สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 892 คนโปรดของกลุ่ม

บทที่ 892 คนโปรดของกลุ่ม

บทที่ 892 คนโปรดของกลุ่ม

……….

สภาพอากาศที่ชายแดนในช่วงเดือนสิบเอ็ดหิมะตกติดกันสามวัน

ประตูตามบ้านช่องของราษฎรเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง ถนนหนทางก็เช่นกัน ลำบากในการสัญจร เหล่าทหารเฮยเฟิงจึงต้องอาสาไปช่วยกันกวาดหิมะ

“ดีนะที่ชิ่งเอ๋อร์กับอาเหิงออกไปกันก่อน ไม่อย่างนั้นคงติดหิมะไปไหนไม่ได้เลยทีนี้”

ที่เมืองผู่ก็เจอกับหิมะตกเช่นกัน

ซ่างกวานเยี่ยนพึมพำขณะเหม่อมองไปทางถนนหลวง

หวนเอ๋อร์หยิบผ้าผืนหนาคลุมให้นาง พร้อมกับถาม “องค์หญิงกลับไปพักผ่อนก่อนดีไหมเจ้าคะ ตอนนี้ฟ้าก็ยังไม่สางดี”

ซ่างกวานเยี่ยนขยับผ้าคลุมให้กระชับแล้วส่ายศีรษะ “ไม่ ข้านอนไม่หลับ”

หวนเอ๋อร์เอ่ยต่อขณะที่มือกำลังผูกเสื้อให้อีกฝ่าย “องค์ชายทั้งสองมีพระคุ้มครอง จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนเจ้าค่ะ”

ซ่างกวานเยี่ยนพยักหน้า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

“ท่านโหว… ท่าน…ออกไปตั้งเกือบยี่สิบวันแล้ว ไม่รู้ว่าตามหายาถอนพิษเจอหรือไม่” หวนเอ๋อร์เอ่ยพลางถอนหายใจ

เมื่อครึ่งเดือนก่อน เซวียนผิงโหวและฉังจิ่งมุ่งหน้าไปยังด่านเทียนซานที่อยู่ทิศเหนือ เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณชายแดนเหนือของแคว้นเยียน หากพ้นกำแพงรั้วเหล็กไปก็เท่ากับพ้นเขตของแคว้นเยี่ยน

“จอดรถม้าไว้ที่นี่ดีกว่า” ฉังจิ่งเอ่ย “ทางข้ามเขาด้านหน้าเป็นทางน้ำแข็ง ม้าศึกไม่สามารถเดินบนน้ำแข็งได้ และไม่มีอาหารสำหรับพวกมัน แต่ถ้าท่านอยากใช้มันเป็นอาหารก็พามันไปด้วยได้”

เซวียนผิงโหวเหลือบมองร่างที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ของเฮยเฟิง พลางคิดในใจว่าถ้าวันนี้เขาจับมันเป็นอาหาร วันข้างหน้าตัวเขาเองนี่ละจะได้กลายเป็นอาหารของลูกสะใภ้เขาแน่ๆ

พวกเขาจึงตัดสินใจฝากม้าไว้กับทหารชายแดนคอยดูแล จากนั้นจึงออกเดินทางข้ามเขาโดยมีฉังจิ่งเป็นผู้นำทาง และในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงทุ่งน้ำแข็งอันสุดลูกหูลูกตา

เย่ชิงผู้ซึ่งเติบโตในเมือง ไม่เคยเห็นทุ่งน้ำแข็งอันกว้างใหญ่เช่นนี้มาก่อน จู่ๆ เขาก็รู้สึกตัวเล็กลงทันที

นี่ก็เป็นครั้งแรกของเซวียนผิงโหวเช่นกันที่เดินทางมาจนสุดทิศเหนือและได้มาเห็นทุ่งน้ำแข็งของที่นี่ เขาหันไปถามฉังจิ่ง “นี่เจ้าจะให้พวกเราเดินเท้ารึ”

“แน่นอนว่าไม่ใช่” ฉังจิ่งเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เซวียนผิงโหวทำหน้ายิ้มหยอกพร้อมกับทักไป “เจ้ายังจะมาทำตัวหยิ่งต่อหน้าข้าอีกรึ”

ฉังจิ่งไม่เอ่ยอะไร ก่อนจะเดินออกไป

“หรือว่าเขากำลังโกรธอยู่” เย่ชิงถาม

“ไม่หรอก” เซวียนผิงโหวตอบลอยๆ

พวกเขาไม่รู้ว่าฉังจิ่งหายไปไหน เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ฉังจิ่งก็กลับมาพร้อมกับอะไรบางอย่าง…

เย่ชิงย่นคิ้วทันที “เอ๋ นั่นมันอะไรน่ะ แถมยังมีตัวอะไรลากมาด้วย…นั่น หมาป่ารึ”

ฉังจิ่งดึงคันหยุด จากนั้นลงจากรถพร้อมกับเอ่ยแนะนำ “พวกมันคือหมาป่าเมืองหนาว งานของพวกมันคือลากรถเลื่อนหิมะนี้”

เย่ชิงตะลึงกับสิ่งที่เห็น “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นรถที่ไม่มีล้อ”

ถ้าเป็นกู้เจียว คงจะสังเกตได้ว่ารถเลื่อนหิมะประเภทนี้คล้ายกันกับรถเลื่อนหิมะยุคปัจจุบันของนาง แม้มันไม่เหมือนกันทุกประการ แต่ด้านล่างตัวรถถูกเคลือบด้วยขี้ผึ้งซึ่งทำให้สะดวกสำหรับการร่อนบนหิมะและน้ำแข็ง

“นี่เป็นรถเลื่อนที่เกาะอั้นเย่ของพวกเรานำมาซ่อนไว้แถวนี้” ฉังจิ่งเอ่ย

ที่บอกว่าคนบนเกาะอั้นเย่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับแคว้นทั้งหกเป็นเพียงแค่ในแง่การเมือง ในความเป็นจริงคนบนเกาะจำเป็นที่จะต้องออกมาจับจ่ายซื้อของรวมถึงปฏิบัติภารกิจตามคำสั่ง

พวกเขาทั้งสามจึงขึ้นรถเลื่อนที่มีหมาป่ายี่สิบตัวจูงลาก โดยฉังจิ่งอยู่หน้าสุด เซวียนผิงโหวนั่งตรงกลาง ส่วนเย่ชิงซ้อนท้าย

“จับให้แน่นล่ะ จะออกเดินทางแล้ว” ฉังจิ่งเอ่ยเตือนพร้อมกับดึงสายบังเหียน

เย่ชิงเอ่ยตอบเบาๆ “อ้อ”

ทว่าวินาทีต่อมา เขาก็สัมผัสได้ถึงลมหนาวที่ปะทะเข้าใบหน้าเขาอย่างจัง!

รถเลื่อนเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วจนคนนั่งไม่ทันได้ตั้งตัว

แม้แต่เซวียนผิงโหวเองก็สัมผัสได้ถึงความสนุกและเร้าใจของของเล่นชิ้นใหม่นี้

“ให้ตายเถอะ!”

ตื่นเต้นกว่าตอนถูกหลงอีฉุดขึ้นฟ้าเสียอีก

ส่วนฉังจิ่งผู้ซึ่งคุ้นเคยกับรถเลื่อนตั้งแต่เด็ก สีหน้าของเขาจึงเรียบเฉย เขาควบรถเลื่อนไปตามทางบนทุ่งหิมะอย่างไร้กังวล

และเขาก็ไม่ลืมที่จะเตือนสองคนข้างหลัง “อย่าลืมหลับตาล่ะ มองหิมะนานๆ ระวังจะแสบตาเอา”

เย่ชิงเริ่มจะไม่ไหวแล้ว

แน่ใจนะว่ารถคันนี้เป็นรถเลื่อน ไม่ใช่รถบิน

เขาจะมีชีวิตรอดกลับไปได้ไหมนะ…

เพื่อที่จะข้ามทุ่งน้ำแข็งก่อนที่พายุหิมะจะมาถึง ฉังจิ่งต้องรีบทำความเร็วให้ทัน ทว่าเขาต้องให้เจ้าหมาป่าพักผ่อน และระหว่างนั้นเอง ฉังจิ่งและเย่ชิงก็ออกไปล่าสัตว์ในบริเวณใกล้เคียง

พอตกกลางคืน พวกเขาก็หาที่ทางตั้งค่ายชั่วคราวเพื่อพักผ่อน

แม้สภาพอากาศที่ทุ่งหิมะจะเย็นเยือกแค่ไหน แต่โชคยังดีที่พวกเขาล้วนมีวรยุทธ์ พละกำลังของพวกเขาจึงต่างจากคนทั่วไป จึงสามารถรับมือกับความหนาวเหน็บได้

พวกเขาต้องวนใช้ชีวิตอยู่แบบนี้เป็นเวลาเจ็ดวัน

และเมื่อเดินทางมาถึงวันที่เจ็ดช่วงกลางคืน พวกเขาก็ได้เจอกับเกาะที่อยู่บนธารน้ำแข็งสีฟ้า

“ดีนะที่เป็นน้ำแข็งแล้ว” ฉังจิ่งเอ่ยกับอีกสองคนข้างหลัง “ไม่อย่างนั้นคงต้องว่ายข้ามไป”

“ไม่มีเรือรึ” เย่ชิงสงสัย

ฉังจิ่งจึงตอบ “เรือทุกลำที่อยู่ละแวกนี้ถูกเก็บไปหมดแล้วตั้งแต่เดือนสิบ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนบนเกาะเดินทางในช่วงฤดูหนาว”

แล้วพวกเขาก็นั่งรถเลื่อนมุ่งไปตามทางธารน้ำแข็ง

ดูเหมือนว่าธารน้ำแข็งที่นี่เพิ่งจะแข็งได้ไม่นาน ทำให้บางจุดมีความหนาไม่เพียงพอ เมื่อรถเคลื่อนบนหิมะผ่านไป ก็เริ่มเกิดรอยแตกเป็นแนวคดเคี้ยวทันที

เซวียนผิงโหวจำได้ว่าระหว่างทางมาที่นี่มีทะเลสาบหลายแห่ง และเขาสงสัยว่ามันจะแข็งตัวหรือเปล่าเมื่อพวกเขากลับไป

ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะได้ใช้รถเลื่อนเดินทางกลับไปได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินอ้อม

ทหารยามกว่าสิบคนบนเกาะรีบออกมาต้อนรับอย่างตื่นตัวพร้อมกับชักคันธนูชี้ไปที่พวกเขา

คนที่เป็นหัวหน้าตะโกนขึ้น “ผู้ใดกัน บังอาจบุกรุกเกาะอั้นเย่!”

เย่ชิงรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่รุนแรง ทหารเหล่านี้ไม่ใช่ทหารธรรมดาๆ รัศมีของแต่ละคนมีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

ฉังจิ่งถอดหมวกออก เงยหน้ามองอีกฝ่าย พร้อมกับเอ่ย “ข้าเอง ลุงหลิง”

“เสี่ยวจิ่งรึ” ชายวัยกลางคนที่ฉังจิ่งเรียกเขาว่าลุงหลิงก็ทำท่าตกใจ เก็บคันธนูลง พร้อมกับจ้องมาที่ฉังจิ่งเต็มลูกตา “ไอ้หยา ใช่เสี่ยวจิ่งจริงๆ ด้วย! ในที่สุดเสี่ยวจิ่งก็กลับมาแล้ว! เจ้าออกนอกเกาะไปนานหลายปี ทำเอาท่านเจ้าสำนักร้อนรนน่าดู! ข้าจะรีบให้คนไปรายงานบิดาเจ้าให้! ถ้าเขารู้ว่าเจ้ากลับมาแล้ว ต้องดีใจมากแน่ๆ !”

ฉังจิ่งลดสายตาลงและถอนหายใจ

ทว่าไม่ต้องรอแจ้งข่าว เจ้าสำนักอั้นเย่พลันปรากฏตัวถึงที่

ฉังคุนร่อนลงพื้นอย่างสง่างามราวกับมังกรฟ้าขณะที่พวกเขาสามคนเพิ่งจะก้าวเท้าเหยียบบนเกาะ!

ฉังจิ่งเป็นลูกชายคนโตของฉังคุน แม้ฉังคุนจะมีอายุมากกว่าจี้จิ่วอาวุโสและมีผมขาวทั้งศีรษะ แต่เขามีรูปร่างที่กำยำและมีพลังภายในที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้

ฉังคุนหันหน้าไปทางลูกชายคนโตที่อายุใกล้ครบสิบแปดปีพร้อมกับกำหมัดของเขาอย่างดุเดือด

เย่ชิงกระซิบกับเซวียนผิงโหว “พ่อของเขาดูโกรธมากเลยนะ ลูกชายไม่กลับบ้านมาสามปี ท่านว่าพ่อของเขาจะหักขาเขาไหม”

แน่นอนว่าฉังคุนโกรธจัด รังสีอำมหิตของเขามากพอที่จะทำลายล้างสรรพสิ่ง

และในตอนที่เย่ชิงคิดว่าฉังจิ่งกำลังจะถูกพ่อของเขาฟาดอย่างหนัก กลับกลายเป็นว่าฉังคุนวิ่งเข้าไปกอดลูกชายไว้ในอ้อมอกทันที

“ดวงใจของพ่อ! ในที่สุด เจ้าก็กลับมาแล้ว! หายไปไหนมาตั้งหลายปี! พ่อตามหาเจ้าตั้งนาน! นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอลูกเสียแล้ว!”

ฉังคุนตื้นตันจนปล่อยโฮ

เย่ชิง “…”

หลังจากฉากพ่อลูกพบกันจบลง ก็มีสตรีร่างบางอีกเจ็ดนางที่จู่ๆ โผล่เข้ามากลางวง

คนเหล่านี้ล้วนมีวรยุทธ์ชั้นสูง คนที่อาวุโสสุดอายุราวเกือบสี่สิบปี ส่วนคนที่อายุน้อยที่สุดอยู่ราวๆ ยี่สิบ ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางมีใบหน้าที่งดงามมาก

แม่นางทั้งเจ็ดรุมล้อมทั้งคนพ่อและลูกชาย ก่อนจะพากันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อเช็ดน้ำตา

“น้องรัก เจ้าหายไปไหนมา พี่ใหญ่คิดถึงเจ้า…”

“พี่รองก็คิดถึงเจ้าใจจะขาด…”

“พี่สามไปเก็บกวาดห้องเจ้าทุกวันเลย ไม่เคยเห็นเจ้ากลับมาเลยสักครั้ง…”

“น้องรักดูสิ พี่สี่ผอมลงแค่ไหน…” พี่สาวคนที่สี่ของเขาร้องไห้จนสะอึก

เย่ชิงกระตุกมุมปากเบาๆ

แม่หญิงทั้งเจ็ดคนนี้…เป็นพี่สาวของฉังจิ่งหมดเลยรึ

หลังจากที่ถูกฉังคุนกอด ก็ต่อด้วยรับกอดจากพี่สาวทั้งเจ็ดคน พวกนางร้องไห้หนักกว่าฉังคุนเสียอีก สภาพของฉังคุนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกันกับตุ๊กตาที่ถูกฉุดดึงไปมา

มารดาของฉังจิ่งเสียชีวิตหลังจากให้กำเนิดเขาไม่นาน แม้ว่าเขาไม่มีมารดา แต่เขาก็ยังมีพี่สาวอีกเจ็ดคนที่ล้วนไม่ธรรมดา

“บอกพี่ใหญ่มานะ ใครบังอาจมาลักพาตัวเจ้าออกไป! เจ้าถึงไม่กลับมาเยี่ยมพวกเราเลย!”

คนที่เป็นพี่สาวคนโตสุดไม่เชื่อว่าน้องชายของตัวเองจะดำรงชีวิตอยู่นอกเกาะคนเดียวได้นานถึงสามปี

เซวียนผิงโหวได้ยินดังนั้นก็แทบใจหล่นวูบ อะไรกัน เดาเก่งขนาดนี้เชียว

ฉังจิ่งหันกลับมามองหน้าเซวียนผิงโหว

คนที่เหลือจึงหันไปมองเซวียนผิงโหวอย่างพร้อมเพรียง!

เซวียนผิงโหวทำได้แค่ถอนหายใจพร้อมกับอธิบาย “ท่านเซียนทั้งหลาย พวกท่านเดาถูกแล้ว ฉังจิ่งถูกคนลักพาตัวไปจริงๆ ข้าคือคนที่ช่วยชีวิตเขา ข้าเป็นห่วงว่าคนพวกนั้นจะตามมาราวีฉังจิ่งอีก ก็เลยตัดสินใจพาเขากลับมาส่งถึงที่ด้วยตัวข้าเอง”

“เขาเรียกพวกเราว่าท่านเซียนด้วยล่ะ”

“ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนจริงใจ”

“ใช่แล้ว!”

เย่ชิงถึงกับอ้าปากค้าง เรื่องความหน้าด้านต้องยกให้เขาผู้นี้เลย

ส่วนฉังจิ่งเบ้ปากเลิกคิ้ว

เซวียนผิงโหว เดี๋ยวข้าเอาลูกแก้วให้หนึ่งกล่อง

ฉังจิ่ง ไม่ได้ ข้าต้องการสองกล่อง แบบแก้วกับแบบเหล็กเคลือบอย่างละกล่อง

เซวียนผิงโหวนั่นมันแพงมากเลยนะ! อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าเจ้า เพิ่ง จะ ซื้อ มา ใหม่ รึ!

ฉังจิ่งจึงรีบหันไปหาฉังคุน “ท่านพ่อ…”

เซวียนผิงโหวกำหมัดจนเจ็บพร้อมกับทำหน้าหวานนอกขมใน

ตก ลง!

“ใช่แล้ว เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ล่ะ” ฉังจิ่งเอ่ยยืนยันพร้อมกับหันไปทางบิดาและพี่สาวทั้งเจ็ด

“ใครหน้าไหนกล้าลักพาตัวลูกชายข้า” ฉังคุนทำหน้าขรึม

ฉังจิ่งหันไปยักคิ้วกับเซวียนผิงโหวอีกครั้ง ข้าขอห้ากล่อง แล้วข้าจะบอกพวกเขาว่าเป็นฝีมือพวกเจี้ยนหลู

เซวียนผิงโหวผู้ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะถูกลูกน้องตัวเองเล่นงาน “…!”

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset