บทที่ 743 กลับมาอย่างปลอดภัย (1)
เมื่อฟากฟ้าแสงทอรำไร พวกกู้เจียวก็เดินออกจากป่ามาได้ในที่สุด
บัดนี้พวกเขาจึงได้พบว่า ที่นี่เป็นทิศตรงกันข้ามกับที่ที่พวกเขาเข้ามาอย่างสิ้นเชิง
มู่ชิงเฉินจ้องไปเบื้องหน้าพลางเอ่ย “ผ่านท้องนาข้างหน้านั่นไปก็เป็นถนนหลวง เดินไปทางใต้เรื่อยๆ ก็จะเจอศาลาพักม้า”
มีศาลาพักม้าย่อมมีรถม้า
ม้าที่กู้เจียวเอามาจากตำหนักกั๋วซือเหนื่อยล้าจนเดินไม่ไหวแล้ว กู้เจียวจึงไม่ได้ขี่มัน
องครักษ์ของมู่ชิงเฉินจูงม้า กู้ฉังชิงอุ้มเสี่ยวจิ้งคง มู่ชิงเฉินอุ้มองค์หญิงน้อย
คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าต่อไป
ทว่ายามผ่านทุ่งนากลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จู่ๆ องค์หญิงน้อยก็หายใจลำบาก หายใจไม่ออก ไม่นานสีหน้านางก็ซีดเผือด ริมฝีปากดำคล้ำ
“ข้าดูหน่อย” กู้เจียวเดินไปหา แนบหูฟังดู ได้ยินเสียงหัวใจเต้นกับเสียงลมหายใจขององค์หญิงน้อย
การประชิดกะทันหันนี้ทำให้ลมหายใจมู่ชิงเฉินสะดุด
เขามององค์หญิงน้อยในอ้อมอก แล้วมองใบหน้ากู้เจียวที่ใกล้เพียงคืบ ก่อนกระแอมขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นางเป็นอะไรไปรึ”
“ดูท่าทางเหมือนว่าหอบหืดจะกำเริบ” กู้เจียวดึงกระเป๋าปฐมพยาบาลลงจากบั้นเอว เปิดออกแล้วหยิบขวดยาพ่นโรคหอบหืดออกมา
องค์หญิงน้อยลืมตาขึ้น มองกู้เจียวอย่างทรมาน
กู้เจียวอุ้มนางมา หาที่นั่งลง แล้วเขย่าขวดยาก่อนจะเปิดฝาออก “พ่นลมออกมาก่อน อมเอาไว้ ข้าบอกให้เจ้าสูดเจ้าค่อยสูดนะ สูดเสร็จอย่าเพิ่งพ่นออกมา”
องค์หญิงน้อยพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
ว่ากันว่าป่วยบ่อยจนเป็นหมอได้ องค์หญิงน้อยที่ป่วยเป็นโรคหอบหืดกินยามาตั้งแต่เล็ก จึงให้ความร่วมมือด้านการรักษาเป็นอย่างดียิ่งกว่าเด็กทั่วไป
“พ่นลมออกมา” กู้เจียวเอ่ย
องค์หญิงน้อยพ่นลมหายใจยาวเหยียดแล้ว กู้เจียวจึงจ่อปากขวดพ่นไว้ที่ปากนาง แล้วกดหัวพ่นลง “สูดลม ข้านับถึงสิบเจ้าค่อยพ่นออกนะ”
องค์หญิงน้อยอมยาพ่นเอาไว้อย่างเชื่อฟัง กลั้นเอาไว้อย่างทรมานมากทว่าก็ทำได้เพียงมองกู้เจียว
“…สิบ เรียบร้อย” กู้เจียวเอ่ย
องค์หญิงน้อยพรูลมหายใจยาวเหยียด
“ดีขึ้นบ้างหรือไม่” กู้เจียวถามนาง
องค์หญิงน้อยสูดหายใจสองสามเฮือก “ฟู่ ฟู่”
ไม่รู้สึกทรมานใดๆ องค์หญิงน้อยเบิกตาโตอย่างตกใจ
นางหายเร็วปานนี้เชียวหรือ
พวกหมอหลวงมารักษาให้องค์หญิงน้อยเป็นประจำ กอปรกับหลายปีมานี้เยี่ยนซานจวินกับฮ่องเต้ต่างเลี้ยงดูปกป้องนางได้ดีเยี่ยม โรคหอบของนางจึงกำเริบน้อยมาก
กู้เจียวสงสัยว่าอาจเพราะสูดบางอย่างที่แพ้จากป่าเข้าไปจึงทำให้อาการองค์หญิงน้อยกำเริบ
“นี่ยาอะไรหรือ ให้ผลดีเพียงนี้” เมื่อก่อนองค์หญิงน้อยอาการกำเริบล้วนต้องใช้เวลานานถึงจะหาย หมอหลวงบอกว่าไม่ใช่ทุกคราที่จะหายใจได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน พยายามอย่าให้อาการกำเริบ
กู้เจียวถาม “นี่เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการหอบหืด”
มู่ชิงเฉินถามอย่างฉงน “เจ้าพกยาประเภทนี้ติดตัวไว้ด้วยรึ”
สิ่งที่คนมีวรยุทธ์พกติดตัวควรจะเป็นยาทาแผล ยาห้ามเลือดกับลูกกลอนถอนพิษมิใช่หรือ
“เจ้าบอกข้าว่าองค์หญิงน้อยเป็นโรคหอบหืดมิใช่หรือ”
ตั้งแต่ที่มู่ชิงเฉินบอก นางก็ใส่ยาพ่นบรรเทาอาการหอบหืดไว้ในกระเป๋าปฐมพยาบาลเลย
มู่ชิงเฉินมองกู้เจียวอย่างลุ่มลึก จู่ๆ ก็เงียบไป
“ไปตักน้ำมาหน่อย” มู่ชิงเฉินเอ่ยกับองครักษ์
“ขอรับ”
ทางที่พวกเขาผ่านไปเมื่อครู่นี้มีลำธารเล็กๆ อยู่ อาจจะเป็นลำธารที่เจอในส่วนลึกของป่า ทอดยาวมาจนถึงแถวๆ นี้
มู่ชิงเฉินจะอุ้มองค์หญิงน้อยคืนมา
องค์หญิงน้อยกอดคอกู้เจียวไว้แน่น ไม่ยอมลงท่าเดียว “ข้าจะให้ท่านอาจารย์อุ้ม! ตัวเจ้าแข็งโป๊ก! ตัวอาจารย์นุ่มนิ่ม! เหมือน…”
กู้เจียวปิดปากน้อยๆ ของนางไว้ เอ่ยกับมู่ชิงเฉิน “ข้าอุ้มเอง”
แม่หนูน้อย อย่าถูหน้าอกมากนักสิ
“ท่านชาย! ท่านชายขอรับ!”
องครักษ์สีหน้าลนลานกลับมาหา
มู่ชิงเฉินเห็นเขาไม่ได้ตักน้ำมา ก็รู้แจ้งแก่ใจแล้วว่าเกิดเรื่องขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น” มู่ชิงเฉินถาม
องครักษ์เอ่ย “ข้าไปตักน้ำ เดินไปได้ครึ่งทางก็เจอคนของตระกูลเราและคนจากตระกูลมู่มาขอรับ”
ตระกูลซูและตระกูลมู่
กู้ฉังชิงไม่ชอบสิบตระกูลใหญ่สักตระกูล มาคนหนึ่งเขาก็จะฟันคนหนึ่ง มาสองคนเขาก็จะฟันทั้งคู่
มู่ชิงเฉินทอดมองไปยังเบื้องหลังของป่า ขมวดคิ้วมุ่น คล้ายมีความคิดสับสนในใจ สุดท้ายก็เอ่ยกับกู้เจียว “พวกเจ้ามุ่งหน้ากันไปก่อน ไม่ต้องไปทางคันนาแล้ว คันนากว้างเกินไป จะถูกเห็นได้ง่าย พวกเจ้าอ้อมออกไปจากอีกฝั่งของป่าแทน หรือไม่ข้าจะพาพวกเขากลับไปก่อน แล้วเดี๋ยวพวกเจ้าค่อยออกไป”
สามารถทำให้เขาเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้นั้นไม่ง่ายดายเลย
ในใจนั้น เขาไม่เชื่อว่าตระกูลมู่กับตระกูลซูจะชิงตัวองค์หญิงน้อย แต่กระนั้น… เขาก็อธิบายไม่ถูกเช่นกันว่าเพราะอะไร… เขาจึงรู้สึกว่าให้พวกเขาออกไปกันก่อนถึงจะดี
บางทีในใจเขาคงมีลางสังหรณ์ที่ตัวเองไม่อยากเผชิญหน้าอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
“เช่นนั้นพวกเราไปก่อน” กู้เจียวอุ้มองค์หญิงน้อยหันหลัง “บอกลามู่ชิงเฉินเร็ว”
องค์หญิงน้อยโบกมืออย่างเชื่อฟัง “ลาก่อนมู่ชิงเฉิน”
กู้ฉังชิงอุ้มเสี่ยวจิ้งคงเดินตามไป
ทั้งคู่เดินไปทางตะวันออกสองสามก้าว ก่อนจะเข้าไปในป่า
เดินกันมาไกลแล้วยังได้ยินบทสนทนาทางด้านนั้นอยู่เลย
“ชิงเฉิน เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เจ้าเจอเบาะแสอะไรหรือไม่”
“ท่านลุงรอง ไม่มีเลยขอรับ แต่ข้าได้ยินว่าองค์หญิงน้อยกลับไปแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ กลับไปแล้วรึ”
“ขอรับ เมื่อครู่นี้เจอองครักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ว่าเป็นคนของตระกูลใด เขาบอกว่าเห็นคนพาองค์หญิงน้อยออกไปจากป่าแล้ว เดินไปทางคันนา องค์หญิงน้อยปลอดภัยดี ไม่เป็นอะไรขอรับ”
“เช่นนั้นพวกเราก็มากันเสียเที่ยวน่ะสิ… ไม่รู้ว่ายามนี้ไล่ตามไปจะทันหรือไม่…”
มู่ชิงเฉินมองลุงรอง ความผิดหวังฉายวาบในสายตา
…
องค์หญิงน้อยซุกอ้อมอกกู้เจียว โคลงเคลงพักหนึ่งก็ผล็อยหลับไปอีกครา
กู้เจียวมองแม่หนูน้อยในอ้อมอกพลางเอ่ย “คิดไม่ถึงเลยว่าการหายตัวไปของเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง จะเรียกพวกเสือสิงกระทิงแรดออกมากันหมด”
กู้ฉังชิงเอ่ย “เดิมทีพวกสิบตระกูลใหญ่ก็ไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว วันนี้จะต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี”
ตอนแรกผู้คนต่างริษยาที่ตระกูลเซวียนหยวนยิ่งใหญ่เพียงตระกูลเดียว แทบอยากจะกำจัดโดยเร็วเพื่อความสบายใจ แต่เมื่อตระกูลเซวียนหยวนล่มสลายเข้าจริงๆ พวกเขาก็กลับกลายมาเป็นตระกูลเซวียนหยวนคนต่อไปเสียได้
กู้เจียวถาม “จริงสิ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”
กู้ฉังชิงเอ่ย “เซียวเหิงเป็นคนบอกข้า”
กู้ฉังชิง “ไม่ได้บอก เขาเดาได้เอง”
กู้เจียวเลิกคิ้ว “สามีข้าฉลาดจริงๆ !”
กู้ฉังชิงหน้าทะมึนทันใด
ปลายป่าด้านนี้มีภูเขาอยู่ด้านหลัง จึงมีแสงสว่างมาก ทั้งคู่เลยเดินกันอย่างระมัดระวัง
กู้เจียวเอ่ยขึ้นอีก “จริงสิ ทางองค์รัชทายาทราบรื่นหรือไม่”
กู้ฉังชิงเอ่ย “ราบรื่นดี”
กู้เจียวส่งเสียงอ้อ “เขาหูเบาเชื่อคนที่โรงประลองใต้ดินส่งไปเพียงนี้เชียวรึ”
กู้ฉังชิงอธิบาย “เขาให้ยาพิษชนิดหนึ่งกับข้า ต้องกินยาถอนพิษเดือนละครั้ง ไม่เช่นนั้นจะตายได้”
กู้เจียวหันมามองเขา “ท่านดื่มพิษไปแล้วรึ”
“อืม” กู้ฉังชิงพยักหน้า หันมามองกู้เจียว “ข้าคิดว่าเจ้าถอนพิษได้”
กู้เจียว “ข้าคิดว่าข้าถอนไม่ได้”
กู้ฉังชิง “…”
กู้เจียวสองหูกระดิกไหว หันหน้าไปมองส่วนลึกทางใต้ของป่า “ทางนั้นเหมือนมีความเคลื่อนไหว”
กู้ฉังชิงหรี่ตาทอดมองไป “ข้าก็ได้ยินแล้ว จะไปดูหรือไม่”
กู้เจียวครุ่นคิด “เช่นนั้นก็ไปดูกัน”
กู้ฉังชิงมือหนึ่งอุ้มเสี่ยวจิ้งคง มือหนึ่งโอบเอวกู้เจียวไว้ ใช้วิชาตัวเบาพานางไป
ทั้งคู่อุ้มเด็กน้อยมาหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
ระยะราวหนึ่งร้อยก้าว มีชายหนุ่มในชุดนักบวชกำลังประมือกันกับชายชุดดำคลุมหน้าสองคน และในสนามการต่อสู้ของพวกเขาก็มี… เด็กหนุ่มหน้าใสยืนอยู่ด้วย