สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 774 ท่านย่ามาแล้ว

บทที่ 774 ท่านย่ามาแล้ว

บทที่ 774 ท่านย่ามาแล้ว

ตกดึก จันทราลอยเด่นกลางนภา ภายในตำหนักเหรินโซ่วเงียบสงัด

“เจียวเจียว…”

จวงไทเฮาที่อยู่บนแท่นบรรทมสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝัน

นางลืมตาโพรง ม่านมุ้งอันคุ้นตาเข้าสู่ม่านตา นางยังคงมึนงงอยู่

“ไทเฮา เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ” ฉินกงกงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงรีบผลักประตูเข้ามาด้านใน หยุดอยู่ข้างแท่นบรรทมของไทเฮา

เขาเลิกม่านมุ้งขึ้น เลิกม่านขึ้นแล้วห้อยด้วยตะขอเกี่ยว

ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนที่แล้วมา กอปรกับภายในตำหนักมีถังน้ำแข็งวางไว้ ฉินกงกงเข้ามาจึงรู้สึกถึงไอเย็นโชยมาเป็นระลอกๆ แต่จวงไทเฮากลับเหงื่อท่วมร่าง

จวงไทเฮาหอบกระชั้นด้วยความตกใจ

ฉินกงกงมองนางอย่างกังวล “ไทเฮา ฮองเฮาฝันร้ายอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝันถึงแม่นางกู้อีกแล้วใช่หรือไม่ เมื่อครู่เหมือนบ่าวได้ยินท่านเรียกชื่อแม่นางกู้”

จวงไทเฮาเลิกผ้าห่มไหมบนตัวออก ฉินกงกงรู้ว่านางจะลงจากเตียง จึงรีบเอื้อมมือไปประคองนางไว้

จวงไทเฮาคว้ามือเขาพลางลุกขึ้นนั่ง ฉินกงกงจะคุกเข่าลงไปช่วยใส่รองเท้าให้นาง นางโบกมือไปมา “ไม่ต้องหรอก”

ตอนอยู่ที่ตรอกปี้สุ่ยไม่มีใครช่วยนางใส่รองเท้า ซ้ำนางยังต้องทำงานอีกด้วย นางชินเสียแล้ว

จวงไทเฮาสวมรองเท้าเดินไปข้างหน้าต่าง

ฉินกงกงปล่อยม่านลง เดินไปดันหน้าต่างเปิดออก แล้วจุดเครื่องหอมที่กู้เจียวทำเอาไว้ก่อนจะจากไป

จวงไทเฮาทอดมองดวงดาราพราวพร่างบนนภาและจันทร์เดียวดาย ก่อนทอดถอนพระทัยอย่างกลัดกลุ้ม “ไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง กู้เหยี่ยนเด็กคนนั้นจะรอดหรือไม่”

ฉินกงกงยิ้มเอ่ย “ท่านชายน้อยกู้คนดีสวรรค์คุ้มครอง แม้ประสบเรื่องร้ายต้องกลายเป็นดีแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแม่นางกู้กับใต้เท้าเซียวอยู่ข้างกายเขาอีก ความสามารถของพวกเขาไทเฮายังวางพระทัยไม่ลงอีกหรือ”

จวงไทเฮานัยน์เนตรเหม่อไกล “แคว้นเยี่ยนคือภูผาแกร่งไม่มีวันสั่นคลอน ยามดูอยู่ต่อหน้าขุนเขา แม้จะเก่งกาจเพียงใดก็คือคนตัวกระจ้อยร่อยอยู่วันยังค่ำ แต่ถึงกระนั้น เด็กสองคนนี้ก็คงไม่มีวันยอมแพ้หรอกกระมัง”

ไทเฮา… กำลังหมายถึงอะไร เหตุใดเขาจึงไม่เข้าใจเลยเล่า

จวงไทเฮาตรัสเสียงนิ่ง “แมลงเม่าเขย่าต้นไม้ น่าขันที่ไหน”

ฉินกงกงยิ่งฟังยิ่งมึนงง

จวงไทเฮาทอดมองไปทางแคว้นเยี่ยน “หมู่นี้ข้ามักจะฝันเห็นเรื่องร้ายๆ ”

ฉินกงกงถามอย่างนอบน้อม “ฮองเฮา…ฝันเห็นอะไรหรือ”

จวงไทเฮาตรัสอย่างคนที่ยังไม่หายกลัว “ข้าฝันเห็นเจียวเจียวนอนจมกองเลือด นอนอยู่บนผืนดินแคว้นเยี่ยน กลับมายังข้างกายข้าไม่ได้อีกแล้ว”

ฉินกงกงรีบเอ่ย “เพราะท่านเป็นห่วงแม่นางกู้เกินไป กลางวันคิดถึง กลางคืนจึงเก็บไปฝัน! อีกอย่างนะพ่ะย่ะค่ะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดี ฝันเห็นเลือด จะมีโชคนะพ่ะย่ะค่ะ!”

จวงไทเฮาพยักหน้าคล้ายคิดบางอย่าง “เหมือนจะเคยได้ยินคำกล่าวเช่นนี้มาบ้าง”

ฉินกงกงแย้มยิ้ม “บ่าวจะหลอกท่านได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

จวงไทเฮายังคงทอดสายตามองไกล “ข้าจำได้ว่าเคยบอกเจ้าว่า ข้าเมื่อสิบหกปีก่อนเป็นบุตรสาวสายตรงตระกูลจวง สิบหกปีต่อมาเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นเจา สี่สิบปีต่อมากลายเป็นไทเฮาที่ออกว่าราชการแทนพระองค์แห่งแคว้นเจา ชั่วชีวิตนี้ข้าล้วนดำรงอยู่เพื่อตระกูลจวง เพื่อราชสำนัก เพื่อผืนแผ่นดินแคว้นเจียง ข้าอายุปูนนี้แล้ว เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่ปีแล้ว ข้าอยากใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักครั้ง”

ฉินกงกงตกใจกับถ้อยคำนั้นจนตัวสั่น รีบเอ่ย “ไทเฮาทรงพระเจริญเป็นร้อยปีโน่นพ่ะย่ะค่ะ!”

จวงไทเฮาตรัสอย่างสงบ “เป็นพันปีข้าก็ไม่ต้องการ ข้าต้องการแค่ให้เจียวเจียวของข้ากลับมา”

ณ ตรอกปี้สุ่ย

จี้จิ่วอาวุโสเขียนฎีกาฉบับสุดท้ายเสร็จ ก็วางไว้บนโต๊ะ แล้วใช้แท่นฝนหมึกทับไว้

เขาพรูลมหายใจยาวเหยียด “น่าจะหมดแล้วกระมัง ที่ควรทูลก็ทูลไปอย่างชัดแจ้งแล้ว… แต่ต่อให้จะทูลไม่ชัดเจนก็เหมือนจะไม่เป็นไรนัก เดิมทีก็ใช่ว่าราชสำนักจะขาดข้าไม่ได้อยู่แล้ว”

เขาถนัดทำอะไรลับหลังมากกว่า

ยามจัดการสิ่งใด เขาคนเดียวเอาชนะกองทัพนับพันได้ แต่หากต้องช่วยฮ่องเต้ปกครองแผ่นดิน ก็ยังต้องการผู้มีความสามารถอย่างราชเลขาหยวนมาช่วยอยู่ดี

“หากข้ามีจุดใดที่สะเพร่าไป เหล่าหยวนจะพิจารณาแทนฝ่าบาทเอง จุดนี้เขาไม่ต้องเป็นกังวลเลย”

จี้จิ่วอาวุโสเอ่ยพลางหยิบห่อสัมภาระที่เก็บเรียบร้อยออกมาจากตู้

สุดท้าย หยิบหนังสือราชการที่ปลอมแปลงเรียบร้อยเสียทีด้วยเวลาหนึ่งเดือนกว่าขึ้นจากบนโต๊ะ แล้วเอ่ยอย่างเห็นความตายดุจคืนสู่มาตุภูมิ “อาเหิง อาจารย์กำลังจะไปหาเจ้าแล้ว!”

เขาสะพายสัมภาระออกไปจากห้อง

เสียงฟ้าคำรามดังขึ้นจากขอบฟ้า ดูท่าฝนกำลังจะตก

เขาต้องรีบไปที่ศาลาพักม้า ที่นั่นมีรถม้าคอยท่าไว้แล้ว

เขาดึงกลอนประตูออก ลากประตูเรือนเปิดอย่างระมัดระวัง

สายฟ้าแลบปลาบ ส่องกระทบเงาร่างน้อยดำทะมึนของหญิงชราตรงหน้าประตู

จี้จิ่วอาวุโสตกใจจนขวัญกระเจิง เกือบจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้พระองค์ก่อนเสียเดี๋ยวนั้นแล้ว!

จี้จิ่วอาวุโสเรียกขวัญของตัวเองให้กลับเข้าร่าง แล้วเอ่ยอย่างเดือดดาล “จวงจิ่นเซ่อ! เจ้าทำอะไรน่ะ!”

จวงจิ่นเซ่อเอ่ยดัวยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าก็จะไปด้วยเช่นกัน”

จี้จิ่วอาวุโสแววตาเป็นประกายวาบ ซ่อนห่อสัมภาระในมือไว้ด้านหลัง “ปะ ปะ ปะ…ไปอะไรที่ไหน ไปไหนรึ ดึกดื่นค่อนคืนฟังไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าเจ้าพูดอะไรอยู่!”

จวงจิ่นเซ่อมือหนึ่งแบกสัมภาระ อีกมือง้างมีดอีโต้ แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร “จะพาไปด้วยหรือไม่ ไม่พาไปด้วยจะได้ฆ่าเจ้าเสีย”

จี้จิ่วอาวุโส “…”

ณ ตำหนักกั๋วซือ ต้าเยี่ยน

ฮ่องเต้โมโหไท่จื่อยิ่งนัก อาการปวดพระเศียรจึงรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ใต้เท้ากั๋วซือให้ลูกศิษย์ต้มยาสงบพระทัยให้พระองค์ ครั้นเสวยแล้วฮ่องเต้ก็ผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ยา

กู้เฉิงเฟิงที่ล้างหน้าออกแล้วกำลังเดินกลับไปกลับมาบนทางเดินนอกห้องลับ

ปากเขาไม่เอ่ยคำใด แต่เขากลัดกลุ้มจนกัดเล็บแล้ว

เซียวเหิงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามห้องลับอย่างเงียบๆ คนของตำหนักกั๋วซือจากไปแล้ว แม้แต่หน่วยกล้าตายที่เฝ้าห้องลับอยู่สองนายก็ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของตำหนักฉีหลินโน่น

เซียวเหิงสีหน้าราบเรียบ แต่ภายในใจก็เป็นห่วงอาการของกู้ฉังชิงมากเช่นกัน

แต่ฮ่องเต้เสด็จมาไวกว่าที่คิดไว้ และช่วยชีวิตกู้ฉังชิงไวยิ่งขึ้นด้วย น่าจะ…มีหวังจะรอดอยู่กระมัง

“พี่ใหญ่ข้าจะเป็นอะไรหรือไม่” กู้เฉิงเฟิงเอ่ย

นี่เป็นครั้งที่สามสิบเจ็ดที่เขาถามแล้ว

เซียวเหิงตอบเขาอย่างใจเย็นเหมือนกับสามสิบหกครั้งที่ผ่านมา “เชื่อใจพี่ใหญ่เจ้า และเชื่อใจนางด้วย”

กู้เฉิงเฟิงกัดเล็บพึมพำ “อืม ใช่ เด็กคนนั้นอย่างอื่นไม่เอาไหนเลย แต่ฝีมือการแพทย์พอใช้ได้ ต้องช่วยพี่ใหญ่ข้าได้แน่ พี่ใหญ่ข้าต้องอดทนผ่านมันไปได้… ต้องผ่านไปได้… พี่ใหญ่ข้ายังไม่แต่งงานเลยนะ… จะตายไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้…”

เซียวเหิงไม่ได้ไปรบกวนเขาที่กำลังพึมพำกับตัวเอง

เขาทอดมองเมฆดำบนฟากฟ้า

เส้นทางที่พวกเขาต้องเดินเป็นทางที่อันตรายสุดขีด เต็มไปด้วยภัยร้ายไม่อาจล่วงรู้ได้ ทุกคนอาจจะสละชีพได้ตลอดเวลา

พวกเขาหัวเดียวกระเทียมลีบกันแล้ว เกิดเรื่องกับกู้ฉังชิงทำให้ฝ่ายพวกเขาที่เดิมทีก็อ่อนแออยู่แล้วยิ่งย่ำแย่หนักเข้าไปใหญ่

แค่ทำให้ไท่จื่อหลุดจากตำแหน่งเท่านั้นก็ต้องแลกมากมายเพียงนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต่อไปนี้เส้นทางในวันหน้าจะยากลำบากเพียงใด

แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังต้องบุกรุดหน้าไปอย่างห้าวหาญโดยไม่ยอมหวนกลับอยู่ดี

สามชั่วยามผ่านพ้นไป กู้เจียวออกมาจากห้องลับในที่สุด

ชั่วขณะที่ประตูเหล็กเปิดออก กู้เฉิงเฟิงก็สาวเท้าพุ่งเข้ามาทันที “พี่ใหญ่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง!”

เซียวเหิงเดินตามเข้ามาติดๆ

กู้เจียวถือกล่องยาใบน้อยจากไป ปิดเส้นทางอีกมิติลง มองปราดไปภายในห้องลับก็กลับมาว่างเปล่าดังเดิม

แต่เซียวเหิงกับกู้เฉิงเฟิงต่างเคยเห็นห้องผ่าตัดห้องนั้นแล้ว ยามเมื่อส่งตัวกู้ฉังชิงเข้ามา

มันมีอยู่จริง

แต่ก็หายไปจริงๆ เช่นกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกถึงความลับของกู้เจียวอย่างแท้จริง

กู้เจียวเอ่ย “เขาอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก ยังไม่พ้นขีดอันตราย”

จะว่าไปก็พิกลนัก เมื่อก่อนนางเข้ามาก็เห็นแค่ห้องผ่าตัด ห้องผ่าตัดมีประตูหลายบาน เมื่อก่อนเปิดได้แค่ประตูบานที่เชื่อมกับห้องลับ

ทว่าวันนี้เปิดประตูอีกบานออกแล้ว ด้านหลังประตูเป็นห้องผู้ป่วยหนัก

นางเดาว่าคลื่นสมองที่เสียหายได้รับการซ่อมแซมในระดับหนึ่งตามการฟื้นฟูศักยภาพของนางไปด้วย นี่ทำให้นางสามารถเชื่อมโยงกับกล่องยาใบน้อยได้ และทำให้กล่องยาใบน้อยเปิดมิติเพิ่มมากขึ้น

“พี่ใหญ่ข้าจะดีขึ้น ใช่หรือไม่” กู้เฉิงเฟิงไม่เคยใช้แววตาอ้อนวอนเช่นนี้มองกู้เจียวมาก่อน

กู้เจียวเอ่ย “ข้าจะช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่”

ต่อให้มีความหวังริบหรี่ นางก็จะไม่ยอมแพ้

กู้ฉังชิง เจ้าเองก็ต้องห้ามยอมแพ้เช่นกันนะ

ข้าไม่อยากให้เจ้ากลายเป็นอิฐอยู่ใต้เท้าข้า ข้าอยากจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้ามากกว่า

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เซียวเหิงถามกู้เจียว

กู้เจียวส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร ออกไปก่อนเถิด”

“อืม” ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะคุยกัน เซียวเหิงอุ้มซ่างกวานเยี่ยนที่หลับสนิทออกมาจากห้องลับ

กู้เจียวต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องแล้วค่อยเข้ามา

กู้เฉิงเฟิงเป็นคนสุดท้าย

เขาทอดมองแผ่นหลังที่บอบบางแท้ๆ แต่กลับเหมือนเต็มไปด้วยเรี่ยวแรงไร้ที่สิ้นสุด นึกถึงความลับของนางที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ขึ้นมา

เขาก็อ้าปากเอ่ยเรียกนางไว้

“เจ้า เป็นเทพเซียนจากสวรรค์หรือ”

กู้เจียวชะงักฝีเท้า หันกลับมามองเงาร่างบนพื้น “อาจจะเป็นปีศาจก็ได้นะ”

กู้เฉิงเฟิงชะงัก

เส้นทางนี้อันตรายนัก ข้าเดินไปคนเดียวก็พอแล้ว พวกเจ้าอย่าได้เข้ามาใกล้อีกเลย และไม่ต้องเสียสละอะไรอีกแล้ว

“ไม่เป็นไร!”

กู้เฉิงเฟิงกำหมัดแน่น ทอดมองแผ่นหลังนางพลางเอ่ย “เจ้าจะเป็นคน เป็นผี เป็นเทพ หรือเป็นปีศาจ…ก็ไม่เป็นไรทั้งนั้น”

“เจ้าไม่กลัวรึ” กู้เจียวหยุดฝีเท้าถามเขา

ความสามารถและวิชาความรู้ของนางไม่ใช่สิ่งที่คนในยุคนี้จะเข้าใจได้ และถูกมองว่าเป็นปีศาจได้ง่ายดายมาก

กู้เฉิงเฟิงหวาดหวั่นอยู่ในใจจะแย่ แต่ปากกลับไร้ซึ่งความกลัวแม้แต่น้อย “ปีศาจจะบาดเจ็บได้อย่างไร ซ้ำยังมีเลือดไหลเหมือนกันกับพวกเราอีก”

กู้เจียว “อย่างนั้นหรือ”

กู้เฉิงเฟิงกระแอมเบาๆ “อะแฮ่ม พี่ใหญ่บาดเจ็บอยู่ ต่อไปนี้ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

กู้เจียวเดินหน้าต่อไป แย้มยิ้มมุมปากขึ้นจางๆ “สู้ข้าให้ได้ก่อนค่อยมาพูด”

กู้เฉิงเฟิงหน้าทะมึนทันที

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset