สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 838 ตกม้าตาย

บทที่ 838 ตกม้าตาย

บทที่ 838 ตกม้าตาย

“เข้าผิดบ้านหรือนี่”

ถังเย่ว์ซานหมุนตัวกลับแล้วเดินออกไปทางด้านนอก

ท่าทีของเขาช่างคล้ายกับเซวียนผิงโหวเวลาที่ถูกจับพิรุธได้ แสดงว่าที่ผ่านมาเขาได้นิสัยแย่ๆ จากเซวียนผิงโหวไปมากแค่ไหน

แต่ก่อนสองคนนี้เคยเป็นปรปักษ์ในทางการเมือง คนหนึ่งภักดีต่อไทเฮา ขณะที่อีกคนภักดีต่อฮ่องเต้

ไม่รู้ว่าพวกเขาสงบศึกกันตั้งแต่เมื่อใด อาจเป็นตอนที่ความขัดแย้งระหว่างไทเฮากับฮ่องเต้ได้คลี่คลายลงแล้ว

จะสมานฉันท์กันก็เอาเลย ข้าไม่ติดใจหรอก แต่นี่อะไร ริอาจร่วมมือกันทำชั่วรึ

พวกเขามาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร

สำหรับคนอย่างเซวียนผิงโหวอาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะเดิมเขาก็เป็นคนไม่ซื่อสัตย์ซ้ำยังไร้ยางอายสุดๆ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีใบหน้างดงามด้วย

ปัญหาคือถังเย่ว์ซาน เขาไม่ใช่คนที่จะมาทำอะไรแบบนี้ได้

เขาเป็นถึงจอมพลผู้ยิ่งใหญ่ หากเขาทำตัวเหมือนคนพาลอย่างเซวียนผิงโหว ป่านนี้ไทเฮาคงเนรเทศเขาไปนานแล้ว

ทั้งสองคนแต่งองค์ทรงเครื่องกันชนิดที่ว่าแทบเหมือนทุกระเบียดนิ้ว ที่ต่างคงจะเป็นที่ปิดตา เซวียนผิงโหวปิดตาข้างขวา ขณะที่ถังเย่ว์ซานปิดตาข้างซ้าย

นอกจากที่ปิดตาแล้ว แม้ทั้งคู่จะแต่งตัวสบายๆ ไร้เครื่องประดับ ทว่าของเซวียนผิงโหวดูสง่าสมมาดหัวหน้าโจรสลัด

เซวียนผิงโหวนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ถอดที่ปิดตาออกหลังจากได้เจอถังเย่ว์ซาน

เขาจึงรีบดึงมันลง

เผยให้เห็นใบหน้าของเขาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ในที่สุดอันกั๋วกงก็เข้าใจแล้วว่าช่างกวานชิ่งได้เอาเยี่ยงเอาอย่างผู้ใดมา

ไม่ใช่แค่หน้าตาเท่านั้น แม้แต่นิสัย…ก็มีส่วนคล้ายไม่น้อยเลยทีเดียว…

เซวียนผิงโหวหันไปยิ้มอ่อนให้ถังเย่ว์ซาน “เข้ามาสิเหล่าถัง”

ไยถึงไม่รีบบอกก่อนละว่าไทเฮาอยู่ที่นี่

ความผิดของเจ้า ของเจ้า ของเจ้าคนเดียว!

ข้าก็บอกแต่แรกแล้วว่าให้ปล้นแค่เรือสินค้า เจ้าดันดื้ออยากปล้นเรือขุนนางเอง!

เมื่อได้เห็นสายตาที่เย็นชาของจวงไทเฮา หัวใจของถังเย่ว์ซานแทบตกลงไปที่ตาตุ่ม!

“ถังเย่ว์ซาน เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก ไหนเล่าให้ข้าฟังเรื่องเหยื่อของเจ้าที” จวงไทเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“เอ่อ…” ถังเย่ว์ซานไม่ใช่คนปากไวเหมือนกับเซวียนผิงโหว คำพูดของเขาจุกอยู่ที่ลำคอ

ถังเย่ว์ซานอยู่ในสภาพมึนงง เหตุใดจู่ๆ ถึงได้จับพลัดจับผลูมาเจอจวงไทเฮาบนเรือของแคว้นเยี่ยนล่ะ แล้วยังมีจี้จิ่วอาวุโส อีกทั้งเด็กสองคนที่หน้าตาคุ้นๆ และคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วย

หรือว่า!

ไทเฮาถูกคนของแคว้นเยี่ยนลักพาตัวมา นี่เขากำลังจะได้รับคุณงามความดีสินะ!

“เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย อย่าคิดไปเอง” จวงไทเฮาพูดแทงใจดำเขาทันที

ถังเย่ว์ซานเอามือกุมหัวตัวเองด้วยความอับอาย ก่อนจะถวายบังคมให้ไทเฮาอย่างรู้สึกผิด “กระหม่อมยินดีที่ได้พบไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ”

“เหอะ!” จวงไทเฮาถอนหายใจอย่างเยือกเย็น

ถังเย่ว์ซานหันไปมองกั๋วกงอันด้วยความสงสัย “เขาผู้นี้คือใครหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ชายคนนี้ดูเหมือนจะอ่อนแอที่สุดในห้อง แต่รังสีของเขากลับดูแข็งแกร่งที่สุดหากไม่นับไทเฮาและเซวียนผิงโหว

จวงไทเฮาไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งแนะนำเขา หน้าที่นี้จึงตกเป็นของเซวียนผิงโหว และเขามีความสุขมากที่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้ไทเฮา

เซวียนผิงโหวแนะนำพวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “บุรุษผู้นี้คือกั๋วกงอันแห่งแคว้นเยี่ยน และเป็นญาติของข้าด้วย”

ถังเย่ว์ซานได้ยินดังนั้นก็ทำหน้ามึนทันที “แล้วเหตุใดอยู่ดีๆ ถึงมาปล้นคนกันเองแบบนี้ล่ะ”

เซวียนผิงโหว “…”

จากนั้นถังเย่ว์ซานก็ได้รู้ว่าเด็กอีกสองคนเป็นน้องชายของแม่นางคนนั้น เขาหยิบลูกมรกตและทองคำที่ปล้นมาได้สองลูกออกมาอย่างไม่เห็นแก่ตัวและมอบให้พวกเขาเป็นของเล่น

ทว่ากู้เหยี่ยนไม่รับของ

หลังจากครุ่นคิดอยู่พัก จนกระทั่งกู้เหยี่ยนจูงมือกู้เสี่ยวซุ่นแล้วเดินออกไป เขาเพิ่งจะระลึกได้ว่าลูกชายของเขาถังหมิงเคยก่อเรื่องแย่เกินให้อภัยกับกู้เหยี่ยน

เราไม่มีทางรู้เลยว่าเวลาก้อนอิฐหล่นทับเท้านั้นจะเจ็บแค่ไหนจนกว่าเราจะโดนเอง

พอโดนเข้าจริงๆ มีความรู้สึกต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย

แน่นอนว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเสริมกำลังให้กู้เจียว สถานการณ์ของกู้เจียวในตอนนี้เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าพวกเขาจะรีบเร่งไปทางตะวันออก แต่รายงานการต่อสู้จากทางตะวันตกยังคงเข้ามาอย่างเร่งด่วนจากแปดร้อยลี้หรือจากนกพิราบคาบข่าว พวกเขารู้อยู่แล้วว่ากู้เจียวนำกองทหารม้าเข้าเพื่อยึดเมืองฉวี่หยางโดยลำพัง

เมืองฉวี่หยางเป็นป้อมปราการของประตูชายแดนเยี่ยนเหมิน และถูกควบคุมโดยกลุ่มกบฏตระกูลหนานกงราวแปดหมื่นนาย

เมื่อคิดถึงความต่างของกองกำลังทหาร รวมถึงการที่กู้เจียวต้องเดินทางหลายพันลี้เพื่อทำสงคราม ก็ยิ่งทำให้ไทเฮาวิตกกังวล

นี่มันยากกว่าตอนที่ปราบพวกแคว้นเฉินกับพวกอดีตราชวงศ์เสียอีก

อย่างน้อยคราวก่อนกู้เจียวต่อสู้อย่างลับๆ ผู้นำทัพในครั้งนั้นก็มีจำนวนไม่น้อย มีทั้งถังเย่ว์ซาน ติ้งอันโหวกู้เฉา กู้ฉังชิง และแม่ทัพคนอื่นๆ ที่ประจำอยู่ที่ชายแดน อีกทั้งราษฎรก็ให้ความร่วมมืออย่างดี

เป็นการต่อสู้ที่กองทัพและราษฎรสามัคคีกัน

ทว่าครั้งนี้ เจียวเจียวกำลังเผชิญกับอันตรายจากทุกทิศทุกทาง

จีจิ่วอาวุโสเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่แคว้นเยี่ยนให้พวกเขาได้ฟัง รวมถึงเหตุผลที่เด็กๆ มาที่นี่เพื่อรักษาอาการป่วยของกู้เหยี่ยน อีกทั้งเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเซียวเหิงและเซียวชิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วพูดคุยเกี่ยวกับการเผชิญหน้าต่างๆ ที่กู้เจียวประสบพบเจอ

พูดง่ายๆ ก็คือมาบำเพ็ญทุกรกิริยานั่นเอง…

ทั้งเรื่องที่ทำวงการคลีม้าสั่นสะเทือน การสังหารหนานกงลี่ รวมถึงกวนน้ำในสระของตระกูลในเมืองเซิ่งตูให้ขุ่น

พวกเขาฟังไปก็พยักหน้าไปด้วยความภาคภูมิใจ

สมกับเป็นลูกสะใภ้/พี่น้องของพวกเขาจริงๆ

จี้จิ่วเห็นท่าทีของพวกเขาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรต่อ

ด้วยความที่เรื่องราวเยอะเกินไป พวกเขาอาจยังย่อยไม่ทัน

แต่ก็ไม่เป็นไร

ความคิดของสตรีก็เหมือนตู้ที่ทุกอย่างกองรวมกัน ขณะที่ความคิดของบุรุษเหมือนลิ้นชัก ที่ใส่ของต่างๆ ได้หลากหลายอารมณ์ โดยไม่กระทบกระเทือนกัน

ให้พวกเขาค่อยๆ ย่อยข้อมูลไประหว่างทางก็แล้วกัน

ถังเย่ว์ซานกระแอมในลำคอ ก่อนตัดสินใจหาทางชิงดีเข้าตัว “ทูลไทเฮา อันที่จริง ไม่ได้มีแค่พวกเราสองคนที่มาที่นี่ขอรับ”

ไทเฮาขมวดคิ้วทันที “ยังมีใครอีก”

ลำพังแค่เซวียนผิงโหวกับถังเย่ว์ซานก็น่าตกใจพอแล้ว จวงไทเฮานึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีคนสำคัญคนไหนในแคว้นเจาที่มีความสามารถหรือมีบุคลิกที่แข็งแกร่งพอที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนสองคนนี้ได้อีก

ในตอนนั้นเอง ถัดจากเรือของพวกเขาราวหนึ่งลี้ มีเรือโจรสลัดลำใหญ่กำลังจอดเทียบท่า

ร่างที่สง่างามและเคร่งขรึมของบุรุษท่านหนึ่งยืนอยู่ใต้เสา วางมือไว้ด้านหลัง มองทะเลคลื่นลมแรงอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมทั้งเส้นผมสีขาวที่ปลิวไปตามลมทะเล

ทันใดนั้น มีเรือลำเล็กแล่นเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็ว

ไม่นานเรือเล็กลำนั้นก็มาถึงที่เรือของเขา

บุรุษบนเรือใหญ่ไม่ได้มีท่าทีจะสั่งให้ลูกเรือปล่อยกระไดรับเรือเล็กแต่อย่างใด ผู้มาเยือกทั้งสองจึงค่อยๆ ใช้วิชาตัวเบาเหาะขึ้นไปแทน

“เหล่ากู้เอ๋ย” ถังเย่ว์ซานเดินก้าวใหญ่เข้าไปหาพร้อมกับตบเข้าที่หัวไหล่ของอีกฝ่าย “บอกให้ไปก็ไม่ยอมไป เลยพลาดเรื่องสนุกๆ เลย”

“เอามือของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้” ท่านโหวกู้หรี่ตาให้ถังเย่ว์ซาน

หากนับตามลำดับขุนนางแล้ว ถังเย่ว์ซานมีตำแหน่งสูงกว่าเขา แต่ว่างานนี้ฝ่าบาทสั่งให้ท่านโหวกู้เป็นผู้นำ

หากเกิดสงครามขึ้นจริง ถังเย่ว์ซานจะต้องฟังคำสั่งจากเขา

เขาจะรู้เรื่องที่ถังเย่ว์ซานกับเซวียนผิงโหวปลอมเป็นโจรสลัดและบุกปล้นเรือคนอื่น แม้จะมีท่าทีดูถูกเหยียดหยาม แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามอย่างเคร่งครัดเสียทีเดียว

หนึ่งคือเซวียนผิงโหวเป็นคนดื้อ ห้ามอย่างไรก็คงไม่ฟัง

ประการที่สอง เมื่อน้ำใสเกินมักจะไม่มีปลา หลังจากที่เขาอยู่ในวงการมานานหลายปี สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือรักษาสมดุลของตัวเองไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ก็ค่อยจัดการเป็นเรื่องๆ ไป ต่อให้เขาไม่ลงมือ ย่อมต้องมีคนจัดการให้อยู่ดี

เขาไม่ใช่คนเข้มงวดและใจร้ายถึงขั้นนั้น

ที่เขาตามมาก็เพื่อไม่ให้สองคนก่อความวุ่นวายจนเกินงาม

และดูเหมือนทุกอย่างก็กำลังไปได้สวย เรียกได้ว่ายังไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น

เซวียนผิงโหวคลี่ยิ้มอ่อนพร้อมกับเอ่ยทัก “ท่านโหวเอ่อร์”

“ก่อเรื่องอะไรมาอีกแล้ว!” นี่คือประโยคแรกที่ท่านโหวกู้ทักทายพวกเขา

“คนอย่างข้าน่ะหรือจะไปก่อเรื่องอะไรได้” เซวียนผิงโหวเอ่ยพร้อมทำท่าแบมือ “ก็แค่บังเอิญไปเจอกับไทเฮาเท่านั้นเอง!”

ฟังจบ ท่านโหวกู้แทบจะหน้าทิ่มลงทะเล!

“เจ้าว่าอะไรนะ ไทเฮาทรง…”

ถังเย่ว์ซานรีบอธิบายเสริม “ไม่เพียงแค่ไทเฮาเท่านั้น หลานๆ ของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน แต่ท่านอาจไม่มีโอกาสได้เจอพวกเขาแล้วก็เป็นได้ ตอนนี้พวกเรามีภารกิจใหม่แล้ว เราจำเป็นต้องออกเดินทางทันทีเพื่อเสริมกำลังทหารม้าของแคว้นเยี่ยน อ้อ ข้าลืมบอกสนิทเลยว่าพวกเรากำลังไปช่วยเหลือหลานสาวของท่าน”

ท่านโหวกู้ขมวดคิ้วแน่น

ถังเย่ว์ซานที่ถูกเซวียนผิงโหวแพร่เชื้อปากเสียก็ได้พูดท้าทายท่านโหวกู้อย่างไม่ไว้หน้า “จะเอาอย่างไรเล่าท่าน จะทำเป็นไม่รู้อีกรึ”

ด้วยความที่กู้เจียวออกจากแคว้นเจาไปเป็นเวลานาน มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่ รวมถึงข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับกู้เจียว

และแน่นอนว่าเขาไม่สนใจข่าวลือพวกนั้น

ต่อให้กู้เจียวจะได้รับการยกย่องให้เป็นองค์หญิงผู้พิทักษ์ แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ยังต้องพยายามอย่างหนักเพื่อปกปิดเสื้อเกราะเล็กๆ ของนางเวลาอยู่ต่อหน้าท่านโหวกู้

แต่สุดท้ายความก็แตกอยู่ดี ถ้าไม่ใช่เพราะท่านโหวกู้เอาแต่พูดสั่งสอนเจ้าตัวเล็กกู้เสี่ยวเป่าขณะที่อุ้มไว้ในอ้อมกอด เช่น ‘โตไปอย่าเป็นเหมือนพี่สาวของเจ้านะ’ ‘แค่มีวิทยายุทธ์นิดหน่อยก็คิดว่าตัวเองเก่งแล้วรึ’ ‘วันๆ เอาแต่รังแกพ่อมันอยู่ได้’ เป็นต้น

แล้วท่านโหวกู้ก็ดันมาได้ยินคำพูดพวกนี้เข้าพอดีขณะที่เขากำลังจะมาเยี่ยมหลานกู้เสี่ยวเป่า

หลังจากที่ได้ความทั้งหมด กู้เจียวก็ความแตกทันที

แค่เรื่องวิทยายุทธ์เรื่องเดียว กู้เจียวก็แทบดิ้นไม่หลุดแล้ว

ไหนจะหน้ากากของนางที่ท่านโหวกู้เห็นบ่อยๆ ที่เก็บอยู่ในห้องของกู้เจียว แม่นางเหยาเอาของพวกนี้ไปซ่อนไว้ไม่ทัน เลยยิ่งความแตกเข้าไปใหญ่

“ข้าไม่มีหลานสาวแบบนี้” ท่านโหวกู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เป็นสาวเป็นนางก็ควรทำตัวให้เหมาะสม อยู่เหย้าเฝ้าเรือน ออกไปรำมีดรำปืนทั้งวันทั้งคืนแบบนั้น ใช้ได้ที่ไหน แถมยังมีการมาหลอกเพื่อให้ตัวเองได้ออกไปเป็นทหารม้าของแคว้นเยี่ยนอีก มันจะเกินไปแล้วนะ!

“เหล่าเซียว เขาไม่ไปหรอก” ถังเย่ว์ซานเอ่ยกับเซวียนผิงโหว

“ก็ได้ งั้นพวกเราไปกันเถอะ” เซวียนผิงโหวตอบลอยๆ

ถังเย่ว์ซานพยักหน้า

ทว่า วินาทีต่อมา พวกเขายกมือขึ้นพร้อมๆ กันแล้วคว้าร่างของท่านโหวกู้ไว้คนละข้าง!

ท่านโหวกู้ที่จู่ๆ ถูกลากตัวกระทันหันก็ร้องตะโกนด้วยความโกรธ “พวกเจ้าทำอะไรน่ะ”

เซวียนผิงโหวยิ้มมุมปาก “ก็ไปชายแดนด้วยกันอย่างไรเล่า”

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset