สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 992 ศึกสร้างชื่อ! (ฉบับจิ้งคง)

บทที่ 992 ศึกสร้างชื่อ! (ฉบับจิ้งคง)

บทที่ 992 ศึกสร้างชื่อ! (ฉบับจิ้งคง)

……….

โจวฉงเย่ว์ตกตะลึง!

เจ้าเด็กนี่… เป็นคนของตระกูลเซวียนหยวนหรอกหรือ!

ไม่แปลกที่เขาจะแพ้อีกฝ่าย

ไม่ ก็แปลกอยู่ดี

หนึ่งคือเด็กคนนี้ยังเด็กเกินไป ดูเหมือนจะอายุแค่สิบสองหรือสิบสามปี สองคือไม่เคยได้ยินว่าตระกูลเซวียนหยวนมีแม่ทัพหนุ่มที่เก่งกาจขนาดนี้

เรื่องนี้มีที่มาที่ไป

ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในแคว้นเจา และเพิ่งเข้าค่ายเฮยเฟิงในปีนี้

แม้ว่าเขาจะเป็นสายตรงของตระกูลเซวียนหยวน แต่เซวียนหยวนฉีไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเป็นพิเศษแต่อย่างใด เขาเริ่มจากการเป็นทหารม้าที่เล็กที่สุด

เขาถูกส่งให้ไปอยู่ใต้บังคับบัญชาของหลี่เซิน แต่ต่อสู้ตามคำสั่งของหลี่เซินมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับคำสั่งให้นำทัพมาเป็นกองหนุนยังชางโจว

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่โจวฉงเย่ว์จะไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน

อันที่จริง ไม่เพียงแต่โจวฉงเย่ว์เท่านั้น กัวหม่างและคนอื่นๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน

เซวียนหยวนฉีเข้มงวดกับลูกของตัวเองจนถึงขั้นสุดโต่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครแอบดูแลเขา เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อจริงด้วยซ้ำ และเขายังคงถูกเรียกว่าจิ้งคงในค่ายทหาร

ทว่าเพื่อข่มขวัญพวกสารเลวในตอนนี้ เขาจึงเปิดเผยตัวตนของเขา

ได้ผลดียิ่งนัก

โจวฉงเย่ว์ผงะ กองกำลังกบฏอีกห้าพันนายก็ผงะเช่นกัน ชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า

โจวฉงเย่ว์กล้าก่อกบฏ เพราะเขานั้นจิตใจหนักแน่นนัก ไม่นานก็บังคับตัวเองให้กลับมาจากอาการตื่นตระหนกได้

สองตาร้อนรุ่มดั่งเพลิงแผดเผาของเขามองไปยังเด็กชายที่กำลังใช้ทวนพู่แดงจ่ออยู่ที่คอของเขา กัดฟันพลางเอ่ย “เจ้าโกหก! ข้าไม่เคยได้ยินว่าตระกูลเซวียนหยวนมีคนเช่นเจ้ามาก่อน! คิดว่าแอบอ้างว่าเป็นคนตระกูลเซวียนหยวนแล้วข้าจะกลัวหรือ”

คำเอ่ยของเขาหนักแน่นและทรงพลัง ไม่เพียงแต่เอ่ยกับตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับกองทัพของเขาอีกครั้ง

แน่นอน พวกกบฏได้ยินเช่นนี้ แล้วค่อยๆ มองไปที่เด็กหนุ่มชุดเกราะเงินบนหลังม้าด้วยความสงสัย

โจวฉงเย่ว์ฉวยโอกาส “ตระกูลเซวียนหยวนถูกกำจัดไปเมื่อหลายปีก่อน มีเพียงเซวียนหยวนฉีเท่านั้น ท่านแม่ทัพและลูกชายของเขา เซวียนหยวนเจิ้งที่รอดชีวิต! แล้วเจ้าเป็นเด็กป่ามาจากไหน”

อันที่จริง เขาเคยได้ยินมาว่ามีเด็กคนหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเซวียนหยวน แต่เด็กคนนั้นไม่ค่อยปรากฏตัว และมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเด็กคนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมาถึงเมืองชางโจวก็กลายเป็นว่าเด็กคนนั้นเป็นข่าวลือ

ในเวลานี้ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ การแก้ต่างให้ตัวเองจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

กัวหม่างมองไปที่เด็กหนุ่มชุดเกราะเงินบนหลังม้าด้วยความกังวล กลัวว่าเขาจะตกหลุมพรางของโจวฉงเย่ว์

ใครจะไปรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้ถูกโจวฉงซานจูงจมูกเลย เขามองไปที่ศัตรูที่พ่ายแพ้อย่างเย็นชา เอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “ข้าให้เจ้าเลือกสองทาง หนึ่ง ยอมแพ้ สอง ตาย ข้าจะนับถึงสาม ถ้าเจ้าไม่ตอบ ข้าจะถือว่าเจ้าเลือกทางที่สองแล้ว”

“หนึ่ง”

“สอง”

เมื่อเขากำลังจะเอ่ยว่าสาม โจวฉงเย่ว์ก็คว้าหิมะบนพื้นแล้วขว้างไปที่เซวียนหยวนซี!

แทบจะในเวลาเดียวกัน ยอดฝีมือที่ซุ่มซ่อนอยู่ข้างหลังเซวียนหยวนซีก็ทะยานขึ้นไปในอากาศ ถือมีดโค้งแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง และโจมตีเซวียนหยวนซีโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ!

“ระวัง!” กัวหม่างหันหน้าไปทางเซวียนหยวนซีโดยตรง และเห็นการโจมตีที่ด้านหลังของเซวียนหยวนซีอย่างชัดเจน แต่เขาอยู่ไกลและได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถหยุดได้

มุมปากของเซวียนหยวนซีกระตุกเล็กน้อย “หึ กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ”

ทวนยาวของเขาดุจดั่งมังกร หมุนทะลวงจากด้านบน แทงเข้ากลางหน้าอกของยอดฝีมืออย่างเลือดเย็นโดยไม่มีแต่จะเหลียวมอง!

ส่วนหิมะที่โจวฉงเย่ว์โปรยลงมา ร่วงหล่นลงมาได้ไม่ถึงครึ่งทางก็ถูกม้าศึกใต้ร่างเด็กชายเป่ากระจุย!

ร่างกายของโจวฉงเย่ว์สั่นสะท้าน บ้าเอ๊ย! ม้านี่ยังพ่นหิมะได้อีก!

ไม่… ข้า… ข้า… ข้ายังไม่มีเวลาเอ่ย…

ทวนยาวเย็นยะเยือกตกลงมา ศีรษะของหัวหน้ากบฏก็กลิ้งไปที่เท้าของพลธนู

พลธนูคนนั้นกลัวจนตัวแข็งทื่อ!

ทุกคนตัวสั่นงันงกทว่าไม่ใช่เพราะความหนาวเหน็บ!

“แก้แค้นให้ท่านแม่ทัพโจว……”

ไม่รู้ว่าใครในฝูงชนตะโกนเช่นนี้ แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ เสียงแตรสั่งบุกก็ดังมาจากไม่ไกล กีบม้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็รีบวิ่งควบเข้ามา ทหารม้านายหนึ่งวิ่งนำหน้า ธงอินทรีย์ที่พาดบนไหล่ปลิวไสวท่ามกลางสายลมและหิมะโปรยปราย

นั่นคือธงของตระกูลเซวียนหยวน!

ทหารม้าของตระกูลเซวียนหยวนมาแล้วจริงๆ !

เด็กหนุ่มที่ฆ่าโจวฉงเย่ว์ไม่ได้โกหก!

เขาเป็นคนของตระกูลเซวียนหยวน!

ผู้นำเสียชีวิต กองหนุนของราชสำนักก็มาถึง กองทัพกบฏกระจัดกระจายขวัญหนีดีฝ่อ ไม่มีใครจำได้ว่าใครหนีไปก่อน ก่อนที่ทหารม้าของตระกูลเซวียนหยวนจะบุกไปที่ยอดเขานี้ กบฏทั้งหมดก็หนีไป

กัวหม่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ขอบคุณพระเจ้า กองทัพเฮยเฟิงมาทันเวลาพอดี

เขากำลังจะได้เห็นความกล้าหาญของกองทัพเฮยเฟิงด้วยตาของเขาเอง แต่สิ่งที่เขาเห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคย

คนที่ถือธง ใช่ กำลังเอ่ยถึงเจ้านั่นแหละ!

เจ้าไม่ใช่เอ้อตั้นหรือ!

เอ้อตั้นเป็นรองแม่ทัพภายใต้กัวหม่าง นามสกุลจาง ชื่อมิ่งห้วน และเอ้อตั้นเป็นชื่อเล่นของเขา

กัวหม่างขยี้ตา คิดว่าตัวเองมองผิดไป ในเวลานี้ ทหารม้าที่ตะโกนและต่อสู้ทั้งหมดก็ควบม้ามาข้างหน้าเขา

ทว่าเขานั้นตกตะลึงโดยสมบูรณ์

นี่ไม่ใช่กองทัพเฮยเฟิงของตระกูลเซวียนหยวน พวกเขาเป็นเพียงทหารที่เหลืออยู่ในค่ายของเขาหรือไม่

เขาหันกลับไปมองเซวียนหยวนซีอย่างงุนงง “ใต้…ใต้เท้า นี่มัน… เกิดอะไรขึ้น”

เขาไม่รู้ตำแหน่งอย่างเป็นทางการของเซวียนหยวนซี แต่เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่สง่างามของอีกฝ่าย เขาควรจะอยู่เหนือตัวเอง

เซวียนหยวนซีใช้ผ้าเช็ดทวนสีแดงของเขาและเอ่ยอย่างใจเย็น “โอ้ ข้าแค่ยืมคนของเจ้ามา”

“แล้วคนของท่านล่ะ” กัวหม่างถาม

“มีแค่ข้าคนเดียว” เซวียนหยวนซีเอ่ย

กัวหม่างเซเกือบล้ม “อะ อะไรนะ มีแค่ท่านคนเดียว ราชสำนัก… ส่งท่านมาคนเดียวเพื่อสนับสนุนเหรอ”

“ไม่เชิงหรอก ส่งมาหลายคน แต่พวกเขาติดอยู่บนถนนเพราะหิมะตกหนัก” มีเพียงเขาและเสี่ยวสืออีที่ฝ่าหิมะมาได้

กัวหม่างกลืนน้ำลายและถามอย่างกล้าหาญ “ไม่ทราบราชสำนักส่งกำลังเสริมมาเท่าไร”

เซวียนหยวนซีเอ่ย “สองร้อย”

กัวหม่างตะลึง “แค่…แค่สองร้อย นี่มันไม่พอ! อย่างน้อยก็ต้องส่งมาหนึ่งหรือสองหมื่น!”

เซวียนหยวนซีเก็บทวนพู่แดงที่เช็ดจนสะอาดแล้วมองเขาอย่างสงสัย “เหตุใดไม่ใช้กำลังพลหนึ่งหรือสองหมื่นคนเพื่อคุ้มกันเสบียง”

กัวหม่างตกใจอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง “ท่าน… ที่แท้… เป็นแค่คนคุ้มกันเสบียงงั้นเหรอ”

พวกกบฏรู้ไหมว่าพวกเขาถูกทหารม้าคุ้มกันเสบียงตัวน้อยคนหนึ่งหลอก

ท่านเรียนรู้ทักษะการข่มขวัญนี้มาจากใคร

ทันใดนั้นกัวหม่างก็นึกถึงคำถามสำคัญ “แล้วที่สถานะในตระกูลเซวียนหยวนของท่านก็คง…”

เซวียนหยวนซีเอ่ย “สถานะของข้าเป็นของจริง ข้าเป็นคนของตระกูลเซวียนหยวนจริงๆ ”

เขาเอ่ยจบ หันไปมองทหารที่เหลืออยู่ตรงนั้น ขมวดคิ้วเอ่ย “ยังยืนโง่อยู่อีกทำไม รีบไปปล้นสิ!”

กัวหม่าง “…”

ภายใต้การนำของเซวียนหยวนซี ทหารที่เหลืออยู่ในชางโจวได้ปล้นค่ายของพวกกบฏจนหมด ไม่เหลือแม้แต่เม็ดข้าวหรือเศษด้าย

คืนนั้น กองทัพชางโจวที่หิวโหยมาหลายวันก็ได้กินอิ่มท้องในที่สุด

แม้โจวฉงเย่ว์จะตายไปแล้ว แต่ลูกชายของเขายังอยู่ กองกำลังสองหมื่นนายของกบฏก็ยังอยู่

สภาพอากาศยังคงเลวร้าย กองกำลังเสริมจากอวิ๋นโจวมาไม่ถึง กองทัพชางโจวเหลือทหารเพียงสามพันกว่านาย แต่มีเพียงสองพันนายที่สามารถต่อสู้ได้

ความคิดเห็นของกัวหม่างคือตั้งรับ

“เราปล้นเสบียงมาได้บ้างแล้ว รอจนกว่ากองทัพอวิ๋นโจวจะมาถึงก็พอ”

แต่เซวียนหยวนซีไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้

หนึ่งคือไม่รู้ว่าสภาพอากาศจะเลวร้ายไปอีกนานแค่ไหน เสบียงก็ต้องหมดไปในสักวัน

สองคือมีทหารบาดเจ็บมากเกินไป ต้องยึดเมืองคืนโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ทหารที่บาดเจ็บเข้าไปรับการรักษาในเมือง

เขาเอ่ยอย่างจริงจัง “สำหรับทหารที่มีเลือดรักชาติบ้านเมืองแล้ว สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดไม่ใช่การตายในสนามรบ แต่เป็นการตายด้วยโรคภัยในค่ายทหาร”

กัวหม่างตกตะลึง

เขาไม่คิดเลยว่าเด็กชายอายุสิบสองหรือสิบสามปีจะเอ่ยคำเอ่ยแบบนี้ออกมาได้

เขา… เคยประสบกับความตายและความเจ็บปวดมาหรือไร

ไม่เช่นนั้นเขาจะรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร

ยอมตายในการต่อสู้ ดีกว่าตายด้วยโรคภัย!

ในที่สุด กัวหม่างก็ตกลงตามแผนของเซวียนหยวนซี

สามวันต่อมา เซวียนหยวนซีนำกองทัพชางโจวสองพันนายโจมตีปีกขวาของกบฏ

กบฏไม่เคยเห็นกองทัพเฮยเฟิงตัวจริง แต่ชื่อเสียงของเซวียนหยวนซีได้แพร่กระจายออกไปแล้ว บวกกับธงประจำตระกูลเซวียนหยวน กบฏทั้งหมดคิดว่ากองทัพที่มาโจมตีพวกเขาคือกองทัพม้าเหล็กเซวียนหยวน

ขวัญกำลังใจของกบฏตกต่ำ เซวียนหยวนซีฉวยโอกาส นำกองทัพชางโจวบุกตรงไปยังค่ายของแม่ทัพใหญ่ จนทำให้กองทัพสองหมื่นนายแตกกระเจิง!

หนึ่งชั่วยามต่อมา เซวียนหยวนซีสังหารโจวเฟิงตง ลูกชายคนเล็กของโจวฉงเย่ว์

อีกสามวันต่อมา เซวียนหยวนซีจับโจวเฟิงชิว ลูกชายคนที่สามของโจวฉงเย่ว์ได้

วันที่เจ็ด เซวียนหยวนซีทำร้ายโจวเฟิงเซี่ย ลูกชายคนที่สองของโจวฉงเย่ว์จนบาดเจ็บสาหัส

คืนนั้น โจวเฟิงชุน ลูกชายคนโตของโจวฉงเย่ว์ออกจากเมืองเพื่อยอมแพ้

เพียงเจ็ดวัน ด้วยกำลังพลสองพันนาย สามารถเอาชนะกองทัพกบฏสองหมื่นนายของโจวฉงเย่ว์ได้อย่างสมบูรณ์ ยุติสงครามกลางเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ที่ยาวนานถึงหนึ่งปี

เซวียนหยวนซีชื่อเสียงโด่งดังจากศึกครั้งนี้!

เมื่อซ่างกวานเยี่ยนได้รับรายงานชัยชนะจากทางตะวันตกเฉียงใต้ เขาก็ดีใจมาก ไม่รอให้เซวียนหยวนซีกลับมาเข้าเฝ้า ก็ออกกฤษฎีกาประกาศแก่ชาวโลก แต่งตั้งเซวียนหยวนซีเป็นขุนนางกว้านจวินโหวคนแรกในประวัติศาสตร์แคว้นเยี่ยน

ขุนนางบู๊อายุสิบสามปี หนึ่งเดียวแห่งแคว้นทั้งหก!

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset