“มาแล้วเหรอครับ”
ฟู่ยวี่ลุกขึ้น ยวี่จิ้นเหวินลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงลุกขึ้นตาม
วันนี้หนานซ่งแต่งตัวสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงสีขาว แล้วสวมรองเท้าส้นสูงไข่มุก เสื้อคลุมสีเทาอ่อนพาดอยู่ข้างหลัง แล้วมัดแขนเสื้อไว้ข้างหน้า
ดูแล้วชิลล์มาก แต่ก็ดูเป็นแฟชั่นที่ดึงดูดตา
ยวี่จิ้นเหวินหรี่ตาลง ทุกครั้งที่หนานซ่งปรากฏตัว จะทำให้เขาเซอร์ไพรส์ตลอด ไม่มีภาพลักษณ์ภรรยาเก่าของเขาเลยสักนิด
หนานซ่งคนเก่า ปกติจะใส่ชุดสีโทนอุ่นสบายๆ ปล่อยผมยาวไว้ข้างหลัง หรือมัดผมธรรมดาๆ ดูเป็นแม่ศรีเรือนมาก
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบ แต่แค่รู้สึกว่า เธอเหมือนหุ่นยนต์ ที่เอาแต่เอาอกเอาใจเขา
ความรู้สึกแบบนั้น เขารู้สึกไม่โอเค
แต่คนตรงหน้า เป็นเธอในแบบของเธอจริงๆ
ถึงแม้บางครั้งจะทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ดูแล้วกลับสบายตามาก
“รอคุณนานแล้ว” ฟู่ยวี่กางแขนออกแล้วจะไปกอดหนานซ่ง แต่กับโดนนิ้วของเธอหยุดไว้ แล้วผลักออก
เธอดึงมือกลับมาอย่างรังเกียจ พร้อมพูดอย่างเย็นชา “เจอหน้ากันแล้วจะกอด ฉันสนิทกับคุณเหรอคะ?”
ยวี่จิ้นเหวินขมวดคิ้วเพราะฟู่ยวี่ แล้วคิ้วก็คลายออกเพราะหนานซ่ง พร้อมยิ้มมุมปากยังพอใจ : รู้จักปฏิเสธถือว่าเป็นเรื่องดี
ฟู่ยวี่หน้าด้าน ยิ้มแล้วกะพริบตาใส่เธอ “กอดกันบ่อยๆ เดี๋ยวก็สนิทเองครับ”
หนานซ่งไม่รู้สึกอยากสนิทกับเขา จึงเดินตรงไปที่ลิฟต์
“ครั้งหน้าก่อนมาบอกล่วงหน้าด้วย ตารางงานของฉันไม่แน่นอน เดี๋ยวถ้าคุณมาเสียเที่ยว จะหาว่าเสียมารยาทใส่คุณชายฟู่”
พูดอย่างเกรงใจ แต่ความจริงรังเกียจที่เขามาโดยที่ไม่ได้รับเชิญ แถมยังมาเช้าขนาดนี้อีก
ฟู่ยวี่โบกมือให้ยวี่จิ้นเหวินตามมา จากนั้นจึงพูดตอบหนานซ่ง “ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นคนว่าง ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง อยากมาหาคุณก็เลยมา วันนี้ที่มาเช้าขนาดนี้ ไอ้ยวี่เป็นคนเร่งผมมาเอง”
หนานซ่งขึ้นลิฟต์ตรงขึ้นไปที่ห้องทำงานผู้บริหาร ฟู่ยวี่เดินตามไปด้วย ยวี่จิ้นเหวินกำลังจะขึ้นไป แต่กลับโดนบอดี้การ์ดขวางไว้
ฟู่ยวี่รีบพูดว่า “มาพร้อมกัน มาพร้อมกันครับ”
จากนั้นจึงหันไปหาหนานซ่ง “ไอ้ยวี่รู้สึกสนใจธุรกิจฟาร์มม้าเหมือนกัน แล้วอยากจะร่วมธุรกิจกับเราด้วย”
ใบหน้าหนานซ่งไร้ความรู้สึก แล้วเหลือบมองเขา “ฉันตกลงแค่จะร่วมธุรกิจกับคุณ”
“เพิ่มอีกคนก็ไม่เป็นไรหรอกครับ” ฟู่ยวี่ฉีกยิ้มกว้าง มองยวี่จิ้นเหวินที่ถูกขวางอยู่นอกลิฟต์ จึงรีบส่งสายตาให้เขา : รีบพูดสิวะ!
เหอจ้าวจะเป็นบ้าแล้ว แต่สีหน้ายวี่จิ้นเหวินยังใจเย็นอยู่ ท่าทางหนักแน่นเหมือนมาคุยเรื่องงานจริงๆ
“ประธานหนาน ธุรกิจฟาร์มม้านอกเมืองทางเหนือ ผมก็อยากร่วมธุรกิจครับ”
สายตาหนานซ่งมองไปที่เขา แววตากลมโตไม่มีความรู้สึกใดๆแฝง มองสำรวจเขาอย่างเย็นชาสักพัก ริมฝีปากสีแดงจึงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
“อยากร่วมธุรกิจกับฉัน? คุณคือใครคะ?”
ยวี่จิ้นเหวิน : “……”แล้วเลื่อนขึ้นไป ยวี่จิ้นเหวินโดนภรรยาเก่าทิ้งอยู่หน้าลิฟต์อย่างนั้น
……
ห้องทำงานผู้บริหาร มีเสียงหลุดขำดังมาเป็นระลอกๆ
ฟู่ยวี่เดินตามหนานซ่งอยู่ข้างหลัง ทนไม่ไหวจริงๆ หัวเราะจนปวดท้องไปหมด จนทำให้พนักงานในห้องทำงานผู้บริหารต่างก็จ้องมองมา
หนานซ่งมองฟู่ยวี่ตาขวางอย่างรังเกียจ “หัวเราะพอหรือยัง?”
“ขอโทษ ขอโทษครับ ผมกลั้นไม่อยู่จริงๆ……น่าตลกมาก!”
ฟู่ยวี่หัวเราะจนน้ำตาจะไหล มีแต่มันที่แสดงสีหน้าใส่คนอื่นได้ แต่คุณกลับ กลับ……ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะดังมาอีกครั้ง ฟู่ยวี่เลียนแบบท่าทางหนานซ่งเมื่อกี้ แล้วก็เสียงเธอ “อยากร่วมธุรกิจกับฉัน? คุณคือใครคะ?”
เขาอดกดไลก์ให้หนานซ่งไม่ได้ “คุณเท่มาก!”
หนานซ่งขี้เกียจสนใจเขา จึงหันไปเอ่ยกับกู้เหิงว่า “ไปเตรียมเอกสารเกี่ยวกับฟาร์มม้า จัดการด้วย เก้าโมงสิบห้าออกรถ”
“ครับ” กู้เหิงรับคำสั่ง ตอนออกไปก็ลวดปิดประตูด้วย
วินาทีที่ประตูปิดลง เขาก็แอบ”เย้”ดีใจเหมือนกัน
ถึงแม้เขาจะไม่ได้แสดงท่าทางที่เว่อร์เหมือนฟู่ยวี่ แต่ท่าทางที่หนานซ่งทำกับยวี่จิ้นเหวินเมื่อกี้สะใจมาก ใครให้เมื่อคืนเขารังแกบอสหนานล่ะ สมควรโดนแล้ว!
รองประธานเจี่ยงฟานมาที่ห้องทำงานผู้บริหาร จึงเห็นการกระทำ สีหน้าของกู้เหิง “ทำอะไร?”
“รองประธานเจี่ยง” กู้เหิงรีบปรับสีหน้ากับท่าทาง เพราะเจี่ยงฟานเอ่ยถาม เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกับเช้านี้ พร้อมพูดบ่นด้วย
เจี่ยงฟานได้ยินแล้วกลับขมวดคิ้วแน่น
ยวี่จิ้นเหวินอีกแล้วเหรอ?
สามปีที่หนานซ่งหายตัวไป เธอไปทำอะไรที่เมืองเป่ยกันแน่? ทำไมกลับมาแล้วดูเปลี่ยนไปเยอะเลย อะไรทำให้เธอเสียใจ แล้วเด็ดขาดขนาดนี้?
หรือว่าเรื่องทั้งหมด เกี่ยวข้องกับยวี่จิ้นเหวิน?
พอคิดแบบนี้ เจี่ยงฟานจึงส่งเอกสารตัวเองให้กู้เหิง หันหลังเดินลงลิฟต์ เขาจะไปถามให้แน่ใจ
……
ห้องโถงชั้นหนึ่ง เหอจ้าวยืนกลั้นหายใจอยู่ข้างหลังยวี่จิ้นเหวิน แล้วมองสำรวจสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง
กลัวว่าเขาจะอารมณ์เสีย แล้วพังทั้งตึก
ทำงานกับยวี่จิ้นเหวินมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเสนอจะร่วมงานด้วย ไม่คิดเลยว่าจะโดนปฏิเสธ
ครั้งก่อนที่โดนปฏิเสธก็อยู่ที่นี่
โดนปฏิเสธจากคนคนเดียวกันด้วย
ครั้งก่อน……”ไม่ว่าง ไม่พบ อยากเจอฉัน? ชาติหน้าเถอะ”
ครั้งนี้…… “คุณคือใคร?”
ไม่รักษาน้ำใจเลยสักนิด
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่กล้าทำกับพวกเขาแบบนี้ ไม่ต้องให้ยวี่จิ้นเหวินสั่ง เขาก็คงพังทั้งตึกของบริษัทตระกูลหนานไปแล้ว!
แต่นี่เป็นคุณหญิง บริษัทตระกูลหนานเป็นเขตของคุณหญิง เรื่องของสองสามีภรรยา เขาที่เป็นแค่ผู้ช่วยไม่กล้ายุ่งด้วย จึงทำได้แค่ยืนอยู่นิ่งๆ
“บอสยวี่ครับ งั้นเรา ค่อยมาวันอื่นไหมครับ?”
ยวี่จิ้นเหวินเม้มปากแน่น วินาทีนี้เขาอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง
ทั้งผิดหวัง ทั้งโมโห แล้วหน้าแตกอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอถามเขาว่าเขาเป็นใคร?
แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาจนติดใจงั้นเหรอ?
แล้วทำไม ไอ้ฟู่ยวี่ถึงขึ้นไปได้?
เธอไม่กลัวว่าจะโดนคนที่มีแต่ความคิดชั่วๆแบบนั้นหลอกเหรอ ยังกล้าร่วมธุรกิจกับมันอีก!
“เอ๋ คุณผู้ชาย คุณมาอีกแล้วเหรอคะ?”
เสียงหวานดังขึ้นข้างหู เป็นพนักงานต้อนรับที่เคยช่วยเหลือยวี่จิ้นเหวินครั้งก่อน ชื่อฮวงยียี
เห็นคนหล่อเธอจึงยิ้มตาหยี “คุณมาพบประธานหนานเหรอคะ ครั้งนี้คุณนัดไว้หรือเปล่าคะ?”
“อื้อ” ยวี่จิ้นเหวินตอบอย่างจริงจัง
เหอจ้าวรีบหันมองบอสตัวเอง : ฮะ?
ฮวงยียีเช็กก็ไม่ได้เช็ก แล้วให้อภิสิทธิ์คนหล่อเลย “ค่ะ งั้นเชิญทางนี้ค่ะ เดี๋ยวฉันพาคุณขึ้นไป”
ตอนที่เจี่ยงฟานลงมา ห้องโถงก็ว่างเปล่าไม่มีใครแล้ว เขาถามพนักงานต้อนรับ “คุณชายยวี่คนนั้น ไปแล้วเหรอ?”
พนักงานต้อนรับอีกคนตอบว่า “เปล่าค่ะ เพิ่งขึ้นไป”