สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 849-2 หักหน้าเซวียนผิงโหว (2)

บทที่ 849-2 หักหน้าเซวียนผิงโหว (2)

บทที่ 849 หักหน้าเซวียนผิงโหว (2)

กู้เจียวลูบคาง “กองทัพใหญ่แคว้นเหลียงไม่เป็นโล้เป็นพายแล้ว ความเป็นไปได้ที่จะโต้คืนมีน้อย จากนี้ก็ขับไล่กองทัพใหญ่แคว้นเหลียงออกจากด่านเยี่ยนเหมินไปให้หมด แล้วทวงคืนเมืองซินที่ตระกูลหนานกงยึดครองไว้ เมืองฉวี่หยางก็จะปลอดภัยชั่วคราวแล้ว ข้าจะไปเมืองผู่ด้วยกันกับเจ้า”

ถังเย่ว์ซานถาม “เจ้าก็ไปรึ เจ้าไม่อยู่ที่นี่หรือ”

กู้เจียวเอ่ย “ที่นี่ไม่ต้องการข้าในตอนนี้”

ทหารม้าเฮยเฟิงผ่านสงครามใหญ่มาสนามหนึ่ง ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่มีทางรับศึกต่อได้อีก

กู้เจียวเอ่ย “รายงานทางการทหารของเมืองผู่สำคัญมาก ไปกันหลายคนย่อมดีกว่า”

“อืม” เรื่องนี้ถังเย่ว์ซานก็เห็นด้วยยิ่ง

แคว้นจิ้นแต่เดิมก็เป็นแคว้นเบื้องบนที่มีรากฐานที่ล้ำลึกที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังทหารหรือด้านกำลังทรัพย์พวกเขาล้วนเหนือชั้นกว่าแคว้นเหลียง แม่ทัพที่พวกเขาพามาคือกงซุนอวี่ คนผู้นี้จัดการยากเสียยิ่งกว่าฉู่เฟยเผิงมากนัก

“เช่นนั้นก็ได้ พวกเราไปหาเหล่ากู้กัน!”

พอดีเลย เขาก็อยากเห็นภาพ ‘พบพาน’ ของเหล่ากู้กับแม่หนูเหมือนกัน ต้องสนุกมากแน่

ถังเย่ว์ซานมาดร้าย จงใจไม่บอกกู้เจียวว่าตัวตนของนางความแตกต่อหน้ากู้เฉาไปนานแล้ว เขาจะรอดูละครสนุกของสองคนนี้

กู้เจียวขมวดคิ้วมองเขา “ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่”

ชัดเจนเพียงนี้เชียวหรือ

ถังเย่ว์ซานวางมาดจริงจังเอ่ย “ข้าเปล่า อย่าพูดมั่วซั่ว”

กู้เจียวก็กลับไปเก็บสมุนไพรกับเครื่องมือทำคดีที่กระโจมเช่นกัน พกชุดปฐมพยาบาลกับเสื้อผ้าสำหรับยามวิกาลไปด้วย

ในยามนี้ซ่างกวานเยี่ยนยังคงอยู่ในกระโจมของเซวียนผิงโหว เชิงเทียนถูกเปลี่ยนที่วาง จึงสาดส่องไม่เห็นเงาคนในกระโจม

กู้เจียวครุ่นคิด ไม่ไปรบกวนพวกเขาดีกว่า

นางไปบอกที่ปรึกษาหูสักคำ ฝากเขาบอกองค์หญิงกับ ‘พ่อ’ เขาว่านางกับเหล่าถังจะไปสืบสถานการณ์ทหารที่เมืองผู่ ราวๆ สามถึงห้าวันจึงจะกลับ

“ท่านไม่รอเข้าเฝ้าองค์หญิงเสร็จค่อยไปหรือ” ที่ปรึกษาหูนั้นคิดเผื่อให้กู้เจียว นี่เป็นโอกาสทองที่จะได้โผล่หน้าเข้าเฝ้าองค์หญิง องค์หญิงต้องจดจำความดีความชอบของใต้เท้าตนไว้แน่

แต่หากช่วงระยะเวลาที่ใต้เท้าไม่อยู่ฉวี่หยาง กองทัพใหญ่ของราชสำนักหรือทหารรักษาการณ์ชายแดนสร้างความดีความชอบทางการทหารอีก บารมีของใต้เท้าตนอาจจะโดนแบ่งไปหนึ่งส่วนได้

ที่ปรึกษาหูคิดมากเกินไปแล้ว ผู้บัญชาการเซียวเป็นถึงลูกสะใภ้แท้ๆ ขององค์หญิง จะมาความดีความชอบไม่ความดีความชอบอะไรอีก ผู้ใดจะข้ามหัวกู้เจียวไปได้

“ไม่ต้องหรอก ข้าไปนะ”

กู้เจียวมาหยุดข้างกระโจม ราชาม้าเฮยเฟิงตื่นแล้ว กำลังรอนางอย่างกระปรี้กระเปร่า

อันที่จริงกู้เจียวไม่คิดจะพาราชาม้าเฮยเฟิงไป นางอยากให้มันพักสักสองสามวัน แต่ราชาม้าเฮยเฟิงหายเหนื่อยล้าหมดแล้ว เข้าสู่สภาวะพร้อมรบเรียบร้อย

มันตัดสินใจแน่วแน่ที่จะร่วมเดินทางไปกับกู้เจียวแล้ว

กู้เจียวตบแผงคอมันไปมา “ได้ พวกเราออกเดินทางกัน”

ถังเย่ว์ซานขี่ม้าเฮยเฟิงที่ตัวเองได้แบ่งสรรมา ม้าเฮยเฟิงเป็นม้าศึกที่เก่งกาจที่สุดในหกแคว้น เมื่อได้ขี่มันแล้วก็ไม่แลม้าศึกตัวอื่นอีกแล้ว

ม้าเฮยเฟิงยังเก่งกาจเพียงนี้ ไม่รู้ว่ายามขี่ราชาม้าเฮยเฟิงจะมีความรู้สึกเช่นไร

ถังเย่ว์ซานกระแอมเบาๆ เอ่ย “แม่หนู ขอปรึกษาหน่อย ขอข้าลองขี่ม้าเจ้าหน่อยสิ”

กู้เจียวเอ่ย “เช่นนั้นเอาธนูเจ้ามาให้ข้าใช้หน่อยสิ”

ถังเย่ว์ซานรีบพลิกมือปกป้องธนูตระกูลถังที่สะพายอยู่ด้านหลังทันที เอ่ยอย่างระแวดระวัง “ธนูตระกูลถังมีเพียงผู้สืบทอดตระกูลถังอย่างพวกเราจึงมีสิทธิ์แตะต้องได้ เจ้าไม่ได้!”

กู้เจียวไม่สนใจเขา พลิกตัวขึ้นหลังม้า

จู่ๆ ราชาม้าเฮยเฟิงก็โจมตีใส่ม้าของถังเย่ว์ซาน มันยกเกือกหน้าขึ้น ทำม้าเฮยเฟิงตัวนั้นตกใจจนตัวสั่น กีบม้าเกือบหัก!

“เฮ้ย!” ถังเย่ว์ซานรีบก้มลงดึงบังเหียนแน่น ปลอบม้าเฮยเฟิงที่ได้รับความตกใจ

กู้เจียวยกมือขึ้นอย่างสง่า ลูบธนูตระกูลถังบนแผ่นหลังเขาสองทีอย่างง่ายดายไม่เปลืองแรง

โอ้ ลูบได้แล้ว

ถังเย่ว์ซาน “…”

พวกเขาควบม้าเข้าสู่ราตรีสีมืด ออกจากเมืองฉวี่หยางตลอดทั้งคืน มุ่งไปทางเมืองผู่

กู้เจียวรู้ว่าทางเส้นนี้ใกล้ ถึงเมืองผู่ได้ก่อนฟ้าจะสาง

เพียงแต่ว่า เมืองผู่ถูกกองทัพจิ้นยึดครองอยู่ หากคิดจะผสมปนเปเข้าไปกลับไม่ง่ายดาย

ทั้งสองต้องปลอมตัวกัน ม้าสองตัวนี้ก็เช่นกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่อาจให้ใครมองออกว่าเป็นราชาม้าเฮยเฟิงและม้าเฮยเฟิงที่มีกำลังศึกแข็งแกร่ง

“แม่หนู ทำเช่นนี้จะได้จริงๆ หรือ”

ในป่าแห่งหนึ่งละแวกประตูเมือง ถังเย่ว์ซานกำลังทาโคลนบนตัวม้าสองตัวตามการบงการของกู้เจียว

กู้เจียวกำลังวุ่นกับการหวีแผงคอให้ราชาม้าเฮยเฟิง ย่อมต้องหวีให้ยุ่งเท่าใดยิ่งดี พวกเขาต้องดูท่าทางเหมือนหลบหนีออกมาจากคูเมืองละแวกนี้

จากนั้นกู้เจียวก็แปลงโฉมให้ตัวเองกับถังเย่ว์ซาน

“เป็นพ่อกับลูกสาวหรือ” ถังเย่ว์ซานถาม

กู้เจียวชำเลืองมองเขาพลางเอ่ย “เป็นนายท่านกับทาสใบ้”

ถังเย่ว์ซาน “…”

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม ฟ้าก็สว่างพอดี

ทั้งคู่ที่มีสภาพอเนจอนาถขี่ม้ามอมแมม บนตัวยังมี ‘เลือด’ ไหล มายังประตูเมืองผู่

ถังเย่ว์ซานไม่ใช่เซวียนผิงโหว ที่จะมีคนรักแคว้นเยี่ยน เขาไม่มีทางพูดภาษาแคว้นเยี่ยน ฟังออกแค่นิดหน่อยเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้บุคลิกทาสใบ้จึงเหมาะกับเขามาก

ประตูเมืองมีคนมาต่อแถวไม่น้อยแล้ว ในบรรดาคนเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นชายฉกรรจ์แข็งแรงที่โดนกองทัพจิ้นจับมาจากบริเวณรอบๆ อีกส่วนหนึ่งเป็นชาวบ้านที่มาขายผักขายเสบียงให้กับกองทัพจิ้น พวกเขาล้วนขายพืชผลที่พวกเขาตรากตรำเพราะปลูกอย่างยากลำบากในราคาที่ต่ำมาก

นอกจากนี้ยังมีชาวยุทธภพที่ไม่กลัวตายหลายคน และประชาชนที่กลับเข้าเมืองด้วย

ถังเย่ว์ซานเอ่ยเสียงเบา “พวกเราหนีออกมาจากคูเมืองอื่น เหตุผลนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือกระมัง ใครมันจะหนีไปเขตแดนของกองทัพจิ้นกัน”

“โจรกบฏอย่างไรเล่า” กู้เจียวเอ่ย

เอ่อ…เช่นนี้ก็ได้หรือ

“ขะ…ข้ามาขอสวามิภักดิ์ต่อกองทัพแคว้นจิ้น! บิดาข้าเป็นชาวแคว้นเยี่ยน มารดาข้าเป็นชาวแคว้นเหลียง เพียงเพราะสองแคว้นทำสงครามกัน พวกเขาจึงลากมารดาข้าออกไปสังหารอย่างทารุณ! พวกเขายังจะฆ่าข้าด้วย! บอกว่าข้าเป็นมารหัวขนของแคว้นเหลียง! ข้าไม่ยอม! ถือดีอะไร!”

หน้าประตูเมือง ชายหนุ่มที่จะเข้าเมืองคนหนึ่งร้องห่มร้องไห้อย่างใจสลาย

ถังเย่ว์ซานมุมปากกระตุก มีเช่นนี้อยู่จริงๆ ด้วย

ครั้นใกล้จะถึงพวกกู้เจียว จู่ๆ กระเป๋าเงินของกู้เจียวก็ตกลง

นางกำลังจะลงม้าไปเก็บ ในขณะนั้นเอง มือขาวสะอาดข้างหนึ่งก็เก็บกระเป๋าเงินของนางขึ้นมาส่งให้

“น้องชาย เจ้าทำของตก”

เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่ง

กู้เจียวรับกระเป๋าเงินมา “ขอบคุณยิ่ง”

นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านย่ามอบให้นางก่อนจะเดินทาง นางพกติดตัวไว้ตลอด

เด็กหนุ่มแย้มยิ้ม

ท่ามกลางผู้คนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาในเมืองด้วยความตื่นตระหนก เสื้อผ้าของเด็กหนุ่มสะอาดสะอ้านชวนอดให้มองเขามากหน่อยไม่ได้

สายตาของกู้เจียวมองตามเขาไป

เห็นเพียงเขามาหยุดหน้ารถม้าคันหนึ่ง เอ่ยผ่านหน้าต่างรถม้า “คุณชาย ซื้อถังหูลู่ที่ท่านอยากกินไม่ได้ขาย วันนี้ป้าคนนั้นก็ไม่ได้ออกมาตั้งแผง”

หมายความว่าไม่ได้มาซื้อถังหูลู่เป็นครั้งแรกแล้ว

เพลิงสงครามลุกโชนต่อเนื่อง เกรงว่าป้าคนนั้นคงไม่กล้ามาแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าคุณชายท่านนี้ยังรั้นจะมารอทุกวัน

เด็กหนุ่มบ่าวรับใช้ขึ้นไปนั่งบนรถม้า

รถม้าค่อยๆ เคลื่อนเข้าประตูเมืองไป

คนผู้นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตน กู้เจียวกำลังจะเบนสายตาไป ทว่าในขณะนั้นเอง ลมตะวันตกหอบหนึ่งพัดมา ม่านหน้าต่างรถถูกพัดเลิกขึ้น

กู้เจียวเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ใครเทียมภายในรถม้า

แววตานางพลันเบิกกว้าง

สามี

ไม่สิ เซียวเหิงไปด่านชางเสวี่ยแล้ว ไม่มีทางปรากฏตัวที่นี่ได้

คนผู้นั้นคือ…

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset