สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 1002-3 บันทึกท้ายเล่ม (3)

บทที่ 1002-3 บันทึกท้ายเล่ม (3)

บทที่ 1002 บันทึกท้ายเล่ม (3)

……….

ปีนี้จวงไทเฮาป่วยออดๆ แอดๆ มาตลอด เดี๋ยวดีเดี๋ยวไข้

กู้เจียวกับจี้จิ่วอาวุโสลงมือทำผลไม้เชื้อมกับพุทราเคลือบนมให้นาง แต่นางกลับกินไม่ลง

จนตอนนี้เก็บสะสมไว้มากมาย

เซวียนหยวนซีนั่งอยู่ข้างหัวเตียงนาง เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านย่า ท่านกินผลไม้เชื่อมเถิด กินได้ตามใจเลย ข้าไม่บอกเจียวเจียวหรอก”

จวงไทเฮายิ้ม “หลานสะใภ้ข้าเล่า”

เซวียนหยวนซีใบหูแดงก่ำ

จวงไทเฮาเบ้ปากฮึดฮัด “เหมือนกับพี่เขยเจ้าไม่มีผิด! เจ้าอย่าเอาอย่างเขาเชียวล่ะ! แต่งงานกันมาตั้งนานเพิ่งได้ร่วมหอ!”

เดือนแปด กู้เจียวรับเซวียหนิงเซียงและโกว่วามาจากชนบท

โกว่วาอายุน้อยกว่าจิ้งคงหนึ่งปี ปีนี้อายุสิบสี่แล้ว เป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง

จวงไทเฮานอนอยู่บนเตียงหงอันอ่อนนุ่ม สายตาทอดมองเงาร่างกำลังเดินข้ามาหาตัวเอง เสียงอ่อนแรงเอ่ย “เซียงเซียงรึ”

เซวียหนิงโผเขาหาพลางคุกเข่าลงกับพื้น กุมมือของหญิงชราเอาไว้ เอ่ยเสียงสะอื้น “ข้าเอง ท่านย่า ข้าเอง…”

“โกว่วาเล่า” จวงไทเฮาถาม

โกว่วายืนอยู่ข้างเซวียหนิงเซียง ทว่าสายตาของนางนั้นมองไม่เห็นแล้ว

เซวียหนิงเซียวเหมือนโดนมืดกรีดกลางใจ นางลากลูกชายที่อยู่ข้างตัว “โกว่วา! รีบถวายบังคมไทเฮาเร็ว!”

โกว่วาคุกเข่าลง ก่อนจะจรดหน้าผากลงกับพื้นเพื่อถวายบังคมให้กับจวงไทเฮาอย่างแรงถึงสองครั้ง

“จะโขกหัวไปทำไม สงสารเด็กมัน” จวงไทเฮาล้วงลูกอมงาที่แอบซ่อนไว้ใต้หมอนยื่นให้เขา “โกว่วา กินสิ”

ตอนเด็กโกว่วาชอบกินลูกอมงาเป็นที่สุด

เซวียหนิงเซียงยกมือขึ้นป้องปก ร้องไห้อย่างห้ามตัวเองไม่อยู่

“พวกเจ้าไม่พูดมาก” นานทีจวงไทเฮาจะเอ่ยกับเด็กๆ ทั้งสาม “ท่านน้าจิ้งคงของพวกเจ้าตอนเด็ก พูดมากจนคนจะบ้าตาย”

เจ้าหนูทั้งสามนอกใช่ว่าจะไม่เสียงดัง เพียงแต่เรียบร้อยต่อหน้านางก็เท่านั้น

แม้แต่โทรโข่งน้อยอย่างเซียวเยียนยังรู้จักหักห้ามสัญชาตญาณดิบของตัวเองและพลังวิเศษของตน

เซียวเหิง เซวียนหยวนซี กู้เสี่ยวซุ่น กู้เหยี่ยน และกู้เสี่ยวเป่าก็จะเข้าวังมาเยี่ยมนางทุกวัน กู้ฉังชิงกับกู้เฉิงเฟิงเองก็มาเป็นประจำ

ที่ควรเอ่ยถึงเป็นพิเศษก็คือ กู้ฉังชิงและหยวนเป่าหลินมีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่ง ทว่าจวบจนวันนี้กู้ฉังชิงยังคิดว่าตัวเองนั้นแค่ปฏิบัติตามข้อตกลง

หยวนเป่าหลิงบอกเขา “หญิงสาวนั้นย่อมต้องมีลูกชายสักคนเข้ากายถึงจะใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างสงบสุข”

กู้ฉังชิงจอมซื่อบื้อจึงเริ่มปฏิบัติการมอบลูกชายในหยวนเป่าหลินตามข้อตกลง

กู้เจียวรู้เรื่องเขาก็ตื่นตกใจ นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้ฉังชิงจะซื่อบื้อได้ถึงขั้นนี้

นางถามหยวนเป่าหลิง “หากมีลูกชายแล้วเล่า เจ้าจะกล่อมเขาให้ขึ้นเตียงอย่างไร”

หยวนเป่าหลินเชิดหน้าเอ่ย “ข้าก็จะบอกเขาว่าลูกชายคนเดียวคงเหงาแย่ วันหน้าหากเกิดอะไรขึ้นไม่มีน้องชายคอยช่วยเหลือ ดูเจ้าสิมีน้องชายตั้งห้าคน!”

กู้เจียวยกนิ้วให้นาง

คนทั้งห้องพากันถามไถ่จวงไทเฮาอย่างอบอุ่น นางเอ่ยเสียงฮึดฮัด “มากันได้ทุกวี่ทุกวัน ไม่ต้องทำการทำงานกันรึ”

จี้จิ่วอาวุโสเองก็มาด้วย

เพียงแต่เขามักจะนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น ไม่พูดไม่จา จวงไทเฮาสายตาไม่ดีแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าเขามา

เดือนสิบสอง ความทรงจำของจวงไทเฮาเริ่มเสื่อมถอย เรียกคนผิดเป็นประจำ

เรียกเซียวเซวียนว่าจิ้งคง เรียกกู้เสี่ยวเป่าว่ากู้เหยี่ยน ทั้งยังถามกู้เจียวว่าเสี่ยวซุ่นไปไหน ลิ่วหลิงไปสอบในเมืองอีกแล้วหรือ

นางได้ยินเสียงหิมะนอกหน้าต่างพลางเอ่ย “อากาศเย็นนัก ลิ่วหลังเอาเสื้อผ้าไปพอหรือไม่ สนามสอบโยวโจวหนาวนัก ไม่เหมือนเมืองหลวง”

“เอาไปพอแล้ว” กู้เจียวตอบ “ท่านย่าวางใจเถิด เสี่ยวซุ่นก็ไปเรียนที่สำนักบัณฑิตแล้ว”

หญิงชรากำตั๋วเงินไว้ในมือ ก่อนจะจับมือกู้เจียว “เจ้าเอาให้เขาแทนข้าที เขาทะเลาะกับตระกูลกู้แล้วไปอยู่ที่สำนักบัณฑิตนู่นแล้ว ท้องเขาน่ะกินเท่าไรก็ไม่อิ่มเสียที”

กู้เจียวรับตั๋วเงินมา “เจ้าค่ะ ไว้ข้าได้เข้าหมู่บ้านแล้วจะเอาไปให้เขา ท่านย่ากินผลไม้เชื่อมหรือไม่ วันนี้จะกินกี่ลูกก็ได้นะ…”

จวงไทเฮาปิดตาหลับไปแล้ว

ในวันส่งท้ายปีเก่า เซียวหยวนซีต้อนรับวันเกิดอายุสิบหกปีของตัวเอง ส่วนเซียวเหิงนั้นก็ย่างเข้าอายุที่เพิ่มขึ้นอีกปีเช่นกัน

จวงไทเฮาสดใสดีไม่น้อย ตื่นขึ้นมาแล้วก็กินผลไม้เชื่อมไปหกลูก ทำเอาฉินกงกงดีใจแทบแย่

เดิมทีจากฉลองวัดเกิดนั้นจัดขึ้นที่ตำหนักเหรินโซ่ว ทว่าจวงไทเฮาอยากเล่นไพ่ใบไม้ ทั้งครอบครั้งจึงกลับมาที่ตรอกปี้สุ่ย

จวงไทเฮา ท่านป้าหลิว ท่านย่าโจว และท่านป้าลู่รวมตัวกันบนโต๊ะ

หลังจากสายตาของหญิงชราฝ้าฟาง กู้เจียวก็ทำไพ่ใบไม่เป็นไพ่นกกระจอกแทน ใช้มือคลำได้

จี้จิ่วอาวุโสยืนอยู่ข้างหลังหญิงชรา คอยปรนนิบัติยกน้ำรินชา รวมถึงเติมเงินในกระเป๋า

จวงไทเฮาเลิกคิ้วเอ่ยเสียงเย้ยหยัน “วันนี้อารมณ์ดี ให้พวกเจ้าเสียน้อยหน่อยก็แล้วกัน”

อันที่จริงเหล่าขาไพ่นั้นตั้งใจจะอ่อนข้อให้นาง แต่กลับกลายเป็นว่าไม่จำเป็น เพราะแม้ท่านย่าในยามนี้ยังคงคือมือหนึ่งแห่งตรอกปี้สุยดังเดิม

เหล่าขาไพ่แพ้ราบคาบ

แม่นางเหยาทำขนมอยู่ในครัว องค์หญิงซิ่นหยางเองก็หัดเรียนจากนาง

เด็กโตอย่างกู้เสี่ยวเป่าและเซียวอีเป็นหัวโจกพาเด็กๆ จุดประทัดในตรอก

เซวียนหยวนซีไม่ได้ไปร่วมสนุกด้วย เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างกายจวงไทเฮา เกยคางมนบนไหล่นาง

จวงไทเฮาเอ่ยอย่างรำคาญ “ทำอะไร คลอเคลียอยู่นั่น”

“ใช่แล้ว คลอเคลียอยู่นั่น เป็นเด็กก็ไปเล่นตรงนู้นไป” กู้เหยี่ยนเดินเข้ามาแล้วผลักเซวียนหยวนซีไปอีกทาง แล้วเกยหน้าบนบ่าหญิงชราแทน

จวงไทเฮาโวยวาย “เจ้าอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว! ใช้ได้ที่ไหน! ภรรยาก็ไม่หาสักคน! ลูกชายเสี่ยวซุ่นโตจนใช้ไปซื้อได้แล้ว!”

ลูกชายกู้เสี่ยวซุ่นที่ยังอยู่ในท้อง “…”

กู้เหยียนออดอ้อนนางพลางเอ่ย “เช่นนั้นท่านกับท่านแม่ก็ให้ข้าสู่ขออวี้หยาเอ๋อร์สิ”

จวงไทเฮากรอกตามองบน เอ่ยในใจว่าเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า

เรื่องแบบนี้ต้องอาศัยชะตาวาสนา มีหรือจะได้สมใจหมาย ตอนแรกของแค่ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป เขาทำได้แล้ว ชีวิตนี้นางไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

นางพลิกไพ่หมดหน้าตัก “หยิบได้! กินเรียบ!”

….

ช่วงบ่าย จวงไทเฮานอนอยู่ในห้องของตัวเอง

เซวียวหยวนซีก็นอนข้างนาง “ตอนข้าเป็นเด็ก ท่านชอบนอนกับข้ามากใช่หรือไม่ ท่านมักจะพาข้าไปห้องท่านเสมอ”

จวงไทเฮาเอ่ยเสียงเย็น “เพราะข้าอยากได้หลานต่างหากเล่า!”

เซวียนหยวนซีเอ่ย “ข้าไม่สน ท่านชอบข้าต่างหาก”

จวงไทเฮา… หน้าไม่อายเช่นนี้ไปเอาอย่างใครมา

เซียวจี่ กับนักบวชหนุ่มขี้อายผู้นั้นสินะ

เดิมทีเซวียนหยวนซีตั้งใจจะมาหยอกหญิงชราเล่นเท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าตัวเองจะผล็อยหลับไปจริง เขาตื่นขึ้นมาก็ฟ้ามืดแล้ว เขาเอ่ยเรียกท่านย่าข้างกาย

หญิงชราไม่ตอบโต้ เขาตกใจจดหน้าซีดเผือด “ท่านย่า!”

จวงไทเฮาค่อยๆ เอ่ย “โวยวายอะไร คิดว่าฆ่าตายแล้วรึ”

เซวียนหยวนซีลนลานตอบ “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”

จวงไทเฮาเอ่ยเสียงยานคาง “วางใจเถิด วันนี้วันสิ้นปี ข้าไม่ตายวันสิ้นปีหรอก”

ข้าไม่มีวันเปลี่ยนวันเกิดของเจ้ากับเอาเหิงเป็นวันไว้อาลัยข้าหรอก เช่นนั้นแล้วพวกเด็กๆ จะเจ็บปวดมากเพียงใด

วันแรกของปี ครอบครัวตรอกปี้สุ่ยเข้าวังอวยพรปีใหม่แก่นาง

นางกุมมือกู้เจียวเอาไว้ บอกให้กู้เจียวดูแลฉินกงกงให้ดี

จวงไทเฮาจากไปในวันที่สามของเดือนหนึ่ง

หลายวันมานี้นางสดชื่นแจ่มใส ความจำแม่นยำ ทุกคนต่างนึกว่าอาการนางดีขึ้นแล้ว แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อนางหลับไป จำให้นางหลับใหลไปตลอดกาล

นางจากโลกนี้ไปในความฝัน จากไปอย่างสงบ

นางไม่ได้สั่งเสียอะไรไว้ มีเพียงฉินกงกงที่บอกว่า คืนก่อนหน้านางนำบทกลอนที่แต่งไว้ก่อนออกเรือนขึ้นมาอ่าน

จวงไทเฮากุมอำนาจราชสำนักมานานหลายสิบปี ผู้คนต่างจดจำวิธีการแสนโหดร้ายของนาง ทว่ากลับลืมไปว่านางนั้นเคยเป็นคุณหนูแสนอ่อนหวานผู้รักในกวีประพันธ์

นางสละชีวิตให้กับแคว้นเจา นางมีโอกาสนับไม่ถ้วนที่จะไปจากราชสำนัก ออกไปใช้ชีวิตอย่างเริงสำราญตามใจหมาย

ทว่านางกลับไม่ทำเช่นนั้น

เพื่อแผ่นดิน เพื่อมิให้ลูกหลานต้องอับอายเพราะนาง

วังหลวงคือคุก คุกที่จองจำนางมาตลอดชีวิต

ไทเฮาสวรรคต ตามกฎมณเฑียรบาลแล้วต้องฝังร่วมสุสานเดียวกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน

เซียวเหิงถวายฎีกา ของสร้างสุสานให้แก่จวงไทเฮาแยกต่างหาก

มิใช่ในนามของจวงไทเฮา แต่ในนามของจวงจิ่นเซ่อ

ยามถูกจองจำ ชีวิตหลังความตายนั้นขอให้นางได้เป็นอิสระ

วันที่สุสานสร้างเสร็จ กู้เจียว เซียวเหิง จิ้งคง กู้เหยียน กู้เสี่ยวซุ่น กู้เสี่ยวเป่า กู้ฉังชิง และกู้เฉิงเฟิงต่างร่วมส่งดวงวิญญาณของท่านย่า

ท่านย่ามิได้ทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขไว้บนโลกนี้

แต่พวกเขาล้วนแต่เป็นลูกหลานของท่านย่า

….

หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ท่านอย่าได้ต้องเป็นราชวงศ์อีกเลย

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset