่บนพื้นหิมะเย็นยะเยือก แม้ว่าลมหายจะเหนื่อยหอบ ทว่าก้าวย่างยังคงสง่างาม ท่วงท่าสงบนิ่งดังเช่นเคย กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้นเหมือนดั่งรังสีสังหารของราชาทรงอำนาจ

เสี่ยวสืออีแอบตามอยู่ข้างหลังมัน เดินตามรอยเท้าของอีกตัวอย่างซุกซน

ราชาม้าเฮยเฟิงเหลียวกลับมา

เสี่ยวสืออีพลันชะงักจ้องมองมัน ก่อนจะอ้าปากกว้าง ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

ราชาเฮยเฟิงดึงสายตากลับเงียบๆ แสร้งเป็นไม่แยแสพลางเดินหน้าต่อไป

เดือนแรกของปี วังหลวงอบอวลไปด้วยบรรยากาศมงคลของตรุษจีน ทว่ามีอยู่มาวันหนึ่ง ข่าวจากชายแดนของแคว้นเจาก็ได้ทำลายบรรยากาศนั้น

ชายแดนตะวันตกของแคว้นเจาถูกตีแตก สิบกว่าเมืองถูกยืด

“ฝีมือแคว้นเหลียงรึ” กู้เจียวถามองครักษ์ที่นำข่าวมาส่ง

ชายแดนตะวันตกของแคว้นเจานั้นติดกับแคว้นเยี่ยน แต่แคว้นเยี่ยนไม่ทำเรื่องแบบนี้ แบบไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ เช่นนั้นแล้วก็เหลือเพียงแคว้นเหลียง

แคว้นเหลียงตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นเจา หากเทียบแล้วไกลกว่าแคว้นเยี่ยน ทว่ามีเพียงแม่น้ำสายเดียวขวางกั้น

องครักษ์ตอบในทันใด “ผิดไปแล้วขอรับ ผิดไปแล้ว ไม่ใช่ทิศตะวันตก แต่เป็นทิศตะวันออก”

“แคว้นเฉินรึ” ศึกคุ้มกันเมืองเย่ว์กู่เมื่อแปดปีก่อน กู้เจียวยังจำได้เหมือนดังเมื่อวาน “เหตุใดแคว้นเฉินถึงได้บุกแคว้นเจา”

หยวนถังบ้าไปแล้วหรือไร

สองปีก่อน ฮ่องเต้แคว้นเฉินสิ้น หยวนถังขึ้นครองราชย์

เขาเคยผิดใจกับป๋อซินอ๋องทั้งยังไม่ถูกกับตระกูลของหรงเฟย สถานะของเขาในแคว้นนั้นไม่ได้มั่นคงอย่างที่เห็น เขาจะเอากะจิตกะใจที่ไหนมาโจมตีแคว้นเจา

ยิ่งไปกว่านั้นหยวนถังเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น

องครักษ์กัดฟันเอ่ย “เหมือนว่า… จะไม่ใช่ทัพแคว้นเฉินขอรับ แต่เป็นแคว้นเว่ย!”

ในใจของกู้เจียวพลันสงสัยขึ้นมาสองเรื่อง เหตุใดแคว้นเว่ยถึงต้องโจมตีแคว้นเจา เหตุใดทัพใหญ่แคว้นเว่ยถึงเข้ามาในแคว้นเฉินได้

องครักษ์เอ่ยต่อ “แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ ชื่อของหลิ่วเซี่ยงผู้นั้น องครักษ์ลับสืบมาได้แล้ว ชื่อว่าหลิ่วอีเซิง”

ต่อให้จะเดาออกตั้งแต่ต้นแล้ว ทว่าวินาทีที่ได้รับยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ในใจกู้เจียวกลับรู้สึกตกใจไม่น้อย

แม้แคว้นเจาหลับใหลยังไม่คิดไม่ฝันว่าเด็กกำพร้าตระกูลหลิ่วที่ถูกคนทั้งแคว้นเจารังแกทุบตีเหมือนหนูในตลาด กลับกลายเป็นผู้นำกองทัพแห่งแคว้นเว่ยในแปดปีต่อมา ทั้งยังตีชายแดนแคว้นเจาแตกพ่าย ยึดดินแดนไปแล้วสิบสองแห่ง

กู้เจียวพึมพำ “เขาเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของหยวนถัง ทัพของเขาจะเข้าแคว้นเฉิน หยวนถังย่อมให้หน้าเขาอยู่แล้ว แต่ว่ากำลังทหารแคว้นเจาก็ใช่ว่าจะน้อยๆ เหตุใดถึงตกเป็นรองได้”

“ได้ยินมาว่า เขาเองก็รอจังหวะอยู่ ตอนนี้เซวียนผิงโหวตามองค์หญิงซิ่นหยางกลับไปอยู่ที่เมืองที่ฮ่องเต้ประทานให้ ไม่ได้อยู่ที่วังหลวง ติ้งอันโหวเองก็แก่มากแล้ว คนที่เหมาะสมที่สุดที่จะออกมารับศึกคราวนี้คือแม่ทัพคนใหม่ของตระกูลกู้ กู้ฉังชิง และผู้บัญชาการกองทหารม้าเฮยเฟิง ถังเย่ว์ซาน”

กู้เจียวขมวดคิ้วเอ่ย “พวกเขาสองคนมีโอกาสชนะมากกว่า”

“มากกว่าก็จริง แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สองคนนั้น ฮ่องเต้แคว้นเจาเลียนแบบแคว้นเยี่ยน ส่งรัชทายาทลงศึกสร้างขวัญกำลังใจทหารแทนฮ่องเต้ ทว่าใครจะไปคาดคิดกันว่า…”

“ใครจะไปคาดคิดกันว่ารัชทายาทจะพลาดท่า ติดกับแผนร้ายของคนอื่น ลงสนามรบด้วยตัวเอง สั่งการผิดพลาด ทำเอาแม่ทัพทั้งสามแทบแย่”

“เพราะเหตุนี้เองรึ”

“ใครเป็นคนวางแผนร้ายนี้”

“องค์ชายสี่… เอินอ๋องขอรับ”

ในความทรงจำของกู้เจียวไม่มีคนชื่อนี้อยู่เลย แต่พอเอ่ยถึงองค์ชายสี่ถึงได้นึกออกว่าตอนที่ตัวเองเพิ่งมาถึงเมืองหลวงแคว้นเจาก็เคยพบหน้ากับองค์ชายสี่ครั้งหนึ่ง

หลิ่วอีเซิงป่วย องค์ชายสี่ไม่พอใจที่นางรักษาหลิ่วอีเซิง จึงหาเรื่องนางกลางถนน หลังจากนั้นเรื่องก็วุ่นวายไปถึงเซวียนผิงโหว องค์ชายสี่ถึงได้ยอมเลิกแล้วกันไป

คนผู้นี้แทบจะไม่มีตัวตนในความทรงจำของนาง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ทันไรกู้เจียวก็ลืมเขาไปแล้ว

แต่ใครจะไปคาดคิดกันว่า จำศีลมาสิบปีจะมาแว้งกัดองค์รัชทายาทเอาตอนนี้

กู้เจียวถาม “เขาร่วมมือกับแคว้นเว่ยหรือ”

องครักษ์ตอบ “ใช่ขอรับ”

กู้เจียวเอ่ยเสียงเรียบ “เขาเคยดูถูกหลิ่วอีเซิง ทว่ายามนี้กลับสบคบคิดกับหลิ่วอีเซิง ช่างน่าขันแท้”

“ใช่แล้วขอรับ” องครักษ์ตัดพ้อ “แต่กระนั้นเขาก็จบไม่สวยเท่าไรนัก หลังจากเหตุการณ์นั้น หลิ่วเซี่ยงก็หักหลังเขา ตั้งข้อหาก่อกบฏเขาและส่งตัวกลับมารับโทษที่แคว้นเจา ส่งตัวถึงมือฮ่องเต้อีกด้วย ตอนนั้นฮ่องเต้เดือดดาลยิ่งนัก แต่ดันเป็นจวงไทเฮาที่ว่าราชการอยู่เบื้องหลัง”

เอ่ยถึงเพียงเท่านั้น องครักษ์สถบออกมาอย่างอดไม่ได้ “หลิ่วอีเซิงเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!”

ประการแรกคือหลอกล่อให้องค์ชายสี่ก่อกบฏ แล้วยืมมือองค์ชายสี่ลวงไท่จื่อ ทำให้แม่ทัพทั้งสามพลาดท่า ทำให้ชาวบ้านราษฎรข้องใจ

มิน่าเล่าถึงได้สามารถช่วยกษัตริย์เว่ยรวบรวมสิบสามเผ่าได้สำเร็จ วิธีการนี้ แผนลับนี้ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

องครักษ์ทอดถอนใจอีกครั้ง “หลังจากศึกครั้งนั้น ไม่ว่าแคว้นเจาจะพ่ายแพ้หรือไม่ แต่หนทางในวันข้างหน้าขององค์ชายทั้งสองต่างพังพินาศพอกัน”

ราษฎรไม่มีวันยอมรับองค์ชายที่เคยก่อกบฏ และไม่มีเคารพรัชทายาทที่เคยทำให้สูญเสียดินแดนไปกว่าครึ่ง

“แม่ทัพที่ตามไปด้วยคือใคร” กู้เจียวถาม

องครักษ์ตอบ “กู้ชังฉิงขอรับ หลังจากรัชทายาทถูกจับตัวเป็นเชลย เขาก็เสี่ยงชีวิตไปช่วยรัชทายาทออกมา จนตัวเองบาดเจ็บสาหัส”

เขาชะงัก อยากจะเอ่ยออกมาแต่ยั้งเอาไว้

กู้เจียวเอ่ยต่อแทนเขา “หากฮ่องเต้ต้องการปกป้องรัชทายาท ก็ต้องหาแพะรับบาปที่เหมาะสม ที่พูดมาทั้งหมดนั้นก็หมายความว่าคนผู้นั้นต้องเก่งเรื่องการสั่งการ และก็คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าแม่ทัพตระกูลกู้แล้ว แต่หากฮ่องเต้ทำเช่นนั้น ก็จะทำให้ทหารตระกูลกู้เอาใจออกห่าง เขาก็จากกลายเป็นฮ่องเต้ผู้โดดเดี่ยวอย่างแท้จริง”

องครักษ์สั่นไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว “คนที่ชื่อว่าหลิ่วอีเซิงนั้น… วางแผนได้แยบยลนัก”

หลังจากเซวียนหยวนซีได้ข่าวเรื่องนั้นก็มุ่งตรงไปยังห้องหนังสือของกู้เจียวทันที “เจียวเจียว! ข้าจะไปรับศึกเอง! จะทวงคืนแผ่นดินของแคว้นเจาคืนมาเอง!”

เขาเติบโตมาในแคว้นเจา แคว้นเจาเองก็เป็นบ้านของเขา

“รอข่าวจากข้าที่เซิ่งตู!”

ทว่าคราวนี้กู้เจียวไม่ยอมให้เขาเดินทางเพียงลำพัง

เดือนสอง แคว้นเจาก็เสียเมืองไปอีกหนึ่งแห่ง

กู้ฉังชิงออกศึกทั้งที่บาดเจ็บ นำทัพตระกูลกู้เคียงกู้เฉิงเฟิงต้านศัตรู ทวงเมืองคืนมาได้สองแห่ง

ทว่าทหารแคว้นเว่ยนั้นแทบไม่ใส่ใจเลยว่าพวกเขาจะทวงคืนไล่หลัง สนใจเพียงแค่บุกตีเข้าชั้นในของแคว้นเจา เจ้าทวงคืนได้หนึ่งเมือง ข้าก็จะยึดครองอีกเมืองหนึ่งใหม่ ดูสิว่าใครจะเร็วกว่ากัน!

กู้เจียวได้พบกับทหารแคว้นเว่ยในสถานการณ์หนึ่ง

ตอนนั้นคือยามเช้าของช่วงคาบเกี่ยวฤดูหนาวและใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายังคงมืดมิด หมู่เมฆหนาทึบ ทหารสองทัพชักกระบี่ฟาดฟันกันริมคูน้ำรอบกำแพงเมือง

กู้เขียวสวมเสื้อแดงชุดเกราะสีดำ ควบอยู่บนราชาม้าเฮยเฟิงแสนองอาจด้วยใบหน้าเรียบขรึม ข้างกายของนางคือเซวียนหยวนซีและเสี่ยวสืออีในชุดพร้อมรบแบบเดียวกัน

ถึงจะบอกว่าทหาร แต่แท้จริงแล้วมีเพียงแค่พวกนางสองคน

คนอื่นๆ นั้นยังอยู่ระหว่างทาง ม้าศึกของพวกเขาไม่ได้วิ่งเร็วเท่าราชาม้าเฮยเฟิงหรือเสี่ยวสืออี

ทหารแคว้นเว่ยเห็นแล้วก็ยิ้มร่า กองทัพพวกเขามีพลกำลังถึงห้าพันนาย พูดเป็นเล่นหรือไรที่จะให้จับตัวสองคนนี้

“เจ้าคือผู้ใด” หัวหน้าทหารแคว้นเว่ยคนหนึ่งเอ่ยถาม เขาแซ่ม่อ เป็นแม่ทัพหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ

เซวียนหยวนซีขี่ม้าควบเข้ามา เด็กหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงร้ายกาจ “คนอยากเจ้าคู่ควรจะถามชื่อพี่สาวข้าหรือ เรียกหลิ่วอีเซิงออกมา!”

ท่าทางของกู้เจียวและเซวียนหยวนฉีนั้นน่าเกรงขามยิ่งนัก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็คนมันเด็ก กู้เจียวอายุยี่สิบสี่ปีแล้ว แต่ใบหน้าของเธอยังอ่อนวัย ดูแล้วเหมือนอายุไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ

เซวียนหยวนซียิ่งไม่ต้องพูดถึง เด็กอายุสิบสามขวบไม่มีทางแสร้งว่าเป็นผู้ใหญ่ได้จริงๆ

บวกกับทั้งสองคนแทบจะเรียกได้ว่ามาตัวเปล่ากับม้าหนึ่งตัว เพราะเหตุนี้แม่ทัพม่อจึงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา

กู้เจียวเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าต้องการพบหลิ่วอีเซิง”

แม่ทัพม่อตอบเสียงแข็ง “ท่านหลิ่วเฉิงเซี่ยงเป็นคนที่เจ้าอยากพบก็พบได้อย่างนั้นหรือ เจ้าเป็นใครกัน! ข้าขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ต่อให้รัชทายาทแคว้นเจาของพวกเจ้ามาที่นี่ ใต้เท้าของข้าก็ไม่มีทางให้พบหรอก”

เมื่อเขาเอ่ยจบ ก็มีเงาสีขาวแวบผ่านด้านหลังของทหารแคว้นเว่ยผู้นั้น ก่อนจะกระโจนเข้าหาร่างของกู้เจียว

กู้เจียวไม่แม้แต่จะหลบ

ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวเซวียนหยวนซีคือซุ่มโจมตี ขณะที่กำลังจะง้างธนูยิงอีกฝ่าย กู้เจียวก็คว้าข้อมือเขาไว้เบาๆ

เงาขาวโผเข้าหาอ้อมอกของกู้เจียว

กู้เจียวกอดเจ้าก้อนจ้ำม่ำนั้นไว้ เอ่ยถามเสียงประหลาดใจ “เสียวสือรึ”

เก้าปีก่อน มันคือแมวที่กู้เจียวทิ้งในที่บ้านของหลิ่วอีเซิง ตอนนั้นมันเป็นเพียงแมวตัวเล็ก ทว่าตรงหน้าในตอนนี้คือโตขึ้นไม่รู้กี่เท่า หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แทบจะเต็มอ้อมแขนของกู้เจียวอยู่แล้ว

“เอ๊ะ เจ้านี่… เจ้านี่คือเสี่ยวสือหรือ” เซวียนหยวนซีตกตะลึงอ้าปากค้าง

เขาเคยได้ยินกู้เจียวเอ่ยถึงเสี่ยวสือ แต่ไม่เคยเจอตัวจริงมาก่อน

ทหารแคว้นเว่ยตกใจยิ่งกว่า

พวกเขาต่างรู้ว่าเจ้าแมวตัวนั้นคือสัตว์เลี้ยงแสนรักของท่านเฉิงเซี่ยง ใต้เท้าเฉิงเซี่ยงรักแมวตัวนี้เท่าชีวิต ไปไหนก็พาไปด้วยทุกที่ มีเพียงเจ้าหมอนี่ที่สามารถข่วนท่านเฉิงเซี่ยงจนถลอกปอกเปิกโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลงโทษอย่างไร

เอาแต่ใจเสียไม่มี

ทั้งดุ ทั้งเอาใจยาก ไม่ชอบอยู่ใกล้มนุษย์

นอกจากใต้เท้าเฉิงเซี่ยงแล้ว ไม่มีใครสามารถแตะต้องตัวมันได้

ได้ยินมาว่าฮ่องเต้แคว้นเฉินยังโดนมันข่วนมาแล้ว

ทว่าตอนนี้มันกลับ… โผเข้าหาอ้อมกอดของคนแปลกหน้า

นี่พวกเขาตาฟาดไปหรือไร

หรือว่าเจ้าหนุ่มนั่นใช้วิธีการอะไรในการหลอกล่อเจ้าแมวให้เข้าหา

แม่ทัพม่อชักกระบี่ข้างเอวออกมา “รีบปล่อยสัตว์เลี้ยงของใต้เท้าเฉิงเซี่ยงเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นเจ้าตายแน่!”

“หยุด!”

น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากด้านหลัง แม่ทัพม่อได้ยินแล้วก็ชะงักในทันใด

แม่ทัพใหญ่แคว้นม่อหลีกทาง ชายหนุ่มในชุดเกราะทหารเว่ยควบม้าออกมาอย่างน่าเกรงขาม

เซวียนหยวนซีไม่รู้จักเขา

ทว่ากู้เจียวกลับรู้สึกคุ้นหน้าเขายิ่งนัก หลังจากจ้องมองอยู่นาน เรียวคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน “จวิ้นซิวหานรึ”

จวิ้นซิวหานเป็นบัณฑิตจากสำนักเจียหนานในแคว้นเยี่ยน ครั้งคัดเลือกผู้บัญชาการทหารม้าเฮยเฟิงเมื่อแปดปีก่อน เขาคือคู่ต่อสู้ของกู้เจียว

เขาสามารถฝ่าฟันไปถึงรอบสุดท้าย ทว่าตอนที่อยู่ในป่าไผ่เขากลับยื่นกระบอกไม้ไผ่ให้กู้เจียว ทั้งยังเอ่ยกับกู้เจียว “ข้าติดหนี้บุญคุณเจ้า ยามนี้ขอชดใช้ให้แก่เจ้า”

กู้เจียวไม่เข้าใจมาโดยตลอดว่าคนที่เขาพูดถึงนั้นคือผู้ใด

หรือว่า….

จวิ้นซิวหานควบม้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ากู้เจียว เซวียนหยวนซีใช้ทวนยาวขวางเอาไว้ “อย่าเข้าใกล้พี่สาวข้าให้มันมากนัก!”

เมื่อได้ยินคำว่าพี่สาว ดวงตาของจวิ้นซิวหานกลับไม่ประหลาดใจ เขามองกู้เจียวด้วยสายตาสงบนิ่ง พลางเอ่ยเสียงเรียบเฉย “ผู้บัญชาการเซียว เจอกันอีกแล้ว ใต้เท้าหลิ่วอยากพบท่าน”

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset