บทที่ 702 สำเร็จ
หากกู้เหยี่ยนไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของหนานกงลี่ ก็อาจมีโอกาสสักเล็กน้อยที่จะทำการผ่าตัดอุดรูรั่วด้วยอุปกรณ์ผ่านหลอดเลือดดำ โดยใช้ท่อขนาดเล็กมากแทงผ่านขาเข้าไปในหัวใจ แล้วส่งอุปกรณ์อุดรูรั่วเข้าไปในตำแหน่งที่เสียหาย ก็สามารถอุดรูรั่วได้อย่างง่ายดาย
แต่พื้นที่ของที่เสียหายนั้นใหญ่เกินไป อุปกรณ์อุดรูรั่วขนาดเล็กจึงไม่เพียงพอที่จะอุดรูรั่วได้ และยังมีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง จึงจำเป็นต้องทำการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด
กั๋วซือมองดูตำแหน่งที่กู้เจียวกำลังฆ่าเชื้ออยู่ พลางเอ่ย “เจ้าไม่ผ่าตัดเปิดหัวใจโดยตรงหรอกหรือ”
การผ่าตัดเปิดหัวใจโดยตรง คือการผ่ากระดูกหน้าอกเหนือหัวใจ การผ่าตัดทำได้ง่าย เปิดพื้นที่ได้กว้าง และแต่ต้องใช้ความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างสูง
ทว่า กูเจียวกลับเลือกที่จะทำการผ่าตัดผ่านแผลขนาดเล็กที่รักแร้ด้านขวาของกู้เหยี่ยน วิธีนี้ทำให้ความยากในการผ่าตัดเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกขั้นหนึ่ง
“การผ่าตัดเปิดหัวใจตรงๆ นั้นแผลยาวเกินไป และความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด เช่น ภาวะน้ำคั่งรอบหัวใจก็เป็นไปได้สูงเช่นกัน”
นางไม่ต้องการทิ้งรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดไว้บนหน้าอกของกู้เหยี่ยน และไม่อยากทำให้ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายมากกว่าเดิม
เปิดแผลเล็กด้านขวา โดยไม่ได้กระทบกระดูกและกล้ามเนื้อ สำหรับนางแล้วการผ่าตัดนั้นยากกว่าเดิมนัก แต่การฟื้นตัวหลังการผ่าตัดและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จะลดลงตามลำดับ นอกจากนี้ แผลเล็กแบบนี้ สามารถใช้ครีมลดรอยแผลเป็นของสถาบันวิจัยรักษาได้
กู้เหยี่ยนรักสวยรักงามจะตายไป
กู้เจียวสอดสายยางเข้าไปในแผล สร้างระบบไหลเวียนเลือดนอกร่างกาย จากนั้นการผ่าตัดจริงจึงเริ่มต้นขึ้น
…
ภายในห้องโถง ผู้อาวุโสเมิ่งนั่งสั่นขาอยู่บนเก้าอี้
อวี้เหอเห็นผู้อาวุโสเมิ่ง ปรมาจารย์หมากรุกแห่งหกแคว้นที่สงบนิ่งอยู่เสมอเริ่มสั่นขา ก็เอ่ยปลอบเขาอย่างอดไม่ได้ “ผู้อาวุโสเมิ่ง ท่านไม่ต้องกังวลไป ท่านกั๋วซืออยู่ทั้งคน การผ่าตัดจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน”
อวี้เหอไม่รู้หรอกว่า แท้จริงแล้วคนที่ทำการผ่าตัดคือกู้เจียว เหล่าศิษย์ของตำหนักกั๋วซือต่างยกย่องกั๋วซือว่าเป็นเทพเจ้า พวกเขาเชื่อมั่นในตัวกั๋วซืออย่างไร้ข้อกังขา ไม่ว่าการฝีมือทางการแพทย์หรือวิชาดูฤกษ์ยาม ท่านกั๋วซือล้วนเป็นบุคคลที่สามารถสร้างตำนานได้เสมอในใจของทุกคน
“ข้าไม่ได้กังวล” ผู้อาวุโสเมิ่งตอบ
“แล้วขาท่าน….” อวี้เหอมองไปที่ขาขวาของผู้อาวุโสเมิ่งที่สั่นจนลอยขึ้น
ผู้อาวุโสเมิ่งกดขาขวาลงอย่างแนบเนียน ถามเสียงต่ำ “ขาข้ามีอะไรรึ”
อวี้เหอมองไปที่ขาขวาที่ถูกเขากดลง แล้วมองไปที่ขาซ้ายที่เริ่มสั่นโดยไม่รู้ตัวของเขา
อวี้เหอ “…”
…
สำนักบัณฑิตเทียนฉง กู้เสี่ยวซุ่นไปห้องหมิงซินเพื่อขอลาเรียนกับอาจารย์ที่สอนในวันนี้
เมื่อสองวันก่อน อาจารย์เจียงเปลี่ยนตารางเรียน วันนี้จึงเป็นวิชาคณิตศาสตร์ของอาจารย์เกาทั้งหมด
“เหตุใดเซียวลิ่วหลังถึงมาไม่ได้อีกแล้ว” อาจารย์เกาถาม
เขาคือบัณฑิตที่มีปัญหาร้ายแรงที่สุด เขาไม่เพียงถูกพักการเรียนอยู่บ่อยครั้ง แต่มักจะขอลาเรียนอีกด้วย
“เขาเป็นโรคอะไรอีกแล้วล่ะ”
กู้เสี่ยวซุ่นตอบ “เซียวลิ่วหลงไม่ได้ป่วย เขาพากู้เหยี่ยนไปทำการผ่าตัดที่ตำหนักกั๋วซือ”
อาจารย์เกาไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
อาจารย์เกาไม่เคยสนใจบัณฑิตที่ไม่เคยฟังในห้องเรียน และลอกงานทุกครั้ง
“เริ่มเรียนได้แล้ว” อาจารย์เกานั่งอยู่บนแท่นบรรยาย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ “นำงานที่ได้รับมอบหมายเมื่อวานออกมา เรามาลองดูวิธีแก้โจทย์ข้อแรกกันก่อน”
บัณฑิต “…”
อาจารย์เกา “…”
…
ที่บ้าน อาจารย์แม่หนานกำลังป้อนหญ้าให้ราชาม้าเฮยเฟิงและราชาม้าอยู่ เอ่ยอย่างกังวล “ข้ารู้สึกใจไม่ดี รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
ราชาม้าเฮยเฟิงเคยกินแต่ของดี เมื่อเห็นหญ้าและใบไม้ที่พวกเขาป้อน แทบจะกินไม่ได้
ราชาม้ากินอย่างเอร็ดอร่อย
อาจารย์หลู่เอ่ย “เจ้าคิดมากไปเองแล้ว นั่นน่ะตำหนักกั๋วซือ ไม่เคยได้ยินว่าไปถึงตำหนักกั๋วซือแล้วมีคนรักษาไม่หาย”
อาจารย์แม่หนานขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เจ้ารู้จักตำหนักกั๋วซือดีแค่ไหนกัน”
“ข้า…” อาจารย์หลู่เอ่ยไม่ออกพลางเอ่ยเบาๆ “ข้าไม่ได้พยายามปลอบเจ้าอยู่หรือ”
“เฮ้อ…” อาจารย์แม่หนานถอนหายใจอย่างหนักและมองไปที่ประตู
ราชาม้าเฮยเฟิงพยายามอย่างยิ่งที่จะกินใบผักสักคำ แต่อาจารย์แม่หนานกลับเอาตะกร้าใบผักออกไป
ราชาม้าเฮยเฟิง “…”
…
เมื่อการผ่าตัดผ่านไปครึ่งทาง ความดันโลหิตของกู้เหยี่ยนลดลงอย่างรวดเร็ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะเสียชีวิตบนเตียงผ่าตัดเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป
“เอาเลือดของข้า” กู้เจียวเอ่ย
“การผ่าตัดยังไม่เสร็จ” กั๋วซือเตือน
“ข้ารู้” กู้เจียวชักแขนเสื้อขึ้น “เครื่องกรองเลือด”
กั๋วซือมองกู้เจียวอย่างจริงจัง พลางเอ่ย “เจ้ารู้ไหมที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้มันบ้าและอันตรายมาก ข้าไม่เคยเห็นหมอคนไหนเอาเลือดของตัวเองไปให้คนไข้บนเตียงผ่าตัด”
กู้เจียวยื่นแขนออกไป “เอาไปเร็วๆ ”
กั๋วซือหยิบเครื่องกรองเลือดออกมาต่อกับสายยางแล้วถาม “จะให้เท่าไหร่”
กู้เจียวตอบ “เท่าไหร่ก็เท่านั้น”
เลือดสดไหลออกมาจากร่างของกู้เจียวอย่างไม่ขาดสาย ไหลผ่านเครื่องกรองเลือดเข้าสู่ร่างของกู้เหยี่ยนทีละหยด
กู้เหยี่ยนไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน เขาเป็นโรคหัวใจ แม้แต่การนอนหลับก็ยังไม่สงบสุขเท่าคนปกติ เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคหัวใจตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขาหลับสนิท โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ
แต่พอเขาหลับไปเรื่อยๆ ร่างกายก็เย็นลง ราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่บนธารน้ำแข็ง หรือตกอยู่ในเรือนน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
เขารู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว
แต่ทันใดนั้น กระแสน้ำอุ่นก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ขาดหายมานาน เลือดทั่วร่างของเขาเหมือนจะไหลเวียนอีกครั้ง
เขาลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง “พี่สาว…”
กู้เจียวยืนอยู่ข้างๆ เขา จับมือเขาไว้ เอนตัวลงไป จรดหน้าผากของนางแนบกับหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา
“กู้เหยี่ยน อดทนไว้นะ”
ข้าไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงมาอยู่ในมิตินี้ ถ้าข้ามีภารกิจอะไร หนึ่งในนั้นจะต้องรักษาเจ้าให้หายขาด
“ให้อีกไม่ได้แล้ว” กั๋วซือเอ่ย “ตอนนี้ให้ไปหกร้อย มิลลิลิตรแล้ว ปกติจะให้ได้มากที่สุดแค่สี่ร้อยมิลลิลิตร”
กู้เจียวตอบโดยไม่ลังเล “ให้ต่อไป”
กู้เหยี่ยนวางหน้าผากแนบกับนาง หลับตาลงอย่างสั่นเทา น้ำตาหยดลงอย่างร้อนผ่าว “พี่สาว…อย่า…”
…
“เหตุใดยังไม่ออกมาอีก ฟ้ามืดแล้ว!”
ผู้อาวุโสเมิ่งที่เดินวนเวียนอยู่หน้าประตูไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว
อวี้เหอเอ่ยอย่างใจเย็น “ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ ไม่มีข่าวก็คือข่าวดี ถ้าคนไข้มีอันเป็นไป การผ่าตัดล้มเหลว กั๋วซือท่านคงออกมานานแล้ว”
หลักการนั้นถูกต้อง แต่การที่เขาไม่ออกมาเลยก็ทำให้กังวลเหมือนกันนะ ถ้าการผ่าตัดจริงๆ แล้วประสบความสำเร็จ ก็ควรออกมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ
หรือว่าระหว่างการผ่าตัดเกิดเหตุอันตรายขึ้น ก็เลยต้องกู้ชีพกันอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า
…
หนังตาของกู้เจียวหนักอึ้ง นางขยับตัวไปมาอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นได้
สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานางคือแสงสว่างจ้า แต่นางก็ปรับตัวเข้ากับมันได้อย่างรวดเร็ว
นางพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดอีกเตียงหนึ่ง
กั๋วซือเดินเข้ามา มองนางแวบหนึ่ง พลางเอ่ย “รู้สึกอย่างไรบ้าง เจ้าเพิ่งจะหมดสติไปเพราะเสียเลือดมากเกินไป เกือบจะกู้ไม่กลับมาแล้ว”
กู้เจียวนึกย้อนไปสักครู่ แล้วดึงความทรงจำบางส่วนออกมาจากสมองที่ว่างเปล่าของนาง “ข้าผ่าตัดเสร็จแล้วหรือ”
กั๋วซือพยักหน้า มองนางด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความนับ “ใช่แล้ว เจ้าทำสำเร็จแล้ว”
แม้ว่านางจะเสียเลือดมากเกินไป แต่นางก็ยังคงยืนหยัดด้วยจิตมุ่งมั่นอันน่ากลัวจนสามารถผ่าตัดได้เสร็จทั้งกระบวนการก่อนจะหมดสติลงในที่สุด
กู้เจียวถาม “กู้เหยี่ยนล่ะ”
กั๋วซือยกมือชี้ไปที่ข้างๆ นาง “อยู่ข้างๆ เจ้าอย่างไรเล่า”
การไหลเวียนโลหิตนอกร่างกายได้หยุดลงแล้ว กู้เหยี่ยนนอนนิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัดอีกเตียงหนึ่ง หัวใจเต้นเป็นจังหวะที่หนักแน่น
การผ่าตัดเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่จะสามารถผ่านพ้นภาวะวิกฤตไปได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่
กู้เจียวลงจากเตียงผ่าตัด เดินมาหาเขา จับมือเขา ลูบศีรษะเขา
“อาเหยี่ยน”
นางเรียกเขาเสียงแผ่วเบา
กู้เหยี่ยนไม่ตอบสนอง
นางเรียกเขาอีกครั้ง “อาเหยี่ยน”
ตาของกู้เหยี่ยนขยับเล็กน้อย
นั่นเป็นเพราะได้ยินเสียงของกู้เจียว
กู้เจียวเรียกเขาต่อ “อาเหยี่ยน อาเหยี่ยน”
กู้เหยี่ยนค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวไร้เลือดเหนือศีรษะของเขา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ข้าได้ยินใครบางคนเรียกข้า ใช่เจ้าหรือเปล่า”
กู้เจียวพยักหน้า มองเขาด้วยสายตาแน่วแน่ “ใช่แล้ว”
แววตาของกู้เหยี่ยนฉายแววสับสนและสงสัย “เจ้า…เป็นใคร ทำไมเรียกข้า”
กู้เจียวตกใจ
นี่เป็นอาการแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดหรือเปล่า ในระหว่างการผ่าตัดมีขั้นตอนไหนผิดพลาดจนทำให้ความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น และทำให้สมองเสียหายด้วยหรือเปล่า
ไม่เคยเห็นอาการแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ อาการความจำเสื่อมเป็นเพียงการแสดงออกภายนอกเท่านั้น ข้างในเขาอาจมีปัญหาสมองที่ร้ายแรงกว่านั้นก็ได้
กู้เจียวเอ่ย “เจ้ารอก่อนนะ ข้าจะตรวจให้”
กู้เหยี่ยนใช้แรงที่เหลืออยู่จับมือของนาง มองนางอย่างจริงจัง “เจ้าดู…งามยิ่งนัก ขาดน้องชายหรือไม่”
กู้เจียวตกใจอีกครั้ง เส้นผมของนางลุกชูชัน ดูเหมือนกระต่ายน้อยที่งุนงง
กู้เหยี่ยนยิ้มอ่อนพลางเอ่ย “ถ้าขาดก็พาข้ากลับบ้านไปด้วยนะ”
ชีวิตที่เหลือยังอีกยาวไกล ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ พี่สาว