สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 1005 เติบใหญ่ (ฉบับเจียวเจียว vs อาจารย์พ่อ)

บทที่ 1005 เติบใหญ่ (ฉบับเจียวเจียว vs อาจารย์พ่อ)

บทที่ 1005 เติบใหญ่ (ฉบับเจียวเจียว vs อาจารย์พ่อ)

คริสตศักราชสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบสิงเป็นปีที่แปดแล้วที่เขามาที่นี่

ในที่สุดเขาก็หาเด็กบนเนินเขาที่แปดเปื้อนเลือดของเขาในวันนั้นเจอ

เดิมควรเป็นผู้หญิงที่สวมแหวนคนนั้นขูดเขาบาดเจ็บ แต่ไม่รู้เพราะอะไรพลังงานในเลือดของเขาถึงถูกเด็กในครรภ์ของผู้หญิงคนนั้นดูดซับไปแทน

นี่เป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่ดูดซับพลังงานของกลุ่มดาว เคเก้าสิบสาม แล้วยังมีชีวิตรอดอยู่ได้

เขาพาเธอกลับมาที่ห้องโดยสารพยาบาลด้วยความคิดที่อยากจะทำการศึกษาวิจัย

แม่หนูน้อยตัวเล็กกระจิริด ทั่วทั้งร่างเปียกชุ่มด้วยหยาดฝน ดวงตากลมโตสีนิลคู่นั้นมองเขาอย่างระแวดระวังและสนใจใคร่รู้

นี่เป็นแม่หนูน้อยที่โฉมงามทีเดียว และมีความนิ่งสงบผิดมนุษย์มนาด้วย

ทว่า อย่างไรก็เป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ สีหน้ารักษาความราบเรียบไว้ แต่กำปั้นน้อยๆ คู่นั้นกลับกำอยู่ข้างตัวแน่น

“ขึ้นไปนอน” เขาชี้เตียงผ่าตัดอันเย็นเยียบดุจน้ำแข็งพลางเอ่ย

แม่หนูน้อยจ้องมองเขาอยู่นาน สุดท้ายก็ขึ้นไปนอนแต่โดยดี

เขาสวมถุงมือปลอดเชื้อ ก่อนเริ่มเก็บตัวอย่างเลือดและเส้นผมของเธอ และตรวจคลื่นหัวใจกับคลื่นสมอง

ระหว่างนั้นแม่หนูน้อยให้ความร่วมมือดีมาก และสงบนิ่งมากด้วย ขนาดเข็มแทงลงไปในเส้นเลือดของเธอแล้ว เธอก็ยังไม่ต่อต้านแม้แต่น้อย

“ไม่เจ็บเหรอ” เขาถาม

เธอส่ายหน้า

ความเจ็บแค่นี้ไม่คณามือ

“มานี่ มากินข้าว” เขาถอดถุงมือออก เอ่ยเสียงเรียบ

แม่หนูน้อยกระโดดลงจากเตียง ทอดมองแผ่นหลังเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง “เสื้อผ้าหนูเปียก มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนไหม”

แน่นอนว่าไม่มีชุดที่เธอใส่ได้

เขาหยิบชุดนอนของตัวเองมาโยนให้เธอ แล้วชี้ไปที่ห้องนอน

แม่หนูน้อยหอบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำ ราวสองนาทีก็ออกมา

ผมเธอเปียกชุ่ม แผ่กลิ่นเย็นๆ ออกมาทั้งตัว เสื้อผ้าตัวใหญ่โคร่งอยู่บนตัวผอมเล็กของเธอ ดูหลวมโคร่งแทบจะลากพื้น

เขามองเธอแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเอ่ย “ไม่ได้ใช้น้ำอุ่นเหรอ”

แม่หนูน้อยเบิกตาโตด้วยความตกใจ “มะ…มีน้ำอุ่นเหรอ”

มีน่ะมีอยู่ แต่มาร์แชลชินกับการอาบน้ำเย็น เลยปิดน้ำอุ่นไว้

เขาสะเพร่าไป

ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน ไม่เคยใกล้ชิดกับใคร ลืมไปแล้วว่าร่างกายของคนที่นี่ไม่เหมือนกับกลุ่มดาว เคเก้าสิบสาม

แต่แม่หนูน้อยคนนี้ก็ช่างพิกลจริง เธอร้องขอไม่เป็นหรือไง

หลายปีมานี้เธอใช้ชีวิตยังไงกัน

อาบน้ำเย็นก็ไม่เป็นไรเหรอ

มื้อเย็นเป็นสเต็กรสจืดที่จัดเตรียมโดยห้องโดยสารพยาบาล

เก้าอี้ประจำโต๊ะอาหารสูงมาก แม่หนูน้อยออกแรงอยู่นานก็ขึ้นไปนั่งไม่ได้เสียที กลับทำให้ตัวเองเหงื่อออกชุ่มร่าง

ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ยินเธอร้องขอเขาสักแอะ

สุดท้ายก็ยังเป็นเขาที่หิ้วเธอขึ้นมาบนเก้าอี้

เธอคว้ามีดกับส้อมขึ้นมาอย่างไม่ค่อยถนัดนัก ก่อนจะกินอย่างเอร็ดอร่อย

เขาเคลื่อนไหวเนิบช้า มีความสง่าของชนชั้นสูงโบราณ

จากนั้นเขาก็พบว่าแม่หนูน้อยกำลังเลียนแบบเขาอยู่ ยืดหลังน้อยๆ ตั้งตรง มีแบบมีแผน เก็บเรียบทุกอากัปกิริยาไม่ให้ผ่านไป แม้แต่การกระทำเล็กๆ ที่เขาคุ้นชินยามใช้ผ้ามาเช็ดปาก

ผลการตรวจออกมาในวันต่อมา

ในเลือดของเธอมีพลังงานของกลุ่มดาว เคเก้าสิบสาม สูงเกินขนาด ตามหลักแล้วเธอไม่น่าจะสงบนิ่งแบบนี้

เขาเคยเห็นคนอื่นที่แปดเปื้อนเลือดของเขามาก่อน หากไม่ตายก็อยู่ไม่สู้ตาย

“เธอไม่ทรมานเหรอ” เขาถาม

“หืม” แม่หนูน้อยกำลังประคองแก้วดื่มน้ำอึกๆ ได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น มองเขาด้วยความไม่เข้าใจ “ทรมานอะไรเหรอคะ”

เขาเอ่ย “ร่างกายไม่ทรมานเหรอ เจ็บปวดมาก เหมือนไฟเผาหัวใจ แสบร้อนภายใน เหมือนมีมดนับหมื่นตัวกำลังกัดแทะร่างกายตัวเอง”

พวกนี้ล้วนเป็นความรู้สึกที่เขาได้ถามจากปากของพวกที่รอดอยู่จำนวนน้อยนิดนั่น ซึ่งแต่ละคนแตกต่างกันไป

“อืม…” เธอตั้งอกตั้งใจครุ่นคิดมาก ก่อนจะส่ายหน้า

ช่างเถอะ

เธอแปดเปื้อนผ่านครรภ์ คลอดออกมาก็เผชิญกับความทรมานอันน่าหวาดกลัวพวกนี้อยู่ตลอดเวลา เธอไม่เคยได้มีช่วงเวลาเหมือนอย่างคนปกติเลย สำหรับเธอแล้ว เกรงว่า ‘ทรมาน’ คือความปกติ

ผ่านไปอีกสามวันเขาก็ออกไปข้างนอก ครั้นกลับมาเนื้อตัวมีคราบเลือดของอีกฝ่ายติดอยู่เล็กน้อย

เธอเสียการควบคุมขึ้นมา

……

พอฟื้นมาเธอก็จำไม่ได้ว่าทำลายอะไรไปบ้าง เพียงแค่หาแก้วน้ำของเธอไม่เจอแล้ว

เธอพอจะเข้าใจในบางอย่างขึ้นมาแล้ว ตอนเจอเขา ประโยคแรกที่เอ่ยจึงเป็น “หนูไม่ใช่สัตว์ประหลาด”

หนึ่งเดือนต่อมา เขาพาเธอกลับไปที่องค์กร

หลายปีมานี้ เพื่อปรับตัวกับชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่ให้ดีมากยิ่งขึ้น เขาจึงเข้าร่วมองค์กรที่มีนามว่า ‘คุนเผิง’ กลายเป็นมือสังหารของที่นั่น

“ยังจำได้ไหมว่าฉันชื่ออะไร” เขาถามเธอ

เธอพยักหน้า ตอบแต่โดยดี “อาจารย์พ่อ”

“อาจารย์พ่ออายุเท่าไหร่คะ” เธอถามเขา

เขาทอดมองทางเดินมืดมิดราวกับปากเหวลึก ก่อนเอ่ยนิ่งๆ “สิบหก”

หากเทียบกับอายุบนโลก ก็น่าจะประมาณนี้ล่ะนะ

……

กู้เจียวแสดงพรสวรรค์อันน่าตื่นตะลึงแก่องค์กรนี้

ตอนวัยสิบสามปี เธอมีโค้ดเนมของตัวเองว่า SHADOW

นี่หมายความว่าในที่สุดเธอก็กลายเป็นสมาชิกขององค์กรอย่างเป็นทางการแล้ว

เธอไม่ใช่แม่หนูน้อยวัยแปดขวบที่ไม่รู้ประสีประสาคนนั้นอีกต่อไป เธอรู้แล้วว่าตัวเองแตกต่างจากคนทั่วไป ในร่างกายเธอดูเหมือนจะมียีนส์รุนแรงแปลกๆ อยู่จำนวนหนึ่ง พอเจอเลือดก็จะสติหลุด รักษาไม่หาย ทำได้แค่ควบคุม

ตอนวัยสิบห้า เธอได้รับภารกิจแรกของตัวเอง คือการตามข่าวกรองที่ถูกขโมยไปกลับคืนมา

อีกฝ่ายมีกันทั้งหมดแปดคน พร้อมกับอาวุธยุทโธปกรณ์มหาศาล

เธอสวมเดรสเสมอเข่าสีขาว เอวแบบบางคอดกิ่ว ผมยาวดำขลับเปล่งประกายสยายปรกลง

เธอมีหน้าตาเกลี้ยงเกลาจิ้มลิ้ม มีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์สุดแสนของเด็กสาว

เธอยืนอยู่ข้างถนน สองมือไพล่หลัง ทอดมองรถราที่ผ่านไปผ่านมาเป็นระยะ ท่าทางน่าสงสารนั่นมากพอที่จะเรียกความรู้สึกอยากปกป้องจากเพศชายได้

เป็นดังที่คาด รถกระบะบรรทุกสินค้าคันหนึ่งจอดลงข้างๆ เธอ

คนบนรถคือเป้าหมายของภารกิจนี้

เธอนึกว่าตัวเองดำเนินการเพียงคนเดียว หารู้ไม่ว่าบนตึกสูงที่อยู่ไกลออกไปนั้น มีชายสวมเสื้อกันลมสีดำกำลังมองเธอตาไม่กะพริบ

ชายคนนั้นหน้าตาเย็นชา แววตาเย็นเยียบ มือข้างหนึ่งซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อกันลม มืออีกข้างถือปืนไรเฟิล

ฝีมือการแสดงของเธอย่ำแย่มาก แค่ยิ้มนิดหน่อยยังหลอกใครไม่ได้เลย ไม่นานจึงทำความแตก สุดท้ายก็ยังคงใช้กำลังเพื่อสำเร็จภารกิจอยู่ดี

เธอถีบชายที่จมูกช้ำหน้าบวมล้มลงกับพื้น ปากน้อยๆ เบ้เบะขึ้น เอ่ยด้วยความรังเกียจ “ไม่โดนเลยสักนิด”

เธอหันหลังจากไปพร้อมกับผลสำเร็จในวันนี้

เดินไปได้ราวๆ สามสิบสี่สิบเมตรแล้ว จู่ๆ ชายที่หมดสติบนพื้นก็ฟื้นขึ้นมา เขาชักปืนพกออกจากบั้นเอว เล็งแผ่นหลังกู้เจียวอย่างเหี้ยมโหด

ทว่าไม่รอให้เขาลั่นไก ชายบนตึกก็ยกปืนไรเฟิลเก็บเสียงในมือระเบิดหัวเขาภายในนัดเดียว โดยไม่ต้องเปิดขอบเขตสไนเปอร์เลย!

ในขณะเดียวกัน รถกระบะท่อดังคันหนึ่งก็ขับผ่านข้างกายกู้เจียวไป เสียงกระหึ่มของมันกลบเสียงแหวกอากาศของระเบิดพอดี

กู้เจียวไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เมื่อเธอมาถึงจุดนัดพบ รถกระบะดำของอาจารย์พ่อก็จอดรอเธออยู่ข้างทางแล้ว

“อ้อ อาจารย์พ่อหรอ”

เธอโคลงศีรษะ เดินไปหาอย่างตกใจ สองมือไพล่หลัง โน้มเอวคอดกิ่วของเด็กสาวลงมา มองเขาลอดหน้าต่างรถ “ชีตาร์ต้องมารับฉันไม่ใช่เหรอคะ”

เขาจับพวงมาลัยด้วยมือเดียว เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เขายังติดภารกิจอยู่ เลยไปก่อนแล้ว”

กู้เจียว “อ้อ”

เธอดึงประตูรถเปิด แล้วขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

เขาเอ่ยนิ่งๆ “เข็มขัดนิรภัย”

กู้เจียวคาดเข็มขัดนิรภัยแต่โดยดี จากนั้นเธอก็หยิบกล่องโลหะใบน้อยที่เป็นรางวัลแห่งชัยชนะในครั้งนี้ออกมาให้เขาดู พลางอวด “ข้อมูลอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว ฉันเก่งมากเลยใช่ไหมล่ะ”

เขาขานรับว่าอืมนิ่งๆ ก่อนจะเริ่มออกรถ

ลมอุ่นสบายพัดโชยเข้ามา ผมยาวดำขลับเงางามของเธอถูกพัดสยาย เธอเอี้ยวตัวไปหาของกินที่เบาะหลัง การกระทำนี้ทำให้ระยะห่างระหว่างกันสั้นขึ้นอีก

ปลายผมที่ส่งกลิ่นหอมของเด็กสาวระมาโดนใบหน้าเขา

มันจั๊กจี้นิดๆ

……

หลังกลับมาถึงองค์กร เขาก็เอ่ยกับกู้เจียว “เดี๋ยวมานี่หน่อย ต้องเก็บเลือด”

“อ๋อ”

กู้เจียวต้องไปเก็บเลือดที่ห้องโดยสารพยาบาลทุกเดือน เธอเคยชินกับเรื่องนี้แล้ว และไม่เคยถามว่าเก็บไปทำไม

มาร์แชล…ยามนี้ควรเรียกอาจารย์พ่อสินะ

อาจารย์พ่อเก็บเลือดของกู้เจียวเสร็จก็ไปวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือ

ผลลัพธ์ไม่แตกต่างไปจากที่ผ่านมา การเลียนแบบของสารพลังงาน เคเก้าสิบสาม สูงมาก ความเข้มข้นในเลือดไม่มีท่าทีลดลง

นี่เป็นปรากฏการณ์ที่มหัศจรรย์มาก เพราะตั้งแต่เขามาที่นี่ เนื่องจากไม่สามารถเติมพลังงานของกลุ่มดาวเคเก้าสิบสามได้ เขาจึงอยู่ในสภาวะที่ใช้พลังงานอยู่ตลอด พูดให้เข้าใจอีกหน่อยก็คือ เขาจะอายุขัยสั้นกว่าอยู่ที่กลุ่มดาว เคเก้าสิบสาม

ทว่าพลังงานที่เขาต้องการนึกไม่ถึงว่าจะสามารถเลียนแบบในร่างกายของเธอได้อย่างไร้ขีดจำกัด

จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร ทว่าสิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ เขาสามารถชิงพลังงานของเธอมาเติมอายุขัยของตัวเองได้

ยิ่งเธอแข็งแกร่งมากเท่าไร พลังงานในร่างกายก็จะเลียนแบบได้เร็วขึ้น จึงยิ่งมีประโยชน์ต่อการยืดอายุขัยของเขามากขึ้น

“อาจารย์พ่อ กับข้าวเสร็จแล้ว วันนี้เป็นปลาเปรี้ยวหวานที่อาจารย์ชอบ!”

จู่ๆ เธอก็โผล่มาอยู่หน้าห้องทดลอง ชะโงกหน้าน่ารักของเด็กสาวเข้ามา ดวงตาเธอเป็นประกายราวกับกำลังพูดได้

เธอไม่ได้เป็นเช่นนี้กับคนอื่น มีแค่ตอนที่อยู่กับเขาถึงจะถอดเกราะป้องกันทั้งหมดออก

เขาปิดเครื่องมือโดยไม่กระโตกกระตาก

เธอเป็นเพียงแค่ตัวทดลอง เป็นเพียงแหล่งพลังงานเพื่อยืดอายุของเขา

เขาไม่มีทางเกิดความรู้สึกใดๆ กับเธอ

……

ยามรับประทานอาหาร โทรศัพท์มือถือของเธอสว่างวาบ

เขานั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ปรายตามองโดยไม่ตั้งใจ

เธอหยิบขึ้นมาดู จู่ๆ ก็เอ่ยกับเขา “สุดสัปดาห์นี้ฉันไม่มีภารกิจ ฉันออกไปเที่ยวได้ไหมคะ มีคนนัดฉัน”

เขาที่กำลังคีบข้าวพลันชะงัก “ผู้ชายหรือผู้หญิง”

กู้เจียวตอบตามตรง “รุ่นพี่ผู้ชายค่ะ”

“ไม่ได้” เขาเอ่ยนิ่งๆ

“อ้อ” กู้เจียวก้มหน้าลงกินข้าว

เขามองเธออย่างเย็นชา “เธอผิดหวังหรือ”

“รุ่นพี่บอกว่าจะพาฉันไปเล่นเซิร์ฟ อยากไปนิดหน่อย” เธอเกิดมาก็แตกต่างจากคนทั่วไป ข้างกายเธอแทบจะไม่มีเพื่อนเลย นี่เป็นคนแรกที่บอกว่าจะพาเธอออกไปเล่น

“แล้วมันก็ไม่ได้ไกลด้วย” เธอบอก “อยู่เมืองไห่อั้นนี่เอง ขับรถไม่ถึงสองชั่วโมง”

เขาวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดปากในจานมาเช็ดมุมปากอย่างเนิบช้า เอ่ย “อยากไปก็ไปสิ”

นกกระทาตัวน้อยที่ร่วงโรยเงยหน้าขึ้นทันควัน เธอมองเขาอย่างมีชีวิตชีวา “อาจารย์พ่อจะไปไหมคะ”

เขาเอ่ยนิ่งๆ “ไม่ไป ไร้สาระ”

กู้เจียวไปเก็บของอย่างอารมณ์ดี เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปสถานที่ที่นัดหมายไว้เพื่อรวมตัวกับรุ่นพี่

อาจารย์พ่อไปองค์กรแล้ว

เพิ่งเข้าประตูมาก็เจอผู้ช่วยที่เดินสวนมาด้วยสีหน้ารีบร้อน เพราะร้อนใจเกินไป จึงไม่ทันเห็นเขา

หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่มีทางยุ่งเรื่องชาวบ้าน ทว่าวันนี้คงจะว่างหนัก จึงถามขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

ผู้ช่วยชะงัก “คิงเองหรือ อ๊ะ คืองี้ครับ จู่ๆ เมืองไห่อั้นก็มีภารกิจมา เดิมทีต้องมอบให้ชีตาร์ แต่ผมติดต่อเขาไม่ได้ เมื่อคืนเด็กคนนี้คงไปเที่ยวสาวที่ไหนอีกแน่ๆ … ผมเลยจะติดต่ออินทรีดำแทน!”

“เมืองไห่อั้นเหรอ” เขาถาม

“ใช่” ผู้ช่วยเอ่ย

เขาเอ่ยอย่างสบายๆ “ไม่ต้องติดต่อเอินทรีดำหรอก ผมไปเอง”

ประโยคนี้เอ่ยออกมา ผู้ช่วยก็ตกใจยกใหญ่อีกหน “อ๊ะ แต่ว่า เป็นแค่ภารกิจระดับอีเท่านั้นเองครับ…”

คุณไม่รับภารกิจที่ต่ำกว่าระดับเอสมานานเท่าไหร่แล้วนะ

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset