หลังจากที่เซ็นสัญญาหย่าแล้ว หนานซ่งก็หายไปจากเมืองเป่ย ไม่มีใครคาดถึงเลยว่าเธอจะปรากฏตัวด้วยวิธีแบบนี้
นี่……เท่เกินไปหรือเปล่า!
ฟู่ยวี่ก็ตกตะลึง มุมปากเลิกขึ้น แล้วดวงตาเจ้าเสน่ห์ก็เอาแต่จ้องมองไปที่หนานซ่งอย่างละสายตาไม่ได้
ถ้าผู้หญิงเท่ขึ้นมา ผู้ชายก็ไม่จำเป็นแล้วจริงๆ
ยวี่จิ้นเหวินที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสีหน้าก็ยังนิ่งเฉย แต่ใบหน้าที่เย็นชากลับมีความแตกร้าว ผู้หญิงคนนี้ ขับเฮลิคอปเตอร์เป็นงั้นเหรอ ทำไมเขาไม่เคยรู้เลย?
หนานซ่งเดินมาตรงหน้ายวี่เฟิ่งเจียวท่ามกลางสายตาของผู้คน จากนั้นก็ค่อยๆนั่งลง สลัดหนามบนตัวออก แล้วกลายมาเป็นคนอ่อนโยน
“คุณแม่คะ คุณแม่ทำให้หนูตกใจมาก อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ”
ยวี่เฟิ่งเจียวที่เป็นคนหัวแข็ง แต่พอหนานซ่งปรากฏตัวกลับเปลี่ยนเป็นอีกคน เธอจับมือหนานซ่งไว้ ทั้งเซอร์ไพรส์ทั้งตกใจ “เด็กคนนี้นี่ ทำให้แม่ตกใจเหมือนกัน เครื่องบินอันตรายขนาดนี้ หนูก็ยังกล้าขับอีก?”
“ดาดฟ้าก็อันตรายมากเหมือนกัน คุณแม่ก็ขึ้นไปไม่ใช่เหรอคะ?” เธอทำหน้าบึ้ง ด้วยความตำหนิ
ยวี่เฟิ่งเจียวขยับไปข้างหูเธอ แล้วกระซิบบอกเธอว่า “แม่ไม่คิดที่จะกระโดดลงไปจริงๆสักหน่อย แต่อยากทำให้ลูกไม่รักดีตกใจ ใครให้เขาไม่เชื่อฟังแม่ แล้วจะแต่งงานกับผู้หญิงแบบนั้น!”
หนานซ่งพยักหน้าให้ “หนูเข้าใจค่ะ”
“งั้นเราลงไปเถอะค่ะ ที่นี่ลมเย็น เดี๋ยวไม่สบายจะไม่คุ้มนะคะ”
หนานซ่งห่มผ้าที่ตักยวี่เฟิ่งเจียว เธอเป็นคนตัดผ้าห่มนี้กับมือ แล้วแม่ยายก็ชอบห่มไว้ที่ตัก ดูมีความรู้สึกมากกว่าสามีเก่าที่ไม่ว่าเธอจะทำดีด้วยแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจ
ยวี่เฟิ่งเจียวพยักหน้าให้ ต่อหน้าลูกสะใภ้กลับเหมือนแม่เสือที่อ่อนโยน แล้วเก็บซ่อนคมเล็บไว้
ยวี่จิ้นเหวินที่อยู่ข้างๆ เห็นผู้หญิงสองคนที่สนิทเหมือนแม่ลูกกัน ในใจก็รู้สึกอธิบายไม่ถูก
ตั้งแต่ที่หนานซ่งแต่งเข้าตระกูลยวี่ ไม่รู้ว่าร่ายมนตร์อะไร ทำให้คนทั้งบ้านที่ตอนแรกไม่เห็นหัวกลับกลายมาเป็นจงรักภักดีต่อเธอ แถมยังเข้าข้างเธอแล้วตำหนิเขา นี่จึงทำให้เขาไม่สบอารมณ์
เขารู้สึกแค่ว่าเธอจงใจเอาใจคนในบ้าน แล้วเขาก็ไม่ชอบผู้หญิงแผนสูงแบบนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าคนในบ้านยิ่งพูดชมเธอ ในใจเขาก็จะรู้สึกกลับกัน แล้วยิ่งไม่ชอบเธอ
แต่วินาทีนี้ อยู่ๆเขาก็รู้ตัว อย่าพูดถึงคุณแม่ อย่างคุณตาคุณยาย ต่างก็เป็นคนมีประสบการณ์มามากมาย ถ้าหนานซ่งจงใจเอาใจ จงใจสร้างภาพ พวกท่านจะมองไม่ออกได้ยังไง?
โจ๋เซวียนยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน พอเห็นภาพเหตุการณ์ ในใจจึงอิจฉามาก
ทั้งๆที่เธอต่างหากที่เป็นสะใภ้ตระกูลยวี่ แต่พวกเขากลับดูเหมือนครอบครัวเดียวกัน วันนี้เป็นงานแต่งงานของเธอ เธอเป็นตัวเอก ทำไมยัยหนานซ่งถึงมาแย่งซีนของเธอไป!
“คุณแม่–”
โจ๋เซวียนเอ่ยเรียกเสียงดังอย่างลึกซึ้ง แล้วถือชุดแต่งงานวิ่งไปหายวี่เฟิ่งเจียวด้วยสีหน้าร้อนรน “คุณแม่ทำไมถึงคิดสั้นคะ มีอะไรคุยกันดีๆก็ได้ ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้คะ? คุณแม่ทำแบบนี้ จะให้หนูรู้สึกยังไงคะ พี่จิ้นจะโดนคนอื่นด่าว่าไม่กตัญญูนะคะ!”บรรยากาศที่เพิ่งดีขึ้นกลับมืดมนลงทันที ทำให้คนอื่นไปไม่ถูกจริงๆ
แต่โจ๋เซวียนกลับแสดงละครอย่างจริงจัง ร้องไห้ฟูมฟาย ท่าทางเสียใจมาก
หนานซ่งกับยวี่เฟิ่งเจียวมองไปด้วยสายตารังเกียจพร้อมกัน แล้วพูดพร้อมกันว่า “เธอหุบปากได้ไหม?”
“อีกอย่าง ใครเป็นแม่เธอ? มาเรียกมั่วๆทำไม!”
โจ๋เซวียนโดนตอกกลับแบบนี้ สีหน้าจึงอึ้งนิ่ง พอสบตากับแววตาที่เย็นชาของยวี่เฟิ่งเจียว เธอจึงใช้สายตาที่น่าสงสารหันมองไปทางยวี่จิ้นเหวินอย่างเคยชิน แต่ยวี่จิ้นเหวินกลับไม่มีทีท่าจะช่วยเธอเลย
แล้วอีกอย่าง
นี่จึงทำให้ใจเธอลนลานมากกว่าเดิม
เห็นหนานซ่งกำลังจะพยุงยวี่เฟิ่งเจียวลงไปแล้ว โจ๋เซวียนร้อนรนใจ จึงรีบชี้หน้าหนานซ่ง “ฉันรู้แล้ว! คือแก! ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ แกเป็นคนทำ!”
“โจ๋เซวียน” ยวี่จิ้นเหวินเอ่ยเรียกชื่อว่าที่เจ้าสาวเสียงเข้ม “ไม่มีหลักฐาน อย่าพูดไปเรื่อย”
โจ๋เซวียนได้ยินยวี่จิ้นเหวินเรียกชื่อเต็มของเธอ แล้วยังพูดเข้าข้างลู่หนานซ่งอีก จึงยิ่งลนลานกว่าเดิม แล้วรู้สึกเหมือนจะเสียเขาไป
เธอก็ไม่ได้ใส่ร้ายอย่างไร้เหตุผล
งานแต่งดีๆแบบนี้ กลับพังไม่เป็นท่า ชัดเจนแล้วว่ามีคนจงใจหาเรื่องเธอ แล้วเธอเพิ่งกลับมาเมืองเป่ยไม่นาน ไม่เคยสร้างศัตรู คนที่เคยมีเรื่องกับเธอก็มีแค่หนานซ่งคนเดียว บวกกับเธอโผล่มาด้วยวิธีที่ดึงดูดความสนใจแบบนี้ นี่กำลังจะแย่งยวี่จิ้นเหวินไปชัดๆ!
“ลู่หนานซ่ง กล้าทำก็ต้องกล้ารับ แกกล้ายอมรับไหม?” โจ๋เซวียนชี้หนานซ่ง ถึงแม้เรื่องวันนี้เธอจะไม่ใช่คนทำ แต่เธอก็จะใส่ร้ายเธอให้สุด!
ไม่งั้นงานแต่งนี้ คงต้องพังจริงๆ แล้วเธอจะแต่งเข้าตระกูลยวี่ยังไง?
หนานซ่งจับรถเข็นของยวี่เฟิ่งเจียวอยู่ แล้วเอ่ยอย่างนิ่งเฉย “ฉันเป็นคนทำ แล้วยังไง?”
ยวี่จิ้นเหวินรีบหันมองไปทางหนานซ่ง สีหน้าก็อึ้งมาก
เธอเป็นคนทำจริงๆเหรอ?
แต่เมื่อวานเธอยังแกล้งไม่รู้จักเขา แล้วอยากจะตัดขาดจากเขาอย่างเด็ดขาด ทำไมอยู่ดีๆถึงทำแบบนี้ล่ะ?
โจ๋เซวียนอึ้งนิ่ง ไม่คิดเลยว่าลู่หนานซ่งจะยอมรับง่ายๆแบบนี้
หนานซ่งไม่รู้สึกว่าการยอมรับหรือไม่ยอมรับเป็นเรื่องใหญ่อะไร ถึงแม้เรื่องนี้พี่เล็กจะเป็นคนทำ แต่พี่เล็กก็ทำเพื่อเธอ ก็ไม่ต่างกับเธอทำเอง ยอมรับแล้วยังไงล่ะ
โจ๋เซวียนจึงมีเหตุผล แล้วเอ่ยด่าหนานซ่ง “หน้าไม่อาย!”
หนานซ่งหลุดขำ “เธอไม่หน้าไม่อายเหรอ? ไม่อายที่มาเป็นมือที่สามอย่างเปิดเผยแบบนี้? ผู้หญิงสำส่อนที่เล่นจนเบื่อแล้วอยากหาคนซื่อบื้อมาเล่นแทนไม่ใช่ฉันสักหน่อย”
ยวี่จิ้นเหวินขมวดคิ้วแน่น
ผู้หญิงสำส่อนหมายถึงโจ๋เซวียน? คนซื่อบื้อหมายถึงเขา?
โจ๋เซวียนรีบหันมองไปทางยวี่จิ้นเหวิน เห็นสีหน้าเขาไม่เปลี่ยน ใจจึงสั่นเกร็งทันที แล้วร้องไห้ออกมา “พี่จิ้นอย่าฟังสิ่งที่มันพูดนะคะ ฉันจะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง? ยัยลู่หนานซ่งใส่ร้ายฉัน……ฉัน ฉันจะไปฟ้องแก!”
“ฟ้องสิ เธอมีสิทธิ์ยื่นฟ้อง แต่ว่า จากที่ฉันรู้มา ตอนนี้ตระกูลโจ๋มีหมายศาลท่วมหัว ติดหนี้เป็นร้อยล้านยังไม่คืน ไม่รู้ว่ายังมีเงินจ้างทนายหรือเปล่า ฉันให้เธอยืมเอาไหม?”
หนานซ่งไม่สนใจคำข่มขู่ของเธอเลย “อยากจะขึ้นศาลเมื่อไหร่ก็มาบอกฉันได้ ทีมทนายของฉันยินดีต้อนรับคุณหนูโจ๋ค่ะ”
เธอขี้เกียจต่อกรกับผู้หญิงที่เสแสร้งแกล้งทำเป็นไร้เดียงสาอีก จึงเข็นยวี่เฟิ่งเจียวลงไปจากดาดฟ้า
โจ๋เซวียนโดนหนานซ่งตอกกลับจนตัวสั่น เธอไม่เข้าใจ คนบ้านนอกที่ฐานะธรรมดา ไม่มีใครหนุนหลัง ทำไมถึงกล้ามาพูดเยาะเย้ยเธอ แล้วยังกล้าพูดว่า”ทีมทนายของฉัน”อีก!
คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวยงั้นเหรอ?
โจ๋เซวียนที่โกรธจนสมองไม่แล่นไม่เคยคิดเลยว่า “คนบ้านนอก” จะขับเฮลิคอปเตอร์เป็นได้ยังไง
“พี่จิ้นคะ ดูลู่หนานซ่งสิคะ มันทำเกินไปมาก!”
โจ๋เซวียนเดินไปหายวี่จิ้นเหวิน จะให้เขาช่วยเธอ “ฉันไม่สน ฉันจะจ้างทนายฟ้องมัน! ฟ้องมันละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทำให้ฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำลายงานแต่งของฉัน! ฉันจะให้มันติดคุกหัวโต!”
ยวี่จิ้นเหวินมองโจ๋เซวียนที่ใบหน้ามีคราบน้ำตา แต่กลับพูดแข็งข้อด้วยแววตาเย็นชา รู้สึกว่าใบหน้านี้ ไม่ใช่ใบหน้าในความทรงจำของเขาแล้ว
เขายอมรับความเอาแต่ใจ ทะนงตัวของเธอได้ แต่เขายอมให้เธอหลอกใช้ความจริงใจของเขาไม่ได้
“โจ๋เซวียน” เขาเอ่ยเสียงเข้ม “เราเลิกกันเถอะ”