บทที่ 986 คืนวันแต่งงาน (ฉบับซิ่นหยาง vs เซียวจี่)
……….
ชั่วขณะที่หลงอีจี้กษัตริย์ตงอี๋นั้น เซียวจี่ก็คว้าเจ้าสาวตรงหน้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว ขยับแขนข้างเดียว กริชก็ไหลจากในแขนเสื้อใส่ฝ่ามือ
เขาใช้กริชจ่อลำคอของเจ้าสาวไว้ ก่อนจะมาหยุดข้างกายหลงอี หันหลังติดหลังหลงอีระแวดระวังจุดบอดให้กันและกัน
แขกเหรื่อ ณ ที่นั้นต่างตื่นตระหนกกันหมด ไม่เข้าใจว่ามีนักฆ่าปะปนเข้ามาในพิธีแต่งงานได้อย่างไร
หากกล่าวว่าเทพธิดาเป็นคนเลือกเจ้าบ่าวด้วยตัวเอง จากนั้นก็มีองครักษ์คนสนิทของกษัตริย์ตงอี๋คุ้มกันมา ผู้ใดจะไปคาดคิดว่าเขาจะเป็นกบฏ!
“คุ้มกันฝ่าบาท!”
ชินอ๋องตงอี๋คนหนึ่งชักกระบี่พลางตวาดขึ้น
หลงอีใช้เท้าถีบเขากลับลงบนเก้าอี้คืนทันที!
เซียวจี่ยิ้มเย้ย “กษัตริย์ตงอี๋ ดูท่าเจ้าจะนั่งบัลลังก์นานเกินไป คนบางคนอดรนทนไม่ไหวแล้ว อยากใช้จังหวะนี้ทำให้เจ้าตายด้วยน้ำมือพวกข้านะ”
ปีนี้กษัตริย์ตงอี๋หกสิบชันษา สืบทอดราชบัลลังก์มาสามสิบปีแล้ว เป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ตงอี๋
ในบรรดาแขกเหรื่อ ณ ที่นี้มีน้องชายแท้ๆ ของพระองค์ และโอรสกับนัดดาของพระองค์ด้วย ในบรรดาพวกเขาหากกล่าวว่าไม่มีผู้ใดกระหายในบัลลังก์เลยพระองค์ก็ไม่เชื่อหรอก
ยามนี้พระองค์ตกอยู่ในมือนักฆ่าแล้ว คนพวกนี้ยั่วโทสะนักฆ่าโดยการเอาการคุ้มกันพระองค์มาบังหน้า ให้นักฆ่าพลั้งมือสังหารพระองค์ภายใต้อารามเดือดดาล ใช่ว่านี่จะเป็นไปไม่ได้!
จำต้องกล่าวว่า ด้านการเล่นกับใจคนด้วยอำนาจนั้น เซียวจี่บดขยี้ขุนนางด้านอักษรในรัชกาลนี้มาไม่น้อยแล้ว
กษัตริย์ตงอี๋อายุมากขึ้นก็หวงแหนชีวิต ไม่กล้าพนันกับเซียวจี่ว่าวิธีการของใครจะแข็งยิ่งกว่า พระองค์ข่มความวิตกและความเดือดดาลในพระทัยเอาไว้ ใช้หางตาปรายไปด้านข้าง ถาม “ผู้ใดส่งเจ้ามา”
แม้ว่าคนที่จี้พระองค์จะเป็นหลงอี แต่คนเป็นเจ้านายคือเจ้าบ่าวที่เอ่ยขึ้นเมื่อครู่นี้
ท่ามกลางฝูงชนเหล่านี้มีขุนพลอยู่จำนวนหนึ่งที่เคยประมือกับเซียวจี่ จนด้วยเกล้าที่เซียวจี่สวมผ้าคลุมหน้าอยู่ พวกเขาจึงยังจำไม่ได้ว่าเขาคือเซวียนผิงโหวผู้สังหารทหารกล้าตงอี๋นับไม่ถ้วนในสนามรบ
เซียวจี่ยิ้มจางๆ “ไม่ต้องสนใจว่าใครเป็นคนส่งข้ามา หากไม่อยากตาย ก็ให้คนเตรียมรถม้า พาตัวเซียวเอินกับเซียวเจ๋อมาอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน หากพวกเขามีผมหายไปเพียงเส้นเดียว ข้าจะตัดนิ้วเจ้าทิ้งหนึ่งนิ้ว!”
“เซียวจี่” กษัตริย์ตงอี๋จำเสียงเซียวจี่ได้
เซียวจี่ยอมรับอย่างใจกว้าง “ใช่ ข้าเอง ดังนั้นเจ้าควรรู้วิธีการของข้าดี ข้าอาจจะฆ่าเจ้าได้จริงๆ ”
เดิมทีกษัตริย์ตงอี๋ยังมีความคิดจะต้อนรับขับสู้กับอีกฝ่ายอยู่บ้าง ทว่ายามนี้กลับปัดทิ้งไป
เซียวจี่เบื้องหลังจัดหนัก วิธีการจัดหนักยิ่งกว่า
เขาคิดจะฆ่า เช่นนั้นก็กล้าที่จะฆ่าได้จริงๆ ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีใดๆ และไม่เสียดายที่จะต้องแลกสิ่งใดด้วย
พระองค์หันไปมองโอรสองค์โตของตน “เอาตามที่เจ้าว่า!”
องค์ชายใหญ่ตงอี๋ลังเล “เสด็จพ่อ…”
เซียวจี่ยิ้มเหน็บเอ่ย “กษัตริย์ตงอี๋ เจ้าช่างมีลูกชายที่ดีจริงๆ ”
ความระแวงในพระทัยของกษัตริย์ตงอี๋ถูกกระทุ้งจนฟุ้งซ่าน พระเนตรเย็นเยียบหันไปมองโอรสองค์โต ตรัส “ทำไม เจ้าคิดกบฏรึ! หรือว่าเจ้าก็เหมือนเสด็จอาของเจ้า อยากจะให้ข้าตายด้วยน้ำมือพวกแคว้นเจา เช่นนี้เจ้าจะได้ขึ้นบัลลังก์ต่ออย่างราบรื่น!”
องค์ชายใหญ่ตงอี๋สีหน้าพลันเปลี่ยน เขาไม่ได้คิดเช่นนี้เลย เขาเพียงแค่อยากถ่วงเวลา ให้คนไปเอายาพิษมารมพวกเขาให้สลบเท่านั้น
ความจงรักภักดีของเขาฟ้าดินเป็นพยานได้ แต่หากเสด็จพ่อเขาไม่เชื่อ เช่นนั้นความจงรักภักดีของเขาก็เป็นแค่ผายลมเท่านั้น
องค์ชายรองตงอี๋สบโอกาสกวนน้ำให้ขุ่น “เสด็จพ่อ! ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่ยอม! ลูกขอจัดการเอง!”
เยี่ยม ขัดแย้งภายในกันเองแล้ว
เซียวจี่นิ่งดูดายอยู่ข้างๆ อย่างปรีดา
สุดท้ายไม่ว่าผู้ใดจะเป็นคนไปพาเซียวเอินกับเซียวเจ๋อมาเขาล้วนไม่สน เขาต้องการให้พวกเขาสองคนพี่น้องปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว
หนึ่งชั่วยามต่อมา เซียวเอินกับเซียวเจ๋อก็ถูกรถม้าคันใหญ่ที่พ่วงม้าหกตัวพามา
เซียวจี่บังคับเทพธิดาขึ้นไปบนรถม้า จากนั้นหลงอีในฐานะที่ไร้ทายาทก็บังคับกษัตริย์ตงอี๋ขึ้นไปด้วย
ขณะนั้นเอง ขุนนางตงอี๋คนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ในมือพวกเจ้ามีเทพธิดาก็เพียงพอแล้ว ปล่อยกษัตริย์ตงอี๋เสีย!”
ทุกคนโดนตอกหน้าจนสะอึก
นั่นสิ มีเชลยเพิ่มมาอีกคน ไยต้องพาไปแค่คนเดียว รถม้าบรรทุกไม่พอหรือไร
แต่ว่า ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส
เมื่อไม่กี่วันก่อนเซวียนผิงโหวตกลงไปในกับดักที่เทพธิดาวางไว้เพื่อช่วยลูกชาย ระหว่างช่วยขึ้นมาสภาพร่อแร่แล้ว แม้เขาจะดวงแข็งโชคดีรอดมาได้ แต่อย่างไรร่างกายก็บาดเจ็บสาหัส
เขามีกำลังการต่อสู้ไม่มากเท่าใดนัก
ยอดฝีมือผู้นั้นไม่มีทางคุมทั้งในรถม้าและนอกรถม้าไปพร้อมกันได้ ขอแค่สารถีเล่นตุกติกในระหว่างเพียงเล็กน้อย ทำให้รถม้าพลิกคว่ำ ยอดฝีมือคุ้มกันเซวียนผิงโหวได้แต่ไม่มีเวลาไปสนใจตัวประกัน หรือไม่ก็คุมตัวประกันได้แต่ไม่มีเวลามาสนใจเซวียนผิงโหว
ถึงเวลานั้น พวกเขาจะมีโอกาสทองในการช่วยกษัตริย์ตงอี๋ออกมา!
หลังจากตัดสินใจได้ ทุกคนก็ลอบแลกเปลี่ยนสายตากัน แอบยิ้มเย็นปล่อยพวกเขาไป
สารถีได้รับสัญญาณลับจากหัวหน้าองครักษ์แล้ว จึงพยักหน้าเล็กน้อย
อีกสิบลี้ เนินเสี่ยวเฉวียน รถม้าคว่ำ ลอบโจมตี
พวกเซียวจี่ไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศของตงอี๋ สารถีใช้เส้นทางอ้อมพวกเขาสองคนก็ไม่รู้ ส่วนเหล่าทหารตงอี๋นั้นอ้อมไปใช้ทางลัดไปยังเนินเสี่ยวเฉวียน หลบซุ่มยอดฝีมือกลุ่มใหญ่และพลธนูเอาไว้เรียบร้อย
ทว่าพวกเขารอแล้วรอเล่า รอจนฟ้ามืดแล้ว ก็ยังไม่เห็นรถม้าขับมา
รถม้าย่อมไม่ผ่านอยู่แล้ว
ในขณะที่พวกเขาออกจากตำหนักเทพธิดาไปไม่นาน สารถีก็ถูกองค์หญิงน้อยตงอี๋ที่หลบซุ่มอยู่แถวนั้นใช้แส้ฟาดลงมา
องค์หญิงน้อยตงอี๋เข้าแทนที่สารถีทันที นำรถม้าหนีไปอีกเส้นทางหนึ่ง
ภายในรถม้า เซียวเอินที่โดนยาสลบค่อยๆ ได้สติ เซียวเจ๋อยังคงหมดสติอยู่
ทั้งสองได้รับบาดเจ็บ เหมือนจะถูกทัณฑ์ทรมานไต่สวนมา แต่ทั้งสองกระดูกแข็ง ไม่เอ่ยสิ่งที่ไม่ควรเอ่ยแม้แต่คำเดียว
เซียวเอินมองปราดไปเห็นบิดา ก็พลันดีใจขึ้นมา ขอบตาเริ่มแดงก่ำ
เซียวจี่เหน็บมุมผ้าห่มให้เขา ลูบหน้าผากเขาไปมา “เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไร พักผ่อนให้ดี ใกล้จะถึงค่ายทหารแล้ว”
ยามนี้เซียวเอินไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดจาแล้วจริงๆ
ทั้งสองเป็นบุตรสายรองของเซียวจี่ พวกเขาถูกเลี้ยงอยู่กับเซียวเหล่าฮูหยินมาตั้งแต่เด็ก ในใจพวกเขาไม่กล้าเทียบเซียวเหิง แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขารู้ชัดในฐานะและความเหมาะสมของตัวเองดี ไม่กล้าวาดหวังให้บิดารักเอ็นดูพวกเขาอย่างที่รักเอ็นดูน้องชาย
ทว่ายามนี้ บิดากลับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพวกเขาทั้งสอง…
เขาไม่กล้าแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมกับบิดาเลย ทว่ายามนี้เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว ขยับศีรษะเล็กน้อยอย่างบังอาจ หนุนศีรษะกับฝ่ามือของบิดา
เขาในตอนนี้ราวกับสัตว์เล็กที่บาดเจ็บไปทั่วร่าง เข้าใกล้บิดาตัวเองอย่างระมัดระวัง
เขาค่อนข้างประหม่าและกังวล กลัวว่าตนจะล่วงเกิน แล้วทำให้บิดาโกรธ
และกลัวว่าความล้มเหลวของตนจะทำให้บิดาผิดหวัง
เซียวจี่ไม่ได้ชักมือออก แต่ยกนิ้วหัวแม่มือลูบจอนผมเขาแผ่วเบา “พวกเจ้าทำได้ดีมาก”
บุรุษตระกูลเซียวไม่เพียงต้องมีความใจเด็ดพุ่งหาความตายเท่านั้น ยังต้องมีความกล้าเผชิญหน้ากับความล้มเหลวด้วย
เซียวเอินหลับตาลง น้ำตาอุ่นร้อนไหลลงจากหางตา
รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าต่อ
กษัตริย์ตงอี๋ถูกสกัดจุด จึงหมดสติเช่นกัน
นอกม่านรถ องค์หญิงน้อยตงอี๋ที่แต่งตัวเป็นองครักษ์นายหนึ่งขับรถม้าพลางถาม “เมื่อครู่นี้ข้าลืมถามไปเลย พวกเจ้าลักพาตัวกษัตริย์ตงอี๋กับเทพธิดามาแล้ว แล้วองค์หญิงเล่า พวกเจ้าพานางมาด้วยหรือไม่”
เซียวจี่ปรายตามองเจ้าสาวที่คลุมหน้าเอาแต่เงียบมาตลอดทาง ร้องอ๊ะขึ้น เอ่ย “แย่แล้ว! ลืมฉินเฟิงหวั่นไปเลย! นางต้องยังอยู่ในห้องลับของตำหนักเทพธิดาแน่ๆ !”
องค์หญิงน้อยตงอี๋พลันเซวูบ เกือบจะขับรถม้าลงร่องน้ำข้างทาง “หา พวกเจ้าทำงานกันอย่างไรน่ะ ไยจึงลืมองค์หญิงไว้ที่ตำหนักเทพธิดาได้ จบเห่แล้ว จบเห่แล้ว! พวกเจ้าเพิ่งจับตัวกษัตริย์ตงอี๋กับเทพธิดาได้ องค์หญิงก็ตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขาแล้ว! นะนะนี่มัน….”
เซียว! จี่!
ก็นึกว่าเจ้าจำข้าได้แล้ว!
ที่แท้ จะจะจะเจ้าลืมข้าไว้!
เซียวจี่มองร่างเล็กที่โมโหคนบางคนจนตัวสั่น ก็หยักยกมุมปาก แสร้งทำเป็นเอ่ย “เรื่องนี้จะโทษข้าไม่ได้นะ ผู้ใดให้ข้าโดนยาแฝดกันเล่า ในหัวมีแต่หลงอี ไหนเลยยังจะไปจดจำคนอื่นได้”
แควก!
ผ้าเช็ดหน้าในมือเจ้าสาวโดนจิกเละในที่สุด!
หลงเหมิงเหมิงเบิกตาโต มองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่โดนจิกเละ เขาครุ่นคิด ก่อนจะไปนั่งนอกรถม้าด้วยกันกับองค์หญิงน้อยตงอี๋แทนอย่างแสนรู้ยิ่ง
องค์หญิงน้อยตงอี๋ขยับไปใกล้หลงอี กระซิบถามเขา “เหมิงเหมิง ที่ท่านโหวพูดจริงหรือ เขาลืมองค์หญิงไว้ที่ตำหนักเทพธิดาจริงๆ รึ”
ตั้งแต่ทราบชื่อเล่นของหลงอี นางก็ชอบเรียกเขาเช่นนี้
หลงอีกำลังลังเลว่าจะแก้คำเรียกของนางหรือจะตอบคำถามนางดีเพียงชั่วครู่ จากนั้นขมวดคิ้วเอ่ย “ปากของบุรุษน่ะเชื่อไม่ได้”
องค์หญิงน้อยตงอี๋ “…”
ขากลับของพวกเขาย่อมไม่ได้ราบรื่น เหล่าองค์ชายตงอี๋รอพวกเขาอยู่ที่เนินเสี่ยวเฉวียนไม่มาเสียที ก็เดาได้แล้วว่าพวกเขาเปลี่ยนเส้นทาง จึงนำกำลังทหารมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่จะไปด่านตงหลินจะต้องผ่าน หมายจะลอบโจมตีรอบด้านใส่พวกเขาที่นั่น
ซึ่งนี่ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นตายของกษัตริย์ตงอี๋แล้ว
ผู้ใดไม่อยากได้บัลลังก์บ้างเล่า ต่อหน้าขุนนางทั้งหลายและคนของตำหนักเทพธิดา พวกองค์ชายไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของกษัตริย์ตงอี๋อย่างโจ่งแจ้ง
ทว่าหลังจากนั้นพวกเขามีเวลาทั้งวันให้ฝันหวาน หากกษัตริย์ตงอี๋ตายไปจริงๆ ชะตาชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร
แน่นอนว่าจะต้องมีการโจมตีในยามวิกาลตามมาแน่
ทว่า ในขณะที่พวกเขากำลังจะยิงธนูใส่ทุกคนในรถม้าให้ตายนั้น ฉังจิ่งก็นำทหารเร่งรุดมาถึง
ฉังจิ่งควบม้านำหน้า บุกทลายศัตรู ฝ่ากระบวนทัพของกองทัพตงอี๋กระเจิง
พวกตงอี๋ยกให้ฉังจิ่งจัดการ พวกเซียวจี่กลับไปยังค่ายทหาร
องค์หญิงน้อยตงอี๋ถือยาถอนพิษไปหาเซียวหมิง หลงอีพาเซียวเอินกับเซียวเจ๋อกลับไปที่กระโจมของพวกเขา และโยนกษัตริย์ตงอี๋ลงบนพื้นหิมะอย่างเดียดฉันท์
องค์หญิงซิ่นหยางโมโหมาทั้งทาง ยามนี้ยังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่บนรถม้า
เซี่ยวจี่กดมุมปากที่จะหยักยกเอาไว้ เอ่ยนิ่งๆ “ถึงค่ายทหารแล้ว ลงรถ”
เห็นนางยังนิ่ง จึงจีบปากจีบคอเอ่ย “ทำไม จะให้ข้าอุ้มเจ้าลงมารึ”
องค์หญิงซิ่นหยางกริ้วหนัก เพื่อจะได้กราบไหว้ฟ้าดินกับเขานางเปลืองสมองเปลืองแรงไปตั้งเท่าใด นึกไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะลืมนางไว้ที่ตงอี๋!
ซ้ำยังพาเทพธิดาตงอี๋กลับมาอีก!
บุรุษนี่มันเป็นกีบเท้าหมูกันหมดเลย!
ประเสริฐนัก นางอยากจะดูซิว่าเขาคิดจะทำอะไรเทพธิดาตงอี๋!
นางสวมผ้าคลุมหน้ากระทืบเท้าลงมาจากรถม้า!