ไป๋ลู่อวี๋จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้วกลับมาที่บาร์อีกครั้ง ก็พบว่าหาตัวอีกคนไม่เจอแล้ว เขาหรี่ตามองหาไปรอบ ๆ ก็พบเข้ากับหญิงสาวชุดแดงกำลังเต้นอยู่ที่กลางฟลอร์
ส่วนหนานซ่งที่ลงไปอยู่ที่กลางฟลอร์นั้นก็กลายเป็นเป้าสายตาแล้วก็จุดกึ่งกลางของฟลอร์ในคืนนี้ พวกผู้ชายล้อมอยู่รอบตัวเธอต่างก็พากันโห่ร้องเสียงดัง!
“โอ้โหเฮะ……”
ไป๋ชีไม่เห็นน้องสาวของตัวเองสนุกสุดเหวี่ยงขนาดนี้มานานหลายปีแล้ว ใต้ดนตรีจังหวะสนุกสนานกับแสงไฟเวียนหัว หนานซ่งสวมชุดสีแดง ขยับตัวเต้นไปสะบัดหัวไป หมุนตัวไปทั่วฟลอร์เต้น ร่างกายที่มีส่วนโค้งเว้าทั้งด้านหน้าด้านหลังนั่น ต่อให้จะปิดยังไงก็ปิดไม่มิด
ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง กำลังดื่มเหล้าแล้วก็มองหนานซ่งเต้นไปด้วย จากนั้นเขาก็ส่งขวดเหล้าให้อีกคนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเดินลงไปที่ฟลอร์เต้นและเริ่มเต้นกับหนานซ่ง เขาเริ่มเบียดตัวเข้าหาเธอเรื่อย ๆ จนเนื้อตัวเสียดสีกัน มือที่ตอนแรกวางอยู่บนเอวของเธอก็ค่อย ๆ เลื้อยไปจับก้นของเธอแทน
“ไอ้เชี้ย!” ไป๋ชีเห็นว่าน้องสาวของตัวเองกำลังโดนคนอื่นแต๊ะอั๋ง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางทนมองได้ เขารีบเข้าไปในฟลอร์เต้น แต่ก็ได้ยินคนโห่เสียงดัง
หนานซ่งเร็วกว่าเขาเสียอีก เธอจับข้อมือของผู้ชายคนนั้นแล้วก็จับเขาทุ่มผ่านไหล่ตัวเองลงไปนอนอยู่ทางด้านหลัง จากนั้นก็ตบหน้าเขาไปแรง ๆ หนึ่งครั้ง “พี่เสือ~ ก้นของคนอื่นยังกล้ามาจับ ใจกล้ามากนะ!”
นอกจากเสียงดนตรี บรรยากาศรอบ ๆ นั้นเงียบลงโดยพลัน ผู้คนต่างจ้องมองสาวสวยเซ็กซี่ก่อนหน้า ที่ตอนนี้ดุเสียจนไม่น่าเข้าใกล้
ที่แท้นักเต้นอันดับหนึ่งยังเป็นนักวูซูอันดับหนึ่งด้วย!
หนานซ่งเมามาก ๆ แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังจะทุ่มผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง แต่เธอโดนไป๋ชีจับไว้ได้พอดี เขาพาเธอออกมาจากฟลอร์เต้นแล้วให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้สตูลบาร์ เขาใช้นิ้วชี้จิ้มลงไปบนหน้าผากของเธอ “นี่เธอมาเพื่อที่จะมาทำลายร้านใช่ไหมเนี่ย?”
“พี่ชาย” ดวงตาของหนานซ่งหยาดเยิ้ม “เมื่อกี้ฉันมีเสน่ห์ใช่ไหม?”
ไป๋ชีเซ็ง “มีเสน่ห์! มีเสน่ห์มาก! เธอไม่เห็นสายตาของผู้ชายพวกนั้นหรือไง เหมือนกับหมาป่าเจอชิ้นเนื้อไม่มีผิด พวกมันแทบอยากจะกลืนเธอลงท้องกันแล้ว!”
“แล้วทำไมยวี่จิ้นเหวินถึงไม่ชอบฉันล่ะ?”
หนานซ่งพอดื่มเหล้าเข้าไปแล้วก็ไม่ได้ปิดบังอะไรทั้งนั้น ใบหน้าที่ดูสดใสมาตลอดในตอนนี้ดูหมองหม่นเศร้าสร้อย
“พี่รู้หรือเปล่า ที่จริงแล้วฉันไม่ได้มีความฝันที่ยิ่งใหญ่อะไรมากมาย สิ่งที่ฉันวาดหวังมากที่สุดในชีวิตก็คือเจอคนที่รักฉันจริง ๆ ฉันอยู่บ้านเป็นคุณแม่ดูแลลูก ๆ กับสามี น่าเสียดาย เขาไม่ได้ชอบฉัน แต่งงานกับเขามาสามปี เป็นภรรยาที่ดีของเขามาสามปี แต่เขาไม่เคยแตะต้องฉันเลยสักครั้ง ไม่เคยมองฉันเต็ม ๆ ตาเลยสักครั้ง พี่ว่าฉันไม่ดีที่ตรงไหนเหรอ?”
ไป๋ชีเห็นท่าทางแบบนี้ของน้องสาวก็ปวดใจเป็นอย่างมาก เลยยื่นมือออกไปลูบหัวเธอ “พูดอะไรออกมาน่ะ น้องห้าของฉันเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก เขาไม่รักษาเธอเอาไว้ เป็นเขาต่างหากที่ไม่มีดวง”
“ใช่ เขามันไม่มีดวง”
หนานซ่งเบะปาก “เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อเป็นแบบที่เขาชอบ ฉันจะเป็นตัวของตัวเอง ผู้หญิงที่กล้าหาญคนนั้น คนที่สามารถอยู่คนเดียวได้ เป็นหนานซ่งที่ตัวเองภูมิใจ”
ในอพาร์ทเม้น โจ๋เซวียนเอาคอตตอนบัดมาทำแผลที่มือของยวี่จิ้นเหวิน เธอมองเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง “เจ็บหรือเปล่าคะ?”
ยวี่จิ้นเหวินส่ายหน้า ยกมือขึ้นมาลูบแก้มข้างที่บวมของเธอ เขาถามเธอด้วยคำถามเดียวกัน “เจ็บหรือเปล่า?”
โจ๋เซวียนยกยิ้มอ่อนหวานออกมา “ตอนแรกก็เจ็บค่ะ แต่พอพี่จิ้นลูบก็ไม่เจ็บแล้ว”
ยวี่จิ้นเหวินถอนหายใจออกมา “ทำเธอเสียใจจนได้”
“ความเสียใจจากแม่สามีในอนาคต ต่อให้ต้องเสียใจอีกก็ต้องรับให้ได้ไม่ใช่เหรอคะ?”
โจ๋เซวียนซบลงบนอกของยวี่จิ้นเหวิน พูดโน้มน้าวเขาด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจ “พี่จิ้น พี่อย่าทะเลาะกับแม่เพราะเซวียนเลยนะ ถ้าเป็นแบบนั้นความผิดของเซวียนจะยิ่งมากขึ้นไปอีก ก็แค่เพราะเรื่องของป้า เซวียนก็เลยกลายเป็นศัตรู แต่ว่าป้าของเซวียนก็คือป้าของเซวียน ตัวเซวียนเองก็คือตัวเซวียนเอง เซวียนเชื่อว่า ถ้าเราเข้าหาท่านอย่างจริงใจ ท่านจะต้องใจอ่อนและยอมรับเราในสักวันแน่ ๆ ขอแค่พวกเรารักกันจริงก็พอ……”
อีกสองวันก็เป็นวันแต่งของพวกเธอแล้ว ยังไงก็จะให้เกิดเรื่องผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด!
ส่วนยวี่เฟิ่งเจียว ต่อให้เธอจะตาย ก็ปล่อยให้เธอตายไปเถอะ
ยวี่จิ้นเหวินตอบรับเบา ๆ แม่มีปณิธานที่แน่วแน่ขนาดนั้น สัญชาตญาณบอกเขาว่า งานแต่งที่กำลังจะมาถึงนี้คงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดแน่
เขาดันตัวโจ๋เซวียนออกเบา ๆ “ร่างกายของเธอ ไหวหรือเปล่า?”
โจ๋เซวียนชะงัก จากนั้นก็ไอออกมาเหมือนคนที่ร่างกายอ่อนแรง แล้วก็ยกยิ้มต่อ: “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้วิทยาการทางการแพทย์พัฒนาไปตั้งไกลแล้ว ไม่แน่นะว่า หลังจากที่ฉันแต่งงานกับพี่แล้ว มะเร็งกระเพาะอาหารของฉันไม่ต้องไปหาหมอก็อาจจะหายไปเองเลยก็ได้”
“พูดไปเรื่อยอีกแล้วนะเรา อาการป่วยแบบไหนกันที่ไม่ต้องรักษา”
ยวี่จิ้นเหวินพูดขึ้น: “พี่ไปเชิญหมอที่ดีที่สุดไว้แล้ว อีกไม่กี่วันก็คงจะมาถึงที่เมืองเป่ยแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยให้เขาดูอาการให้เธอ”
โจ๋เซวียนดวงตาเบิกกว้าง แล้วก็พูดออกมาอย่างอ้อน ๆ : “โถ่ ไม่เห็นต้องรีบเลยนี่คะ พี่ก็รู้ว่าเซวียนกลัวที่จะต้องไปโรงพยาบาล แค่ได้ยินคำว่าหมอก็ตัวสั่นไปหมดแล้ว พวกเราเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะค่ะ พวกเราจะไปจดทะเบียนกันตอนไหนเหรอคะ”
ยวี่จิ้นเหวินชะงักไป “ยังมีเอกสารที่ฉันกับลู่หนานซ่งยังจัดการไม่เสร็จน่ะ รอพวกเราแต่งงานกันแล้วค่อยไปจดทะเบียนก็ยังไม่สาย”
“อ๋อ อย่างนั้นก็ดีค่ะ”
โจ๋เซวียนไม่อยากแสดงออกว่ารีบร้อนกับเรื่องนี้มากนัก จากนั้นเธอก็แปลงร่างเป็นสาวน้อยขี้อ้อนโอบแขนไปรอบลำคอของยวี่เหวิน แถมยังพ่นลมหายใจรดแก้มของเขาด้วย “พี่จิ้นคืนนี้ พี่จะค้างที่นี่ไหมคะ?”
“คืนนี้คงไม่ได้ ยังมีงานที่จำเป็นต้องกลับไปสะสาง”
ยวี่จิ้นเหวินค่อย ๆ แกะแขนเธอออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงกลาง ๆ ไม่ได้ดังหรือเบาจนเกินไป: “ข้อความที่ถูกโพสต์บนบัญชีหลักบริษัทเมื่อเช้า เธอใช้ให้คนในบริษัทโพสต์เหรอ?”
“ใช่ค่ะ ก็พี่รับปากเซวียนแล้วนี่ ว่าจะประกาศเรื่องงานแต่งของเราให้ทุกคนบนโลกรู้”
ยวี่จิ้นเหวินมีสายตาเย็นชา “โจ๋เซวียน ฉันไม่เคยรับปากเธอเลย”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา แถมยังเรียกทั้งชื่อทั้งแซ่ของเธอออกมาอีก โจ๋เซวียนถึงกับใจกระตุก มองสีหน้าของชายหนุ่ม ก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่ปล่อยออกมาจากตัวเขา เธอเองก็ไม่กล้าอ้อนเขาต่อ รีบผละออกจากตัวเขา แล้วมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแทน
“พี่ พี่จิ้นไม่ได้ปฏิเสธ เซวียนก็เลยนึกว่าพี่เห็นด้วย……ขอโทษนะคะพี่จิ้น เซวียนสร้างปัญหาให้พี่ใช่ไหมคะ?”
มองสีหน้าเศร้าสร้อยของหญิงสาว แววตามืดดำของยวี่จิ้นเหวินก็ค่อย ๆ หายไป เขาพูดออกมาอย่างอ่อนโยน: “ปัญหาแค่เล็กน้อย ยังจัดการได้อยู่ แต่ว่า ต่อไปอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องงานของฉันอีก เข้าใจหรือเปล่า?”
“อือ เซวียนสัญญา ไม่มีครั้งต่อไปแล้วค่ะ!”
โจ๋เซวียนยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วเพื่อสาบาน ท่าทางเหมือนสาวน้อยน่ารัก
แววตาของยวี่จิ้นเหวินสั่นระริก อยู่ ๆ ก็นึกถึงตอนนั้นที่ลู่หนานซ่งแต่งงานกับเขา ตอนนั้นเธอพยายามจะเช็ดตัวให้เขา แต่หลังจากที่โดนเขาด่าไปยกใหญ่ เธอก็ยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วเพื่อสาบานแบบนี้ สัญญากับเขาว่าจะเป็นเด็กดี
ให้ตายเถอะ! ตกลงแล้วเขาเป็นอะไรกันแน่ ทำไมอยู่ ๆ ก็ชอบนึกถึงผู้หญิงคนนั้นโดยไม่มีเหตุผล!