บทที่ 857 รู้จักกัน
กู้เจียวและเฮยเฟิงยืนอยู่หน้าทางเข้าสุสาน แสงจันทร์นวลส่องสาดเข้ามาที่ใบหน้าของกู้เจียว
ใบหน้าสะอาดสะอ้านเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ตรงกันข้ามกับใบหน้าที่เหี่ยวเฉาของชายคนนั้นที่ปกคลุมไปด้วยสิ่งปฏิกูลและคราบเลือด
ชายที่อยู่ในชุดเกราะที่เต็มไปด้วยสนิม พร้อมทั้งทวนมรกตในมือที่ดูหนักอึ้ง
สายตาของเขามืดมนราวกับหลุมลึกที่ไร้ก้นบึ้ง
เมื่อถูกจ้องมองด้วยดวงตาคู่นี้ แม้แต่กู้เจียวเองก็ยังรู้สึกเหมือนถูกกดขี่
กู้เจียวไม่อยากต่อสู้กับคน ๆ นี้เอาเสียเลย
เพราะว่าเขาแกร่งเกินไป
ทว่า บางครั้ง เวลาคนเรากลัวอะไรก็มักจะได้อย่างนั้น
ซ่างกวานชิ่งเคยบอกว่าปกติราชาผีจะไม่ทำร้ายชาวบ้านทั่วไป แม้กู้เจียวจะไม่มีกำลังภายใน และคนทั่วไปมักดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ากู้เจียวเก่งวรยุทธ์
แต่ราชาผีไม่ใช่แบบนั้น
รังสีอำมหิตอันรุนแรงพุ่งออกมาจากดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาของเขา จากนั้นร่างกายที่เฉื่อยชาของเขาก็หันกลับมา และความไวของเขาก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นร้อยเท่าในทันที!
จากนั้นเขาใช้กำลังภายในและเหวี่ยงตัวขึ้นไปในอากาศ!
กู้เจียวรู้สึกเพียงว่ามีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นกำลังคว้าคอของตนขึ้นมา ยกขึ้น แล้วเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรง!
หลังเอวกู้เจียวกระแทกเข้ากับลำต้นไม้อย่างรุนแรงจนอีกาบนกิ่งไม้ตกใจตื่นขึ้น กระพือปีกและหนีออกจากรัง
ใบไม้ร่วงลงมาเต็มไปหมด
กู้เจียวได้แต่นั่งกระอักเลือดอยู่บนพื้น
พลังของเขาช่างรุนแรงเหลือเกิน!
ไม่แปลกใจเลยที่ซ่างกวานชิ่งเรียกเขาว่าราชาผี ความแข็งแกร่งระดับนี้… เกรงว่าแม้แต่วิญญาณทมิฬก็อาจรับมือไม่ไหว!
สายตาของราชาผีจับจ้องไปที่กู้เจียวอีกครั้ง
อาจเป็นเพราะเขากำลังสงสัยว่าเหตุใดกู้เจียวถึงไม่ตายคามือเขาทันที
“คนอย่างข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก…”
กู้เจียวเอามือพื้นแล้วพยายามลุกขึ้น “รู้เช่นนี้สวมชุดเกราะดีกว่าถ้าจะต้องออกมาบู๊แบบนี้…”
แต่ก็ไม่ได้อีก
ชุดเกราะดึงดูดสายตามากเกินไป ถ้าใส่มามีหวังเข้าเมืองผู่ไม่ได้แน่
ราชาผีโจมตีใส่กู้เจียวอีกครั้ง!
กู้เจียวที่เพิ่งจะลุกขึ้นได้หมาดๆ ก็ดันล้มลงอีกครั้ง อยู่ในสภาพคว่ำหน้าลงราวกับกบที่ถูกรถทับ
กู้เจียว: อย่างน้อยให้ข้าหลบสักนิดก็ยังดี
เด็กสาวพยายามทำตัวเป็นตุ๊กตาล้มลุก กู้เจียวลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับปาดเลือดกำเดาออก “คราวนี้ไม่พลาดแน่นอน!”
เปรี้ยง!
ตุ่บ!
ใบหน้าเด็กสาวจุ่มพื้นนับครั้งไม่ถ้วน
มือของกู้เจียวกำวัชพื้นที่อยู่บนพื้นด้วยความโมโหฉุนเฉียว
ทำไมถึงหลบไม่ได้เลยนะ!
รังสีอำมหิตของกู้เจียวเริ่มระเบิดออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้น “ราชาผีงั้นรึ… เจ้าทำให้ข้าโมโหมากนะ… เตรียมรับบทลงโทษจากผู้บัญชาการคนนี้…”
หมับ!
ในชั่วพริบตาเดียว ราชาผีก็เข้ามาคว้าคอเสื้อของกู้เจียวแล้วยกขึ้นกลางอากาศ
กู้เจียวเพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายมีร่างที่สูงใหญ่มาก
เมื่อเทียบกันแล้ว กู้เจียวแทบจะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของเขาไปเลย
ลูกไก่เจียวเจียว “นี่ เรามาคุยกันดีๆ ก่อนดีไหม ท่านมีลูกน้องหรือยัง ข้ายกอาถังสหายของข้าให้เอาไหม”
ถังเย่ว์ซานที่กำลังนอนฝันดีอยู่จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมาจามยกใหญ่!
ทว่ารังสีอำมหิตของราชาผียังคงเหมือนเดิม
กู้เจียวพยายคิดหาวิธี จนในที่สุดก็เลือกที่จะใช้เสียงเดิมของตัวเอง “ที่จริง ข้าเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้น!”
คราวนี้ราชาผีตกใจจริงๆ
ดีมาก ตอนนี้ละมีช่องโหว่แล้ว!
จะจิ้มตาให้บอดเลยคอยดู!
กู้เจียวยกนิ้วขึ้นและเล็งเข้าไปที่ลูกตาดำของราชาผี!
สามวินาทีต่อมา กู้เจียวมองไปที่สองนิ้วของตัวเองที่บวมเป่งพร้อมกับเม้มริมฝีปากด้วยความคับข้องใจ
ราชาผีรู้และรีบยกทวนขึ้นมากันไว้ได้ทัน
แม้นี่จะเป็นแผนของกู้เจียวที่ล่อให้เขาใช้อาวุธ ทว่าขณะเดียวกัน วิธีนี้ก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
คราวนี้ราชาผีไม่ให้โอกาสกู้เจียวอีกต่อไป ก่อนจะยกทวนขึ้นแล้วเล็งเข้าไปที่หน้าท้องของเด็กสาว
ชึ่บ!
ปรากฏเจ้าเฮยเฟยวิ่งพุ่งตรงเข้ามาด้วยเสียงร้องที่ตื่นเต้นพร้อมกับชนร่างของกู้เจียวจนกระเด็นออกไป!
กู้เจียวที่จู่ๆ ร่างคาอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ “…”
เจ้าเฮยเฟิงเดินเข้าไปหาราชาผี
ขณะที่ราชาผีเตรียมจะใช้ทวนสับลงไปที่คอของเจ้าเฮยเฟิง จู่ๆ เขาก็เกิดหยุดกลางคัน
เจ้าเฮยเฟิงวิ่งวนรอบๆ ราชาผีด้วยท่าทางตื่นเต้นและคอยเอาหัวดันเขาเบาๆ ราวกับลูกม้าที่อยากเล่นกับเจ้าของ
กู้เจียวทำหน้าเหวอทันทีที่เห็น
เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
ลูกพี่ไม่ได้จะมาช่วยนางเรอะ
ที่เข้ามาชนก็เพราะนางเกะกะหรอกหรือ
ทั่วทั้งสุสานก็ก้องกังวานด้วยเสียงกีบม้าที่กระตือรือร้นและตื่นเต้นของเจ้าเฮยเฟิง
“ฮี้~”
นอกจากเสียงตื่นเต้นแล้ว ยังมีเสียงสะอึกสะอื้นที่ฟังดูโศกเศร้าอีกด้วย
ในที่สุดราชาผีก็มีท่าทีตอบสนอง เขายกมืออันหยาบกร้านของเขาขึ้นและค่อยๆ ลูบไปที่หัวของเจ้าเฮยเฟิง
โดยที่เจ้าเฮยเฟิงยื่นหัวให้เขาลูบเป็นอย่างดี
เขาค่อยๆ เปิดปากออก เส้นเสียงของเขาที่ไม่ได้ถูกใช้มาหลายปี ทำให้เสียงในลำคอของเขาดูเหมือนมาจากเครื่องสูบลมเก่าๆ เสียงแหบ ขาดๆ หายๆ ไม่น่าฟังเอาเสียเลย “อา…”
“เย่ว์…”
“น้อย…”
อาเย่ว์น้อยรึ
นี่คือชื่อของเจ้าเฮยเฟิงหรือ
เจ้าเฮยเฟิงกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความปีติ
ความรู้สึกในวัยเยาว์ของมันกลับมาอีกครั้ง ชีวิตนี้มันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
หลังจากที่ตื่นเต้นเสร็จแล้ว จู่ๆ มันก็เงียบลง และมองดูร่างที่แทบจะไม่ใช่คนของราชาผี ราวกับว่าในที่สุดมันก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างและร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้า
กู้เจียวพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้า
ภูเขาลูกนี้เป็นที่ตั้งหลุมศพของตระกูลเซวียนหยวน…
แม้แต่กู้เจียวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าได้ข้อสรุปนี้มาได้อย่างไร เพราะทุกอย่างตรงหน้าก็แทบจะไม่ได้ไปทางนั้นเลยด้วยซ้ำ
“รู้สึกคุ้นกับที่นี่ชอบกล…”
กู้เจียวพึมพำ
ในฝันครั้งนั้นที่กู้เจียวเห็นจุดจบของตัวเอง กู้เจียวจำได้ว่าตัวเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขากุ่ยซานแม้แต่นิด ด้วยความที่สงครามใหญ่จะเกิดขึ้นในอีกเก้าปีให้หลัง ถึงตอนนั้น…ซ่างกวานชิ่งคงถูกพิษจนสวรรคตไปแล้ว รวมถึงราชาผีคนนี้ก็ด้วย
ในภพนี้ เรื่องราวต่างๆ เปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่าแล้ว
“แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่เหลือเกิน…ทั้งๆ ที่ไม่ได้ปรากฏในฝันด้วยซ้ำ…”
ถ้าคิดไม่ออก ก็ลืมๆ ไปก่อนแล้วกัน
แม้แต่เรื่องของตัวเองกู้เจียวก็ยังไม่เข้าใจเลย
จากนั้นกู้เจียวกระโดดลงมาจากต้นไม้
ราชาผีรีบยกทวนชี้ไปทางกู้เจียวทันที!
เจ้าเฮยเฟิงขวางเขาไว้ และเดินไปหากู้เจียวทีละก้าวภายใต้การจ้องมองที่เฉียบแหลมและระมัดระวังของเขา ก่อนจะเอาหัวของมันคลอเคลียกู้เจียว
นี่คือคนของมัน
คนที่มันจะต้องปกป้อง
เมื่อราชาผีเห็นดังนั้นจึงวางอาวุธลงไปโดยปริยาย
ในเมื่อเป็นคนกันเอง เช่นนั้น กู้เจียวจะไม่เกรงใจอีก
กู้เจียวเงยหน้าเล็กๆ ที่เปื้อนเลือดขึ้นมาและเอ่ยด้วยท่าทางที่ทรงพลัง “ข้าขอแนะนำตัวนะ ข้ามีนามว่ากู้เจียว ส่วนลูกพี่… เอ่อ อาเย่ว์น้อยคือสหายของข้าที่ต่อสู้เคียงข้างกัน และเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทหารอัศวินดำด้วย”
ทันทีที่กู้เจียวเอ่ยจบ ราชาผีก็ฟันทวนลงมาที่กู้เจียวทันที
เกือบหลบไม่ทันแล้วไหมล่ะ!
นี่นางเอ่ยอะไรผิดไปหรือเปล่า
แต่การโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งที่ได้รับเมื่อครู่นี้เรียกได้ว่าไม่ได้ไร้ผลเสียทีเดียว อย่างน้อยรอบนี้กู้เจียวสามารถหลบเขาได้ทัน ดูเหมือนว่าการต่อสู้จริงจะเป็นทางลัดที่ดีที่สุดในการพัฒนาความแข็งแกร่งของนางสินะ
แต่พอครั้งต่อมา กู้เจียวกลับหลบไม่ทันเฉย
ปลายทวนของราชาผีอยู่ห่างจากลำคอของกู้เจียวเพียงแค่นิ้วเดียวเท่านั้น แต่นั่นเป็นเพราะราชาผีจงใจ ไม่เช่นนั้น ป่านนี้กู้เจียวคงได้กลายเป็นผีเฝ้าที่นี่ไปแล้ว
“อ่อน…หัด…นัก”
ราชาผีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เอื่อยช้า จากนั้นเก็บทวนลง แล้วพาเจ้าเฮยเฟิงเดินออกไป
แปลว่าเมื่อครู่นี้เขาแค่ต้องการทดสอบกู้เจียวแค่นั้นรึ
ดีนะที่แนะนำตัวก่อน
ไม่อย่างนั้นได้ตายคาทวนจริงๆ แน่
กู้เจียวปัดเศษดินบนเสื้อออก แล้วก้าวเท้าตามพวกเขาไป
กู้เจียวเดินอยู่ฝั่งขวาเขา ขณะที่เจ้าเฮยเฟิงอยู่ฝั่งซ้าย
“ท่านเป็นคนของเซวียนหยวนใช่ไหม” กู้เจียวตัดสินใจถามไปตรงๆ
ราชาผีไม่สนใจคำเอ่ยของอีกฝ่าย ดูเหมือนท่าทีของเขาจะเอื่อยเฉื่อยลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่นับตอนที่ต่อสู้
นี่เขาคิดไปเองใช่ไหมว่าคนตายต้องเดินแบบนี้
อันที่จริงกู้เจียวก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับท่าทีของเขา ด้วยความที่เขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลานาน จึงสูญเสียวิธีการสื่อสารไป
แต่ที่เขาจำชื่อของเจ้าเฮยเฟิงได้ ก็หมายความว่าเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำ แต่ก็ยังตัดสินอะไรไม่ได้เสียทีเดียว
ไม่มีใครสามารถจดจำทุกสิ่งที่พวกเขาประสบได้
กู้เจียวพยายามสังเกตเส้นผมของเขาที่อยู่ภายใต้หมวกเกราะนั้น
มันเป็นสีขาว
ดูเหมือนเขาจะมีอายุมากแล้ว ตัดความเป็นไปได้ของบุตรชายตระกูลเซวียนหยวนไปได้เลย
คงไม่ใช่เซวียนหยวนลี่หรอกกระมัง…
ศพของเซวียนหยวนลี่ถูกนำกลับมาและกั๋วกงเป็นผู้ฝังเขาเอง เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นเท็จแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เซวียนหยวนลี่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่กลับไปที่เมืองเซิ่งตู
กู้เจียวสอดส่องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจสายตาที่กู้เจียวกำลังมองมา
กู้เจียวสังเกตเห็นว่าลมหายใจของเขาไม่คงที่ แสดงว่าเขาต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในที่ไม่สามารถรักษาหายได้
การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งที่ทรมานสำหรับเขา และเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้
เป็นเพียงเพื่อปกป้องสุสานของกองทัพเซวียนหยวนแห่งนี้เท่านั้นหรือ