บทที่ 949 ตอนอวสาน (1)
……….
แสงจันทร์ส่องสว่าง เรือลำเล็กจอดอยู่ริมโขดหินในหุบเขา
หน้าผาสูงชันของหุบเขาบดบังท้องนภายามตรีอันไร้ที่สิ้นสุด แม้แต่ผิวน้ำยังไร้เงาสะท้อน ลึกล้ำสุดจะหยั่งยามทอดมองออกไป
เซวียนหยวนฉีนั่งอยู่บนดาดฟ้าของเรือเพียงลำพัง ในมือถือจี้หยกเขี้ยวหมาป่าที่ถอดออกจากคอ
เหลี่ยวเฉินออกมาจากเรือและนั่งลงข้างๆ ท่านพ่อของเขา จ้องมองคนเป็นพ่อพลางเอ่ย “ท่านพ่อกำลังคิดถึงเรื่องพิชิตเวหาอยู่หรือ”
เซวียนหยวนฉีถอนหายใจ “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจี้ยนหลูจะได้พบกับพิชิตเวหา”
เหลี่ยวเฉินเอ่ย “ข้าเคยพบเขาที่เซิ่งตู เขาชื่อหลงอี เขาเป็นเพื่อนของอาเหิงและเจียวเจียว ข้าไม่เคยต่อสู้กับเขาหรือพูดคุยกับเขาเลย วรยุทธ์ของเขายังคงเก่งกาจเหมือนยี่สิบปีก่อนหรือไม่”
เซวียนหยวนฉีเอ่ย “เก่งกว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนมาก”
เหลี่ยวเฉินมองเขาด้วยความกังวล “ท่านพ่อไม่ได้บาดเจ็บหรอกกระมัง”
เซวียนหยวนฉียืดอกผาย “ข้าก็เก่งเหมือนกันนะจะบอกให้”
เหลี่ยวเฉิน “…”
“แล้วหรงเย่ว์เล่า” เซวียนหยวนฉีถาม
เหลี่ยวเฉินเอ่ย “เขาดวงแข็งนัก หลังจากโดนฝ่ามือของหลงอีเข้าไปแต่ก็ยังรอดชีวิตกลับมาได้”
การเผชิญหน้ากับหลงอีในครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญ หลงอีดูเหมือนกำลังไล่ตามคนของเจี้ยนหลู
หรงเย่ว์คือท่านชายหมิงเย่ว์ แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบกับหลงอี แต่เขาก็ถือกระบี่นิลบุหลัน และใช้กระบวนท่าของเจี้ยนหลู
ท่านพ่อของเขาลงมือได้ทันเวลา จึงช่วยชีวิตหรงเย่ว์จากหลงอีไว้ได้
หลงอีเดือดดาล เริ่มต่อสู้กับท่านพ่อของเขาอย่างดุเดือด แต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปได้ครึ่งทาง หลงอีก็หยุด
“เหตุใดจู่ๆ ถึงได้หยุดสู้เล่า” เหลี่ยวเฉินอยู่ไกลเกินกว่าจะมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้น
“เพราะสิ่งนี้” เซวียนหยวนฉี เอ่ยพร้อมกับชูจี้หยกเขี้ยวหมาป่าในมือของเขา
“สิ่งนี้น่ะหรือ” เหลี่ยวเฉินมึนงง
เซวียนหยวนฉีเอ่ย “ยี่สิบเอ็ดปีก่อน เขาได้รับคำสั่งจากเจี้ยนหลูให้ตามล่าเจ้าแห่งเงาทมิฬ ในตอนนั้นเขาเป็นต่อ แต่กลับหยุดสู้กะทันหันเช่นเดียวกับวันนี้ ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่ตอนนี้ข้าคิดว่ามันอาจเป็นเพราะจี้หยกเขี้ยวหมาป่าอันนี้”
เหลี่ยวเฉินเอ่ย “ท่านพ่อเคยบอกว่านี่เป็นของขวัญที่เจ้าแห่งเงาทมิฬมอบให้ท่านพ่อ”
เซวียนหยวนฉีเอ่ย “ถูกต้อง เป็นของขวัญวันเกิดที่นางมอบให้ข้า นางรู้จักพี่ชายข้าก่อน และออกไปสู้รบกับเขา จากนั้นก็รู้จักข้า นางสนิทสนมกับพี่ชายข้ามากกว่า”
เหลี่ยวเฉิน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงท่านพ่อถึงได้ฟังดูอิจฉาอย่างไรก็ไม่รู้
เซวียนหยวนฉีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ทว่าพี่ใหญ๋ไม่มีสิ่งนี้”
เหลี่ยวเฉิน นี่ท่านกำลังอวดอยู่หรือ
เหลี่ยวเฉินวกกลับเข้าประเด็น “แต่เหตุใดหลงอีถึงไม่ฆ่าท่านพ่อหลังจากที่เขาเห็นสิ่งนี้ หลงอีรู้จักเจ้าสิ่งนี้หรือ หรือว่ารู้จักเจ้าแห่งเงาทมิฬคนแรก”
เซวียนหยวนฉีไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก แต่หลงอีจากไปโดยไม่พูดไม่จาแม้สักคำ เขาต้องไปที่เกาะเจี้ยนหลู เพื่อหาคำตอบด้วยตัวเอง
หลงอีขโมยกระบี่นิลบุหลันไป แต่เขาทำลายกลไกการเข้าเกาะจนเกือบหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะขึ้นเกาะไม่ได้
วันรุ่งขึ้นพวกเขามาถึงเกาะเจี้ยนหลู
ศพเกลื่อนกลาดทั่วเกาะ กลิ่นเหม็นเน่าและกลิ่นคาวเลือดเกรอะกรังอบอวลไปทั่ว
หรงเย่ว์เห็นศพที่สวมเสื้อคลุมของเจ้าสำนัก เขารีบวิ่งไป ปากก็เรียกท่านพ่อ ก่อนที่จะรู้ว่านั่นไม่ใช่ท่านพ่อของเขา
เหลี่ยวเฉินกลั้นหายใจ “เจ้าจำได้อย่างไร”
หรงเย่ว์เอ่ย “แม้ว่าใบหน้าจะเน่าเปื่อย แต่ท่านพ่อของข้าไม่ได้เตี้ยขนาดนี้”
เหลี่ยวเฉินเอ่ยเย้ยหยัน “ดูเหมือนท่านพ่อของเจ้าจะหนีไปแล้ว”
เป้าหมายของเซวียนหยวนฉีคือการค้นหาความจริงของเรื่องนี้ เขาพลิกเกาะพลิกเขาตามหา ด้วยความช่วยเหลือของหรงเย่ว์ ในที่สุดเขาก็พบห้องลับในห้องทำงานของเจ้าสำนัก
“ข้าไม่เคยเข้ามาในห้องลับนี้มาก่อน ท่านพ่อของข้าไม่อนุญาตให้ข้าเข้าไปในห้องทำงานของเขา” หรงเย่ว์เอ่ย
“เข้าไปดูกัน” เหลี่ยวเฉินเอ่ย
ในห้องลับมียาแปลกๆ และสิ่งของต่างๆ มากมายที่หรงเย่ว์ไม่เคยเห็นมาก่อน
เหลี่ยวเฉินเปิดกล่อง หยิบอาวุธสนิมเกาะขึ้นมาพลางเอ่ย “นี่คือปืนไฟ แปลกนัก เจ้าแห่งเงาทมิฬเป็นคนสร้างปืนไฟขึ้นมา แต่เหตุใดบนเกาะเจี้ยนหลูถึงได้มีเช่นกัน”
ทั้งสามคนยังคงค้นหาต่อไป
นอกจากปืนแล้วไฟ ยังพบสิ่งของอื่นๆ อีกมากมายที่หน่วยเงาทมิฬเท่านั้นที่มี
เหลี่ยวเฉินขมวดคิ้ว “เจ้าหมอนี่ขโมยของมาจากหน่วยเงาทมิฬหรือไร”
เซวียนหยวนฉีเอ่ย “เป็นไปได้”
เมื่อหลายปีก่อน เจี้ยนหลูทำลายสาขาต่างๆ ของหน่วยเงาทมิฬ ข้าวของภายในสำนักก็หายไปเช่นกัน
เหลี่ยวเฉินเผลอไปโดนปุ่มเปิดปิดเข้า กล่องผ้าไหมเด้งออกมาจากผนัง เหลี่ยวเฉินเปิดกล่อง หยิบสมุดเล่มสีเหลืองออกมา “เอ๊ะ ตรงนี้สมุดบันทึก”
หลังจากอ่านสมุดบันทึกแล้ว เซวียนหยวนฉีก็พลันกระจ่างแจ้ง “พิชิตเวหามาจากเกาะอั้นเย่ เขาเป็นลูกของเจ้าเกาะคนแรก”
…
ในห้องหารือของหมู่บ้านซ่อนดาบ หลงอีและเจ้าสำนักหรงต่อสู้กัน
เจ้าสำนักหรงเยาะเย้ย “ข้าเป็นคนสอนวิทยายุทธ์ให้เจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้เพียงเพราะมีกระบี่นิลบุหลันอย่างนั้นหรือ”
กระบี่นิลบุหลันอย่างนั้นรึ
กระบี่นั่นอยู่ในมือของหลงอีหรือ
กู้เจียวเพิ่งตื่นขึ้นหลังจากเข้าไปในห้องหารือ ดังนั้นนางจึงไม่เห็นว่าหลงอีถือกระบี่อะไรอยู่ในมือ
ความสงสัยผุดขึ้นในใจของนาง กระบี่นิลบุหลันหายไปพร้อมกับลูกชายของเจ้าสำนัก แม้ว่าเจ้าสำนักจะจำกระบี่เล่มนี้ได้ แต่เขากลับไม่ถามว่าลูกชายของเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ดูเหมือนว่าเจ้าสำนักเจี้ยนหลูจะไม่มีความรู้สึกใดต่อลูกชายของเขา
มาคิดดูแล้ว หากเขามีความรู้สึก เขาก็คงไม่ปล่อยให้ลูกชายของเขาถูกแม่เลี้ยงข่มเหง
หลงอีต่อสู้กับเขาอย่างดุเดือด เสียงโต๊ะและเก้าอี้แตกเป็นเสี่ยงๆ ดังมาจากห้องหารือเป็นระยะๆ เจ้าสำนักหรงมีหลีเจียงผิงเป็นสายลับ เขาคงได้รับหญ้าจื่อเฉ่าจากเกาะอั้นเย่จำนวนไม่น้อย
ไม่รู้ว่าหลงอีจะเสียเปรียบหรือไม่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา
เจ้าสำนักหรงฟาดฟันด้วยกระบี่เย็นเยียบ ปัดป้องการจู่โจมของหลงอี พร้อมกับฟาดฝ่ามือลงบนไหล่ของหลงอี
หลงอีถูกกระแทกอย่างแรงจนปลิวไปกระแทกกำแพงด้านหลัง ล้มลงบนโต๊ะเก้าอี้จนแตกกระจายกลายเป็นเศษไม้
เขาใช้กระบี่พยุงร่างขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่เจ้าสำนักหรง
แต่ยังไม่ทันได้ออกกระบวนท่า ก็ถูกเจ้าสำนักหรงฟาดฝ่ามือจนกระเด็นอีกครั้ง คราวนี้กระบี่ในมือก็ปลิวไปด้วย
หลงอีเจ็บหน้าอก เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปาก
เจ้าสำนักหรงฟาดฝ่ามือครั้งที่สาม ทำลายตันเถียนของหลงอีจนหมดสิ้น หลงอีกระอักเลือดออกมาเต็มพื้น ร่างกายก็เริ่มกระตุกสะท้าน
เจ้าสำนักหรงเดินก้าวเข้าไปหาหลงอี มองลงมาพลางเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “พิชิตเวหา เจ้าคิดอะไรอยู่ เหตุใดถึงต่อต้านข้า ข้าไม่ดีกับเจ้าหรือ หรือว่า… ความทรงจำของเจ้าฟื้นคืนมาอีกแล้ว”
ฟื้นคืนมาอีกแล้วรึ
หลงอีสูญเสียความทรงจำมากกว่าหนึ่งครั้งหรือ
และจากน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าการสูญเสียความทรงจำของหลงอีเกี่ยวข้องกับเขา
ยี่สิบเอ็ดปีก่อน หลงอีลอบสังหารเจ้าแห่งเงาทมิฬเซวียนหยวนฉี แต่แล้วระหว่างการต่อสู้ หลงอีก็ล้มเลิกภารกิจไป
หลังจากนั้น หลงอีก็จากไป
หลังจากนั้นอีก หลงอีก็สูญเสียความทรงจำและหลงเข้าไปในจวนองค์หญิง
การสูญเสียความทรงจำครั้งนั้น… เป็นฝีมือของเจ้าสำนักหรง!
เหตุใดเจ้าสำนักหรงต้องลบความทรงจำของหลงอี
หลงอีจำอะไรได้
กู้เจียวมีคำถามมากมายผุดขึ้นในใจ นางอยากจะช่วยหลงอี แต่ยาขับเหงื่อในร่างกายของนางกำลังออกฤทธิ์
นี่ไม่ใช่ยาขับเหงื่อธรรมดา และชายชุดดำผู้นี้ก็ไม่ใช่มือกระบี่ธรรมดา
เจ้าสำนักหรงมองหลงอีที่บาดเจ็บและกระอักเลือดอย่างเย้ยหยัน “รู้ไหมว่าเหตุใดข้าถึงให้เจ้าลอบสังหารเซวียนหยวนฉี ที่จริงข้าต้องการล่อเจ้าแห่งเงาทมิฬคนแรกออกมา ข้าคิดมาตลอดว่านางต้องมีความเกี่ยวข้องกับเกาะอั้นเย่ ข้าคิดว่าสิ่งที่ข้าต้องการถ้าไม่ได้อยู่บนเกาะอั้นเย่ ก็ต้องอยู่ในมือของนาง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ของของนางมา ข้าจับเด็กคนนั้นได้แล้ว นางจะออกมาหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว ส่วนเจ้าเดิมทีข้าไม่อยากฆ่าเจ้าให้ตาย แต่เจ้ากลับขัดขวางข้าครั้งแล้วครั้งเล่า อย่าโทษข้าที่ไม่เห็นแก่ความเป็นอาจารย์กับศิษย์เลย!”
เขาชูกระบี่ยาวในมือขึ้นแล้วแทงเข้าที่หน้าอกของหลงอีอย่างแรง!
ฉึบ!
หลงอีใช้มือเปล่าจับกระบี่ของเขาไว้!
กระบี่คมกริบกรีดฝ่ามือของหลงอีจนเลือดแดงฉานไหลออกมา
เจ้าสำนักหรงตกใจ เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงที่หลงอีที่ใกล้สิ้นลมยังมีแรงขนาดนี้
ลมหายใจของหลงอีหอบกระชั้นอย่างรุนแรง!
เขาสะบัดมือ แรงสะเทือนหักกระบี่ของอีกฝ่าย จากนั้นหลงอีลุกยืนขึ้นด้วยความเร็วที่ไม่อาจหยั่งถึง แทงคมกระบี่ที่หักเข้าที่หน้าอกของเจ้าสำนักหรงอย่างไม่ลังเล!
เจ้าสำนักหรงแข็งทื่อไปทั้งตัว “เป็นไปได้อย่างไร…”
หลงอีมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าไม่ควร…พรากข้าไปจากเขา!”
เมื่อเอ่ยจบ หลงอีดันคมกระบี่ในมือสุดแรง ทะลวงลึกเข้ากลางอกของเจ้าสำนัก
เสียงแกรกดังขึ้นยามหน้ากากบนใบหน้าของเจ้าสำนักหรงแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
หลงอีใช้ฝ่ามือฟาดลง พลังปรานอันรุนแรงพาให้กระบี่หักบนพื้นลอยขึ้น แล้วแทงเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่ายอย่างแรง!
โดนกระบี่แทงสองครั้งติดต่อกัน แม้แต่กินจื่อเฉ่าแทนข้าวก็ไม่รอด
เจ้าสำนักหรงกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ แต่ละกระบวนท่านั้นล้วนแต่แขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าน หากจะพ่ายแพ้ในทันใดนั้นมิใช่เรื่องแปลก แต่คนที่แพ้นั้นมิควรเป็นเขา
วรยุทธ์ของเขาเหนือกว่าพิชิตเวหา ยามนี้พิชิตเวหาก็ไม่ได้คลั่งแต่อย่างใด เหตุใดถึงยังปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ออกมาได้
หลงอีโบกมือ กระบี่นิลบุหลันที่ถูกกระแทกจนปลิวกลับมาอยู่ในมือของเขา
เขาแทงกระบี่ที่สามอย่างไร้ปราณี!
ร่างกายของเจ้าสำนักหรงแข็งทื่อ ไร้เรี่ยวแรงตอบโต้
หลงอีชูกระบี่ยาวขึ้น ตั้งใจจะใช้กระบี่ที่สี่ควักหัวใจของเขาออกมา แต่ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
……….