บทที่ 947 หลงอีหวนคืน (1)
……….
กู้ฉังชิงแบกกู้เจียวปีนบนผนังหน้าผาขรุขระอย่างยากลำบาก ลมแรงใต้หน้าผาพัดขึ้นมาซู่ซ่า แทบจะพัดคนปลิว และภายใต้ข้อจำกัดสุดโต่งนี้ กำลังภายในของเขาไม่อาจใช้ได้เลยแม้แต่น้อย จำต้องอาศัยแรงป่าเถื่อนทั้งตัวเพียงอย่างเดียว ค่อยๆ พาน้องสาวปีนขึ้นไป
เพียงไม่นาน มือขวาเขาก็เละเทะ
ทิ้งเลือดเนื้อของเขาติดอยู่บนผนังหน้าผาขรุขระ รอยคราบเลือดจากฝ่ามือชวนตื่นตะลึงสะดุดตาอยู่ท่ามกลางรัตติกาลทมิฬ
พวกเขาตกลงมาลึกมาก ไม่รู้ว่าต้องปีนขึ้นไปนานเท่าใด แต่ตรงนี้ลมแรงและชื้นมาก อุณหภูมิก็ต่ำ กู้ฉังชิงกลัวว่านางจะแข็งตาย จึงเอ่ยกับนาง “เจียวเจียว เจ้าอย่าเพิ่งหลับนะ”
“อื้ม”
กู้เจียวขานรับอย่างสะลึมสะลือ
กู้ฉังชิงถาม “เจ้าง่วงแล้วหรือ”
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ อย่างสะลึมสะลือ “ฮะ อื้อ นิดหน่อย”
ความง่วงที่เกิดขึ้นกะทันหันผิดวิสัยของนาง กู้ฉังชิงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง “เจ้าบาดเจ็บสาหัสใช่หรือไม่”
“ข้าเปล่า” กู้เจียวส่ายหน้า หมู่นี้ชอบง่วงนอน คงเพราะตั้งครรภ์
มือกู้ฉังชิงคว้าหินที่นูนออกมาก้อนหนึ่ง “เช่นนั้นเจ้าหลับเถิด ถึงข้างบนแล้วข้าจะปลุก”
เขาค่อยๆ ถ่ายกำลังภายในให้นาง เพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายนางไว้
จิตใต้สำนึกของคนเรานั้นไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ แรกเริ่มแม้แต่กำลังภายในยังใช้ไม่ได้ แต่ยามนี้ทำได้แล้วมิใช่หรือ
แต่ก็ใช้ได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น ยังต้องอาศัยแรงอันป่าเถื่อนเพื่อปีนป่าย
ร่างกายกู้เจียวสัมผัสได้ถึงความอุ่นอันสบายสายหนึ่ง หัวนางหนักอึ้ง ซบไหล่ของเขา
นางเอ่ยอย่างสะลึมสะลือ “กู้ฉังชิง ข้ามีข่าวดีจะบอกเจ้า”
กู้ฉังชิงฟังเสียงแผ่วเบาคล้ายละเมอของนาง มุมปากหยักยกขึ้น ถาม “ข่าวดีอะไรหรือ”
กู้เจียวหลับตาลง กึ่งหลับกึ่งตื่นเอ่ย “ในท้องข้ามีเจ้าตัวเล็กแล้ว”
กู้ฉังชิงตกใจจนสะดุ้งโหยง ทำอะไรไม่ถูก มือเกือบจะลื่นหลุด แม้แต่หินใต้ฝ่าเท้ายังโดนเขากระทืบร่วงไปสองก้อน!
เขาจับมั่นคงแล้วสองตาก็ถลึงตาโตเป็นระฆังสำริด
เมื่อครู่นี้นางว่าอย่างไรนะ
มีเจ้าตัวเล็กแล้วอย่างนั้นรึ
ขะขะขะ…เขาจะได้เป็นท่านลุงแล้วรึ
…
บริเวณไหล่เขา พวกผู้คุมกฎพากันมาถึง
อันกั๋วกงหมอบอยู่ริมหน้าผาอย่างไร้เรี่ยวแรง ทอดมองเหวลึกที่ไม่เห็นก้นบึ้ง
ผู้คุมกฎรองยืนอยู่ด้านหลังเขาในตำแหน่งด้านในหน่อย ทอดมองไปเบื้องล่างเป็นระยะ
ผู้คุมกฎสามเดินมาหา เขามองศพบนพื้นแวบหนึ่ง ถามผู้คุมกฎรอง “ผู้คุมกฎรอง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ผู้ใดทำร้ายศิษย์เจี้ยนหลูข้า แล้วคนผู้นี้อีก ต้องถูกส่งไปที่ท่าเรือมิใช่หรือ เหตุใดยังอยู่ที่นี่อีก จริงสิ ผู้คุมกฎเจ็ดเล่า”
ผู้คุมกฎรองสีหน้าเคร่งขรึมเอ่ย “ข้าเพิ่งจะมาจากข้างหน้า ผู้คุมกฎเจ็ดตายไปแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ” ผู้คุมกฎสามตกใจยกใหญ่
คนที่เหลือก็พากันตกใจเช่นกัน
ที่นี่ไม่มีคนนอก สายตาของทุกคนต่างตกลงบนร่างอันกั๋วกงที่กำลังโศกเศร้าโดยพร้อมเพรียง
แต่อันกั๋วกงเป็นคนพิการ ไม่นานพวกเขาก็ปัดตกความคิดนี้ไป
ผู้คุมกฎใหญ่ถาม “ผู้คุมกฎรอง มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
ผู้คุมกฎรองถอยเข้าด้านในสองก้าว ยกสองมือไพล่หลัง ทอดถอนใจเอ่ย “เป็นบุตรสาวบุญธรรมของอันกั๋วกง”
ผู้คุมกฎสามตื่นเต้นขึ้นมา สาวเท้าก้าวใหญ่ไปคว้าแขนผู้คุมกฎรองไว้ “นางมาแล้วหรือ คนพวกนี้นางเป็นคนสังหารรึ นางอยู่ที่ใด”
ผู้คุมกฎรองทอดมองหน้าผาด้านข้าง ถอนหยาใจอีกเฮือก “ร่วงลงไปแล้ว”
ทุกคน “…”
ผู้คุมกฎรองเล่า “ตอนนั้นข้าไม่รู้ว่านางเป็นใคร นึกว่าเป็นองครักษ์ลับของอันกั๋วกง จึง… ซัดฝ่ามือใส่นางไป”
มุมของฝ่ามือนั้นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เดิมสามารถเอาชีวิตของกู้เจียวได้ทันที อันกั๋วกงทุ่มสุดชีวิตเข้าปกป้อง แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าไม่ได้ล้มกระแทกพื้นตาย ไม่ได้กระแทกก้อนหินตาย แต่ดันร่วงลงหน้าผาไป…
ผู้คุมกฎใหญ่ขมวดคิ้ว “หากนางตายแล้ว พวกเราก็ไม่ได้หีบนั่นแล้ว…”
ผู้คุมกฎแปดที่เงียบงันไม่พูดไม่จาจู่ๆ ก็ก้าวขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง เอียงหูไปทางหน้าผา “พวกเจ้าฟังสิ! ข้างล่างมีความเคลื่อนไหว!”
ผู้คุมกฎรองนึกทวนความทรงจำเอ่ย “เมื่อครู่มีคนกระโดดลงไป ไม่รู้ว่าจะ…”
ผู้คุมกฎสามนิสัยใจร้อน เอ่ยตัดบทเขา “จะอะไร ช่วยคนสำคัญกว่า! เร็วเข้า! ไปเอาเชือกมา!”
บังเอิญบนพื้นมีเชือกที่เคยใช้มัดอันกั๋วกงอยู่ แต่มันยาวไม่พอ ผู้คุมกฎแปดจึงไปเอาเชือกที่ยาวที่สุดจากด้านหน้ามา แล้วมัดเงื่อนตายโยนลงไป
“ตรงนี้ใช่หรือไม่” ผู้คุมกฎสามถาม
“ไม่แน่ใจ” ผุ้คุมกฎใหญ่ขมวดคิ้ว “ข้างล่างลมแรงเกินไป เสียงโดนกลบมิดหมด แยกแยะทิศทางยาก”
ผู้คุมกฎสามตะโกนใส่เหวลึกไร้ก้นบึ้ง “เฮ้ยยย คนข้างล่างยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ส่งเสียงหน่อย!”
กู้ฉังชิงได้ยินเสียงลอยอยู่เหนือศีรษะ จนใจที่ลมรอบด้านเปลี่ยนทิศ ไม่ได้พัดจากล่างขึ้นบนแล้ว แต่พัดจากบนลงล่างแทน แค่เขาเงยหน้าขึ้น ก็โดนลมกระโชกแรงโกรกจนไม่ได้ยิน
จู่ๆ เสี่ยวจิ่วที่บินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าก็หวีดร้องขึ้น มันโฉบลงด้านล่าง คาบปลายเชือกด้านหนึ่งไว้ ฝ่าลมกระโชกแรงบินไปทางกู้เจียวกับกู้ฉังชิง
ลมโหมพัดปีกมันหัก
มันไม่หยุดพัก
ส่งเชือกให้ถึงมือกู้ฉังชิง
กู้ฉังชิงเงยหน้าทอดมองท้องนภา ก่อนจะกระตุกเชือก
ผู้คุมกฎสามรู้สึกถึงแรงบนเชือก แววตาเป็นประกาย “ขยับแล้ว!”
ไม่ใช่การขยับส่ายไปส่ายมาจากการโดนลมพัด แต่เป็นการกระตุกดึง
มีคนจับไว้แล้ว!
ผู้คุมกฎใหญ่รีบออกคำสั่ง “เร็วเข้า! ดึงคนขึ้นมา!”
ผู้คุมกฎรองกับผู้คุมกฎสามร่วมแรงกัน ผู้คุมกฎสี่ก็มาช่วยอีกแรง ยอดฝีมือใหญ่ทั้งสามดึงเชือกกันด้วยแรงทั้งหมดที่มี
กู้ฉังชิงสัมผัสได้ถึงแรงดึงมหาศาล มือขวาเขากำเชือกไว้ มือซ้ายจับเสี่ยวจิ่วที่หมดแรงร่วงลงมา ขึ้นพรวดไปถึงไหล่เขา!
ทั้งคู่ขึ้นมากันอย่างปลอดภัย กู้ฉังชิงฟุบอยู่บนพื้น กู้เจียวฟุบอยู่บนหลังเขาอย่างมั่นคง
ผู้คุมกฎรองพุ่งมาหาเป็นคนแรก ลองหยั่งเชิงลมหายใจกู้เจียวดู เห็นนางยังมีลมหายใจอยู่ เขาจึงพรูลมหายใจโล่งอก
อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนซัดลงหน้าผาไป หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เขาก็ยากที่จะพ้นผิดได้
ส่วนอีกคนหนึ่ง เขาไม่สนใจว่าจะเป็นหรือตาย
อันกั๋วกงใช้ศอกยันพื้น ขยับไปหาทีละนิด “ฉังชิง พวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง เจียวเจียวเป็นอย่างไรบ้าง”
กู้ฉังชิงผ่อนลมหายเอ่ย “เจียวเจียวไม่เป็นอะไร นางหลับไปแล้ว”
อันกั๋วกงลูบหน้ากับมือของกู้เจียว ใบหน้าเย็นเฉียบ แต่มือกลับร้อน
เจียวเจียวไม่เป็นไร… นางไม่เป็นไร…
อันกั๋วกงวางใจลง ขอบตาแดงขึ้นเล็กน้อยเพราะกู้เจียวรอดพ้นอันตรายมาได้
ทันใดนั้น สายตาเขาก็ตกลงบนสองมือของกู้ฉังชิง เขาใจกระตุก “ฉังชิง!”
“ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ” กู้ฉังชิงเอามือหนีทัน แบกกู้เจียวไว้บนหลังลุกขึ้นยืน
กู้เจียวหลับสลบอยู่บนหลังเขา
ความรู้ความเข้าใจนี้ทำให้เขารู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ
หมายความว่าในใจนาง นางพึ่งพาเขาได้หมดทั้งใจเลย
เขานึกถึงถ้อยคำที่นางพูดกับเขาล่างหน้าผาขึ้นมา แววตาเขาสั่นไหวเล็กน้อย
นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่รู้ว่านางตั้งครรภ์แล้ว
แต่ต่อให้ตั้งครรภ์แล้ว นางก็ยังปกป้องคนข้างกายโดยไม่กลัวอันตรายใดๆ อยู่ดี
เขาหันหน้าไปเล็กน้อย กระซิบเอ่ยกับนางที่หลับสนิท “พี่ชายจะพาเจ้าลงเขา”
……….