บทที่ 943 ความลับของกล่องยา (1)
……….
สาวใช้สวมผ้าปิดหน้าหยิบกล่องยาใบน้อย เดินจ้ำออกจากเรือนหลันถิง นางออกจากจวนองค์หญิง ตรงไปยังประตูด้านข้างของจวนเซวียนผิงโหว ดูเหมือนว่าตั้งใจหลบหนีโดยการกระโดดข้ามกำแพงออกไปจากจุดนี้
จวนโหวคุ้มกันอย่างแน่นหนา มีทหารเวรยามติดอาวุธคอยลาดตระเวนอยู่ตลอด วิชาตัวเบาของสาวใช้นั้นเหนือชั้น จึงหลบหนีได้สำเร็จอยู่ร่ำไป
ในที่สุดสาวใช้ก็มาถึงกำแพง
เซวียนผิงโหว ขุนนางบู๊อันดับหนึ่งแห่งแคว้นเจา กำแพงจวนจึงสูงกว่ากำแพงบ้านเรือนของชาวบ้านทั่วไป แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับสาวใช้
สาวใช้ถือกล่องยาใบน้อย ทะยานตัวขึ้นอย่างง่ายดาย ปลายเท้าสัมผัสยอดกำแพง ก่อนจะกระโดดข้ามออกจากจวนไป
ทว่าทันทีนางร่อนตัวลงพื้นก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น
ตาข่ายขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า ครอบสาวใช้ทั้งศีรษะและใบหน้า
นับว่าสาวใช้ตอบโต้ได้เร็ว นางรีบดึงกริชออกมาจากเอวในทันใด ตัดตาข่ายด้วยมีดเดียว ทว่าขณะเดียวกันนั้นเอง หอกยาวก็พุ่งเข้าจ่อลำคอของนางรอบทิศ
ก็แค่พวกองครักษ์ สาวใช้ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ทว่าวินาทีต่อมาสาวใช้ก็ไม่กล้าชะล่าใจอีกต่อไป
เพราะรอบนอกมีมือธนูนับร้อยนายกำลังง้างสายขึ้นคันธนู เล็งลูกศรเย็นเยียบเฉียงมาที่นาง
ปัญหามิใช่เรื่องสู้ต่อตัวหรือหมาหมู่ ทว่านี่คือกลศึกปิดล้อม ไม่มียอดฝีมือคนไหนหนีรอดพ้นไปได้ง่ายๆ แน่นอน
มือข้างหนึ่งของสาวใช้ถือกริช อีกข้างหนึ่งกำกล่องยาเอาไว้ แววตาเย็นยะเยือก ขณะที่กำลังคิดว่าจะรับมืออย่างไร ด้านหลังของเหล่ามือธนู ก็มีองครักษ์ลับสิบกว่านายชูคบเพลิงขึ้น ล้อมรอบชายในชุดคลุมยาวสีขาวจันทร์นวลที่ก้าวเดินเข้ามา
เหล่ามือธนูแหวกทางเดินให้เขา เมื่อชายผู้นั้นผ่านวงล้อมเขามาถึงได้รีบจัดระเบียบแถวดังเดิม
แสงเพลิงสะท้อนดวงหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น สาวใช้จำเขาได้ นัยน์ตาสะท้านอย่างรุนแรง
เซิงเหลิงหยุดฝีเท้าลงห่างจากสาวใช้ราวสิบก้าว มองนางด้วยสายตาเย็นชาย เอ่ยเสียงไม่แยแส “ไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ”
“เจ้า…”
สาวใช้กำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับยั้งไว้
เซียวเหิงยิ้มบาง “มิต้องเสแสร้งหรอก ข้าจำท่านได้ตั้งแต่แรกแล้ว ผู้อาวุโสหลี”
เมื่อคำว่าผู้อาวุโสหลีโพล่งออกมา สาวใช้ก็สั่นไปทั้งร่าง ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองตามสัญชาตญาณ
เซียวเหิงเอ่ยเสียงเรียบ “หน้ากากมนุษย์ไม่ได้หลุดหรอก”
สาวใช้ลูบหน้าอก (ที่ชี้ไปคนละทิศละทาง)
เซียวเหิงเอ่ย “ไม่ได้หลุดเหมือนกัน”
เหลือแค่ล้วงเข้าไปในกางเกงแล้ว
เซียวเหิงหน้าบึ้งตึง “หยุดนะ!”
สาวใช้… ไม่สิ หากจะพูดให้ถูกก็คือหลีเจียงผิง
เขาขมวดคิ้วมุ่น มองไปที่เซียวเหิงด้วยความตกใจอย่างไม่ปกปิด สีหน้าของเซียวเหิงสงบนิ่ง ไม่มีแม้แต่ความสงสัย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้ตัวตนที่แท้จริงเขาแล้ว
ต่อให้ปฏิเสธอย่างไรก็ไร้ความหมาย
เขาเอ่ยเสียงขุ่น “เจ้าเดาถูกได้อย่างไร”
เซียวเหิงตอบเสียงเย็น “ง่ายยิ่งนัก ท่านเผยพิรุธตั้งแต่ต้นแล้ว”
หลีเจียงผิงขมวดคิ้ว “ข้าไม่เข้าใจ”
เซียวเหิงยกมือชี้ องครักษ์ที่ติดตามล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากอกก่อนจะคลี่ออกแล้วยื่นให้เซียวเหิง
เซียวเหิงหยิบตะปูเหล็กที่มีคราบเลือดแห้งเกรอะกรังขึ้นมาพลางเอ่ย “เพราะตอนขนของหมั้น ท่านไม่ทันระวังจึงถูกตะปูแทงทะลุมือเข้า ทว่าท่านจำต้องสวมบทบาทให้ตลอดรอดฝั่ง จึงต้องตอกตะปูลงกล่องไป เพียงแต่ปัญหาได้เกิดขึ้น ของหมั้นเหล่านั้นเป็นของมีราคา เพื่อป้องกันความชื้น พวกท่านจึงเลือกที่จะไม่ส่งทางน้ำ วิธีการนี้ได้ผลดั่งคาด ตะปูตัวอื่นล้วนแต่แห้งสนิทสภาพสมบูรณ์ แต่ดันมีตัวหนึ่งที่ขึ้นสนิม แถมรูของมันยังใหม่อีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งตอกลงไป หรือท่านจะบอกว่า ท่านก็แค่ตอกตะปูเพิ่ม แต่ข้าคิดว่าคงไม่มีผู้ใดตอกตะปูที่เป็นสนิมหรอกกะมัง”
หลีเจียงผิงคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะพลาดท่าแบบนี้
ไม่สิ นี่ไม่เรียกว่าพลาดท่า
แผนการนั้นสมบูรณ์แบบ แต่เจ้าหนุ่มนี่วิตถารเกินไป ความคิดละเอียดรอบคอบ แม้แต่เบาะแสเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาเขาไปได้
หลีเจียงผิงกัดฟัน “เพียงเพราะตะปูตัวเดียวหรือ”
“ไม่เพียงเท่านั้น” เซียวเหิงเอ่ย “ตอนที่ฉังจิ่งกำชับท่านว่าอย่าบอกผู้ใดถึงทักษะการแพทย์ของกู้เจียว ท่านจำได้หรือไม่ว่าตัวเองพูดว่าอะไร”
“คนไม่ผิด ผิดที่ครองหยก ข้ารู้แล้ว วางใจเถอะ”
ภาพในตอนนั้นผุดขึ้นมาในหัว หลีเจียงผิงไม่รู้ว่าตัวเองเผยพิรุธตรงไหน “ประโยคนั้นทำไมรึ”
เซียวเหิงเอ่ยเสียงเรียบ “ท่างเองคงไม่ได้ระวัง ท่านอาศัยตอนจังหวะปาดเหงื่อชำเลืองมองกล่องยาก่อนที่ท่านเอ่ยประโยคนั้น ข้าจึงมั่นใจว่า ท่านนั้นมีแผนร้ายอยู่ในใจ ครั้นครองหยกติดตัวจึงมีโทษที่ท่านเอ่ยถึง หยกนั้นคือกล่องยาของภรรยาข้า ท่านจงใจเจ็บตัว เพื่อต้องการสำรวจกล่องยาในมือภรรยาข้า”
เจ้าหนุ่มนี่เป็นผู้พิพากษาหรืออย่างไร ตาดีเสียจริง
เดิมทีหลีเจียงผิงคิดจะถูไถเอาตัวรอดไป แต่ยามนี้ดูแล้วคงเป็นไปไม่ได้
เริ่มต้นก็ล่มไม่เป็นท่าแล้ว นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาถูกจับได้เร็วที่สุด
ซวยแท้ๆ !
ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าหนุ่มที่ไม่วรยุทธ์เลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทั้งสายตาทั้งท่าทางของเขานั้นเพียงพอที่จะทำให้คนรู้สึกขนลุกชูชันไปทั้งตัว
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หลีเจียงผิงแข็งทื่อไปทั้งตัว เพราะมีเวลาให้เขาตั้งตัวเพียงน้อยนิด เขาทำได้เพียงตัดสินใจโดยอาศัยประสบการณ์การต่อสู้ พุ่งตัวเข้าใส่เซียวเหิงที่ไม่มีวรยุทธ์เพียงคนเดียวในที่นั้นโดยไม่ลังเล
การปรากฏตัวของเซียวเหิง ช่วยบังสายตาของมือธนูพอดิบพอดี ขอแค่เขาเร็วมากพอก็จะสามารถจับเซียวเหิงเป็นตัวประกัน บีบบังคับให้อีกฝ่ายปล่อยตัวเขาไป
ส่วนองครักษ์ลับข้างกายเซียวเหิงน่ะหรือ ฝีมือกระจอกงอกง่อย ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่แล้ว
หลีเจียงผิงคือยอดฝีมือจากเกาะอั้นเย่ ฝีมือของเขาไร้เทียมทานในยุทธภพ
เขาใช้กำลังภายในระเบิดเหล่าองครักษ์จนกระจุยกระจาย มือของเขาพุ่งเข้ากระชากลำคอของเซียวเหิง
ทว่าขณะที่กำลังจะคว้านั้น ใครคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าอยู่บนต้นไม้สูงใหญ่มานานเท่าใดก็กระตุกยิ้มมุมปาก สายตาเล็งเป้ามาที่เขา ก่อนจะลั่นไกปืน!
เมื่อได้ยินเสียงระเบิด ร่างทั้งร่างของหลีเจียงผิงก็ลอยกระเด็น
เขากระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลังอย่างรุนแรง นอนหมอบอย่างอเนจอนาถอยู่บนพื้น
“เหอะ”
ซ่างกวานชิ่งบนต้นไม้ขมวดคิ้ว ราวกับกำลังตำหนิปืนของตัวเอง
กระสุนนัดเมื่อครู่ยิงโดนกล่องยาใบน้อยในอ้อมแขนหลีเจียงผิง แม้จะยิงไม่โดนตัวเขาแต่ก็สะเทือนไม่น้อย
เขากระอักเลือดออกมา
ในตอนนั้นหมั่วโถวที่อยู่ในเสื้อก็ร่วงออกมาจริงๆ
ซ่างกวานชิ่งแสลงตาจนแทบทนไม่ไหว
เสี่ยวจิ้งคงแสลงตาเขายังพอทน แต่เจ้านี่ไม่ไหวจริงๆ
เขาขึ้นลำปืนอย่างมุ่งมั่น
นั่นเป็นปืนไฟที่ดัดแปลงขึ้นใหม่ ความแม่นยำและความเร็วสูงขึ้น ในขณะเดียวกันแรงดีดก็รุนแรงขึ้นไม่น้อย เขาจึงยังไม่ค่อยคุ้นชินนัก
“คืนนี้จะซ้อมกับเจ้าก็แล้วกัน”
เขาเล็งไปที่ศีรษะของหลีเจียงผิง
ในขณะนั้นเอง สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไป ไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวจากกระบี่สายหนึ่งพลันปกคลุมลงมา องครักษ์ของเซียวผิงโหวพากันถอยกรู ตามมาด้วยมือกระบี่ชุดเทาที่โรยตัวลงมา คว้าร่างของหลีเจียงผิงบนพื้นก่อนจะทะยานตัวหนีไปอย่างรวดเร็ว
วิชาตัวเบาของคนผู้นั้นน่าจะเหนือกว่ากู้เฉิงเฟิงด้วยซ้ำ เพียงพริบตาเดียวก็พาหลีเจียงผิงอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซ่างกวานชิ่งกอดปืนไฟกระบอกใหม่แล้วกระโดดลงจากต้นไม้ เขามองบริเวณที่หลีเจียงผิงล้มลงก่อนจะหันไปมองเซียวเหิง “มิตามไปหรือ”
เซียวเหิงมองไปยังทิศที่ทั้งสองคนจากไปก่อนจะเอ่ย “มิจำเป็นหรอก”
ซ่างกวานชิ่งพาดกระบอกปืนไฟขึ้นบ่าของตัวเอง “แต่พวกเขาเอากล่องของเจียวเจียวไปนะ”
เจ้าหลีเจียงผิงนั้นมือไวเสียจริง ตอนหนีไปยังไม่ลืมจะคว้ากล่องยาไปอีก
“ไม่เป็นไร” เซียวเหิงเอ่ย
ซ่างกวานชิ่งเอ่ย “ไม่เป็นไรได้อย่างไร กล่องนั่นเป็นของดีเชียวนะ เมื่อครู่ข้ายิงโดนไปนัดหนึ่ง แต่กลับไม่บุบเลยสักนิด”
เซียวเหิงกลับไม่ประหลาดใจเลยสักนิด
เจียวเจียวเคยบอกว่า กล่องยาน้อยไม่ใช่ของจากโลกของพวกเขา และกล่องยานี้อาจไม่ใช่รูปที่จริงของสิ่งนั้นก็ได้
เพียงแต่ในมิตินี้ของพวกเขา เจ้ากล่องนั่นสามารถปรากฎร่างในรูปนี้เท่านั้น
ซ่างกวานชิ่งฮึดฮัด “ไม่เป็นไรจริงรึ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอเจ้ากล่องนั่นต้องโมโหแน่นอน ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะง้อน้องสะใภ้อย่างไร”
เซียวเหิงหัวเราะ ไม่ต่อหัวข้อสนทนาแต่ถามกลับ “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ไม่ได้บาดเจ็บใช่หรือไม่”
แรงต้านของปืนไฟกระบอกใหม่รุนแรงมาก
ซ่างกวานชิ่งลูบกล้ามอกน้อยของตนเอง “ชานิดหน่อย พอทนไหว ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับหลีเจียงผิง เหตุใดเขาต้องขโมยกล่องยาของเจียวเจียวด้วย ใครสั่งการเขา เกาะอั้นเย่หรือ”
เซียวเหิงส่ายหน้า “มิใช่อั้นเย่ แต่เป็นเจี้ยนหลู”
“เจี้ยนหลูมิได้ล่มสลายไปแล้วหรือ” ซ่างกวานชิ่งรู้เรื่องที่พวกฉังจิ่งบุกเกาะเจี้ยนหลูเพื่อแก้แค้นจากปากของพ่อเขา
เซียวเหิงราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง “มานึกดูตอนนี้ เจี้ยนหลูคงกำลังใช้กลยุทธ์จั๊กจั่นลอกคราบ”