บทที่ 879 คราวตายของกงซุนอวี่ (1)
……….
เจ้าแห่งเงาทมิฬลำดับที่สามรึ
รูม่านตาของกงซุนอวี่หดลงทันที เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินได้เห็น
ไหนว่าไม่มีเจ้าแห่งเงาทมิฬแล้วมิใช่รึ
แล้วนี่เหตุใดถึงได้…
หลังจากที่เซวียนหยวนฉีแกล้งตายก็ได้ขึ้นเป็นเจ้าแห่งเงาทมิฬลำดับที่สอง แต่ไม่นานก็ถูกสายสืบของแคว้นจิ้นรู้เข้าเนื่องจากการไปมาหาสู่ที่ถี่ขึ้นระหว่างเขากับตระกูลเซวียนหยวน
ทว่าเซวียนหยวนฉีกลับเก็บซ่อนเรื่องราวของเซวียนหยวนเจิงไว้อย่างดี แม้แต่ในลำดับตระกูลก็ไม่ใส่ชื่อของเขาลงไป ไม่แปลกที่จะไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่ของเขา
มีเพียงพิชิตเวหาคนเดียวที่รู้เรื่องของเซวียนหยวนเจิง
แต่ก็ชัดเจนว่าพิชิตเวหาคือผู้ที่แพร่กระจายข่าว
แต่พอมาคิดดูอีกที ก็ใช่ว่าจะไม่มีเบาะแสอะไรเลย
ตอนที่กงซุนอวี่พยายามจะฆ่าเซวียนหยวนฉี ก็เห็นว่าชายคนนี้วิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนเรียกเซวียนหยวนฉีว่าพ่อ
เท่ากับยืนยันได้ว่าชายคนนี้เป็นบุตรของเซวียนหยวนฉีจริง
ดังนั้นไม่แปลกที่ชายคนนี้จะเรียกตัวเองว่าเจ้าแห่งเงาทมิฬคนที่สาม
“พวกเจี้ยนหลูนี่ทำงานยังไงของมัน บอกว่าจัดการเซวียนหยวนฉีแล้ว แต่ปรากฏเซวียนหยวนฉีดันไม่ตาย ไหนที่บอกอีกว่าทำลายฐานทัพของพวกเงาทมิฬเรียบร้อย แล้วนี่อะไร ลูกชายของเซวียนหยวนฉีโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้” กงซุนอวี่พึมพำ
กงซุนอวี่พยายามคุมสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วจ้องไปทางเหลี่ยวเฉินด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “บิดาของเจ้าเคยแพ้ให้กับลูกน้องข้า ดังนั้นคิดหรือว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงเซวียนหยวนฉี ความโกรธแค้นของเหลี่ยวเฉินพลันปะทุขึ้นทันที
บิดาของเขาถูกพวกทหารแคว้นจิ้นรุมทำร้าย ถูกกงซุนอวี่ฉวยโอกาสและแทงเข้าที่หน้าอก…ถึงสองครั้งสองครา!
และไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไร!
เขาอุตส่าเฝ้ารอวันที่จะได้อยู่เคียงข้างบิดามาหลายปี แต่สุดท้ายก็ยังต้องแยกจากกัน!
และกงซุนอวี่…คือต้นเหตุ!
“ดูเหมือนเจ้าจะโกรธมากเลยนะ” กงซุนอวี่เป็นคนมักเล่นสงครามจิตวิทยา มุมปากของเขากระดกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ย “พ่อของเจ้าไม่ใช่เซวียนหยวนเพียงคนเดียวที่ตายด้วยมือของข้า ย้อนกลับไปในสมัยนั้น ตอนที่ตระกูลเจ้าก่อกบฏ เจ้าไม่คิดว่าความแข็งแกร่งทางทหารที่น้อยนิดของราชสำนักเพียงพอที่จะสังหารกองทัพเซวียนหยวนจำนวนมากได้หรอกใช่ไหม จะว่าไป กองทัพของพวกเจ้าก็แข็งแกร่งอยู่ ติดก็ตรงแค่มีคนเก่งไม่มากเท่านั้น”
“เซวียนหยวนลี่ ลุงของเจ้า ตายเพราะกลไกที่ทหารของข้าทำไว้!”
“ส่วนเซวียนหยวนจื่อ พี่สาวเจ้า คนที่ตั้งครรภ์แต่ดันทุรังอยากลงสนามรบ ก็ต้องมาตายด้วยน้ำมือของเจี้ยนหลู!”
“ส่วนพี่ชายของเจ้า เซวียนหยวนเซิ่ง…ต้องโทษพวกหนานกงที่ปากสว่างเปิดเผยการเคลื่อนไหวของเขา ทว่าข้านี่แหละ…คือคนที่สังหารเซวียนหยวนเซิ่ง”
“เจ้านั่นตายคาทวนของข้าที่กำแพงเมือง!”
“ข้าคือคนออกคำสั่งให้ลูกน้องข้ายิงธนูใส่เจ้านั่น!”
“ตระกูลเซวียนหยวนของเจ้า ไร้น้ำยาทุกคน!”
ความโกรธของเหลี่ยวเฉินพุ่งถึงขีดสุด!
แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายจงใจเอ่ยจายั่วยุ แต่เขาก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ตัวเองได้!
ลมหายใจของเขาเริ่มไม่เป็นจังหวะ
กงซุนอวี่ใช้โอกาสนี้เริ่มการโจมตีทันที ร่างของเหลี่ยวเฉินที่ตั้งรับด้วยกำลังภายในไม่ทันก็พลันกระเด็นออกไปชนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังอย่างแรง ก่อนจะล้มลงสู่พื้นอย่างเชื่องช้า
กงซุนอวี่บ้วนน้ำลายทิ้งสองครั้งพร้อมกับมองดูเหลี่ยวเฉินที่นอนอยู่บนพื้นอย่างเหยียดหยาม และเอ่ยตะคอก “เห็นไหมละ พวกเซวียนหยวนมันอ่อนแอทั้งนั้น”
“หยุด…ดูถูก…ตระกูลเซวียนหยวนเดี๋ยวนี้!” เหลี่ยวเฉินพยุงร่างกายของเขาด้วยดาบยาว เช็ดเลือดที่มุมปาก แล้วโจมตีกงซุนอวี่กลับ!
ในป่าไม่เหมือนกับที่อุโมงค์ พื้นที่ในป่ากว้างขวางและไม่มีข้อจำกัดในเรื่องออกกระบวนท่าอีก
กงซุนอวี่สัมผัสได้ถึงพลังดาบอันมหาศาลของอีกฝ่าย
แม้เขาจะพยายามหลบไปด้านข้างแล้ว ทว่าก็เกิดแผลจนได้
แผลที่แห้งไปแล้วในตอนแรก บัดนี้กลับไหลอีกครั้ง
เหลี่ยวเฉินเอ่ยอย่างเย็นชา “ใครกันแน่ที่อ่อนแอ”
จูจางขวงเห็นท่าไม่ดีจึงคว้าหมัดเหล็กของเขาออกมา “นายท่าน! ข้าจะจัดการกับมันเอง!”
เอ่ยจบก็พุ่งตัวเข้าไปทันที
จูจางขวงยังไม่ทันเข้าประชิดตัวเหลี่ยวเฉิน ก็ถูกชายหนุ่มในชุดผ้าแพรที่ปรากฏกายกะทันหันเข้ามาขวางไว้เสียก่อน!
พลังดาบนั่นช่างไวเหลือร้าย!
จูจางขวงเกือบถูกดาบนั่นแทง!
“เด็กเมื่อวานซืนจากไหนอีกเนี่ย!” หลังจากที่ยืนมั่นคงแล้ว จูจางขวงก็หันไปทางอีกฝ่าย ดูเหมือนจะอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดเท่านั้น
ด้วยความที่จูจางจวงมาถึงที่นี่ช้ากว่าเพื่อน เลยไม่ทันเหตุการณ์บทสนทนาระหว่างฉังจิ่งกับผู้อาวุโสลู่
กงซุนอวี่รีบเอ่ยเตือนลูกน้อง “ระวังตัวด้วย เจ้าเด็กนั่นมาจากสำนักอั้นเย่”
“คนของสำนักอั้นเย่รึ” เมื่อจูจางขวงได้รู้ดังนั้นก็ยิ่งตกใจ เพราะเขารู้ว่าสำนักอั้นเย่ไม่เคยคบค้าสมาคมกับแคว้นทั้งหก แล้วเหตุใดถึงมาเกี่ยวข้องกับตระกูลเซวียนหยวนด้วยล่ะ
หากร่วมมือกับตระกูลเซวียนหยวนอย่างเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่ฉังจิ่งดันปรากฏกายออกมาพร้อมกับคนแคว้นเจาด้วยนี่สิ ไม่เช่นนั้นกงซุนอวี่คงไม่ออกอาการไม่สบอารมณ์ขนาดนี้
อีกทั้งยังเห็นว่าฉังจิ่งเชื่อฟังอีกฝ่ายอย่างมาก
แคว้นจิ้นพยายามลากสำนักอั้นเย่มาเข้าพวกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธอยู่ร่ำไป
เขาละอยากรู้จริงๆ ว่าพวกแคว้นระดับล่างไปทำท่าไหนถึงได้ร่วมมือกับลูกชายของเจ้าสำนักอั้นเย่
หลังจากที่หันไปมองจูจางขวง ฉังจิ่งจึงบอกกับเหลี่ยวเฉิน “เดี๋ยวข้าจัดการเจ้านี่เอง”
แม้เหลี่ยวเฉินกับฉังจิ่งไม่เคยพบกันมาก่อน แต่เหลี่ยวเฉินพอรู้เรื่องของเซวียนผิงโหวมาบ้าง ก็เลยรู้เรื่องฉังจิ่งด้วย แต่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าฉังจิ่งคนนี้จะมาจากสำนักอั้นเย่
“ได้เลย” เหลี่ยวเฉินพยักหน้า
เดิมทีฉังจิ่งก็เป็นเด็กไม่ปกติในด้านวรยุทธ์อยู่แล้ว ยิ่งพอได้มาอยู่กับเซวียนผิงโหว ทำให้พลังของเขาพัฒนาขึ้นอยู่ทุกวัน
ไม่มีทางที่จูจางขวงจะเอาชนะฉังจิ่งได้
เขาถูกฉังจิ่งเล่นงานจนอ่วมอยู่หลายสิบครั้ง จนร่างของเขาเลือดอาบ แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่ร้ายแรง แต่ก็สูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย
“นี่ เจ้าสำนักอั้นเย่รู้หรือไม่ว่าเจ้าร่วมมือกับตระกูลเซวียนหยวนน่ะ” จูจางจวงถาม
ฉังจิ่งชะงักมือลงทันที
พอจูจางขวงเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ก็เริ่มเอ่ยยุต่อ “กะแล้วเชียวว่าเจ้าต้องแอบทำแบบนี้ หากเจ้าสำนักรู้เข้าละก็ เจ้าหนีไม่รอดแน่”
เขาพยายามจะทำให้เด็กหนุ่มพะวง
ฉังจิ่งย่นคิ้วลงทันทีพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด และมองว่าที่จูจางขวงเอ่ยมาก็มีเหตุผล จึงตอบกลับไป “จริงอย่างที่เจ้าว่า ข้าไม่ควรให้ท่านพ่อรู้เรื่องนี้ เพราะฉะนั้น วันนี้เจ้าต้องตาย!”
จูจางขวงเหวอทันที
เดี๋ยวสิ ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย!
“รวมถึงเจ้านั่นด้วย” ฉังจิ่งมองไปทางกงซุนอวี่ที่กำลังต่อสู้กับเหลี่ยวเฉิน “พวกเจ้าไม่มีทางรอดไปได้เด็ดขาด”
จูจางขวงลมแทบจับ
ตัวแค่นี้ แต่ฉลาดเป็นกรดเลยนะ
เด็กสมัยนี้หลอกยากขนาดนี้เลยหรือนี่
ในบรรดานายพลทั้งสี่ของกงซุนอวี่ จูจางขวงเป็นคนที่มีหมัดที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ขณะเดียวกัน เขาก็เป็นคนที่หวงแหนชีวิตของเขามากที่สุด ไม่เช่นนั้นตอนที่เขาโจมตีเซวียนหยวนฉีก็คงไม่เลือกที่จะสงวนท่าที
ขนาดเย่ว์หลิ่วอียังบ้าบิ่นกว่าเขา
แต่ในเมื่อตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้านายท่าน จะหนีก็ไม่ได้ คงทำได้จำใจแค่สู้กับอีกฝ่าย
คราวนี้เจ้าเด็กนี่จะเล่นเขาถึงตายให้ได้
อีกทั้งตอนนี้ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ขณะเดียวกัน เหลี่ยวเฉินกับกงซุนอวี่ก็กำลังประชันฝีมือกันอย่างดุเดือด กงซุนอวี่ใช้เวลาฝึกวรยุทธ์ยาวนานกว่าและมีประสบการณ์มากกว่า จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหลี่ยวเฉินจะล้มได้ง่ายๆ
แต่หากว่าด้วยเรื่องของจิตสังหาร แน่นอนว่าเหลี่ยวเฉินมีมากกว่า
หลังจากสู้กันอยู่สิบท่า กงซุนอวี่ก็เริ่มรู้สึกล้าขึ้นมาแล้ว
อีกทั้งเขายังมีแผลที่ถูกเซวียนผิงโหวแทงเมื่อก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่เขาต่อสู้ก็ยิ่งทำให้แผลเปิดกว้างมากขึ้น
หากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป ต่อให้เขาไม่ถูกอีกฝ่ายกำจัด ก็อาจจะเสียเลือดจนตัวตายอยู่ดี
และต่อให้เหลี่ยวเฉินมีคุณธรรมมากแค่ไหน แต่สำหรับกงซุนอวี่ เขาจะไม่มีทางปราณีด้วยอย่างเด็ดขาด
ที่กงซุนอวี่สังหารเซวียนหยวนเซิ่งได้ ก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากตระกูลหนานกง
อีกทั้งตอนที่ต่อสู้กับบิดาของเขา กงซุนอวี่ก็เลือกใช้วิธีฉวยโอกาสทำให้บิดาของเขาหมดแรงแล้วค่อยลงมือ
ดังนั้น เขาจะเอาไม่เอากฎของยุทธภพมาใช้กับคนอย่างกงซุนอวี่!
เหลี่ยวเฉินฟาดฝ่ามือลงไปที่แผ่นอกของกงซุนอวี่ทันที!
แม้ชุดเกราะของเขาจะมีความแข็งแรง แต่ใครใช้ให้เจ้าเซวียนผิงโหวอะไรนั่นมาทำชุดเกราะของเขาแตกกันละ!
แรงจากกำลังภายในของเหลี่ยวเฉินทะลุผ่านรอยแตกและซึมเข้าสู่อวัยวะภายในของเขา!
กงซุนอวี่เรียกกำลังภายในของตัวเองอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องอวัยวะภายใน แล้วแทงเหลี่ยวเฉินด้วยดาบอีกเล่มหนึ่ง!
แต่เนื่องจากส่วนหนึ่งของกำลังภายในของเขาถูกใช้เพื่อปกป้องตัวเอง ดังนั้นดาบนี้ของเขาจึงไม่ทรงพลังเท่าที่ควร
เหลี่ยวเฉินหลบดาบของอีกฝ่ายได้อย่างสบายๆ !
หลังจากสู้กันกว่าสิบกระบวนท่า เกราะของเหลี่ยวเฉินไม่แข็งแกร่งเท่าของกงซุนอวี่ จึงถูกแรงดาบของอีกฝ่ายกระแทกเข้าหลายครั้ง
“รีบเผ่นกันเถอะ!” กงซุนอวี่ตะโกนบอกกับจูจางขวง
จูจางกวงแกล้งทำเป็นกระโดดขึ้นไป แต่กลับถูกฉังจิ่งที่เร็วกว่าเขาเตะขัดขาจนล้มลงมา!
“จูจางขวง!” กงซุนอวี่หันกลับมาขณะใช้วิชาตัวเบาเหาะออกไป
จูจางขวงยกมือขึ้น “นายท่านรีบหนีไปเถอะ! ข้ารับมือเจ้านี่ได้!”
กงซุนอวี่กัดฟันแล้วเหาะออกไป
โดยมีเหลี่ยวเฉินตามไปติดๆ
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไปแล้ว จูจางขวงจึงรีบเอ่ยกับฉังจิ่งทันที “ข้ายกธงขาว”
ฉังจิ่ง “…?!”
……….