บทที่ 724 แม่สามีกับลูกสะใภ้
หลังจากใช้อะดรีนาลีนไปสี่เข็มเต็ม สัญญาณชีพและความดันโลหิตของซ่างกวานเยี่ยนจึงกลับมาอีกครั้ง
“ความดันเลือดปกติ สัญญาณชีพปกติ” ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ย
“เปลหาม” กู้เจียวเอ่ย
กู้เจียวเก็บเครื่องวัดความดัน
ใต้เท้ากั๋วซือสั่งการลูกศิษย์ตำหนักกั๋วซือบริเวณหน้าประตู ให้เขาพาเหล่าศิษย์ไปหามเปลมา
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วตรัส “จะหามนางไปไหน”
ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ย “ตำหนักกั๋วซือพ่ะย่ะค่ะ ตรงนี้รักษาไม่ได้”
ฮ่องเต้ไม่ได้ถามว่าเหตุใดจึงรักษาไม่ได้ พระองค์แค่ขมวดคิ้ว ตรัสกับจางเต๋อเฉวียน “เจ้าก็ไปด้วยสิ”
“พ่ะย่ะค่ะ” จางเต๋อเฉวียนกับลูกศิษย์ตำหนักกั๋วซือยกเปลขึ้นมา เป็นลูกศิษย์ตำหนักกั๋วซือที่ออกแรงหามเสียมากกว่า
เซียวเหิงมองซ่างกวานเยี่ยนที่โลหิตอาบร่างที่โดนหามออกไปด้วยแววตาลุ่มลึก ดวงใจเขาบีบรัดแน่นตามไปด้วยโดยไม่รู้สาเหตุ
ความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่ง
กู้เจียวถอดถุงมือออก ขณะที่เดินผ่านข้างกายเขาก็แอบบีบมือเขาเบาๆ
การกระทำแสนเล็กน้อยที่เหมือนไม่ได้ตั้งใจนี้ แฝงไปด้วยคำปลอบโยนอยู่ภายใน
จากนั้นนางจึงเดินออกจากประตูใหญ่พลางเอ่ย “เด็กจัดยา ตามมา”
สายพระเนตรของฮ่องเต้หยุดอยู่บนดวงหน้าเยาว์วัยไร้เดียงสาของกู้เจียว ความสงสัยฉายภาพแววตานั้น
เห็นได้ชัดว่ากู้เจียวอายุยังน้อยนัก จึงเชื่อได้ยากว่าฝีมือการแพทย์ของนางจะน่าเชื่อถือเพียงนี้
แต่ระหว่างที่ช่วยชีวิตซ่างกวานเยี่ยนนั้น ฮ่องเต้เองก็ทรงอยู่ทอดพระเนตรเห็นทั้งหมด กู้เจียวเป็นหัวหน้าชี้นำจริงๆ เสียงของนางเจือความไร้เดียงสาของเด็กสาว แต่น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความสุขุมและใจเย็นที่วัยหนุ่มสาวยากจะมี
ฮ่องเต้ตรัสเสียงขรึมกับกู้เจียว “หากรักษาไม่หาย เจ้าก็หิ้วหัวตัวเองมาเข้าเฝ้าได้เลย!”
กู้เจียวปรายตามองฮ่องเต้ “หากรักษาหาย พระองค์ก็จะหิ้วหัวมาขอบคุณเหมือนกันใช่หรือไม่”
ฮ่องเต้เดือดดาล “เจ้า!”
จางเต๋อเฉวียนเสี่ยงตายห้ามฮ่องเต้ไว้ เอ่ยเสียงเจื่อน “ฝ่าบาท! ฝ่าบาท! ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า! ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่านะพ่ะย่ะค่ะ!”
เจ้าหนุ่มนี่ เจ้าก็ช่างใจกล้าบ้าบิ่นนัก แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังกล้าด่า!
ซ้ำยังด่าเสียพระองค์หมดคำจะเถียง…
ใต้เท้ากั๋วซือผงกศีรษะให้ฮ่องเต้เล็กน้อย “พวกเราขอตัวก่อน ผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วกระหม่อมจะรีบส่งคนเข้าวังไปทูลแจ้งผลกับฝ่าบาท”
พายุโหมกระพือภายในพระเนตรเนตรฮ่องเต้
จางเต๋อเฉวียนกระแอมเบาๆ “ระ…ระ…ระ…รีบ หน่อยแล้วกัน รบกวนใต้เท้ากั๋วซือกับท่านชายเซียวด้วย!”
กั๋วซือ กู้เจียวและเซียวเหิงพาซ่างกวานเยี่ยนขึ้นนั่งรถม้าของตำหนักกั๋วซือ
ถนนหนทางของแคว้นเยี่ยนดีเยี่ยมยิ่ง ระหว่างทางไม่มีหลุมบ่อให้โคลงเคลง กอปรกับมีลูกศิษย์ของตำหนักกั๋วซือนำทางอยู่ข้างหน้า ผู้คนที่สัญจรไปมาจึงพากันหลบหลีกให้ พวกเขาจึงแทบจะราบรื่นไร้อุปสรรค
กู้เจียวสะทกสะท้อนใจ “นี่มันรถพยาบาลของสมัยโบราณนี่นา”
รถม้าจอดลงนอกตำหนักฉีหลิน
ลูกศิษย์สองนายของตำหนักกั๋วซือหามเปลลงมาอย่างรวดเร็วทว่ามั่นคงยิ่งนัก
พวกเขาตรงไปยังห้องว่างทางระเบียงฝั่งขวาที่มีหน่วยกล้าตายสองนายเฝ้าอยู่
เซียวเหิงรออยู่ในห้องผู้ป่วยที่กู้เจียวเคยพัก หากการผ่าตัดของซ่างกวานเยี่ยนสำเร็จ ก็จะถูกส่งตัวมาพักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยห้องนี้
“ล้วนเป็นคนที่ไว้ใจได้ทั้งสิ้น” ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ยกับกู้เจียว
กู้เจียวกระจ่าง นางสาวเท้าเข้ามาในห้อง วางกล่องยาใบน้อยใส่เข้าไปช่องว่างของกำแพง ก่อนพาใต้เท้ากั๋วซือและลูกศิษย์ตำหนักกั๋วซือที่หามเปลสองนายเข้าไปในห้องผ่าตัด
ทั้งคู่เห็นภาพนี้เข้า ก็ไม่ได้เอ่ยในสิ่งที่ไม่ควรเอ่ยสักคำ หามคนขึ้นเตียงผ่าตัดกันอย่างเงียบเชียบ โดยวางคว่ำลงตามคำสั่ง ก่อนจะออกไปตามคำสั่งของใต้เท้ากั๋วซือ
กู้เจียวมองไปรอบกายพลางเอ่ย “เครื่องมืออุปกรณ์แตกต่างกับคราก่อน พวกเราเข้ามาแต่ละครั้งเป็นห้องผ่าตัดคนละห้องกันหมดเลยหรือ”
ใต้เท้ากั๋วซือมาหยุดอยู่ข้างแท่นล้างมือ ล้างไม้ล้างมืออย่างพิถีพิถัน ก่อนจะดึงประตูตู้ให้เปิดออก หยิบถุงมือผ่าตัดสองคู่ออกมา “พื้นที่ในมิติแห่งนี้มีห้องผ่าตัดหลายห้องอย่างที่ว่าจริงๆ ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้ป่วย”
“เหตุใดจึงเหมือนกับกล่องยานี่เลยเล่า” กู้เจียวพึมพำ
ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ยเสียงเรียบ “ยามนี้เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วรึ คราก่อนก็ให้เจ้าคิดดูแล้ว”
กู้เจียวเองก็ทำความสะอาดด้วยเช่นกัน นางสวมถุงมือผ่าตัด มองรอบๆ ห้องผ่าตัดที่เครื่องไม้เครื่องมือล้ำสมัยพลางเอ่ย “ข้าเคยเห็นเครื่องมือพวกนี้เป็นครั้งแรก แต่เหมือนว่าข้าจะรู้ว่าใช้อย่างไร”
ใต้เท้ากั๋วซือมองนางอย่างลุ่มลึก “แล้วอย่างไรเล่า”
กู้เจียวครุ่นคิดอย่างจริงจัง ก่อนจะเอ่ยด้วยความกระจ่างแจ้ง “ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ ”
ใต้เท้ากั๋วซือ “…”
ใต้เท้ากั๋วซือเห็นกู้เจียวหยิบกล่องปูนออกมาจากตู้ เขาจึงถาม “เจ้าคงไม่ได้จะใช้ปูนปลาสเตอร์หรอกกระมัง”
กู้เจียวเอ่ย “ไม่ใช่ นางยังสาว ใช้ปูนปลาสเตอร์สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ข้ากำลังหาสกรูกระดูก”
ปูนปลาสเตอร์เป็นของเหลวที่สามารถแข็งตัวเป็นรูปเป็นร่างได้โดยการเจาะฉีดเข้าไปซ่อมแซมเฉพาะส่วน หลังจากแข็งตัวโดยธรรมชาติเองแล้วจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระดูกในร่างกาย
แต่อย่างไรเสียก็เป็นสิ่งแปลกปลอม แม้จะรักษาได้ผลดีในระยะสั้น แต่อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว และนานวันไปอาจต้องฉีดเข้าไปเป็นครั้งที่สอง
ใต้เท้ากั๋วซือถาม “ไม่คิดจะรักษาตามตำราหน่อยหรือ”
กู้เจียวเปิดอีกตู้หนึ่งออก “ให้นางนอนติดเตียงสามเดือนอย่างนั้นหรือ ด้วยนิสัยของนางข้าเกรงว่านางคงนอนไม่ได้ อ๊ะ เจอแล้ว”
ใต้เท้ากั๋วซือมองซ่างกวานเยี่ยน แล้วหันมามองกู้เจียว ไม่ได้ถามกู้เจียวว่ารู้จักนิสัยใจคอของซ่างกวานเยี่ยนได้อย่างไร
แต่หากว่ากันตามตรงแล้ว เมื่อดูอาการโดยรวมของซ่างกวานเยี่ยน นางก็ไม่เหมาะกับการรักษาตามตำราจริงๆ นั่นแหละ
ทุกอย่างพร้อมแล้ว
กู้เจียวกับใต้เท้ากั๋วซือต่างแยกกันไปคนละฝั่งของเตียงผ่าตัด
กู้เจียว “อาการคนไข้”
ใต้เท้ากั๋วซือ “ดมยาสลบแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจปกติ ความดันโลหิตปกติ”
กู้เจียว “เริ่มผ่าตัด”
…
เซียวเหิงยืนรออยู่ในห้องปีกข้างอย่างสงบ
จางเต๋อเฉวียนเองก็เข้ามาหา ไม่รู้ว่าอาสามาเอง หรือว่าฮ่องเต้สั่งให้เขามา
ที่นี่มีห้องปีกข้างมากมาย ทว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้องปีกข้าง แต่เดินวนไปมาอยู่บนระเบียงทางเดิน เขากังวลว่าเสียงดังเกินไปจะส่งผลต่อการรักษาของซ่างกวานเยี่ยน จึงได้เดินแผ่วเบามาก
เขย่งย่องปลายเท้าราวกับขโมยขโจร
เซียวเหิงดูเหมือนจะสงบนิ่งกว่าเขานัก แต่ภายในใจนั้นกระสับกระส่ายยิ่งกว่า
พอผ่านความเป็นความตายมาแล้ว บนโลกนี้จึงมีเรื่องที่ทำให้เขากระวนกระวายได้ยากมาก
กู้เจียวพ้นขีดอันตรายมาได้แล้ว ความกระวนกระวายในยามนี้ของเขามาจากสตรีอีกคน
แต่แปลกนัก เหตุใดถึงได้รู้สึกเช่นนี้
เขาพยายามทำจิตใจตัวเองให้สงบ กังวลไปก็เปล่าประโยชน์ ยามนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือทำความเข้าใจกับต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ชี้ตัวคนร้ายของเรื่องและพวกเพชฌฆาตที่ช่วยคนผู้นั้นก่อเหตุออกมาให้ได้
“จางกงกง”
เขาเรียกจางเต๋อเฉวียนที่อยู่บนทางเดินเอาไว้ เขาจำได้ว่าขันทีน้อยของตำหนักเจาหยางเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้
จางเต๋อเฉวียนชะงักฝีเท้าลง หันมามองเซียวเหิง
เซียวเหิงแปลงโฉมอยู่ ยามนี้ใบหน้าของเขานั้นแสนธรรมดา แม้แต่ดวงตาหงส์ก็กลายเป็นดวงตาเฉี่ยวดุจนกการเวกแทน
จางเต๋อเฉวียนจึงจำเขาไม่ได้
“เจ้าคือ… เด็กจัดยาของเซียวลิ่วหลังหรือ” จางเต๋อเฉวียนถามขึ้น
“ขอรับ” เซียวเหิงเอ่ย
“อ้อ” จางเต๋อเฉวียนเห็นเซียวเหิงท่าทางมีอะไรจะคุยอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปทางห้องผ่าตัดที่มีหน่วยกล้าตายเฝ้าอยู่ ซอยเท้าสั้นๆ อย่างเงียบเชียบมายังห้องเซียวเหิง “มีอะไรหรือ”
เซียวเหิงกำลังจะเอ่ยขึ้น ขันทีน้อยในวังนายหนึ่งก็เดินมาหา “จางกงกง คนของจวนแม่ทัพมาขอรับ อยากจะพาเด็กจัดยาของเซียวลิ่วหลังไปไต่สวนที่จวนแม่ทัพ”
นี่กำลังจะสืบเรื่องการลอบสังหารแล้วสิ
เซียวเหิงแปลงโฉมอยู่ หากเข้าไปในจวนแม่ทัพคงได้เผยพิรุธแน่ เป็นไปได้สูงที่จะโดนทัณฑ์ทรมานเล็กๆ น้อยๆ หากว่าเขากล่าวหาว่าท่านชายใหญ่ตระกูลหันเป็นมือสังหาร
จางเต๋อเฉวียนไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องที่จวนแม่ทัพมาจับคน อย่างไรเสียจวนแม่ทัพก็เป็นหน่วยงานคนสนิทของฝ่าบาท
ในขณะนั้นเอง ลูกศิษย์คนหนึ่งของตำหนักกั๋วซือก็เดินมาหา เป็นลูกศิษย์ใหญ่ของตำหนักอย่างเย่ชิง
เย่ชิงเอ่ยเสียงเรียบกับขันทีน้อย “ที่นี่เป็นตำหนักกั๋วซือ มีธุระใดก็รอให้ใต้เท้ากั๋วซือออกมาก่อนค่อยว่ากัน”
ขันทีน้อยอ้าปากพะงาบ “แต่จวนแม่ทัพ…”
เย่ชิงสะบัดแขนเสื้อ วางมาดใหญ่โต “จวนแม่ทัพอย่ามาถือดีจับตัวใครในตำหนักกั๋วซือ!”
ขันทีน้อยตกใจจนตัวสั่น “ขอรับ! ข้าน้อยจะไปแจ้งเดี๋ยวนี้!”
หลังจากขันทีน้อยเร่งฝีเท้าจากไป เย่ชิงก็ทักทายจางเต๋อเฉวียน แล้วหันมามองเซียวเหิง น้ำเสียงและสีหน้าสุภาพกว่าเมื่อครู่นี้มากนัก “เจ้าคงเป็นเด็กจัดยาของท่านชายเซียวกระมัง ข้านามว่าเย่ชิง เป็นลูกศิษย์คนโตของตำหนักกั๋วซือ ใต้เท้ากั๋วซือเตรียมสมุนไพรไว้ให้ท่านชายเซียวจำนวนหนึ่ง เจ้าตามข้ามาเอาสิ”
เซียวเหิงพยักหน้า ออกจากตำหนักฉีหลินไปกับเย่ชิง
เย่ชิงเอ่ย “พวกศิษย์น้องวางสมุนไพรไว้ในหอตำรา ข้างหน้านี้น่ะ”
เซียวเหิงเอ่ย “รบกวนด้วยขอรับ”
ทั้งคู่เดินไปยังหอตำราด้วยกัน
จู่ๆ เย่ชิงก็ทอดถอนใจเฮือกหนึ่งพลางเอ่ย “เกิดเรื่องใหญ่โตกับอดีตองค์หญิงเพียงนี้ สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวังหลวง แม้อดีตองค์หญิงจะถูกปลดเป็นสามัญชนแล้ว แต่อย่างไรบรรดาพระสนมก็เลี้ยงมาจนโต ฟ้ายังไม่สาง บรรดาพระสนมก็ทูลขอราชโองการไปกราบไหว้บรรพชนที่ศาลบูรพกษัตริย์ ขอพรให้อดีตองค์หญิง ในฐานะที่ท่านชายใหญ่หันเป็นรองผู้บัญชาการกองทัพหลวง จึงอยู่ในขบวนติดตามด้วย”
เซียวเหิงแววตาสั่นไหว หันมามองเย่ชิง “ท่านชายใหญ่หันอยู่ที่ศาลบูรพกษัตริย์มาโดยตลอดหรือขอรับ”
เย่ชิงพยักหน้าเอ่ย “ใช่แล้ว ศาลบูรพกษัตริย์ตั้งอยู่เขตพระราชฐานชั้นนอก ในหมู่ชาวบ้านเรียกกันอีกอย่างว่าวังหน้า บรรดาพระสนมจะออกจากวังหลัง ย่อมต้องมีกองทหารหลวงคุ้มกันระหว่างเสด็จ เหล่าพระสนมขอพรกันจนถึงยามอู่ หลังจากกองราชองครักษ์ของท่านชายใหญ่หันคุ้มกันส่งบรรดาพระสนมกลับวังหลังก็จากไป”
พวกเขาโดนลอบสังหารตอนยามซื่อแท้ๆ
ยามจื่อ เขาก็เข้าวังมาแล้ว
หากระหว่างนั้นหันเย่อยู่ที่ศาลบูรพกษัตริย์มาโดยตลอด เช่นนั้นหันเย่ก็มีหลักฐานที่อยู่อย่างสมบูรณ์แบบ
หากเมื่อครู่นี้ตนถูกคนของจวนแม่ทัพพาตัวไป กล่าวหาหันเย่ต่อหน้าขุนนาง คงได้โดนตัดสินโทษว่าใส่ความแน่
ตอนกู้เจียวกับหันเย่ประมือกัน หันเย่ที่อยู่ในป่าต่างหากที่เป็นตัวจริง
หันเย่ที่ศาลบูรพกษัตริย์เป็นตัวปลอม ใช้วิชาแปลงโฉมเช่นเดียวกันกับตน
มิน่าหันเย่ถึงได้กล้าไปลอบสังหารหมอที่ฮ่องเต้เชิญมาด้วยตัวเอง
หากทำสำเร็จ จะเป็นการดีที่สุด
หากไม่สำเร็จ แล้วพวกเขาไปกล่าวหาหันเย่ ก็จะตกหลุมที่ขุดไว้เข้าอย่างจัง
สุดท้ายนอกจากจะโค่นล้มตระกูลหันไม่ได้แล้ว ยังอาจจะทำให้การบาดเจ็บขององค์หญิงกลายเป็นแผลการอันแยบยลที่ตระกูลหันสมคบคิดกับไท่จื่อก็ได้
แยบยลยิ่งนัก ช่างเป็นแผนที่แยบยลจริงๆ !
แต่เหตุใดเย่ชิงถึงได้บอกเรื่องนี้กับเขากัน
ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ
“ถึงแล้ว” เย่ชิงเอ่ยกับเซียวเหิง “เราเข้าไปกันเถิด”
เซียวเหิงเข้ามาในหอตำรากับเย่ชิง
หอตำราเงียบสงบนัก เติมเต็มอารมณ์สงบสุขของเย่ชิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เย่ชิงดูเหมือนชายหนุ่มที่เข้าถึงง่าย แต่กลับเว้นระยะห่างไว้อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้คนเข้าใกล้จนเกินไป
บรรดาลูกศิษย์พากันคำนับให้เขา “ศิษย์พี่ใหญ่”
เย่ชิงพยักหน้ารับอย่างสุภาพ
เย่ชิงพาเซียวเหิงเดินผ่านชั้นหนังสือตู้แล้วตู้เล่า มายังหน้าโต๊ะของตัวเอง มองตะกร้ายาบนโต๊ะพลางเอ่ย “เอ๊ะ อยู่นี่”
“ข้าจัดการเอง” เซียวเหิงบอก
เซียวเหิงเดินขึ้นหน้า หิ้วตะกร้ายาหนักอึ้งขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าตนออกแรงเกินไปหรือไม่ ไม่ทันระวังจึงชนกับม้วนภาพตรงขอบโต๊ะเข้า
เซียวเหิงโน้มตัวลงเก็บม้วนภาพขึ้นมา “ขออภัยด้วย”
เย่ชิงรับมากางออกดู ก่อนยิ้มเอ่ย “ไม่เป็นไร นี่เป็นภาพเหมือนของพระนัดดาองค์โต วาดไว้เมื่อสามปีก่อน”
พระนัดดาองค์โต
ความรู้สึกล้ำลึกสายหนึ่งผุดขึ้นในใจของเซียวเหิง เขาหันไปมองภาพเหมือนตามสัญชาตญาณ
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มในภาพเหมือนเต็มตา รวมถึงไฝรองน้ำตาอันคุ้นเคยบริเวณใต้ตาขวาแล้ว เขาก็พลันชะงักไปในทันที