สอนรักอดีตภรรยา 32 รู้ตัวแล้วเหรอว่าผิด?

ตอนที่ 32 รู้ตัวแล้วเหรอว่าผิด?

การเดินทางจากเมืองเป่ยไปเมืองหนานใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่ง ด้านนอกท้องฟ้าครึ้มฝน เสียงเปาะแปะของเม็ดฝนเริ่มดังขึ้น เหมือนสิ่งที่เร่งเร้าให้คนง่วงนอน

หนานซ่งไม่มีอารมณ์จะคุยกับฟู่ยวี่ เธอกางผ้าห่มออกพร้อมที่จะนอน และก่อนที่เธอจะหลับไปเธอยังเตือนฟู่ยวี่ด้วยว่า: “ห้ามส่งเสียงนะคะ”

แถมยังหันไปบอกกับกู้เหิงว่า: “ถ้าเกิดว่าเขาไม่ทำตามคำสั่ง ก็โยนเขาออกไปได้เลย!”

“วางใจเถอะครับ ผมเป็นเด็กดีมาก ๆ”

ฟู่ยวี่พูดพลางเอียงไหล่ด้านหนึ่งของเขามาหาเธอ “ผมให้ยืมไหล่ของผมเอาไหมครับ?”

“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันกลัวจะฝันร้าย”

หนานซ่งหาวออกมา เธอปิดเปลือกตาลง แล้วก็ไม่สนใจเขาอีก

ฟู่ยวี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย มองสาวสวยที่กำลังซุกตัวหลับอยู่ในผ้าห่ม ท่าทางของเธอเหมือนกับนกกระทาตัวเล็ก ๆ ทำให้คนเห็นรู้สึกอยากจะอุ้มเอาไว้ในอกแล้วหอมมันเบา ๆ

เขาเอาโทรศัพท์ออกมา ถ่ายรูปหนานซ่งเอาไว้รูปหนึ่ง

กู้เหิงเห็น ก็จะเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไปจากเขา พร้อมกับเขม็งตาใส่เขา: ยังจะกล้าแอบถ่ายอีก !

ฟู่ยวี่ถือโทรศัพท์เอาไว้เหนือหัว แล้วส่งเสียง ‘ชู่’ ใส่เขา แล้วกะพริบตาใส่เขาปริบ ๆ : ผมแอบถ่ายที่ไหน ผมถ่ายให้เห็นเลยต่างหาก

กู้เหิงบังคับให้เขานั้นลบรูปทิ้งไป ฟู่ยวี่ก็ดูเหมือนจะต้องลบรูปไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่ที่จริงแล้วเขานั้นย้ายรูปไปไว้ที่อื่นแทนแล้ว

รูปสาวสวยตอนกำลังหลับ แน่นอนว่าจะต้องเก็บเอาไว้ตลอดไป

เดี๋ยวค่อยส่งให้ยวี่จิ้นเหวินดูหน่อย แต่งงานมาตั้งสามปี แต่กลับไม่มีรูปของเธอเลยสักรูป น่าสงสารจริง ๆ

……

หนานซ่งนอนหลับได้สนิท ในตอนที่เธอตื่นขึ้นมารถก็ขับมาถึงเมืองหนานแล้ว

แล้วก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้วด้วย

เธอลืมตาขึ้น ดวงตาของเธอก็ประสานกับดวงตาเป็นประกายของฟู่ยวี่ ทำเอาเธอต้องขมวดคิ้วขึ้นมา “ทำไมคุณยังอยู่บนรถอยู่อีก?”

“ผมก็กำลังรอให้คุณตื่นขึ้นมา แล้วคุยเรื่องจริงจังกับคุณสักทีไงครับ”

ฟู่ยวี่พอโดนทำท่ารังเกียจใส่ ก็รู้สึกน้อยใจอยู่เล็กน้อย เลยมีสีหน้าเศร้า

ฟู่ยวี่นั้นมีประสบการณ์ด้านความรักมาหลายปี และความรักของเขาก็ยืดยาว ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขายังไม่ทันจะได้เริ่มจีบก็สามารถดึงดูดสาว ๆ ได้ ทำไมจะดึงดูดหนานซ่งไม่ได้กัน?

หนานซ่งบิดขี้เกียจ น้ำเสียงของเธอก็ติดจะแหบแห้งเล็กน้อยเพราะเพิ่งจะตื่น “เรื่องจริงจังอะไรคะ?”

“เรื่องธุรกิจสนามแข่งม้าไงครับ ผมอยากจะทำธุรกิจร่วมกับคุณจริง ๆ”

หนานซ่งรับน้ำที่กู้เหิงเอามาให้ เธอดื่มเข้าไปประมาณครึ่งแก้วเพื่อความชุ่มคอ ถึงได้พูดออกมา “ถ้าอยากจะทำธุรกิจร่วมกันก็ต้องใช้ความจริงใจ คนละห้าสิบไม่มีทางแน่นอน มากที่สุดคือฉันได้เจ็ดสิบ คุณได้สามสิบ”

ฟู่ยวี่หรี่ตาลงเล็กน้อย “หกสิบ สี่สิบ ตระกูลฟู่พนันม้าเก่งแค่ไหนคุณก็รู้อยู่ สายพันธุ์ม้าก็มีเยอะ ทำธุรกิจร่วมกับผม คุณไม่เสียเปรียบแน่นอน”

หนานซ่งดื่มน้ำอีกครึ่งแก้วที่เหลือ แล้วหันไปบอกกับกู้เหิง: “ร่างสัญญาเถอะ”

กู้เหิงตอบรับ “ครับ”

ฟู่ยวี่ยกยิ้ม เธอจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้รวดเร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้

เขายกคิ้วแล้วยิ้มออกมา: “ทีนี้คุณหนานไม่กลัวว่าผมจะใช้สัญญามาตามจีบคุณแล้วหรือไงครับ?”

“ก็จีบสิคะ” หนานซ่งตอบออกมาอย่างเกียจคร้าน: “จีบหรือไม่จีบมันคือเรื่องของคุณ ตกลงหรือไม่มันก็คือเรื่องของฉัน ถ้าเกิดคุณสามารถเปลี่ยนให้ฉันไปชอบคุณได้จริง ๆ นั่นก็เป็นความสามารถของคุณ”

ฟู่ยวี่ดีดนิ้ว “ประโยคนี้ของคุณ ทำให้ผมรู้แล้วว่าจะต้องทำยังไง”

สาวสวยกลัวผู้ชายตามตื๊อ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเสน่ห์ของคุณชายน้อยฟู่นั้น จะจีบผู้หญิงคนหนึ่งไม่ติด !

*

สัญญาของสนามแข่งม้าต้องผ่านกระบวนการเพิ่มเติมอีกหน่อยถึงจะเรียบร้อย ฟู่ยวี่เลยลงจากรถตรงประตูทางเข้าของบริษัทตระกูลหนาน

หนานซ่งพอมาถึงบริษัทก็เรียกพวกพนักงานระดับสูงมาประชุม เพื่อประกาศเปลี่ยนสนามกอล์ฟตรงที่ดินนอกเมืองทางเหนือเป็นสนามแข่งม้า แน่นอนว่าการประชุมครั้งนี้ถูกปิดไม่ให้หนานหนิงไป่กับหนานหนิงจู๋รู้ แล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกพวกเขา

เธออยู่เลยเวลาเพื่อเซ็นเอกสารเพิ่มอีกหน่อย แต่พอเวลากลางคืนมาถึง ก็มีโทรศัพท์จากที่บ้านเข้ามา

พ่อบ้านจ้าวโทรมารายงานกับเธอว่า หนานหยากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว

หนานซ่งมีแววตาตกใจเล็กน้อย เธอเกือบจะลืมเธอไปแล้ว

หนานหยากำลังจะตายแล้ว

เธอรู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเธอหลุดลอยออกไป ถ้าเกิดว่าเธอตายไปจริง ๆ พอกลายเป็นผี ก็คงจะเป็นผีที่ตายเพราะความหิว

โตมาจนขนาดนี้ คุณหนูรองตระกูลหนานยังไม่เคยรู้สึกหิวโหยแบบนี้มาก่อน วันแรกก็ยังรู้สึกว่าดีหน่อย เธอก็คิดเสียว่าตัวเองนั้นกำลังอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก รอจนถึงเช้าวันที่สอง เธอนั้นต้องตื่นขึ้นมาเพราะความหิว

เธอทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ หนานหยาอยากจะพังประตูออกไป แต่ว่าประตูนั้นถูกล็อกจากด้านนอก ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ขยับ เธออยากจะกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง หน้าต่างก็ถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา และต่อให้พังล็อกได้จริง ๆ เธอเองก็ไม่กล้าที่จะกระโดดลงไปอีกอยู่ดี

โทรศัพท์มือถือของเธอก็โดนหนานซ่งยึดเอาไว้ โทรศัพท์บ้านที่มีอยู่ในห้องก็ถูกถอดสายที่ต่อกับโลกภายนอกออกไปแล้ว หมดหนทางที่จะขอความช่วยเหลือจากข้างนอก เลยทำได้แค่โทรไปหาเบอร์ที่อยู่ภายในบ้าน

หนานหยาทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตะโกนด่าพ่อบ้านจ้าว “พวกแกกล้ามากนะที่ขังฉันเอาไว้ พวกแกรู้เอาไว้ด้วยว่าฉันคือเจ้าของบ้าน ส่วนพวกแกก็เป็นแค่คนใช้ ถ้าเป็นสมัยก่อน พวกแกก็คือทาส! ถึงกับกล้าเสวยสุข กล้าทำกร่างอยู่บนหัวของฉัน? รีบมาปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นพวกแกได้เห็นดีกับฉันแน่!”

พ่อบ้านจ้าวรอให้เธอด่าจนพอใจแล้ว ถึงได้พูดขึ้นเบา ๆ : “คุณหนูรอง ก่อนจะออกไปคุณหนูใหญ่สั่งเอาไว้แล้วว่า ตอนนี้คุณหนูมีเพียงแค่สองตัวเลือกเท่านั้น: หนึ่งคือหยิบหมั่นโถวขึ้นมากินแล้วก็ก้มหน้ายอมรับผิด ข้อสองคือ ทนหิวต่อไป”

“ให้ฉันไปรับผิดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น? ให้หนานซ่งไปตายเสียเถอะ! แม่*!” หนานหยาโมโหจนปาโทรศัพท์ทิ้ง

พ่อบ้านจ้าวไม่ได้สนใจเธออีกต่อไป

หนานซ่งกลับมาถึงบ้าน เธอก็เดินไปเปิดกล้องวงจรปิดดูโดยไม่จำเป็นต้องฟังพ่อบ้านจ้าวรายงาน พฤติกรรมของหนานหยาสองวันมานี้เห็นได้ชัดเจน ต่อให้แข็งแค่ไหน เธอก็ดูเหมือนว่าจะหิวจนอ่อนแรง

หนานหยาหิวจนร่างกายอ่อนแรงเหมือนคนใกล้ตาย ช่วงบนของร่างกายของเธอพาดไปกับขอบเตียง ดูไร้เรี่ยวแรง ปากของเธอก็ยังคงก่นด่าอะไรบางอย่าง เธอมองหมั่นโถวบนพื้นที่ทั้งแข็งและสกปรกลูกนั้น ก็เม้มริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย เธอทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงเอื้อมไปหยิบมันมา

เธอส่งหมั่นโถวลูกนั้นเข้าปาก และในตอนที่เธอกำลังกัดกินมันอย่างมูมมาม หนานซ่งก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี ได้เห็นภาพตรงหน้า

หนานหยาราวกับโจรที่ถูกจับได้ว่ากำลังขโมยอาหาร พอได้ยินเสียงไขกลอนประตูร่างกายของเธอก็สั่นเทา ลำคอของเธอก็ฝืดเคือง ทำให้หมั่นโถวก้อนนั้นที่กลืนลงไปค้างอยู่ในนั้น จนเธอต้องไอออกมาอย่างแรง

“แค่ก ๆ ๆ”

เห็นว่าหนานหยากำลังสำลักหมั่นโถวจนหายใจไม่ออก หนานซ่งก็รีบเดินเข้าไปหาเธอ จากนั้นก็ทุบลงไปบนหลังเธออย่างแรงครั้งหนึ่ง ในที่สุดหมั่นโถวก้อนนั้นก็ถูกอ้วกออกมาจนได้ ในขณะเดียวกัน หนานหยาก็รู้สึกว่าเธอนั้นโดนหนานซ่งทุบจนกระดูกสันหลังของตนเองนั้นหักไปแล้ว!

ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ ‘น้ำตาไหล’ ออกมา เป็นเพราะว่าเธอสำลักหรือว่าเพราะเจ็บ

แต่ว่าวินาทีถัดไป หนานหยาก็ได้กลิ่นหอมฟุ้ง เธอสูดจมูกฟุดฟิดราวกับลูกสุนัขตัวน้อย

พอหันไป ก็เห็นคนรับใช้ผู้หญิงกำลังถือถาดเข้ามา ในถาดมีอาหารมากมายหลายอย่าง ขนมจีบที่เพิ่งออกมาจากซึ้ง ยังมีซาลาเปา……

เธอทำตัวราวกับผีสาวที่หิวโหย รีบพุ่งตัวเขาไปหาอาหาร แต่ว่าคนรับใช้กลับส่งถาดอาหารนั้นไปให้หนานซ่ง

หนานซ่งรับถาดอาหารไป แล้ววางเอาไว้บนโต๊ะน้ำชา เธอนั่งลงบนโซฟาแล้วมองไปที่หนานหยาที่นั่งอยู่บนพื้น “ตอนนี้รู้ถึงความรู้สึกหิวโหยแล้วสิ?”

หนานหยาพยักหน้าทั้งน้ำตา เธอรู้ดีเลยแหละ!

หนานซ่งถามต่อ: “รู้ตัวหรือยังว่าผิด?”

หนานหยากัดฟันอย่างโมโห แต่ว่าเธอนั้นหิวจนไม่มีแรงต่อต้านหนานซ่งแล้ว จึงได้แต่ทนโดนหยามเหยียด เธอพยักหน้าอีกครั้ง ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา

ถึงตอนนี้หนานซ่งถึงได้เชิดหน้าขึ้น ราวกับตนนั้นเป็นจอมนางของแผ่นดิน “กินเสียสิ”

หนานหยารีบพุ่งตัวไปทันที หยิบขนมจีบได้ก็ใส่เข้าไปในปากทันที กินเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย

หนานซ่ง ถอนหายใจออกมาเบา ๆ : เด็กน้อย ฉันยังช่วยเธอไม่ได้อีกเหรอ?

Options

not work with dark mode
Reset