บทที่ 980 ค่ำคืนร้อนรัก (ฉบับซิ่นหยาง vs เซียวจี่)
……….
เจ้าหมอนี่แกล้งหลับอย่างนั้นหรือ
เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้อยู่เรื่อย!
องค์หญิงซิ่นหยางทำตัวไม่ถูก แม้ตอนอยู่ในถ้ำนางจะเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกไป แต่ก็เป็นเพียงแค่คำพูดที่นึกถึงแล้วอับอาย แค่เมื่อครู่นางลงมือทำจริงๆ …
หอมแก้มเขา
ฮือ!
โดนจับได้ว่าทำเรื่องแบบนั้น! นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
องค์หญิงซิ่นหยางเขินจนพานโกรธ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง ถลึงตาจ้องมองเขา “เหตุใดเจ้าถึงชอบทำเช่นนี้อยู่เรื่อย”
“ทำเช่นนี้อยู่เรื่อยอย่างนั้นรึ” ใครบางคนถามอย่างยียวน
องค์หญิงซิ่นหยางหยุดพูด เพียงแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นางมิใช่คนเถียงไม่เป็น แค่ทุกครั้งที่ได้พบเซียวจี่ นางกลับโมโหจนพูดไม่ออกไปเสียทุกครั้ง
นางตั้งใจว่าจะไม่สนใจ ไม่อย่างนั้นก่อนที่เขาจะแผลปริ นางคงโมโหจนกระอักเลือดเสียก่อน
“ฉินเฟิงหวั่น” เขานั้นไม่ยอมลดละง่ายปานนั้น “ถึงจะรู้ว่าเจ้าเสน่หาในตัวข้ามานาน แต่ยามนี้ข้าเจ็บหนัก หากเจ้าอยากก็ทำเอง”
องค์หญิงซิ่นหยาง “!!!”
ใครก็ได้ส่งค้อนให้นางที!
นางอยากจะทุบเขาให้ตาย!
เดิมทีนางนอนลงแล้ว แต่ถูกเขายั่วโมโหจนต้องใช้ข้อศอกยันตัวขึ้นมา กัดฟันกรอดมองเขาท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด “เซียวจี่! เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าบาดเจ็บแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้านะ! ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้ายังพูดจาเหลวไหลอีก ข้าจะ… อื้อ”
ท่ามกลางความมืดมิด เซียวจี่ยกมือข้างที่บาดเจ็บขึ้นมา ประคองศีรษะของนางอย่างเบามือทว่าแผงไปด้วยความเอาแต่ใจ รั้งนางขึ้นมาทาบทับตัวเอง
ริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางทาบทับริมฝีปากแห้งกร้านของเขา
นางไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้ชิดกับเขาเช่นนี้ขณะที่ตื่นเต็มตาได้สติ หัวสมองของนางอื้ออึงขาวโพลนไปหมด
โลกทั้งโลกประหนึ่งเงียบสงัดลงในทันใด ข้างหูมีเพียงเสียงหัวใจเต้นตึกตักของตัวเอง
หลังจากริมฝีปากของทั้งสองคนประกบจูบกัน เซียวจี่นั้นไม่ได้รุกล้ำเดินหน้าขั้นต่อไป
เขาเฝ้ารอนางตอบรับอย่างใจเย็น เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่ได้ปลุกความทรงจำเลวร้ายของนางขึ้นมา เขาจึงได้มอบจุมพิตที่แท้จริงให้กับนางอีกครั้ง
นั่นเป็นจุมพิตล้ำลึกอันแสนนุ่มนวล
องค์หญิงซิ่นหยางสติหลุดลอยไปเสียสิ้น
ที่แท้… ที่แท้ทำเช่นนี้ก็ได้หรือ
หัวใจเต้นเร็วนัก แน่นหน้าอกไปหมด ใกล้จะหายใจไม่ออกแล้ว
เขาค่อยๆ ผละออกจากนาง น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น “ซื่อบื้อ หายใจสิ”
“หาย…หายใจไม่ออก” นางแทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อ ร่างทั้งร่างร้อนรุ่ม ใบหน้าแดงก่ำจนเลือดจะซึมออกมาอยู่แล้ว
เซียวจี่หัวเราะเสียงเจ้าเล่ห์ “หัวใจเต้นเร็วเพียงนี้เชียวรึ”
ฝ่ามือขององค์หญิงซิ่นหยางทาบอยู่บนอกของเขา เอ่ยด้วยใบหน้าขึ้นสี “เจ้าเองก็เต้นเร็วเหมือนกัน”
ไม่ได้ช้าไปกว่านางเลยแม้แต่นิด
ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ทั้งๆ ที่ต่างคนต่างหัวใจเต้นแรง แต่เหตุใดถึงมีเพียงนางที่ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ ส่วนเขากลับสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
เรื่องแบบนี้… ก็เป็นพรสวรรค์เหมือนกันอย่างนั้นหรือ
มุมปากของเซียวจี่ยกยิ้ม จ้องมองนางที่ทาบทับอยู่บนร่างของตัวเอง เลิกคิ้วพลางเอ่ย “ฉินเฟิงหวั่น หากคราวหน้าแอบจูบข้าอีก ข้าก็ยึดตามวิธีนี้”
“ผู้ใดแอบจูบเจ้ากัน” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเสียงงึมงำด้วยความเขินอาย ใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
“ข้าจะนอนแล้ว”
ด้านนอกหิมะโปรยปราย ลมหนาวพัดผ่าน
นางลูบริมฝีปากเปียกชื้นของตัวเอง นึกถึงจูบอันล้ำลึกนั้น
ไม่นึกเลยว่าจะ…ชอบเหลือเกิน
…
หิมะโปรยปรายตลอดทั้งคืน
องค์หญิงซิ่นหยางหัวใจเต้นตึกตักตลอดจนกระทั่งเข้านอน นี่เป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ไม่คุ้นเคย แต่กลับงดงาม
ทั้งอารมณ์และลมหายใจของนางแผ่ซ่านไปถึงเซียวจี่ การยั่วเย้าที่มิได้ตั้งใจนั่นแหละที่รุนแรงที่สุด
แต่น่าเสียดายที่เซียวเหิงเจ็บหนัก ไม่สามารถทำอะไรเลยเถิดไปมากกว่านั้นได้จริงๆ ทำได้เพียงนอนนิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราไป
อีกฟากหนึ่ง หลงอีกำลังพยายามตามหาทั้งสองคน แต่เพราะภูมิประเทศที่แตกต่างระหว่างบนและล่างพื้นดิน กว่าเขาจะหาปากถ้ำเจอก็ใช้เวลาไปสามวันแล้ว
ตลอดสามวันนี้ เซียวจี่พักฟื้นอยู่ที่บ้านของหญิงชรา องค์หญิงซิ่นหยางถอดข้าวของมีราคาบนตัวทั้งหมดให้กับหญิงชรา
โบราณว่าไว้ถูกต้อง รับเงินเขามา ย่อมต้องหาทางชดใช้
หญิงชราโกหกว่าตนเองบาดเจ็บ เดินทางไปยังเรือนของหมอตำแยในหมู่บ้านเพื่อซื้อยาสมุนไพรและยาทาพิเศษ
ว่าก็ว่าเถอะ ได้ผลดีไม่น้อย
ไข้สูงของเซียวจี่ลดลงแล้ว บาดแผลก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในวันที่สาม… จู่ๆ ก็มีกองทหารตงอี๋บุกเข้ามาในหมู่บ้าน
ตอนแรกทั้งสองคิดว่าทหารตงอี๋พวกนั้นมาเพื่อจับตัวพวกเขาสองคนเสียอีก จากนั้นถึงได้รู้ว่ามิใช่เช่นนั้น
พวกเขามาพร้อมกับรถม้าคันหนึ่ง ดูท่าแล้วคงกำลงคุ้มกันคนมีตำแหน่งสักคน
ตอนที่คนผู้นั้นลงจากรถม้า ทั้งสองคนแอบดูอยู่ที่เนินน้อยหลังกระท่อมฟาง ก่อนจะพบว่าเป็นชายผู้หนึ่ง…สวมผ้าคลุมและหมวกคุลมหน้า ตั้งแต่ปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมิดชิด
“แน่ใจหรือว่าเป็นชาย” องค์หญิงซิ่นหยางถาม
“ข้าได้ยินเสียงเขา” เซียวจี่เอ่ย
องค์หญิงซิ่งหนางตกตะลึง “ไกลขนาดนั้นได้ยินด้วยรึ”
เซียวจี่หัวเราะเบาๆ “ชายของเจ้าเก่งกาจมากนะ”
ชายของข้าหรือ… องค์หญิงซิ่นหยางถูกคำเรียกที่ไม่คาดฝันนั้นทำเอาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เซียวจี่เหมือนจะไม่รู้ว่าพูดของตัวเองนั้นทำให้อีกฝ่ายหน้าแดงใจเต้นเรงแค่ไหน เขามองไปทางกลุ่มคนเหล่านั้นพลางเอ่ย “พวกนั้นเป็นทหารตงอี๋ระดับสูง เหมือนจะเป็นองครักษ์ของกษัตริย์ตงอี๋”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องจริงจัง อารมณ์ขององค์หญิงซิ่นหยางก็เคร่งขรึมขึ้นมาก “หรือว่าคนที่พวกเขาคุ้มกันคือกษัตริย์ตงอี๋”
ทว่าเซียวจี่กลับส่ายหน้า “ไม่น่าจะใช่ กษัตริย์ตงอี๋อย่างน้อยต้องอายุห้าหกสิบแล้ว คนผู้นั่นยังเป็นเด็กหนุ่ม”
องค์หญิงซิ่นหยางครุ่นคิด “เช่นนั้นเป็นลูกชายของกษัตริย์ตงอี๋”
เซียวจี่เอ่ยสีหน้าจริงจัง “นั่นก็เป็นไปได้ แต่เหตุใดเขาต้องปิดตัวเองเสียมิดชิดขนาดนั้นด้วย”
ทั้งสองคนสืบถามจากหญิงชรา
หญิงชราบอกว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย นางเป็นเพียงแค่หญิงชราในหมู่บ้านห่างไกล เดินทางไกลที่สุดคือป่าที่ห่างออกไปสิบลี้ คนตำแหน่งใหญ่โตที่สุดที่เคยพบคือผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน องค์หญิงซิ่นหยางเห็นใบหน้าของเขาเคร่งเครียด รู้ในทันทีว่าเขามีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ
นางเอ่ยถาม “เจ้าตัดสินใจแล้วใช่หรือไม่ว่าจะทำเช่นไรต่อ พวกนั้นคนมากกว่า บาดแผลเจ้าก็ยังไม่หายดี มิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
เซียวจี่ตอบ “ข้าไม่ปะทะกับพวกเขาตรงๆ หรอกน่า”
สีหน้าขององค์หญิงซิ่นหยางเปลี่ยนไปในทันใด “หรือว่าเจ้าคิดจะ… สลับตัวกับคนผู้นั้นเพื่อเข้าพบกษัตริย์ตงอี๋”
เซียวจี่ยอมรับแต่โดยดี
องค์หญิงซิ่นหยางกำหมัดแน่น “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าเพิ่งพักฟื้นได้สามวัน แผลยังไม่ทันสมานดี กระดูกเปราะอย่างเจ้าน่ะหรือจะไปฆ่ากษัตริย์ตงอี๋ จะเอาชีวิตไปทิ้งหรืออย่างไร”
องค์หญิงซิ่นหยางขมวดคิ้วเอ่ย “หากเจ้าชิงไม่สำเร็จเล่า”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวจี่จางหาย “เซียวเอินกับเซียวเจ๋อยังอยู่ในมือของกษัตริย์ตงอี๋ ข้าหายตัวไปได้สามวันแล้ว ตอนนั้นชาวตงอี๋เห็นข้าตกหลุมพราง ถูกฉังจิ่งช่วยขึ้นมาทั้งที่บาดเจ็บสาหัส หากข้ายังไม่ปรากฏตัวอีก ไม่แน่ว่าชาวอี๋ตงอาจจะคิดว่าเจ็บหนักจนตายไปแล้ว”
เขาเอ่ยเพียงเท่านั้น
คนฉลาดอย่างองค์หญิงซิ่นหยางจะไม่เข้าใจเชียวหรือ
กษัตริย์ตงอี๋จับตัวเซียวเอินกับเซียวเจ๋อไปก็เพื่อข่มขู่เขา หากเขาตายไปแล้ว เซียวเอินกับเซียวเจ๋อก็ไม่มีประโยชน์
พวกเขาจะถูกฆ่าตายหรือไม่ก็ถูกทรมานจนตาย
นางไม่ห้ามเขาอีกต่อไป แต่ร้องขอเขาหนึ่งอย่าง “ข้าไม่คัดค้านแผนการของเจ้า แต่เจ้าต้องพาข้าไปด้วย..”
เซียวจี่จนปัญญา “ฉินเฟิงหวั่น…”
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยแทรกขึ้น “ข้างกายคนผู้นั่นมีบ่าวรับใช้คนหนึ่ง นั่งรถม้ามาพร้อมกับเขา เจ้าคิดว่าบ่าวผู้นั้นมาเพื่อประดับบารมีอย่างนั้นหรือ เขาต้องคอยรับใช้คนผู้นั้นอย่างใกล้ชิดเป็นแน่ ทุกวันต้องคอยเปิดผ้าคลุมตัวหมวกคลุมหน้าให้เขา พวกเราปลอมตัวเป็นสองคนนั้น ไม่มีทางพลาดแน่นอน”
อันที่จริงนางมิได้คิดซับซ้อนไปอีกขั้นแต่อย่างใด เซวียนผิงโหวเป็นแม่ทัพ หากเข้าตาจนจริงๆ ต่อให้ต้องตายเขาก็จะพาลูกชายทั้งสองกลับมาให้ได้ แต่จะไม่ยอมตกอยู่ในเงื้อมือของชาวตงอี๋เป็นแน่
นางไม่อยากให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
“ข้าไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน ข้าเป็นองค์หญิง พวกเขาจับข้าไปแล้วสามารถต่อรองกับฝ่าบาทได้มากมาย”
หากเป็นองค์หญิงที่ไร้อำนาจไร้อิทธิพล อาจไม่สามารถพูดจาเช่นนี้ได้ ทว่าคนทั้งแผ่นดินต่างรู้ว่าฮ่องเต้โปรดปรานนางแค่ไหน นางคือองค์หญิงที่ฮ่องเต้รักมากที่สุด
แม้นางจะรู้สึกว่าคำกล่าวนั้นช่างเกินจริง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั่วไปหวาดเกรง
เมื่อเห็นเซี่ยวจี่ยังคงปิดปากแน่น นางจึงชี้ไปที่ประตู “เจ้าทิ้งข้าไว้ที่นี่คนเดียวได้ลงคอหรือ เชื่อหรือไม่ว่าพอเจ้าออกไป แม่เฒ่านั่นคงเอาข้าไปขายแน่นอน”
หญิงชราที่กำลังกวาดบ้านอยู่ “…”
แต่สิ่งที่ทำให้เซียวจี่ตัดสินใจพาฉินเฟิงหวั่นไปด้วยคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้
ทหารตงอี๋กลุ่มนั้นพบศพของทหารตงอี๋สองนายที่โดนเซียวจี่ฆ่าทิ้งบริเวณคู่น้ำละแวกปากถ้ำ
พวกเขาเตรียมตั้งรับในทันที ออกตามหาเบาะแสทั้งในและนอกหมู่บ้าน
เซี่ยวจี่รีบชักกระบี่แล้วฟันเตียงในบ้านของหญิงชราจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ทั้งยังซ่อนแก้วสองใบบนโต๊ะ เก้าอี้เองก็นำออกไปตัวหนึ่ง สร้างภาพลวงว่าบ้านหลังนี้มีคนอยู่เพียงแค่คนเดียว
หญิงชราพักอาศัยอยู่เพียงลำพัง ชาวบ้านย่อมรู้ว่าอีกห้องหนึ่งย่อมไม่มีคนอยู่ การกระทำทั้งหมดของเซียวจี่นั้นทำให้คนเข้าใจได้ว่าเตียงของหญิงชราผุพัง จึงจำใจต้องขนย้ายมาไว้ในห้องนี้
องค์หญิงซิ่นหยางลอบสะท้อนใจ เขาเป็นเช่นนี้เสมอ ดูเหมือนคนแข็งกระด้าง แท้จริงแล้วละเอียดอ่อนยิ่งนัก
เขาปลิดชีพศัตรูในสนามรบมานับไม่ถ้วน แต่เขานั้นปกป้องคนไว้ได้มากกว่านั้น
เซียวจี่ใช้วิธีการที่เร็วที่สุดในการลบร่องรอยการพักอาศัยของทั้งสองคน หลังจากนั้นก็พาองค์หญิงซิ่นหยางออกทางประตูหลัง
ด้วยพวกตงอี๋แบ่งกำลังพลทหารออกมาตามหามือสังหารมากกว่าครึ่ง ทำให้การคุ้มกันของท่านชายปริศนาผู้นั้นลดระดับลง
เซียวจี่เข้าไปให้ที่พักของท่านชายปริศนาผู้นั้นได้สำเร็จ ซัดบ่าวผู้นั่นจนสลบ แล้วจัดมัดขังไว้ในกรง ปากก็อุดไว้เรียบร้อย
เสียงพูดคุยรำไรของทหารตงอี๋ดังมาจากด้านนอก
“ใต้เท้าอู ไม่พบมือสังหารขอรับ!”
“พวกเราก็ไม่พบขอรับ!”
“พวกเราก็เช่นกันขอรับ ค้นหาทุกบ้านแล้ว แม้แต่บนเขาก็ตามหา แต่ไม่พบเลย! มือสังหารอาจหลบหนีไปได้แล้วขอรับ!”
“หลบหนีรึ หึ ไม่มีทาง!” น้ำเสียงของคนผู้นี้ต่างจากบรรดาทหารคนอื่น น่าจะเป็นใต้เท้าอูที่ทหารเหล่านั้นเอ่ยถึง
เขาเอ่ยอย่างระแวดระวัง “ความปลอดภัยของท่านชายสำคัญที่สุด หากมือสังหารลอบเข้ามาแล้วลักพาตัวท่านชายไปตอนกลางคืน ทั้งข้าและพวกเจ้าได้หัวหลุดออกจากบ่าแน่!”
องค์หญิงซิ่นหยางเหลือบมองเข้าไปในกล่องอย่างอดไม่ได้
ท่านชายจากไหนกันถึงได้สำคัญเพียงนี้
นอกจากหน้าตาจิ้มลิ้มแล้ว ก็ไม่เห็นรู้สึกว่าเขาจะแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างไร
หากชาวตงอี๋รู้ถึงคำวิจารณ์ของนางที่มีต่อคนในกล่องแล้ว เกรงว่าคงจะโกรธจนกระอักเลือด
นั่นเป็นถึงชายงามอันดับหนึ่งของตงอี๋ แต่กลับกลายเป็นเพียงเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มแสนดาษดื่นคนหนึ่งในสายตานาง
“ท่านชาย!”
เสียงของใต้เท้าอูผู้นั้นดังขึ้นจากด้านนอก “ในหมู่บ้านเกิดเหตุบางอย่างขึ้น พวกเราเกรงว่าคงต้องเร่งเดินทางตอนกลางคืน ขอเชิญท่านชายขึ้นรถม้าด้วยขอรับ”
เซียวจี่และองค์หญิงซิ่นหยางปลอมตัวเสร็จสมบูรณ์ เซียวจี่รูปร่างสูงใหญ่บึกบึนกว่าอีกฝ่ายลงด้วย แต่พอสวมผ้าคลุมและหมวกคลุมแล้วย่อมไม่สะดุดตาขนาดนั้น
ส่วนบ่าวผู้นั้น เขารูปร่างเล็กอยู่แล้ว องค์หญิงซิ่นหยางปลอมตัวได้อย่างสบายๆ
แต่แน่นอนว่าใบหน้านั้นไม่เหมือน เพราะอย่างนั้นนางจึงต้องปกคลุมเอาไว้
จากประสบการณ์ของทั้งสองคน หากไม่เกิดเหตุน่าสงสัย แทบจะไม่มีผู้ใดสนใจใบหน้าของบ่าวหนุ่มน้อยผู้นั้นเลย
ทั้งสองคนขึ้นรถม้าอย่างราบรื่น
พวกเขาไม่อาจพูดคุยกันบนรถม้าได้ ทำได้เพียงเขียนบนฝ่ามือของกันและกัน
องค์หญิงซิ่นหยาง เจ้าว่าท่านชายผู้นั้นเป็นใคร เป็นลูกชายของกษัตริย์ตงอี๋หรือ
ฝ่ามือของเซียวจี่จั๊กจี้ อยากจะคว้านิ้วมือเย็นเฉียบของนางไว้เหลือเกิน แต่เขานั้นอดทนเอาไว้ได้
เขาเขียนกลับ ไม่น่าจะใช่
คราวนี้เป็นฝ่ามือขององค์หญิงซิ่นหยางที่จั๊กจี้แทน
นางไม่ได้สงบนิ่งเหมือนใครบางคน แพขนตาของนางกะพริบถี่ ใบหน้าร้อนผ่าว
เซียวจี่เลิกคิ้วเอ่ย ฉินเฟิงหวั่น เจ้าช่วยตั้งใจหน่อย อย่าเอาแต่จ้องมองท่อนล่างข้า
องค์หญิงซิ่นหยางหน้าบึ้งตึงในทันใด
ทั้งสองคิดว่าคนผู้นี้ต้องมีความสัมพันธ์อะไรสักอย่างกับกษัตริย์ตงอี๋อย่างแน่นอน แต่พอพวกเขามาถึงที่หมายถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด
หญิงสาวมากมายออกมาต้อนรับพวกเขา หญิงที่นำหน้าสุดสวมชุดสีแดง นางเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านชายมาแล้วหรือ”
ใต้เท้าอูตอบเสียงร่าเพราะหลงใหลในความงาม “มาแล้ว มาแล้ว! อยู่บนรถม้าน่ะ!”
หญิงชุดแดงถามเสียงเย็น “มิใช่ว่าจะมาถึงวันพรุ่งนี้หรอกหรือ”
ใต้เท้าอูตอบด้วยรอยยิ้มในทันที “เกิดเรื่องระหว่างทางเล็กน้อย ข้ากลัวว่าท่านชายจะเป็นอันตราย จึงรีบมากลางดึก”
หญิงชุดแดงสีหน้าบึ้งตึงในทันใด “นี่เจ้ากล้าเดินทางตอนกลางคืนรึ! หากท่านชายเหนื่อยล้าจนต้องเลื่อนงานแต่งงานของท่านหญิงออกไป ข้าจะคอยดูว่าพวกเจ้าจะรับผิดชอบเช่นไร”
เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงาน ทั้งสองคนบนรถม้าก็ตกตะลึงไปพร้อมๆ กัน
คิดอยู่ตั้งนาน ที่แท้พวกเขาชิงตัวเจ้าบ่าวมาอย่างนั้นรึ
องค์หญิงซิ่นหยางพลันเหลียวมองเซียวจี่ด้วยสายตาเย็นยะเยือก ยินดีกับเจ้าด้วย ได้แต่งงานแล้ว
เซียวจี่จนปัญญา
เขาเองก็ไม่รู้เสียหน่อยว่าเจ้าหมอนี่เป็นใครนี่นา