บทที่ 759 ชนะ ชนะ ชนะ! (3)
ณ กระโจมแห่งหนึ่ง
หันเหล่ยกับนายท่านห้าหันนั่งกับพื้น
โต๊ะตรงหน้าทั้งคู่มีอาหารมากมายวางเรียงรายอยู่ นายท่านห้าหันไม่กินเนื้อ ดังนั้นทั้งโต๊ะดูเหมือนอู้ฟู่ แต่ความจริงแล้วล้วนเป็นอาหารเจทั้งสิ้น
หันเหล่ยเอ่ย “ยุทธวิธีการรบเจ้าชำนาญยิ่ง วางแผนยุทธวิธีบนกระบะทรายยามบ่ายคงไม่มีปัญหาอะไรกระมัง”
นายท่านห้าหันคีบข้าวสองเม็ดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ที่ผ่านมาด่านไหนบ้างที่มันมีปัญหา”
หันเหล่ยหัวเราะร่วน “ไม่มีเลย! น้องห้าของข้าฉลาดล้ำเกินคน เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เชี่ยวชาญทุกอย่าง จะมีด่านไหนทำน้องห้าลำบากได้กันเล่า ฝ่าบาททรงอยากใช้วิธีนี้ทำให้พวกเราตระกูลหันยอมมอบม้าเฮยเฟิงให้ ทรงดูถูกตระกูลหันเกินไปแล้ว!”
นายท่านห้าหันกินข้าวไม่เอ่ยคำใดอยู่เงียบๆ
หันเหล่ยถอนใจเอ่ย “น้องห้า ตอนแรกหากเจ้าไม่โดนพิษ ตำแหน่งประมุขแห่งตระกูลก็คงไม่เป็นของข้าหรอก”
นายท่านห้าหันคีบผักชิ้นหนึ่ง เอ่ย “พี่ใหญ่เป็นบุตรชายคนโต”
หันเหล่ยมองเขาพลางเอ่ย “ตอนนั้นท่านพ่อหมายมาดจะให้เจ้าเป็นประมุขตระกูล”
นายท่านห้าหันเอ่ยนิ่งๆ “ข้าไม่สนใจตำแหน่งประมุขตระกูลหรอก”
หันเหล่ยหัวเราะ “ก็จริง เจ้ามีสิ่งที่ตัวเองชอบ”
เขาเอ่ยพลางนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงขมวดคิ้วน้อยๆ “เจ้าคนที่ชื่อเซียวลิ่วหลังนั่นมากเล่ห์เจ้าแผนการ จะปล่อยให้เขาเข้ารอบสุดท้ายไม่ได้เด็ดขาด”
นายท่านห้าหันดวงตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็งหันมามองหันเหล่ย “พี่ใหญ่กลัวว่าม้าปีศาจดำของข้าจะวิ่งสู้ราชาม้าเฮยเฟิงไม่ได้”
หันเหล่ยยิ้มแหยๆ “พี่ใหญ่ไม่ได้หมายความเช่นนั้น กินข้าว! กินข้าว!”
นายท่านห้าหันกินผักได้ครึ่งคำ “หากยามบ่ายข้าเจอกับเซียวลิ่วหลัง ข้าจะทำให้เขาตกรอบแน่นอน”
หนึ่งชั่วยามผ่านไป
ณ คอกม้า
กู้เจียวกินเนื้อแห้งกับของกินเล่นพลางฟังกู้ฉังชิงสอน
กู้ฉังชิงฝืนใจทำ สอนกลยุทธ์การรบให้กู้เจียวฟังไม่น้อย
เขาสอนจนคอควันขึ้นแล้ว “…ที่พูดไปเมื่อครู่นี้จำได้หรือยัง”
กู้เจียวแก้มตุ่ย ปากไม่ว่าง “…อื้ม”
กู้ฉังชิงยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก “หากเจ้าจำได้แล้ว ขอแค่ไม่เจอกับนักบวชชิงเฟิงและนายท่านห้าหัน ก็น่าจะรับมือได้”
กู้เจียวเรอเอิ้ก “อ๋อ”
กู้ฉังชิงเอ่ย “เอาละ ได้เวลาแล้ว ไปเถิด”
กู้เจียวลุกขึ้นยืน
กู้ฉังชิงใช้เวลาให้เป็นประโยชน์โดยทดสอบสิ่งที่นางได้เรียนไป “หากเกิดม่านหมอกขึ้นขนานใหญ่ ควรต่อสู้อย่างไร”
กู้เจียว “แผนเมืองร้างใช่หรือไม่”
กู้ฉังชิงมุมปากกระตุก “…”
การแข่งขันวางแผนยุทธวิธีบนกระบะทรายจัดขึ้นในกระโจมใหญ่อันกว้างขวาง การจับสลากก็อยู่ที่นี่
ตั้งแต่หนึ่งถึงห้าล้วนมีสองหมายเลข มีเพียงเลขหกที่มีเลขเดียว
“หมายเลขหก หมายเลขหก หมายเลขหก…” ท่านชายตระกูลหนานกงแอบพึมพำหมายเลขหกเป็นร้อยรอบ เมื่อจับสลากมาดู “หมายเลขสอง!”
เขาถอนหายใจอย่างผิดหวัง “หมายเลขสองอีกคนหนึ่งคือผู้ใด”
“อ๋อ ข้าเอง” นักบวชชิงเฟิงเอ่ยอย่างสุภาพ
ท่านชายตระกูลหนานกงกลอกตามองบน สลบไปทันที…
กู้ฉังชิงกับบุตรสายตรงตระกูลต่งจับได้หมายเลขสาม
มู่ชิงเฉินกับลูกพี่ลูกน้องผู้พี่ตระกูลมู่จับได้หมายเลขสี่พร้อมกัน
นายท่านห้าหันจับได้หมายเลขหนึ่ง
หลังจากจับผ่านไปอีกคู่ สนามก็เหลือแค่กู้เจียวกับบุตรสายตรงตระกูลเฟิ่งที่ยังไม่ได้จับสลาก
แต่ในกล่องเหลืออยู่สองหมายเลขคือหนึ่งกับหก
สายตาทุกคนตกลงบนร่างทั้งสอง
สองคนนี้จะมีคนหนึ่งที่ซวยสุดขีด และมีคนหนึ่งที่โชคดีสุดขีดเช่นกัน
พวกทหารม้าที่อยู่ด้านข้างไม่รู้ว่าควรปีติยินดีที่ตัวเองจับได้นายท่านห้าหันที่คนอื่นไม่ต้องเจอหรือไม่ หรือว่าควรโมโหที่ตัวเองใจร้อนไม่รออยู่ถึงตอนสุดท้ายดี ไม่แน่ว่าอาจจะจับได้ผ่านเข้ารอบไปทันทีเลยก็ได้
จู่ๆ บุตรสายตรงตระกูลเฟิ่งก็ตื่นเต้นขึ้นมา “จะ…เจ้าจะจับก่อนหรือให้ข้าจับก่อน”
“ตามใจ ข้าอย่างไรก็ได้” กู้เจียวเอ่ย
บุตรสายตรงตระกูลเฟิ่งกัดฟัน “เช่นนั้น… ข้าจับก่อนแล้วกัน”
“อืม” กู้เจียวผายมือบ่งบอกให้เขาจับก่อน
บุตรสายตรงตระกูลเฟิ่งเอื้อมมือไปหาหีบ เมื่อใกล้จะถึงปากหีบจู่ๆ ก็ชักมือกลับ “ช้าก่อน! ช้าก่อนดีกว่า!”
“หืม” กู้เจียวมองเขาอย่างฉงน
บุตรสายตรงตระกูลเฟิ่งสูดหายใจลึก “เจ้าก่อน!”
“อ๋อ” กู้เจียวยื่นมือออกไป
บุตรสายตรงตระกูลเฟิ่งเบิกตาโต “ช้าก่อน! ข้าก่อนดีกว่า!”
กู้เจียวชักจะรำคาญขึ้นมาแล้ว ซัดหมัดใส่ศีรษะเขา พร้อมกับกดเขาลงบนโต๊ะ “จะจับหรือไม่จับ!”
บุตรชายสายตรงตระกูลเฟิ่งที่โดนซัดจนไร้ที่ให้โต้ตอบยื่นมือออกมาอย่างน้อยอกน้อยใจ ล้วงเข้าไปในปากหีบ หยิบแผ่นไม้เล็กๆ ที่สลักตัวเลขเอาไว้ออกมา
ในหีบเหลือแผ่นหนึ่งแผ่น กู้เจียวไม่ต้องลงมือไปหยิบแล้ว นางถามบุตรชายสายตรงตระกูลเฟิ่งทันที “เจ้าเลขอะไร”
สายตาทุกคนตกลงบนแผ่นป้ายเล็กๆ ที่บุตรชายสายตรงตระกูลเฟิ่งกำไว้แน่น
บุตรชายสายตรงตระกูลเฟิ่งหลับตาลง “ขะ…ขะ…ขะ… ข้าไม่กล้าดู”
“เอามาให้ข้า” กู้เจียวเอ่ย
บุตรชายสายตรงตระกูลเฟิ่ง “เจ้าห้ามเปลี่ยน…”
กู้เจียว “เช่นนั้นเจ้าก็ดูเอง”
บุตรชายสายตรงตระกูลเฟิ่ง “จะ…เจ้าช่วยข้าดูนั่นแหละ”
“ข้าช่วยเจ้าดูเอง”
นายท่านห้าหันเดินมาอย่างไม่ยี่หระ ยื่นนิ้วเรียวยาวไปกุมป้ายไม้ของบุตรชายสายตรงตระกูลเฟิ่ง
บุตรชายสายตรงตระกูลเฟิ่งจ้องตามองเขาอย่างวิตก
นายท่านห้าหันส่งสายตาให้เขาปล่อยมือ เขาตกใจจนผละมือออก
นายท่านหันกำป้ายไม้ไว้ในมือ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มมองกู้เจียว “เซียวลิ่วหลัง เจ้าคิดว่าดวงเจ้าเป็นอย่างไร”
กู้ฉังชิงแววตาพลันคมกริบ ขอให้เฟิ่งหลิงได้หมายเลขหนึ่ง…
“ชื่อของข้าอัปมงคล ดวงไม่ค่อยดีมาตลอด ดื่มน้ำก็สำลัก ฝนตกก็หลบไม่พ้น เดินบนถนนยังล้มได้… มีแต่โชคร้ายที่เจ้าคาดคิดไม่ถึง และไม่มีโชคร้ายไหนที่ข้าไม่เคยโดนเลย”
กู้เจียวเอ่ยอย่างสัตย์จริงจบ ก็ล้วงป้ายไม้ออกมาจากหีบ นางมองดู ก่อนถอนหายใจเบาๆ “จริงๆ ด้วย”
“ฮ่า!” นายท่านห้าหันทนไม่ไหว หัวเราะอย่างลำพองระคนครุ่นคิด
กู้เจียวก็หัวเราะเช่นกัน “สวรรค์ทนมองต่อไปไม่ได้…จึงให้ดวงข้าพลิก”
นายท่านห้าหันรอยยิ้มชะงักค้าง
กู้เจียวขยับนิ้วออก เผยให้เห็นป้ายไม้
หมายเลขหก!
“เซียวลิ่วหลัง ผ่านเข้ารอบ!”