ในยุคปัจจุบัน มนุษย์ซึ่งมีเชื้อสายภูตผีพบเห็นได้ทั่วไป
และสำหรับอาคมจิตตวิทยานั้น ไม่ว่าจะเป็นสาขาไหน ก็ล้วนแต่เป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เชื้อสายภูตผีเข้ามาร่ำเรียน
ถึงจะบอกว่าเชื้อสายภูตผี แต่ที่จริงคำนั้นก็ยังแคบเกินไป สิ่งมีชีวิตบางประเภทก็ไม่สามารถใช้คำนั้นเรียกแทนตัวได้
แบบนี้ดีกว่า จิตตฯคือโรงเรียนสำหรับสิ่งมีชีวิตลี้ลับทุกประเภท
ภูต ผี ปีศาจ วิญญาณ เทพ หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถระบุตัวตนก็ล้วนแต่ศึกษาในจิตตฯ ผมเคยได้ยินถึงตัวตนที่คล้ายกับมนุษย์ต่างดาวอยู่ที่สาขาอื่นด้วย
ที่จะบอกก็คือ แม้เอ็ม…เจ้าคนดูดีหน้าตาเป็นมิตร ผมขาวตาทอง พร้อมด้วยวงแหวนกลางศีรษะคนนี้นั้น ตามหลักการแล้วไม่สามารถนับว่าเป็นภูตผี
เอ็มเป็นตัวตนที่อยู่ในระดับเกี่ยวกับผม ตัวตนที่ปกครองโลกหลังความตาย ตัวตนที่เป็นราวกับเครื่องบูชาของผู้คน…
‘เทวทูตจากสรวงสวรรค์’
“สาขานี้กับสาขาของผมไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่เลยนะ”
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างจริงใจไม่เสแสร้งพูดขึ้น
“ที่นั่นไม่สอนหรือไงว่าอย่าคุยในเวลาเรียน”
ผมบอกไปแบบนั้นแต่สายตายังมองกระดาน
“ฮะฮะ ก็แค่หลักสูตรของที่นี่มันช้ากว่าของผมนิดหน่อย ที่สอนอยู่นั่นผมก็รู้หมดแล้วด้วย คริสโตเฟอร์ตั้งใจเรียนไปเถอะ”
“มาภพนี้ยังใช้ชื่อเอ็มอยู่อีกเรอะ?”
เอ็มเลิกคิ้ว
“ก็คริสโตเฟอร์เป็นคนตั้งให้ผมเองไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันไม่รู้นามแท้ของแก อีกอย่างฉันไม่ได้ตั้งให้ แกบอกว่าชื่อเอ็มตั้งแต่เด็กแล้วไม่ใช่หรือไง?”
ตัวตนแบบพวกผมจะมี ‘นามแท้’ อยู่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วตัวตนเช่นนี้จะไม่ใช้นามนั้นเมื่อลงมายังภพของมนุษย์ ผมได้รู้จักเอ็มเมื่อตอนสมัยเด็กและก็รู้จักผ่านทางชื่อนี้
เพราะงั้นผมจึงไม่รู้นามแท้ของเอ็ม
และในเมื่อไม่ได้ใช้นามแท้ การใช้อาคมบางอย่างจึงต้องขึ้นนำด้วยคำว่า ‘ด้วยนามแห่งข้า’ ไม่อย่างนั้นอาคมจะไม่สัมฤทธิ์
กล่าวคือ ถ้าผมใช้นามแท้ตอนอยู่ที่นี่ การใช้อาคมจะคล่องกว่านี้เยอะ
แต่ฝั่งเอ็มก็เหมือนกัน
เอ็มหัวเราะ
“คริสโตเฟอร์นั่นแหละตั้งให้ จำไม่ได้สินะ?”
“ไม่ได้ ไม่จำด้วย”
“ว่าก็ว่าเถอะ ทำไมนายถึงใช้ชื่อเหมือนนักบุญล่ะ? นักบุญคริสโตเฟอร์…เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ล่ะนะ …อย่าบอกนะว่าเป็นการลบหลู่ตัวตนแบบพวกผม?”
“คงงั้น”
ผมจะใช้ชื่อไหนก็เรื่องของผม เทวทูตอย่างแกไม่ต้องยุ่งหรอก
เอ็มเขยิบเก้าอี้มาทางซ้ายขึ้นอีกนิด
“…ผมเข้าใจแหละว่าซาตานกับเทวทูตไม่ถูกกัน แต่กับผมแล้วที่ตอนเด็กๆสนิทกัน ตอนนี้ก็มาสนิทกันเหมือนตอนนั้นเถอะ”
“แค่บังเอิญรู้จัก ไม่ได้สนิท และฉันก็ไม่เคยตั้งชื่อเล่นให้แกด้วย”
“ติดใจน่าดูเลยนะนั่น? แล้วก็จำไม่ได้ๆจริงสินะ…”
เรื่องสมัยก่อนใครจะเก็บมาจำกัน แล้วความทรงจำสมัยเด็กมันเชื่อถือได้ที่ไหน ผมแค่เคยรู้จักเอ็ม ไม่เคยสนิทสนม
เอ็มพ่นลมหายใจ
“ทำไมคริสโตเฟอร์ถึงขึ้นมาที่นี่ล่ะ?”
“คำถามเดียวกัน อย่างแกจะลงมาทำไม? ไปนอนแทะองุ่นอยู่ข้างบนก็ได้”
“ทำไมถึงคิดว่าบ้านผมชอบกินองุ่นกันล่ะเนี่ย? ไปเอาภาพวาดที่เคยเห็นตามพิพิธภัณฑ์มาเป็นความเห็นแบบนั้น มันดูเบาปัญญามากเลยนะ”
“เออ…ช่างเถอะ …ที่สำคัญกว่าคือทำไมแกถึงได้เป็นคนตรวจสอบโรงเรียน”
เอ็มมาในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน พ่วงด้วยการเป็นคนประเมินความเรียบร้อยของจิตตฯสาขาหนึ่ง นี่ยังไม่รวมด้วยว่าทำไมเทพที่ไม่ได้มีพื้นเพจากประเทศไทยถึงได้มาอยู่ที่จิตตฯอีกนะ
เอ็มเท้าคางพูด
“ผมเป็นนักเรียนดีเด่นนี่นะ”
“ตอบไม่ตรงคำถาม”
“โทษทีๆ …คืองี้นะคริสโตเฟอร์ สาขาหนึ่งได้ชื่อว่าผลการเรียนของทุกชั้นปีต่ำกว่ามาตรฐาน ส่วนเรื่องยิบย่อยอื่นๆก็ต่ำกว่าสาขาอื่นทุกด้านเลยด้วย ฝั่งผู้บริหารจึงคาดว่าปัญหาอาจจะอยู่ที่วิธีการสอนหรือไม่ก็บรรยากาศของโรงเรียน ซึ่งทั้งสองอย่างที่ว่ามาก็ล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวกับพัฒนาการของนักเรียนทั้งนั้น”
พอพูดทีก็เล่นพูดซะยาวเหยียด
ผมได้แต่รับฟัง
“พวกเขาเลยตัดสินใจจะส่งนักเรียนอย่างพวกผมมาแลกเปลี่ยนสักพัก และด้วยความที่ผมได้รับความไว้ใจจากคนที่นั่นมากๆ หน้าที่การประเมินจึงตกเป็นของผม”
“แสดงว่าครูสมศักดิ์จะโดนไล่ออกหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่แกสินะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย ขึ้นอยู่กับโรงเรียนนี้ต่างหาก ผมประเมินให้ตามความเป็นจริง ไม่มีอคติ”
“ก็ดี แล้วที่ต้องเจาะจงมาห้องที่มีสภานักเรียนล่ะ? ไม่เห็นเกี่ยวกับการประเมินตรงไหน”
“หลักๆก็ให้เรียนห้องเดียวกับพี่เลี้ยงจะดีกว่า จะได้ง่ายต่อการทำอะไรหลายๆอย่าง …อีกเรื่องก็ ผมอยากอยู่กับคริสโตเฟอร์น่ะ”
พร้อมยิ้มร่าจนรอบข้างสว่างไสว
น่าหงุดหงิดจริ๊ง
“จริงด้วยๆ ถึงจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ถ้าส่งคนประเมินเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผม เกิดคริสโตเฟอร์ใช้คำสาปขึ้นมา การประเมินก็ไม่เป็นธรรมด้วย”
“…”
“แค่เผื่อไว้เท่านั้นแหละ อย่างคริสโตเฟอร์คงไม่ทำอะไรขี้โกงแบบนั้นหรอก ถึงจะเป็นซาตานก็เถอะ”
จี้ได้ถูกจุดจริงๆ
เอ็มเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรก็หัวเราะเบาๆ
…คาบเรียนผ่านพ้นไปตามปกติ หลังจากนั้นเอ็มก็ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ นอกจากชวนผมคุยเหมือนอยากให้ผมเสียสมาธิ
และตอนนี้ก็ถึงพักเที่ยง
ภาพที่เดาไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นก็เกิดจนได้
“เอ็ม! มาจากสาขาสองงั้นเหรอ!?”
“นี่ๆ! เอ็มมาแค่คนเดียวหรือมีเพื่อนคนอื่นมาด้วย!?”
โดนเพื่อนร่วมห้องประเคนคำถามใส่ไม่ยั้ง เอ็มก็ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามเดิม
แต่ผมไม่มีเวลาว่างพอให้เสวนาไร้สาระหรอกนะ ถึงเวลาพักจะหลายชั่วโมงก็เถอะ
ผมจับต้นแขนเอ็มให้ลุกขึ้น
“ไปโรงอาหารกันได้แล้ว ฉันนัดคนอื่นไว้”
“โธ่ อย่าจับเนื้อต้องตัวกันในที่สาธารณะสิ คริสโตเฟอร์”
“เออ”
ผมตอบไปอย่างนั้น เพราะสุดท้ายก็ลากเอ็มไปโรงอาหารอยู่ดี ก่อนจะออกห้องก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมชั้นก่นด่าตามหลังด้วยความไม่สบอารมณ์
โรงอาหาร
เมื่อมีนักเรียนแลกเปลี่ยน ความสนใจของนักเรียนจะพุ่งตรงไปยังนักเรียนเหล่านั้น กล่าวคือ ต่อให้ผมไม่ต้องนัดเจอสภาชิกสภา แต่ก็น่าจะหาที่โรงอาหารได้ไม่ยาก
“ผมอยากกินข้าวมันไก่”
“ไปซื้อซะสิ”
“เลี้ยงข้าวนักเรียนแลกเปลี่ยนอย่างผมสักหน่อยน่าจะดีนะ? แสดงถึงความมีน้ำใจไง?”
“เป็นเทวทูตหรือขอทาน?”
“แล้วนั่นปากซาตานหรือปากสุนัข? อีกอย่าง…ร้านก็มีเยอะขนาดนี้ ลำพังผมที่พึ่งมาใหม่จะหาร้านเจอได้ไง?”
มองแล้วก็ยังไม่เห็นใครเลยสักคน ผมจึงจำใจจะไปซื้อให้
แต่ทันทีที่แสดงท่าทางแบบนั้น เอ็มก็ส่ายศีรษะ
“ผมล้อเล่น ไว้ผมจะกินพร้อมเพื่อนๆทีเดียว”
หมอนี่มันกวนประสาทผมอยู่หรือไงกันนะ
เกือบจะได้ซัดกันอีกหนึ่งยก ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเอะอะจากด้านข้าง ผมกับเอ็มหันไปมอง
“อ๋อ…นั่นรุ่นน้องผมแหละ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องลำดับอายุเท่าไหร่ จะเรียกว่าเธอคือเพื่อนก็ได้ และผมคิดว่าเธอคงจะเข้ากับคริสโตเฟอร์ได้ไม่ยากนะ?”
มองเห็นสไปรท์กับเรย์ พร้อมด้วยเด็กสาวไม่คุ้นหน้าที่สวมชุดนักเรียนไทยกระโปรงสั้นแบบสุดๆ
“เอ็ม~~~!”
เธอโบกมือยกใหญ่ พากันเดินเข้ามา
เรย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ถาม
“ประธาน…ช่วยอธิบายด้วยครับ …แล้วนี่ใครอีกล่ะครับเนี่ย…”
สายตาเรย์มองไปยังเอ็ม
“ดีจ้า! พี่คริสโตเฟอร์!”
ส่วนสไปรท์ยังทำตัวปกติดี
ผมป้ายนิ้ว
“เจ้านี่ชื่อเอ็ม เป็นคนประเมินความเรียบร้อยของโรงเรียนเรา”
“เอ่อ…สวัสดีครับ พี่เอ็ม”
เอ็มกดหน้าอกพูด
“สวัสดีครับ เรย์สินะ? แหม ไม่ยักรู้ว่าคริสโตเฟอร์จะมีรุ่นน้องน่ารักแบบนี้ด้วย”
เอ็มหรี่ตาพร้อมฉีกยิ้มเล็กๆ
“ส่วนทางด้านนี้ …สไปรท์ใช่มั้ย?”
“รู้ชื่อเค้าด้วย! อ่านใจได้งั้นเหยอ!?”
“ฮะฮะ อ่านจงอ่านใจอะไรกัน ผมแค่รู้ข้อมูลคร่าวๆของสมาชิกสภานักเรียนทุกคนเท่านั้นเองครับ”
ไปเอาข้อมูลมาจากไหนกันฮึ?
แล้วถ้าแกจะทำซะอย่าง แค่อ่านใจมนุษย์ก็ทำได้อยู่แล้ว
“ยังไม่ได้แนะนำให้คริสโตเฟอร์รู้จักเลย รุ่นน้องผมคนนี้ชื่อเชอรี่”
เด็กสาวที่ชื่อเชอรี่ได้ยินดังนั้นก็ยืดตัวตรงตะเบ๊ะ
“เชอรี่เองค่า!”
“เป็นซัคคิวบัสน่ะครับ”
นี่คือเหตุผลที่บอกว่าน่าจะสนิทกับผมได้สินะ
เชอรี่ก้มตัวพร้อมเงยหน้ามองผม
“ยินดีที่ได้รู้จัก! ญาติห่างๆ!”
“โทษที ฉันไม่นับซัคคิวบัสชั้นต่ำแบบแกเป็นญาติ”
“ปากร้ายจัง!”
“แล้วพรุ่งนี้ไปหากระโปรงที่ยาวกว่านี้มาด้วย”
พูดถึงตรงนี้เอ็มก็แทรกขึ้นมา
“กฎโรงเรียนไม่ได้บังคับการแต่งตัวไม่ใช่เหรอ? เชอรี่จะแต่งตัวยังไงก็ไม่ผิดสักหน่อย เหมือนที่ผมกับคริสโตเฟอร์ใส่เบลเซอร์แทนเครื่องแบบไง?”
“กฎไม่เกี่ยว มันอยู่ที่กาลเทศะ”
“ไม่ผิดกฎก็คือไม่ผิดนี่?”
“ฉันเป็นประธาน ส่วนแกแค่นักเรียนแลกเปลี่ยน เพราะงั้นฟังที่ฉันพูดซะ”
“ฮะฮะ เผด็จการสุดๆ”
ยิ่งคุยยิ่งโมโห
“เฮ้อ ช่างเถอะ ไว้ผมจัดการให้แล้วกัน ตอนนี้ผมขอตัวไปกินข้าวก่อน …หืม? หรือถ้าคริสโตเฟอร์กับน้องๆสภาอยากร่วมโต๊ะด้วย ผมก็ไม่รังเกียจหรอกนะ”
“ไปไหนก็ไป”
“ครับๆ งั้นก็ไปกันเถอะ เชอรี่ ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวน่ะ”
“ค่าๆ!”
ไหนตอนแรกบอกอยากกินข้าวมันไก่ไม่ใช่เรอะ
พวกผมมองส่งเอ็มกับเชอรี่ที่พากันเดินออกไปจนหายไปกับฝูงชนโรงอาหาร
เมื่อแน่ใจแล้วว่าคงไปแล้วไปลับ เรย์ก็พูดขึ้น
“จู่ๆก็มีนักเรียนแลกเปลี่ยนเข้ามา เพื่อนๆก็พาตื่นเต้นกันอยู่หรอก…แต่ผมกังวลมากกว่า น่าจะเกี่ยวกับสภานักเรียนใช่มั้ยครับ?”
“เดี๋ยวฉันอธิบายให้ฟังหลังกินข้าวเสร็จแล้วกัน ที่จริงต้องตามพี่น้ำกับพี่ต้นด้วย ไม่รู้ว่าหวยไปลงที่ห้องใครนี่นะ”
ขอให้ไม่ใช่พี่น้ำเถอะ
เรย์เลิกคิ้ว
“เชอรี่มอสี่ พี่เอ็มมอห้า …ประธานจะบอกว่ามีนักเรียนแลกเปลี่ยนของมอหกด้วยเหรอครับ?”
“ตามนั้นเลย”
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมไปซื้อข้าวก่อนค่อยคุยแล้วกัน ประธานเอาอะไรครับ?”
“เอาเหมือนนายแล้วกัน”
“เค้าด้วยๆ!”
“เธอน่ะต้องไปช่วยฉันถือ! งั้นรอแป๊บนะครับประธาน”
ว่าแล้วสไปรท์กับเรย์ก็ไปซื้อข้าวกลางวัน ไว้ค่อยจ่ายเงินคืนให้ทีหลัง แต่ว่าก็ว่าเถอะ ผมพึ่งจะเคยกินข้าวเที่ยงกับสองคนนี้ก็ครั้งแรกนี่แหละ
…หลังจากอิ่มกันเป็นที่เรียบร้อย ผมที่กินเร็วกว่าชาวบ้านชาวช่องก็อาศัยจังหวะนั้นอธิบายเรื่องที่ครูใหญ่บอกให้ฟังตอนเช้าให้ต่ออีกที
และยังสังเกตได้ว่ามีจำนวนสมาชิกเพิ่มมาอีกสองคน ไม่สิ…สามมากกว่า
“นักเรียนแลกเปลี่ยนสินะคะ? น่าตื่นเต้นจังเลยค่ะ”
พลอยผสานมือยิ้ม
“จิ๊บ!”
“…เจี๊ยบบอกว่าอยากเจอ”
ดิวก็แปลภาษาเจี๊ยบมาแบบนั้น
ผมปัดมือ
“พวกเธอโชคดีแล้วต่างหากล่ะ ไม่ต้องไปเจอกับตัวแบบนั้นหรอก เสียอารมณ์เปล่าๆ”
“หมายถึงที่คนนึงเป็นเทวทูตซึ่งโดยหลักการแล้วไม่ถูกกับซาตาน แล้วก็อีกคนเป็นซัคคิวบัสที่นับว่าเชื้อสายเดียวกับประธานสินะคะ?”
“ข้อแรกน่ะถูก แต่ข้อสองไม่ใช่ ฉันไม่มีเชื้อสายเดียวกับเจ้าตัวชั้นต่ำแบบนั้น”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ซัคคิวบัสที่อาศัยความใคร่ของผู้คนเป็นแหล่งพลังงานเนี่ยนะ? นึกแล้วอยากจะอ้วก เรย์ นายอยู่ห้องเดียวกับยัยนั่นก็ระวังตัวดีๆแล้วกัน นายยังเป็นวัยรุ่น เดี๋ยวจะโดนล่อลวงเอาง่ายๆ”
“พอเข้าใจครับ แต่แอบคิดเล็กๆว่าประธานอคติกับพวกเขาเกินไปรึเปล่าเนี่ยสิ พี่เอ็มผมไม่รู้ แต่กับเชอรี่เธอก็นิสัยดีนะครับ?”
“ช่ายๆ! เชอรี่เอาลูกอมให้หนูกินด้วยแหละ!”
เรย์พูดสมเหตุสมผล ส่วนสไปรท์นี่เหมือนจะโดนล่อลวงด้วยวิธีที่ใช้กับเด็กประถมไปเรียบร้อย
พลอยกุมคาง
“…ประเมินโรงเรียนสินะคะ แต่สาขาเราก็ไม่มีตรงไหนไม่ดีนี่คะ?”
“การประเมินก็มีทุกปีนั่นแหละ ปีก่อนก็มี ส่วนที่ปีนี้เคร่งกว่าทุกทีน่ะ บอกตามตรงฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม”
“งั้นที่พวกเราต้องทำตอนนี้ คือผักชีโรยหน้าไปสักเดือนนึงให้พวกเขาเห็นใช่มั้ยคะ? จะได้ผ่านการประเมิน”
“ถ้าดีอยู่แล้วจะผักชีโรยหน้าทำไมกันเล่า”
“แค่เผื่อไว้ก่อนน่ะค่ะ”
ฟังไปฟังมาก็ดีเหมือนกัน ถึงไม่รู้ว่าโรงเรียนจะมีส่วนไหนให้ตำหนิ แต่ถ้าแค่จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยผ่านดุจพินิจของผมแล้ว เจ้าเทวทูตนั่นก็น่าจะไม่มีปัญหา
มาถึงตรงนี้ผมก็มีเรื่องนึงที่กังวล และน่าจะต้องรีบแก้ไขก่อนเอ็มจะรู้ตัว
“อย่างแรกคงต้องไปยุบชมรมบ้าๆบอๆพวกนั้นก่อนสินะ…”
“ประธานคะ…คิดว่าชมรมบ้าๆบอๆในสายตาประธานมีกี่ร้อยชมรมกันคะ?”
“นั่นสินะ จู่ๆชมรมหายเกลี้ยงตึกขึ้นมาก็ผิดสังเกต คงต้องปล่อยไว้และอย่าให้พวกบ้านั่นทำอะไรแปลกๆช่วงนี้”
ขณะหารือที่ไม่คืบหน้าเท่าไหร่นัก เรย์ที่รอมาสักพักก็ยกมือขึ้น
“เอ่อ คือว่า เรื่องพี่เลี้ยงน่ะครับ”
“หะ อืม?”
“ถึงห้องผมจะมีสไปรท์ด้วยก็เถอะ แต่ผมคงต้องพี่เลี้ยงสินะครับ?”
“ไหงงั้นอะ? ทำไมไม่ใช่เค้าอะ?”
ถึงสไปรท์จะถามมาแบบนั้น ผมกับเรย์ก็รู้คำตอบของคำถามนั้นดี
ผมจึงยื่นคำขาด หูทวนลมคำพูดของสไปรท์
“ฝากนายด้วยล่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
“อื๋อ? อื๋อ? รู้สึกเหมือนกลายเป็นอากาศไงมิรุ”
สไปรท์หันคอขวับๆ แต่ไม่มีสภาชิกสภาคนไหนสบตาด้วยเลยสักคน
ผมเงยหน้ามองรอบๆ
“เอ็มกับเชอรี่โอเคแล้ว ที่เหลือก็มอหก พี่เลี้ยงจะเป็นใครก็ต้องวัดว่านักเรียนแลกเปลี่ยนของชั้นมอหกไปลงที่ห้องไหนล่ะนะ”
“เอ…ยังไม่เห็นพี่ต้นกับพี่น้ำเลยนะคะ ประธานเรียกพวกพี่เขาแล้วเหรอคะ?”
“เรียกแล้ว แต่ว่า…”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ที่มีเสียงจิ๊บเล็กๆเหมือนกำลังทักทายดังขึ้น
เมื่อหันมองก็พบกับรุ่นพี่ผีกระหังที่คุ้นตา
“หวัดดีเจี๊ยบ …ว่าแต่ทำไมถึงอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ล่ะ? พี่ทำอะไรผิดรึเปล่า?”
พี่ต้นลำบากใจ เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่สภานักเรียนจะมากินข้าวรวมโต๊ะกันเหมือนครั้งนี้
พอเห็นหน้าพี่ต้นก็โล่งใจ แต่ความลำบากใจก็ตามมาทันที เพราะไม่เห็นพี่เขาเดินมากับใครสักคน ถ้านักเรียนแลกเปลี่ยนไปห้องพี่ต้นล่ะก็ อย่างน้อยก็น่าจะพามาหาผมเหมือนที่เรย์ทำ การที่เป็นเช่นนี้…
ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“นักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ไหนครับ?”
พี่ต้นลูบต้นคอตอบ
“นักเรียนแลกเปลี่ยน? จริงสิ…เห็นวันนี้ที่ห้องก็พูดๆกันอยู่ พี่ยังไม่เห็นเลย รู้สึกว่าจะอยู่ห้องของยัยน้ำน่ะ …แล้วทำไมน้องประธานถึงพูดเหมือนพี่จะพามาเลยล่ะ?”
เอาล่ะ…คราวนี้ได้ชิ*หายกันหมดจริงๆแน่
เคสที่ 38 ผู้มาเยือน (เทวทูต) /มีต่อ