บทที่ 856 เจียวเจียวกับราชาผี (1)
กลางดึกอันเงียบสงัด ณ เมืองผู่
เซี่ยสิงโจวและมือกระบี่นำร่างศพของหมิ่นหงอีกลับมาที่ศาลาว่าการ
หมิ่นหงอีถูกด้ามหอกเงินของกู้เจียวแทงทะลุเข้ากลางอกและสิ้นลมในทันที
มือกระบี่ดึงหอกออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณ
ศพของเขาถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว ถูกแบกเข้าไปในห้องโถงของศาลาว่าการ
ชายในชุดผ้าแพรสีเงินก้าวเข้ามาข้างใน อายุของเขาราวสามสิบปี ใบหน้าเคร่งขรึม คิ้วหนา แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงท่าทีแค้นเคือง แต่เขาก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกเข้าถึงได้ยาก
ใบหน้าของเขาค่อนข้างคมคาย บางครั้งก็ทำให้ความเคร่งขรึมของเขาดูลดลง
แต่เห็นแบบนี้ อย่าได้ดูแค่รูปลักษณ์ภายนอกเชียว เพราะไม่อย่างนั้นอาจมีสิทธิ์อยู่ไม่รอดถึงวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้
เพราะชายคนนี้คือผู้คลั่งไคล้สงครามมากที่สุดในแคว้นจิ้น
เรียกได้ว่า แม้แต่หมิ่นหงอีก็มิอาจหาเทียบได้
เขาเป็นคนประเภทเลือกคู่ต่อสู้ เช่นคนเก่งๆ อย่างเซวียนหยวนลี่และเซวียนหยวนเซิ่ง
“นายท่าน!”
เซี่ยสิงโจวรีบโค้งคำนับชายผู้นี้ด้วยความเคารพ
กงซุนอวี่ก้าวเท้ายาวเข้ามาด้วยมาดนิ่ง ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าร่างไร้วิญญาณที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาว แล้วยกมือขึ้นเพื่อให้สัญญาณ
เซี่ยวสิงโจวคุกเข่าลงข้างหนึ่งและเปิดผ้าขาวจากบนหัวศพ เผยให้เห็นใบหน้าที่เปื้อนเลือดของหมิ่นหงอี
สีหน้ากงซุนอวี่ไม่เปลี่ยนแม้แต่นิด
จากนั้นเซี่ยสิงโจวเปิดผ้าไปจนถึงปลายเท้า เผยให้เห็นร่องรอยบาดแผลทั้งหมดของหมิ่นหงอี
“เขาเสียชีวิตจากการถูกแทงเข้าที่หน้าอก ส่วนแผลบริเวณหน้าท้องเป็นรอยที่เกิดจากการถูกยาพิษ ส่วนบริเวณต้นขาเป็นแผลที่ถูกปลายหอก…”
แม้แผลบริเวณอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นรอยเล็กๆ ดังนั้นเซี่ยสิงโจวจึงไม่ได้อธิบายละเอียดนัก เพียงแต่รอยแผลพวกนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกแคลงใจไม่น้อย
หมิ่นหงอีเป็นมือสังหารของแคว้นจิ้น มือกระบี่หมายเลขหนึ่งของกงซุนอวี่ วรยุทธ์ของเขามีความล้ำลึก ขนาดเซี่ยสิงโจวเองยังไม่แน่ใจได้เลยว่าตนจะสามารถโจมตีหมิ่นหงอีให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ได้
“อืม” กงซุนอวี่ยกมือให้สัญญาณ
จากนั้นทหารยามสองคนเดินเข้ามาคลุมผ้าขาวให้กับศพดังเดิม แล้วช่วยกันยกเปลศพออกไป
กงซุนอวี่สะบัดชายเสื้อแล้วหย่อนตัวนั่งลงบนที่นั่งประจำของเขา เอ่ยถามด้วยสายตาที่เฉียบเย็น “ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ทั้งห้องโถงตอนนี้มีเพียงกงซุนหยู เซี่ยสิงโจว และนักดาบที่รอดชีวิต
หากว่ากันตามหลักแล้ว นักดาบคนนี้ควรจะต้องเป็นผู้เล่าเหตุการณ์ก่อนเนื่องจากเป็นพยานคนแรก ทว่าเซี่ยวสิงโจวประมาณตนดีว่าครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายประมาทเอง จึงรีบก้าวไปข้างหน้าและสารภาพผิดทันที ”รายงานนายท่าน ข้าน้อยมีความผิดที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่สำเร็จขอรับ! ข้าน้อยมิควรออกจากกุ่ยซาน โศกนาฏกรรมเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นหากข้าน้อยนำทัพไปพร้อมกับเขาขอรับ”
กงซุนอวี่หาใช่คนที่สนใจวิธีการไม่ เขาสนแค่ผลลัพธ์เท่านั้น
และผลที่ได้ก็คือความตายของหมิ่นหงอี ไม่ว่าจะพยายามเค้นหาความประมาทเลินเล่อของเซี่ยสิงโจวมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถชดเชยการสูญเสียนี้ได้
เซี่ยสิงโจวยังมีประโยชน์อยู่
ดังนั้นเขาจะไม่ปลดเซี่ยสิงโจวออก
“กลับมาได้กี่คน” กงซุนอวี่ถามต่อ
“คนเดียวขอรับ” เซี่ยสิงโจวแบกหน้าตอบ
คนเดียวที่ว่านั้นก็คือหมิ่นหงอี
ซึ่งเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้ว
กองทัพห้าร้อยคนของเขาล้วนถูกฆ่าทิ้งในป่า ไม่เหลือรอดแม้แต่เส้นผม
“ภูเขาผีรึ…” กงซุนอวี่กำหมัดแน่นพร้อมกับหลับตาลง “ที่เดียวกับที่อดีตแม่ทัพใหญ่แคว้นจิ้นถึงแก่อสัญกรรม!”
แม่ทัพเก่าแห่งราชวงศ์จิ้นผู้นี้คือปู่ของกงซุนอวี่ เป็นคนที่มีความกล้าหาญและเก่งกาจในการทำศึก แต่ในที่สุดก็ต้องจบชีวิตลงจากการต่อสู้บนภูเขาผีเมื่อสามสิบปีก่อน
แม้แต่ซากศพของเขาก็นำกลับมาไม่ได้!
เจ้าแห่งเงามืดคือผู้ที่สังหารปู่ของเขา!
คนเดียวกันกับคนที่สถาปนาตำหนักราชครูและกองทัพเซวียนหยวน!
ราชวงศ์จินและตระกูลกงซุนใช้เวลานานกว่าสิบปีในการตามล่าสังหารลูกน้องของเจ้าแห่งเงามืดทีละคน!
ปัจจุบันกองทัพของเซวียนหยวนถูกทำลายไปแล้ว เหลือแค่ตำหนักราชครู
วันไหนที่เขาบุกเข้าไปในเมืองเซิ่งตูได้ เขาจะจัดการเผาตำหนักราชครู…ด้วยน้ำมือของเขาเอง!
กงซุนอวี่หันไปมองมือกระบี่ “ผู้อาวุโสลู่ ข้าอุตส่าห์ไว้วางใจส่งเจ้าไปช่วยเหลือพวกเขา แต่พวกเจ้ากลับมาพร้อมกับศพเนี่ยนะ ข้าเริ่มสงสัยแล้วสิว่าพวกเจ้าไม่อยากจงรักภักดีต่อราชวงศ์แล้ว หรือเป็นเพราะฝีมือของพวกเจ้าด้อยลงกว่าเมื่อก่อนกันแน่”
มือกระบี่ที่ถูกเรียกชื่อว่าผู้อาวุโสลู่จึงตอบกลับด้วยท่าทีไม่ถ่อมตัวแต่ก็ไม่เย่อหยิ่ง “ถึงแม้ข้าไม่อยากยอมรับข้อสงสัยทั้งสองของท่าน แต่ในเมื่อท่านแม่ทัพเริ่มคลางแคลงใจ ข้าเองก็ไร้หนทางโต้เถียง มือกระบี่ของเราเองก็ประสบความสูญเสียอย่างหนักเช่นกัน ผู้อาวุโสเหอและลูกน้องอีกสองคนของเขาตายที่เมืองฉวี่หยาง ส่วนผู้อาวุโสฟางตายที่ภูเขาผีขณะที่กำลังช่วยเหลือหมิ่นหงอี ข้าไม่สามารถนำร่างของผู้อาวุโสฟางกลับมาได้ด้วยซ้ำ”
“พอไม่มีพิฆาตเวหากับวิญญาณทมิฬอยู่ด้วยแล้ว พวกเจ้าก็ล้มไม่เป็นท่ากันเลยทีเดียวนะ” กงซุนอวี่เอ่ยอย่างไม่เกรงใจ
ผู้อาวุโสลู่ยิ้มบางพลางประชด “ไม่ใช่ว่าสถานการณ์จะแย่ลงอะไรหรอก แต่เป็นเพราะแคว้นเยี่ยนมีคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเพิ่มมากขึ้นต่างหาก พวกเราประเมินความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ต่ำไปและไม่ได้ส่งนักกระบี่ที่ทรงพลังไปมากกว่านี้ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ คงต้องย้อนกลับมาถามแม่ทัพกงซุนว่าทำไมถึงไม่ศึกษาข้อมูลของศัตรูไม่ชัดเจน อย่างน้อยพวกเราจะได้เตรียมการรับมือได้!”
กงซุนอวี่กำหมัดแน่น “ทรงพลังเรอะ เฮอะ ก็แค่พวกโจรบ้านๆ !”
เขาไม่ชอบท่าทีของผู้อาวุโสลู่เอาเสียเลย แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อที่แคว้นจิ้นแห่งนี้ สถานะของมือกระบี่เจี้ยนหลูได้รับการยกย่องกว่าคนทั่วไป เนื่องจากน้องสาวคนเล็กของหัวหน้าเจี้ยนหลูเป็นถึงพระชายาแห่งแคว้นจิ้น
นอกจากนี้ เขายังต้องพึ่งพาผู้อาวุโสลู่ในบางเรื่อง
“ยังมีทหารที่หลงเหลือในป่าอยู่อีกเท่าไหร่” กงซุนอวี่หันไปถามเซี่ยสิงโจว
เซี่ยสิงโจวคิดในใจ ใยท่านถึงถามข้าล่ะ ข้าไม่ได้เข้าไปในป่าสักหน่อย
แล้วเขาก็หันไปขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสลู่
ผู้อาวุโสลู่จึงตอบไป “อย่างมากไม่น่าถึงห้าร้อยคน น่าจะมีแค่สามร้อยคนด้วยซ้ำ”
พอกงซุนอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็ฟาดมือลงไปที่พนักเก้าอี้ “กับแค่สามร้อยคน กล้าดีอย่างไรมาทำตัวลอยหน้าลอยตาในภูเขาผี!”
นี่มันดูถูกกันชัดๆ !
เป็นการหยามเหยียดทหารแคว้นจิ้นแบบให้อภัยไม่ได้!
ทหารแคว้นจิ้นห้าร้อยนายพ่ายแพ้ให้กับพวกโจรสวะสามร้อยคนได้อย่างไร
“เซี่ยสิงโจว!” กงซุนอวี่เรียกชื่อลูกน้องของเขาด้วยสายตาที่เย็นชาพร้อมทั้งมือที่กำพนักเก้าอี้จนแน่น
“ขอรับ!” เซี่ยสิงโจวรีบประสานมือ
“พรุ่งนี้เช้า เจ้าต้องนำทัพทหารสองหมื่นนายมุ่งหน้าไปยังภูเขาผี!”
เซี่ยสิงโจวได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งโหยง
ใช้ทหารสองหมื่นนาย…เพื่อต่อสู้กับทหารสามร้อยนายเนี่ยนะ ไม่ต่างอะไรกันกับการขี่ช้างจับตั๊กแตนเลย
แต่พอมาคิดอีกที เขาก็พอเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ของแม่ทัพอยู่บ้าง
ภูเขาผีเป็นที่ที่อดีตแม่ทัพเสียชีวิต และนั่นทำให้กองทัพแคว้นจิ้นอ่อนแอลงอย่างรุนแรงจนถึงขั้นไม่กล้าทำศึกกับแคว้นเยี่ยนมานานกว่าสิบปี
ดังนั้นภูเขาผีจึงเป็นที่ทแม่ทัพใหญ่แค้นฝังจิตเป็นอย่างมาก ถ้าทำได้แม่ทัพใหญ่คงอยากระเบิดเขาลูกนั้นให้ราบเป็นหน้ากลองเสียด้วยซ้ำ
แม่ทัพใหญ่ต้องการจะล้างแค้น!
เขาต้องการทำลายผืนหญ้า ต้นไม้ สิ่งมีชีวิต และกำลังทหารทั้งหมดที่อยู่ในภูเขาต้องสาปนั้น…เพื่อสักการะดวงวิญญาณของอดีตแม่ทัพ!
แม้น้ำเสียงของกงซุนอวี่จะสงบนิ่ง แต่คำเอ่ยของเขากลับเปี่ยมไปด้วยความเลือดเย็น “ฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด แม้แต่กระต่ายตัวเดียวก็อย่าให้เล็ดรอดออกมาได้”
เซี่ยสิงโจวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง และวางกำหมัดลงบนพื้น “น้อมรับบัญชา!”