บทที่ 865-3 โทสะของเซวียนหยวน! (3)
“แม่ทัพจี้! ดูสิ!” ทหารรักษาการณ์นายหนึ่งชี้ไปยังปากทางแคบไกลลิบนั่น ปากทางแคบไม่ได้ตรงกับกำแพงเมือง แต่ต้องเลี้ยวขวา
ภูเขาบังกองทัพจิ้นส่วนใหญ่เอาไว้ และบังเงาร่างของเซวียนหยวนฉีด้วย แต่ทหารจิ้นด้านหลังภูเขาลดลง
พวกเขาพุ่งเข้าปากทางแคบ แต่ไม่มีคนใดพุ่งออกมาเลย ราวกับว่า…ถูกปากทางแคบกลืนกินไป
แม่ทัพจี้เอ่ย “แจ้งทหารม้าเฮยเฟิงให้รับศึก!”
ทหารรักษาการณ์เอ่ยอย่างลำบากใจ “ทหารม้าเฮยเฟิงมีเพียงแนวหลังที่ทำศึกได้…”
แม่ทัพจี้เอ่ย “อยู่แนวหลังใช่ว่าพวกเขาอ่อนแอ แต่เรื่องบางเรื่องจำต้องมีคนทำ อย่าได้ดูถูกทหารคนใด”
“ขอรับ!”
สองร้อยเมตร…หนึ่งร้อยห้าสิบเมตร…หนึ่งร้อยเมตร…
ข้าใกล้จะเข้าเมืองแล้ว…
เครื่องกว้านของกำแพงเมืองส่งเสียงหมุนครืนๆ ออกมา ประตูสองบานของอุโมงค์ประตูเมืองค่อยๆ เคลื่อนเปิดเรื่อยๆ ประตูเมืองสุดท้ายก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นช้าๆ
ตุ้บ!
ม้าเฮยเฟิงของถังเย่ว์ซานล้มลง
หนึ่งคนหนึ่งม้าล้มลงพื้นอย่างแรง
กู้เจียวกัดฟัน ไม่ได้หยุดนิ่งแม้แต่น้อย วิ่งไปยังประตูเมืองอย่างรวดเร็ว
เซวียนหยวนฉี…
ทนไว้…
เจ้าต้องทนไว้…
เซวียนหยวนฉีเลือดเต็มตัวเฝ้าอยู่กลางปากทาง กระบี่ชิงเฟิงโลหิตหยดติ๋งๆ เรี่ยวแรงเขากับชีวิตก็ลดฮวบฮาบลงอย่างรวดเร็ว
เย่ว์หลิ่วอีเอ่ย “ประตูเมืองพวกเขาเปิดแล้ว! เมืองฉวี่หยางมีกำลังทหารทำศึกไม่ถึงหนึ่งหมื่น! ไม่สู้พวกเราอาศัยจังหวะนี้เข้าไปสังหารเสีย!”
จูจางขวงกุมอกเอ่ย “แต่คนผู้นี้ยังไม่ตาย!”
เย่ว์หลิ่วอีปาดคราบเลือดมุมปากทิ้ง ทอดมองเซวียนหยวนฉีถูกทหารจิ้นนายหนึ่งฟันแขนเพราะหมดเรี่ยวแรงก่อนจะเอ่ย “ข้าว่าเขาก็หมดแรงพอสมควรแล้ว รอเข้าไปในเมืองแล้ว พวกเราค่อยสังหารไอ้หนูนั่น แล้วฆ่าแม่ทัพหลักที่เฝ้ารักษาการณ์! นี่เป็นโอกาสทองที่จะยึดเมืองฉวี่หยางได้ สวรรค์เข้าข้างข้าแล้ว!”
จูจางขวางก็คิดว่าความคิดนี้ดีเช่นกัน เขาโจมตีใส่เซวียนหยวนฉีอีกหน แต่ไม่คาดคิดเลยว่า เซวียนหยวนฉีที่ท่าทางหมดเรี่ยวแรงแล้วจะยังซัดกระบี่ใส่เขาให้กระเด็นได้!
เขากัดฟันกรอด“ น่าชังนัก!”
เย่ว์หลิ่วอีหอบหายใจหนักเอ่ย “ข้าคำนวณก่อน พวกเราต้องจัดการเขาภายในสิบกระบวน ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันกาลแล้ว”
จูจางขวางเอ่ยอย่างขยาด “แต่กำลังของเจ้ากับข้า อย่าว่าแต่สิบกระบวนเลย ภายในสิบสองกระบวนก็ทำอะไรเขาไม่ได้!”
เย่ว์หลิ่วอีโมโหจนกระอักเลือด “ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดนัก!”
ไม่ผิดที่เย่ว์หลิ่วอีจะเอ่ยเช่นนี้ คนผู้นั้นไม่กลัวตายไม่กลัวเจ็บจริงๆ ราวกับคนตายเป็นๆ ที่คลานออกมาจากใต้พิภพ ตีก็ไม่ล้ม ฆ่าก็ไม่ตาย!
เย่ว์หลิ่วอีกำหมัดแน่น ปรายตามองจูจางขวงที่เกิดความคิดที่จะถอยอย่างเย็นชา แค่นเสียงเอ่ย “เจ้าอยากหลบก็หลบไป! ข้าไม่มีทางหลบหรอก! วันนี้เขากับข้าต้องตายกันไปข้าง!”
เอ่ยจบ นางก็ชักกระบี่อ่อนออกจากบั้นเอว ใช้วิชาตัวเบาแทงเซวียวนหยวนฉี!
กระบี่อ่อนของนางพันกระบี่ชิงเฟิงของเซวียนหยวนฉีไว้ มุมปากนางกระตุก เข็มพิษเล่มหนึ่งทะยานออกจากง่ามนิ้ว ปักเข้ากลางกระหม่อมของเซวียนหยวนฉี!
เซวียนหยวนฉีชักกระบี่ยาวคืน ปราณกระบี่สั่นสะเทือนเย่ว์หลิ่วอีกระเด็น และสั่นสะเทือนเข็มเงินของนางแหลกด้วย!
เย่ว์หลิ่วอีกระแทกกับกำแพงด้านหลัง ถูกเรี่ยวแรงมหาศาลดีดกระเด็นออก ก่อนจะร่วงลงแทบเท้าเซวียนหยวนฉีอย่างแรง
เซวียนหยวนฉีแทงกระบี่ใส่หว่างคิ้วของเย่ว์หลิ่วอี!
“อ้ากกก” เย่ว์หลิ่วอีตกใจจนหลับตาหันหน้าหนี
นางได้ยินเสียงของมีคมเข้าสู่ร่างกาย ทว่าไม่ได้เจ็บอย่างที่จินตนาการ
เลือดอุ่นๆ หยดหนึ่งหยดลงบนใบหน้านาง นางลืมตาขึ้นมอง เห็นกระบี่ยาวของเซวียนหยวนฉีหยุดอยู่ตรงหน้าหน้าผากนาง อีกแค่ครึ่งชุ่นก็จะแทงนางแล้ว
นางเบนสายตาไป
เซวียนหยวนฉีถูกทวนยาวประกายเย็นเยียบแทงทะลุทรวงอก
ทวนยาวเล่มนั้นคุ้นตาทีเดียว…
นางหันกลับไป ท่ามกลางม่านราตรีปกคลุม บุรุษชุดผ้าไหมสีขาวตลอดร่างขี่ม้าสีน้ำตาลเข้มท่าทางน่าเกรงขาม
บุรุษมีกลิ่นอายที่ไม่มีผู้ใดในโลกหล้าเทียบเทียมได้ แววตาเคร่งขรึมเย็นชา
เย่ว์หลิ่วอีดวงตาเป็นประกาย “นายท่าน!”
จูจางขวงก็รีบค้อมกายคำนับเช่นกัน “นายท่าน!”
กงซุนอวี่ยกมือขึ้นนิ่งๆ
เย่ว์หลิ่วอีใช้เท้าถีบเซวียนหยวนฉีหงาย “เอาอีกสิ! เอาอีกหน!”
เซวียนหยวนฉีโลหิตหยดจากทรวงติ๋งๆ เขากำกระบี่ยาวแน่น เหยียดกายค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ
ด้านหลังเขาเป็นพลธนูที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีกำลังง้างสายอยู่ เล็งไปยังเซวียนหยวนฉีอย่างพร้อมเพรียง
เซวียนหยวนฉีมีทวนยาวเสียบคาร่างอยู่ เขาไม่เปลืองแรงดึงทวนยาวออก แต่ลากกระบี่ยาวเดินไปหากงซุนอวี่ทีละก้าว
กระบี่ยาวเสียดสีกับพื้นหินแข็งส่งเสียงบาดหูออกมา
ราชาม้าเฮยเฟิงทยานเข้าประตูเมืองไปแล้ว!
กู้เจียวไม่ได้หันกลับมา
ใจหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ มือนางที่ดึงบังเหียนแน่นเริ่มสั่น
“ผู้บัญชาการเซียว!”
จ้าวเติงเฟิงเรียกนางอยู่บนหลังม้า
นางคล้ายไม่ได้ยิน
มีเพียงเหวินเหรินชงที่สังเกตเห็นว่านางกำลังสั่นเทิ้มทั้งตัว
มีทหารจิ้นจะลงมือกับเซวียนหยวนฉี ถูกกงซุนอวี่ยกมือห้ามไว้
สายตาเซวียนหยวนฉีถูกโลหิตอาบย้อมจนเลือนราง เขาหมดแรงแล้ว จุดตันเถียนก็แตกซ่านนานแล้ว กระดูกทั่วร่างหักหมดแล้ว โลหิตไหลออกทวารทั้งเจ็ด
ความเจ็บปวดกำลังกัดกินร่างกายเขา
ฝีเท้าเขายากลำบากทว่าเดินไปหากงซุนอวี่ด้วยปณิธานมุ่งมั่น
เย่ว์หลิ่วอียืนอยู่ข้างม้าของกงซุนอวี่ แหงนหน้ามองกงซุนอวี่ด้วยความฉงน “นายท่าน…”
“ปล่อยให้เขามา” กงซุนอวี่เอ่ย
ระยะทางแค่สิบกว่าก้าว เซวียนหยวนฉีกลับเหมือนเดินทั้งชีวิต
เซวียนหยวนฉีใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่น้อยนิด ยกกระบี่ชิงเฟิงในมือขึ้นโจมตีสุดท้ายใส่กงซุนอวี่
ฉึก
กระบี่ยาวแทงเข้าร่าง
เป็นกระบี่ของกงซุนอวี่
ปั้ง!
ประตูเมืองปิดลง
กู้เจียวยืนอยู่บนกำแพงเมืองสูงตระหง่าน สองมือเกาะกำแพงเมืองแน่น ข่วนจนเป็นรอยเลือดใหญ่ “กางธง!”
“กะ…กางธงอะไร” แม่ทัพจี้ชะงัก
เหวินเหรินชงขึ้นมา แตะปลายเท้ากับพื้น ทะยานขึ้นมาบนกำแพงเมือง กางธงอินทรีย์ในมือออก!
ธงต้าเยี่ยนกับธงเซวียนหยวนปลิวไสวท่ามกลางลมตะวันตก!
เซวียนหยวนฉีคุกเข่ากับพื้นอย่างหมดแรง ทอดมองไปทางกำแพงเมืองไกลลิบ
เป็นธงของตระกูลเซวียนหยวนหรือ
ก่อนจะตายยังได้เห็นมัน…
ช่างดีนัก…
ไม่เสียดายแล้ว…
เจิงเอ๋อร์ อภัยให้พ่อด้วย…รอวันที่ได้อยู่กับเจ้าไม่ได้แล้ว
…
เจ้าแห่งเงาทมิฬ…
เซวียนหยวนฉี…ภารกิจสำเร็จแล้ว
พบกัน ชาติหน้า
“ท่านพ่อ…”
บนถนนหลวงด้านหลังมีเสียงตะโกนเรียกราวกับใจจะขาดปอดจะฉีก
เซวียนหยวนฉีปิดเปลือกตาลง ท่อนแขนร่วงตกลงมา