สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 798 จุดจบของชาติก่อน (1)

บทที่ 798 จุดจบของชาติก่อน (1)

บทที่ 798 จุดจบของชาติก่อน (1)

กู้เจียวสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ดวงตาของนางยังคงแดงก่ำจากฝันร้าย

ในฝันเต็มไปด้วยหมอกควันสีเลือด ราวกับกำลังลอยมาปกคลุมทั่วทั้งห้องแห่งนี้ แม้แต่ม่านมุกสีขาวบริสุทธิ์ก็กลายเป็นสีโลหิตของโมรา

กลิ่นคาวเลือดชวนอาเจียนคละคลุ้งเต็มไปทั่วห้อง บนเพดานห้องมีศพที่อเนจอนาถแขวนอยู่

แปะ แปะ แปะ แปะ

หยดเลือดสีแดงสดไหลรินลงมาจากเพดานตกลงบนใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของนาง

“เจียวเจียว!”

“เจียวเจียว!”

เหมือนมีเสียงใครบางคนกำลังเรียกชื่อนาง

“เจียวเจียว! เจียวเจียว!” เสี่ยวจิ้งคงปีนขึ้นไปบนเตียง จับไหล่ของนางเขย่าไปมา “เจียวเจียว เป็นอะไรไปทำไมไม่ตอบข้า”

ศพอาบเลือดนั้น ถูกใบหน้าอันไร้เดียงสาของเด็กน้อยบดบัง ภาพความฝันหายไปในพริบตา กู้เจียวกระพริบตาสองสามครั้ง พยายามตื่นจากฝันร้ายนั่น

นางจ้องมองเสี่ยวจิ้งคงที่เบิกตาโพลงด้วยความกังวล ตอบรับด้วยเสียงแหบแห้งแต่เรียบเฉย “จิ้งคง”

เสี่ยวจิ้งคงถอนหายใจยาว “เมื่อครู่ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก”

กู้เจียวพิงนอนบนเตียงนุ่ม ยกมือขึ้นโอบเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด “ข้าไม่เป็นไร”

จู่ๆ เสี่ยวจิ้งคงได้รับอ้อมกอดแห่งรัก รู้สึกขวยเขินจนแทบจะทนไม่ไหว

ฝ่ามือน้อยปิดใบหน้าแดงก่ำ เท้าป้อมแกว่งไปมาอย่างไม่รู้จะวางไว้ที่ไหน

เห็นไหมล่ะว่าเจียวเจียวน่ะชอบข้าที่สุด!

“หืม…เจียวเจียว…เจียวเจียว เจ้ากอดแน่นไปแล้ว…”

เขา… เขา… เขา… เขาแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว

เจ้าเด็กโง๋เอ๋ย เหตุใดถึงได้มาที่นี่ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นกับดัก เหตุใดถึงยังมาเก็บศพให้ข้าอีก

“เจียวเจียว… พวกเรากลับบ้านกันเถอะ… ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน…”

ร่างกายอาบเลือดของเด็กหนุ่มโอบกอดนางไว้แน่น ดั่งเช่นตอนที่นางกอดเขาไว้ตอนเด็ก เขาตาแดงก่ำ แผ่นหลังและขาของเขาเต็มไปด้วยลูกธนูที่แวววาว

โลหิตอุ่นร้อนของเขาย้อมเส้นถนนสู่ยมโลกของนาง

เขาพานางขึ้นแพไม้ไผ่เพื่อกลับบ้าน แต่ตัวเขาเองกลับล้มลงบนชายฝั่งริมแม่น้ำที่เต็มไปด้วยไฟสงคราม

เทพเจ้าแห่งสงครามที่อายุน้อยที่สุดแห่งต้าเยี่ยน… ได้สิ้นลมแล้ว!

หลังจากกินอาหารเช้า กู้เจียวก็ไปที่ค่ายเฮยเฟิงตามปกติ

นางเริ่มต้นด้วยการตรวจดูสนามฝึกซ้อมต่างๆ ครูฝึกต่างกวาดขัดอย่างเข้มงวด เหล่าทหารม้าเฮยเฟิงฝึกหนักดั่งภารกิจแห่งชีวิต

หลังจากจัดการกับครูฝึกม้าไปสิบกว่าคน เสี่ยวสืออีก็ยังไม่หยุดซน พลังเหลือล้นจนม้าทุกตัวต่างรำคาญ

แม้แต่การฝึกหลบระเบิดที่ม้ากลัวที่สุด มันก็ติดใจในทันที

ฝูงม้าเรียงราวเป็นขบวนถูกเจ้านกรบกวนจนต้องถอยหนี จนสนามฝึกซ้อมกลายจุดเกิดเหตุรถม้าพลิกคว่ำ

สุดท้ายราช้าม้าเฮยเฟิงก็ออดโรงและใช้กำลังปราบปรามเสี่ยวสืออี เสี่ยวสืออีจึงยอมไปฝึกแต่โดยดี

ทว่าท่าทางแสนเชื่องนั้นเป็นเพียงละครตบตา ยามเดินเดินผ่านทหารม้าเฮยเฟิงนายหนึ่ง มันก็ยกขาขึ้นและเตะก้นม้าตัวนั้นทันที!

ม้า “…”

เหตุใดถึงได้กวนบาทาเช่นนี้!

บทเรียนราคาแพงสำหรับคนชอบยั่วโมโห เสี่ยวสืออีโดนราชาเฮยเฟิงจัดการอีกครั้ง สุดท้ายก็โดยสั่งสอนด้วยไม้แข็ง สภาพน่าสงสารเหลือเกิน

“ใต้เท้า! ใต้เท้า!”

ที่ปรึกษาหูวิ่งตัวปลิวมาอย่างกระฉับกระเฉง วันนี้เขาได้เรียนรู้แล้ว ในมือถือพัดขนนกมาจากไหนไม่รู้

เขาพัดให้กู้เจียวพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านมาเช้ายิ่งนัก ฟ้าเพิ่งสว่างได้ไม่นานเอง!”

ที่ปรึกษาหูยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางเอ่ย “ประกาศคำสั่งของท่านเมื่อวานนี้ เสมือนสายฟ้าขจัดวิญญาณร้ายผ่าลงกลางค่ายเฮยเฟิง เหล่าแม่ทัพที่ท่านแต่งตั้งล้วนเคารพท่านอย่างแท้จริง มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะไม่ฝึกทหารอย่างจริงจัง ท่านวางใจได้เลย!”

แม่ทัพที่นางแต่งตั้งนั้น ส่วนหนึ่งมาจากกองทัพเก่าของตระกูลเซวียนหยวน อีกส่วนเป็นเลือดใหม่ที่เข้ามาภายหลัง

พวกเขาฝึกทหารอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพราะเคารพนางอย่างแท้จริง แต่เป็นเพราะระเบียบวินัยและประเพณีของค่ายเฮยเฟิงสืบทอดมาอย่างนี้

เข้มงวดกับตัวเอง แล้วเข้มงวดกับผู้อื่น

นางมีเพียงแค่ตำแหน่งในนาม แต่ทุกคนไม่ได้ศรัทธานางจากใจจริง เพียงแค่ทำตามคำสั่งเพราะเป็นหน้าที่ของพวกเขาเท่านั้น

ที่ปรึกษาหูเห็นกู้เจียวไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองสอพลอผิดไม่ถูกที่ถูกทางหรืออย่างไร

เขาจึงยิ้มพลางเอ่ย “อากาศร้อนขนาดนี้ เชิญใต้เท้าไปพักผ่อนในกระโจมก่อนเถิดขอรับ”

กู้เจียวไพล่มือไว้ด้านหลังเอ่ยตอบ “ข้าจะไปหาเหวินเหรินชงก่อน”

ว่าจบก็หันหลังกลับและเดินไปที่ค่ายโฮ้วเป้ยหยิง

ที่ปรึกษาหูอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทัน “ไอ้หยา… ใต้เท้า! ใต้เท้า!”

“อ้อ เจ้าไปจัดการเรื่องนี้ให้ข้าก่อน” กู้เจียวสั่งงานเสร็จแล้วจึงไปหาเหวินเหรินชง

เมื่อวานตอนนางกำลังจะออกเดินทาง ยังมีอาวุธและชุดเกราะมากมายกองอยู่ในลาน แต่ตอนนี้กลับมองไม่เห็นแล้ว

ดูเหมือนว่าเหวินเหรินชงจะซ่อมแซมมันทั้งหมดเมื่อคืนนี้

ช่างเป็นคนทำงานมีประสิทธิภาพดีแท้

เหวินเหรินชงนั่งซ่อมแซมชุดเกราะที่ส่งมาเมื่อเช้านี้ในเรือน

กู้เจียวเดินเข้าไป

เหวินเหรินชงเงยหน้ามองนาง

กู้เจียวมองเงาบนพื้นแล้วเอ่ย “ข้าไม่ได้บังแสงนะ”

เหวินเหรินชงก้มหน้าซ่อมชุดเกราะต่อ

“ให้ข้าช่วยไหม” กู้เจียวถาม “ข้าเคยเป็นหมอ เย็บแผลก็เป็นงานถนัดของข้านะ”

เหวินเหรินชงขมวดคิ้ว ราวกับจะรำคาญเด็กน้อยคนนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไล่เขาอย่างไร

เขาจึงเอ่ยเพียง “ไม่ต้อง”

กู้เจียวนั่งลงที่ธรณีประตู วางข้อศอกบนเข่า เท้าคางมองเขา “เมื่อวานข้าไปพบกับหลี่เซินและจ้าวเติงเฟิงมา”

“สรุปเจ้าต้องการทำอะไรกันแน่” เหวินเหรินชงขมวดคิ้วถาม

“ก็แค่รวบรวมเหล่าทหารเก่าของตระกูลเซวียนหยวนอย่างไรเล่า” กู้เจียวตอบอย่างตรงไปตรงมา

ค่ายเฮยเฟิงอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลหันมายาวนานกว่าสิบปี จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่ายังคงมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าตระกูลหันกลับปลดทหารที่เก่งกล้าออกไปเป็นจำนวนมาก เหล่าทหารเก่าของตระกูลเซวียนหยวนหลายคนจึงทยอยลาออกจากค่าย

เหวินเหรินชง หลี่เซิน จ้าวเติงเฟิง และสื่อจงขุยที่ตายไปแล้วเคยเป็นแม่ทัพใหญ่ทั้งสี่แห่งค่ายเฮยเฟิง ผู้คนต่างขนานนามพวกเขาว่ามหาเซียนทั้งสี่

แต่ ณ ตอนนี้ เหลือเพียงเหวินเหรินชงคนเดียว และเขาก็กลายเป็นช่างตีเหล็กไปเสียแล้ว

หากกู้เจียวต้องการกอบกู้ขวัญกำลังใจของทหารในค่ายเฮยเฟิง นางจำเป็นต้องรวบรวมเหล่าทหารเก่าของตระกูลเซวียนหยวนให้กลับมารวมกันอีกครั้ง

“ตระกูลเซวียนหยวนสูญสิ้นแล้ว” เหวินเหรินชงเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย

กู้เจียวเอ่ยถาม “ข้าจะถามเจ้าทุกวัน เจ้าจะกลับไปอยู่ทัพหน้าหรือไม่ ถ้าไม่กลับ ข้าจะกลับมาถามอีกพรุ่งนี้”

เหวินเหรินชงตอบอย่างเย็นชา “ข้าต้องเอ่ยอีกกี่ครั้งเจ้าถึงจะเข้าใจ ถึงแม้เจ้าจะถามข้าหนึ่งปี สองปี หรือห้าปี ข้าก็จะไม่ตอบตกลง”

กู้เจียวขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าเจ้าจะอยู่ที่ค่ายเฮยเฟิงหนึ่งปี สองปี ห้าปี… ตลอดไป โดยไม่คิดจะจากไปเลยสินะ”

เหวินเหรินชงลุกขึ้นยืนอย่างว่องไว เดินไปต้มน้ำร้อน “เจ้ากลับไปได้แล้ว!”

กู้เจียวลุกขึ้นยืน สะบัดชายเสื้อ “พรุ่งนี้พบกันใหม่!”

เหวินเหรินชงชักคันโยกที่สูบลม ไม่ได้หันกลับมามอง

กู้เจียวเดินวนไปรอบๆ ค่ายทหารอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปที่กระโจมของตัวเอง

ที่ปรึกษาหูกลับมาแล้ว

“จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง” กู้เจียวถาม

“เรียบร้อยแล้วขอรับ” ที่ปรึกษาหูตอบ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ที่ปรึกษาหูได้รับมอบหมายงานสำคัญหลังจากมาประจำการที่ค่ายทหาร เขาจึงทุ่มเททำอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้จึงรวดเร็วและดีเยี่ยม

กู้เจียวลองชั่งถุงเงินที่ที่ปรึกษาหูส่งให้ โดยไม่ต้องนับก็รู้ว่าจำนวนเงินครบถ้วน จากนั้นจึงเหน็บถุงเงินไว้ที่เอว

ที่ปรึกษาหูดีใจมากที่กู้เจียวไว้ใจเขา ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้แสดงฝีมือและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset