สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 886 พี่น้องปะทะกัน

บทที่ 886 พี่น้องปะทะกัน

บทที่ 886 พี่น้องปะทะกัน

……….

ก่อนที่เซียวเหิงจะมาแม้จะไม่ได้บอกผู้ใด แต่พอเช้าตรู่เขาก็เข้าเมืองมาในฐานะพระนัดดา แม่ทัพใหญ่เซวียนหยวนฉีนั่งบัญชาการในจวนเจ้าเมือง ข่าวที่พระนัดดาเสด็จย่อมส่งไปทางนั้นทันที

ซ่างกวานชิ่งเดิมทีก็กำลังพักรักษาตัวที่จวนเจ้าเมือง หลายวันมานี้กะปลกกะเปลี้ย ได้ยินว่าน้องชายหนอนหนังสือมาหา พลันกลับมาสุขภาพแข็งแรง พาน้องชายมาโอ้อวดแสนยานุภาพ

ยามนี้ฟ้าสว่างมากแล้ว ภายในกระโจมมีแสงประกายที่สะท้อนจากพื้นหิมะระยิบระยับ แสงจางทออ่อนขึ้นบนขอบฟ้า แสงไฟปรากฏขึ้นยามถ่านเผาไหม้

แต่ไม่นับว่าสว่างจ้านัก ทว่าเมื่อผสมผสานเข้าด้วยกันแล้ว มากพอที่จะสร้างเค้าโครงชัดเจนของแต่ละคนออกมาพอดี

สองพี่น้องนั่งพบปะกันท่ามกลางทัศนียภาพเช่นนี้

ภาพในหัวเซียวเหิงแตกละเอียด มือที่กำลังปอกส้มให้กู้เจียวก็ชะงักงักลง ตกใจจนพูดไม่ออก

ซ่างกวานชิ่งพออกพอใจกับปฏิกิริยานิ่งงันเป็นไก่ไม้ของเซียวเหิงมาก การปรากฏตัวของตนน่าตื่นตะลึงดังคาด ทำเอาเจ้าเด็กนี่ตกตะลึงไปเลย!

ซ่างกวานชิ่งโบกมือ บ่งบอกให้เหล่าทหารผีด้านนอกถอยไป

เมื่อโอ้อวดแสนยานุภาพเสร็จ ต่อมาก็ได้เวลาพบหน้ากันอย่างเป็นทางการ

หลังจากที่ซ่างกวานชิ่งละลายพฤติกรรมของกู้เจียวออก เขากับกู้เจียวจริงใจต่อกันตั้งนานแล้ว เขาจึงทักทายเพียงสั้นๆ แล้วหันไปมองใบหน้าน้องชายหนอนหนังสือ

“อ๊ะ มีเรื่องนี้อยู่จริงๆ…”

เขาพึมพำเสียงเบา

เขาแปลงโฉมหน้าดวงนี้มานานหลายปี จะไม่รู้จักได้อย่างไร แต่ดูจากในคันฉ่องสำริดและจากภาพเหมือนแล้ว ล้วนไม่น่าตื่นตะลึงเท่าเห็นกันซึ่งๆ หน้าเลย

“ที่แท้หลายปีมานี้ข้าก็มีหน้าตาเช่นนี้เองหรอกหรือ หน้ามองมากทีเดียว”

ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังชมตัวเอง หรือชมน้องชาย

ในขณะที่เขาพินิจมองเซียวเหิงอย่างไม่ปิดบัง เซียวเหิงก็เริ่มเพ่งมองเขาอย่างละเอียดเช่นกัน

หน้าตาของเซียวเหิงได้จากเซวียนผิงโหวสี่ส่วน ได้จากซ่างกวานเยี่ยนสี่ส่วน อีกสองส่วนเป็นพันธุกรรมที่สืบทอดจากตระกูลเซวียนหยวนจากรุ่นสู่รุ่น

ส่วนซ่างกวานชิ่งได้บิดาแท้ๆ มาห้าส่วน อีกห้าส่วนได้จากมารดา โดยเฉพาะคิ้วตาและผมมวยตรงหน้าผากได้มาจากองค์หญิงซิ่นหยางเต็มๆ

เซียวเหิงได้องค์หญิงซิ่นหยางเลี้ยงดูมาจนโต ทั้งคู่จึงมีนิสัยเหมือนกัน สีหน้าท่าทางก็เหมือนกัน ทำให้ดูๆ ไปแล้วมีส่วนเหมือนแม่ลูกกันอยู่มากทีเดียว

แต่นั่นเพราะพวกเขาไม่เคยเจอซ่างกวานชิ่ง

ในขณะที่สองพี่น้องสบตากัน กู้เจียวก็กำลังสังเกตทั้งสองอยู่ อย่างไรเสียก็มีบิดาคนเดียวกัน ไม่ว่ามาดจะแตกต่างกันเพียงใด เครื่องหน้าก็ยังละม้ายคล้ายคลึงกันหลายส่วน

หลายวันมานี้ มีทหารเก่าแก่ในราชสำนักหลายคนบอกว่า ราชาผีที่มจากภูเขาผีหน้าตาค่อนข้างคล้ายกับพระนัดดา

เพียงแต่ว่า ทั่วหล้านี้คนที่หน้าตาละม้ายคล้ายกันมีมากถมเถ เหมือนก็เหมือนสิ ไม่มีผู้ใดสงสัยอะไรมาก

“เจ้าคือเซียวเหิงรึ”

ในฐานะที่ซ่างกวานชิ่งเป็นพี่ชายจึงเอ่ยขึ้นก่อน เขาเอาปืนพาดบ่า น้ำเสียงเย่อหยิ่ง “รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”

กู้เจียวปรายตามองเขา

กล้าโหดใส่สามีข้า เจ้ากลัวจะไม่โดนคลุมกระสอบรุมกระทืบรึ

กู้เจียวหันไปมองเซียวเหิง “ข้าต่อยเขาได้หรือไม่”

เซียวเหิง “…”

เซียวเหิงดึงมือกู้เจียวไปจับ วางส้มที่ปอกเปลือกแล้วใส่มือนาง กระซิบเสียงเบา “ข้าออกไปคุยกับราชาผีสักเดี๋ยวนะ”

ซึ่งก็หมายความว่าห้ามต่อย

กู้เจียวเสียดาย “อ้อ”

เซียวเหิงอมยิ้มหันไปมองซ่างกวานชิ่งที่เย่อหยิ่งวางมาดใหญ่โต “องค์ราชาผี เชิญ”

“เจ้าคิดจะเชิญก็เชิญได้รึ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!” ซ่างกวานชิ่งวางมาดพี่ชายเต็มเปี่ยม “ตามข้าออกมา!”

เซียวเหิงข่มมุมปากที่จะหยักยกขึ้นเอาไว้ แล้วตามซ่างกวานชิ่งออกจากกระโจมไปแต่โดยดี

พวกเขามายังลานฝึกอันว่างเปล่าแห่งหนึ่ง ซ่างกวานชิ่งแบกปืนเอาไว้ องอาจทว่าไม่ได้กำยำ เขาหยุดฝีเท้าลง หันมองเซียวเหิงอย่างดุร้าย กะว่าจะแสดงอำนาจของพี่ชายเสียหน่อย!

เซียวเหิงเอ่ยขึ้นเบาๆ “พี่ชาย”

คำว่าพี่ชายคำเดียว ทำเอาอำนาจที่ซ่างกวานชิ่งกำลังจะแสดงออกมาคาชะงักอยู่ในคอทันที!

ซ่างกวานชิ่งเบิกตากว้างโต ทั้งเหลือเชื่อและกระดากใจ สรุปก็คือ เป็นอารมณ์ที่ซับซ้อนมาก!

“มะ…เมื่อครู่นี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ” เขาถลึงตาโตถามอย่างเคร่งขรึม

เซียวเหิงเอ่ยอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ “พี่ชาย ท่านไม่ใช่พี่ชายข้าหรอกหรือ”

อ่า เจ้าเด็กคนนี้มีท่าทางเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

ราวกับกวางน้อยใสซื่อ เขาจะทำใจรังแกได้ลงคอหรือ

ไหนจะเรียกพี่ชายเสียไวปานนี้ ข้ายังไม่ทันได้ขู่ขวัญเจ้าสักนิดเลยนะ!

ซ่างกวานชิ่งกระแอม พยายามรักษามาดเย่อหยิ่งของตัวเองไว้ “นะ…แน่นอนว่าข้าเป็นพี่ชายเจ้า! แต่ว่า เจ้าจำได้อย่างไร”

เซียวเหิงยิ้มจางๆ เผยความเฉลียวฉลาดไร้พิษสงออกมา “คงเพราะกระแสจิตระหว่างพี่น้องกระมัง”

เพราะเจ้าหน้าตาเหมือนท่านพ่อท่านแม่เกินไปน่ะสิ หากบอกว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ผู้ใดจะเชื่อ

ไหนจะมาดกร่างของเจ้าอีก เหมือนกันกับท่านพ่อทุกกระเบียดนิ้ว

ไม่ว่าเซียวเหิงจะคิดในใจอย่างไร หน้าตาก็ยังคงโอนอ่อนน่าเอ็นดูยิ่งนัก

ระหว่างทางมานี้ซ่างกวานชิ่งเคยคิดถึงความเป็นไปได้ในการพบหน้ากันกับน้องชายมานับไม่ถ้วน น้องชายเป็นหนอนหนังสือ ราชสำนักก็มีหนอนหนังสือไม่น้อย

พวกเขาจอมปลอม กลิ่นอายมีแต่ความเน่าเฟะ และดูถูกคนที่ไร้วิชาความรู้เป็นที่สุด ในสายตาพวกเขาแม้แต่ขุนพลยังเป็นเพียงคนไร้ปัญญาเท่านั้น

แล้วคนที่ด้านอักษรก็ไม่ได้ ด้านบู๊ก็ไม่เอาไหนเยี่ยงเขา ยิ่งไม่เข้าตาพวกหนอนหนังสือหน้าเหม็นพวกนั้นเข้าไปใหญ่

เขาโดนคนไม่น้อยแอบหัวเราะเยาะลับหลัง

เพราะอายุไม่ยืน จึงไม่มีผู้ใดวิ่งโร่ไปราชสำนัก ไม่เช่นนั้น ฎีกายื่นมติไม่ไว้วางใจในตำแหน่งพระนัดดาของเขาคงยาวเหยียดจนอ้อมแคว้นเยี่ยนได้หนึ่งรอบไปนานแล้ว!

วันนี้เขาทำเอิกเกริกใหญ่โตเพียงนี้ ก็เพราะอยากจะชิงข่มก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งตัวได้ ใช้มาดข่มอีกฝ่ายไว้!

แต่เจ้าเด็กคนนี้ไฉนจึงเป็นเด็กดีเช่นนี้เล่า

ทำเอารังแกไม่ลงเลย…

“พี่ชาย ในมือท่านถืออะไรอยู่หรือ” เซียวเหิงถามด้วยสีหน้าสนใจใคร่รู้

เอ่ยถึงอาวุธในมือแล้ว ดวงใจซ่างกวานชิ่งก็พองโตขึ้น มาดพลันเพิ่มขึ้นสูงสองเมตร!

เขาเอาปืนมาถือไว้ในมือ โอ้อวดเซียวเหิง “เจ้าอยู่แคว้นเจาไม่เคยเห็นสิ่งนี้กระมัง มันเรียกว่าปืนไฟ พลานุภาพมหาศาลนัก! ร้ายกาจกว่าอาวุธพวกนั้นอีกนะ! ไม่มียอดฝีมือคนใดต้านทานได้!”

แต่ระยะยิงสั้นมาก ความแม่นยำก็ไม่พออย่างร้ายแรง

แต่จะบอกเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะยังเล่นตัวต่อได้อย่างไร

เซียวเหิงท่าทางไม่เข้าใจแม้แต่น้อย

ซ่างกวานชิ่งมองไปรอบๆ เห็นละแวกนี้ไร้ผู้คน ไม่มีทางพลาดทำคนบาดเจ็บ จึงเอ่ยกับเซียวเหิง “มานี่ ข้าจะแสดงให้เจ้าดู”

“ขอรับ” เซียวเหิงเดินตามไปแต่โดยดี

ซ่างกวานชิ่งเรียกทหารผีให้มาหา ให้ย้ายก้อนหินใหญ่หลายก้อนไปกองไว้บนพื้นที่ว่าง แล้วยกก้อนหินก้อนหนึ่งวางไว้ข้างเท้าเขา

ซ่างกวานชิ่งถอยหลังไปยี่สิบก้าว

…หากถอยอีกก้าวเดียวก็ยิงไม่แม่นแล้ว

“ดูให้ดีล่ะ” ซ่างกวานชิ่งเหยียบหินรองเท้าด้วยเท้าข้างหนึ่ง ยกปืนไฟขึ้นมาอย่างห้าวหาญ เล็งก้อนหินก่อนจะเหนี่ยวไก

ได้ยินเพียงเสียงกัมปนาทดังปั้ง ก้อนหินก็กระจุยทันที

กลิ่นดินปืนเข้มข้นอวลเต็มอากาศ

เซียวเหิงพอจะเข้าใจแล้วว่ามันคืออะไร

ช่างเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เลวจริงๆ อันดับแรกในด้านพลังนั้นสามารถข่มศัตรูให้ตระหนกได้ง่าย ประการที่สอง แผลที่เกิดจากดินปืนล้วนเป็นแผลเปิด ให้ผลกระทบกระเทือนต่อสายมาก และสร้างแรงกดดันในจิตใจให้ทหารบาดเจ็บมหาศาลด้วย เพราะเสียขวัญเอาง่ายๆ

แต่เจ้าสิ่งนี้ดูเหมือนจะงุ่มง่าม ความแม่นก็ไม่มาก แรงสังหารและสร้างความบาดเจ็บในระยะใกล้ไม่เลว แต่หากอยากจะยิงในระยะไกล คงต้องปรับปรุงอีก

ซ่างกวานชิ่งหันกลับมาหยักยกมุมปากให้น้องชาย “เป็นอย่างไร ร้ายกาจกระมัง”

เซียวเหิงเปลี่ยนสีหน้าในชั่วพริบตา ท่าทางตกใจกับเสียงปืน

ซ่างกวานชิ่งหัวเราะยกใหญ่!

น้องชายจอหงวนอะไรกัน

ใจฝ่อเพียงนี้!

“บัณฑิตอย่างพวกเจ้า ใจฝ่อกันนัก!”

ซ่างกวานชิ่งหยุดเว้น รู้สึกว่าตัวเองกุมศักดิ์ศรีของพี่ชายไว้ได้ จึงเอ่ยอย่างภาคภูมิยิ่ง “ต่อไปนี้เรียนรู้กับข้าให้มากหน่อย! อย่าเอาแต่เรียนหนังสือ! เรียนจนกลายเป็นหนอนหนังสือแล้วมีประโยชน์อะไร! ตีแคว้นจิ้นครานี้ ข้าสังหารยอดฝีมือไปไม่น้อย! เคยได้ยินชื่อเซี่ยสิงโจวหรือไม่ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของกงซุนอวี่ พี่ชายเจ้าคนนี้เป็นคนยิงตายเอง! ซ้ำยังมีไอ้พวกขี้ขลาดของเจี้ยนหลูอีก! พี่ชายเจ้าเป็นคนสังหารทั้งสิ้น!”

“พี่ชายเก่งกาจจริงๆ ” เซียวเหิงแววตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

สมกับที่เป็นบุตรชายแท้ๆ ของบิดาข้าจริงๆ แม้แต่คำพูดคำจาก็เหมือนกันทุกประการเลย

เซียวเหิงกลั้นยิ้มไว้ ในแววตาทั้งสองข้างมีแต่ความตื่นตะลึงและเลื่อมใสต่อพี่ชาย

ช่างเป็นน้องชายที่สมจริงสมจังยิ่ง

ซึ่งทำให้ซ่างกวานชิ่งสุขกายสบายใจมาก!

เขาเก็บปืนไฟสะพายไว้บนหลังเรียบร้อยก็เอ่ยกับเซียวเหิง “เจ้าเพิ่งมา ยังไม่ได้กินข้าวเช้ากระมัง ไป! จะพาเจ้าไปกินของอร่อย!”

เซียวเหิงบอกกู้เจียวให้รู้ ก่อนจะขึ้นรถม้าออกจากค่ายทหารไปกับซ่างกวานชิ่ง

ซ่างกวานชิ่งมีน้องชายอยู่ที่แคว้นเยี่ยน อย่างเช่น หมิงจวิ้นอ๋อง

แต่หมิงจวิ้นอ๋องน่ารำคาญยิ่งนัก มักจะต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอย่างหนึ่ง ใส่ร้ายป้ายสีตนว่ารังแกเขา ทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่เขามีต่อน้องชายหมดสิ้นไป

นอกจากนี้ยังมีน้องชายอีกหลายคน ซึ่งก็ไม่ได้สนิทสนมเท่าใดนัก

ซ่างกวานชิ่งพินิจมองเซียวเหิงตาไม่กะพริบ

เซียวเหิงเงียบมาก จึงไม่ได้รู้สึกว่าไม่ชอบหน้าเขาแม้แต่น้อย

น้องชายพวกนั้นต่างกลัวเขา

บอกว่าเขาเป็นตัวขี้โรค เล่นกับเขาก็จะกลายเป็นตัวขี้โรค

ซ่างกวานชิ่งยกสองมือขึ้นกอดอก เอ่ยอย่างระแวง “นี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเล่นกับข้าจะตายเอานะ”

“ใครเป็นคนบอกกัน” เซียวเหิงถาม

ซ่างกวานชิ่งเลิกคิ้วเอ่ย “อย่างไรเสียก็ต่างว่ากันเช่นนี้”

“แล้วพวกเขาล้วนเป็นจอหงวนหมดเลยหรือ” เซียวเหิงถาม

“อืม…ไม่ใช่” อย่าว่าแต่จอหงวนเลย แม้แต่เจี่ยหยวนก็ยังไม่ใช่

“ข้าเป็นจอหงวนนะ” เซียวเหิงมองซ่างกวานชิ่งอย่างจริงจัง ก่อนเอ่ยด้วยความหนักแน่นสุดจะเปรียบ “ข้าเป็นจอหงวน ข้าฉลาดกว่าพวกเขา คนฉลาดต่างหากที่คู่ควรจะเล่นด้วยกันกับท่าน พวกเขาไม่คู่ควร”

จู่ๆ ซ่างกวานชิ่งก็หน้าเห่อแดงขึ้นมา

อ่า น้องชายคนนี้โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่

วาจาก็ช่างไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกยิ่งนัก!

แต่มันรื่นหูมากเลยจะทำเช่นไรดี!

…ไม่ได้การแล้ว คิดไว้แล้วว่าจะจัดการเขา!

นี่เป็นกฎของยุทธภพ!

จะใจอ่อนไม่ได้!

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset