บทที่ 947 หลงอีหวนคืน (3)
……….
ผู้คุมกฎใหญ่ล้มลงกับพื้นตายตาไม่หลับ กระทั่งสิ้นลมก็ยังไม่ได้เอ่ยเรียกนามนั้นออกมา
ผู้คุมกฎทั้งแปด ถูกกู้เจียวสังหารจนเหลือผู้คุมกฎรองที่บาดเจ็บสาหัส
เนื่องจากเขาบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจบุกขึ้นหน้าสุดได้ จึงได้รอดมาเป็นคนสุดท้าย
เขาไร้เรี่ยวแรงในการต่อสู้แล้ว เขามองศพของเหล่าพี่น้อง ความสะเทือนใจและความโศกเศร้าไม่อาจมากไปกว่านี้ได้แล้ว จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรไปดูคนไหน
“ผู้คุมกฎสาม…ผู้คุมกฎสาม…”
“ผู้คุมกฎแปด…เจ้าฟื้นสิ…”
“เจ้าสี่…”
“เจ้าห้า…”
“ผู้คุมกฎใหญ่…ผู้คุมกฎใหญ่…ผู้คุมกฎใหญ่!”
น้ำเสียงของเขาเจือสะอื้นระคนหวาดผวาเอาไว้
กู้เจียวลากทวนพู่แดงเปื้อนโลหิตมาหยุดตรงหน้าเขา โลหิตของเจี้ยนหลูอาบย้อมท่วมตัวนาง ไม่มีบริเวณใดที่แห้งสะอาด กลิ่นโลหิตเข้มข้น เรียกให้กลิ่นอายดุร้ายในร่างกายพลุ่งพล่านไม่สิ้นสุด
กู้ฉังชิงกุมหน้าอกเรียกนางไว้ “เจียวเจียว…ไม่ต้องฆ่าแล้ว…”
กู้เจียวไม่ได้ยินแล้ว
ไอสังหารนางพวยพุ่งยกทวนพู่แดงในมือขึ้น
จะว่าช้าก็ช้า จะว่าเร็วก็เร็ว ชายชราอาภรณ์ขาวคนหนึ่งทะยานลงมา เจือไอสังหารรุนแรงเอาไว้ ซัดฝ่ามือใส่กู้เจียว
กู้ฉังชิงทะยานกายโผมารับฝ่ามือนี้แทนกู้เจียว
เขาร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง กระอักโลหิตสดออกมาเต็มพื้น
วรยุทธ์ของคนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป แกร่งกว่าวิญญาณทมิฬมาก!
ผู้คุมกฎรองเห็นหญ้าช่วยชีวิตต้นสุดท้ายเบื้องหน้าราวกับคนจมน้ำ สะอื้นเอ่ยเสียงแหบเสียงแห้ง “นักบุญไป๋หู่!”
นักบุญทั้งสี่แห่งเจี้ยนหลู ได้แก่ ชิงหลง จูเชวี่ย ไป๋หู่ เสวียนอู่
กู้เจียวหันหลังขวับ ทอดมองผู้มาใหม่อย่างเย็นชา
กู้ฉังชิงหันมามองกู้เจียว นางจะสู้ต่อไม่ได้…นางหมดแรงอย่างหนักแล้ว…หากสู้ต่อไป…นางกับเด็กในครรภ์รักษาไว้ไม่ได้แน่…
นักบุญไป๋หู่ยืนอยู่ข้างกายผุ้คุมกฎรอง ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนแค่นเสียงเฮอะอย่างเย็นชา “แม้แต่เด็กสาวคนเดียวก็รับมือไม่ได้ จะมีพวกเจ้าไว้เพื่อการใด!”
ผู้คุมกฎรองก้มหน้าลง
นักบุญไป๋หู่เอ่ยนิ่งๆ “แม่หนู ข้าไม่อยากฆ่าเจ้า ขอแค่เจ้าไปกับข้าแต่โดยดี ข้าจะปล่อยพวกเขาไป”
กู้เจียวแววตาเย็นเยียบเอ่ย “ไปตายซะ”
นักบุญไป๋หู่แค่นเสียงอย่างไม่ยี่หระ “พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง!”
เขาเห็นศักยภาพของกู้เจียวแล้ว เขายอมรับในความแข็งแกร่งของนาง แต่อย่างไรเสียนางก็เพิ่งจะผ่านการต่อสู้มาหยกๆ เสียเรี่ยวเสียแรงไปมหาสาล ซ้ำยิ่งนางหลุดการควบคุม ก็ยิ่งสูญเสียหนัก
นางเหลือแรงอยู่ไม่มากแล้ว
ตนไม่จำเป็นต้องออกกระบี่ ให้นางหมดแรงภายในสองกระบวน นางก็สลบไปเองแล้ว!
นี่คือข้อดีของสามัคคีคือพลัง!
นักบุญไป๋หู่ใช้ข้อได้เปรียบของวิชาตัวเบา ล่อลวงให้กู้เจียวใช้แรงเฮือกสุดท้าย แต่ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ขอบฟ้าดันมีเสียงกัมปนาทดังกึกก้องขึ้น
พลานุภาพอันน่าสะพรึงเฉียดผ่านไหล่เขาไป ความเจ็บปวดแสบร้อนลุกลามขึ้นทั่วทั้งแขนเขา
เขาโปรยตัวลงข้างต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล มองไหล่ที่โดนฟาดบาดเจ็บ ไม่ใช่แผลดาบฟัน แต่เป็นแผลเปิด ดูๆ แล้วเลือดเนื้อเละเทะ น่ากลัวมาก
“จิ๊ นึกไม่ถึงว่าจะแค่ถลอก เสียดาย”
ซ่างกวานชิ่งแบกปืนไฟเดินอาดๆ มาพร้อมกับเสียงจิ๊ปากเยาะเย้ยถากถางสังคม
มาตัวคนเดียวแท้ๆ แต่มาดที่เดินมากลับเหมือนยกมาทั้งกองทัพนับพันนับหมื่น
นี่คงได้มาจากบิดาบังเกิดเกล้า
“หลีกหน่อยได้หรือไม่”
ด้านหลังเขา เซียวเหิงที่โดนบังไว้มิดเอ่ยขึ้นนิ่งๆ
“อ้อ” ซ่างกวานชิ่งหลีกทางให้น้องชายหน้าเหม็นทันที
เซียวเหิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนเร่งฝีเท้าเดินไปหากู้เจียว
ซ่างกวานชิ่งทอดมองกู้เจียวที่ไอสังหารแผ่ซ่านแยกแยะไม่ออกนานแล้วว่าผู้ใดมิตรผู้ใดศัตรู เขาตะโกนเอ่ยกับน้องชายหน้าเหม็นเสียงดัง “เฮ้ย! อันตราย!”
เซียวเหิงมาหยุดข้างกายกู้เจียวโดยไม่ห่วงอันตราย กุมมือนางที่ถือทวนพู่แดงไว้ “เจียวเจียว!”
มือของกู้เจียวกำลังสั่น
นักบุญไป๋หู่แววตาอันตรายหันมองทั้งคู่
ซ่างกวานชิ่งยกปืนไฟขึ้นเล็งเขา “เจ้าอย่าได้ขยับเชียว ไม่เช่นนั้นจะยิงเจ้า!”
เซียวเหิงยกมือลูบหน้านาง “เจียวเจียว…ข้าเอง…อาเหิง…”
ซ่างกวานชิ่งกัดฟันเอ่ย “เจ้ามานี่ก่อน! ยามนี้นางจำผู้ใดไม่ได้ทั้งนั้น! นางจะทำร้ายเจ้าได้นะ!”
เซียวเหิงจ้องลึกเข้าไปแววตานาง โอบกู้เจียวที่สติหลุดโดยสมบูรณ์เข้าสู่อ้อมกอด
ซ่างกวานชิ่งสีหน้าพลันเปลี่ยน “เจ้าเสียสติไปแล้ว!”
กู้เจียวง้างทวนพู่แดงในมือขึ้น หัวศรเป็นประกายเย็นเยียบภายใต้แสงจันทรา สะท้อนเข้าดวงตากระหายเลือดของนาง
ซ่างกวานชิ่งหลุดร้องเสียงดัง “น้องชาย!”
ทวนยาวตกลง ผู้คุมกฎรองแทงด้านหลังเซียวเหิงหมายจะลอบทำร้าย
แรงเฮือกสุดท้ายของกู้เจียวก็หมดแล้วเช่นกัน เบื้องหน้าดับวูบนางล้มลง ทวนพู่แดงกระแทกพื้นหนัก
เซียวเหิงโอบเอวนางไว้ “เจียวเจียว! เจียวเจียว!”
ซ่างกวานชิ่งกวาดตามองกู้เจียวที่หมดสติ และกู้ฉังชิงที่บาดเจ็บสาหัสรวมถึงอันกั๋วกงที่โดนยาสลบ ก่อนลอบอุทานว่าแย่แล้วในใจ พวกเขาสองคนต้องพาสามคนเดินทาง สถาณการณ์ไม่สู้ดีนัก
ที่ย่ำแย่ซ้ำสองกว่านั้นก็คือ นักบุญอีกสามคนก็มาถึงนอกประตูข้างแห่งนี้แล้ว พวกเขาได้ยินเสียงปืนไฟจึงเร่งรุดมา
ทั้งสี่ต่างเป็นยอดฝีมือวิชาตัวเบา กอปรกับการบดบังของรัตติกาล ปืนไฟกระบอกเดียวเดิมทีก็ไม่อาจสังหารพวกเขาตายได้อยู่แล้ว
ซ่างกวานชิ่งกอดปืนไฟอย่างเย็นชา “จบเห่แล้ว ยามนี้จบเห่แน่แล้ว พวกเราได้ตายกันอยู่ที่นี่หมดแน่…”
“ข้าจัดการปืนไฟนั่นเอง” นักบุญไป๋หู่เอ่ย
เสวียนอู่ ชายหนุ่มอายุน้อยที่สุดแต่ได้เป็นถึงนักบุญเอ่ย “เด็กสาวนางนั้นให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
ทั้งคู่ลงมือพร้อมกัน
นักบุญไป๋หู่ใช้วิชาตัวเบาและสถานการณ์ควบคุมปืนไฟของซ่างกวานชิ่งไว้ นักบุญเสวียนอู่แตะปลายเท้าทะยานกายขึ้น ยื่นกรงเล็บปีศาจคว้าไหล่เซียวเหิง หมายจะโยนเขากับกู้เจียวลงหน้าผาไป!
ในขณะนั้นเอง มีปราณกระบี่เย็นเยียบสายหนึ่งเจือพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ ไอสังหารอวบอวลทั่วทั้งยอดเขา นักบุญเสวียนอู่คิ้วกระตุก ไม่ทันได้ลงมือก็โดนปราณกระบี่ฟันแขนเสื้อขาดสะบั้นเสียแล้ว
และแทบจะในขณะเดียวกัน เงาร่างสูงโปร่งแข็งแรงสายหนึ่งก็ทะยานลงมา ถีบยอดอกเขาอย่างจัง!
เขาถูกบีบให้ถอยไปหลายก้าว!
เจ้าของเงาร่างมือถือกระบี่ยาวประกายเย็นเยียบขนนกยูง ยืนขวางหน้าเซียวเหิงกับกู้เจียวไว้อย่างอันธพาลเย็นชา
เหล่านักบุญหันมองเขาอย่างพร้อมเพรียง
นักบุญเสวียนอู่ยกมือเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก ขมวดคิ้วถาม “เจ้าคือ…”
เขาขยับริมฝีปากบางอย่างเย็นชา “หลงอี”