สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 700 ราชาม้าเฮยเฟิง

บทที่ 700 ราชาม้าเฮยเฟิง

บทที่ 700 ราชาม้าเฮยเฟิง

ราชาม้าเฮยเฟิงไม่เคยรู้สึกอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน มันโกรธจัดและเต็มไปด้วยความโกรธแค้น มันจึงไล่ตามราชาม้าไปพร้อมกับปล่อยไอสังหารออกมา

ด้วยพลังที่แท้จริงของราชาม้าในตอนนี้ไม่มีทางวิ่งตามราชาม้าเฮยเฟิงได้ทันแน่นอน แต่ราชาม้าวิ่งราวกับจะเอาชีวิตเข้าแลก ศักยภาพถูกกระตุ้นสุดขีดจำกัด ในยามนี้แม้แต่ราชาม้าเฮยเฟิงก็ยังไม่สามารถไล่ตามทัน

ราชาม้าเฮยเฟิงยิ่งไล่ยิ่งโกรธแค้น อยากจะเหยียบราชาม้าให้ตายเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด

ราชาม้าไม่ได้วิ่งไปในทางที่คนพลุกพล่าน ราวกับรู้ว่าไม่ควรทำให้กู้เจียวเดือดร้อน มันพยายามวิ่งไปในตรอกโล่งแจ้งและผู้คนไม่พลุกพล่าน

ม้าสองตัวไล่ล่ากันวิ่งผ่านถนนเก่าแก่อันว่างเปล่า ภายในรถม้าที่มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเปิดผ้าม่านออกพลางเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ท่านพี่ ดูนั่นสิ!”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลที่ถูกเรียกขานว่าท่านพี่มองไปข้างหน้า “นั่นมัน…ราชาม้าเฮยเฟิงของตระกูลหันมิใช่หรือ”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเอ่ย “ใช่แล้ว ราชาม้าเฮยเฟิง ท่านพี่!”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลประหลาดใจ “ราชาม้าเฮยเฟิง เหตุใดถึง…วิ่งออกมาบนถนนแบบนี้”

ราชาม้าเฮยเฟิงเป็นม้าของท่านชายใหญ่หัน ม้าที่ล้ำค่ามากที่สุดในเมืองเซิ่งตู ใครๆ ก็รู้ว่าท่านชายใหญ่หันรักมันมาก เหตุใดถึงปล่อยให้มันวิ่งออกมาเองเช่นนี้

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเอ่ย “ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ท่านพี่ไม่ใช่ว่าอยากได้ราชาม้าเฮยเฟิงแบบนี้มานานแล้วหรือ ท่านชายใหญ่หันไม่ได้อยู่นี่แล้ว เหตุใดไม่…”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลขมวดคิ้ว “ขโมยม้า เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”

ดวงตาของชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินฉายแววเจ้าเล่ห์ เขายิ้มพลางเอ่ยกับท่านพี่ของตัวเอง “ท่านพี่ ถนนเส้นนี้ไม่มีใครเลย ถ้าเราไม่บอกใคร แล้วใครจะรู้ว่าเราขโมยม้าของเขาไปเล่า เขาเองก็ไม่ผูกม้าของตัวเองไว้ให้ดี ปล่อยให้มันวิ่งออกมาบนถนนแบบนี้ ถ้าเราไม่จับมันไว้ ท่านพี่จะรับประกันได้ไหมว่าคนอื่นจะไม่จับ แทนที่จะให้คนอื่นได้ประโยชน์ สู้เราเอามันมาเก็บไว้เองดีกว่า”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลมองไปข้างหน้า “เมื่อครู่ มีม้าสองตัวใช่ไหม”

ม้าทั้งสองตัววิ่งเป็นเส้นตรง รูปร่างของราชาม้าถูกราชาม้าเฮยเฟิงที่สูงใหญ่และแข็งแรงบดบังไว้

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินหัวเราะ “ใช่แล้วท่านพี่”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลครุ่นคิด “ราชาม้าเฮยเฟิงยังไล่ไม่ทัน แสดงว่าอีกตัวก็เป็นม้าชั้นดีเหมือนกัน”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเก็บพัดในมือพลางเอ่ย “เช่นนั้นก็เอามาทั้งสองตัวเลย!”

พวกเขาทั้งสองคนออกจากรถม้าแล้วแสดงฝีมือการกระโดดข้ามกำแพง โดยใช้เส้นทางลัดไปรอบๆ ม้าทั้งสองตัว ทั้งสองหันมาสบตากัน

“ท่านพี่! นี่!”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินโยนขวดยาผงออกมา ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลรับไว้ ก่อนจะกลั้นหายใจ แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าเทยาผงลงไป จากนั้นจึงทะยานตัวลงมา ขึ้นขี่หลังราชาม้าเฮยเฟิง

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลเอ่ย “ม้าอีกตัว ข้าจัดการเอง!”

“ท่านพี่ไม่ต้องห่วง! ข้ามาแล้ว!” ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินทำตามขั้นตอนเดียวกัน เทผงยาลงบนผ้าเช็ดหน้าก่อนจะเหาะลงมา

ผ้าเช็ดหน้าของพวกเขาโรยด้วยยาสลบ ถ้าจะจับราชาม้าเฮยเฟิงอันแสนดุร้าย ก็ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น

ส่วนอีกตัวนั้นน่าจะเป็นราชาม้าเฮยเฟิงของตระกูลหันเช่นกัน แม้ว่าจะไม่เก่งกาจเท่าราชาม้าเฮยเฟิง แต่ก็มียาสลบเตรียมไว้แล้วเช่นกัน

พวกเขาทั้งสองคนขี่ม้าคนละตัว ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากม้า เพื่อให้มันสูดยาสลบเข้าไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าม้าจะดีดดิ้น แต่อย่างไรก็ต้องดูดสมยาสลบเข้าไปบ้าง ยานี้ฤทธิ์แรงนัก ขนาดแค่เท่าหัวแม่มือก็ทำให้วัวสลบได้แล้ว

แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ ม้าทั้งสองตัวดุร้ายกว่าที่คิดมาก พวกเขายังไม่ทันได้นั่งตัวตรงดี ก็ถูกราชาม้าเฮยเฟิงและราชาม้าเหวี่ยงลงจากหลังม้า

พวกเขาเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด

หลังจากตั้งหลักได้ ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินก็หยิบขวดดินเผาออกมา

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลจับข้อมือของเขาไว้ “เจ้าจะทำอะไรน่ะหรือ”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเอ่ย “ท่านพี่ ยาสลบใช้ไม่ได้ผล ต้องใช้ดินปืนอย่างเดียว!”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าใช้ดินปืนที่นี่ กลัวคนอื่นจะหาตัวเจ้าไม่เจอหรือไร”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเอ่ย “แต่…”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลมองราชาม้าเฮยเฟิงที่อยู่ข้างหน้าพลางเอ่ย “ตามไปกันเถอะ ไปเปลี่ยนที่ลงมือดีกว่า”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินยิ้มพลางเอ่ย “ท่านพี่นี่ฉลาดจริงๆ !”

พวกเขาทั้งสองคนไล่ตามราชาม้าและราชาม้าเฮยเฟิงไปเรื่อยๆ สักพักก็เริ่มรู้สึกตงิดๆ ขึ้นมา

“ท่านพี่! มัน…มันวิ่งเข้าไปในเขตล่าสัตว์แล้ว!”

เขตล่าสัตว์ล้อมรอบด้วยรั้ว แต่ม้าทั้งสองตัวนั้นไม่ธรรมดา กระโดดข้ามรั้วสูงๆ ได้

“ท่านพี่ ทำอย่างไรดี” ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินถามอย่างกังวล

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลขมวดคิ้วด้วยความผิดหวัง “จะทำอย่างไรได้เล่า นั่นเป็นเขตล่าสัตว์ของราชวงศ์ ผู้ใดบุกรุกมีโทษประหาร”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเอ่ยอย่างหมดอาลัยตายอยาก “โอกาสดีเช่นนี้หลุดมือไปเสียได้”

ราชาม้าไม่รู้ตัวว่าที่มันเข้าไปนั้นคือเขตล่าสัตว์ของราชวงศ์ มันเป็นม้าป่า ป่าคือบ้านของมัน ดังนั้นมันจึงวิ่งเข้าไปในป่า

หลังจากเข้าไปในป่า ก็ได้เปรียบในการเอาตัวรอด ภูมิประเทศที่ยากลำบากแค่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา

เมื่อมันรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าดินโคลนสีดำข้างหน้านั้นไม่ปลอดภัย มันจึงกระโดดขึ้นสูงและทะยานตัวลงอย่างปลอดภัย ท่วงท่าคล่องแคล่วและแม่นยำ

ราชาม้าเฮยเฟิงนั้นเก่งกาจในสนามรบ แต่สัญชาตญาณรับรู้ถึงอันตรายในป่าไม่เฉียบแหลมเท่าม้าป่า

มันเผลอตกลงไปในบึงที่เต็มไปด้วยโคลน

ม้าเฮยเฟิงวิ่งต่อไปไม่ได้ เท้าของมันแทบจะสิ้นแรง

ในบึงโคลนนั้น ยิ่งใช้แรงมากเท่าไร ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไร ก็ยิ่งจมลงไปเร็วเท่านั้น ชั่วพริบตาเดียว โคลนในบึงก็ท่วมขึ้นมาถึงเข่าของมันแล้ว

ราชาม้าวิ่งไปเรื่อยๆ ตามหลังราชาม้าเฮยเฟิง มันหันกลับมามองอย่างสงสัย มันเห็นราชาม้าเฮยเฟิงตกลงไปในบึงโคลน มันก็รู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ

มันรู้ว่ามันไม่อาจเข้าใกล้

มันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยังคงวิ่งต่อไปอย่างสนุกสนาน โดยไม่สนใจราชาม้าเฮยเฟิงอีกต่อไป

ทว่าพอวิ่งไปได้สักพักเจ้าม้าก็หยุดลง

มันหันกลับมามองราชาม้าเฮยเฟิงที่กำลังจมลึกลงไปในบึงโคลนเรื่อยๆ สายตาของราชาม้าเฮยเฟิงเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและสิ้นหวัง

ราชาม้าเฮยเฟิงไม่กลัวตาย แต่ราชาม้าเฮยเฟิงต้องการตายอย่างสมเกียรติบนสนามรบ ไม่ใช่ตายอย่างน่าอนาถในกองโคลน

ราชาม้าไล่งับหางตัวเองอย่างสับสน

ในที่สุดราชาม้าก็ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้

มันเอาชนะความกลัวที่มีต่อบึงโคลนโดยสัญชาตญาณ ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ราชาม้าเฮยเฟิงจนอยู่ห่างกันแค่สามคืบ ซึ่งเป็นระยะที่ใกล้ที่สุดที่มันจะเข้าไปได้

เดินเข้าไปอีกแค่หนึ่งคืบก็จะถึงบึง

มันตะโกนร้องเรียกราชาม้าเฮยเฟิง

ราชาม้าเฮยเฟิงไม่ขยับ ร่างทั้งร่างค่อยๆ จมลงไป และถูกบึงโคลนกลืนหายไปทีละน้อย

ราชาม้าดมกลิ่นราชาม้าเฮยเฟิง แล้วยื่นหัวไปหา แต่มันเอื้อมไม่ถึง

ธรรมชาติมีกฎเกณฑ์ของมัน ฝูงม้าป่าต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดมาโดยตลอด ศัตรูของมันไม่ได้มีแค่สัตว์ร้ายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอันตรายในป่าอีกด้วย

ราชาม้าจำต้องยอมแพ้ และจากสถานที่แห่งนี้ไป

กู้เจียวและท่านอาวุโสเมิ่งนั่งอยู่ในรถม้า ส่วนกู้เจียวนั่งอยู่ด้านนอก

ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา ราชาม้าวิ่งกลับมาอย่างบ้าคลั่ง

กู้เจียวเลิกคิ้ว “นั่นไง กลับมาแล้ว”

ท่านอาวุโสเมิ่งเปิดม่านออกดู และถอนหายใจยาวๆ “จริงด้วย ตกใจแทบตาย”

ราชาม้ามาถึงหน้ารถม้า แต่แทนที่จะใส่อานอย่างที่เคยเป็น มันกลับกัดชายเสื้อของกู้เจียวและลากนางออกไป

หลังจากกู้เจียวลงจากรถม้า มันก็ยังขวางอยู่ตรงหน้ากู้เจียว แสดงว่ามันต้องการให้กู้เจียวขี่มัน

“เจ้ากำลังจะพาข้าไปที่ไหนหรือหรือ” กู้เจียวถาม

ราชาม้าหมุนตัวที่เดิม

นี่คือความหมายว่าต้องไปแล้ว

แต่กู้เจียวคงไม่สามารถขี่มันได้ กู้เจียวจึงไปที่ประตูใหญ่ของตำหนักกั๋วซือ “ขอยืมม้าได้หรือไม่”

กู้เจียวยืมม้าตัวหนึ่งจากตำหนักกั๋วซือจากนั้นจึงขี่ม้าตามราชาม้าไปเรื่อยๆ จนถึงเขตล่าสัตว์ของราชวงศ์

กู้เจียวเองก็ไม่รู้ว่านี่คือเขตล่าสัตว์ของราชวงศ์ เมื่อราชาม้าข้ามเข้าไปแล้ว นางจึงต้อง…

รั้วสูงเกินไป ม้าของตำหนักกั๋วซือข้ามไม่ได้

กู้เจียวจึงต้องนำม้ามาผูกไว้ชั่วคราวที่นอกรั้ว จากนั้นจึงใช้มือปีนข้ามรั้วไป

บึงโคลนไม่ไกลนัก กู้เจียววิ่งไปไม่กี่ก้าวก็เห็นม้าตัวใหญ่สีดำจมอยู่ในหนองน้ำ

ราชาม้าเฮยเฟิงเข้าใจแล้วว่ายิ่งดิ้นก็จะทำให้มันจมลงไปเร็วขึ้น จึงหยุดดิ้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเกือบจะถูกบึงโคลนกลืนกินแล้ว เหลือเพียงลำคอยาว และอานม้าโผล่พ้นน้ำอยู่

แรงกดดันอันมหาศาลทำให้ราชาม้าเฮยเฟิงหายใจลำบาก

ราชาม้าร้องเรียกราชาม้าเฮยเฟิง

กู้เจียวไม่เข้าใจภาษาม้า จึงไม่รู้ว่ามันร้องเรียกอะไร

กู้เจียวหยิบมัดเชือกออกมาจากตะกร้าเล็กด้านหลังของนาง ผูกปลายเชือกเข้ากับตัวราชาม้า จากนั้นนางก็รีบตัดกิ่งไม้ยาวสองท่อ

นี่เป็นสิ่งที่อันตรายมาก หากราชาม้าเฮยเฟิงโจมตีนางเพียงครั้งเดียว นางก็จะเสียสมดุลและนางก็จะตกลงไปในบึงโคลน

โชคดีที่ราชาม้าเฮยเฟิงไม่ได้โจมตี

นางยืนอยู่ข้างราชาม้าเฮยเฟิง ดึงเชือกผ่านใต้อานม้าและผูกเป็นปมแน่นๆ

จากนั้นนางจึงเอ่ยกับราชาม้า “ดึง!”

ราชาม้าอายุเพียงสองปีครึ่ง เป็นเรื่องยากมากที่จะลากราชาม้าเฮยเฟิงตัวใหญ่ที่จมอยู่ในบึงโคลนทั้งตัว

ราชาม้าลากจนเท้าลื่นล้มลงไปบนพื้นหลายครั้ง

ทุกครั้งที่มันล้มลงไป มันก็จะลุกขึ้นมาใหม่

มันแบกรับน้ำหนักที่มันไม่ควรจะแบกรับในวัยนี้และในที่สุดก็ลากราชาม้าเฮยเฟิงขึ้นมาจากบึงโคลนได้สำเร็จ

มันล้มตัวลงกับพื้นและหายใจอย่างหนัก

ราชาม้าเฮยเฟิงก็ล้มลงกับพื้นเช่นกัน

มันสูดดมควันพิษในบึงโคลนเข้าไปและมีอาการของโดนยาพิษ

นอกจากนี้ ในบึงโคลนยังมีสิ่งของแหลมคมบางอย่าง และมีบาดแผลที่ท้องของมันเมื่อมันดิ้นในนั้น

กู้เจียวสังเกตดูม้าตัวนั้นสักครู่

ดูท่าทางเหมือนกับราชาม้า

แต่มันมีอานและเท้ามีเกือกม้า ไม่น่าจะใช่ม้าป่า

กู้เจียวเปิดกล่องยาใบน้อย และเริ่มทำความสะอาดบาดแผลให้กับเจ้าม้า

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset