บทที่ 736 เสี่ยวจิ้งคงผู้กล้าหาญ (1)
ชื่อนี้กู้เจียวเป็นคนตั้งให้เขาเองสมัยที่พวกเขายังอยู่ที่แคว้นเจา
ทว่าแคว้นเจามีข้อห้ามไม่ให้คนทั่วไปใช้คำว่า ‘หลง’ อยู่ในชื่อ
โชคดีที่แคว้นเยี่ยนไม่ได้มีกฎเรื่องนี้ กู้เจียวจึงสามารถมอบชื่อนี้ให้แก่กู้ฉังชิงได้สบายๆ
และเหมือนว่าเขาจะพอใจกับชื่อนี้ที่น้องสาวของเขาตั้งให้มาก
ตัดภาพมาที่ไท่จื่อซึ่งกำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกหลังจากได้ยินชื่อแปลกๆ นี้จากเขา
ช่วงนี้ท่านชายใหญ่หันได้รับบาดเจ็บ ก็เลยขาดคนฝีมือดีคอยคุ้มกันข้างกาย
หลงอ้าวเทียนผู้นี้มาได้จังหวะพอดี
ผังไห่กระซิบถามกู้ฉังชิง “เจ้าเปลี่ยนชื่อตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อ๋อ ข้าเบื่อชื่อเดิมแล้ว” กู้ฉังชิงตอบหน้าตาย
ด้วยความที่นักต่อสู้ทุกคนมักใช้นามแฝง ผังไห่จึงไม่ได้ติดใจอะไรมาก
เปลี่ยนก็เปลี่ยน ตามใจเขา
แน่นอนว่านอกจากได้ผังไห่เป็นผู้ยืนยันแล้ว ไท่จื่อต้องได้เห็นฝีมือของนักดาบผู้โดดเดียวคนนี้ด้วยตาเนื้อของเขาเอง จึงทรงเกณฑ์ทหารผ้าแพรจำนวนหนึ่งเข้ามาข้างใน
ทหารในชุดผ้าแพรปรากฏตัวราวสิบนายและพุ่งตรงเข้ามาที่กู้ฉังชิง
แววตาของไท่จื่อเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับหันไปถามนายทหารคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ “เทียบกับหันเย่แล้ว เจ้าว่าฝีมือของเขาเป็นอย่างไรบ้าง”
ทหารคนสนิทเหลือบมองกู้ฉังชิงที่เพิ่งเก็บดาบลงไปหมาดๆ แล้วกระซิบตอบกลับ “กระหม่อมคิดว่า ฝีมือของเขาเหนือกว่าท่านชายใหญ่หันขอรับ”
ไท่จื่อหัวเราะชอบใจ “แปลว่าข้าได้เพชรเม็ดงามมาครอบครองสินะ”
ทหารลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อ “เขาผู้นี้ไว้ใจได้หรือไม่ จะจงรักภักดีต่อฝ่าบาทหรือไม่”
ไท่จื่อตอบด้วยความมั่นใจ “ข้าเป็นถึงไท่จื่อ ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนคนต่อไป นกที่ดีควรเลือกต้นไม้ที่จะเกาะให้เป็น ขอแค่ไม่เขลาจนเกินไป แต่ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล โรงประลองใต้ดินเป็นที่ๆ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ข้าไม่ควรเชื่อใจใครง่ายๆ เช่นนั้น วานเจ้าไปหยิบของมาให้ข้าที”
“ขอรับ”
ทหารคนสนิทเดินออกไป
จากนั้นไท่จื่อจึงสั่งให้หยุดต่อสู้ “เอาละ พอได้แล้ว”
ทหารผ้าแพรต่างพากันถอนหายใจโล่งอก
และแล้วทหารคนสนิทของไท่จื่อก็กลับเข้ามาพร้อมกับขวดกระเบื้องเล็กๆ ในมือ
ไท่จื่อเอ่ยกับกู้ฉังชิง “จงดื่มเพื่อเป็นการสาบาน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าคือคนสนิทของข้า”
ผังไห่เหลือบมองขวดนั้นพร้อมกับเอามือแตะจมูกอย่างรู้สึกผิด
เขาไม่ได้บอกกู้ฉังชิงเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียด้วยสิ
จวนไท่จื่อไม่ใช่สถานที่ที่เข้ามาได้ง่ายๆ ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
กู้ฉังชิงไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบกระดกจนหมดขวด
ทุกคนที่อยู่รอบๆ พากันมองตาค้าง
สักพัก เสียงหัวเราะชอบใจของไท่จื่อก็ดังขึ้น “ดีมาก! ต้องแบบนี้สิ! ข้าชื่นชมคนแบบเจ้า! สิ่งที่เจ้าดื่มเข้าไปมันคือยาพิษ ทุกเดือนเจ้าต้องได้รับยาถอนพิษ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องตายอย่างทรมาน ขอแค่เจ้าจงรักภักดีต่อข้า รับรองว่าเจ้าจะได้มีชีวิตที่ยืนยาวกว่าใครอย่างแน่นอน”
ดูเหมือนไท่จื่อจะชอบพอหลงอ้าวเทียนผู้นี้เป็นอย่างมาก ถึงขั้นจัดแจงที่พักส่วนตัวให้กับเขา
ซึ่งตามปกติแล้วไม่เคยมีใครได้รับอภิสิทธิ์เช่นนี้มาก่อน หลงอ้าวเทียนคือคนแรกที่ทำแบบนี้ได้
ไท่จื่อสั่งให้คนไปเก็บกวาดตำหนักให้สะอาดเพื่อเป็นการต้อนรับ ซ้ำยังส่งบ่าวไปดูแลอีกด้วย
แถมยังอีกฝ่ายยังเรียกร้องว่าไม่ต้องการถูกจับตามอง ไท่จื่อเองก็ยินยอม
…
“เจ้าตามข้ามาทำไม” ผังไห่เอ่ยถามกู้ฉังชิงหลังจากที่ออกมาจากจวนไท่จื่อ
“ข้าจะออกไปที่นอกเมือง ขอติดรถไปด้วยคนสิ” กู้ฉังชิงเอ่ย
“เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ได้จะไปนอก…” ผังไห่หยุดพูดกลางคันหลังจากรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตของอีกฝ่าย พลางนึกในใจ พอได้เปลี่ยนชื่อก็ทำตัวกำเริบเสิบสานเชียวนะ
ถามจริง ชื่อนี้มันดีกว่าพญายมตรงไหน
ผังไห่โบกมือยอมแพ้ “ก็ได้ ข้าไปส่งเจ้าเอง!”
กู้ฉังชิงขึ้นรถม้าไปกับผังไห่
ณ เวลาย่ำรุ่ง
การประชุมของตระกูลมู่และตระกูลซูได้สิ้นสุดลง แนวทางปฏิบัติของพวกเขามีอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือดึงเซียวลิ่วหลังมาเป็นพวก สองคือคว้าม้าเฮยเฟิงมาครอบครอง
โดยเรื่องที่หนึ่ง พวกเขาให้มู่ชิงเฉินเป็นคนจัดการ ส่วนเรื่องที่สองนั้น นายใหญ่มู่มีแผนรับมือไว้แล้ว
“ซูหยวนกับมู่เทา ตามข้ามาที่ห้องหนังสือ” นายใหญ่มู่เอ่ย
เป็นเรื่องที่พวกเขาสามคนคุยกันได้แค่ลำพัง
มู่ชิงเฉินจึงเอ่ยลา “ท่านตาขอรับ ข้ากับมู่ชวนขอตัวไปสำนักบัณฑิตก่อน ลาละขอรับ”
“ไปเถิด” นายใหญ่มู่พยักหน้าด้วยสีหน้าเอ็นดู
“ข้าไปรอที่รถนะท่านพ่อ” ซูเฮ่าเอ่ยกับซูหยวน
ซูหยวนพยักหน้า
มู่ชิงเฉินเดินออกไปพร้อมกันกับมู่ชวนพร้อมทั้งพูดคุยหยอกล้อกันอย่างเข้าขา
โดยมีซูเฮ่าที่เดินเงียบๆ คนเดียวตามหลังพวกเขาไป
ภาพที่เห็นทำให้ซูหยวนอดสงสารบุตรชายของตัวเองมิได้
ณ ด้านนอกห้องรับแขก
ซูเฮ่าเอ่ยเรียกมู่ชิงเฉิน “น้องสี่ ข้าพูดอะไรผิดไปหรือเมื่อครู่นี้ ดูเจ้าไม่พอใจเท่าใดนัก”
มู่ชิงเฉินขมวดคิ้ว
มู่ชวนหยุดเดินและหันมาโต้กลับ “เพิ่งรู้ตัวหรือไรว่าพูดอะไรผิดไป ทีเมื่อกี้ยังกล้าพูดปาวๆ ถึงพี่สี่ของข้าอยู่เลย ข้าก็นึกว่าสมองเจ้าถูกลากินเข้าไปแล้วเสียอีก!”
ซูเฮ่าทำหน้าราวกับคนฟังไม่รู้เรื่อง “แต่ชิงเฉินกับเซียวลิ่วหลังเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ น้องสามเคยพูดไว้…”
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พวกเขาเป็นเพื่อนกันหรือไม่ แต่อยู่ที่ปากพาคนอื่นซวยของเจ้าต่างหาก!
มู่ชวนสูดหายใจลึก “ซูเฮ่า เรื่องมันผ่านมาแล้ว ข้าจะไม่พูดถึงมันอีก เจ้าเองก็เช่นกัน!”
ซูเฮ่ามองไปที่มู่ชิงเฉินและพยายามอธิบาย “ข้ามิได้มีเจตนาร้ายนะชิงเฉิน ก็แค่อยากจะช่วยท่านพ่อแก้ปัญหาเท่านั้นเอง ถ้าข้าพูดอะไรผิดไปจริงๆ ข้าจะไปอธิบายให้ท่านพ่อฟังตอนนี้เลย”
มู่ชวนทนไม่ได้กับท่าทางอันแสนปลอมเปลือกของชายคนนี้อีกต่อไป และความโกรธที่เขากลั้นไว้ในที่สุดก็ถูกจี้จุดจนปะทุออกมา
เขายกกำปั้นขึ้นและเหวี่ยงไปที่ใบหน้าของซูเฮ่าจนร่วงลงไปกับพื้น!
“เฮ่าเอ๋อร์!”
เสียงร้องหลงของซูหยวนดังขึ้น
ผู้ใหญ่ทั้งสามเข้าไปที่ห้องหนังสือเพียงเพื่อพูดคุยต่อในบางเรื่องที่ไม่อยากให้เด็กๆ ได้ยิน
ดังนั้นพวกเขาจึงออกมากันอย่างรวดเร็ว
พอออกมา ก็เป็นอย่างที่เห็น
แม้เป็นความจริงที่สถานะของตระกูลมู่นั้นสูงกว่าตระกูลซู และแม้ซูเฮ่าเป็นได้แค่ลูกนอกสมรส แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่มู่ชวนจะรังแกซูเฮ่าอย่างไม่ใยดี
ตอนที่ซูหยวนตะโกนร้อง มู่ชวนได้ปล่อยหมัดสองเป็นที่เรียบร้อย
ซูหยวนใช้กำลังภายในทั้งหมดที่มีของเขาแล้วพุ่งฝ่ามือไปทางมู่ชวน
มู่ชิงเฉินเห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาขวางด้านหน้ามู่ชวนพร้อมกับยืนมือรับแรงกระแทกจากซูหยวน
สีหน้าของซูหยวนมีแต่ความเย็นชา
และดูเหมือนว่ามู่ชิงเฉินจะไม่หลีกทางง่ายๆ
สองพ่อลูกที่จู่ๆ เผชิญหน้ากันทำให้บรรยากาศเริ่มคุกรุ่น
“มู่ชวน!” มู่เทาตะโกนเรียกลูกชายที่กำลังหลบอยู่ด้านหลัง จากนั้นหันไปมองซูเฮ่าที่นอนเลือดกบปากอยู่บนพื้น ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มู่เทาเดินเข้าไปดึงหูลูกชายด้วยความโกรธ
“ท่านปู่ช่วยข้าด้วย!” มู่ชวนเตรียมวิ่งหนี
แล้วก็วิ่งไปหลบที่ด้านหลังนายใหญ่มู่
มู่เทาโกรธมากจนกระทืบเท้า “บังอาจไปซ่อนตัวข้างหลังท่านปู่อีกนะ ออกมาเดี๋ยวนี้! กล้าดียังไงไปรังแกคนอื่นเขา!”
มู่ชวนถูกพ่อของเขาเล่นงานยกใหญ่
มู่เทาถอดรองเท้าแล้วฟาดเขาเต็มแรง แม้จะดูโหดร้าย แต่จริงๆ แล้วมู่เทาไม่ได้ใส่แรงเหมือนที่เห็น
“ชวนเอ๋อร์ ขอโทษท่านชายสี่เร็ว” นายใหญ่มู่เอ่ย
มู่ชวนเม้มริมฝีปาก เหลือบมองซูเฮ่า และเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ “ข้าขอโทษที่พลั้งมือ แต่ก็นะ ข้าละสงสัยจริงๆ ว่าพวกเจ้าเกิดจากพ่อคนเดียวกันรึเปล่า พี่สี่ของข้าออกจะแข็งแรงขนาดนี้ แต่ดูเจ้าสิ แค่หมัดเดียวก็ล้มไม่เป็นท่าแล้ว!”
ซูหยวนพยุงร่างของซูเฮ่า
“ลูกขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อขายหน้า” ซูเฮ่าเอ่ย
มู่ชวนยกมือป้องปากหลังจากที่ได้ยิน
แหวะ