“…ผีแม่นากเรอะ”
เด็กสาวที่พึ่งต่อยผมเมื่อครู่คือภูตผีที่เรียกกันว่า แม่นาก…นางนาก หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่แน่ๆคือไม่ใช่คนที่จะเป็นราชาโจรสลัดอย่างแน่นอน
ขณะที่ผมให้พลอยช่วยพยุง เด็กสาวก็เท้าสะเอวพลางหัวเราะด้วยท่าทางเหมือนชนะแล้ว
“ฮะฮ่า! เป็นไง! กลัวหัวหดจนต้องกลับไปเลยใช่มั้ยล่ะ!?”
“หมัดเบาอย่างกับสำลี ยังมีหน้ามาภูมิใจอีกนะ”
“พูดงี้อยากโดนอีกรอบหรือไงค้า?”
“อยากจะต่อยอีกสักกี่รอบก็เรื่องของเธอ ตอนนี้เธอโดนข้อหาทำร้ายร่างกายไปแล้ว โดนพักการเรียนแน่”
ความสามารถของภูตผีแต่ละคนมีความแตกต่างไปตามเชื้อสาย ดังนั้นกฎห้ามทำร้ายร่างกายจึงจริงจังกว่าโรงเรียนทั่วๆไป
ถ้าไม่เข้มงวดขนาดนี้ล่ะก็ นักเรียนก็จะไม่เกรงกลัวต่อการใช้กำลัง อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
ในเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ก็ขอให้รับรู้ได้เลยว่ายัยผีแม่นากคนนี้โดนพักการเรียนแน่ และถ้าผมไปปั้นน้ำเป็นตัวอีกนิดหน่อย เผลอๆอาจโดนไล่ออกได้เลย
แต่ผมไม่ได้มีเจตนาจะแกล้งใคร ดังนั้นเอาไปแค่พักการเรียนก็พอ
เด็กสาวแม่นากที่ยังไม่รู้จักชื่อแซ่ก็ทำตาโต
พร้อมหันไปหาสมาชิกชมรมที่นั่งดูอยู่ด้านหลัง
“เขาบอกจะพักการเรียนฉันแหละ…”
ผมเห็นดังนั้นก็กอดอก
“พึ่งจะเข้าใจเรอะ? โทษทีนะ ต่อให้ขอโทษตอนนี้ก็ไม่ทัน…”
“นี่พวกเรา! พักการเรียนเลยนะ! รีบๆมาต่อยไอ้ประธานนักเรียนบ้านี่กันเร็วๆเลยค่าา!!”
“…ว่าไงนะ…?”
““โอ้ว!!!””
เหล่าสมาชิกลุกขึ้นและวิ่งกรูมาทางผม ส่วนยัยผีแม่นากก็กวักมือไปด้านหน้าเหมือนหัวหน้าทหารกำลังสั่งให้ลูกน้องเข้าตีข้าศึก
“ไปๆๆ!! รางวัลสำหรับคนที่ทำให้ไอ้บ้านี่บาดเจ็บได้คือพักการเรียน!!”
ผมก้าวถอยหลังช้าๆ
พลอยรีบเปิดประตูชมรม
“เหม่ออะไรอยู่คะเนี่ย? อยากโดนรุมกระทืบหรือไงคะ!”
และก็ลากผมออกมาจากห้องชมรมโดยทันที
เมื่อผมออกมา เสียงโวยวายที่ราวกับการแผดเสียงอย่างบ้าคลั่งก็เงียบลงในชั่วพริบตา ไม่มีท่าทีว่าใครจะเปิดตามออกมาเลยสักคน
ทุกอย่างเงียบลงจนน่าประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…”
ผมเคาะประตู
“นี่พวกแก! ไม่ตามออกมาหรอกเรอะ!”
ที่ผมพูดก็ไม่ใช่ว่าอยากโดนกระทืบหรอก แค่สงสัยว่าทำไมถึงตัดใจกันง่ายจัง
เด็กสาวแม่นากตะโกนตอบ
“พวกเรามีกฎว่าจะไม่ออกจากห้องจนกว่าจะหมดเวลาชมรมน่ะ!!”
“…”
“เพราะงั้นนายก็รีบเข้ามาได้แล้ว! คนอื่นก็อยากจะพักการเรียนเหมือนกัน!”
…นอกจากจะไม่เกิดความเห็นใจ ผมยังอยากยุบชมรมบ้านี่ให้เร็วขึ้นอีกสักวินาทีก็ยังดี
ผมยืนพิงหลังกับประตูชมรมวิจัยอนิเมะพลางครุ่นคิด…
“เอาไงต่อคะ? ประธาน”
“อืม… ที่จริงก็มีเหตุผลมากพอให้ไปยื่นเรื่องยุบชมรมแล้วด้วย ยังมีการพิจารณาจากอำนาจของฉันด้วยอีก คงยุบได้ไม่ยากนั่นแหละ…”
“แล้วไงต่อคะ?”
“…ฉันรู้สึกว่า ถ้าไม่คุยกับยัยบ้านั่นให้เข้าใจ มีหวังต่อให้ยุบชมรมไปแล้วก็น่าจะยังหน้าด้านเก็บห้องชมรมไว้ใช้อยู่ดี”
เหตุการณ์ประมาณนั้นก็เกิดได้ค่อนข้างบ่อย แม้จะถูกยุบชมรมด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ในกรณีที่สมาชิกชมรมไม่ยอมรับ ก็อาจจะคัดค้านด้วยการกั๊กห้องชมรมไว้ใช้อย่างเดิม
จากประสบการณ์ ก็ควรคุยให้เข้าใจนั่นแหละ อย่างน้อยก็ต้องให้เข้าใจถึงเหตุผลของการยุบชมรม
“ผีแม่นากสินะ…”
“ค่ะ แม่นาก”
“ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าชมรมสินะนั่น?”
“ออกตัวแรงแบบนั้น ก็น่าจะใช่แหละค่ะ”
“เฮ้อ ยังไงก็ต้องเข้าไปคุยอีกรอบล่ะนะ”
“เดี๋ยวจะโดนต่อยอีกนะคะ?”
“มีอีกรอบก็จะไล่ออกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย …แต่นั่นก็ไว้ใช้เป็นตัวเลือกสุดท้ายก็แล้วกัน”
ต่อให้จะชั่วขนาดไหน เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากไล่นักเรียนออกหรอก นอกจากจะดูใจร้าย เผลอๆยังอาจโดนไปพูดต่อในเชิงเสียๆหายๆจนเสียชื่อสภานักเรียนอีกต่างหาก
“…ฉันขอแก้คำพูดของประธานสักหน่อยก่อนดีกว่าค่ะ”
“หือ?”
“แม่นากไม่ใช่ผีนะคะ”
“งั้นเหรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้ลึกมากหรอกค่ะ บางทีก็คงจะแล้วแต่ความเชื่อ”
“อยู่ในยุคนี้จะเป็นผีหรืออะไรก็ช่างมัน ตีว่าเป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับก็พอ”
คนปกติยืดแขนไม่ได้ยาวขนาดนั้นหรอก …น่าเอาไปเล่นให้ทีมบาสเกตบอลหญิงเหมือนกันนะ เผลอๆคงจะคว้าอันดับหนึ่งของประเทศได้ไม่ยาก
อืม… แต่ถ้าให้ไปดวลกับ ‘เปรต’ ที่ชอบเอาไปเล่นตำแหน่งเซนเตอร์แล้วจะสู้ไหวรึเปล่าก็อีกเรื่อง
พลอยเริ่มอธิบาย
“บางทีก็ว่ากันว่าเป็นแค่สิ่งที่แต่งกันขึ้นมาเอง อย่างเช่นหนังที่ดังๆเมื่อก่อนไงคะ”
“แม่นากพระโขนงอะนะ?”
“รู้จักด้วย!?”
“ก็สนุกดี …เคยผ่านตามาบ้างน่ะ”
จะเป็นแค่ความเชื่อ จะไม่ใช่ผี หรือจะเป็นแค่หนัง
แต่ที่สำคัญก็คือ…
“…เจอตรงหน้าตัวเป็นๆแบบนี้ จะเป็นไงมาไงก็ไม่ต้องสนหรอก เหลือแค่ว่าจะรับมือกับแม่นากบ้านี่ยังไงดีต่างหาก”
“เอามะนาวไปล่อดีมั้ยคะ?”
“หยิบมาจากไหน!?”
ผมมองมะนาวสีเขียวลูกโตในมือพลอยด้วยความตกใจ
พลอยหัวเราะคิกคัก
“แค่ล้อเล่นหรอกค่ะ ความจริงจะเอาไปรวมกับหนังได้ที่ไหนกันล่ะคะ?”
สุดท้ายก็ไม่ยอมบอกว่าหยิบออกมาจากไหน ทำเป็นการ์ตูนตลกไปได้…
เสียงในห้องชมรมเงียบไปแล้ว ไม่สิ…เรียกว่ากลับไปอยู่ในสภาพก่อนที่ผมจะมาน่าจะดีกว่า ที่เข้าไปเมื่อกี้ก็เห็นทีวีที่ใช้เปิดอนิเมะด้วยนี่นะ คงกลับไปนั่งดูกันต่อแล้วมั้ง?
“แต่ถ้าเป็นแม่นากล่ะก็ …พ่อแม่ของยัยนั่นก็เป็นแม่นากกันทั้งคู่เลยเรอะ?”
“สงสัยอะไรคะเนี่ย?”
“ก็เห็นเธอตอบได้ทุกอย่างนี่ จะสงสัยอะไรก็ตอนมีเธออยู่ข้างๆนี่แหละดีที่สุด”
“แหม…ฉันอายนะคะ”
พลอยใช้สองมือกุมแก้มและบิดตัวไปมา
ผมหรี่ตามองเหมือนต้องการจะบอกว่า ‘เป็นบ้าอะไร?’
จนพลอยกระแอมเบาๆ
“อะแฮ่ม…คืองี้ค่ะประธาน แม่นากจะมีแค่เพศหญิงเท่านั้นแหละค่ะ”
“งั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ สำหรับสิ่งมีชีวิตลี้ลับบางตนก็จะเจาะจงแค่กับเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น”
…คงคล้ายๆกับซัคคิวบัสกับอินคิวบัสสินะ สองอย่างนั้นก็แยกกันอย่างชัดเจน
นึกถึงซัคคิวบัสทีไรก็รู้สึกปวดขมับไงชอบกล โยนทิ้งไปก่อนดีกว่า…
“หืม ถ้างั้นพ่อก็ไม่ใช่แม่นากสินะ?”
“ถูกต้องค่ะ …ถ้าให้ยกตัวอย่างตัวฉันที่เป็นลูกของผีนางรำที่มีในเฉพาะเพศหญิงล่ะก็ คุณพ่อก็เป็นมนุษย์ตามปกตินั่นแหละค่ะ”
พลอยกดหน้าอกอย่างภูมิใจ
“พ่อเธอไม่ใช่นายรำหรอกเรอะ?”
“มีของอย่างนั้นที่ไหนกันคะ!!”
ไม่มีหรอกเหรอ? ว้า แย่จัง
ก็คือ…ประเภทที่หนึ่งหรือลูกหลานของสิ่งมีชีวิตลี้ลับ ที่หลักๆก็คือภูตผีที่เห็นได้ทั่วไปนี่แหละ หรือให้เจาะจงกว่านั้นอีกก็คือเหล่านักเรียนในโรงเรียนนี้นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากผีกับมนุษย์นั่นเอง
ผมอยากให้มองประเภทที่หนึ่งให้เข้าใจง่ายๆ …ให้คิดซะว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ที่มีความสามารถเฉพาะของภูตผีก็แล้วกัน ส่วนจะคลอดออกมาจากผีทั้งคู่ หรือมนุษย์ที่ไปได้กับผีก็แล้วแต่กรณี
ส่วนประเภทที่สองหรือวิญญาณน่ะ คนในประเทศนี้น่าจะเข้าใจเรื่องวิญญาณกันอยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่ต้องพูดอะไรมาก
อยากให้เข้าใจเรื่องประเภทที่หนึ่งก็พอแล้ว
“สรุปคือยัยเด็กชมรมวิจัยอนิเมะนี่เป็นลูกครึ่งมนุษย์กับแม่นากสินะ?”
“คิดว่าใช่นะคะ”
“ถ้างั้น…สมมุติฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาและอยากได้ลูกสาวขึ้นมา ฉันไปหาคนรักที่เป็นแม่นากหรือนางรำก็ได้แล้วสิ?”
เพราะสองอย่างที่ผมยกตัวอย่าง ล้วนแต่เป็นภูตผีที่เจาะจงอยู่ในเพศหญิงเท่านั้น
ดังนั้นเชื้อสายที่เกิดขึ้นก็ต้องได้รับความสามารถจากผู้เป็นแม่ส่วนหนึ่ง และส่วนหนึ่งที่ว่าจะปรากฏในเพศหญิง…
เมื่อเอาเหตุผลมาประกอบ สิ่งที่ได้ออกมาก็จะเป็นลูกสาวแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
ถ้าผมคิดถูกล่ะก็นะ…
“อะ…เอ่อ…”
ผมที่เห็นพลอยอึกๆอักๆก็ขมวดคิ้วพลางถาม
“อะไรอีก?”
“ประธานอยากได้ลูกสาวหรอคะ?”
“ฉันแค่ลองยกตัวอย่างเฉยๆ…เธอจะหน้าแดงทำไมเนี่ย?”
“กะ ก็…”
พลอยจิ้มนิ้วชี้เข้าหากันอย่างเขินอาย
จากนั้น ก็พูดทั้งๆที่หลบตา
“เห็นเมื่อกี้ประธานบอกว่าจะหาภรรยาเป็นนางรำน่ะค่ะ…”
ผมเผลอหัวเราะเบาๆ
“ฮะฮะ คิดไปไกลแล้วนะเธอน่ะ ถึงต่อให้ฉันอยากได้ลูกสาวจริงๆ ก็ไม่เอาเธอมาเป็นแฟนแน่”
แววตาของเด็กสาวจากที่เขินอายก็เปลี่ยนเป็นไร้แววในทันใด
พร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบจนน่าขนลุก
“ไปลงนรกเลยค่ะ”
“ไล่ฉันกลับบ้านทำไม?”
“ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นค่ะ!!”
เอ้า เป็นคำด่าหรอกเหรอ? ขอทีเถอะ จะใช้คำนั้นกับใครก็คิดดีๆก่อนได้มั้ยเนี่ย? ผมเกิดในนรกนะ
“รีบเข้าไปคุยกับพวกเขาสักทีเถอะค่ะ ฉันอยากกลับสภาแล้ว”
“เหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่าให้ฉันเข้าไปโดนกระทืบเลยนะนั่น?”
“ได้งั้นก็ดีค่ะ!”
พลอยเปิดประตูด้วยการใส่แรงเกินกว่าที่ควร
จะโมโหอะไรมากมายเนี่ย?
สมาชิกชมรมวิจัยอนิเมะเห็นดังนั้นก็หันกลับมามองเป็นตาเดียว รวมถึงยัยแม่นากด้วย
“มาแล้วเหรอ!? เตรียมตัวรับแรงกระแทกได้เลยค่า!!”
เด็กสาวแม่นากพาผองเพื่อนในชมรมลุกฮือขึ้นมา
ผมก็ยืนคุยกับพลอยหน้าห้องชมรมตั้งนาน เจ้าพวกนี้ก็ไม่มีความคิดจะออกมา …ไอ้กฎบ้าบอที่ว่าจะไม่ออกจากห้องจนกว่าชมรมจะเลิกนี่มันศักดิ์สิทธิ์งั้นเลยเหรอ?
ชมรมอื่นไม่น่ามีอะไรแบบนี้ เป็นเฉพาะพวกบ้าตรงหน้าผมเท่านั้นแหละ
ทั้งหมัดทั้งเท้าพุ่งมาทางผม …แล้วนั่นดาบเรอะ? สมแล้วที่ในชื่อชมรมมีคำว่าคอสเพลย์อยู่ด้วย…
““ตายซะ!!””
สมาชิกพากันตะโกนเป็นเสียงเดียว
นอกจากยัยแม่นาก ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสมาชิกคนอื่นเป็นภูตผีตัวไหน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่ควรสนใจ
ที่ตะหงิดใจก็คือ พวกบ้าๆบอๆจะจับกลุ่มกันอยู่เป็นก้อนเหมือนแมลงวันตอมขี้สินะ?
อะไรจะอยากโดนพักการเรียนขนาดนั้น เดี๋ยวปั๊ดไล่ออกแ*งให้หมดเลยนี่…
“เฮ้อ…”
ผมถอนหายใจเบาๆให้การโจมตีที่พุ่งเข้ามา
ส่วนพลอยก็ยืนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คงอยากเห็นผมโดนกระทืบเสียเต็มแก่
แต่ว่า ที่ผมยอมให้พลอยเปิดประตูโดยไม่คัดค้าน ก็เพราะมีวิธีรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ไว้แล้ว
ยิ่งรู้ล่วงหน้าว่ายังไงก็ต้องโดนเข้าตีแน่ๆ ก็ยิ่งรับมือง่ายเข้าไปใหญ่
“…พวกผีไทยเอ๊ย…”
ผมพึมพำคล้ายสบถก่อนชูมือออกมาด้านหน้า
“ด้วยนามแห่งข้า…เปลวเพลิงแห่งนรกจงปรากฏเพื่ออารักขาโดยพลัน…”
“เฮ้ย!? ไอ้ประธานนักเรียนมันก็เบียวเหมือนกันนี่หว่า!”
แม่นากตอบรับเสียงของสมาชิกคนหนึ่งในชมรมไปว่า…
“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ!! แค่กระทืบมันให้ได้! แล้วพวกเราก็จะได้หยุดอยู่บ้านไม่ต้องมาเรียนกันแล้วค่า!!”
นึกว่าจะโดนชวนเข้าชมรมซะอีก ที่ไหนได้ ก็ยังอยากกระทืบอยู่ดีนี่หว่า
…และก็ขอประทานโทษ ผมไม่ได้พูดขึ้นมาเพราะเป็นโรคป่วยมอสองเหมือนพวกแกสักหน่อย
ก่อนที่ทั้งหมัดทั้งส้นตีนจะประเคนเข้าใส่
ผมก็กำมือพร้อมพลิกและดึงขึ้นเหนือพื้น
“กำแพงไฟนรก…เฮลไฟเยอร์”
สิ้นเสียง พื้นห้องชมรมก็ปริแตก
เปลวไฟพวยพุ่งจากรอยแตกนั้น และก่อตัวด้านหน้าผมดั่งกำแพง
พลังงานความร้อนจากเปลวเพลิงส่งผลให้สมาชิกในชมรมหยุดการเคลื่อนไหวและถอยหลังด้วยความกลัว
“หะ หัวหน้า…”
หนึ่งในสมาชิกเอ่ยอย่างลุกลี้ลุกลน …ดูเหมือนยัยแม่นากนี่จะเป็นหัวหน้าชมรมจริงๆแฮะ
แม่นากมองกำแพงเพลิงที่ป้องกันตัวผมไม่ให้สิ่งใดย่างกายด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“บ้าจริง…นายเป็นตัวอะไรกันเนี่ย!?”
“ประธานนี่น้า…”
พลอยที่อยู่ด้านหลังกำแพงเพลิงเช่นเดียวกับผมก็ทำหน้าเหนื่อยหน่าย
ผมชี้นิ้วใส่หน้าแม่นากก่อนเอ่ย
“ประธานนักเรียน คริสโตเฟอร์ วิลเลี่ยม! ลูกชายของซาตาน! จำใส่สมองน้อยๆของพวกแกเอาไว้ซะเถอะ!”
พร้อมหัวเราะต่ออย่างบ้าคลั่ง
อืม ท่าทีตอนนี้ผมคงเหมือนซาตานที่สุดแล้วล่ะ…
…ต่อไปก็อยู่ในช่วงสรุปเรื่องราว
หลังจากผมปล่อยเฮลไฟเยอร์เพื่อป้องกันพวกชมรมอนิเมะ ไม่รู้ดวงซวยหรือว่าอะไรกันแน่ …ไฟนรกส้นเท้านั่นกลับลามไปยังชั้นวางหนังสือการ์ตูนของชมรม
ต้องเรียกยามมาช่วยดับไฟกันให้วุ่นวายเลยล่ะ ถึงจะดับไฟได้ทันท่วงที แต่หนังสือการ์ตูนก็มอดไหม้ไปหลายเล่ม…
“รับผิดชอบมาด้วย!”
“ก็ถ้าพวกหล่อนไม่กะเข้ามากระทืบฉันแต่แรกก็ไม่เป็นงี้หรอก!”
“ปัดสวะให้พ้นตัวหรือไงค้าาาา~ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่านายผิดเต็มๆ!”
“หา!? ว่าไงนะ!!!”
จากนั้น ผมก็เถียงกับยัยแม่นากในชุดคอสเพลย์คนที่อยากเป็นราชาโจรสลัดอยู่สักพักใหญ่ๆ
เถียงไปเถียงมาก็เริ่มรู้ตัวว่าตัวผมเองก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง จึงยื่นข้อเสนอไปว่าจะปล่อยชมรมไว้จนกว่าจะจบเทอมนี้เป็นกรณีพิเศษ
ผมกะมายุบชมรมทิ้งอยู่แล้ว ดังนั้นก็ถือว่าเจ๊าๆกันไปแล้วกัน
ฝั่งนั้นได้คงชมรมไว้ ส่วนผมก็ใช้สิ่งนั้นแทนคำขอโทษ
“เอาเถอะ ยังไงมังงะพวกนั้นก็ใช้งบประมาณที่สภานักเรียนให้ซื้อมาอยู่แล้วด้วย”
ยัยแม่นากที่ยังไม่รู้ชื่อเอ่ยมาเช่นนั้น
…จนเมื่อเสร็จเรื่อง ผมก็กลับมาที่ห้องสภาพร้อมกับพลอยด้วยสภาพเหนื่อยล้ากันทั้งคู่
“กลับมาแล้วเหรอ? น้องคริส น้องพลอย”
“ครับ…”
“ค่ะ…”
พี่น้ำนั่งรออยู่ที่เดิมตั้งแต่ผมออกไปอย่างกับรากฝังอยู่ในเก้าอี้
ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะประธานพร้อมพิงหลังอย่างสุดตัว
“ไม่คิดจะถามอะไรหน่อยเหรอครับ? พี่น้ำ?”
“แหม เห็นในไลน์กลุ่มโรงเรียนแล้วล่ะ …ประธานนักเรียนคลั่ง ลงมือเผาชมรมวิจัยอนิเมะจนมอดไหม้”
“เป็นหัวข้อข่าวที่ได้ยินแล้วอยากจะไปฆ่าคนคิดขึ้นมาจริงๆครับ…”
อีกอย่าง ที่ไหม้ก็มีแค่การ์ตูนกับชั้นวางนิดหน่อยเอง
ใส่สีตีไข่ซะผมดูชั่วไปเลยนะนั่น…
“เออใช่พี่น้ำ เรื่องงบประมาณชมรม…”
ตอนช่วงที่เถียงกับแม่นาก ผมก็แอบๆถามไปว่าทำไมงบประมาณชมรมนี้ถึงได้เยอะกว่าชาวบ้านชาวช่อง
ซึ่งก็ได้คำตอบมาว่ามีคนในสภานักเรียนช่วย
และก็อย่างที่ผมว่าไว้ตอนต้น
คนที่จัดการงบประมาณก็คือผีไร้หัวคนนี้นี่เอง…
“หือ? พี่น้ำ?”
ผมหันซ้ายหันขวาและพบว่าพี่น้ำไม่ได้นั่งอยู่โต๊ะรับแขก
เธอกำลังย่องออกจากห้องสภา
เอาล่ะ แน่ใจละ ตัวการคือพี่น้ำเองสินะ
“จะหนีไปไหน!? พลอย! จับตัวไว้ที!”
“รับทราบค่ะ!”
พลอยตอบรับพร้อมรีบวิ่งไปล็อคตัวพี่น้ำ
“แง! พี่ขอโทษ! ค่าขนมพี่น้อยอะ! ถ้าเอางบไปให้ชมรมวิจัยก็จะได้มังงะมาอ่านฟรีๆนี่!”
“เหตุผลมันจะบัดซบเกินไปแล้วครับพี่!”
“น้องพลอยก็ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ!”
“หนูล็อคตัวพี่อยู่แบบนี้ยังคิดว่าหนูจะเข้าข้างพี่อีกหรือไงคะ?”
ต่อให้พลอยจะชอบขัดคอผมแค่ไหน แต่กับพี่น้ำที่เอางบประมาณไปแจกจ่ายอย่างไม่ชอบธรรมก็ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
รอบนี้พลอยเลยอยู่ฝั่งผมล่ะนะ
อย่างน้อยพลอยก็มีตำแหน่งเป็นถึงรองประธาน สำนึกในหน้าที่ก็ต้องมีกันบ้างแหละ…
“ฮะ ฮือ…น้องสไปรท์…”
พี่น้ำร้องห่มร้องไห้พลางเรียกหาสไปรท์
ถือว่าโชคดีที่ยัยเสือสมิงนั่นไม่อยู่ ไม่งั้นได้มีการทะเลาะกันยกใหญ่แน่
…เด็กนั่นไม่ค่อยยอมใครนี่นะ แถมเข้าข้างพี่น้ำซะเกินพอดีอีกต่างหาก
และแล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้ยุบชมรมใดเลยสักชมรม ดีหน่อยที่รู้ตัวการที่ทำให้งบประมาณผิดปกติได้แล้ว ดังนั้นผมจึงมอบหมายหน้าที่นี้ให้ดิวเป็นคนทำแทนในอนาคต
ส่วนพี่น้ำ…ยังนึกวิธีลงโทษไม่ออกแฮะ ไว้ว่ากันทีหลังแล้วกัน
แต่ตอนนี้พี่ติดโทษอยู่หนึ่งอย่างแล้วนะครับ รู้ตัวไว้ด้วยล่ะ
เคสที่ 4 ชมรมวิจัยอนิเมะ (แม่นาก) /จบ