บทที่ 763 ปล้นอย่างอุกอาจ!
กู้เจียวหยิบแผนที่ออกมา ตั้งแต่รู้พระประสงค์ของฮ่องเต้ เซียวเหิงก็ค้นคว้าข้อมูลแล้ววาดแผนที่ของเทือกเขาซงซานให้กู้เจียวอย่างละเอียด ในนั้นหมายเหตุสถานที่ค่ายกบฏที่ถูกลอบโจมตีเอาไว้ รวมถึงเส้นทางแต่ละสายที่จะไปมุ่งหน้าไปค่ายเพลิงทั้งสามด้วย
กู้เจียวชี้แผนที่พลางเอ่ย “ตำแหน่งปัจจุบันของพวกเราค่อนข้างใกล้กับตะวันออกเฉียงใต้ ไล่ตามนายท่านห้าหันกับจวินซิวหันก่อนแล้วกัน”
กู้ฉังชิงฉงน “เจ้าว่าระหว่างสองคนนี้ ผู้ใดจะเป็นสายลับ”
“คนที่ไปลอบโจมตีค่ายศัตรูย่อมเป็นทหารม้า คนที่อ้อมไปย่อมเป็นสายลับ” กู้เจียวชี้เส้นทางที่ใช้ชาดทำสัญลักษณ์ในแผนที่ “หากไม่ต้องลอบโจมตีค่ายศัตรู จากความเร็วปกติของทหารม้า ยามนี้สายลับน่าจะไปถึงตำแหน่งนี้แล้ว พวกเราอ้อมจากตะวันออกไปดักหน้าเขากัน”
แม้แต่เส้นทางยังวาดไว้หมดแล้ว ดูท่าน้องสาวจะเตรียมตัวมาอย่างดี
สัญชาตญาณของม้าเฮยเฟิงคือการติดตามราชาม้าเฮยเฟิง หากมีราชาม้าเฮยเฟิงนำทาง ม้าเฮยเฟิงก็วิ่งได้ไวราวกับเหาะ
กู้ฉังชิงสัมผัสได้ถึงความเร็วที่มากกว่ายามปกติ
ทว่าสิ่งที่ไม่เป็นไปตามแผนก็คือ พวกเขาตามนายท่านห้าหันกับจวินซิวหันไม่ทัน ระหว่างทางยังเจอมู่ชิงเฉินที่วิ่งมาจากอีกทางด้วย
กู้เจียวดึงบังเหียนแน่น
กู้ฉังชิงก็หยุดเช่นกัน
ทั้งคู่จ้องมู่ชิงเฉินที่อยู่ไม่ไกลเงียบๆ ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เขาเพิ่งไปทางตะวันออกแท้ๆ” กู้ฉังชิงพึมพำ
“เขาเอาแต่หันหน้ากลับ เหมือนมีใครกำลังไล่ตามเขาอยู่” กู้เจียวเอ่ย “หรือว่า… เขาจะเป็นสายลับ นักบวชชิงเฟิงรู้ภารกิจที่แท้จริงแล้ว จึงเริ่มชิงจดหมายของเขา”
กู้ฉังชิงเอ่ย “ข้าไปชิงจดหมายลับ เจ้ารอข้าอยู่นี่นะ อย่าปรากฏตัว”
“อืม” กู้เจียวพยักหน้า ลูบขนของราชาม้าเฮยเฟิง
ราชาม้าเฮยเฟิงกระจ่าง ค่อยๆ ลดกลิ่นอายของตัวเองลงทีละนิด
หนึ่งคน หนึ่งม้าหลบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ใหญ่เสียดฟ้า กู้ฉังชิงห้อตะบึงไปโจมตีมู่ชิงเฉินอย่างรวดเร็ว
มู่ชิงเฉินโดนไล่ตามอย่างตั้งตัวไม่ทัน ชักกระบี่ออกมากวัดแกว่งตามสัญชาตญาณ
ปราณกระบี่ที่เขาฟันออกมาเจือลมรุนแรง ตลบม้วนใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่ในป่าให้ฟุ้งกระจาย กลายเป็นวังวนก้นหอยขนาดใหญ่ ปะทะเข้ากับใบหน้าของกู้ฉังชิงอย่างจัง
กู้เจียวเลิกคิ้ว
มองไม่ออกเลยว่ามู่ชิงเฉินก็มีวิชาเช่นนี้ด้วย ตอนที่อยู่ในป่าปะทะกับพวกห้าตระกูลใหญ่ เขายั้งมือไว้นี่เอง
ครั้นปะทะกับคนตระกูลหวัง เขาก็ไม่ได้ทุ่มสุดกำลังเต็มที่
กู้ฉังชิงเป็นคนที่ผ่านสนามรบมามากมาก เขาย่อมไม่ดูเบาศัตรู ชั่วขณะที่มู่ชิงเฉินออกกระบวน เขาก็ชักกระบี่ออกจากบั้นเอวแล้วฟาดฟันปราณกระบี่อันน่ากลัวเข้าปะทะการโจมตีของมู่ชิงเฉิน
วังวนใบไม้ถูกปราณกระบี่ของกู้ฉังชิงตลบกลับ ใบไม้ร่วงดุจใบมีด พุ่งย้อนกลืนกินมู่ชิงเฉิน
มู่ชิงเฉินรีบพลิกกระบี่ขึ้นต้าน
ทว่าการป้องกันนั้นมีช่องโหว่ กู้ฉังชิงกระทืบเท้าอย่างแรง ทะยานตัวขึ้นยันฝ่ามือผลักมู่ชิงเฉินลงจากม้า!!
เห็นแก่ที่มู่ชิงเฉินเคยช่วยเหลือกู้เจียว เขาจึงไม่ได้ใช้กระบี่โจมตีอีกฝ่าย เพียงแค่ซัดฝ่ามือซ้ายให้เขาลงจากหลังม้า
มู่ชิงเฉินจะลุกขึ้น กู้ฉังชิงก็ถึงพื้นอย่างมั่นคง จ่อกระบี่ชิดลำคอเขา
มู่ชิงเฉินมองกู้ฉังชิงอย่างแปลกใจ “หันเจ๋ออวี่”
“ส่งกระบอกไผ่มา” กู้ฉังชิงกดตามองต่ำพลางเอ่ย
มู่ชิงเฉินขมวดคิ้วอย่างเย็นชา ล้วงกระบอกไผ่ออกมาจากอก โยนให้กู้ฉังชิง
กู้ฉังชิงพลิกมือรับไว้
มู่ชิงเฉินเอ่ยเสียงเย็น “เพื่อบรรลุเป้าหมายแล้วพวกเจ้าตระกูลหันล้วนไม่สนใจวิธีการกันหมดเลยหรือ”
กู้ฉังชิงย้อนถาม “เจ้าเพิ่งรู้จักตระกูลหันเป็นวันแรกหรือไร”
เรื่องชิงกระบอกไม้ไผ่ไม่ได้สร้างความสงสัยจากมู่ชิงเฉิน อย่างไรเสียนี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้ทหารม้าทำภารกิจล้มเหลว
กู้ฉังชิงกลัวว่ามู่ชิงเฉินจะมอบจดหมายปลอมให้ตัวเอง จึงเปิดกระบอกไม้ไผ่ออกมาดู
โชคดีที่เปิดดู
เพราะบทบาทของมู่ชิงเฉินไม่ใช่สายลับแต่อย่างใด เขาเป็นทหารม้าของค่ายเพลิงที่สาม!
กู้ฉังชิงมึนงงทันที ทหารม้าอย่างเจ้าไม่ไปลอบโจมตีค่ายทหาร วิ่งมาตรงนี้ทำอะไร!
กู้ฉังชิงถามเสียงนิ่ง “เจ้าไปทางตะวันออกแล้วมิใช่หรือ ไยจึงมาเส้นทางนี้เล่า”
มู่ชิงเฉินเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ก็นักบวชนั่นเอาแต่ตามข้าน่ะสิ สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด ข้าจึงต้องอ้อมเอา”
ผู้ใดจะไปเข้าใจความน่ากลัวที่โดนผู้อาวุโสสะกดรอยตาม
กู้เจียวตบหน้าผาก
ลืมที่นักบวชบอกนางไปเลย ว่านักบวชชิงเฟิงเป็นพวกชอบหลงทาง
นักบวชชิงเฟิงตามมู่ชิงเฉินมาเพราะไม่รู้ทางนี่เอง
ส่วนเพราะเหตุใดเขาจึงเอาแต่ตามมู่ชิงเฉินคนเดียวทั้งๆ ที่มีคนตั้งเยอะ ก็เพราะเมื่อวันก่อนเขาไปยืมเข็มทิศจากกั๋วซือมา เข็มทิศสามารถบอกทิศทางคร่าวๆ ได้ เขาจะไปทางตะวันออก มู่ชิงเฉินก็ไปทางตะวันออกพอดี
และถ้าหากมู่ชิงเฉินเบนห่างจากทิศนี้ไป นักบวชชิงเฟิงก็ไม่ตามแล้ว
กู้ฉังชิงดึงกระบี่กลับ “ข้าไม่ทำร้ายเจ้า เจ้าออกจากสนามเถิด”
ไม่มีทางที่จะคืนกระบอกไม้ไผ่ให้แก่เขา เช่นนั้นจะเป็นการเปิดเผยภารกิจที่ซุกซ่อนอยู่
กู้ฉังชิงกลับไปขึ้นม้า เขาอ้อมเป็นวงใหญ่จึงกลับมายังตำแหน่งที่กู้เจียวอยู่ บัดนี้มู่ชิงเฉินควบม้าจากไปแล้ว
“จากนี้จะไปหานักบวชชิงเฟิงหรือไม่” กู้ฉังชิงถาม
กู้เจียวครุ่นคิด “นักบวชชิงเฟิงจัดการยากเกินไป พวกเราไปหานายท่านห้าหันกับจวินซิวหันก่อน เพื่อหาพันธมิตร”
“ได้” กู้ฉังชิงขานรับโดยไม่ต้องคิด
เขาไม่เคยคิดว่าตกจะต้องการแข่งขันครั้งนี้ เขาเคารพแผนการทุกอย่างของน้องสาว และไม่คิดเสียดายหากต้องแลกด้วยทุกสิ่ง
ทั้งคู่มายังจุดซุ่มโจมตีค่ายเพลิงที่สองตามเส้นทางที่ใกล้ที่สุดของแผนที่ เนินพันธ์ไม้สีเหลือง
ในขณะนี้ที่นี่ยังไม่ถูกทหารม้าโจมตี ทั้งคู่ปรากฏตัวขึ้นและทำลายค่ายกบฏทันที
ทหารพวกนี้ล้วนเป็นตัวประกอบของสนามทดสอบ ไม่ใช่ทัพศัตรูจริงๆ กู้เจียวกับกู้ฉังชิงลงมืออย่างพอประมาณ ไม่ได้ทำร้ายคน เพียงแต่มัดพวกเขาไว้ทั้งหมด
จากนั้นทั้งคู่ก็รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
“เจ้าว่าคนที่มาจะเป็นจวินซิวหันหรือนายท่านห้าหัน” กู้เจียวถาม
“เจ้าอยากให้เป็นผู้ใดเล่า” กู้ฉังชิงถาม
“นายท่านห้าหัน” กู้เจียวเอ่ย
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
เสียงเกือกม้าเร่งเร้าดังขึ้น คนบนหลังม้าเป็นนายท่านห้าหันจริง ๆ !
กู้เจียวรีบพาราชาม้าเฮยเฟิงไปซ่อนตัว
นายท่านห้าหันมาถึงเนิน มองค่ายชั่วคราวที่เละเทะระเนระนาด ก่อนจะหันไปมองกู้ฉังชิงบนหลังม้าพันธุ์ดี คิ้วพลันขมวดพลางเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”
กู้ฉังชิงเอ่ย “ข้ารับคำสั่งจากองค์ไท่จื่อให้ช่วยนายท่านห้าหันผ่านด่าน ข้าเห็นนายท่านห้าหันมุ่งไปทางตะวันออกเฉียงใต้ จึงใช้ทางลัดมารวมตัวกับนายท่านห้าหัน ไหนเลยจะรู้ว่าระหว่างทางได้ยินเสียงการต่อสู้ จึงได้มาดูหน่อย”
“ภารกิจของเจ้าคืออะไร” นายท่านห้าหันถาม
กู้ฉังชิงโยนกระบอกไม้ไผ่ของตัวเองให้เขา
นายท่านห้าหันเปิดกระบอกไม้ไผ่ของกู้ฉังชิงออก เนื้อหาในกระบอกไม้ไผ่พอๆ กันกับเขา ที่ต่างก็คือกู้ฉังชิงต้องโจมตีบึงจื่อเฉ่า มุ่งหน้าไปค่ายเพลิงที่หนึ่ง
กู้ฉังชิงเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ข้าเดาว่าการคัดเลือกครานี้แข่งกันว่าผู้ใดจะส่งจดหมายลับถึงค่ายที่กำหนดได้เป็นคนแรก ม้าของนักบวชชิงเฟิงเร็วสู้ม้าของนายท่านห้าหันไม่ได้ จึงต้องชิงจดหมายลับของนายท่านห้าหัน ให้นายท่านห้าหันไม่อาจสำเร็จภารกิจได้”
นายท่านห้าหันขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่านักบวชชิงเฟิงเป็นคนโจมตีที่นี่รึ”
กู้ฉังชิงโกหกตาไม่กะพริบ “ใช่ขอรับ ตอนข้ามาถึงก็เห็นเขาออกมาจากที่นี่ ในมือยังถือจดหมายลับไว้ด้วยฉบับหนึ่ง”
“เขาไปทางไหน” นายท่านห้าหันถามเสียงเคร่ง
กู้ฉังชิงชี้ไปทางตะวันออก “ทางนั้น! นายท่านห้า ข้าจะไปด้วยกันกับท่าน!”
กู้เจียวลูบคาง
ราบรื่นดีเสียจริง
นี่ไม่ใช่เพราะนายท่านห้าหันโง่เขลา แต่เป็นนายท่านห้าหันไม่ได้มองจากมุมของพระเจ้า และไม่รู้ภารกิจที่ซุกซ่อนในครานี้ กู้ฉังชิงมอบกระบอกไม้ไผ่ของตัวเองให้กับเขา เขายังจะไปสงสัยอะไรได้อีก
…
“บึงจื่อเฉ่าน่าจะอยู่แถวๆ นี้นี่นา เหตุใดข้าจึงหาไม่เจอ”
นักบวชชิงเฟิงถือเข็มทิศอ้อมอยู่ที่เดิมมาห้ารอบแล้ว ครั้นอ้อมเป็นรอบที่หกนายท่านห้าหันก็ปรากฏตัวด้วยไอสังหารเข้มข้น
ม้าปีศาจดำทระนงเหี้ยมโหด ยกขาหน้าขึ้นราวกับสัตว์ร้าย พุ่งไปกัดม้าขาวของนักบวชชิงเฟิง!
นักบวชชิงเฟิงทะยานตัวขึ้น ปกป้องม้าของตัวเองไว้ โดยการซัดฝ่ามือใส่หัวม้าปีศาจดำ!
นายท่านห้าหันจะยอมให้เขาสมดั่งใจได้อย่างไร
นายท่านห้าหันซัดฝ่ามือปะทะพลังปราณของเขากลางอากาศ
กำลังภายในอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าปะทะกัน หากมิใช่พาหนะของนายท่านห้าหันเป็นม้าปีศาจดำ เกรงว่าคงโดนกำลังภายในที่เหลือสั่นสะเทือนจนช้ำในไปแล้ว
จะใช้กำลังของม้าปีศาจดำมากเกินไปไม่ได้ อีกเดี๋ยววิ่งโจมตีสามร้อยลี้ยังต้องหวังพึ่งมันต่อ
นายท่านห้าหันลงจากหลังม้า
นายท่านห้าหันเกศาสีเงินดุจจันทรา ดวงตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็งน่าหลงใหล “ส่งจดหมายลับมา! ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าออกไปไม่ได้ในวันนี้!”
นักบวชชิงเฟิงเป็นสายลับ ในมือเขามีจดหมายลับอยู่จริงๆ เขานึกว่านายท่านห้าหันต้องการจะชิงจดหมายลับของตัวเอง
เขาเอ่ย “มีปัญญาเจ้าก็มาเอาสิ”
ครั้นท่านห้าหันได้ยินถ้อยคำนั้น แปลว่านักบวชชิงเฟิงยอมรับว่าขโมยจดหมายลับของค่ายศัตรูที่เนินพันธุ์ไม้เหลืองไป
เขาโจมตีนักบวชชิงเฟิงด้วยท่าไม้ตายทันที
ทั้งสองไม่ได้ใช้อาวุธ ทว่าการต่อสู้ด้วยมือเปล่ากลับทำให้ป่าทั้งผืนกลายเป็นสนามรบควันโขมง
กู้เจียวกับกู้ฉังชิงรั้งรอไม่เข้าไปใกล้
ทั้งคู่ขี่ม้าดูการปะทะกันระหว่างนักบวชชิงเฟิงกับนายท่านห้าหันอยู่ไกลๆ
พวกเขาต่อสู้กันโรมรันพันตู ยากจะตัดสินแพ้ชนะได้ หมู่วิหคภายในพงไพรตกอกตกใจกระพือปีกบินหนีให้ว่อน สัตว์ร้ายก็ร้องคำรามอย่างหวาดกลัว วิ่งหลบหนีอุตลุด
“วรยุทธ์ของหันสือสูงส่งเพียงนี้เชียวหรือ” กู้เจียวประหลาดใจไม่น้อย แทบจะสูสีกับนักบวชชิงเฟิงเลยทีเดียว
กู้ฉังชิงเอ่ย “ข้าไปช่วยก่อนนะ”
กู้เจียวพยักหน้า “อืม”
กู้ฉังชิงควบม้าออกไป หยุดอยู่แถวๆ ที่ทั้งสองปะทะกัน พยายามไม่ให้ม้าที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่โดนลูกหลงกำลังภายใน
“นายท่านห้า ข้ามาช่วยแล้ว!” กู้ฉังชิงชักกระบี่ยาวออกมา ก่อนเข้าร่วมวงต่อสู้ด้วย
นักบวชชิงเฟิงพลันระเบิดไอสังหารออกมามากขึ้นกว่าเดิม!
กู้ฉังชิงขมวดคิ้ว เป็นกำลังงภายในที่แข็งแกร่งยิ่ง!
นักบวชชิงเฟิงทะยานขึ้นกลางอากาศ รัศมีพลุ่งพล่านไปทั่วทิศ ราวกับมีแผนผังแปดทิศที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นด้านหลังเขา
“ตั้งกระบวนค่าย!”
เขาฟาดฝ่ามือลงไป คุกเข่าลงพื้นข้างหนึ่ง ลมปราณตรงฝ่ามือกระแทกพื้นอย่างแรง
ทันใดนั้น กรวดหินดินทรายกระเด็นกระดอน ใบไม้ร่วงฟุ้งเต็มอากาศ
นักบวชชิงเฟิงที่เมื่อครู่ดูเหมือนผู้ถูกโจมตี แต่ความจริงแล้วยึดครองตำแหน่งที่ได้เปรียบโดยสมบูรณ์มาโดยตลอด กู้ฉังชิงกับนายท่านห้าหันล้วนตกสู่กระบวนค่ายของเขา
กู้ฉังชิงอยู่ทิศตะวันออก ซึ่งอยู่บนตำแหน่งหลี ส่วนนายท่านห้าหันอยู่ทิศตะวันตก ซึ่งอยู่บนตำแหน่งเฉียน
ในกระบวนค่ายของเขา เขาคือราชา!
เขาคำรามลั่น “ฟาดฟัน หลี เฉียน!”
กำลังภายในมหาศาลแฝงเจตจำนงแห่งเต๋าอันไร้ที่สิ้นสุดระหว่างดินฟ้า ราวกับมีคมมีดที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วน แฝงพลังแห่งขุนเขาธาราโจมตีซัดใส่กู้ฉังชิงกับนายท่านห้าหัน!
ทั้งคู่กระเด็นลอยไป!
กู้เจียวขมวดคิ้ว ควบม้าไปหา แตะปลายเท้าทะยานตัว มาตกลงตรงหน้านักบวชชิงเฟิง “ข้าเห็นพวกเจ้าตระกูลหันรังแกคนไม่ได้เป็นที่สุด! สองคนรุมรังแกคนเดียวเช่นนี้ นับว่าเป็นชายชาตรีวีรบุรุษอะไรได้! ท่านนักบวช! ข้ามาช่วยท่านแล้ว!”
กระบวนนี้ของนักบวชชิงเฟิงเปลืองกำลังภายในไปไม่น้อย และต้องการเวลาสักเล็กน้อยในการฟื้นฟูจริงๆ
ไม่ใช่ว่ากู้เจียวตีเหล็กตอนยังร้อนไม่ได้ แต่เกิดเขาฟื้นฟูกำลังแล้ววิ่งมาไล่ฆ่าตน ตนได้จบเห่แน่
ดังนั้น คงต้องชิงไหวชิงพริบหน่อย
นายท่านห้าหันล้มลงพื้นก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน
โอ้ ทนไม้ทนมือกว่าหันเย่อีกหรือนี่
ในขณะที่นายท่านห้าหันกำลังจะจัดการกู้เจียว กู้ฉังชิงก็กุมหน้าอกลุกขึ้นมา “นายท่านห้า ไอ้เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้ไม่ต้องถึงมืดท่านหลอง ข้าจัดการเขาเอง!”
สองคนพี่น้องไล่เข่นฆ่ากันอย่าง ‘ดุเดือด’ สุดจะเปรียบท่ามกลางสนามรบ
ดูเหมือนจะโหดเหี้ยมรุนแรง แต่ความจริงแล้วไม่ได้ออกแรงอะไรเลย
กู้เจียวหันหลังให้นักบวชชิงเฟิง สองมือพนมเข้าหากัน ประกบกระบี่ยาวของกู้ฉังชิงเอาไว้
กู้ฉังชิงขยิบตาให้นาง
กู้เจียวพยักหน้านิดๆ
“ไปตายซะ!”
กู้ฉังชิงซัดฝ่ามือใส่ไหล่กู้เจียว กำลังภายในอันแข็งแกร่งสั่นสะเทือนนางกระเด็นลอยไปร่วงลงทางนักบวชชิงเฟิง
นักบวชชิงเฟิงทะยานตัวขึ้น โอบบั้นเอวอ่อนนุ่มของกู้เจียวไว้กลางอากาศเสียก่อน
กู้เจียวขยับปลายนิ้ว คว้ากระบอกไม้ไผ่ที่ห้อยอยู่ตรงบั้นเอวนักบวชชิงเฟิงเข้าในแขนเสื้อตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ห้อยกระบอกไม้ไผ่ของมู่ชิงเฉินกลับคืนบั้นเอวของเขา
เช่นนี้แล้ว เรื่องน้ำหนักยังคงเท่าเดิม นักบวชชิงเฟิงจะได้รู้ตัวช้าขึ้นหน่อย
นักบวชชิงเฟิงกับนายท่านห้าหันประมือกันอีกครา กู้เจียวกับกู้ฉังชิงยิ่งสู้ยิ่งออกไปไกล
“เซียวลิ่วหลังเจ้าอย่าคิดหนีนะ! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!”
สองคนพี่น้องควบม้าห้อตะบึงไปทั้งทาง จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงต่อสู้กันของนักบวชชิงเฟิงกับนายท่านห้าหันแล้ว จึงได้พรูลมหายใจโล่งอกพลางหยุดลง
“เป็นอย่างไร” กู้ฉังชิงถาม
กู้เจียวล้วงกระบอกไม้ไผ่ของนักบวชชิงเฟิงออกมา หยิบจดหมายลับออกมาดู ก่อนจะหยักยกยิ้มมุมปาก “ได้มาแล้ว!”
กู้ฉังชิงเห็นน้องสาวยิ้ม แววตาจึงมีรอยยิ้มพาดผ่านโดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน “นับรวมของเจ้าด้วย ในมือพวกเรามีจดหมายลับสองฉบับแล้ว”
จดหมายลับฉบับสุดท้ายอยู่ในมือจวินซิวหัน